คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่เจ็ด
บทที่ 7
คิมฮิมชานกำลังยืนจ้องมองรองเท้าแตะหูคีบเก่าๆที่บังยงกุกโยนมาให้หลังจากกระชากถุงเท้าในมือเขาแล้วเหวี่ยงไปพาดบนที่วางแขนของโซฟา สีส้มที่คาดว่าน่าจะเป็นสีเก่าของมันซีดจางแถมสกปรก บนพื้นยางปรากฏรูปหน้าของตัวการ์ตูนที่จำได้ว่าเคยเห็นนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงอีกฝ่ายหรา
ฟันขาวขบลงเบาๆที่ริมฝีปากล่าง สายตาสลับมองใบหน้าของอีกคนกับรองเท้าบนพื้นพลางเลิกคิ้วสงสัย “อะไรเหรอ?”
“ใส่ซะ”
“หือ?”
“ก็มึงบอกว่าใส่ถุงเท้าไม่ได้เพราะผ้าพันแผล งั้นก็ใส่รองเท้าแตะนี่แทนเอา” ปลายเท้าเปล่าของเจ้าของบ้านเขี่ยรองเท้าที่ว่าเบาๆก่อนจะเหลือบมองไปยังผ้าพันแผลบนเท้าอีกฝ่ายแล้วเร่งเร้า “เร็วๆ”
“ถ้างั้นไม่เป็นไรหรอก รองเท้าแตะเราก็มี”
“อย่าลีลา”
“คือเราก็มี..”
“คู่นี้คือคู่โปรดของกู เพราะงั้น..” เสียงทุ้มว่าเรียบๆ กดสายตาจ้องเข้ากับใบหน้ามึนงงของอีกฝ่ายนิ่งก่อนเอ่ยปาก “..ใส่ซะ”
..สุดท้ายแล้วก็ลงเอยที่ฮิมชานต้องยอมอายใส่รองเท้าแตะสีส้มลายการ์ตูนเก่าๆไปมหาวิทยาลัย..
หลังจากยืนจ้องหน้ากดดันจนอีกคนยอมทำตามแล้วยงกุกก็คว้าข้อมือขาวก่อนจะลากออกมาด้านนอก ชายหนุ่มจัดการปิดล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อย เดินตรงไปยังโรงจอดรถที่รกจนเผลอเตะกระป๋องสเปรย์จนมันกลิ้งหลุนๆไปอีกทางแล้วลากเอารถมอเตอร์ไซค์เก่าๆออกมาเตรียม
คนตัวขาวที่ยืนเอามือยันกับประตูบ้านมองตาม เห็นฝ่ายนั้นก้าวขาขึ้นคร่อมเบาะรถ บิดกุญแจสตาร์ทจนเครื่องยนต์ติดก่อนจะหันหลังกลับมามองหน้าเขา
“ขึ้นดิ” เสียงทุ้มว่า พยักเพยิดหน้าขณะใช้มือขวาบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์จนควันตลบอบอวล
“แค่กๆๆๆจะเบิ้ลทำไมเนี่ย!” ฮิมชานวาดมือขึ้นกลางอากาศปัดควันจากท่อไอเสียให้พ้นหน้าพ้นตาขณะไอจนตัวโยน ตากลมตวัดมองอีกคนอย่างคาดโทษ แต่กลับพบเพียงชายหนุ่มที่เอาแต่ลูบๆคลำๆรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าอย่างรักใคร่แทน
“เอ้านี่ ใส่ด้วย” เขาโยนหมวกกันน็อคสีเขียวซีดๆมาให้ มือเรียวรีบตะครุบรับก่อนที่มันจะตกลงพื้นแล้วจัดแจงครอบมันลงกับศีรษะตัวเอง ออกแรงเดินกระเผลกคลำทางเข้าไปหาจนกระทั่งสามารถวาดขาขึ้นคร่อมซ้อนหลังได้สำเร็จ บังยงกุกเอี้ยวหลังกลับมามอง เมื่อเห็นว่าหลังจากที่อีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อยแล้วยังทำเฉยจึงแกล้งกระแอมเบาๆหนึ่งที “มือน่ะ...”
“หือ?”
“มือ เกาะเอวกูด้วย..” เขาสั่งเสียงเรียบพลางตีสีหน้าให้เป็นปกติ “..กูซิ่งนะจะบอกให้ เอ๋อๆอย่างมึงเดี๋ยวได้ร่วงลงไปวัดพื้นทำทางเขายุบหมดพอดี”
“นาย!..” ฮิมชานขึ้นเสียง อ้าปากพะงาบๆอย่างคนนึกคำพูดไม่ออก ไม่ทันเตรียมตัวรับประโยคหลอกด่าว่าอ้วนอย่างเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย เขาพยายามสงบสติอารมณ์ ตวัดสายตาคาดโทษคนที่แอบหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหน้าไปทีแล้วโถมร่างเข้าใส่แรงๆอย่างจงใจ
“อั่ก!”
“พอใจยัง! เราไม่ค่อยได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์บ่อยๆเลยไม่ชินน่ะ อาจจะกอดนายแรง..” ว่าพลางกระชับอ้อมแขนรอบร่างแข็งนั่นแรงๆหนึ่งทีแล้วลอบยิ้มสะใจ “..ไปนิด คงไม่เป็นไรเนอะ!!”
“ไอ้ห่.า! แรงคนหรือแรงช้างวะ” เขาบ่นอุบอิบ
“ว่าไงนะ?”
“เปล๊า เกาะแน่นๆก็แล้วกัน ร่วงแล้วไม่ตามเก็บนะบอกก่อน”
“ได้ แน่นเท่านี้..” กระชับอ้อมแขนที่รัดแน่นอยู่แล้วให้แน่นขึ้นอีกแถมด้วยแอบใช้หัวที่ใส่หมวกกันน็อคแข็งๆโขกแผ่นหลังกว้างนั้นแก้แค้นไปสองสามที “..พอมั้ย?”
“อั่ก!..” บังยงกุกถึงกับหายใจกระตุก ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วใช้มือใหญ่ของตนรวบข้อมือขาวพร้อมกระชากให้เข้ามาชิดกันกว่าเดิม “..แน่นกว่านี้ก็ไม่เป็นไร”
คิมฮิมชานถึงกับหน้าเหวอเมื่อทั้งตัวถลาเข้าไปแนบชิดกับอีกฝ่ายแทบทุกส่วน แก้มขาวร้อนวาบ ค่อยๆแกะมือตัวเองหวังจะกลับมานั่งที่เดิมดีๆ แต่มือใหญ่นั่นกลับกระชับแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ห้ามปล่อย”
“อะ ห๊ะ?”
“ก็..” ชายหนุ่มลากเสียงยาวพลางเหลือบมองไปรอบๆเพื่อหาเหตุผลให้กับคำพูดแปลกๆนั่น “..รถกูศูนย์ถ่วงมันไม่ค่อยดี เวลาซ้อนกันต้องแนบๆแบบนี้แหละไม่งั้นเวลาเลี้ยวแล้วตูดมันจะปัด แถมดอกยางก็เสื่อมยังไม่ได้เปลี่ยนด้วย เกิดลื่นขึ้นมาเบรกนี่เอาไม่อยู่หรอก รู้สึกคราวก่อนที่ขี่เบรกมันตื้อจับไม่ค่อยหยุดยังไม่ได้เปลี่ยนเลย”
“...”
“เงียบทำไม?”
“รถนี่ยังอยู่ในสภาพใช้การได้แน่เหรอ? เราจะพ้นปากซอยหน้านี่มั้ย?”
“พูดมากน่ะ แค่มึงเกาะกูไว้แบบนี้ทุกอย่างก็โอเคแล้ว” บังยงกุกว่าเสียงเรียบผิดกับคนข้างหลังที่ดูจะสติหลุดลอยไปกับสายลมแล้วเรียบร้อย ฮิมชานที่นั่งหน้าแดงหูแดงเบือนหน้าหนีแผ่นหลังกว้างนั่นจนดูเหมือนกับซบอยู่กลายๆ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆคลายแรงจับจนปล่อยออกในที่สุด
“อย่าปล่อยมือล่ะ” เสียงเข้มกำชับพร้อมกับวาดรอยยิ้มขึ้นเต็มสองแก้ม รอยยิ้มที่คิมฮิมชานไม่มีทางได้เห็น ก่อนจะต้องส่ายหัวเล็กน้อยกับอาการไม่ปกติของตัวเองแล้วพยายามหุบยิ้ม แต่สัมผัสอุ่นๆกับกลิ่นหอมอ่อนๆของคนด้านหลังก็ทำเอาความพยายามนั้นไร้ผลโดยสิ้นเชิง
เพิ่งรู้..ว่าไอ้อาการมีความสุขจนหยุดยิ้มไม่ได้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
.
.
.
กว่าจะฝ่าฟันการจราจรและสภาพติดๆดับๆของรถมอเตอร์ไซค์คันเก่ามาได้ก็เล่นเอามาถึงมหาวิทยาลัยสายโด่ง คิมฮิมชานโบกมือไปมาเพื่อให้คนขับชะลอความเร็ว แต่อีกฝ่ายกลับทำหูทวนลมจนเขาต้องชะโงกหน้าไปตะโกนบอกใกล้ๆกัน
“นี่ จอดได้แล้ว!” ลมที่ตีเข้าหน้ากลบคำพูดจนชายหนุ่มต้องเขยิบเข้าไปใกล้กว่าเดิมจนคางเกยไหล่กว้าง “ถึงคณะเราแล้ว จอดสิ!”
“ห๊ะ?”
“ถึงแล้ว จอดเร็ว”
“เออๆ” เสียงทุ้มรับคำแต่กลับไม่ทำตามปากว่า มือใหญ่บิดคันเร่งให้เร็วขึ้น ขับฉวัดเฉวียนไปมาแล้วหัวเราะเสียงดัง คิมฮิมชานฟาดมือลงกับหลังกว้างด้วยความโมโห ไหนจะอายสายตาคนรอบข้างที่มองมาด้วยความสงสัยนั่นอีก นี่บังยงกุกไม่รู้สึกตัวเลยใช่มั้ยว่าตอนนี้ตัวเองเป็นจุดเด่นขนาดไหน
ไม่นานรถก็หยุดลงที่หน้าอาคารเรียนหลังหนึ่ง คนตัวขาวหันไปมองรอบๆก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับแผ่นสลักหินอันใหญ่ที่ตั้งอยู่เด่นหรา เขาถอนหายใจ สะกิดไหล่คนด้านหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับขาตั้งรถแล้วชี้นิ้วให้มองตาม
“นั่น..” ริมฝีปากสีสดเม้มนิดๆอย่างข่มอารมณ์ “..ป้ายคณะสถาปัตย์...พาเรามาที่นี่ทำไม!!!”
“อ้าว ก็เคยมาส่งไอ้นัมที่นี่อ่ะ” น้ำเสียงใสซื่อนั่นเกือบทำเอาฮิมชานไปไม่เป็น เขาชะโงกหน้าเข้าไปสบตาอีกคนใกล้ๆให้แน่ใจว่าที่พูดนั่นไม่ได้จะกวนตีนกัน
“แล้วหมายความว่าต้องส่งเราที่นี่ด้วยหรือไง?”
“ก็แล้วไม่ได้เรียนคณะนี้หรือไง?”
“ถ้าใช่แล้วเราจะโวยวายแบบนี้เหรอ!”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าขี้โวยวาย” เสียงทุ้มที่ตอบกลับมากลั้วหัวเราะ ทำเอาฮิมชานที่รู้สึกเหมือนกำลังโดนปั่นหัวอารมณ์ขึ้น เขาค่อยๆถดตัวลงจากรถมอเตอร์ไซค์อย่างทุลักทุเลมายืนข้างๆคนที่มองตามด้วยความสงสัย ขบริมฝีปากจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างพยายามข่มอารมณ์แล้วถอนหายใจยาวเหยียด
“กลับไปได้แล้วไป..” เมื่อเห็นว่าเถียงไปก็รังแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจปล่อยผ่านแล้วทำท่าจะเดินหนี แต่ก็ติดที่ข้อมือถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้เสียแนบแน่น “..อะไร?..อ้อ ขอบคุณที่มาส่ง”
“ไม่ใช่..” บังยงกุกกระตุกแขนอีกคนให้เข้ามาใกล้ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดสายหมวกกันน็อคที่สวมอยู่บนหัวอีกฝ่ายแล้วเอามากอดไว้ “..เห็นสีสวยไม่ได้จะจิ๊กตลอด นี่ให้ยืมเว้ยไม่ได้ให้เลย”
“นาย!..” คิมฮิมชานอ้าปากพะงาบ มองคนที่ดูเหมือนจะเลิกสนใจเขาแล้วและกำลังเตรียมตัวสตาร์ทรถอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ทำไมบังยงกุกถึงได้เป็นผู้ชายที่กวนประสาทได้ขนาดนี้กัน
“อ้อ เลิกแล้วก็โทรมานะเดี๋ยวมารับ..” หันมาพูดด้วยขณะมือกำลังบิดคันเร่งเสียงดังอยู่กับที่ “..เบอร์ที่ให้ไว้ตอนแรกนั่นแหละ”
“อะไร ไม่ต้องหรอก เกรงใจ!!”
“ไม่โทรมากูจะเผาชั้นในมึงทิ้งให้หมด ไปล่ะ” เขายกมือบอกลาสั้นๆหนึ่งทีก่อนจะบังคับรถมอเตอร์ไซค์ให้ขับออกไป
ลับหลังบังยงกุกแล้ว ฮิมชานก็ถึงกับทิ้งตัวลงนั่งกับม้านั่งแถวนั้นอย่างเหนื่อยใจ เกิดมาไม่เคยเจอใครกวนประสาทได้เท่ากับบังยงกุกอีกแล้ว มาทิ้งเขาไว้ที่คณะสถาปัตย์ทั้งๆที่ขาเจ็บแบบนี้มันฆ่ากันทางอ้อมชัดๆ หมอนั่นคงไม่รู้เลยสินะว่าคณะที่เขาเรียนมันไกลจากตรงนี้แค่ไหน จะรับผิดชอบขอพาไปส่งหน่อยก็ไม่ได้ ขับออกไปเร็วขนาดนั้นไม่เกินไปหน่อยหรือไง
ตากลมก้มลงมองปลายเท้าตัวเองภายใต้รองเท้าแตะสีส้มซีดๆอย่างโมโห อยากจะถอดแล้วขว้างออกไปไกลๆก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่กับตัวเองอีกนานสองนาน
“เมื่อกี้มันพี่ยงนัมไม่ใช่เหรอวะ ทำไมวันนี้ดูมอมๆ..” ผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนจะนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ สายตาสองคู่นั่นเหลือบมองมาทางเขาเป็นระยะๆ พอหันกลับไปมองก็หลบตาทำทีเหมือนไม่ได้พูดอะไร “..มาส่งใครวะ แฟนเหรอ?”
*ป้าบ*
“มึงดูนั่น นั่นมันผู้ชายเว้ย ว่าแต่ใครวะ ไม่เคยเห็นหน้า ใช่เด็กคณะเราเหรอ?” ใครสักคนในสองคนนั้นฟาดมือลงกับศีรษะของเพื่อนตัวเองก่อนจะกระซิบกระซาบกลับไป ฮิมชานขยับตัวอย่างอึดอัด เหลือบมองด้วยหางตาก็เห็นว่าเป็นเขาแน่ๆที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนา คนตัวขาวขยับยืนอย่างทุลักทุเล สองมือหอบสัมภาระตัวเองแล้วรีบเดินหนี เป็นเพราะบังยงกุกแท้ๆเลยเขาถึงต้องถูกนินทาแบบนี้
ได้แต่คิดแล้วก็เคียดแค้นอยู่ในใจ
“เฮ้ย มึงดูรองเท้าน้องเขาดิ แฟชั่นเหรอวะ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
ฮิมชานก้มลงมองตาม สบตาเข้ากับตัวการ์ตูนตัวโปรดของเจ้าของรองเท้าที่ยิ้มร่าส่งมาให้แล้วก็ได้แต่พยายามสงบอารมณ์
บัง ยง กุก!!!
บังยงนัมวิ่งวุ่นจัดการโปรเจ็คเรียนจบมาหลายอาทิตย์แล้ว ตอนนี้เขากับเพื่อนๆในคณะกำลังตกอยู่ในสภาพอิดโรย ยิ่งถ้าใครมีปัญหาหนักอกภายนอกรุมเร้าแบบเขาด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ชายหนุ่มนั่งสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองเล่นเงียบๆขณะที่อาจารย์ประจำวิชายืนบรรยายบทเรียนอยู่หน้าห้อง เขาเรียนวิชานี้ผ่านไปนานแล้ว ที่มานั่งหน้าเซ่ออยู่นี่ก็เพียงเพื่อรอเพื่อนสนิทที่กำลังคร่ำเคร่งเรียนหนังสือเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างๆ
นิ้วเรียวชะงักค้างเมื่อเผลอใจลอยกดเข้าอัลบั้มรูปในโทรศัพท์ ภาพใบหน้ายับๆจากรอยยิ้มของจองแดฮยอนเด่นหรา เขาเซฟรูปนี้มาจากเฟสบุ๊คของเจ้าตัวเมื่อคืน ให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม บางที..อาจจะเป็นเพราะเขาอยากได้มันคืน หลังจากที่ทำหายไปเองกับมือเมื่อวานเพราะเรื่องคราวก่อน…
.
.
.
เสียงเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์ที่ดังอยู่ข้างล่างทำให้รู้ว่าน้องชายฝาแฝดของเขากลับมาแล้ว บังยงนัมชะโงกหน้าไปมองผ่านหน้าต่างห้อง เห็นว่ามีรุ่นน้องของยงกุกเดินตามเข้าบ้านมาด้วยสองคน คนหนึ่งคือชเวจุนฮง ซึ่งเขาเองรู้จักกับเด็กนี่ดีเพราะเข้านอกออกในที่บ้านมาตั้งแต่มันเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง ส่วนอีกคนคือจองแดฮยอน เพื่อนสนิทของจุนฮงที่รู้มาว่าเพิ่งเข้ามาเรียนเมื่อกลางเทอมที่แล้ว เขาเคยเห็นจองแดฮยอนมาบ้านอยู่ไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งที่มาก็มีบ้างที่ทักทายกันตามประสา ดูเหมือนว่าเด็กนั่นจะชอบอกชอบใจกับยงกุกเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวอะไรแต่เขาเห็นว่ามันตลกดี
เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วผสมกับเสียงทะเลาะกันของเด็กสองคนนั้นดังมาเป็นระยะ ยงนัมละความสนใจกลับมามองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ทำงานค้างไว้แล้วตั้งท่าจะพิมพ์ต่อ แต่โปรแกรมสนทนาจากโซเชียลมีเดียชื่อดังก็เด้งขึ้นที่มุมจอเสียก่อน เขาเหลือบไปมอง ชั่งใจว่าจะเปิดดูดีมั้ยเมื่อเห็นว่าคนส่งเป็นเพื่อนสนิทในคณะ จนกระทั่งมันดังขึ้นซ้ำๆอีกสองครั้งจึงตัดสินใจกดอ่าน
‘มีของดีมาเสนอ’
‘KDWoN sent a video’
‘เปิดดูเร็วๆๆๆ’
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ยังไม่ได้กดเข้าไปในลิ้งค์ที่เพื่อนส่งมาให้แต่เลือกจะพิมพ์ตอบกลับไปแทน
‘อะไรวะ?’
‘งานการไม่ทำนะมึง เดี๋ยวก็ต้องอยู่เป็นทวดของทวดให้อายเด็กมันหรอก’
‘ไวรัสป่ะเนี่ย’
‘เปิดดูเหอะน่า แบบเสียตังค์เลยนะเว้ย อย่างเด็ด’
‘นี่เห็นว่าทำโปรเจ็คเครียดนะเนี่ยเลยเอามาแบ่ง ผ่อนคลายไปกับวัยหนุ่มบ้างนะครับเพื่อนบัง’
‘รึตายด้าน :P’
‘olo’
‘ไม่เด็ดขึ้นมาพน.มึงได้ทักทายรองเท้ากูนะครับ’
‘รับรองจอด’
บังยงนัมได้แต่ส่ายหัวให้กับบทสนทนาของเพื่อนตัวเอง มือใหญ่ขยับเม้าส์กดเซฟงานที่ทำค้างไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะกลับมานั่งจ้องหน้าต่างสนทนาที่เปิดทิ้งไว้อีกครั้ง เขาชั่งใจ รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนส่งอะไรมาให้แต่กลับมีความรู้สึกว่ายังไม่ควรเปิดมันดูตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ชายหนุ่มนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกชั่วครู่ก่อนจะยักไหล่ เลื่อนเคอร์เซอร์ของเม้าส์เข้าไปใกล้ไฟล์นั่นก่อนจะกดลงไปเบาๆหนึ่งที
ภาพหญิงสาวเอเชียหน้าตาสะสวยพร้อมกับชุดวาบหวิวปรากฏขึ้นกลางจอ บนศีรษะมีที่คาดผมรูปหูแมวประดับเพิ่มความน่ารัก เธอเคลื่อนย้ายตัวอย่างนวยนาดอยู่หน้าฉากที่เป็นเตียงนอนหลังใหญ่สีขาว ก่อนจะค่อยๆคลานอย่างเชื่องช้าขึ้นเตียงโดยหันด้านหลังเข้าหากล้องเต็มๆ
ยงนัมกัดริมฝีปาก ยอมรับเลยว่าสไตล์น่ารักๆแบบนี้ถูกใจเขาเป็นที่สุด ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักลงพิงกับพนักเก้าอี้ทั้งตัวก่อนจะกอดอกแล้วตั้งใจดู
บนกรอบวิดีโอปรากฏร่างของผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามา หมอนั่นไม่ได้ใส่เสื้อ มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วปกปิดช่วงล่างเอาไว้ เป็นอีกครั้งที่บังยงนัมขยับตัวอย่างอึดอัด ยิ่งตอนที่ทั้งเนื้อทั้งตัวของหญิงสาวเหลือเพียงชุดชั้นในชิ้นบางเขาก็ยิ่งนั่งไม่ติดเก้าอี้ หยาดเหงื่อผุดซึมตามไรผมพร้อมๆกับมือไม้ที่ไร้ที่วาง
วิดีโอกำลังดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์ ปราการด้านบนที่ปิดบังทรวงอกของฝ่ายหญิงเลื่อนหลุดไปแล้ว และการตะลุมบอนของตัวแสดงบนจอก็ทำให้เขาต้องลอบกัดริมฝีปาก กลืนน้ำลาย และบังคับลมหายใจของตัวเองให้คงที่ ฝ่ามือใหญ่ของนักแสดงชายลูบไล้ไปมาบนต้นขาเรียบลื่น ก่อนจะจบปลายนิ้วลงที่บริเวณขอบของกางเกงชั้นใน...
แกร้ก!
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นเบาๆพร้อมๆกับการปรากฏกายของจองแดฮยอน เด็กนั่นยิ้มร่าตอนที่เขาหันกลับไปเห็น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ กระเป๋าเป้ที่เจ้าตัวถือมาร่วงลงกับพื้น ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าพะงาบๆเหมือนช็อคทำอะไรไม่ถูก และก่อนที่สติของคนเป็นน้องจะกลับมา บังยงนัมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปปิดปากที่ตั้งท่าจะโวยวายนั่นด้วยความรวดเร็ว
“อย่าเพิ่งเสียงดัง!”
“อู้อี้อู้อี้”
“กูจะปล่อย..” เขาขยับตัวเข้าแนบชิดขณะที่พยายามรวบร่างที่ดิ้นเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกนั่นให้อยู่นิ่งๆ “..แต่อย่าโวยวาย เข้าใจมั้ย?”
“...” ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นลงเหมือนรับคำพร้อมๆกับฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆคลายแรงกดบริเวณริมฝีปาก แดฮยอนถอยหลังหนีเมื่อเป็นอิสระ ลอบมองใบหน้าชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ
“ผม..” เสียงที่เอ่ยสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งวิดีโอตัวปัญหายังไม่ถูกปิดด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาสั่นเข้าไปใหญ่ “..เข้าห้องผิด ขอตัวครับ”
“เดี๋ยว..” เสียงทุ้มเอ่ยชะงักปลายเท้าที่กำลังจะก้าวพ้นขอบประตูอยู่รอมร่อให้หยุดนิ่ง ไหล่มนถูกจับให้ก้าวถอยหลังและหันกลับมาเผชิญหน้ากัน แววตาตระหนกที่ยงนัมได้สบทำเอาชายหนุ่มนึกอยากจะแกล้งตงิดๆ ไหนจะไอ้หน้าตาที่มองยังไงก็เหมือนลูกแมวตื่นกลัวนี่ด้วยแล้ว พาลให้เขาเผลอพูดอะไรที่ดูจะเป็นการลวนลามอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวออกไป “..ตกใจเหรอ ไม่เคยหรือไง?”
“!!!” อาการกระตุกเกิดขึ้นทันทีที่เขาโน้มหน้าลงไปใกล้ๆ ปฏิกิริยาตอบสนองที่ชัดเจนแบบนี้ทำให้บังยงนัมยกยิ้ม เขากำลังรู้สึกสนุก บวกกับอารมณ์ที่ค้างจากสิ่งที่ได้ดูเมื่อครู่ด้วยแล้ว การกระทำและคำพูดของเขาจึงดูจะล้ำเส้นกว่าปกติเกินไปสักหน่อย
“กูสอนให้เอามั้ย?”
ผลั่ก!
“ไอ้โรคจิต!!” แรงส่งจากฝ่ามือเล็กดันอกเขาแรงๆจนต้องถอยห่างพร้อมกับคำพูดสั้นห้วนที่ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงจะโมโหไม่น้อย ใบหน้าตื่นตระหนกของจองแดฮยอนแดงก่ำ พยายามยื้อข้อมือตัวเองที่ถูกเขาจับเอาไว้ออกอย่างร้อนรน ไหนจะตากลมที่มองหาทางรอดเลิ่กลั่กและริมฝีปากที่เตรียมร้องขอความช่วยเหลือนั่นอีก ทั้งหมดทั้งมวลนั่นถูกใจบังยงนัมอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อย่าคิดจะตะโกนเชียว” เขาดันร่างเล็กๆนั่นเข้าหาผนัง ยกนิ้วขึ้นชี้ขู่ให้ดูน่าเกรงขามทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะแทบตายกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนั่น จองแดฮยอนมองเขาอย่างชั่งใจ เดี๋ยวสบตาเดี๋ยวหลุบต่ำจนกระทั่งเห็นช่องว่างช่วงที่เขาเผลอกระชากมือออกแรงๆแล้วร้องตะโกนเสียงดัง
“ไอ้วิปริต! ไอ้บ้า! ไอ้... อ๊ะ!”
“กูเตือนแล้วนะ”
แรงผลักไม่น้อยที่ดันร่างเด็กหนุ่มเข้าชิดผนังทำให้เกิดเสียงดังตึง ร่างกายสูงใหญ่ของคนโตกว่าบดบังแสงและการมองเห็นเสียแทบมิด จองแดฮยอนเผลอหลับตาปี๋ ก่อนที่ความรู้สึกหนุ่มหยุ่นที่กระแทกลงมาตรงริมฝีปากจะเรียกสติเขาให้ตื่นลืมตา แล้วก็พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายกำลังแนบชิดเบียดจูบช่วงชิงลมหายใจเขาอยู่ไม่ห่างกัน
ร่างกายทั้งร่างเหมือนถูกแช่แข็ง จองแดฮยอนทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าครางเครือเบาๆในลำคอตอนที่ฝ่ายนั้นดูดดึงกลีบปากล่างเขาแรงๆซ้ำๆ ฝ่ามือทั้งสองถูกทิ้งให้ลู่แนบไปกับลำตัวแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ
บังยงนัมค่อยๆลืมตาในขณะที่ปลายลิ้นเ.สือกสอดเข้าไปกวาดต้อนชิมรสปากของคนในอ้อมแขน เขารู้ว่านี่มันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่รสสัมผัสที่ได้รับจากเด็กหนุ่มตรงหน้านี่ทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้ จองแดฮยอนหวานเกินไป และความยับยั้งชั่งใจของเขาก็มลายหายสิ้นเพียงแค่ได้สบเข้ากับดวงตากลม
แต่ถ้าเพียงเขารู้ หรือฉุกคิดสักนิดว่าการกระทำของตัวเองจะส่งผลระยะยาวต่ออนาคตสักแค่ไหน
วันนั้นเขาคงไม่บังคับเอาในสิ่งที่ตัวเองต้องการจากจองแดฮยอน เพื่อที่จะมาถูกเกลียดเหมือนอย่างทุกวันนี้...
.
.
.
“เมียหรือไง?” หัวกลมๆของคนที่ชะโงกหน้าเข้ามาบดบังการมองเห็นเรียกสติของเขาให้กลับคืน คลาสเรียนของวันนี้เลิกแล้ว บรรดานักศึกษาต่างทยอยเก็บของแล้วก้าวเดินออกจากห้อง คนข้างตัวที่มีตำแหน่งเป็นเพื่อนสนิทของเขานั่งหันข้างเข้าหาทั้งตัวแล้วจ้องหน้าสลับกับโทรศัพท์มือถือในมือ ยงนัมรีบกดปิดหน้าจอแล้วยัดมันใส่ในกระเป๋า ก่อนจะหันกลับมาตีสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะไร?”
“ก็เห็นนั่งจ้องรูปผู้ชายคนนั้นอยู่ตั้งนานสองนาน สรุปไม่ใช่เมีย?” ใบหน้าทะเล้นของคนข้างๆยื่นเข้ามาใกล้ก่อนจะลอยหน้าลอยตาล้อเลียน ชายหนุ่มหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ใช้มือขยี้เส้นผมสีสว่างนั่นจนฟุ้งกระจายเล่น
“ไม่มีอะไร..” เขาลุกขึ้นยืน ฉุดแขนของเพื่อนติดมือมาด้วยแล้วกอดคอเดินออกไปด้วยกัน “..แค่คนรู้จัก”
“อะไรวะ ไม่สนุกเลยอ่ะ” คนที่ดูจะตัวเล็กกว่าขืนตัวเองออกจากการเกี่ยวรั้งเปลี่ยนมาเดินข้างกันดีๆ ยงนัมมองตาม ยิ้มขำกับท่าทางที่แสร้งทำเป็นหงุดหงิดพร้อมๆกับใช้มือสางผมตัวเองให้เรียบร้อยนั่น เขายื่นมือไปผลักหัวกลมด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่กำปั้นลุ่นๆจะลอยมากระแทกกลางหลังเต็มๆ
“โตได้แล้วซองโดฮยอน จะเรียนจบอยู่รอมร่อยังติดเล่นเป็นเด็กๆอยู่อีก” เสียงทุ้มว่าพลางยึดข้อมือขาวที่ทำท่าจะเข้ามาประทุษร้ายตัวเองอีกรอบไว้แน่น
“ครับผมๆ คุณบังยงนัมร่างโตเต็มวัย..” คนโดนว่าลอบทำปากคว่ำ “..เป็นผู้ใหญ่มากนักใช่มั้ย งั้นวันนี้เลี้ยงข้าวผมด้วยโอเคนะ”
“ขอความเชื่อมโยงประโยคข้างต้นครับ”
“ไม่มีครับ ผมแค่หิวครับ”
“เกรียนนะครับ”
แล้วเสียงหัวเราะสนุกสนานจากผู้ชายสองคนก็ดังลั่นไปตลอดทางเดิน บังยงนัมกอดคอเพื่อนสนิทลากให้เข้าไปนั่งในร้านอาหารเล็กๆหน้ามหาวิทยาลัย มือใหญ่รับเมนูจากพนักงานก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าคนที่กำลังยิ้มเริงร่าอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ฟันจะเฉาะจานข้าวแล้วครับ” เขาแสร้งทำหน้าเอือมระอา ในขณะที่คนโดนว่ารีบหุบยิ้มลงทันที
“ดีใจเว้ยอยู่ดีๆก็ได้กินฟรี”
“งก!”
“เขาเรียกรู้จักคบเพื่อน”
“นี่ผมมีเพื่อนเป็นโจรหรือคบโจรเป็นเพื่อนวะเนี่ย”
“ถ้าไม่ติดว่าแขนสั้นจะยื่นมือไปเบิ๊ดกะโหลกคุณมึงเดี๋ยวนี้แหละ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
“จะรับอะไรดีคะ?” พนักงานสาวที่ยืนจ่อปากกากับโน้ตเล็กๆเตรียมจดอยู่นานแล้วเอ่ยขัดขึ้นท่ามกลางบทสนทนาที่เริ่มจะออกอ่าวออกทะเลไปเรื่อยของคนทั้งคู่ คนตัวเล็กกว่าที่ทำท่าจะพ่นคำสรรเสริญชุดใหม่ให้เพื่อนรีบหันกลับมาก้มหัวขอโทษขอโพยแล้วสั่งอาหารทันควัน แน่นอนว่ารวมถึงเมนูของคนตรงข้ามที่เขาเผด็จการสั่งให้เรียบร้อยไปแล้วด้วย
“กูไม่ได้อยากกินอันนั้น” บังยงนัมเอ่ยเสียงเรียบเมื่อพนักงานรับออเดอร์โค้งศีรษะให้แล้วเดินจากไป ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค สไลด์นิ้วไปกับหน้าจอไม่นานก็หยุดอยู่ที่รูปที่เพิ่งถูกอัพเดทใหม่จากคนที่เขากำลังนึกถึง เป็นรูปใบหน้าตอนหลับอ้าปากหวอในคาบเรียนของชเวจุฮงพร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า ‘กูขอโทษนะเสาไฟ! แต่กูฮาไม่ไหวละ กร๊ากกกกกกกกก’
ยงนัมหยุดมองรูปนั้นอยู่นานพร้อมทั้งยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เผลอจินตนาการไปถึงใบหน้าคู่อริตอนหัวเราะหน้าย่นแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม น่าแปลกที่การกระทำเล็กๆน้อยๆแค่นี้ของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาเองรู้สึกดี อย่างน้อย มันก็คงทำให้จองแดฮยอนหยุดเกลียดเขาได้สักวินาที ถึงจะแอบหงุดหงิดที่เป็นรูปชเวจุนฮงก็เถอะ
“ฟันจะเฉาะจานข้าวแล้วครับ” คนตรงข้ามส่งเสียงดังเรียกสติของเขาให้กลับคืน บังยงนัมทำหน้าป่วยเมื่อถูกย้อนกลับด้วยคำพูดตัวเอง วางโทรศัพท์มือถือในมือลงบนโต๊ะแล้วหันไปมองรอบๆ
“กูว่าแล้ว”
“อะไรวะ?” เพื่อนสนิทหันหน้าไปมองตามพลางทำหน้าสงสัย ก็เห็นว่ามีนักศึกษาหลายโต๊ะจดๆจ้องๆมาทางพวกเขาอยู่
“ก็เรื่องเดิม..” เสียงทุ้มว่าเนือยๆ “..เรื่องที่คิดว่ากูกับมึงเป็นแฟนกัน”
“อ๋ออออ..” อีกฝ่ายลากเสียงยาว หัวเราะน้อยๆในลำคอ “..ยังไม่ชินอีกหรือไง”
“ก็เฉยๆ เรื่องไร้สาระ”
“มึงคิดว่าไร้สาระจริงดิ”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะเมื่อบังยงนัมเงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่ายแล้วพบเข้ากับใบหน้าจริงจัง ซองโดฮยอนยกยิ้มจางๆส่งมาให้ก่อนจะต้องหัวเราะลั่นร้านเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงทำหน้าเหวอแบบไม่คิดปิดบัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า กูล้อเล่นเหอะ ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นหรอกพ่อคู้ณณณ แม่.งอย่างฮาอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” มือขาวตบโต๊ะปึงๆระบายอารมณ์ขณะที่หัวเราะจนตัวโยน บังยงนัมขมวดคิ้ว เอื้อมแขนยาวๆไปฟาดศีรษะเพื่อนตัวเองทีนึงแล้วแสร้งทำหน้าบึ้ง
“ห่.า ไม่ให้ตกใจได้ไงวะ แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วครับ” มือใหญ่ทำท่าลูบแขนตัวเองประกอบคำพูดจนเพื่อนสนิทอดจะเบะปากด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“เว่อร์ๆ กูเองก็ขนลุกเหมือนกันล่ะโว้ย ล้อเล่นน่ะล้อเล่น เข้าใจมั้ย”
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ อาหารมาแล้วครับ จะแดกข้าวหรือจะแดกหัวผมครับดูทำหน้าเข้า ฮะฮะฮะ” ว่าก่อนจะไม่วายยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมสีสว่างของเพื่อนสนิทอีกที คนตัวเล็กกว่าทำหน้ามุ่ย ปัดมือใหญ่ออกเป็นพัลวัน
“เลิกเล่น! แดก!”
“คร้าบ”
สิ้นคำ บังยงนัมก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานตัวเองทันทีผิดกับอีกคนที่แอบลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นระยะๆ คนตัวเล็กแค่นยิ้ม นึกไปถึงบทสนทนาเมื่อสักครู่แล้วก็ต้องโคลงศีรษะ
.
.
.
เพราะบังยงนัมคงไม่รู้ ว่าเขาเอง..ไม่ได้ล้อเล่น และ ไม่เคยล้อเล่น..
ครบแล้วววววววว เฮือกกกกกกกกกก!!!
ปล. ซองโดฮยอนไม่มีตัวตนนะคะ จินตนาการอิมเมจกันตามสบาย
ปลล. อันนี้แถมให้ สภาพบังและชานตอนไปมหาวิทยาลัยค่ะ 555+
ความคิดเห็น