ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] MADMAN เรื่องจริงหรือแสร้งกัน *'''

    ลำดับตอนที่ #6 : Part 5

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 59


      







    Part 5




    บางทีคุณก็พร้อมหลอกคนทั้งโลกเพื่อคนๆเดียว

     

    และบางที... คุณก็พร้อมที่จะหายไปพร้อมความจริงทั้งหมดที่มีแค่คุณคนเดียวกอบกุมเอาไว้

     

    มันก็แค่บางที

     

    ...บางที

     

    เชวจุนฮง เชวจุนฮง เชว... จุนฮง

     

    แกร๊กๆ

     

    ...ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงเล็กเอ่ยซ้ำชื่อเดิมๆที่ทำให้คนรอบตัวเริ่มส่ายหัว ปลายปากกาสีเริ่มซีดเซียวและจางลงในที่สุดแต่มือเรียวยังคงบังคับจรดปลายปากกาลงสมุดเล่มหนา ยูยองแจ พึมพำชื่อของใครบางคนที่คนรอบตัวรู้จักกันดี พร้อมเขียนสิ่งที่เอ่ยนั้นลงไปเรื่อยๆมาหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่อีกคนตื่นเช้าขึ้นมาต้อนรับวันใหม่หลังจากฝันร้ายที่พึ่งพบเจอ

     

    เป็นเพราะว่าจำเชวจุนฮงคนนั้นไม่ได้มันเลยทำให้รถชนผู้ชายคนนั้น

     

    แต่ตอนนี้เขาว่าเขาจำได้แล้วนะ แต่ทำไมคนที่บอกจะเล่นกับเขาถึงยังไม่มาหาสักที

     

    เปลี่ยนแท่งไหมครับยองแจ แท่งนี้สีมันไม่มีแล้วนะคนเก่งกระดาษเริ่มเป็นรูทะลุไปแผ่นต่อแผ่นเพราะการลงแรงที่เริ่มแรงขึ้นเมื่อสีไม่ออกดั่งใจคิด คนดูแลใกล้ชิดอย่างหมอเจ้าของไข้บยอนโยฮันเขยิบเข้าไปลูบผมอย่างปลอบเด็กน้อยให้ใจเย็น ก่อนจะหยิบปากกาในกระเป๋าอกเสื้อตัวเองยื่นให้ไป โดยที่คนตัวเล็กก็ยิ้มแย้มรับไปอย่างดี

     

    บางทีผมคิดว่าพวกคุณควรจะออกไปกันได้แล้วนะครับเคลียกับคนภายใต้การดูแลตัวเองเสร็จก็เขยิบตัวกลับมาสู้หน้าคนมากมายรอบตัว โยฮันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคำยืนยันของเขาและผลตรวจมันไม่ชัดเจนหรืออย่างไรทำไมตำรวจพวกนี้ถึงยังยืนยันที่จะมาดูคนไข้ของเขาให้ได้

     

    ถึงจะได้ยินมาบ้างว่ายูยองแจโดนข้อหาอะไรพ่วงหลัง แต่อย่างไรตอนนี้คนบ้าก็คือคนบ้า คนจิตไม่ปกติยังจะมาตามระแวงเดี๋ยวก็เป็นโรคประสาทตามกันให้ถ้วนหน้าหรอก

     

    จริงอยู่ที่เมื่อคืนเขามีอาการที่เหมือนจะจำอะไรได้มาบ้างแล้ว แต่เพราะฝืนตัวเองมากไปมันยิ่งทำให้เซลล์สมองทำงานหนักถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตามเลยยิ่งบีบให้ลืมเรื่องทุกอย่างเพื่อให้สมองได้พัก และถ้ายิ่งพวกคุณมาเกาะติดเขามากๆ ระวังเขาจะขาดสติเอาง่ายๆเพราะความเครียดนะครับ

     

    เขาไม่ได้มีสตินึกคิดมากพอจะมาตอบคำถามพวกคุณหรอก ผมว่าเรื่องนี้พวกคุณก็รู้กันดีนะ

     

    โยฮันว่าจบก็ชี้นิ้วที่ป้ายชื่อโรงพยาบาลที่ปักอยู่ที่อกเสื้ออย่างเหน็บอ้อมๆ ย้ำเตือนว่าที่ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่นี้คือโรงพยาบาลของคนจิตไม่ปกติ ขยับเสื้อกาวน์ตัวเองน้อยๆก่อนจะหันไปสนใจคนไข้ตัวเองต่อ ทิ้งให้ตำรวจกว่าห้านายจำต้องหันหลังกลับกับคำไล่อ้อมๆนั่นทันที

     

    จริงอยู่ที่โยฮันรู้ว่าคนพวกนั้นทำตามหน้าที่ แต่อย่างน้อยก็ควรคำนึงว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง จะให้คนบ้ามานั่งตอบคำถาม ไตร่สวนสอบความ สรุปใครกันแน่ที่บ้ากัน

     

    ยองแจบอกหมอได้ไหมว่าเขียนชื่อเชวจุนฮงทำไม? เขามีอะไรสำคัญงั้นเหรอฮึ?

     

    เมื่อมองจนคนพวกนั้นหายลับไปจากสายตาก็เหหันมาสนคนข้างตัว ดูมือเล็กๆนี่จะไม่มีแม้แต่ความเมื่อยเกาะกินทั้งๆที่เมื่อคืนโวยวายแทบเป็นแทบตาย ดีหน่อยที่มาฟื้นโวยวายตอนมาถึงโรงพยาบาลนี้ แต่พอเช้ามาก็สงบเสียจนคนตรวจเนี่ยล่ะที่งงแล้วงงอีก

     

    ร่างเล็กเอาแต่ส่งเสียงพึมพำคำอะไรก็ไม่รู้สามพยางค์เรียงแล้วเรียงอีกสลับไปมาจนเขาปวดหัว จนสุดท้ายคำแต่ละคำก็แทรกเขาหูจนเขาเริ่มคุ้นเคยและประติดประต่อได้ว่าอีกคนคงกำลังพูดถึงน้องชายที่เขาก็พอรู้มาจากประวัติและนั่นดูเหมือนจะถูกเพราะอีกคนตอบรับด้วยการกระโดดโลดเต้นและหอมแก้มเขาไปที... ทำตัวน่ารักไม่รู้ตัวเลยให้ตายสิ ไม่ผิดหวังที่อุตส่าห์สอนอีกคนเขียนชื่อ เชวจุนฮง คนนั้น... นี่เขาคิดอะไรเนี่ย?

     

    จุนฮงจะมาเล่นด้วย ต้องจำชื่อจุนฮงให้ได้เดี๋ยวโกรธแล้วจุนฮงจะไม่มาเล่นด้วยว่าไปก็สะกดคำไป รอยยิ้มหวานแย้มยิ้มสดใส ขอบคุณที่คนพวกนั้นออกไป เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ได้ยินคำพูดอื่นนอกจากเชวจุนฮง เชวจุนฮง เสียงก็แหบจะตายอยู่แล้วยังจะพูดมากอีก ร่างกายยังไม่หายดีเลยคนไข้ของเขา

     

    เดี๋ยวหมอต้องไปตรวจเพื่อนคนอื่นนะ ยองแจนอนพักก่อนไหม เดี๋ยวหมอมาแล้วค่อยมาเขียนใหม่เนอะ

     

    เหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือที่ตีเวลาเข้าบ่ายทำเอาคนเป็นหมอหน้าเหวอ คนตัวสูงรีบหันไปเอ่ยกับเด็กน้อยในสายตาตน ยองแจมองกลับอย่างงงๆแต่ก็ยอมคืนให้ ก็ถ้าไม่ยอมฟังคุณหมอจะไม่มาเล่นด้วย... เขาไม่อยากอยู่คนเดียว

     

    มือหนาของคนสูงกว่ารูปหัวคนว่าง่ายก่อนจะเก็บทุกอย่างให้เข้าที่ มันเป็นกฎของที่นี่อยู่แล้วที่จะต้องเก็บทุกอย่างให้พ้นมือคนไข้ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าที่นี่มีแต่คนไม่ปกติ ต่อให้จะเป็นดินสอ ยางลบ หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีคนดูแลแค่แปบเดียวบางทีก็อาจจะเกิดอันตรายได้ จะทั้งเอาปากกาทิ่มตัวเอง หรือเอาเข็มหมุดที่ติดบอร์ดมาเจาะตา เจาะหู ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้เสมอนั่นล่ะ

     

    ขนาดห้องยังมีแค่ห้องเปล่าๆไร้เตียงไร้ตู้ ไร้เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆเลย ผนังก็บุด้วยหนังอย่างดีกันคนเอาหัวไปโขกกำแพงเล่นล่ะนะ...

     

    ยองแจนอนรอหมอนะ หลับตาฝันถึงสิ่งดีๆแล้วเดี๋ยวเรื่องดีๆก็จะเกิดเนอะ หมอไปก่อนเดี๋ยวหมอรีบมาหานะครับพยักหน้าและยอมทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง นัยน์ตาใสเหม่อลอยเมื่อมือหนาผละออกไป

     

    หมอโกหก

     

    ...ยองแจฝันให้จุนฮงมาเล่นกับยองแจเมื่อคืนยังไม่เห็นมาเลย

     

    หรือเราจะต้องฝันอีก? นั่นสินะ

     

    อ๊ะ...ร่างกายต่อต้านทันทีเมื่อมีอะไรสัมผัสริมฝีปาก ยองแจเม้มปากแน่นเมื่อมือหนาเอื้อมมาป้อนยาแต่ก็ยอมคลายออกและรับมันเข้าปากพร้อมน้ำอึกใหญ่

     

    หมอลืมเอายาให้ คราวนี้เรียบร้อยแล้วล่ะ หมอไปจริงๆละ

     

    ยิ้มให้กับคนไข้ตรงหน้าก่อนจะผละลุกเก็บของทุกอย่างติดตัวออกไป โยฮันมองผ่านหน้าต่างตรงประตูให้แน่ใจอีกครั้งว่าทุกอย่างเรียบร้อย พอเห็นอีกคนแน่นิ่งเหม่อลอยอย่างปกติก็วางใจเดินไปจัดการเรื่องอื่นๆต่อ

     

    แต่ถ้าบยอนโยฮันช้าไปอีกสักก้าว คงจะทันเห็นยาแคปซูลเม็ดโตที่ยูยองแจฝืนขืนมันไว้ไม่ให้กลืนไหลตามน้ำลงไปถูกคายทิ้งลงข้างตัว พร้อมหางตาที่มองที่ช่องหน้าต่างตรงบานประตูนั้นด้วยความว่างเปล่า

     

    ...

     

    อาหารอ่อนถูกตักจ่อปากคนป่วยที่จำต้องอ้ารับอย่างจำยอม จุนฮงระเลียดอาหารที่แดฮยอนป้อนด้วยอาการฝืนๆจนคนรอบข้างรู้สึกได้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกดีที่ได้คนรักมาดูแลใส่ใจ แต่เพราะตอนนี้เขายังมีสิ่งที่ยังติดค้างในใจนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจะดีใจเสียใจหนักใจเบาใจได้ไม่สุดอยู่อย่างนี้

     

    ไม่อร่อยเหรอ?แดฮยอนถาม จุนฮงส่ายหน้า

     

    คุณทำสีหน้าแบบนั้นเป็นใครเขาก็คิดกันทั้งนั้นแหละครับ คุณแดฮยอนอุตส่าห์ทำมาให้เพราะกลัวอาหารโรงพยาบาลไม่ถูกปาก หยุดเหม่อเถอะครับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกดูจะถูกแก้จากคนข้างกายอย่างบังยงกุกที่พูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาคนที่ยืนนิ่งอยู่นั่นไม่ได้หันมามองคนที่ตนพูดด้วยเสียเท่าไหร่ แต่เชวจุนฮงเดาได้ไม่ยากเลยว่าอีกคนกำลังรู้สึกแบบไหน

     

    บังยงกุกก็ยังคงเป็นบังยงกุก

     

    ...และตอนนี้อีกคนก็แค่ไม่อยากให้จองแดฮยอนรู้สึกแย่มากไปกว่านี้

     

    ถึงจะทำเป็นไม่แคร์แต่อย่างไรก็ห่วงอยู่เบื้องหลังอยู่ตลอดอยู่ดี

     

    มันอร่อยพี่ไม่ต้องคิดมาหรอกครับ ผมกินเรื่อยๆเลยเห็นไหม อย่างที่พี่บอกละมั้งร่างกายพึ่งฟื้นตัวมันเลยดูเฉื่อยๆยังไงไม่รู้โดนตำหนิมาก็ว่าคลายเครียดเข้า จุนฮงไม่ได้โกรธยงกุกหรอกที่เหน็บแนมเขาเพราะสำหรับเขาเรื่องแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากนักกับสิ่งที่พวกเขาสองคนได้ทำผิดกับอีกคนไว้

     

    บังยงกุกเป็นคนดีเกินกว่าที่เขาจะเกลียดพี่ชายคนนี้ลง

     

    อ อือ...แดฮยอนรับคำน้อยๆ ก่อนจะป้อนที่เหลือเรื่อยๆจนหมดในที่สุด

     

    เสียงหวานของคนตัวเล็กไม่คิดที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมามากนัก หลังจากที่มันเคยดูเหมือนเป็นเพียงธาตุอากาศมาพักใหญเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ซ้ำยังมีใครอีกคนอยู่ในห้องอีกด้วยนั่นล่ะที่เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่มันทำให้ตนเลือกที่จะปิดปากเงียบ แค่ช่วงเวลาที่จุนฮงสลบไป ตอนเขาวานให้ไปซื้อของให้และขอให้ยืมเครื่องครัวเล็กๆน้อยๆของทางโรงพยาบาลก็ถูกตอกกลับด้วยท่าทีนิ่งเสียจนมันเหมือนเขากำลังต่อสู้อยู่กับความหนาวติดลบกับหุ่นหิมะตรงหน้า

     

    สายตาเย็นชามันมาพร้อมกับคำตอบรับเพียงแค่รับทราบแค่นั้น... ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้

     

    ก็เพราะอย่างนั้นล่ะยิ่งทำให้เหมือนแดฮยอนก้าวต่อไปไม่ถูก

     

    เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักสักหน่อยนะ รีบๆพักอย่าพึ่งฝืน อย่างน้อยถ้าทำตามจะได้รีบออกจากโรงบาลฯไปจัดการเรื่องที่อยากทำได้ง่ายขึ้นนะ

     

    ทันที่เก็บจานเรียบร้อยก็เดินเอ่ยพร้อมถือจานผลไม้มาหา แดฮยอนเอ่ยเข้าทั้งๆที่มือก็ยังคงสาละวนกับการปลอกเสียจนเป็นเชวจุนฮงล่ะเสียวมือแทน พี่ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวบาดมือปากไปไวกว่าความคิด และคนข้างตัวก็ไวไม่ต่างกัน ยงกุกผลันตัวมาแย่งไปท่ามกลางดวงตาขอบคุณของเชวจุนฮง

     

    แดฮยอนมีปัญหากับการปลอกผ่าทุกอย่างโดยไร้เขียง ยงกุกกับจุนฮงจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ

     

    พี่...

     

    ผมขอกินยาเลยได้ไหม ผมอยากนอนแล้วล่ะ

     

    ไม่รอให้แดฮยอนได้เอ่ยอะไรจุนฮงก็เอ่ยแทรกทันที แดฮยอนที่หันไปสนใจคนที่แย่งของในมือไปรีบกลับไปให้ความสนใจกับเสียงใหม่ทันที ร่างเล็กรีบลุกขึ้นหยิบยาหยิบน้ำให้โดยที่คนบนเตียงก็ยอมกินแต่โดยดี ครั้นที่สายตาอีกคนจะเลิกสนใจตัวเอง จุนฮงก็พยายามหาเรื่องให้แดฮยอนสนใจตัวเองให้ได้เช่นเดิม

     

    ยองแจเขาก็ห่วงแต่แดฮยอนเขาก็หวง ...จริงอยู่ที่จุนฮงก็ไม่ได้คิดอะไรแต่เขาก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันย้อนกลับเสียเท่าไหร่ ถึงตอนแรกเขาจะป่วงๆกับตัวเองแต่พอยงกุกดึงความสนใจแดฮยอนไปนั่นก็หมายความว่าถ่านไฟเก่ามันจะถูกจุดได้ทุกเมื่อ

     

    พี่ยงกุกเอาไปเก็บเลย ไม่กินแล้วคนตัวสูงว่าเข้า มือก็จับแน่นกับมือเล็กของคนรักตัวเอง

     

    ครับไม่มีการโต้แย้ง ยงกุกน้อมรับแม้สายตาจะเผลอมองมือที่กอบกุมกันไว้คู้นั้นและเผลอแสดงความเจ็บปวดผ่านม่านตาก็เท่านั้นเอง

     

    นอนพักเถอะ เดี๋ยวพี่อยู่นี่แหละ ตื่นมาก็ไม่ต้องกลัวพี่ไม่ได้ไปไหนร่างสูงเอนลงนอนตามคำสั่งคนตัวเล็ก แดฮยอนกุมมือหนาที่กุมมือตัวเองแน่น ความคิดในหัวตีรวนไม่น้อยเมื่อทุกอย่างมันตีขึ้นเรื่อยๆจนเขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก

     

    ครับน้ำเสียงว่าง่ายพร้อมดวงตาที่หลับปุ๋ยทำให้แดฮยอนยิ้ม ความน้อยใจในตอนแรกที่เจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันนานถูกลบเลือนอย่างง่ายดายรวมถึงเรื่องเมื่อสักครู่นี้ด้วย

     

    ...หัวใจแดฮยอนเต้นปกติแล้วล่ะ

     

    จุนฮงรอบมองท่าทีพวกนั้นด้วยความโล่งใจ พี่แดฮยอนอาจจะคิดเหมือนเขาในบางทีก็ได้... เพราะบางทีเชวจุนฮงก็เกลียดตัวเองที่กำลังจมลึกกับสิ่งที่มายั่วยุข้างทางทั้งๆที่เราเดินจับมือกันมาตลอดทางก็เป็นได้

     

    ไม่สิเขาไม่ได้คิดอะไร แล้วพี่แดฮยอนก็ไม่ได้คิดอะไร

     

    แต่ตอนนี้เขาแค่เกลียดตัวเองนิดหน่อยเพราะทั้งๆที่กำลังจับมือคนรักของตัวเองไว้ หึงหวงไร้สาระกักขังคนของตัวเองไว้ ละทิ้งทุกอย่างและหาเรื่องดึงดันคนของตัวเองไว้ แต่กลับยังกล้าที่จะเหม่อถึงใครบางคนที่ตอนนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันไว้ได้อย่างไร

     

    นี่เขาเป็นอะไรไป?

     

    โอเคตอนนี้เขาควรที่จะแยกแยะ อย่างแรกเขาควรทำตัวเองให้หายไข้ และค่อยออกไปหาพี่ชายจิตผิดปกติของเขา ตอนนี้เขาควรเรียงความสำคัญใหม่ ใช่... ตอนนี้แดฮยอนกลับมาแล้วนั่นหมายถึงทุกอย่างแดฮยอนต้องเป็นที่หนึ่ง เลิกเอาความผูกพันในอดีตของพี่น้อง ล้มเลิกทุกอย่างและมาจับวางคนสำคัญที่สำคัญเพียงเพราะเครือญาติจำเป็นให้โยนไปไกลๆ

     

    เชวจุนฮงต้องกลับไปอยู่ในจุดเดิม

     

    เขาไม่ใช่หมอที่จะรักษายูยองแจได้

     

    ...เขาไม่ใช่

     

    เพราะฉะนั้นมันไม่มีค่าเลยที่จะต้องร้อนรน ...ถูกแล้วจุนฮง นายไม่จำเป็นต้องร้อนรนกับคนๆนั้น

     

    ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง

     

    ต่างคนต่างอยู่... อย่างที่เคยเป็นตอนที่พวกเราไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกัน

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ถ้าเคยลองเดินไปในทางเดิมแล้วเจอจุดหมายปลายทางเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่เจ้าของฝีเท้าจะเลือกเปลี่ยนทิศ ก็คงสามารถเปรียบกับหมาตัวหนึ่งได้ล่ะมั้ง ถ้าเพียงได้ลองโดดลงโซฟาหนึ่งครั้งแล้วมีคนรับมันไว้ ครั้งต่อไปมันก็คิดว่าจะยังมีคนรับมันไว้เฉกเช่นเดิม

     

    มาลองดูกันไหมว่า ยูยองแจ จะเป็นดังคำกล่าวที่ว่าไหม?

     

    ยูยองแจที่แสนดื้อด้าน แต่ภาพในตอนนี้มันกลับกลายเป็นยูยองแจผู้แสนสว่างจ้าใสซื่อบริสุทธิ์จนคนมองขนลุกขนพอง ริมฝีปากคนมองเบะลงอย่างนึกสมเพชกับโชคชะตา ภาพในห้องสี่เหลี่ยมที่มีคนตัวเล็กนั่งจุ้มปุ้กเหม่อลอยยิ้มบ้างนิ่งบ้างตามประสาคนไม่รู้เรื่องอะไร

     

    มันน่าสนุกนักเชียวที่จะเล่นกับคนที่ถ้าเป็นปกติคงจะเล่นได้ด้วยยาก

     

    แกร๊ก

     

    มือกดปลดล็อคประตูจากภายนอกด้วยคีย์การ์ดที่แอบหยิบมาจากเคาน์เตอร์ผู้ดูแล รอยยิ้มเริ่มประดับใบหน้าเมื่อจะได้รอดูความสนุกในไม่กี่นาทีนี้ต่อไป

     

    โอ๊ะโอว... ลืมไปว่ามีแกอยู่เสียงเข้มหันไปเอ่ยกับกล้องวงจรปิดที่หันมา ใบหน้าที่ปิดมิดรวมทั้งหัวจรดเท้านั่นคงไม่ได้ให้คำตอบได้ว่าคนที่กล้องจับภาพอยู่ตรงนี้คือใคร รู้แค่ว่า... เป็นผู้ชาย

     

    ร่างสมส่วนยักไหล่อย่างไม่ได้ใคร่สนใจ เขายังมีเวลาให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้สบาย เพราะฉะนั้นก็ควรจัดการกับเรื่องสนุกตรงหน้าให้รีบๆเสร็จเสียก่อน

     

    จิตสำนึกเหรอ? ถ้ามันสตาร์ทเครื่องติดนี่ก็ควรให้หมอโรคจิตทุกคนทำการวิจัยแล้วล่ะพูดไปก็โบกสะพัดรูปในมือไปมา ภายใต้มาร์คปิดปากสีดำสนิทเรียวลิ้นนั้นเดาะเล่นจนเกิดเสียงที่ถ้าคนได้ยินคงนึกรำคาญหู มือข้างที่ว่างก็ควงปากกาไปมาอย่างใช้เวลาให้นึกคิด ก่อนที่เพียงแค่ชั่วนาทีเบื้องหลังแผ่นรูปจะถูกขีดเขียนข้อความลงไป

     

    ... นายคงไม่มีกุญแจ แต่เครื่องนายน่าจะสตาร์ทติดนะยูยองแจคำพูดเป็นนัยเอ่ยขึ้นพร้อมๆกับสิ่งในมือที่ถูกลอดผ่านช่องประตูเข้าไปด้านใต้ ไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะเห็นทันทีหรือไม่ ฝีเท้าหนาก็หันเหพาตัวเองไปยังสถานที่ต่อไปที่ต้องจัดการทันที

     

    จะมาถ่ายมั่วซั่ว นี่ถ่ายไปแล้วจะรู้เหรอว่าใครนะฮึ?ก็แค่ไปลบคลิปตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยสักนิด

     

    ... จะถ่ายจ่อหน้าก็ได้นะ เดี๋ยวก็ไม่มีรูปมีคลิปแล้วอยู่ดี

     

    แวะเขย่งปลายเท้าอยู่หน้ากล้อง ก็แค่ให้กล้องได้จับความชัดขึ้นอีกหน่อย อยู่สูงเสียขนาดนั้น ถึงเขาจะสูงพอตัวแต่จะให้มิดเท่าเพดานสองเมตรกว่าก็ไม่ใช่เรื่อง

     

    กึก

     

    เดินมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหันหลังกลับไปมอง

     

    ...ดูเหมือนว่าเหยื่อจะกินกับดักตัวเบ้อเร่อเลยล่ะ

     

    ...

     

    ผลัก!

     

    ไม่ต้องได้คิดอะไรมากอีกต่อไป ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดายโดยไม่มีการสงสัยจากคนที่อยู่ในชุดคนป่วย... ตอนนี้ยองแจรับรู้เพียงแต่ต้องรีบไป

     

    ...คนที่อยู่ใกล้นายนี่น่าจะตายไปให้หมดนะ ว่าไหม?...

     

    เอาอีกแล้ว... ประโยคนี้อีกแล้ว

     

    รูปการ์ตูนล้อเลียนคนถูกโดนยิงตายมันไม่ใช่เรื่องน่าซีเรียสแต่เพราะประโยคที่ถูกเขียนขึ้นมาด้านหลังมันกำลังทำให้คนได้รับตัวสั่น ประโยคที่เหมือนกระชากความตื่นกลัวทั้งหมดที่เคยมีออกมาเหมือนผลักดันความสงบให้ติดลบเสียจนจะกลับไปขุดให้เอาอยู่ก็คงเป็นเรื่องที่ยาก

     

    กลัว... ทุกครั้งที่ประโยคนี้เข้ามามันไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นเลยสักครั้ง และทุกครั้งมันเหมือนเขาสูญเสีย ถึงนี่จะเป็นแค่ความรู้สึก ถึงเขาจะจำไม่ได้ แต่ความสูญเสียมันยังคงจดจำอยู่ลึกลงไปในจิตใจ

     

    ไม่ได้ตั้งใจเป็นเด็กดื้อที่คุณหมอบอกให้กินยานอนแล้วจะไม่ทำตาม แต่เขากลัวความรู้สึกสูญเสียนี้ มันเหมือนมีคนมากระซิบว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นเป็นฉากๆจนหลอนประสาทไปในตัว....

     

    ไม่ชอบ ไม่ชอบแบบนี้เลย

     

    ยองแจวิ่งไปมาไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวิ่งไปเพื่อจุดหมายอะไร ความกลัวมันเอาชนะทุกอย่างจริงๆเพราะที่แน่ๆมันทำให้คนตัวเล็กวิ่งลงมาสู่กลางถนนใหญ่ได้ในเวลาต่อมาอย่างไม่ได้ทันจะเตรียมตัว

     

    ที่นี่ที่ไหน?พึมพำกับตัวเองเมื่อรู้สึกถึงอาการตื่นกลัวเริ่มลดระดับ อาจจะเป็นเพราะสองข้างทางที่คนไม่พลุกพล่านนักก็เป็นได้ที่ทำให้ยองแจพยายามฝืนตัวเองให้ดูปกติให้ถึงที่สุดถ้าไม่นับชุดโรงพยาบาลที่กลายเป็นจุดสนใจในเวลาต่อมา

     

    คุณรู้จักที่นี่ไหม พาผมไปทีสิความหน้าด้านมีเต็มร้อยกับคนไม่เต็มคุณเคยได้ยินไหม? และตอนนี้ยูยองแจก็เป็นอย่างนั้นอย่างไม่มีเปอร์เซ็นต์ลดเฉกเช่นกัน

     

    รูปในมือถูกส่งถามทางทั้งๆที่ไม่มีเค้าลางอะไรใดๆเลยสักนิด การปฏิบัติของแต่ละคนต่อคนตัวเล็กก็ต่างกันจนบางทีร่างบางก็ได้รับแรงผลักอย่างนึกรำคาญเป็นการตอบแทนจากคนแปลกหน้า

     

    ถามว่ายอมแพ้ไหมก็คงตอบแทนเลยได้ว่าไม่ แม้ฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีมืดแต่ยูยองแจก็ยังคงใช้รูปการ์ตูนล้อเลียนเรื่องตลกร้ายนั้นหาจุดหมายปลายทางต่อไป

     

    ทั้งๆที่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

     

    ร่างสูงใหญ่ที่นั่งดูมาสักพักทำท่าทีแคะขี้เล็บอย่างเบื่อหน่าย น่าเสียดายที่ยูยองแจไม่ใช่คนที่ตนได้คาดประเมินไว้ในตอนแรก... จะทั้งตอนเป็นบ้าหรือเป็นปกติยูยองแจก็ไม่คิดที่จะเดินก้าวเท้าสวมรอยใคร ...ยองแจไม่เคยหวาดกลัวอะไรถ้าเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวตัวเอง

     

    ที่บ้านเลี้ยงเชื่องดีนักน้าต่อให้ตัวเองรู้ว่าตอนแรกโดดไปจะมีคนโอบอุ้ม ครั้งที่สองจะไร้คนรับ เชื่อสิ จะยองแจตอนนี้หรือแต่ก่อนต่อให้ต้องโดดเข้ากองไฟก็คงยอม

     

    เอาจริงๆที่ลากอีกคนให้ออกมาจากที่นั่นก็เพื่อให้แผนลงล็อคตรงเผงล่ะนะ ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงรอเวลา ถ้าเป็นไปตามที่คิดบางทีสมบัติตระกูลยูอาจจะเด้งมาง่ายๆอย่างที่ไม่ต้องไปยืมมือใครช่วยเลยล่ะ

     

    น่าสงสารดี

     

    แล้วเจอกันนะ คุณหนูคนโตแห่งตระกูลยู

     

    ...

     

    รถวนไปมาจนคนขับเองยังรู้สึกเวียนหัว ยงกุกค่อยๆเหยียบคันเร่งเพื่อให้เวลากับตัวเองในการมองดูร่างของพี่ชายของเจ้านายตนเองที่จากการคาดเดาแล้วคงจะไปไม่ได้ไกลจากรัศมีโรงบาลฯทางจิตนี่ ท้องฟ้ามืดครึ้มยิ่งยากกับการค้นหา ครั้นจะยุติความคิดค้นหาไว้ก่อนก็ติดที่เชวจุนฮงโวยวายเสียยกใหญ่เมื่อปาร์คนาบีโทรมาแจ้งเรื่องที่ยูยองแจหายตัวไปจากโรงพยาบาลและเจ้านายเขาก็ไม่ยอมที่จะอยู่โรงบาลฯเสียท่าเดียวจนเขาจำต้องใช้รถเข็นพาอีกคนขึ้นรถมาด้วยอย่างเหนื่อยใจ

     

    บอกให้กลับกับคุณแดฮยอนแท้ๆ บังยงกุกล่ะเหนื่อยใจ

     

    ร่างกายยิ่งเต็มร้อยอยู่ด้วยนี่นะ...

     

    นั่นๆๆ!” เสียงจุนฮงเรียกให้คนขับรถหันพวงมาลัยหักเข้าหา เป็นอีกครั้งที่จุนฮงเอ่ยขอขอบคุณพระเจ้าที่รักษาใครคนนั้นไว้ให้เขา แต่ดูเหมือนสายตาพวกเขาจะแย่เกินไป... ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ

     

    ติ๊ดๆๆ....

     

    ผิดหวังได้ไม่เท่าไหร่ก็จำต้องรับโทรศัพท์ ครับ ป้านาบีจุนฮงเอ่ยเสียงอ่อยอย่างอ่อนแรง พอๆกับยงกุกที่ล้าจนเลือกที่จะเหยียบเบรกหักรถเข้าฟุตบาตข้างทาง

     

    เจอคุณหนูแล้วนะคะ พอดีตำรวจเจอเลยพาส่งกลับโรงพยาบาล แต่คุณ เอ่อ... คุณจินรี คุณจินรีให้ไปรับคุณหนูกลับมา เธอใช้เหตุผลที่ว่าที่โน่นดูแลไม่ได้จนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ใจป้าก็ตกลงเห็นด้วยเลยอนุญาต ตอนนี้คุณหนูกำลังจะกลับมาแล้วแหละค่ะ

     

    เหมือนยกภูเขาออกจากอก จุนฮงถอนหายใจอย่างสุดตัวเอนหลังหลังพิงเบาะ ยงกุกลอบมองท่าทีนั้นอย่างพิจารณาแม้ตัวเองก็นึกโล่งใจตามเช่นกัน

     

    ...คุณหนูของเขาจะรู้ไหมว่าตัวเองยิ้มออกมากว้างขนาดไหน?

     

    หยุดยิ้มเถอะครับ คุณนอนพักก่อนเดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมจะปลุกยงกุกว่าเข้าอย่างยิ้มๆ จุนฮงเก็บปากทันทีก่อนจะทำเฉไฉมองไปข้างนอกทั้งๆที่รู้ว่าก็คงไม่ทัน

     

    จริงๆก็ไม่รู้ตัวหรอกถ้ายงกุกไม่ทัก... เขาดีใจเว่อร์อีกแล้วสินะ

     

    พี่รีบๆขับกลับเถอะ ป่านนี้คนที่บ้านรอกันแย่แล้วพูดไปก็ไม่ได้มองหน้าคนสนทนา คำพูดกำกวมนั่นทำให้ยงกุกอดจะยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ ถ้าตอนนี้ให้เขาเดาก็คงอยากจะรีบกลับไปหาคุณยองแจ... หรือไม่บางทีก็คุณแดฮยอนที่ส่งคนมารับให้กลับไปก่อนตอนแรก คิดถึงตรงนี้รอยยิ้มก็หายไป สสีหน้าเรียบนิ่งถูกบังยงกุกหยิบกลับมาใส่อีกครั้ง

     

    เรื่องของเจ้านายขี้ข้าไม่ควรแส่ จำไว้สิบังยงกุก

     

    ต่อให้เชวจุนฮงจะเลือกใครดอกไม้ที่ถูกตัดไปใส่ในแจกันก็ไม่มีวันถูกกลับมาต่อที่ต้นได้อีกแล้ว

     

    ...เลิกคิดฟุ้งซ่านและเหยียบคันเร่งเพื่อฟื้นคืนสติ คนอายุน้อยกว่าไม่ได้ว่าอะไรในเมื่อก็เป็นความตั้งใจที่เขาต้องการกลับบ้านเร็วๆอยู่แล้ว

     

    เพียงไม่นานก็มาถึงบ้านหลังโต ยงกุกหักเลี้ยวเข้าประตูรั้วก่อนจะจอดเทียบที่หน้าบ้านอย่างปลอดภัย จุนฮงรีบผลุนผลันลงจากรถไปทันทีแม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะอาการบาดเจ็บ ยงกุกไม่ได้ลงไปช่วยอะไรแต่กลับเลือกที่จะขยับเกียร์เคลื่อนตัวเอารถไปจอดที่โรงจอดรถแทน...

     

    ... ภาพตรงหน้าทำเอาร่างที่พึ่งเข้ามาหาเสียงตัวเองไม่เจอ จุนฮงมองดูภาพที่แน่นอนว่าตอนนี้คนที่มีศักดิ์เป็นอาที่นั่งอยู่ไม่ไกลเขาไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก เขาสนเพียงแต่คนสองคนที่ใครคนหนึ่งกำลังนั่งชิดมุมกำแพงและอีกคนกำลังพยายามขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆเท่านั้น

     

    คุณหนูไม่ยอมคุยกับใครเลยตั้งแต่ตื่น เธอโดนฉีดยานอนหลับตอนอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ พึ่งตื่นเมื่อสักครู่นี้เลย

     

    คุณแดฮยอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ขนาดป้าเองแท้ๆคุณหนูยังเริ่มตีตัวออกห่างเหมือนช่วงแรกๆที่พวกคุณท่านเสียเลย

     

    เสียงของนาบีที่พึ่งเข้ามาแน่นอนว่าจุนฮงรับฟัง ภาพที่ยองแจพยายามทำตัวลีบเบียดตัวเข้ามุมห้องเรื่อยๆกับแดฮยอนที่พยายามไม่เข้าใกล้มากเกินไปเอ่ยปลอบไม่ขาดปากมันทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก

     

    แต่ที่ตอนนี้ตัวเขานิ่งอยู่ตรงนี้เพราะคำว่าเลือกไม่ได้... คนหนึ่งก็คนรัก อีกคนก็พี่... ไม่สิ พี่คนนั้นเขาต้องเกลียด ไม่ๆ... เขาก็แค่ต่างคนต่างอยู่ เลิกงุ่นง่านทำตัวเลือกไม่ได้แบบนั้นสักที

     

    ตอนนี้พี่แดฮยอนกลับมาแล้ว... แดฮยอนของจุนฮงกลับมาแล้ว

     

    คนสำคัญของจุนฮงกลับมาแล้ว

     

    ยูยองแจก็จิตผิดปกติอย่างที่เป็น แค่รอวันที่อีกคนกลับมาเป็นปกติไม่ก็แค่สองปีที่จะต้องอยู่ด้วยกันเขาแค่เอาส่วนของเขาไป ดูแลในส่วนตระกูลที่เขาได้รับและก็แค่ต่างคนต่างเดินทางใครทางมัน จำไม่ได้แล้วเหรอ?

     

    แค่นี้เอง เรื่องแค่นี้เองเชวจุนฮง

     

    พี่แดฮยอนปล่อยเขาเถอะ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น ขึ้นไปพักกันเถอะครับค่อยๆก้าวเข้าไปพยุงร่างของคนรักที่ดูชะงักไปไม่น้อย แดฮยอนมองจุนฮงสลับกับยองแจอย่างไปต่อไม่ถูก ถึงจะงงกับจุนฮงแต่ก็ยังคงห่วงยองแจ จะให้เขาขึ้นไปนอนทั้งๆที่ดูพี่ชายของคนรักตนเหมือนคนฝันร้ายอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้เหรอ

     

    แล้ว... แล้วยองแจ?

     

    ป้านาบีครับ ฝากดูด้วยนะครับ ตอนหลังคุณพ่อคุณแม่ตายเขาเป็นยังไงก็ทำยังงั้นแหละ

     

    นาบียืนนิ่งกับคำพูดนั้น คุณหนูคนเล็กเธอไม่ได้สาวความต่อแต่กลับพยายามลากคนที่ขึ้นชื่อว่าคนรักออกไป ท่าทีดีใจที่เคยเป็นเมื่อไม่กี่วันกลับถูกแทนที่ด้วยความไม่ใส่ใจเฉกเช่นเดิมเหรอ? นาบีได้แต่นึกอยู่ในใจ

     

    ให้เธอทำเหมือนที่แต่ก่อนเคยทำ?

     

    ... งั้นฉันไปพักบ้างละกันจินรีเอ่ยขอตัวไป นั่นก็คงดีอยู่นิดหน่อยในความคิดนาบี เหลือแค่เธอและคุณหนูของเธอน่ะดีแล้ว ไม่ต้องแล้วล่ะความเป็นห่วงของใครคนอื่น

     

    ปล่อยทิ้งคุณคนโตไว้ชั่วคราว ก่อนจะไปพาคำโกหกคำโตมาส่งถึงที่ ร่างสูงวัยวางเจ้าสี่ขาลงก่อนจะเขยิบตัวไปไม่ไกลจากร่างคนที่กำลังหวาดกลัวนัก มีโซมานี่... มานี่เร็ว

     

    คุณจุนฮงคงยังไม่รู้

     

    ไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ควบคุมคุณหนูคนโตเธอได้ก็เกี่ยวเนื่องกับตัวของคุณเต็มๆ

     

     

    คุณหนูจุนฮงส่งเจ้ามีโซมาให้คุณหนู คุณหนูจำได้หรือเปล่า อย่ากลัวมันเลยนะ เห็นไหม มันจะทำอะไรได้ น้องชายคุณหนูส่งมาไงคะ เดี๋ยวแกก็กลับมาหาคุณหนูแล้ว หมามันไม่ทำร้ายคุณหนูหรอก ใจเย็นๆนะคะนะ

     

    นาบีไม่ได้เขยิบตัวเข้าไปใกล้ เธอเพียงแค่นั่งดูไม่ไกลให้เจ้าบีเกิลแสนน่ารักทำความคุ้นเคยกับเจ้าของคนเดิม ร่างที่กำลังหวดกลัวเหมือนเริ่มจะค่อยๆผ่อนคลาย นั่นก็ทำให้เธออดจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้

     

    ...คุณจุนฮงไม่เคยรู้เลยว่าแค่ชื่อและคำว่าน้องชายมันทำให้คุณเขารู้สึกปลอดภัยแค่ไหน

     

    มันชื่อมีโซ มีโซแปลว่ารอยยิ้ม... คุณจุนฮงคงอยากเห็นรอยยิ้มของคุณหนูนะคะ

     

    ทุกอย่างมันก็เป็นแค่คำโกหกคิดเองเออเองของเธอก็เท่านั้นเอง

     

    อย่ากลัวอีกเลย... คุณหนูของป้า

     








    TBC.












    talk; อย่างงนะคะ เดี๋ยวจะคลี่คลายเรื่อยๆ บอกให้คนอ่านอย่างงนี่คนแต่งงงเอง 555 ล้อเล่นค่ะ เรื่องนี้น่าจะประมาณสิบกว่าตอนจบ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ^^ 

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×