คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 4
มีหลายคนที่ยอมแพ้กับหลายๆเรื่อง
แต่ไม่ใช่กับคนที่เกิดมาเป็นเหมือนพี่คนโต...
ยูยองแจ
เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะได้มีน้อง
รวมถึงไม่เคยคิดว่าคนเป็นพ่อจะแต่งงานใหม่กับแม่ม้ายยังสาวคนนั้น
ยองแจไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับ เพียงแต่เขาแค่รู้สึกแปลกๆ... ก็เป็นลูกคนเดียวมานาน การมีพี่น้องมันก็เป็นเรื่องไม่ค่อยชินเสียเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ป๊าสอนให้เขาดูแลน้องให้ดี...
เขาก็แค่ทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง
จากแค่รู้จักก็กลายเป็นผูกพัน จากความผูกพันมันกลับเป็นความลึกซึ้ง
...เพราะคำว่าไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนั่นทำให้เขาคิดไปไกล... คิดไปไกลว่าบางที
เชวจุนฮง อาจจะคิดอย่างเดียวอย่างที่เขาเป็น
แต่มันก็ไม่ใช่...
ไม่ใช่เลยสักนิด
‘พี่แจบอมบอกว่าพี่ชอบผม... แบบไม่ใช่พี่น้อง’
‘บ บ้า... บ้าเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง’
‘งั้นก็คบกับพี่แจบอมสิ เขาจะได้ไม่ต้องมาตามราวีหาเรื่องผมทุกวันแบบนี้!’
‘จุนฮงเก็บของเถอะ เดี๋ยวจะได้เช็คว่าลืมอะไรหรือเปล่า’
‘พี่อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง
อย่าให้ผมบินไปเมกาทั้งๆที่ยังงุ่นง่านอยู่แบบนี้ได้ไหม?!’
‘จุนฮงคือน้องพี่โอเคไหม?! เป็นแค่... น้องชาย’
เด็กคนนี้คือน้องของเขา... จุนฮงคือน้องชายของยองแจ บทสนทนาในวันนั้นเขาจำได้ดี...
เขาจำได้ดีว่าเขาหน้าชาขนาดไหน
ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนถูกกระชากหัวใจออกไปจนร่างกายมันเผลอกระตุก
เขาควรจะยอมรับความเป็นจริงตั้งนานแล้ว
จุนฮงน่ะ เห็นเขาเป็นแค่พี่ชาย เคารพเขาแค่คำว่าพี่ชาย
เวลานึกถึงเขาก็เพียงเพราะว่าเขาเป็น...พี่ชาย
ในเมื่อน้องอยากได้อะไร
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ชายคนนี้ก็ไม่เคยทำให้ไม่ได้อยู่แล้ว
‘แดฮยอน จุนฮงห้ามกินของร้อนจัดนะ
หมอนี่ไม่ค่อยชอบเป่า ไม่เคยระวังอะไรเลย ปากพองลิ้นพองทุกที’
‘ยาภูมิแพ้อยู่ในกระเป๋าเล็กนะ
อย่าลืมให้จุนฮงกินด้วย’
‘ยึดหูฟังตอนไปเรียนด้วยนะ ไม่งั้นเสียบตลอดเวลา
เกิดฟังเพลงตอนข้ามถนนขึ้นมาจะอันตรายเอา’
‘และก็พาสปอร์ต...’
‘พอแล้วได้ไหม? ทำยังกับผมเป็นเด็กไปได้...
พี่แดฮยอนไม่ต้องไปฟังมากหรอก เข้าไปกันเถอะ’
น้องเขาโตมากแล้ว...
ยังไงคนรักก็ต้องสำคัญกว่าพี่คนนี้ ขนาดวันสุดท้ายที่ได้เจอกันยังไม่มีการกอดลา
แต่มีเพียงเสียงเหนื่อยหน่ายพร้อมกับภาพที่คนตัวสูงจูงมือคนรักพร้อมลากกระเป๋าแครี่ออนเดินเข้าไปก็เท่านั้นเอง
‘โชคดีนะจุนฮง แดฮยอน ขยันเรียนนะ!’ ...เสียงที่เขาตะโกนไล่ตามหลังไปวันนั้นก็คงเป็นแค่คำพูดที่เหมือนกับธาตุอากาศแหละนะ
แต่ยองแจก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ
ถึงเด็กคนนั้นจะชอบทำอย่างนี้
แต่ก็ขาดเขาจริงๆไม่ได้สักทีหรอก ยองแจรู้จักนิสัยจุนฮงดี
‘พี่จะส่งเมลไปหานายเรื่อยๆๆๆ จนนายรำคาญเลยล่ะ’
จำได้ว่าหลังจากส่งอีกคนที่สนามบินเสร็จเขาก็ตั้งปฏิญาณกับตัวเองไว้อย่างนั้น
แต่มันก็ได้แค่คิด... อิมแจบอมคนรักของเขาไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นหรอก
หลังจากวันนั้นไม่นานแจบอมก็มารับเขาไปอยู่บ้านอีกคนตามคำพูดที่ได้พูดไว้
ทุกอย่างมันก็เหมือนจะดี แจบอมดูแลเขาดี ดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ...
ดีเกินไปเสียจนเขาเกลียดมัน
‘ถ้าฉันไม่ใช้วิธีนี้นายก็ไม่มีวันที่จะคบกับฉัน’
‘เลิกคิดถึงเด็กคนนั้นสักทีไม่ได้เหรอยองแจ...?’
น้ำเสียงอ่อนโยนที่มันทำให้ครั้งหนึ่งเขาเกือบจะลองเปลี่ยนใจ
แต่บางทีเขาก็เป็นคนที่เชื่อคนง่ายเกินไป...
ยองแจฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเองจริงๆ
เราก็เป็นคนรักเหมือนคนปกติทั่วๆไป
ออกงานสังคม มีเซ็กส์กัน เดท ทุกอย่างก็เหมือนกับคนรักปกติ...
ทั้งๆที่เกือบจะให้ใจ แต่ยูยองแจก็บอกแล้วว่ายูยองแจเชื่อคนง่าย...
จะเรียกว่าโง่ก็ไม่ผิด
ไม่ผิดเลยสักนิด
อิมแจบอมไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด
‘ฉันคือแฟนนายไม่ใช่หรือไงยองแจ
ทุกคนก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกันแล้วเรื่องแค่นี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด’
‘นายจะคิดยังไงถ้าจุนฮงรู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับนาย’
‘นายจะดับอนาคตน้องตัวเองงั้นหรอกเหรอ?’
ไม่มีทาง
มันไม่มีทางอยู่แล้ว
‘นายไม่มีทางอยู่อย่างมีความสุขอีกต่อไปแน่ยูยองแจ!!’
“อย่า!!!” ร่างเล็กที่ตะโกนลั่นเบิกตากว้างเมื่อสะดุ้งตื่น
เสียงหอบหายใจดังเสียจนเจ้าตัวยังรับรู้
เมื่อกี้มันคืออะไร?
ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดนั่น? ความฝันพวกนั้น...
... “คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว!” ดวงตากลมโตเริ่มหยีตาให้กับแสงสว่าง
เสียงคุ้นเคยที่ตะโกนโหวกเหวกยิ่งทำให้คนบนเตียงขมวดคิ้วมุ่น
เพียงไม่นานผิวสัมผัสที่ได้รับที่ฝ่ามือพร้อมร่างของเจ้าของเสียงทำให้คนได้รับค่อยๆเริ่มควบคุมลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติ...
“ป้านาบี”
“คุณหนูรอแปปนะคะ เดี๋ยวป้าเรียกคุณหมอแปปนึง”
ไม่ทันได้ปล่อยร่างคนสูงวัยให้ออกห่าง
ร่างทั้งร่างของคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งจะผละไปก็โดนมือเล็กยื้อไว้ก่อนคนบนเตียงจะดันตัวลุกขึ้นนั่งและโอบกอดร่างคุ้นเคยนั้นไว้แนบตัว
“คุณหนู?” เธอว่าความรู้สึกตอนนี้มันแปลกไป
แม้จะนึกสงสัยแต่นาบีก็ยังคงกอดตอบประคองร่างคุณหนูคนโตที่พึ่งฟื้นหลังจากหมดสติไปด้วยความหวงแหน
“โอ๊ย!” ทั้งๆที่เธอเกือบจะมั่นใจแล้วว่าคุณของเธอมีอะไรแปลกไป
แต่ในตอนนี้ที่อีกคนยกมือกุมศีรษะโอดครวญผละออกจากอ้อมกอดไปทำเอาใจเธอเหมือนถูกฉุดลงไปยังปลายเท้าทันที
“คุณหนูนอนลงนะคะ! นอนลงก่อน! ไม่ต้องคิดอะไร นอนเฉยๆก่อนค่ะ เดี๋ยวป้าไปเรียกหมอมานะคะ!” มือเหี่ยวย่นบังคับนิ้วกดรัวที่ออดเรียกพยาบาลแต่ดูจะไม่ทันใจ หญิงสูงวัยพยายามรีบจับอีกคนนอนลงก่อนจะรีบกุลีกุจอวิ่งออกไปข้างนอก เธอน่าจะเรียกหมอมาตั้งแต่แรก ไม่น่ามานึกสงสัยอะไรในตัวคนป่วยที่พึ่งจะฟื้นคืนสติและตื่นมาเจอคนรู้จักก็ย่อมต้องให้ความสนใจเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเลย
คนบนเตียงดูยังคงไม่รับรู้อะไร มือยังคงขยุ้มแน่นที่ศีรษะ
เมื่อกี้เขาว่าเขาอยู่ในฝัน... พวกนั้นมันฝันหรือความทรงจำที่เขาหลงลืมไปกันแน่
“คิดสิ ...คิดให้ออกสิวะ” ยองแจเริ่มทุบตีตัวเอง
มือเล็กนั่นตบลงเข้าที่หน้าผากและขมับอย่างต่อเนื่องก่อนน้ำตาจะค่อยๆไหลออกมาเพราะความเจ็บปวดนี่
คนนั้นคือป้านาบี เขาจำได้
...ใช่ ผู้หญิงคนเมื่อกี้คือ ปาร์คนาบี เขาจำเธอได้... เขาจำได้ว่าเธอคือคนของพ่อ
แต่เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเขา? ... “โอ๊ย!” ทำไมหัวมันปวดอย่างนี้
เขาคือใคร? แล้วทำไมเขาถึงจำผู้หญิงคนนั้นได้? จิตใต้สำนึก?
ความเคยชิน? นี่เขาเป็นอะไร? ทำไมภาพมันเหมือนตีซ้อนอยู่ในหัววนไปมาจนเขาเวียนหัว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
'โดดยองแจ!! เปิดประตูออกไป!'
‘จุนฮง
เรียนจบแล้วมาช่วยพี่ดูแลบริษัทป๊านะ’
‘ยองแจ
หนูเก็บนี่ไว้ดีๆนะลูก...เก็บมันไว้ให้ดีที่สุด สัญญากับม๊านะ’
‘จุนฮง!!!!!!!!!!!!’
ดวงตาพร่ามัวพยายามเปิดกว้าง
ผ้าม่านที่สะท้อนเงาร่างของใครอีกคนมันทำให้เขาพึ่งนึกขึ้นได้ว่าห้องนี้ดูจะใหญ่เกินไปที่จะวางเตียงเล็กนี้ได้เพียงแค่หนึ่ง...
จุนฮงเหรอ? คนที่นอนอยู่ตรงนั้นใช่คนที่จะโดนรถชนคนนั้นหรือเปล่า?
“อ่อก...” อาเจียนออกมาทันทีอย่างไม่ทันต้องคิดอะไรให้มากความ
ดวงตาโตปิดแน่นคิ้วขมวดแทบชนกัน มือยังคงกุมหัวตัวเองแน่น มันทรมานไปหมด
ตอนนี้หัวของเขามันเหมือนจะระเบิดออกมา
เขาไม่ไหวแล้ว ยองแจคือใคร...?
เสียงผู้หญิงคนนั้นคือใคร?
ช ช่วยด้วย...
“จ จุนฮง ฮึก จุนฮงช่วยพี่ด้วย!”
...
...เฮือก!
“จุนฮง?”
“จุนฮง... นายฟื้นแล้วจริงๆใช่ไหม จุนฮงอา
ได้ยินเสียงพี่ไหม?” ร่างทั้งร่างลืมตาเบิกโพลงกับเสียงที่ยังคงดังก้องอยู่ในใบหู
เสียกเรียกอ้อนวอนพร้อมกับร่างที่แดดิ้นราวกับจะขาดใจทำให้การกระทำแรกไม่ใช่สนใจน้ำเสียงที่เอ่ยถามตนด้วยความเป็นห่วง
แต่เป็นการรีบหันสำรวจไปยังด้านข้างทั้งสองฝั่งที่ว่างเปล่าไร้คนที่ต้องการ
เขา...
นอนอยู่ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ?
“พ พี่แดฮยอน” เริ่มละความสนใจและตั้งสติ
ดวงตาที่เหม่อลอยรีบปรับเลนส์มาใส่ใจคนที่กุลีกุจอวิ่งวุ่นราวกับทำตัวไม่ถูกอยู่ด้านข้างตัว
รอยยิ้มค่อยๆถูกเผยอออกกับจุมพิตที่หน้าผากที่เจ้าของชื่อรัวส่งมาให้เพราะดีใจอย่างปิดไม่มิด
“กินน้ำก่อนนะ ทุกอย่างโอเค ไม่ต้องกลัวนะ พี่กลับมหาแล้ว”
อยากจะโอบกอดร่างสั่นๆนั่นแต่เขากลับไม่มีแรงมากพอ
ทำได้เพียงเผยอยิ้มอ่อนแรงนั้นต่อไป
นึกโมโหตัวเองนิดหน่อย
แต่เมื่อย้อนกลับไปนึกดูถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาอ่อนแรงอยู่แบบนี้เขาก็ควรขอบคุณพระเจ้าแล้วล่ะที่ยังไม่คิดที่จะเอาตัวเขาตามบุพพการีไป
เขายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการ เขายังมีคนที่จะต้องดูแล... เดี๋ยวนะ
“ค่อยๆดื่มนะ นายหลับไปตั้งเกือบสองวัน
ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากมีปัญหาแค่ส่วนบั้นท้ายกับข้อเท้าที่พลิกนิดหน่อย
เพราะนายตากฝนและก็เพราะร่างกายนายไม่ค่อยได้พัก
หมอเขาเลยบอกเหมือนร่างกายแค่ปิดสวิตช์เฉยๆ” ดื่มน้ำเปล่าที่อีกคนยื่นมา
คำพูดจากคนรักกำลังสร้างเครื่องหมายคำถามติดบนใบหน้าคม
...เขาไม่ใช่โดนรถชนงั้นหรอกเหรอ? ทำไมร่างกายเขาถึงดูปกติและฟื้นตัวเร็วขนาดนี้
“ผม... ไม่ได้โดนรถชนเหรอ?” ปากก็ว่าไปตามคิด
ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้... พี่ยองแจ
“คู่กรณีหักหลบทันน่ะ เลยโดนแค่เฉี่ยว
พี่พึ่งกลับมาถึงเมื่อเช้า รู้เรื่องก็ตอนที่... พ พี่ยงกุกไปรับน่ะ”
“แล้วตอนนี้ป้านาบีอยู่ไหนครับ?! ...โอ๊ย!” ผลุดลุกขึ้นนั่งอย่างลืมตัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขายังไม่เห็นป้านาบีเลย
แต่ก็ฝืนได้เพียงแค่ครู่เดียวเมื่อมันอ่อนแรงเกินกว่าจะฝืนร่างกาย
ซ้ำอาการเจ็บแปลบที่ส่วนข้อเท้าที่เหมือนพลิกนั่น
รวมถึงอาการปวดจนเสียวขึ้นสันหลังนั่นทำเอาอดจะร้องโวยขึ้นมาไม่ได้ ... “บ้าเอ๊ย...”
จุนฮงดูจะไม่ได้สนใจคนใกล้ตัวเลยสักนิดในตอนนี้
ใบหน้าของจองแดฮยอนยังคงแสดงท่าทีเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด
แม้ในตอนนี้มันจะเริ่มแฝงไปด้วยความน้อยใจที่เริ่มแทรกแซงเข้ามา
ทั้งๆที่เขาบอกไปแล้วว่าใครเป็นคนไปรับเขามา... จุนฮงลืมอะไรไปแล้วหรือเปล่า? “พ พี่ก็ไม่รู้น่ะ จุนฮงนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะตามหมอมาให้” จุนฮงพึ่งฟื้นคงยังสับสนนิดหน่อย... อย่าคิดมากสิแดฮยอนอา
“พี่ยงกุก ใช่ พี่ยงกุก... พี่เรียกพี่ยงกุกมาหาผมที
แล้วมือถือผมอยู่ไหน?” ลืม
จุนฮงคงลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่กี่วินาทียังยิ้มยินดีต้อนรับในการเจอกับอีกคนอีกครั้ง
ยังยิ้มรับจุมพิตอ่อนหวานของคนที่แทบให้ทุกอย่างในชีวิต
แต่ตอนนี้นี่มันอะไรกัน
“ใจเย็นๆจุนฮง นายอย่าพึ่งขยับเยอะได้ไหม
เดี๋ยวพี่จะไปเรียกพี่ยงกุกให้ ขอร้องล่ะ”
“...”
เสียงตัดพ้อเหมือนฟื้นคืนสติทุกอย่าง
เชวจุนฮงนิ่งเงียบกับน้ำเสียงที่แม้จะไม่ได้ตะโกนโวยวายแต่มันกลับทำให้เขาหยุดนิ่ง
ใช่... เขาพึ่งนึกได้ “ผมแค่ห่วงพี่ยองแจแค่นั้นเอง พี่ชายผมทั้งคนนะ”
งึมงำตอบกลับเสียงเบา
แดฮยอนมองนิ่งกับเด็กที่หงอยลง
เอาจริงๆจุนฮงก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ก็มีแค่เขางี่เง่าเองนั่นล่ะนะ “พี่ไม่ได้ว่าอะไร เดี๋ยวพี่ไปเรียกพี่ยงกุกให้นะนายนอนเฉยๆนั่นล่ะ”
ยิ้มอ่อนพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพื่อที่จะไม่ให้คนป่วยคิดมาก
คนอายุน้อยกว่าพยักหน้าอย่างยอมรับ มือหนาขยับผ้าห่มให้ขึ้นมาปิดคออย่างว่าง่าย
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกอีกครั้งหนึ่ง
ยงกุกที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องยังคงไม่คิดที่จะขยับตัวราวกับไม่รับรู้การออกมาของคนในห้อง
แดฮยอนเผลอเม้มปากตัวเองแน่น
ไม่ใช่ว่าเขาพึ่งจะได้รับการกระทำแบบนี้จากอีกคน
แต่เพราะบังยงกุกทำตัวเป็นหุ่นยนต์ที่รอเขาป้อนข้อมูลคำสั่งตั้งแต่เจอหน้ากันต่างหาก...
“จุนฮงเรียกพี่” ให้แดฮยอนเดาได้ไม่ยากหรอก
เดี๋ยวยงกุกก็เดินเข้าไปเพียงพร้อมคำพูดเพียงแค่ขานรับเหมือนเดิม
“ครับ”
...นั่นไง เขาว่าผิดที่ไหน
‘ไม่ต้องเลยจองแดฮยอน นายนี่น้า
ทำอะไรดูตัวด้วยสิ’
‘พี่จะว่าผมเตี้ยหรือไงเล่า!’
‘นั่นงอน งอนอย่างนี้ฉันง้อไม่เป็นหรอกนะ’
‘ใครให้พี่ง้อกันเล่า ผมงอนที่ไหนกัน’
เราดูห่างเหินกันไปเยอะเลยนะครับ...
พี่ยงกุก
...
“ป้านาบีอยู่ไหนเหรอพี่?” ทันทีที่ยงกุกก้าวเข้ามาในสายตาก็รีบโพล่งถามขึ้นทันที
ยงกุกชะงักเท้าไปเพียงนิดก่อนจะสานเท้าเดินต่อเข้ามาใกล้เตียง
ทำไมยงกุกจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาต้องการถามถึงใครกันแน่
แต่ก็เป็นเพราะอย่างนั้นนั่นแหละที่มันทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในตอนนี้...
“ก็อยู่บ้านสิครับ” ทำได้เพียงตอบกลับตามหัวข้อที่อีกคนถาม
ขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถตอบคำถามโดยอ้อมนั่นได้
บังยงกุกยังไม่ทันได้คิดเลย
“ผมรู้ว่าพี่รู้ว่าผมหมายถึงอะไร?” นัยน์ตาคมเริ่มหยีตาจับผิด
ท่าทีผิดปกติที่เห็นไม่บ่อยนักของคนอายุมากกว่าทำให้ลมหายใจเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะความกังวล
บังยงกุกหลบสายตาจับผิด
ร่างสูงกลืนน้ำลายก่อนจะถอนหายใจราวกับต้องการยืดเวลาไปให้มากที่สุด “ก็คุณหนูถามมาอย่างนั้น ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะครับ”
“พี่ยงกุก! โอ๊ะ!” เป็นอีกครั้งที่เชวจุนฮงไม่ได้ดูสังขารตัวเอง
มือหนาผลักดันร่างส่วนบนให้ลุกขึ้นอย่างหาเรื่องเต็มที่
แต่ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นสภาพ
ซ้ำยังไม่มีของหนักตกถึงท้องทำให้ทรุดฮวบลงกลับไปที่เดิมโดยที่มีพี่ชายตัวโตช่วยจัดท่า
“ยูยองแจอยู่ไหน? มันเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น? ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้พี่กระจ่างกับคำถามผมหรือยังฮะ!”
สะบัดมือที่ช่วยตัวเองออก แม้ตอนนี้จะรู้สึกภาพตรงหน้ามัวเพียงใด
แต่เขาจำเป็นต้องได้รับรู้ว่าอีกคนปลอดภัย! ก็ถ้าหากมันไม่มีอะไรทำไมจะต้องมาทำลับๆล่อๆแบบนี้ด้วย!
“...”
“คุณหนูยองแจ อยู่โรงพยาบาลครับ...”
สุดท้ายยงกุกก็พูดออกมา นัยน์ตาของคนเป็นพี่เสหลบทันทีที่สิ้นคำพูดขอตัวเอง
“งั้นพาผมไปหาเขาสิ พาไปตอนนี้เลย เอาวิลแชร์มาให้ผมที
เขาไม่เป็นไรมากใช่ไหม แล้ว...”
“อยู่โรงบาลฯทางจิตครับ ไม่ใช่ที่นี่”
“...”
ท่าทีดีใจเมื่อครู่เหมือนโดนกระชากลงมาให้อยู่ในระดับติดลบ
ยงกุกค้อมหัวก่อนจะก้าวออกห่างระยะหนึ่ง ใบหน้าก้มลงมองพื้นนิ่ง...
ท่าทีคุณหนูคนเล็กของตระกูลยูกำลังทำให้ปากเขาสั่น
...เขากลัวเกินกว่าจะอธิบายความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ข เขา... เขาไปทำไม?”
“บอกผมมาซี่! อ้ำๆอึ้งๆทำไมวะ!”
เพราะการที่ยงกุกไม่คิดจะขยับตัวนั่นยิ่งทำให้จุนฮงเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ตอนนี้ความเจ็บปวดมันถูกพับเก็บหลงเหลือเพียงความกังวลและร้อนรนให้กับเรื่องของใครบางคนที่เขาเคยตีตราติดป้ายปิดหน้าผากตัวเองไว้ว่าจะไม่มีวันกลับไปญาติดีด้วยอีก
“ยองแจอยู่ไหน! พี่ยองแจของผม
ย อยู่ไหน...” ร่างที่โวยวายโผฮวบลงเตียงทันทีเมื่อเรี่ยวแรงถูกใช้จนเกินลิมิต
แดฮยอนที่แอบดูอยู่นานรีบวิ่งเข้าไป
พอๆกับยงกุกที่รีบเอี้ยวตัวเข้าไปรับคนเป็นนายที่กว่าครึ่งตัวโถมลงมาจากเตียง
“จุนฮง!/คุณหนู!”
...
บ้านเงียบสงบเสียจนคนอายุมากใจสั่น
เจ้าบีเกิลตัวน้อยวิ่งมาคลอเคลียทุกวันยิ่งทำให้ตัวเธอล่ะอยากจะร้องไห้
ป่านนี้เจ้าของจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอทั้งอยากรู้และไม่อยาก... ปาร์คนาบีไม่รู้จริงๆว่าตัวเธอควรจะรู้สึกยังไง
“ฮ่อง!” เสียงเห่าของเจ้าตัวน้อยทำให้เธอสะดุ้งเฮือก
ขมวดคิ้วจุ๊ปากเอ็ดใส่เจ้าตัวเล็กที่ทำให้คนแก่หัวใจเกือบวาย
แต่ท่าทีที่เจ้าสี่ขาวิ่งไปแล้วเห่าเรียกเธอเรื่อยๆดูเหมือนจะเป็นนัย
ให้เธอรีบเดินตามไปอย่างที่ไม่คิดอะไรมากอีกต่อไปทันที
“นี่มันกล่องของคุณหนูหนิมีโซ” พึมพำเบาเมื่อเจ้าบีเกิลตัวน้อยพามาที่โต๊ะด้านในตัวห้องนั่งเล่นและทำท่ามุดเข้าไป
นาบีที่เห็นก็อาสาก้มลงเอื้อมมือคว้าหยิบให้ ก่อนที่จะชะงักไปเมื่อเจ้าสี่ขาตะกายเสียจนเผลอทำของในมือตกลงจนของข้างในเปิดออกมา
“อ๊ะ!”
เธอไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายแม้จะมีจิตผิดปกติหรือไม่
แต่ในครั้งนี้มันดูเป็นอุบัติเหตุที่แม้จะกึ่งตั้งใจ
เธอทำเพียงขมวดคิ้วแปลกใจกับสิ่งที่ได้เห็นเต็มๆตา... “เครื่องประดับของคุณผู้หญิง?” ถุงกำมะหยี่มากมายที่ช่วยปกคลุมสิ่งของมีค่าราคาสูงทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
เธอค่อยๆไล่เก็บมารวมกันหลังจากที่เผลอทำพวกมันตกออกจากกล่องไปแต่ดูเหมือนเจ้าสี่ขาตัวเล็กนี่จะยังคงไม่ยอมเลิกรา
"งื่อ..."
ขาเล็กตะกายคอยป่วนนั่นทำเอาคนสูงวัยเผลอนึกอารมณ์เสีย
ครั้นจะเอ่ยดุก็เป็นอีกครั้งที่เผลอปล่อยกล่องในมือร่วงลงตามสิ่งที่เคยอยู่ภายใน
“มีโซ นี่หนูซนอีกแล้วนะลูก!” ว่าเขาให้ก่อนจะทำท่าจะตี
บีเกิลตัวเล็กที่เห็นมือนั้นง้างสูง สัณชาตญาณก็ทำให้เจ้าตัวน้อยวิ่งหนีไปทันที “จริงๆเลย เจ้ามีโซ” เอามือลงก่อนจะถอนหายใจส่ายหน้าขำๆ
ตัดสินใจละความสนใจจากเจ้าสัตว์น่ารักแต่ดื้อแสนดื้อตัวนั้น
มาเก็บของที่ตกเรี่ยราดนี่แทน
“ป้าขอโทษนะคะคุณหนู คุณผู้หญิง
ป้าไม่ได้จะขโมยอะไรนะคะ อ๊ะ...” เก็บไปก็เอ่ยพึมพำกับตัวเองไป
แต่ยังไม่ทันจะได้เก็บของราคาสูงลิ่วนั่นลงกล่องธรรมดาก็เป็นอันต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสายตาดันเหลือบเห็นข้างในกล่องมีการชำรุด
มันจะไม่ได้รับการสนใจมากนักถ้ามันเพียงแค่ชำรุดอย่างที่กล่องกระดาษส่วนใหญ่เป็น
แต่เพราะความหนาผิดปกติของก้นกล่องนั้นทำให้เธออดจะง้างรอยแยกนั้นเปิดอกมาไม่ได้
“นี่มันอะไรกัน?”
กระดาษจำนวนหนึ่งถูกพับเก็บไว้อย่างดีภายใต้รอยเชื่อมนั้น
คนสูงวัยรอยฉีกง้างรอยแยกนั้นจนหลุดออกและเลือกที่จะหยิบสิ่งในนั้นขึ้นมากางอย่างที่ไม่คิดที่จะนึกถึงความเป็นนายบ่าวในเมื่อตอนนี้ความสงสัยมันมีกว่าเป็นร้อยเท่า...
ก็จะไม่ให้เธอร้อนใจได้อย่างไรในเมื่อชื่อที่เธอเห็นตรงหน้ามันเป็นชื่อคุณหนูของเธอทั้งสองคน
...
“นี่ไม่มีคนอยู่เลยหรือไงฮะ!” เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้นาบีรีบเก็บทุกอย่างให้เข้าสู่ปกติดั่งเดิมให้เร็วที่สุด
เสียงที่ไม่คุ้นเคยนั่นทำให้เธอนึกสงสัยแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
เดินไปต้อนรับเพราะช่วงนี้คนในบ้านก็อาศัยช่วงเจ้านายทั้งสองไม่ได้กลับมาบ้านลาหยุดกันไป
“คุณจินรี?” มันนานมากแล้วที่นาบีไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้
และถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากที่จะได้พบได้เจอผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ
แล้วเธอมาทำไมกัน?
“ว้าว... บ้านนี้ยังจ้างเธออยู่ด้วยเหรอเนี่ย นาบี”
“ฉันนึกว่าเธอจะไปพร้อมๆกับเจ้านายเธอแล้วนะ อุ๊ย...
ฉันพูดอะไรผิดไหมเนี่ย”
เอาความจริงเธอล่ะไม่ชอบเลยจริงๆกับท่าทีจีบปากจีบคอแบบนั้น
คุณจินรีก็ยังคงเป็นคุณจินรีที่ไม่เคยเห็นหัวใครอยู่ดี
ถ้าตอนนี้คุณหนูคนโตของเธออยู่คงมีอันฉะกันเข้าให้เป็นแน่แท้
จินรีกับยองแจไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ไม่สิ...
ก็เพราะคุณจินรีเองที่ชอบไม่แยแสคนเป็นหลานแท้ๆอย่างคุณหนูจุนฮงนั่นแหละที่ทำให้คุณหนูคนโตเกลียดคุณเธอเข้าไส้
แล้วทำไมตอนนี้ถึงกล้ามาเหยียบที่นี่ได้?
“คุณมาที่นี่ทำไมเหรอคะ?” จำต้องนึกถึงคำนำหน้าชื่อไว้ว่าตัวเป็นได้แค่ขี้ข้า
มารยาทที่สั่งสมมาควรจะหยิบยื่นเพื่อไว้หน้าแก่เจ้านาย ถึงเธอจะไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้แค่ไหน
เธอก็ควรรีบถามและรีบทำหน้าที่ให้จบๆไปเผื่ออีกคนจะได้ไปจากตรงนี้เสียที
“ฉันก็มาหาหลานฉันสิ ฉันคุยกับจุนฮงตั้งแต่มันยังไม่กลับมาเลยว่าฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่
หลานฉันก็ตอบตกลงแล้วด้วย... ตอนนี้คนของฉันยกของอยู่
มีห้องไหนทำความสะอาดไว้แล้วบ้างล่ะ?” ท่าทียืดคอแสนหยิ่งผยองนั่นไม่ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจได้เท่ากับคำพูดที่เหมือนเธอไม่มีสิทธิ์รับรู้อะไรมากกว่านี้มากกว่า
ตอนนี้คุณๆเธอก็ไม่อยู่กันสักคน
แต่เพราะผู้หญิงตรงหน้ามีศักดิ์เป็นอาของคุณหนูคนเล็กของเธอนั่นทำให้จะเอ่ยปฏิเสธก็คงทำไม่ได้
ยิ่งข้าวของที่ในตอนนี้ถูกคนยกเข้ามา
ทำให้เหมือนสถานการณ์บังคับให้เธอจำต้องตอบรับทราบไป
“เดี๋ยวรบกวนคุณนอนห้องรับรองไปสักพักก่อนนะคะ
ต้องรอพวกคุณหนูกลับมากันก่อนถึงจะจัดการย้ายไปห้องใหญ่ได้” จินรีไม่ได้มีท่าทีโวยวายอะไร
เธอพยักหน้ารับนั่นทำให้นาบีโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“แล้วจุนฮงจะกลับจากที่ทำงานกี่โมงล่ะ? อ่อ
แล้วยองแจอยู่ไหนล่ะ ฉันว่าฉันยังไม่เห็นเลยนะ” ย้ายกระเป๋าเข้าห้องได้เพียงชั่วครู่
ไม่ทันที่นาบีจะได้เดินออกไปก็เป็นอันต้องชะงักกับคำถามที่ทำให้เธอเกือบไปไม่เป็น
...อย่าบอกนะว่าคุณจินรียังไม่รู้เรื่อง?
“เอ้า... ฉันถามแล้วยังจะมายืนเป็นใบ้อีก”
“คุณจุนฮงโดนรถเฉี่ยวเข้าโรงบาลฯตอนนี้ปลอดภัยแล้ว
ส่วนคุณยองแจเธอช็อคเพราะคุณจุนฮงเกิดอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตา พึ่งฟื้นเมื่อวานแต่ถูกย้ายตัวไปที่โรงบาลฯทางจิตที่เดิมที่เคยรักษาเมื่อคืนค่ะ”
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนฟัง
จินรีนิ่งไปสักพักก่อนดวงตาจะหันไปมองรอบๆตัวที่ยังคงมีคนของตัวเองช่วยจัดการเสื้อผ้าข้าวของเข้าตู้ให้
“ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะถูกสอบสวนอยู่หรือเปล่า”
นาบีพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง เธอไม่ได้มีความสุขนักที่ต้องส่งคุณหนูของเธอกลับไปในสถานบำบัดที่ทำให้อีกคนเคยโดดเดี่ยวแบบนั้น
ซ้ำยังนึกถึงข้อหาที่ถูกป้ายให้เป็นครั้งที่สองจากคู่กรณีที่บอกว่า...
ยูยองแจเป็นคนว่าจ้าง
บ้าที่สุด
คุณหนูของเธอที่จิตผิดปกติจะมาว่าจ้างให้ฆ่าคนได้อย่างไรกัน
“งั้นเหรอ...” ทันทีที่ได้ยินเสียงพึมพำกับตัวเองอย่างไม่รู้ตัวของอีกคน
คนที่มีศักดิ์เป็นอาก็ยกมือขึ้นมาเกาะอก นิ้วยาวที่มีแหวนเพชรเม็ดงามสวมอยู่ยกขึ้นมาเคาะแก้มนิ่มของตัวเองก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้นาบีโวยขึ้นทันที
“โดนข้อหาพยายามฆ่าจุนฮงสินะ”
“นี่คุณพูดอะไร คุณจินรี?!”
“ทำไม? ใช่เรื่องจริงสินะ? ฉันได้ยินมาแต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
ระวังคุณหนูใหญ่ของเธอไว้เถอะ หายบ้าเมื่อไหร่คุกอยู่ตรงหน้าแน่”
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
นาบีมองจินรีอย่างโมโหต่างกับจินรีที่มองอย่างเยาะเย้ยกลับไป? ทำไมล่ะ? เธอพูดอะไรผิดกัน
คนที่มีคดีติดตัวแบบนั้น
จะอย่างไรเสียสุดท้ายถ้าไม่ตายก็คงไปตายในคุกอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?
“คุณไม่ควรแช่งคุณหนูอย่างนั้นนะคะ!” อะไรกัน คุณหนูเข้าโรงบาลฯก็ไม่เห็นมีท่าทีตกใจอะไร
ยังจะมาตีหน้าแช่งคุณหนูคนโตของเธอนี่มันใช่เรื่องที่คนมีอายุคิดเป็นควรทำงั้นหรอกเหรอ?
“แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรฮะ! ระวังตัวเองไว้ด้วยละกัน
เดี๋ยวจะโดนเด้งออกจากบ้านไม่รู้ตัว!”
"คุณจินรี!..." ไม่ทันจะได้เถียงอะไรกลับไป
เสียงโทรศัพท์บ้านก็เรียกให้นาบีกลั้นใจหันหลังกลับไม่ต้อล้อต้อเถียงต่อ เชวจินรีทำเพียงยิ้มส่ง
มือเรียวกลับไปวางแนบลำตัวก่อนจะหันไปคุมงานของคนของตัวเอง
แต่เสียงของคนที่พึ่งเปิดศึกกับเธอเมื่อครู่ทำให้เธอต้องรีบหันกลับมาสนใจทันที
“ว่าไงนะคะ! คุณหนูหนีออกจากโรงพยาบาล?!”
เชวจุนฮงหรือยูยองแจกัน?
TBC.
talk; น้อมรับคำว่ากล่าวทุกทางที่หายไปเลยค่ะ มีปัญหาหลายอย่างต้องขอโทษด้วยจริงๆ มีหลายคนที่เมนชั่นมาหา ขอโทษนะคะที่ไม่ได้เข้ามาตอบกลับมาอีกจะเมนชั่นตอบมันก็ผ่านมานานแล้วกลัวจะทำให้เสียความรู้สึก แต่ตอนนี้กลับมาแล้วนะคะ จะพยายามอัพเรื่อยๆไม่ให้หายไปอีกค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่ยังจำนามปากกาปลายได้ ขอโทษหลายๆคนที่ทำให้ผิดหวังด้วย สำหรับหลายๆคนที่ถามมาเรื่องแท็กของเรื่องแมดแมนนี้ ถ้าหากแท๊คเป็นอิงคงไปตีกับพวกคนต่างชาติที่แท๊คกันงงแย่เลย งั้นเอาเป็นแท๊ค #แมดแมนโล่แจ แทนนะคะ จะมีคนเล่นไหมไม่รู้ นักอ่านถามมาเราก็สร้างให้ ขอบคุณและขอโทษจริงๆ มันอาจจะไม่สนุกแล้วเนอะ แต่ยังไงก็ยังอยากแต่ง เจอกันตอนหน้านะคะ
ความคิดเห็น