คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3
Part 3
'ยองแจ วันนี้ป๊ากับม๊าว่างช่วงบ่าย เดี๋ยวขับรถออกไปเตรียมของทำข้าวเย็นกันเนอะ'
'อ เอ่อ... ครับ'
'คุณเอารถลูกไปละกันนะคะ เดี๋ยวรถเราให้ซงอุลขับกลับไปเลย'
'ไม่ครับ! รถผม ผ รถผมไม่ได้!'
"ไม่ได้! อย่าเอาไป!!! ..."...ร่างบนเตียงตะโกนลั่นก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งด้วยลมหายใจขาดห้วง ใบหน้าใสประกอบด้วยเรียวคิ้วที่ขมวดปมแน่น ก่อนที่มันจะเหยเกเมื่อรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง...
'คุณรถเป็นอะไร?!'
'ไม่เป็นอะไรหรอก ใจเย็นๆ'
'คุณคะเบรคสิคะคุณ! มันจะชนอยู่แล้ว!'
'ใจเย็นๆ มันจะโอเค คุณกับยองแจจะปลอดภัย...'
'...!!'
"โอ้ยยยยยยยยยย!!!!" สุดท้ายก็เอนตัวลฃระนาบเตียงงอตัวงุ้มกุมศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง เสียงในลำคอคำรามลั่นใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างทรมานยากจะเอ่ย... "ป๊าม๊าอย่า!! ผมไม่ไป อึก ผมไม่โดด!!!"
'โดดยองแจ!! เปิดประตูออกไป!'
"ฮึก ผมขอโทษ! ไม่! ...ไม่! ได้โปรดเถอะ"
ปัง!
"พี่ยองแจ?!" ร่างทั้งร่างพุ่งตรงสู่เตียงที่มีร่างของคนดิ้นทุรนทุรายโวยวายอยู่ จุนฮงรีบแกะมือที่เริ่มทำร้ายตัวเองออก พอๆกับยงกุกที่ตามเข้ามาก็เข้ามาช่วย
"ไม่เป็นไร ใจเย็นนะยองแจ..." พยายามยื้อยุดร่างที่เริ่มน้ำตาอาบหน้าแต่มันคงยากเมื่ออีกคนดูจะไม่ช่วยเย็นขึ้นสักนิด
"อย่าทิ้งผม ฮึก...!!"
"ไม่ทิ้ง ผมไม่ได้ทิ้งพี่ ไม่มีใครทิ้งพี่! ค่อยๆมอง นั่นแหละครับ... ตั้งสติหน่อยนะ"
พยายามเย็นใส่แม้ตามใบหน้าจะโดนรอยเล็บจากอีกคนข่วนตบจนเป็นปื้น ท่าทีที่พยายามผลักใสแต่ก็ยอมโอนอ่อนเข้าหาเริ่มทำให้คนดูแลจำเป็นเริ่มจับทางได้
"นี่ไง มีคนอยู่ตั้งสองคน... ไม่มีใครทิ้งพี่เลยเห็นไหม?" แม้จะหอบเหนื่อยแต่ก็จำต้องแกล้งยิ้มเข้าใส่คนที่เริ่มเหลือเพียงก้อนสะอื้น ยองแจสูดหายใจเข้าออกหนักก่อนจะค่อยๆมองรอบๆตัวอีกครั้ง
"ฝันงั้นเหรอ..." ไม่ใช่คำถามจุนฮงและยงกุกรู้ดี คนบนเตียงทำเพียงพึมพำเป็นประโยคบอกเล่าก่อนจะอมยิ้มกับตัวเองและเอนตัวลงนอนราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง
"เฮ้อ" จุนฮงถอนหายใจยาวก่อนจะผลันตัวก้าวออกไป ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเดินออกมารอยงกุกที่จัดการห่มผ้าให้อีกคนให้เรียบร้อยก่อนเดินตามออกมา
"นอนหน้าห้องคนอื่นนี่เสียมารยาทนะครับ..." ยงกุกว่าเข้าก่อนจะโดนสายตาเหวี่ยงๆจากเจ้านายส่งมา บังยงกุกล่ะอยากจะขำ คนปากกับใจไม่ตรงกันนี่มันน่าขันเสียจริงๆ
เชวจุนฮงน่ะรักพี่ชายพอๆกับชีวิตตัวเองนั่นล่ะ
"แต่ก็ถือว่าก็โอเคครับ ดูแลอย่างใกล้ชิดดี"
"เงียบเถอะพี่ ผมจะไปนอนแล้ว"
"...ดีกับเขาหน่อยเถอะครับ อย่างน้อยเขาก็ดูแลคุณ ช่วยเหลือคุณมากว่าครึ่งชีวิตแล้ว" ยงกุกไม่เอ่ยรั้งเพียงแต่เอ่ยบอกเป็นนัย จุนฮงชะงักเท้าก่อนจะมายกยิ้มเบาๆส่งไป ก่อนที่คนดูแลจะทำเพียงมองตามร่างของผู้เป็นนายที่เดินหายกลับเข้าไปในห้องอีกฝั่งด้วยความรู้สึกเปรมใจ ไม่ได้อยากนึกล้อเสียเท่าไหร่หรอกแต่พอเห็นใบหน้าที่พยายามตีนิ่งแต่กลับอ่อนลงเมื่อเห็นคนในห้องดิ้นทุรนทุรายมันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว
"..."
จะเดินกลับไปห้องของตัวเองก็เป็นอันต้องสะดุดกับกระเป๋าสตางค์ที่เปิดอ้าออกอยู่ที่มุมประตูห้อง บัตรประชาชนและการ์ดบัตรมากมายไม่ได้ดึงความสนใจมากกว่ารูปคู่ของเจ้าของและคนรักที่ส่งมากระแทกเต็มๆตาทั้งที่ยังไม่ทันได้ก้มลงไปเก็บ
ชุดนักศึกษามัธยมต้นที่เชวจุนฮงใส่ถ่ายในรูปใบนั้นยิ่งทำเอาขามันชาเสียจนไร้ความรู้สึก... เพราะใครอีกคนก็ใส่ชุดมัธยมปลายเฉกเช่นเดียวกัน
...นานแล้วสินะ
ที่ถูกหลอกน่ะ มันนานมากแล้วสินะ
จองแดฮยอนหลอกบังยงกุกมานานมากจริงๆ
"โง่จริงๆเลยน้า นายเนี่ย" ก้มลงเก็บและก็ได้แต่ยิ้มสมเพชสบถให้กับตัวเอง เรื่องราวมากมายที่เกิดทำเอาจิตใจด้านชา แต่เรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา มันก็มีค่ามากกว่าจะลืมเลือน
บังยงกุกน่ะก็เป็นได้แค่หมาเท่านั้นแหละ หมาที่มันได้แต่มองเครื่องบินที่ถึงจะเห่าไปก็คงไม่มีใครได้ยิน
บังยงกุกที่เคยได้ลิ้มลองดอกฟ้าแต่สุดท้ายก็มีคนเด็ดไปเก็บเสียบแจกันอย่างเปิดเผยเสียแล้ว
.
.
.
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความอบอุ่นกลับมาเสียจนนาบีอดไม่ได้ที่จะมีความสุขเสียจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นคุณทั้งสองคนของตนยิ้มให้กันอย่างวันวาน
ทุกๆเช้าเชวจุนฮงจะเข้าไปปลุกคุณคนโตที่พอเห็นหน้าคนตัวสูงก็รีบตื่นเพราะถูกตั้งข้อมูลไว้ว่าในช่วงเช้าจะมีเวลาเล่นกับคนตรงหน้าได้ไม่นานเพราะการงานที่มากมาย ถ้าเพียงแค่ตนงอแงคุณคนเล็กก็จะขู่ว่าจะออกไปทำงานทันที
ยูยองแจที่เกาะท่อนแขนแกร่งลากจูงลงมาทานข้าวเช้า รอยยิ้มกว้างที่ประดับไว้ทำเอาคนได้เห็นอดจะยิ้มตามไม่ได้ แถมเวลาทำหน้ามู่ทู่ยามถูกคนตัวสูงขัดใจก็ยิ่งทำเอาคนพบเห็นลอบยิ้มขัน
ตอนเย็นตอนห้าโมงคนอายุมากกว่าก็จะรีบมานั่งจุ้มปุ๊กรออยู่ห้องรับแขกพร้อมกับบีเกิ้ลเพื่อนรัก วันไหนอีกคนกลับเย็นก็ยังนั่งรอเสียจนอีกคนไม่กล้ากลับเลทและกลับตรงเวลาเสียทุกครั้ง
"ป้าครับวันนี้ผมพาพี่ยองแจไปกินข้าวข้างนอกนะครับ"
เช้าวันอาทิตย์ที่สดใสในวันนี้นี่มันสดใสมากเสียจนแสบตาเลยทีเดียว เชวจุนฮงเดินบิดขี้เกียจลงมาจากบันไดชั้นบนเห็นอีกคนกำลังจะเดินผ่านไปก็เอ่ยจุดหมายออกไปทันที
นาบีชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มรับพยักหน้าตอบตกลงไป... มันก็นานแล้วเหมือนกันที่คุณคนโตของเธอไม่ได้ออกไปไหน แต่อย่างน้อยคุณจุนฮงเป็นคนพาไปเธอก็เบาใจ
"เอาสิคะ แต่ระวังด้วยนะคะ คุณเขาเจอคนเยอะๆจะแตกตื่นเอา"
"อ่อ แล้วนี่คุณยองแจอยู่ไหนล่ะคะเนี่ย"
"ผมให้แต่งตัวอยู่น่ะครับ ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า บอกให้ใส่ชุดไปเที่ยวนี่คงไม่คิดหาชุดแปลกๆใส่หรอกนะ ฮะฮะ" จุนฮงยิ้มขันเอ่ยล้อก่อนจะวิ่งขึ้นไปข้างบนอีกที นาบีมองตามแล้วก็ได้แต่มีปริ่มในใจ วันวานมันซ้อนทับเสียจนข้าวเช้าวันนี้แทบจะไม่จำเป็นเพราะมันอิ่มอกอิ่มใจเสียเหลือเกิน
...
"เสร็จย ย..." เปิดประตูผลัวะเข้าไปแล้วก็กลายเป็นปิดแทบจะไม่ทัน แต่เสียงหวานที่เอ่ยรั้งก็ทำเอาต้องตั้งสติแล้วก้าวเดินเข้าไป
การที่คนตรงหน้าใส่กางเกงในตัวเดียวและกำลังยัดกางเกงขาสามส่วนไม่อยากจะบอกเลยสักนิดว่าสะโพกกลมนั่นมันโก่งโค้งได้รูปตรงเป๊ะกับระดับสายตาเสียเหลือเกิน มันก็คงจะไม่มีอะไรหรอกในเมื่อก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่มันติดตรงที่เขามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วเขาดันเป็นรุกด้วยนี่สิ
...บ้าเอ๊ย
"เป็นอะไรอ่ะ?" ใส่กางเกงเสร็จก็หันตัวมาถามด้วยแววตางุนงงฉบับใสซื่อของตัวเอง ไม่ดูเลยไอ้ดวงตานั่นน่ะ ตอนนี้หน้าอกหน้าใจมันกระแทกตาเสียจนจำต้องเม้มปากระงับท่าทีแน่น
หุ่นผอมบางที่มีกล้ามน้อยๆเพราะอีกคนออกกำลังกายเมื่อครั้งยังปกติกำลังทำให้คนอย่างเชวจุนฮงไปไม่ถูก... มีเอวด้วยแฮะ
"สวย..."
"อ๊ะ! อ อ่อ... สายน่ะ สายแล้ว แต่งตัวยังไม่เสร็จอีกเหรอ!" เชวจุนฮงล่ะอยากจะบ้า ไอ้มือหื่นนี่ก็เกือบจะเลื้อยใส่อกอีกคนเข้าแล้วไหมล่ะ กว่าจะฟื้นคืนสติได้ก็รีบโวยวายดันๆร่างอีกคนไปยังเสื้อที่ถูกหยิบมากองระเกะระกะ ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ถามความเห็น คนสูงกว่าก็จัดการหยิบๆมาใส่ให้โดยที่อีกคนไม่ทันได้แย้ง
ผิวลื่นมือทำเอานึกอิจฉา ผิวเขาขาวมากก็จริงแต่กลับไม่ได้ดูนวลเนียนเท่ากับอีกคนที่จะเพียงแค่มองหรือสัมผัสก็เนียนลื่นไปเสียหมด
"อยากกินอันนี้!" ต้องขอขอบคุณที่อีกคนไม่ปกติก็วันนี้แล แค่เพียงจับใส่เสื้อติดกระดุมเฉไฉไปเรื่อยอีกคนก็วิ่งไปเอาใบปลิวที่พับเก็บมายื่นมาให้... ดูเหมือนจะเป็นพวกที่มาเสียบไว้ตรงประตูรั้วล่ะนะ
นานแล้วด้วยนี่สิ
"อือๆ เดี๋ยวพาไป" เอาตรงๆก็พูดไปงั้นไม่อยากให้อีกคนโวยวาย ก็ใบปลิวที่อีกคนเอามาให้ดูมันเป็นโปรโมชั่นที่มันหมดอายุไปแล้ว อย่างไรเสียก็หาของคล้ายก็คงไม่ต่างกัน
"ป่ะ ไปสวัสดีป้านาบีแล้วก็พามีโซไปที่สวนก่อนจะได้ไป" พูดเข้าก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคนเพราะยังมีไอ้เจ้าสี่ขาที่ไม่รู้ไปเหนื่อยมาจากไหนนอนหงายหลังเอกเขนกอยู่ตรงบ้านหมาแสนอุ่นสบายไม่สนสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิดอยู่ใต้แอร์ข้างเตียง
ยองแจพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะรีบวิ่งไปสะกิดเพื่อนรักที่สะดุ้งตื่นก่อนจะนอนลงซุกแผ่นอกอุ่นอีกครั้งเมื่อโดนอุ้มขึ้นมา
...หมาหรือลูกวะน่ะ จุนฮงได้แต่มองด้วยความเหนื่อยใจ
...
"อิ่มจังเลย" ช้อนในมือค่อยๆวางลงก่อนจะเปลี่ยนไปลูบท้องที่ป่องออกมาน้อยๆนั่นแทน จุนฮงอิ้มให้กับท่าทางนั่นก่อนจะรีบจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองให้หมดตามไป
วันนี้เอาจริงก็อดชมไม่ได้ที่อีกคนทำตามที่ตนพูดจนเหมือนคนปกติคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีบางช่วงที่ถ้าให้พูดตามตรงก็คือไอ้อาการที่เหมือนเด็กออทิสติกแต่ก็ไม่ได้หนักถึงขั้นไม่ฟังอะไรเลย อาจจะเพราะยังเช้าอยู่เลยไม่ค่อยมีคนทำให้ดูไม่แตกตื่น แต่ก็อดจะหวังไม่ได้ว่าอีกคนจะสามารถฝืนตัวเองจนกลับถึงบ้านได้
"..." พูดไม่ทันขาดคำก็เอาจนได้ ทันทีที่เช็คบิลเสร็จก้าวออกมาจากร้านยองแจก็มีท่าทีเขยิบเข้ามุมด้วยใบหน้าหวาดและเหม่อลอยไปในที คนพลุกพล่านที่มากขึ้นหลายเท่าตัวทำเอาความเป็นปกติที่สั่งสมเรียงตัวติดลบกันเป็นทางยาว
หมับ
ไม่ทันได้ให้อีกคนถอยไปไกลอีกมือหนาก็แทรกเข้ากระชับมืออีกคนทันที ยองแจหันขวับไปมองหน้าเจ้าของก่อนจะได้รอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำเอาจำต้องโอนอ่อนส่งกลับมา "ถ้ากลัวก็บีบแน่นๆ ไม่มีใครทำอะไรนายหรอก..."
ความอบอุ่นแผ่ซ่านเสียจนคนได้รับจ้องอีกคนตาไม่กระพริบ จุนฮงทำเพียงยีหัวอีกคนแผ่วเบาก่อนจะเริ่มออกเดินพร้อมกับจมความคิดของตัวเอง ...ครั้งแรกเลยมั้งที่เราจับมือกันตั้งแต่ตนได้กลับมา
มันก็... อุ่นดีนะ
"อยากได้อะไรไหม?" ท่าทีตื่นตาตื่นใจทำเอาอดไม่ได้ที่จะถามแลักึ่งลากกึ่งจูงเดินพาเข้าไปแม้อีกคนจะดูอิดออดรวมถึงหวาดๆไม่น้อยเวลามีพนักเดินเข้ามาเฉียด
"...อันนั้น" ไม่นานนักอีกคนก็ชี้ไปยังชั้นล่างอีกชั้นที่มีเจ้าตุ๊กตาไซบีเรียนขนาดเท่าตัวจริงของตัวโตเต็มวัยวางเด่นอยู่ในตู้กระจก จุนฮงขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะแจกมะเหงกไปที... "ใหญ่ไป เลือกดีๆดิ๊"
คนโดนทำร้ายมุ่ยหน้าก่อนจะจัดการเบะปากใส่ จุนฮงดึงปากรั้นนั่นเข้าให้ทำเอาคนโดนคูณสองร้องโอดโอยทันที "เจ็บนะ!"
"เอ้า ก็ทำให้เจ็บน่ะสิ จะเอาอะไรก็เอาที่อยากได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าชี้นู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย" บ่นเข้าให้ ทำไมจะไม่รู้ในเมื่ออีกคนในห้องไม่มีตุ๊กตาเลยสักตัว เหตุผลง่ายๆก็เพราะกลัวมีโซเล่นกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง ไอ้เราก็พึ่งรู้ก็เมื่อไม่นานเพราะป้านาบีบอกนี่แหละ
"งั้นเอา...."
"อันนี้"
คนตัวเล็กชี้ไปที่ร้านไอศกรีมชื่อดังที่อยู่ตรงหัวมุมไม่ไกลแทน จุนฮงขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ต้องอมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินอีกคนบ่นเบาๆ "ก็อยากกิน เคยเห็นแต่ในทีวีนี่นา"
มันก็จริง จะมีสักกี่คนกันที่จะตีความหมายว่า อยากได้ ไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นสิ่งที่ต้องการจริงๆ
"เอาสิ"
มือหนากระชับแน่นก่อนจะพาอีกคนก้าวเดินไปด้วยกัน
...
ทริปข้าวเช้าถูกปรับเป็นทั้งวันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เชวจุนฮงรู้ตัวอีกทีก็มานั่งซ้อนท้ายจักรยานให้อีกคนปั่นในสวนสาธารณะแสนกว้างนี่เข้าเสียแล้ว อยากจะกัดหัวอีกคนนักเมื่อเขาบอกว่าขี่ไอ้เศษเหล็กสองล้อนั่นไม่เป็นแล้วหัวเราะลั่นต่อหน้าที่เช่าจักรยานไม่ได้สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนเลย
แล้วยิ่งอยากจะมุดดินหนีเข้าไปอีกเมื่ออีกคนดึงดันให้ตนซ้อนท้าย ไอ้ตอนแรกเห็นตัวเล็กก็นึกว่าไม่ไหว ที่ไหนได้ขี่ฉิวเสียอย่างกับขี่มอ'ไซค์มากกว่าถีบจักรยานเสียอีก
ไม่อยากจะบอกเลยว่ายูยองแจนี่อึดแสนอึดเสียเหลือเกิน แค่การนั่งซ้อนท้ายเขายังรู้สึกเหนื่อยเวลาก้นกระแทกเบาะนั่งแต่อีกคนถีบเอาๆนั่งนิ่งไม่ได้มีอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด ท่าทีมันปกติเสียจนอดไม่ได้ที่จะเผลอนึกคิดว่าอีกคนปกติดั่งเช่นเมื่อก่อน พี่ชายตัวเล็กที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา... พี่ชาย ที่ปกป้องน้องชายคนนี้ทุกอย่าง
อากาศที่ไม่ร้อนมากนัก มีเพียงสายลมพัดหวิวและแดดอ่อนทำเอาอดไม่ได้ที่จะเช่าผ้าปูแถวนั้นมาเอนกาย อาจจะวุ่นนิดหน่อยตอนไปซื้อของจะทิ้งอีกคนไว้ก็กลัวจะเกิดเรื่องแต่จะทิ้งของไว้ก็มีทั้งจักรยานเช่าผ้าปูเช่าเสียเต็มไปหมด สุดท้ายก็ต้องขอเบอร์โทรสั่งให้มาส่งถึงที่ ถ้ารู้ว่ามาแล้วเป็นแบบนี้เขาก็คงหิ้วบังยงกุกมาด้วยนั่นแหละน้า
"สนุกไหม?"
เอ่ยถามคนเคี้ยวพิซซ่าตุ้ยๆเสียจนแก้มป่องก่อนจะเอนตัวลงนอนหลังจากนั่งย่อยสักพัก ยองแจพยักหน้ารัวๆก่อนจะจัดการเจ้าพิซซ่าชิ้นที่เหลือต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย จุนฮงเอาแขนรองหัวต่างหมอนก่อนจะรอบมองเสี้ยวหน้าไม่รู้เรื่องใดๆนั่น อย่างไรเสียเขาก็หลับตอนนี้ไม่ได้ เกิดหลับไปแล้วอีกคนหายมันจะยุ่งเอาน่ะสิ
"กินเสร็จอย่าพึ่งนอน นั่งไปก่อน" ดุเข้าให้กับคนตัวเล็กที่ทันทีที่จัดการอาหารเสร็จก็เอนตัวตาม ยองแจเลิกคิ้วเป็นนัยถามแต่จุนฮงก็เหนื่อยเกินกว่าจะอธิบาย
ทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์วันนี้ลุกขึ้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
"นั่งไปเหอะ" พูดไป ก่อนจะลุกขึ้นเคลียที่และเอนตัวนอนตักอีกคนที่ยื่นขาเหยียดตรงยาว ยองแจกระพริบตาปริบๆ แต่สุดท้ายก็ยอมนั่งนิ่งเกลี่ยผมที่ปลกหน้าของคนตัวสูงที่ค่อยๆหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
ได้เอนตัวไม่นานเสียงไซเรนรถพยาบาลก็ดังขึ้นไม่ไกลทำเอาจำต้องสะดุ้งตื่น จุนฮงรีบขยี้ตาปรับสายตาให้คงที่ต่างกับใครอีกคนที่ค่อยๆนั่งปิดหูตัวเองและดูเหมือนพยายามจะออกไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
“พี่ยองแจ?” ค่อยๆก้าวเข้าใกล้ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กทั้งร่างไว้เมื่อมันเริ่มสัส นึกด่ากราดว่าทำไมถึงจะต้องมีอุยัติเหตุในระแวกนี้ตอนนี้เพราะอย่างน้อยอีกคนก็เกือบจะดีตลอดทั้งวันแล้วแท้ๆ “ไม่มีอะไรนะ เขาแค่ไปหาหมอเอง...”
ไม่มีเสียงอะไรเอ่ยออกมา ยังคงมีเพียงมือบางที่ค่อยๆปล่อยออกจากใบหูและโอบกอดตอบแผ่นหลังกว้างที่มอบความอบอุ่นที่แสนปลอดภัยแน่น
ยองแจไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
...แค่รู้ว่าคนตรงหน้าจะปกป้องดูแลตัวเองได้ก็เท่านั้นเอง
“กลัว...” สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก เสียงราบเรียบแต่แฝงแววสั่นเครือทำให้จุนฮงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ตอนนั้น ก ก็ได้ยิน... มันมีเลือดเต็มไปหมดเลย ทุกคนตายหมดเลย” คนตัวสูงเริ่มนิ่งเมื่อดูเหมือนคนที่เริ่มปกติกลับเหม่อเสียจนเผลอพูดอย่างคนไร้สติ...
“ทั้งๆที่คนที่ควรจะตายกลับไม่ตาย”
“ทั้งๆที่จะฆ่าให้ตายแล้วทำไมไม่ตาย!”
นัยตาใสกลับมาแดงก่ำอย่างโกรธเกลียด จุนฮงรีบกดแนบใบหน้านั่นเข้ากับอกและเลือกที่จะนิ่งเพื่อไม่ให้คนในอ้อมกอดและคนรอบตัวแตกตื่น คำบอกเล่าอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกทำเอาคิดตามไม่ทัน ท่าทางที่เคียดแค้นอย่างที่แทบไม่เคยเห็นพร้อมคำหยาบที่เริ่มถูกกัดฟันพ่นออกมากำลังทำเอาร่างทั้งร่างราวกับถูกฟาดหน้าเมื่อเริ่มปะติดปะต่อคำพูดนั้นได้...
เหตุการณ์ในวันนั้นมันยังมีคนอื่นอีกงั้นเหรอ?
...ยูยองแจเป็นคนทำจริงๆงั้นเหรอ?
“ต้องเป็นมันแน่ๆ”
“ใช่... ต้องเป็นมัน มันยังไม่ตาย มันยังไม่ตาย”
ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักท่าทีราวกับคนละคนกับเด็กใสซื่อที่เคยเป็นภาพแสร้งตา จุนฮงพยายามยื้อไว้แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงอีกคนจะเพิ่มสูงเสียจนทัดทานไม่ไหว ร่างกายเล็กที่เคยถูกกักกันไว้วิ่งโล่ออกไปอย่างทีกว่าคนตัวสูงจะตั้งสติได้ก็หายไปแล้ว
“ยูยองแจ!”
ได้โปรดเถอะ
“บ้าเอ๊ย!”
ร่างทั้งร่างรีบเร่งฝีเท้าไปทันทีอย่างที่แทบไม่มีจุดหมาย จุนฮงก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะรีบเอ่ยถามหาคนตัวเล็กจากแม่ค้าตามข้างทาง ฝนที่เริ่มตั้งเค้ายิ่งทำเอาใจไม่อยู่สุข ความรู้สึกมากมายตีกันเสียจนก้อนเนื้อภายในมันสั่นสะท้านเสียจนรู้สึกจุก
นานนับกว่าสิบนาทีที่พบเพียงแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆที่พยายามตามหาเสียงไวเรนของรถพยาบาลแต่ในตอนนี้มันกลับเงียบสนิท ฝนเริ่มตกปอยๆพอๆกับความรู้สึกที่แล่นลงไปยังตาตุ่มเรื่อยๆ จุนฮงยังคงเร่งฝีเท้าไปทุกที่ทุกตรอกทุกซอยระแวกนั้น และก็ช่างน่าเจ็บใจเมื่อมันไร้วี่แววเสียสนิท
“ป๊าม๊า...”
“ดูแลพี่ยองแจให้ผมก่อนนะครับ”
...ทั้งๆที่เขาควรจะดีใจแต่มันก็ไม่เลยสักนิด อย่างน้อยอีกคนก็เคยขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายและคอยดูแลเขามาตลอด แม้ในตอนแรกจะแค้นเสียจนอยากจะให้อีกคนจากโลกนี้ไปซะ แต่อย่างไรเสียอย่างน้อยก็ขอให้อีกคนได้รับกรรมตอนที่หายจากอาการผิดปกติเสียยังจะดีกว่าตายไปทั้งๆที่ยังคงไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร
ซ่า...
ฝนห่าใหญ่ตกตามลงมาในไม่ช้า สุดท้ายก็ต้องวิ่งกลับมาที่รถแทนและค่อยๆขับไล้สายตาไปทั่ว ความคิดด้านลบว่าอาจจะเกิดอันตรายแล่นริ้วเข้ามาในสมองเสียจนรู้สึกหนาวเหน็บ สายตาสอดส่องในใจก็ได้แต่ภาวนาให้อีกคนปลอดภัยอย่างที่ควรจะเป็น...
แสงไฟบนถนนสว่างจ้าแต่ก็ยังคงไร้วี่แววคนอายุมากกว่า แสงความหวังริบหรี่ในใจเริ่มดับลงเมื่อมันกินเวลามากว่าเกือบชั่วโมง ไม่มีแม้แต่เงาให้ได้เห็น ไม่มีแม้แต่ชุดที่คุ้นเคยเดินผ่านให้ชื่นใจ
... “!!!”
เหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำขอร้อง ใต้ต้นไม้ใหญ่มุมถนนฝั่งตรงข้ามกำลังปรากฏร่างที่คุ้นเคยนั่งกอดเข่าหนาวสั่นอยู่อย่างเงียบเหงา ... “ฝนตกหนักใครให้มาอยู่ใต้ต้นไม้กัน” ไม่ใช่คำดุด่าแต่เป็นเพียงคำพูดบ่นไปด้วยความโล่งอกก็เท่านั้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวเราะพร้อมๆกับน้ำตาที่คลอหน่วยอย่างโล่งใจ
... “พี่บ้าเอ๊ย...” พูดไปก็ยิ่งหัวเราะกับความสติแตกของตัวเองเข้าไปใหญ่ น้ำตามันเริ่มไหลลงมาเรื่อยๆด้วยความดีใจ ตอนนี้ก็แค่รอไฟแดงเพื่อข้ามไปรับอีกคนจากอีกฟากถนนก็เท่านั้น
ไม่ทันได้คิดอย่างสบายใจนาน การที่อยู่ๆอีกคนลุกขึ้นเดินมาริมฟุตบาททำเอาคนมองเริ่มใจเสีย ปากเล็กที่ขมุบขมิบราวกับกำลังพูดกับใครอยู่ไม่ทำให้ใจหายเท่ารอยยิ้มที่มาพร้อมกับขาเล็กที่ก้าวลงมาจากฟุตบาท
“...” เหมือนใบ้กินไปชั่วครู่ จุนฮงเหยียบคั่นเร่งแหกไฟแดงทันทีอย่างไม่ทันรู้ตัว รู้อีกทีก็โดนตำรวจโบกเข้าข้างทางทั้งๆที่อีกไม่ไกลก็จะถึงตัวอีกคนอยู่แล้ว...
อย่าเดินออกมายองแจ
...อย่า
“ไปช่วยผู้ชายคนนั้น ไปช่วยเขาก่อน!!” ลงจากรถโวยลั่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ครั้นจะพุ่งตัวออกไปก็โดนจับไว้อย่างกลัวที่จะหนี “โธ่เว้ย!...”
“ยองแจอย่าเดินออกมา!”
“ยูยองแจ!!!!”
ถูกต้อนเข้าสถานีที่อยู่ไม่ไกล จุนฮงแทบไม่ได้ฟังเลยสนิทว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่าอะไรเมื่อเขาสนใจเพียงแต่ร่างของใครอีกคนที่ค่อยๆก้าวข้ามถนนออกไป
ได้โปรดเถอะ
ป๊าม๊าจะปกป้องพี่ได้ใช่ไหม...
รีบยื่นเงินจ่ายค่าปรับและจัดการเซ็นต์ชื่ออย่างรวดเร็ว ทั้งยังโดนจับตรวจแอลกอฮอลยิ่งทำเอาร่างที่ใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวแทบสติแตก แต่เมื่อมองเห็นใครอีกคนข้ามไปอีกฟากด้วยความปลอดภัยก็ทำเอาใจเย็นลงได้ไม่น้อย... ขอให้อยู่เฉยๆได้นานจนกว่าเขาจะไปรับเถอะ
“เรียบร้อยครับ แต่ถ้าเกิด...” ไม่ทันฟังคำพ่นไร้สาระก็วิ่งออกไปทันที มือหนายื่นโบกไม้โบกมือเรียกความสนใจอีกคนที่อยู่อีกฟากให้หันมาสนใจและก็สำเร็จ
ยองแจยิ้มกว้างโบกไม้โบกมือกลับ รอยยิ้มต่างฝ่ายต่างแย้มกว้างไม่ได้สนเลยว่าฝนจะตกหนักและตัวเองะเปียกชุ่มแค่ไหน ยองแจทำท่าจะวิ่งมาแต่จุนฮงก็รีบยกมือห้ามไว้และอีกคนก็ยอมเป็นเด็กดียืนนิ่งต๊ะเบ๊ะรับ
“เก่งมากครับ ฮะฮะ” ยกนิ้วโป้งขึ้นชูกลับไปก่อนจะรีบข้ามไปหา จุนฮงโอบกอดร่างบอบบางทันทีก่อนที่จะรู้สึกเหมือนชะงักที่เคยเกี่ยวติดมันหลุดออกอย่างสนิทใจ
“เป็นห่วงรู้ไหมฮึ” ...แต่อีกคนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดีมากแล้วจริงๆ
ผละออกจากกันก่อนจะยีหัวที่เปียกชุ่ม ยองแจยิ้มแหยก่อนจะเข้ามาเกาะแขนอ้อนอย่างรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด “ไม่ต้องเลย รีบกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวปล่อยไว้เป็นหวัดพอดี” บ่นเข้าก่อนจะเคาะหัวเล็กไปที มือหนาเอื้อมกอบกุมมือเล็กก่อนจะข้ามฝากไปยังรถที่ยังคงจอดแน่นิ่งอยู่
‘คนที่อยู่ใกล้นายนี่น่าจะตายไปให้หมดนะ ว่าไหม?’
เดินไปครึ่งทางอยู่อีกคนก็หยุดชะงัก ยองแจรีบวิ่งกลับไปที่เดิมต่างกับจุนฮงที่ขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ และแน่นอนว่าเขาก็ลืมตัวไปว่าตัวเองกำลังยืนนิ่งอยู่กลางถนน...
ปี๊น!!!!
บางทีป๊ากับม๊าคงทำตามที่ผมขอ
...อย่างน้อยอีกคนก็ปลอดภัย
อย่างน้อย
“จุนฮง!!!!!!!!!!!!”
‘พี่ว่าผมจะอกหักไหม?’
‘ไปหลงรักใครเข้าให้ล่ะ’
‘...’
‘อกหักไม่ตายหรอก แต่ถ้าเขาไม่อยู่ให้อกหักนั่นน่ะตายทั้งเป็นเลยแหละ’
TBC.
talk; ต้มมาม่าแต่ยังไม่ได้ใส่เส้นนะ ใจเย็นๆนะสาว ขึ้นเพจว่าดราม่ามันก็ดราม่านะตัวเองปลายแต่งไม่ดราไม่ค่อยเป็น ขอโทษที่ช้าน้า เกิดเหตุนิดหน่อย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากๆค่ะ
ความคิดเห็น