คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Part 2
Part 2
เสียงเจื้อยแจ๋วจากในสวนเรียกให้ฝีเท้าก้าวไปลอบพิงดูที่ปากประตู หนังสือนิทานในมือคนตัวเล็กถูกเปิดออกโดยที่มีสุนัขตัวข้างๆถูกมือเล็กอีกข้างจับหันหน้าให้มาสนใจอยู่กรายๆ
“มีโซต้องดูรูปด้วยสิ เดี๋ยวไม่เข้าใจนะ!” ปากเล็กงองุ้ม เอ่ยดุเจ้าของชื่อสี่ขาที่อย่างไรเสียก็คงไม่มีวันเข้าใจ บีเกิ้ลตัวเล็กขยับตัวที่กำลังนอนแผ่หลาเป็นลุกยืนอย่างดูเบื่อเต็มทน เหยียดขาหน้าบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะวิ่งหนีออกไปท่ามกลางคนข้างกายที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอก
“เบื่อไหม?” ไม่ทันจะลุกไปตาม คนที่หลบแอบดูมานานก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า จุนฮงยิ้มให้คนนัยน์ตาเศร้าที่เขยิบตัวหนีแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวอะไร
“หมามันไม่รู้เรื่องหรอกนะ ทำไมไม่ไปคุยกับพวกพี่ๆป้าๆคนอื่นล่ะฮึ” ผลันตัวมานั่งข้างคนที่พลิกหนังสือในมือไปมา ดวงตาหวานกระพริบปริบช่างต่างกับริมฝีปากที่เม้มแน่น....
พี่ๆป้าๆเหรอ...
“ป้านาบีไม่ค่อยว่าง...” เอ่ยเสียงนิ่งอย่างถ้าเพียงมองเผินๆก็ราวกับคนปกติทั่วไปกำลังพูดคุย หนังสือในมือถูกจับอย่างมั่นคงมากขึ้นพร้อมๆกับเรียวนิ้วที่กรีดแต่ละหน้าให้ผ่านไปเรื่อยๆ
“...ก็พี่คนอื่นไง”
“...”
“พี่คนอื่นมีตั้งเยอะแยะ”
ท่าทีผิดปกติเริ่มเกิดเมื่อมือบางชะงักงันก่อนจะเปลี่ยนเป็นกำหนังสือในมือแน่น ริมฝีปากที่เม้มสนิทนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัดท่ามกลางสีหน้าไม่เข้าใจของคนเอ่ยถามที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน
“...เขาจะตี”
“...”
“เขาจะบอกให้หุบปาก เขาบอกถ้าโวยวายจะไม่ได้เจอป้านาบีอีก เขาบอกว่าเรา... บ้า”
“เขามัดเรา เขาขังเราไว้ในห้องเก็บของ”
“ถ้าไม่ใช่ป้านาบีกับมีโซ เราไม่เล่นด้วยหรอก...”
แค่เพียงคำบอกเล่าผ่านๆอย่างไม่ต้องเจาะจงลึกก็แทบเข้าใจได้ไม่ยาก มือหนาคว้าหมับเข้ากับข้อมือเล็กของคนที่กำลังลุกเดินหนี...
‘นี่มาล็อคห้องไม่ได้ดูกันเลยหรือไงว่าจุนฮงอยู่นะฮะ!’
‘ถ้าน้องเป็นอะไรขึ้นมาผมไล่ออกหมดบ้านแน่!!’
“แล้วไม่อยากเล่นกับผมเหรอครับ?” มุมปากหนายกยิ้มสูง ยองแจมีท่าทีหวาดๆแต่กลับไม่ได้ปัดมือสะบัดหนีแต่อย่างไร ดวงตาใสกระพริบปริบเอียงคอใส่คนชวนก่อนสุดท้ายจะยิ้มอ่อนเอ่ยถามตอบกลับไป... “คุณ... อยากเล่นกับเราเหรอ?”
“อืม... เรียกจุนฮงสิ” พยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นมายืนเทียบเท่า ยองแจขมวดคิ้วใบหน้าหวานประดับด้วยเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกคุ้นกับชื่อที่อีกคนพึ่งเรียกแทนตัว “เราเคยรู้จักกันแล้วหนิ?”
“พี่?”
“อืม พี่จุนฮงเอง” ไม่คิดจะขัดเพราะอย่างน้อยอีกคนก็ยังพอรื้อฟื้นตนได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอย่างไรเสียในตอนนี้อีกคนก็คงจะตีอายุตัวเองได้ไม่ถูกนักหรอก
“แต่พี่ต้องไปทำงานก่อน แล้วจะรีบกลับมาเล่นด้วยโอเคไหม?” เอื้อมมือยีกลุ่มผมนุ่มก่อนจะเอ่ยขึ้น ยองแจตาลุกวาวก่อนจะกระโดดโลดเต้นราวกับพึ่งได้รับของเล่นชิ้นใหม่ ต่างฝ่ายต่างยิ้มกว้างให้แก่กันและกัน แต่นาฬิกาที่ข้อมือหนาก็เตือนให้หลุดมายังโลกความเป็นจริงในสิ่งที่ตนจะต้องรับผิดชอบในตอนนี้
สุดท้ายก็จำต้องโบกมือลาก่อนจะก้าวจากมาทั้งๆที่ยังคงเปรมปรีดิ์กับรอยยิ้มหวานใสที่ดูจะกว้างกว่าทุกที สูดหายใจตัดปลายเท้าหันกลับโบกมือลาอีกครั้งก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินออกไป
“พี่จุนฮง! แจจะรอนะ!”
‘พี่ยองแจรีบๆกลับมาหาผมนะ!’
‘พี่จะรีบกลับมา’
“...” ไม่มีการเอ่ยตอบกลับในทันที คงมีเพียงการหยุดปลายเท้าและจมอยู่กับความคิดเพียงชั่วครู่
“ผมก็จะรีบกลับมา...” เสียงกระซิบเอ่ยแผ่วเบาก่อนจะสานต่อปลายเท้าเดินจากไป
.
.
.
“คุณจุนฮงคะ เอกสารพวกนี้เอาไว้เซ็นต์พรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ สัญญามันเยอะเกรงว่าคุณจะไม่ไหว” เลขาเอ่ยเตือนคนเป็นใหญ่กว่าเมื่ออุ้มแฟ้มเล่มหนามาหาอีกเซตใหญ่
เวลาตอนนี้ก็เกือบหนึ่งทุ่มตรงแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอเหนื่อยที่จะต้องมานั่งทำโอทีจำเป็นเพราะปกติพนักงานจะเลิกงานเวลาห้าโมงตรงแต่อย่างใด แต่สภาพของหัวหน้าใหญ่ที่เป็นหนุ่มไฟแรงที่ถือคติทำงานวันต่อวันจะเหนื่อยสายตัวแทบขาดเอา
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ซูจอง หรือถ้าพี่อยากกลับแล้วก็เขียนโน๊ตไว้บนโต๊ะก็ได้ครับ เดี๋ยวให้คนของผมเป็นคนจัดการต่อเอง” เจ้าของชื่อทำได้แค่ถอนหายใจและส่ายหน้าแผ่ว ยงกุกที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันนักทำได้เพียงยิ้มอ่อนๆและพยักหน้าเห็นด้วยเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทใหญ่สุดในเครือตระกูลยู การต้องดูแลบริษัทส่วนย่อยมากมายและไม่ให้งานสั่งสมก็จำจะต้องทำให้เสร็จวันต่อวันไป
“คุณน่าจะดูแลตัวเองบ้างนะคะ เฮ้อ... เซ็นต์ชุดเก่าเสร็จแล้วใช่ไหมคะ ดิฉันจะไปจัดการต่อให้” จุนฮงทำได้เพียงยิ้มรับพร้อมกับยงกุกที่เข้ามายกแฟ้มชุดที่ว่านั่นส่งคืนเป็นคำตอบ หญิงสาวล่ะเหนื่อยใจนัก กลัวเสียเหลือเกินว่าอีกคนจะล้มพับไปในวันใดวันหนึ่ง... “ทำไมคุณจุนฮงถึงไม่ได้ความผ่อนปรนมาจากคุณยองแจเลยน้า...”
เสียงพึมพำของเลขาที่เดินหันหลังออกไปทำเอาสายตาที่กำลังไล่อ่านตัวอักษรมากมายชะงักกึก เรียวคิ้วหนาย่นเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจยาว...
เดี๋ยวนะ
“หนึ่งทุ่ม...” นาฬิกาข้อมือถูกยกดูก่อนที่ดวงตาจะเริ่มมีความกังวลเข้าฉาย ไม่อยากจะบอกเลยว่าจุนฮงลืมคำกึ่งสัญญานั่นไปเสียแทบจะสนิท แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง ยูยองแจก็คงจะลืมเขาไปแล้วเหมือนวันนั้นเช่นกันนั่นแหละนะ
“...ช่างเถอะ”
สุดท้ายก็เลือกที่จะสบถแผ่วเพื่อสลัดความวุ่นวายใจของตัวเองออกไป เอกสารกลับมาถูกไล่อ่านอย่างไตร่ตรองพิจารณาในทุกๆแผ่นไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เช่นเดิม
...
“สามแฟ้มสุดท้ายค่ะ” เอกสารถูกวางลงพร้อมๆกับรอยยิ้มกว้างของสาวเจ้าที่คนเป็นนายก็ยิ้มตาม เวลาที่ตีเป็นสามทุ่มทำให้รู้สึกหวั่นไม่น้อยสำหรับจุนฮง แต่เอกสารตรงหน้าก็สำคัญเกินกว่าที่จะล้มเลิกมันและรีบกลับไปทำในสิ่งที่บางสิ่งกำลังเรียกร้อง
“ของบริษัทคุณบาดา เล่มนี้ไม่ต้องยื่นด่วน คุณเอากลับไปทำที่บ้านก็ได้นะคะ” ยงกุกลอบขำกับท่าทีที่ผู้เป็นนายที่ทันทีที่ได้ยินก็คว้ากุญแจรถและโอบแฟ้มที่ว่ายื่นให้ ซูจองรีบรวบงานที่พึ่งเสร็จบนโต๊ะออกไปก่อนเพื่อจัดการประสานงานต่อก่อนที่จุนฮงจะก้าวออกไปตามๆกัน
“เอาใส่รถผมเสร็จก็ขึ้นมาดูพี่ซูจองให้เก็บของกลับบ้านให้เรียบร้อยด้วยนะครับพี่ยงกุก”
คนโดนสั่งพยักหน้ารับและรีบเดินตาม แต่เสียงสั่นของสิ่งของในความเงียบกลับดึงความสนใจให้รีบส่องหาต้นเหตุ... มือถือของใครอีกคนกำลังสั่นเตือนข้อความเข้า
...ไฟล์ทบินพี่เลื่อน คงจะถึงวันศุกร์แทนนะจุนฮงอา...
ไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องของเจ้านาย แต่ข้อความที่เผยอยู่บนหน้าจอพร้อมกับชื่อต้นทางทำเอาแฟ้มในมือถูกกำแน่น...
...จองแดฮยอน
ไม่มีเวลาให้นึกถึงอะไรอีกต่อไป หน้าที่ที่ต้องทำปลุกให้ตื่นจากภวังค์ก่อนบังยงกุกจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตามเจ้านายไปไม่ลืมมือถือราคาแพงที่ถูกถือตามไปเฉกเช่นเดียวกัน
แฟ้มถูกวางที่นั่งข้างคนขับเป็นตุ๊กตาหน้ารถไร้ชีวิต จุนฮงจัดการคาดเข็มขัดจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะต้องเป็นอันชะงักเมื่อคนดูแลยื่นสิ่งของที่ลืมไว้ให้พร้อมคำเอ่ยถามที่ทำเอาจำต้องหลบสายตา
“คุณแดฮยอนกำลังจะกลับมาแล้วเหรอครับ”
มือที่สตาร์ทรถชะงักกึก จุนฮงเอื้อมรับสิ่งของในมืออีกคนหน้าจอที่ฉายคำตอบทุกอย่างทำเอาเสียงของเจ้าของสั่นพร่า... “ค ค คือผม... ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่”
ไม่มีการตอบรับสำหรับคำพูดขอโทษขอโพย บังยงกุกยังคงรักษาใบหน้าสงบเสงี่ยมได้เช่นเดิม พร้อมกับท่าทีปกติเสียเป็นคนอย่างเชวจุนฮงเองที่ใจหาย “ดูเหมือนไฟล์ทจะเลื่อนนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ก้าวก่าย พอดีเห็นพอดี”
“พี่...”
“รบกวนฝากบอกให้เดินทางปลอดภัย”
“...ผมขอโทษ”
ยงกุกเขยื้อนตัวถอยหลังเท้าชิดก่อนจะค้อมตัวอย่างเอ่ยขอตัวเป็นนัยและหันหลังกลับเข้าไปในตัวตึก จุนฮงมองตามคนที่ตนนับถือเป็นพี่ชายจนอีกคนหายลับไป ก่อนจะค่อยๆหันมาเหยียบคันเร่งพาตัวเองออกไปท่ามกลางเสียงแห่งความรู้สึกผิดที่ดังกว่าเสียงเครื่องยนต์
ไฟแดงที่ฉายชัดทำให้ปลายเท้าค่อยๆกดเหยียบเบรค... เก๊ะหน้ารถถูกเปิดออกขณะเครื่องยนต์สี่ล้อหยุดลงตามสัญญาณไฟที่ว่า กล่องกำมะหยี่สีดำสนิทถูกเปิดออกเผยแหวนเงินสองวงที่ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายถูกคล้องด้วยสร้อยเส้นเล็กที่กำลังรอเจ้าของมันกลับมาใส่อีกครั้ง
...มือหนายกขึ้นดูเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเก็บกลับลงไปเช่นเดิม มันนานแล้วที่เขาขออีกคนคืน และแน่นอนว่าเขาจะรอเวลาที่เหมาะสมส่งกลับคืนให้อีกทีเช่นกัน
อีกไม่นาน... พี่ยงกุกจะเข้าใจเราสองคน
พี่แดฮยอน
.
.
.
“...” ก้าวเข้าบ้านที่คงมีเพียงความเงียบและความมืด จุนฮงก้มหน้าขันตัวเองในใจเมื่อความว่างเปล่าเป็นคำตอบในสิ่งที่เขาร้อนใจมาตลอดทั้งวัน
ตอนนี้ไม่อยากจะบอกเลยว่าอยากจะออกไปคว้ากุญแจรถคืนจากคนรถที่เอารถไปเก็บ รู้งี้ป่านนี้เขานั่งทำงานยันเช้าไปเลยเสียดีกว่า เหอะ... คนบ้ามันก็จะจำอะไรได้กัน
แล้วนี่หวังให้หมอนั่นมารองั้นเหรอ เชวจุนฮงอา
“นี่จะบ้าตามแล้วสินะ” พึมพำกับตัวเอง เดินส่ายหน้าตรงไปหาน้ำดื่มตรงส่วนครัว ถอนหายใจยาวๆตั้งสติที่เดี๋ยวนี้ดูไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนัก และก็เป็นอันต้องหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงเห่าเบาๆที่คุ้นเคยดังขึ้นอยู่ไม่ไกล
...มีโซ?
“เสียงมันมาจากข้างนอก” ไม่ว่าเปล่า ปลายเท้าก็หันพาตัวเองไปยังสวนด้านนอกทันที
ไม่อยากจะบอกว่าอยู่ๆร่างกายมันก็ชาไปเสียทุกส่วน ไม่รู้เหมือนกันว่าในตอนนี้ควรจะรู้สึกเช่นไรเมื่อมีใครคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในจุดๆเดิมที่ได้กล่าวอำลาในตอนเช้าแต่คงจะเปลี่ยนจากหนังสือนิทานเป็นกล่องสีขาวกล่องเดิมที่อีกคนตระกองกอดอยู่
“อ๊ะ คุณจุนฮงมาแล้วเหรอคะ” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อไม่ได้สังเกตว่านาบีนั่งอยู่ข้างๆตรงปากประตู ท่าทีที่เหมือนพึ่งสะดุ้งตื่นทำเอาอดจะค้อมหัวขอโทษไม่ได้ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
“คือเมื่อเย็นป้าโทรไปหาคุณแต่คุณติดประชุมเลยโทรหาคุณยงกุกเรื่องกล่องนั่นเพราะมันคงเป็นสิ่งเดียวที่คุณยองแจอาจจะยอมเข้าบ้าน ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เข้าไปเอาโดยพลการ” ส่ายหน้าน้อยๆอย่างปฏิเสธ ถอนหายใจน้อยๆอย่างเข้าใจความหมายในประโยคนั้น
อาจจะ แต่ก็ไม่ยอม...
“นั่งมาตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ คุณเขาบอกว่ารอพี่อยู่... ฉันพยายามถามแล้วว่าคือใครก็บอกว่าจำไม่ได้ ดึงดันจะพาเข้าบ้านก็ร้องลั่นเสียจนใจป้าจะขาด”
“...ผมเองแหละครับ”
“...”
“ป้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวผมเอาเขาเข้านอนเอง”
คำถามมากมายติดอยู่ในสายตาคนสูงวัยแต่เชวจุนฮงก็เลือกที่จะเมินเฉย เขาไม่อยากจะเอ่ยปากอะไรมากเพราะความเป็นจริงระหว่างตนกับอีกคนอย่างไรเสียในตอนนี้ถ้าไม่ติดว่าอีกคนจิตผิดปกติเราก็คงเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันจะมาชนกันตลอดกาล
เพราะเขาก็คงไม่ปล่อยให้คนผิดมาอยู่สุขสบายได้ขนาดนี้
“ถือซะว่าเลี้ยงเด็กสักคน... ป้าคงไม่ว่าอะไร” เดินออกห่างไปยังคนตัวเล็กที่ยังคงแกว่งขารอ นาบีทำเพียงมองตามก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปยังบ้านคนใช้ที่อยู่ถัดหลังออกไป
ไม่อยากจะคิดเลยว่าจุดจบมันจะเป็นเช่นไร...
“ไง รอนานไหม?” ยองแจฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพุ่งกระโดดกอดคอคนตัวสูงกว่าที่ผวารับเข้าอย่างลืมตัว เสียงร้องอื้ออึงพร้อมหยดน้ำสีใสที่ชื้นตรงไหล่ทำเอาต้องเขยือนตัวห่างมาตรวจดูคนขี้แงที่ยังคงร้องไห้ทั้งๆที่ยังคงมีรอยยิ้ม
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมเนี่ย!” เกลี่ยน้ำตาจากใบหน้าหวานที่เริ่มแดงก่ำ ยองแจส่ายหน้าทันควันก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากยึดแผ่นอกตนกอดแน่นเสียจนต้องเลยตามเลย
“พี่มาช้า อึก ก ก็นึกว่าจะไม่มาแล้ว” สุดท้ายก็ได้ยินคำบอกเล่าของคนตัวเล็ก จุนฮงลูบหัวคนในอ้อมกอดอย่างปลอบขวัญ “พี่จุนฮงบอกแล้วไงว่าจะกลับมาเล่นด้วย... นี่ไง เห็นไหม พี่อยู่ตรงหน้ายองแจแล้วไง” จุนฮงยอมรับเลยว่าไม่ได้สังเกตคนตรงหน้าใกล้ๆขนาดนี้มานานมาก อายุอานามที่ผ่านมานานพอสมควรกลับไม่ได้ทำร้ายใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับเด็กมัธยมนี่ได้เลย
ดูบริสุทธิ์เสียจนกลัวว่าจะแปดเปื้อน
และยิ่งอีกคนไม่ปกติอย่างนี้กิริยาที่แสดงออกมายิ่งทำเอาไม่อยากคิดเลยว่าถ้าไปปล่อยทิ้งไว้ไหนจะเป็นยังไง
“ฮือ จุนฮง... อึก จุนฮง จุนฮง... เราจะท่องชื่อจุนฮงจนกว่าจะจำได้ขึ้นใจเลย” ร่างเล็กผละออกก่อนจะยกมือขยี้ตาที่แดงก่ำอยู่แล้วยิ่งแดงกว่าเดิมเพราะดูเหมือนจะร้องไห้จนปวด เสียงหวานพยายามกลั้นสะอื้นปากก็เอาแต่พร่ามในสิ่งที่ทำเอาเจ้าของชื่ออดจะบีบจมูกรั้นนั่นไม่ได้
ทำไมพี่ชายของเขาถึงได้น่ารักน่าชังขนาดนี้กัน
‘พี่ชายผมน่ะ... น่ารักที่สุดในโลกเลยรู้ไหม?’
‘แต่ก็ไม่ได้น่ารักเท่าครึ่งพี่แดฮยอนของนายใช่ไหม?’
กึก
มือที่กำลังยื้อให้อีกคนไม่ขยี้ตาหยุดนิ่งราวกับลานไขหยุดชะงัก จุนฮงจ้องมองนัยน์ตาของอีกคนที่จ้องกลับมาเช่นกัน เสียงในอดีตที่ตามมาหลอกหลอนกำลังทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง เรื่องราวที่ตามติดตัวกำลังทำให้ลมหายใจติดขัด...
‘พี่แจบอมบอกว่าพี่ชอบผม... แบบไม่ใช่พี่น้อง’
‘บ บ้า... บ้าเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง’
‘งั้นก็คบกับพี่แจบอมสิ เขาจะได้ไม่ต้องมาตามราวีหาเรื่องผมทุกวันแบบนี้!’
‘จุนฮงเก็บของเถอะ เดี๋ยวจะได้เช็คว่าลืมอะไรหรือเปล่า’
‘พี่อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง อย่าให้ผมบินไปเมกาทั้งๆที่ยังงุ่นง่านอยู่แบบนี้ได้ไหม?!’
‘จุนฮงคือน้องพี่โอเคไหม?! เป็นแค่... น้องชาย’
“ยองแจรู้จักคนที่ชื่ออิมแจบอมไหม?” ปากดันไวกว่าสมองให้หยุดคิดทบทวน จุนฮงพลั้งปากถามไปอย่างไม่ได้ทันคิด ครั้นจะทำเป็นลืมๆไปแต่ปฏิกิริยาที่ตอบรับก็ทำเอาราวกับมีไม้หน้าสามมาฟาดหน้า... ร่างกายเล็กกำลังสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง น้ำตามากมายทยอยไหล... แต่กลับไม่มีเสียงร้องอะไรราวกับเสียงมันออกมาหมดจนไม่หลงเหลือให้กรีดร้องอีกต่อไป
“ยองแจ? …พี่ยองแจ!” นัยน์ตาหวานเลิ่กลั่ก มือบางที่เคยกอบกุมอีกคนไว้พยายามสะบัดออกราวกับถูกของร้อน ยังคงไม่มีเสียงร้องคงมีเพียงแต่ท่าทีตะเกียกตะกายตีออกห่างราวกับจะเป็นจะตายเสียให้ได้
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน!!
“ป้านาบี! ป้าครับ!!” ตะโกนลั่น มืออีกข้างกดเบอร์ต่อสายทันที มีโซวิ่งตรงเข้าหาเจ้านายที่เผลอสะดุดขาตัวเองล้มแต่ยังไม่วายปล่อยโฮอยู่เงียบๆ เจ้าสี่ขาตัวเล็กพุ่งเข้าซุกตรงช่วงเอวแต่สุดท้ายก็โดนสะบัดออกไม่ต่างกัน
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณจุนฮง?!!” วิ่งมาแทบจะไม่ไหวเมื่อทั้งเสียงตะโกนและเสียงโทรศัพท์ดังลั่นเสียจนคนในบ้านแตกตื่น คนดูแลวิ่งตามกันมาก่อนที่จะเป็นคนดูแลใหญ่ที่เอ่ยปากลั่นขยับตัวเข้ามาใกล้
“ขอร้องบอกป้าว่าพูดอะไรกับคุณยองแจ!” ท่าทีปฏิเสธจากคุณที่รักทำเอานาบีใจหล่นไปตาตุ่ม หันมาตวาดอย่างลืมตัวกับคุณคนเล็กที่ท่าทีสงบตีแตกไปเสียแทบจะเรียกได้ว่าไม่หลงเหลือ
“...ผม ผมถามเขาเรื่องพี่แจบอม”
“มุนอีไปเอายานอนหลับมาฉีดคุณยองแจเดี๋ยวนี้!”
ยงกุกที่ได้ยินเสียงโวยวายเดินเข้ามาก็อดจะผงะไม่ได้กับความวุ่นวาย ท่าทีเจ้านายที่ยืนนิ่งดวงตาเบิกค้างจ้องมองร่างจะเป็นจะตายที่พยายามปกป้องตัวเองในสิ่งที่คนนอกเข้าไปไม่ถึงทำเอาจำต้องก้าวเข้าใกล้ไปสะกิด
“...ยงกุก”
“ไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมช่วยคุณนาบีเอง”
จุนฮงส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเลือกเข้าไปหาพี่ชายตัวเองที่ในตอนนี้ถอยไปคุ้ดตู้ตัวเองอยู่ใต้โต๊ะม้าหินแสนคับแคบ เสียงสมเพชจากคนดูแลบ้านคนอื่นๆเริ่มดังเซ็งแซ่ แน่นอนว่าเชวจุนฮงไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดกับพี่ชายของเขาแน่
มีแค่เขาที่มีสิทธิ์
“ถ้าไม่อยากมีเจ้านายแบบนี้ทำไมไม่ลาออกไป”
“ฉันยังไม่ได้เคลียเรื่องที่มีคนเคยขังพี่ชายของฉันนะ...”
แทบจะในทันทีที่เกิดภาวะเงียบสงบ จุนฮงไล่มองกราดก่อนที่จะพุ่งเข้าไปกระชากตัวคนทึคุ้ดคู่อยู่ภายในออกมาทันที ทำเอานาบีที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปห้ามไม่ทัน “คุณจุนฮง”
เสียงสะอื้นดังแทนเสียงกรีดร้องที่สมควรมี มือบางพยายามจิกนิ้วลงเนื้อผ้า ตีตบคนที่ในตอนนี้พาร่างตัวเองลงสู่อ้อมกอดพร้อมกดใบหน้าให้จมลึกอยู่กับความอบอุ่นที่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลามารู้สึก "จุนฮงเอง... ผมจุนฮงไงพี่ยองแจ"
“จุนฮงเอง ไม่มีคนอื่น มีแค่จุนฮงนะครับ”
“ไม่มีอะไรแล้วนะคนเก่ง ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ...”
เหมือนสะกดจิตพี่ชายตัวบางที่เริ่มจะผ่อนคลาย เสียงสะอื้นไห้เริ่มหดหายคงเหลือเพียงแต่เสียงหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน จุนฮงส่งสายตาให้ป้านาบีที่พยักหน้าเข้าใจและสั่งให้คนที่ชื่อมุนอีจัดการฝังเข็มลงที่หัวไหล่คนตัวเล็กที่สะดุ้งเฮือกแต่ก็ถูกตนกอดไว้แน่น... “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร... มันจะโอเค”
เพียงไม่นานก็เหมือนแรงต่อต้านเริ่มหมด ยองแจค่อยๆจมสู่นิทราพร้อมๆกับเสียงสุดท้ายที่แสนแผ่วเบาและคงมีเพียงเชวจุนฮงที่จะได้ยินเพียงคนเดียว
“จุนฮงช่วยพี่ด้วย...”
...พี่?
“เดี๋ยวผมอุ้มคุณยองแจเองครับ มา” สติถูกเรียกคืนเมื่อยงกุกเดินเข้ามาเอ่ย คำพูดเมื่อกี้ยังคงสะท้อนก้องหู... มันเหมือน
จิตใต้สำนึกงั้นเหรอ
...แต่มันไม่ใช่เวลามานึกถึงเรื่องนี้
“ทุกอย่างปกติแล้วเชิญทุกคนไปนอนต่อเถอะครับ” เอ่ยเสียงเรียบกับคนที่เคยล้อมให้กลับไปยังเรือนหลังเช่นเดิม นาบีกำลังจะเดินไปเช่นกันแต่แน่นอนว่าคงต้องติดที่จุนฮงยื้อไว้... “คะ?”
“ผมว่าป้าจำพี่แจบอมได้นะครับ...” สุดท้ายก็ต้องมานั่งจับเข่าคุยกันภายใน แค่เพียงเอ่ยคำกึ่งคำถามไปก็เรียกเสียงถอนหายใจเป็นสิ่งแรกเข้าเสียแล้ว
“ป้าก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะคะ แต่ตั้งแต่คุณจุนฮงบินไปอเมริกา คุณแจบอมก็มารับคุณยองแจไปอยู่ด้วย”
“ตอนแรกคุณท่านก็จะให้ป้าไปดูแล แต่คุณยองแจอกว่าไม่ต้อง... และอยู่ๆก็หายเป็นเดือนๆ พอคุณยองแจกลับมาหลังจากนั้นป้าก็ไม่เห็นคุณแจบอมอีกเลย”
... “อ่อ แต่ป้าเห็นคุณเขาอีกครั้งก็ตอน เอ่อ”
“พูดมาเถอะครับ”
“งานศพคุณท่านกับคุณผู้หญิงค่ะ”
“แต่มันจะไม่อะไรเลยนะคะ ถ้าหลังจากนั้นถ้าเพียงแค่ป้าพูดถึงคุณแจบอมทีไรคุณยองแจก็จะมีอาการแบบนั้นทุกครั้ง ป้าจะถามทีไรคุณเขาก็เป็นอย่างนี้ตลอดจนคนที่จะตายเองนี่จะกลายเป็นป้าแทนอยู่แล้ว”
ไม่มีเสียงต่อหลังจากนั้นของทั้งสองคน จุนฮงทำเพียงถอนหายใจตั้งสติกับความร้อนที่สุมในอกจากการที่ต้องการอยากรู้อะไรแล้วดันไม่เป็นดั่งใจ...
ทุกอย่างมันถูกล็อคอยู่ แล้วแม่กุญแจคือยูยองแจหรือไง
“มีแต่ปัญหาที่แก้ไม่ได้เนอะครับ” นาบียิ้มตอบ ส่ายหน้าน้อยๆให้กับท่าทีเหนื่อยอกเหนื่อยใจนั้น
“ลองคิดอีกแง่ บางทีมันอาจจะเป็นปัญหาที่ไม่ต้องการแก้ก็ได้นะคะ”
... “พระเจ้าดลบรรดาลให้คุณยองแจจำอะไรไม่ได้ ไม่สิ แต่ก็ไม่เชิง... อย่างน้อย ถ้าเราไม่ไปรื้อฟื้นเรื่องร้ายๆคุณยองแจก็คงจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นคนปกติเหมือนเดิม”
จุนฮงเพยิดไหล่ เรียวลิ้นเดาะเข้ากระพุ้งแก้มก่อนจะเสหน้าหนี “แล้วก็ปล่อยให้ลอยนวลไป...”
“แล้วมันไม่ดีกว่าหรือไงถ้าจะเริ่มใหม่...”
เป็นคำตอบที่ไม่ได้คิดว่าจะได้รับจากคนที่นับถือ จุนฮงหลบสายตาอ่อนโยนที่ส่งมาก่อนจะที่จะเลือกบอกลาและผลุดลุกออกไปอย่างที่ไม่ต้องการต่อบทสนทนาให้ตัวเองก้าวสู่คำว่าผู้แพ้โดยสมบูรณ์
...เริ่มใหม่?
พูดง่ายไปหรือเปล่า
“เรียบร้อยแล้วเหรอ?” จุนฮงละอยากจะตบหัวตัวเองให้หายเหม่อและเดินตามทางไปห้องตัวเองไม่ใช่ห้องของใครอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่มีบันไดกั้นอยู่แบบนี้ จะแก้ตัวอะไรได้ในเมื่อบังยงกุกก็ออกมาพอดีเลยต้องถามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เรียบร้อยครับ” ยงกุกยิ้มรับ แต่ไม่ทันจะให้คนเป็นเจ้านายเอ่ยผ่านก็เอ่ยในสิ่งที่ทำเอาร่างกายที่เริ่มอ่อนแออ่อนยวบลงไปอีกครั้ง
“บางทีคุณคงอยากจะเข้าไปดูคุณยองแจเสียหน่อย เพราะเขาเอาแต่ละเมอว่า...”
“พี่ขอโทษ”
... “...”
“อ่อ ผมลืม”
“กล่องเครื่องประดับของคุณหญิงคุณยองแจเอาใส่ไว้ข้างในเสื้อ ถ้าจะเอาอยู่ตรงหัวเตียงในห้องนะครับ ผมขอตัวก่อน”
พี่นี่มันบ้าจริงๆ...
ยูยองแจบ้าที่สุด
TBC.
talk ; โล่แจ บังแด้ เอ็นจอยค่ะ ^_^
ความคิดเห็น