คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 1
PART 1
‘ถ้าหากภายในระยะเวลาสองปีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่กรรม’
‘สมบัติทั้งหมดจะถูกโอนเป็นของสาธารณะโดยทางรัฐบาลจะเข้ามาจัดการทันที’
...กึกๆๆ
กึก
กึก...
ปากกาในมือยังคงเคาะบนโต๊ะรัวอย่างเผลอไผลเมื่อเรื่องราวเมื่ออาทิตย์ก่อนยังคงคาอยู่ในสมอง ความคิดที่ว่าเมื่อทันทีที่ได้แบ่งแยกสมบัติจะจัดการส่งคนจิตผิดแปลกนั่นไปอยู่ยังสถานที่บำบัดเป็นอันต้องพับโครงการเมื่อถูกดักคอจากพินัยกรรมบ้าๆนั่น
“ป๊าคิดอะไรอยู่กันแน่”
พึมพำฟันคมขบกันเสียจนได้ยินเสียงดังกรอด แน่นอนว่าเรื่องสมบัติจะได้น้อยได้มากเขาไม่ได้นึกกังวลอย่างใด แต่สิ่งที่เขาหวังเพียงอย่างเดียวคือการตัดขาดกับบุคคลที่เคยขึ้นชื่อว่าพี่ชาย ที่ในตอนนี้ศักดิ์นำหน้ามันไร้ความหมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
ความผูกพันมันถูกตัดขาดตั้งแต่ที่อีกคนถูกผ้าคาดหน้าว่าเป็นคนวางแผนการฆาตรกรรมผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยงตัวเองนั่นแล้ว
ยิ่งเห็นก็นึกสมเพช ยิ่งได้เจอก็ยิ่งเพิ่มความเกลียด...
กับอีแค่เป็นบ้าก็ปล่อยให้ลอยนวลไม่มีความผิดอะไรเลยเนี่ยเหรอ?
“แม่งเอ๊ย” สบถกับตัวเองก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะตรงหน้าด้วยความอ่อนแรง ความรู้สึกที่พยายามเข้มแข็งมันถูกทำลายเพียงรูปภาพในกรอบตรงหัวมุมโต๊ะที่ไม่พอดีนั่น
...รูปคนสี่คนที่หนึ่งในนั้นถูกฉีกออกไป
สมบัติงั้นเหรอ...
‘จุนฮงต้องช่วยป๊าเขานะลูก ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกลูกจะได้ป๊าเขาทุ่มเทมาตลอดทั้งชีวิตเลยนะ’
...เขาไม่อยากได้
‘ป๊าเหนื่อยแทบตายกว่าจะเลี้ยงพวกเราสบายขนาดนี้ บุญคุณต้องทดแทนเข้าใจไหม?’
ทำไมม๊าต้องบังคับผมด้วย
‘ยองแจน่ะเขาเก่งมากนะ เรากับพี่น่ะ ถ้าช่วยกันยังไงมันก็ต้องสำเร็จอยู่แล้ว’
“ถ้าม๊ามาเป็นผมตอนนี้... ม๊าจะยังรักคนที่จงใจจะฆ่าตัวเองหรือเปล่าครับ”
...
การแถลงเจ้าของบริษัทในเครือยูคนใหม่ผ่านพ้นไปหลังจากให้ผู้ถือสิทธิ์ใหญ่ได้ปรับตัวมาร่วมนับสัปดาห์ จุนฮงโค้งรับกับบุคคลอาวุโสกว่าหลายสิบคนที่ถึงแม้จะมองเขาอย่างดูถูกแต่ตลอดระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ตนก็ได้แสดงให้เห็นชัดกับยอดกำไรที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างมีรากฐานอย่างเป็นการพิสูจน์ศักยภาพให้ทุกฝ่ายให้เห็น
“วันนี้คุณจะต้องย้ายเข้าบ้านแล้วนะครับ...” ทันทีที่การตีหน้ายิ้มรับจบเสียงคนดูแลก็แทรกมาให้อารมณ์ที่คงที่กดลงต่ำแทบจะในทันที
“พี่เลิกย้ำเรื่องนี้สักทีเถอะ ผมรู้อยู่แล้วน่า” เอ่ยปัดก่อนจะเดินนำออกจากห้องประชุมใหญ่สู่ห้องทำงานผู้มีศักดิ์เป็นบิดาที่ในตอนนี้ได้กลายมาเป็นของตนอย่างไร้ข้อกังหา คนตัวสูงก้าวเท้ายาวเดินโครมๆไปทิ้งตัวลงโซฟารับรองก่อนจะตวัดสายตาไปยังอีกคนที่ยังคงเดินตามาด้วยสีหน้าแน่นิ่งอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“พี่ยงกุกครับ ตอนนี้ไม่ได้มีคนอื่นก็ช่วยทำตัวสบายๆกับผมไม่ได้หรือไง? แค่นี้ผมก็ประสาทกินจะแย่อยู่แล้ว”
เจ้าของชื่อส่ายหน้าน้อยๆกับท่าทีหมดอาลัยตายอยาก บังยงกุกก็โตมาพร้อมๆกับคนตรงหน้าแต่คนละสถานะก็เท่านั้น แน่นอนว่าพวกเราก็นับถือกันเป็นพี่ชายน้องชาย แต่ตนก็ชินชากับการให้บริการเด็กดื้อรั้นคนนี้มานานนมเช่นกัน
“คุณยื้อเวลาจนถึงที่สุดแล้วนะครับ...” เป็นจริงอย่างบังยงกุกบอก ตั้งแต่การเปิดพินัยกรรมวันนั้นก็เหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเด็กตัวสูงที่ต้องกลายมาเป็นกึ่งหัวหน้าตระกูล แน่นอนว่าจุนฮงยื่นคำขาดขอเวลายื่นออกไปหนึ่งเดือนซึ่งแน่นอนว่ามันได้และมันก็จะกำหนดนั่นคือวันนี้แล้ว
“ทางคุณหมอก็แจ้งมาแล้วว่าคุณยองแจมีโอกาสหาย อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่ชายคุณนะครับ”
บังยงกุกก็รู้พอๆกับที่เชวจุนฮงรู้
แต่ทำไมเขาถึงมั่นใจนักว่ายูยองแจไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“ผมขอสั่งให้พี่หยุดพูด!” จุนฮงตะโกนลั่น บังยงกุกค้อมตัวลดปลายเท้าไปด้านหลังอย่างสุขุม... ไม่มีการโต้แย้งเอื้อนเอ่ยเถียง คงมีเพียงดวงตาคมของคนอายุมากกว่าที่สบจ้องอย่างต้องการสื่อความหมาย
มั่นใจว่าเชวจุนฮงเข้าใจ เพียงแต่แค่ไม่ยอมรับ
และเหตุผลที่อีกคนยอมที่จะกลับไปไม่ใช่เพียงต้องการสานต่อมรดกของตระกูลผู้มีพระคุณเพียงอย่างเดียว เพราะเหตุผลอีกข้อที่บังยงกุกได้เอ่ยปากไปเมื่อกี้...
ยูยองแจมีโอกาสหาย
เรื่องอะไรที่เชวจุนฮงจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปกัน
“พี่ชายงั้นเหรอ?... หึ”
.
.
.
เสียงประตูเปิดปิดดังขึ้นยามค่ำคืน บ้านหลังใหญ่ที่ดวงไฟถูกปิดหมดกำลังมีแสงไฟเล็กๆจากโคมไฟพกพาด้วยฝีมือคนตัวเล็กที่ค่อยๆเดินลงมาจากบรรไดกลางบ้านพร้อมเจ้าบีเกิ้ลที่วิ่งนำไปยังที่เดิมที่คุ้นชิน
“มีโซอย่าไปวิ่งชนอะไรนะ” พูดแผ่วเบาแทบไร้เสียงกับเจ้าตัวเล็กที่นำไปลิ่ว ฝีเท้าบางรีบก้าวฉับๆตามไม่ลืมจะลงเท้าเบากันคนดูแลจะตื่นขึ้นมาให้ไฟเปิดในยามดึกเสียจนสว่างโล่ให้แสบตาและถูกมองอย่างคนโดนจับได้ให้รู้สึกตื่นตระหนกจนแทบจะร้องไห้อย่างที่เคยเป็นอีก
ก็แค่ลงมากลางดึก นาบีก็บอกว่านี่เป็นบ้านของเขาแล้วทำไมคนอื่นต้องมองมาอย่างไม่ชอบใจทุกที
“ฮ่อง!”
“มีโซ! ชู่วววววว”
เจ้าตัวเล็กโวยขึ้นทำเอาเจ้าของรีบเอ่ยห้าม ยองแจรีบย่อตัวไปนั่งเทียบเท่าก่อนจะลูบหัวสัตว์สี่ขาข้างตัวสักพักและค่อยๆมุดตัวลงไปใต้ตู้โชว์ในมุมหนึ่งของบ้านที่ไม่ค่อยมีใครมายุ่งมากเสียเท่าไหร่
“อ๊ะ!” ใบหน้าหวานขมวดมุ่นเมื่อสิ่งที่เคยอยู่กลับไม่ได้อยู่ที่เดิม ริมฝีปากเล็กเริ่มเบะก่อนที่เพียงไม่นานแสงไฟทั้งบ้านจะถูกเปิดเมื่อผู้เป็นเจ้าของตะโกนเหวกลั่น
“หายไปไหน?” ทั้งตัวแทบจะพาตัวเองเข้าไปในรูเล็ก เจ้าคู่หูตัวเล็กที่พอเข้าใจก็อาสาเข้าไปมุดให้ทั้งตัวแต่ก็ยังคงไร้ความหมาย... “มีโซ มันหายไปไหนอ่ะ ฮึก...”
“มีโซ!! กล่องฉันหายไปไหน ฮือ”
“ป้านาบี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ประตูหลังถูกไขออกก่อนเจ้าของชื่อจะรีบวิ่งมาตามเสียง คนใช้คนอื่นๆที่ถูกปลุกก็แห่กันวิ่งเข้ามา และป็นอันที่แน่นอนว่าข้าวของใกล้เคียงกำลังถูกเจ้าของบ้านทำลาย...
“คุณยองแจหยุดค่ะ! คุณของป้าหยุดนะคะ” คนตัวเล็กยังคงรื้อข้าวของในตู้ออกมาราวกับกำลังรื้อหาสิ่งของที่ต้องการ มีโซถูกใครบางคนอุ้มไปเข้ากรงและนั่นทำเอาคนที่สติยับยั้งไม่ได้ยิ่งสติแตก
“เอามีโซมานะ ไอ้บ้า! เอามีโซคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” เพื่อนคลายเหงาเพียงอย่างเดียวกำลังถูกคลาดกันยิ่งทำเอาคนที่รู้สึกเหมือนไม่มีใครใจหาย นาบีและคนอื่นช่วยกันหยุดยั้งแต่ก็ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใครเว้นเสียแต่เจ้าบีเกิ้ลตัวเล็กที่ค่อยๆห่างไปเรื่อยๆ
“โวยวายอะไรกันฮะ!!!!”
ประตูใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงโปร่งที่เดินมาพร้อมกับคนดูแลโวยลั่น ใบหน้าง่วงงุนฉายแววไม่สบอารมณ์เสียจนเหตุการณ์ยื้อยุดหยุดลงแต่คงเว้นแต่คนตัวเล็กที่ดิ้นหลุดวิ่งไปตามทางตามหาเพื่อนตนด้วยท่าทีหว้าวุ่น
“คุณจุนฮงช่วยจับคุณยองแจไว้หน่อยค่ะ!” ไม่ใช่เวลามาตกใจว่าใยคุณคนรองถึงดันโผล่มาในยามค่ำคืนเกือบข้ามวันใหม่ในวันนี้ การวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งน้ำตาของคนโตของบ้านทำเอาอดจะเป็นห่วงไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะเลิกตามหาแต่กลับหันมาทำร้ายตัวเองอีก
“แม่ง ทำไมมีแต่ปัญหาวะเนี่ย...” จุนฮงโยนสูทให้ยงกุกที่น้อมรับก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเดินขึ้นไปยังบันไดเพื่อไปเก็บกระเป๋าใบโตด้านบน
ปล่อยทิ้งคนเป็นเด็กที่จำต้องก้าวเท้ายาวตรงไปยังร่างคนสติหลุดที่เดินตามหาในสิ่งที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร
“ปล่อยนะ!” ช่วงขายาวไล่ตามอย่างง่ายดายจนเพียงครู่เดียวก็ถึงตัว ลำตัวเล็กถูกอุ้มพาดบ่าไม่ได้สนใจถึงเล็บที่พยายามจิกกระชากให้ตนปล่อยเลยสักนิดเดียว
“รีบขึ้นมาเปิดประตูห้องมันสิ คนจะหลับจะนอน!” เอ่ยกับนาบีที่จากที่ทำตัวไม่ถูกกลับต้องรีบหุนหันพาร่างที่เริ่มอ่อนแอตามไววิ่งตาม คนโดนพาดบ่ายังคงแดดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ใช่ว่าคนดูแลจำเป็นจะถนอมให้สมศักดิ์ที่เป็นน้องชายเสียเมื่อไหร่ คนเหมือนกันนะเว้ย...
“หุบปากเหอะ” ตีเข้ากับสะโพกกลมกลึงก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเมื่อเริ่มปราบพยศไม่ไหว ยงกุกที่อยู่อีกฝากของบันไดทำเพียงยืนมองเจ้านายตนที่กำลังสู้รบจนถึงห้องยองแจด้วยรอยยิ้มขำขัน... อย่างไรเสียคุณจุนฮงก็ยังพอหลงเหลือความรู้สึกกับอีกคนอยู่เหมือนกันล่ะนะ
ไม่งั้นคุณยองแจได้โดนเหวี่ยงตกบันไดไปแล้วเป็นแน่
“นี่มันดื้ออย่างนี้ทุกวันเลยไหมเนี่ย?” ทันทีที่วางไม่สิ โยนร่างอีกคนลงบนเตียงได้ก็สบถกับตัว เชวจุนฮงหอบแฮกซ้ำยังเอามือกุมหัวเมื่ออีกคนยังคงบีบน้ำตามากมายพร้อมตะโกนตามหากล่องบ้าและไอ้หมาตัวน้อยอย่างไม่คิดเลิกรา
... “ก็ไม่บ่อยนักหรอกนะคะ แต่คราวนี้หนักเอาการอยู่จริงๆ” รู้ดีว่าในตอนแรกอีกคนเพียงแค่สบถแต่นาบีก็อยากจะเอ่ยตอบ คนตัวสูงหันไปตามเสียงก่อนจะทำหน้าเบ้อย่างนึกเหนื่อยแทน
“ฉีดยานอนหลับซะก็สิ้นเรื่อง...”
“ร่างกายคุณของป้าก็แย่พอดีน่ะสิคะคุณจุนฮง”
เจ้าของชื่อกุมหัวบีบขมับแน่นเข้าไปใหญ่ นี่มันบ้าไรวะเนี่ย...!
“ก็ตามใจจนเคยตัว เดี๋ยวผมสอนมันเองละกัน!”
ปัง!
อยากจะตบปากตัวเองซ้ำยังอยากจะทุบมือให้แหลก อะไรดลใจให้เขาพูดไม่คิดและปฏิบัติเลยอย่างไม่นึกถึงหน้าหลังเลยสักนิดนี่ ตามจริงก็คิดว่าตัวเองประชดไปแต่ทำไมมันถึงกลายเป็นตนพาร่างหญิงสูงวัยออกไปนอกห้องพร้อมกระแทกประตูดังลั่นไม่ลืมกดล็อคและเผชิญหน้าอยู่กับใครอีกคนที่ยังคงไม่มีวี่แววลดเสียงอย่างไร้ตัวช่วยรอบด้านแบบนี้
“โอเคๆ ตั้งสติหน่อยเชวจุนฮง” สูดหายใจเข้าออกยาวๆกับภาพที่อีกคนเริ่มกระชากผ้าปูที่นอนปลอกหมอนออกมาด้วยอารมณ์โทสะ จะว่าตนร้อนแต่ถ้าจะต้องมาเสี่ยงกับคนที่ควบคุมสติไม่ได้มากกว่าไม่แน่เขาอาจจะพลั้งมือรุนแรงเป็นแน่แท้
“โอเค ใจเย็นนะจุนฮง... ใจเย็น”
พลั่ก!
“เอามีโซคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!!!”
**
หมอนใบโตเหวี่ยงเข้าเต็มหน้า เชวจุนฮงแทบจะโผตัวพุ่งเข้าใส่ถ้าไม่ติดเจ้าดวงตาไม่รักดีดันสบกับอีกคนเต็มๆตาจนเผลอชะงักงัน... ยองแจไม่ได้หลบสายตา คงมีเพียงริมฝีปากที่เบะออกและเหมือนจะยอมแพ้ไปในทีเมื่อคนตัวเล็กเลือกที่จะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงถดตัวขึ้นไปนั่งกอดเข่าซบใบหน้าร้องไห้กับตัวเอง
จุนฮงถอนหายใจให้กับทั้งตนเองและอีกคน เขาเห็นแล้วเขายังเหนื่อยแทนเลยกับอาการเอาแน่เอานอนของอีกคนไม่ได้แบบนี้
“นี่...” เลือกจะเริ่มบทสนทนา ริมฝีปากหนาพ่นลมหายใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดใจเดินเข้าไปหา
“...”
“เงยหน้ามาคุยกันก่อนได้ไหม” จิ๊ปากเมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากอีกคน มือหนาสะกิดยิกๆที่ลำแขนเล็กก่อนจะเลือกโยงเรื่องออกไป... “นี่เมื่อกี้หาอะไรเหรอ? ฉันช่วยหาไหม?”
เหมือนจะได้ผลเมื่ออีกคนยอมเงยหน้าขึ้นมา และดูจะได้ผลดีเมื่อใบหน้ามู่ทู่ประดับรอยยิ้มอย่างง่ายดายเหมือนกับไม่เคยมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเมื่อสักครู่เกิดขึ้นเลยสักนิด
ยิ้ม?
...ทั้งๆที่เมื่อเดือนก่อนเขาเป็นคนทำให้อาการอีกคนกำเริบแท้ๆ
คนเป็นบ้านี่ก็ไม่ต่างจากความจำเสื่อมเท่าไหร่หรอกสินะ
“คือคุณเคยเห็นกล่องเท่านี้ม๊า? มันเป็นกล่องกระดาษแข็งๆอ่ะ สีออกขาวๆ คุณเคยเห็นไหมๆ?” สีหน้ากระตือรือร้นถูกส่งมา มือบางถูกยกขึ้นมาประกอบถึงขนาดเจ้ากล่องที่ว่าที่เท่าที่ดูก็เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กทั่วไป
“ในนั้นมันมีอะไรสำคัญงั้นเหรอ?” เผลอหลุดถามออกไป ร่างสูงชะงักกึกแต่ก็เพียงชั่วครู่เมื่อผลตอบรับที่คิดว่าอีกคนจะเริ่มโวยวายกลับกลายเป็นการตีหน้าเศร้าเล่าความเพียงอย่างเดียว
“ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่ามันสำคัญ... มันสำคัญมากจริงๆนะ”
“ตอนนั้นซึงมีจะเอาไปทีนึงแล้ว ต้องเป็นซึงมีแน่ๆ เราอุตส่าห์เอาไปซ่อนในที่ๆคิดว่าจะไม่มีคนเห็นแล้วแท้ๆ”
ใบหน้างุ้มเรียกรอยยิ้มอ่อนๆจากคนตัวใหญ่กว่าที่เอื้อมมือไปลูบผมนุ่มอย่างเผลอไผลกับความน่าเอ็นดู ถอนหายใจน้อยๆกับความคิดตัวเองที่ยังคงมีอีกส่วนที่ยังคงคิดแค้นเคืองกับภาพลักษณ์ไร้เดียงสา... แต่ก็นะ
คนบ้าก็คือคนบ้า
...จะถามจะทำอะไรอีกคนในตอนนี้ก็เป็นเพียงคนจิตผิดปกติที่ไม่รู้อะไรถูกอะไรผิดก็เท่านั้น
“เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาหากันไหม? มันดึกมากแล้ว ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสายผมจะไม่มาช่วยหานะ” นิ้วชี้ยกขึ้นชี้นาฬิกาบนผนังก่อนจะหันมาหาอีกคนที่พยักหน้าตามเมื่อหยุดคิดไปสักพัก จุนฮงหลุดเสียงขำก่อนสุดท้ายจะสูดหายใจล้มเลิกความอ่อนโยนที่ถูกขุดมาจากไหนของตนเองให้หายไปเสียที
หมับ
ไม่ทันจะได้ไปไหนก็ต้องกลับมาอยู่ที่เดิมเมื่อโดนมือเล็กยื้อแขนไว้ หันมาเลิกคิ้วถามอีกคนที่กระพริบตาไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้น... “แล้วคุณเป็นใครเหรอ?” จะว่าไปก็ลืมไปเสียสนิท จุนฮงลงนั่งยองกับพื้นโดยมีเจ้าของคำถามนั่งบนเตียงกระพริบตาปริบมองตามทุกการกระทำ...
“หน้าผมไม่คุ้นบ้างเลยเหรอฮึ?” เอื้อมมือคนตัวเล็กมาลูบไล้ใบหน้าตัวเอง กกหูยันปลายคางถูกมือนิ่มไล้ผ่านแต่ก็ได้คำตอบเพพียงใบหน้าใสซื่อนั่นส่ายหน้าเพียงเท่านั้น
“เชวจุนฮง...”
“น้องชายพี่ไงครับ”
“...”
บอกตามตรงเลยว่าที่จุนฮงพูดไปไม่ได้มีอะไรแฝงนัยเลยสักนิด แต่การที่อีกคนนิ่งไปก็ทำเอาพึ่งนึกขึ้นได้ แน่นอนว่าบางทีเขาก็แอบเข้าข้างตัวเองว่าอีกคนอาจจะจำเขาได้เมื่อมือที่เขาเคยยื้อไว้กระชากออก แต่ก็ได้เพียงครู่เดียวเมื่อเรียวคิ้วสวยเริ่มขมวดเป็นปมต่างจากคำพูดที่เอาตามจริงก็ไม่ได้ซีเรียสเลยสักนิด
“เราเป็นพี่ชายของคุณ?”
“แต่จุนฮงหน้าแก่กว่าเราอีกนะ!”
คนตัวสูงล่ะอยากจะขำลั่นกับความตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน จากที่นั่งเอ๋อกลายเป็นกอดอกงอนอย่างหาต้นเหตุไม่เจอ ริมฝีปากหรือก็ย่นเสียจนชิดปลายจมูก นี่ถ้าไม่คิดตื้นๆเสียหน่อยอีกคนคงอยากจะเด็กกว่าเขาเป็นแน่แท้
“อืมๆ เป็นพี่ชายแทนก็ได้” มุมปากยังคงยกยิ้ม คนตัวสูงส่ายหน้าน้อยๆเมื่ออีกคนแย้มยิ้มกว้างกระชากต้นคอตนไปกอดแน่นทีก่อนจะผละออกมา
“พี่จุนฮง! โหย เรามีพี่ชายด้วยอ่ะ ไปบอกป้านาบี!... ใช่ๆ ไปบอกป้านาบี ฮะๆ”
แทบจะกระชากร่างเล็กที่ลุกพรวดลงนั่งไม่ทันเมื่ออีกคนหรือก็ปากเร็วมือเร็วไปเสียหมด ชี้หน้าดุไปหนึ่งทีก่อนจะทำการบ่นสอนถึงการไปรบกวนคนอื่นเวลานอน เอาจริงก็ไม่เชิงได้รับความเชื่อฟังเมื่ออีกคนใช้น้ำตามางอแงใส่อีกรอบเข้าจนได้
“หยุดร้องแล้วนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ถ้าตื่นสายพี่ไปทำงานไม่ช่วยเราแล้วนะ!” เนียนจริงนะเชวจุนฮง แปปๆก็เผลอตัวทำตัวแก่กว่าอย่างปีนเกลียวในความเป็นจริงเข้าจนได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ น้องชาย คนใหม่ยอมที่จะฮึบกลั้นน้ำตาตัวเองแล้วพาร่างตัวเองมุดลงเข้าผ้าห่มโดยไม่ได้โวยวายอะไรเลยสักนิด
... “ฝันดีนะ”
.
.
.
“ป้าครับ ป้าพอจะรู้ไหมว่ากล่องที่ยองแจตามหาคืออะไร” ลงมาจากห้องไม่ทันไร ทันทีที่เจอหน้าผู้ดูแลสูงวัยก็รีบโผเข้าถามทันที นาบีขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจก่อนที่จะเอ่ยปฏิเสธกลับไปและเลือกที่จะไปถามเด็กในบ้านคนอื่นๆเพื่อคลายความสงสัยเช่นกัน
ตึงๆๆ!!
“คุณของป้า! วิ่งลงมาเดี๋ยวพลัดตกทำยังไงฮึ?! ไม่ระวังเลยนะคะ” ไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยถามคนในบ้านที่พึ่งจะมารวมตัวกันก็ต้องเป็นอันต้องหันไปดุคุณตัวดีที่พรวดพราดลงมาจากชั้นสอง
จุนฮงที่ได้ยินเสียงก็เดินออกมาจากห้องอาหาร โดยที่มียงกุกเดินตามมาไม่ละสายตาเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก โถ่... อ๊ะ!”
แทบจะหน้าคว่ำเมื่อเท้าไปชนกับขอบโซฟาอย่างไม่ทันได้จบคำพูดให้สวยหรู ยงกุกรีบพุ่งเข้าไปพยุงแต่ก็ถูกจุนฮงสั่งให้หลบโดยสายตาก่อนจะหันมาเอ่ยกับหญิงสูงวัยที่ใจหายใจคว่ำความรู้สึกแล่นลงเท้าไปเมื่อครู่
“ป้าไม่ต้องเป็นห่วงมันมากหรอก โตแล้วนะครับ ล้มนิดล้มหน่อยก็ประสบการณ์...” ที่พูดไม่ใช่ว่าคิดร้ายแม้จะแอบสะใจอยู่เล็กๆ แต่ก็ตั้งแต่เด็กเขาชินกับการถูกสอนให้ช่วตัวเอง ไม่ใช่การดูแลประคบประหงมขนาดนี้... ไม่ต้องถามเลยว่าใครสอน
ก็ยูยองแจนั่นแหละที่เคยทำให้ลูกติดแม่เสียอย่างอะไรมาติดพี่ชายอย่างง่ายดาย
...แต่มันกลายเป็นเพียงอดีตก็เท่านั้นเอง
“ชิ!” คนตัวเล็กสะบัดก้นหนีเมื่อโดนดุ จุนฮงถอนหายใจน้อยๆ ไม่ต้องถามไรมากเพราะมั่นใจแน่นอนว่าอีกคนจำเขาไม่ได้แล้วล่ะ รวมถึงเรื่องไอ้เจ้ากล่องบ้านั่นอีก
แต่ที่แน่ๆมั่นใจได้เลยว่าถ้าไอ้กล่องนั่นไม่ได้กลับที่เดิมนี่ได้บ้านแตกอีกรอบ
“มีโซ!~ อยู่ไหนนนนนน” เป็นอย่างที่คิดที่อีกคนเดินผ่านเขาไปราวกับไม่เคยรู้จักกัน มือเล็กป้องปากตะโกนหาเพื่อน(?)ตน เดินเท้าไปเรื่อยรวมถึงห่างไปเรื่อยๆเช่นกัน
“กลับเข้าเรื่องเดิม... คือผมขออนุญาตถามหน่อยได้ไหมครับว่าคนไหนคือซึงมี?” ไม่ทันได้ให้คนที่นับถือเป็นป้าเอ่ยถามก็เลือกที่จะเอ่ยเองแทบจะในทันที
ร่างหญิงสาวผอมบางยกมือสูงเหนือหัวเล็กน้อยด้วยท่าทีผิดปกติและนั่นทำเอาอดไม่ได้ที่จะเลือกถามไถ่อย่างมั่นใจในสิ่งที่คิดนิดหน่อย... “เมื่อคืนที่ยองแจโวยวายเรื่องกล่องของเขา คุณพอจะรู้ไหมว่ามันคืออะไร?”
“ค คือ... คือดิฉันไม่ทราบค่ะ” ดวงตาเลิ่กลั่กยิ่งทำให้ความมั่นใจพุ่งขึ้นสูง ก้อนเนื้อด้านซ้ายตนรู้สึกว่ามันทำงานผิดปกติเล็กน้อย ไม่ใช่ว่ายินดีที่จะได้คนร้าย ...แต่เขาจะได้รู้แล้วต่างหากว่าของที่ว่าที่อีกคนบอกมีความสำคัญหนักหนามันคืออะไร
“ขอผมตรวจห้องคุณได้ไหมครับ เพราะเมื่อคืนเขาเอาแต่พูดถึงคุณ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริง” นัยตาชั้นเดียวเบิกกว้าง ไรผมใบหน้าอ่อนวัยประกอบไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กที่แข่งกันซึมออกมา...
“มีอะไรจะสารภาพไหมครับ?”
“...”
“ถ้าคุณเอามาคืน ผมจะไม่ไล่คุณออก”
แทบจะไม่ต้องถามอะไรต่อในเมื่อทุกอย่างเผยชัดเสียขนาดนี้ จุนฮงส่ายหน้าน้อยๆกับหญิงสาวตรงหน้าที่รีบพยักหน้าและผลุนผลันออกไปพร้อมกับเอ่ยบอกตนให้รอสักครู่
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ไปทำงานกันเถอะ” เลือกที่จะเอ่ยกับคนที่เหลือที่จำต้องไม่ปฏิเสธแม้จะอยากรู้มากแค่ไหน นาบีส่งสายตาขออยู่ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างเช่นคนอื่นๆเช่นกัน... “ถือซะว่าซึงมียังไม่ได้ทำความผิดก็แล้วกันครับ ให้ผมรับรู้คนเดียวก็พอ ป้ากับคนอื่นจะได้สนิทใจกับซึงมีเขาเหมือนเดิม”
เจ้านายว่ามมาส่วนขี้ข้าจะหือกรือได้อย่างไรกัน นาบีพยักหน้าน้อมรับก่อนจะค้อมตัวลดเท้าก้าวไปห้องอื่นทำตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป... “งั้นป้าไปดูคุณยองแจก่อนละกันนะคะ”
...
“นี่ค่ะ...” เป็นกล่องสีขาวขนาดพอๆกับที่อีกคนว่าเมื่อคืนถูกวางอยู่ตรงหน้า ซึงมีกุมมือก้มหน้าด้วยใบหน้าเสียใจเต็มที่แต่มันก็เป็นเพียงความกลัวเพียงชั่วคราวที่เชวจุนฮงก็พอเข้าใจ... “ถ้าคราวหน้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกผมจะไม่ไล่ออกหรอกนะครับ”
“แต่คงต้องเปลี่ยนจากนอนที่บ้านคนใช้เป็นห้องขังแทน”
สิ้นคำก็ผายมือให้อิสระกับอีกคนที่รีบก้มหัวพล่ามคำขอบคุณแล้ววิ่งหลบฉากออกไป มือหนากำของในมือแน่นก่อนที่จะเลือกขึ้นไปยังห้องของตัวเองและสั่งบังยงกุกให้แจ้งว่าในวันนี้ตนจะเข้าบริษัทในตอนเที่ยงแทน
กึก
ฝาสีขาวขุ่นถูกเปิดออก ร่างที่นั่งอยู่ปลายเตียงตัวชาวาบเมื่อเห็นทุกอย่างเต็มๆตา... ของสำคัญ?
นั่นสินะ
...เครื่องประดับของแม่เขา
แม่ของเชวจุนฮงคนนี้
“ทำไม?” ...ไม่เข้าใจ เชวจุนฮงไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมอีกคนถึงปกป้องสิ่งของนอกกายพวกนนี้ทั้งๆที่มันไม่มีความจำเป็นเลยสักนิดในเมื่อผู้ที่เคยสวมใส่ได้หายจากไปอย่างไม่มีการหวนกลับ
ไม่เข้าใจ
...ไม่เข้าใจเลยสักนิด
แกร๊ก
“...” คนมาใหม่ไม่ได้เรียกให้สนใจหรือแม้แต่สายตาเบนหาง ยงกุกค่อยๆปิดประตูก่อนจะเดินเข้ามา เบนสายตามองสิ่งในมือของคนตรงหน้าสมองประมวลความคิดเอ่ยไปอย่างรวดเร็ว
“บางที ของพวกนี้มันคงเป็นสิ่งของต่างหน้าแทนรูปภาพที่คุณยองแจเก็บไว้ให้คุณก็ได้นะครับ”
“รูปภาพมันมีค่าก็จริง แต่ของพวกนี้ก็มีราคามากเกินกว่าที่จะยอมสูญเสียในเมื่อเจ้าของรองลงมายังไม่ย้อนกลับมาตัดสินความเป็นอยู่มัน”
... “...” จุนฮงเงยหน้ามองคนอายุมากกว่าสลับกับสิ่งของในมือ... แน่นอนว่าคิดตามสิ่งที่อีกคนพูด แต่อีกด้านของตัวเองกลับพยายามยับยั้ง
‘ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัวหรอกนะจุนฮง... ก็ใช่ว่าอาจะคิดว่ายองแจไม่มีส่วนดีเลย’
‘ยองแจเขาก็ดี แต่เรารู้จักเขาดีแล้วงั้นเหรอ?’
“พี่ก็คิดไปไกล เอาอะไรกับคนบ้ากัน” ปิดฝากล่องในมือก่อนจะลุกไปไว้หัวเตียง ยงงกุกทำเพียงมองตามพร้อมส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะเอ่ยแย้งไป
“คนบ้าก็คือคนนะครับ ทุกคนมีจิตสำนึก... จิตใต้สำนึกนั่นแหละครับ มันไม่มีทางเปลี่ยนต่อให้คุณจะจำความเสื่อมหรือช่วงลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก็ตาม”
ร่างที่กำลังวางกล่องชะงักงัน ใบหน้าคมเผลอหลุบตาลงต่ำก่อนที่เพียงชั่วครู่จะกลับมาเป็นเช่นเดิม
“ตอนนี้ผมก็ไม่ได้อะไรกับเขานี่ครับ ผมไม่ใจร้ายกับคนสติไม่ดีนักหรอก” เลือกที่จะเอ่ยและพาสิ่งในมือเดินผ่านคนเป็นพี่และเปิดประตูออกไป ไม่มีการเอ่ยห้ามอะไรอีกต่อไป คงมีเพียงแต่บังยงกุกที่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนดื้อรั้นที่ปากไม่เคยจะตรงกับใจของอีกคน
“คุณคิดว่าคนเลวที่ไหนจะคอยไปดูว่าของสำคัญของคุณยังอยู่หรือเปล่าในทุกคืนกันล่ะครับ”
TBC.
ความคิดเห็น