คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [LOJAE] ERR(ONEOUS)
author : PLaimallil
couple : LoJae
rate : PG-18 / NC
เสียงถอนหายใจดังขึ้นน้อยๆพร้อมกับสีหน้าเหยเกของจองแดฮยอนที่ใบหน้าถอดหน้ากากที่ปั้นไว้นานสองนานออก คนต้นเหตุตัวสูงปรี๊ดผิวขาวจัดยิ้มแหยส่ง ก้าวช่วงขายาวๆนั่นเข้าไปประชิดตัวพี่สามอย่างประคบประหงมด้วยท่าทีที่สำหรับอีกคนมันกลับอ้อนฝ่าเท้าให้คันยิบๆไปกระแทกหน้า
"ไม่ต้องมาอ้อนฉัน ฉันไม่ใช่พี่ยองแจของนาย" น้ำเสียงประชดประชันแต่ความหมายไม่ใช่เลยสักนิด เขาไม่ได้คิดอยากกินคนของเพื่อนถึงพูดจาว่าประชดอะไรนั่น แต่เพราะสิ่งที่มักเน่ตัววอกนี่ไปทำทิ้งไว้ต่างหาก...
"ยองแจจับได้ฉันโดนฆ่าแน่..." พึมพำว่าเข้ากับตัว มือก็พยายามสะบัดไอ้เจ้ามือปลาหมึกตัวซีดที่มานั่งแหมะกอดแข้งกอดขาแทบจะยกฟาดหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขาล่ะเหนื่อยใจกับความคิดเด็กๆของเจ้าเด็กตัวสูง แต่พอมาคิดดีๆก็ดันไปตกปากรับคำเสียเข้าเสียจนได้
"หึงไม่เข้าเรื่อง" เหล่มองถอนหายใจอย่างเพลียๆ เขาหรือก็กล้าแค่กับผู้จัดการคัง การที่จะต้องมาพูดคุยส่วนตัวกับผู้จัดการฝ่ายรับงานที่โคตรเนี้ยบนี้แทบทำเอาหน้าเป็นตะคริวตายกับดวงตาจับผิดเรื่องที่เขาจำต้องโกหกว่าเจ้าเสียงหลักตัวกระจ้อยแสนโมเอ้ของวงเสียงหาย ไม่สบาย เสมหะเต็มคอ ไม่สามารถลากสังขารมาร่วมโปรเจคที่ถูกจับคู่ร้องกับนักร้องค่ายใหญ่ยักษ์ที่กำลังจะเริ่มโปรเจคนี้ในอีกไม่ถึงสัปดาห์ และเสนอตัวกรายๆซึ่งแน่นอนว่าอีกคนก็จำต้องรับอย่างเลี่ยงไม่ได้...
ทั้งๆที่ความเป็นจริงคือ ไอ้ใครบางคนแถวนี้มันดันหวงคนของตัวเองจนขึ้นสมอง และตั้งปฏิญาณไว้กับโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นของหอพักว่าจะไม่ให้คนตัวเล็กนั่นต้องไปฝึกซ้อมที่บริษัทที่มีคนฝั่งนั้นรายล้อมเป็นแน่...
ความซวยเลยตกมาเต็มๆ
แดฮยอนหันหลังกลับอย่างนึกหัวเสียนิดหน่อย ยีหัวตัวเองน้อยๆปากก็หันมาเอ่ยบ่น "ไป กลับหอ วันนี้ไม่มีงาน... ทำไมแทนที่ฉันจะได้นอนกลับต้องมาทำอะไรอย่างนี้เนี่ย...!" ...รบกวนการนอนยังไม่พอ ยังจะเพิ่มภาระให้หลังจากหมดเวลาไม่ถึงสัปดาห์นี่ในการต้องเข้าไปฝึกซ้อมคนเดียวที่ต่างบริษัทอีก
คือก็ไม่ใช่คนเข้ากับคนง่ายอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่สนิทด้วยจริงๆปากหรือก็รูดสนิทเงียบเป็นเป่าสาก ขนาดตอนมาที่นี่ใหม่ๆยังแทบโดนพี่ยงกุกกับพี่ฮิมชานไล่ออกไปเพราะท่าทีหยิ่งพยองไม่รู้ตัวนั่นอีก... หวังว่าก่อนจะเป็นเพื่อนกันเขาจะไม่โดนติดแบล็คลิสต์ห้ามเข้าบริษัทนั้นก่อนละกันนะ
จุนฮงปากยื่น ใบหน้าอ่อนเยาว์เบะปากทำท่าจะร้องไห้ แดฮยอนเหลือกตาอย่างปลงๆก่อนจะเดินหนีอย่างรู้ทันนั่นทำเอาเชวจุนฮงยิ่งหน้าเบ้เข้าไปใหญ่ ก็ปกติพี่ๆจะตามใจน้องเล็กอย่างเขา แต่ดูเดี๋ยวนี้กันสิ "พวกพี่อ่ะ..." สุดท้ายก็ต้องรีบเดินตาม หน้ามุ่ยๆพอนึกถึงกลับหอไปจะเจอใครที่นอนจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียงก็ทำเอายิ้มร่าเร่งสปีดเลยคนเป็นพี่ไป
วันนี้เขาแหกตาตื่นมาตั้งแต่ฟ้ามืด เพราะฉะนั้นคนที่ชอบตื่นสายรองจากเขาก็ไม่ใช่ใคร
"...คึ"
แดฮยอนมองตามคนที่อยู่ๆก็กลับมาอารมณ์ดี เสียงหัวเราะพร้อมกับท่าทีกระโดดกึ่งเดินกึ่งวิ่งทำเอาเขาหรือก็หมั่นไส้ "อย่าให้ฉันมีบ้างนะ..." เตะลมเตะฝุ่นฟึดฟัด
เพียงไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะไม่ใช่ระยะที่ไกลมากนัก คนตัวสูงจิ๊ปากน้อยๆเมื่อเหลือบตามองเวลา นึกโทษตัวเองที่ดันลืมเอาสเกตบอร์ดคู่ใจไป ตะวันขึ้นโด่แล้วแบบนี้ ความคิดที่จะได้ปลุกคนรักเป็นอันจบกัน "ทำไมเดินช้ายังงี้วะเนี่ย..." เขาว่าตอนเขามาฟ้ายังไม่สว่างแยงตาขนาดนี้นะให้ตายเถอะ
"อ้าว ไปไหนกันมาเหรอ?" ฮิมชานที่ดูเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังจะเดินไปห้องครัวเป็นอันต้องเอ่ยทักคนมาใหม่ แดฮยอนอ้าปากจะตอบให้อย่างนิสัยพูดมากของตนและแน่นอนว่าเป็นอันถูกปิดปากด้วยมือขาวของคนเป็นน้องที่ยื่นปิดอย่างรู้ถึงสิ่งที่คนปากไวอย่างพี่สามจะเอ่ยก่อนจะเป็นตัวเองที่ตอบแทน "ออกกำลังกายครับ เช้านี้ไม่หนาวเท่าไหร่ก็เลยชวนกันออกไป"
ก็รู้ว่าพูดไปก็ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ อย่างจุนฮงน่ะเหรอจะแหกตาตื่นออกไปกับเหตุผลเล็กๆน้อยๆนั่น และยิ่งถ้าเป็นแดฮยอนอีก เรื่องออกกำลังกายนี่เป็นเรื่องเชื่อยากพอๆกับแดฮยอนไม่พูดมากหรือเลิกกินชีสเค้กกับเค้กช็อกโกแลตของโปรดวันละอย่างน้อยหนึ่งชิ้นได้เลย...
"อือ.." เลือกเอ่ยเข้าใจเป็นการบอกปัด บางทีพวกนั้นก็คงมีเหตุผลและเขาก็ขี้เกียจเข้าไปยุ่งเหมือนกัน
"พี่ยองแจล่ะครับ?" จุนฮงชะเง้อคอ ปล่อยมือจากปากแดฮยอนก่อนจะเอ่ยถามพี่รองที่ว่าเสร็จก็ชี้มือตรงไปยังห้องนั่งเล่น "ตื่นได้สักพักแล้วก็วิ่งแจ้นไปแล้ว..." จุนฮงพยักหน้ารับก่อนจะรีบพาร่างตัวเองไปยังจุดหมาย ฮิมชานมองอย่างยิ้มๆ ต่างกับแดฮยอนที่เมื่อได้ยินคำขยายความจากฮิมชานแล้วเป็นอันต้องตะครุบปากเงียบใบหน้าเริ่มซีด "เหมือนกับได้โปรเจคมาใหม่มั้ง เห็นพี่คังวางไว้และบอกมันเมื่อคืน ...ดีเนอะ หมอนั่นคงดีใจแย่"
ดีใจน่ะดีใจไปแล้ว แต่เหตุการณ์หลังจากนี้นี่ต่างหาก... ชิบหายวายวอดแน่เชวจุนฮง! จองแดฮยอนขอคอนเฟิร์ม...
โอ๊ย ไปบอกกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ...!
"จอง แด ฮยอน" ...นั่นไง บางทีแดฮยอนคงคาดการณ์ผิดไปหน่อย
คนที่จะวอดน่ะไม่ใช่จุนฮงแต่คงเป็นตัวเขาเอง...
.
.
.
"นี่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆนะยองแจ อยู่ๆเขาก็เปลี่ยนตัวเป็นฉัน ฉันไม่รู้จริงๆนะ..!"
หมดกันๆๆ... ยูยองแจกำลังอารมณ์เสีย! จากอารมณ์ดีๆยามเช้าตรู่กลับดิ่งลงเหวเพียงเพราะโทรศัพย์สายเดียวจากบริษัทที่กริ๊งกร๊างเข้าสายในหอบ่งบอกเรื่องการเปลี่ยนตัวทั้งๆที่ในมือของคนตัวเล็กยังคงถือรายละเอียดอยู่ด้วยซ้ำ
จากที่หวังจะสายสัมพันธ์หาเพื่อนต่างวง กลับกลายเป็นพังไม่เป็นท่า ทั้งวงก็มีแค่เขาที่โอเคสุด แต่ไหงอยู่ๆถึงเอาเจ้าเพื่อนปูซานตัวดีที่รังแต่จะหาเรื่องตามนิสัยนักเลงเก่าไปได้กัน...
"...ช่างเถอะ" ก็ไม่อยากโกรธอะไรเพื่อนตัวเองที่ในตอนนี้แก้ตัวจนลิ้นพันกันเสียเท่าไหร่ มันใช่ความผิดอีกคนที่ไหนกันล่ะ
แต่มันก็ถูกแล้วเหมือนกัน เสียงแดฮยอนคงจะเหมาะมากกว่าเขาอยู่แล้ว...
แดฮยอนขมวดคิ้วมุ่นอย่างอ่านใจออก ถึงยองแจจะไม่แสดงท่าทีอะไรแต่สายตาของอีกคนก็เป็นตัวบอกทุกอย่างอย่างที่พี่ยงกุกเคยพูดไว้ ส่งสายตาไปยังเจ้าเด็กตัวดีที่ทันทีที่รู้ตัวก็รีบโผเข้าไปกอดคนตัวเล็กที่ทำท่าจะลุกออกไปด้วยท่าทีปกติเสียเหลือเกิน
"พี่ยองแจอย่าคิดมากสิ..." จัดกลุ่มผมหน้าม้าที่เริ่มยาวปลก ม้วนปลายน้อยพลางย่อตัวช้อนตามองดวงตาใสแจ๋วที่เสตาหนี ไม่มีการตอบรับนั่นทำเอาเจลโล่เลื่อนมือมาบี้จมูกมน ยีเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวกับอาการปากแข็งเสมอต้นเสมอปลายของคนน่ารักตรงหน้า "พี่ครัับ ไม่เฟลดิ"
เจลโล่ยืดตัวตรงก่อนจะเชิดหน้าพี่ชายขึ้นมอง ยองแจช้อนตาสบ นัยน์ตาเริ่มฉ่ำนั่นทำเอามักเน่ของวงอดจะถอนหายใจไม่ได้... ขอโทษนะครับ ...แต่ผมหวงพี่มากจริงๆ
และยิ่งท่าทีออดอ้อนใครแบบไม่รู้ตัวแบบนี้อีก... พี่เข้าใจผมนะ
"อยากร้องมากเลยเหรอ...?" สุดท้ายก็ต้องยอมเสียงอ่อนเมื่อคนตัวเล็กเอนตัวก้มหน้าเอาศรีษะชนแผ่นอก ใบหน้าหวานผงกขึ้นลงเบาๆทั้งอย่างนั้น มือเล็กที่ขยุ้มเสื้อเขาน้อยๆนั่นอีก... ให้ตาย เขากำลังจะใจอ่อน...
ครั้นจะหันไปหาพี่สาม รายนั้นก็ดันผลุดลุกเดินหนีไปแล้ว
ก็นะ... ทำเองก็ต้องแก้เองล่ะวะ
"งั้นผมจะให้พี่ฮิมชานไปคุยกับพี่ผู้จัดการให้" ยื้อตัวอีกคนออก รู้ตัวว่าเสียงห้วนไปหน่อยเพราะคนตรงหน้าเคยขัดใจเขาที่ไหน ถอนหายใจแรงๆอย่างควบคุมอารมณ์ ยองแจรีบคว้ามือใหญ่ที่กำลังหันหลังหนีทันที...
"จุนฮงโกรธพี่เหรอ..." พึมพำเงยตาฉ่ำน้ำสบ จุนฮงส่ายหน้าน้อยๆ หายใจเข้าออกสุดตัวตั้งสตินิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มแผ่วให้กับคนตัวเล็กที่เริ่มกลับมายิ้มออก ส่ายหน้าให้กับคำถาม ก่อนจะยีหัวคนร่างบางที่รอยยิ้มค่อยๆกลับมาประดับ
"แต่อย่าไปคนเดียวนะ เวลาไปซ้อมน่ะ..."
"??"
"พี่น่ะ อยู่ที่ไหนก็อันตราย"
...หยิกแก้มขาวของคนช่างสงสัยที่เรียวคิ้วสวยขมวดมุ่น นัยน์ตาหวานกระพริบปริบ ท่าทีที่องค์ประกอบบอกผลรวมได้ดีเลยว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ ...ช่างเถอะ
"เอาเป็นว่าเวลาพี่ไปซ้อมผมจะไปด้วยละกันนะ" ตัดบทให้คนโตกว่าแต่กลับเข้าใจอะไรยาก ยองแจขำน้อยๆก่อนจะพยักหน้าเมื่อคนตัวสูงดูเหมือนจะแสดงสีหน้าเหนื่อยใจอย่างล้อเลียนเขาที่ทำตัวเซ่อ... ก็ใครมันจะไปเข้าใจทุกเรื่องล่ะ
ตีเบาๆที่แผ่นอกหนาก่อนที่จะโดนตะครุบกอดจากร่างสูงกว่าอย่างนึกเอาคืน เมมเบอร์ที่เหลือที่เริ่มทยอยเข้ามาทำเอาฝีเท้าชะงัก แดฮยอนเบ้หน้าน้อยๆอย่างจะเข้าไปขัดความหวานที่เปล่งสีชมพูรอบตัว แต่ก็เพียงแค่คิดเมื่อฮิมชานหันไปส่งสายตาให้ยงกุกกับจงออบที่พยักหน้าตอบรับ
"ฮ เฮ้ย...!" แค่เพียงครู่เดียวที่จองแดฮยอนจะตัดสินใจก้าวเท้าจะกลับที่เดิมภายใน ร่างทั้งร่างก็ลอยหวืดด้วยฝีมือพี่ใหญ่น้องรองพร้อมคิมฮิมชานที่เป็นหัวหลักเดินนำไปเปิดประตูพร้อมทั้งถีบส่งร่างเมนร้องที่ส่งตรงจากปูซานไปเกาะพื้นเล่น
"ไรอ่ะพี่!" โวยเข้า มือก็รูปบั้นท้ายป้อยๆ
"เมื่อเช้าไปทำอะไรกันไว้?! พี่คังบอกฉันหมดแล้ว ทำไรก็ไปแก้กันเดี๋ยวนี้เลย...!"
เฮ้ย จองแดฮยอนเกี่ยวไรวะ!!?
"ไอ้จุนฮง!!!" ออกมาช่วยเดี๋ยวนี้เลยนะ!
ERR(ONEOUS)
ใหญ่... ตึกตรงหน้าใหญ่จนไม่รู้จะเริ่มยังไง... ถูกจับยัดเข้ามาพร้อมบัตรห้อยคอที่ทำให้ไม่โดนพนักงานงับหัว แค่ผ่านแฟนคลับของเด็กในสังกัดแสนใหญ่นี่รอดมาครบ32นี่ก็ถือว่าสุดยอดแล้วยูยองแจว่า
"ควรจะเริ่มตรงไหนดี..." พึมพำกับตัวเพราะพี่คังเอารถวนไปจอด ส่วนผู้จัดการคนอื่นก็ต้องไปคุมดูแลเมมเบอร์ที่เหลือที่ถูกบริษัทเรียกตัวเข้าไปด่วน และก็นั่นแหละ ข้างกายเขาที่สมควรมีใครบางคนมันเลยกลายเป็นที่ว่างไปโดยปริยาย...
ผลั่ก!
หน้าแทบเหวอเมื่อโดนชนเกือบพุ่งลงพื้น จะใช่เพราะความตั้งใจไม่ตั้งใจแต่ก็คงต้องขอบคุณที่ยื่นมือมายื้อตัวเขาไว้ไม่ให้หน้าจุ่มพื้นละกันนะ
"โทษทีๆ พึ่งหลุดจากพวกแฟนๆน่ะ" เอ่ยรัวพร้อมเสียงสั่นทำให้ยองแจเข้าใจได้ไม่ยากว่าอีกคนคงพึ่งวิ่งทะลุเข้ามาเป็นแน่ ปรับตัวให้สมดุลกว่าเดิมเล็กน้อยก่อนจะหันมาเมื่อเห็นดวงหน้าที่เคยมองมาผ่านๆ ส่ายหน้าเล็กน้อยกับคำขอโทษที่รีบเร่งนั่นอย่างไม่ได้ถือโกรธ ก่อนการแนะนำตัวจะถูกเอ่ยขึ้นเมื่อมั่นใจว่าคนตรงหน้าเป็นคนเดียวกันกับที่จะต้องทำงานร่วมกัน
"สวัสดีครับ ผมยูยองแจ คนที่จะมาร้องยูนิตคู่กับคุณ" โค้งตัวเริ่มสานสัมพันธ์อย่างไม่ได้ถือตัวแม้ว่าอีกคนจะเป็นรุ่นน้อง คนเดบิวต์ทีหลังที่พึ่งรู้ตัวรีบโค้งตัวกลับทันทีสร้างความขำขันได้ไม่น้อย ก่อนที่การแนะนำตัวจะกลายเป็นความเป็นกันเองได้อย่างรวดเร็ว...
รวดเร็วแม้ยูยองแจจะรู้สึกถึงสายตาที่แปลกไปจากอีกคน...
.
.
.
แปลก... สายตาของคนบริษัทนี้แปลก
ทำไมถึง...
มองมาที่เขาด้วยสายตาสมเพชแบบนั้น?
มันเป็นมาสักพักแล้วตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เขาไปกลับที่นี่ ยองแจไม่เข้าใจเสียเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้มีใครเคียงข้างอีกเช่นเคยเมื่อพวกเมมเบอร์ก็ต้องวิ่งวุ่นแม้น้องเล็กจะงอแงแต่อย่างไรเรื่องงานก็ต้องมาก่อน และหลังจากนี้สามวันเขาต้องเข้าบริษัทตัวเองสลับกับบริษัทนี้อีก... วุ่นวายดีแท้
"บอสมา..." เสียงเอะอะพร้อมร่างเด็กฝึกรวมถึงสตาฟ หรือจะเป็นศิลปินที่ตนพอจะคุ้นหน้าค่อยๆเดินโล่งหายไปตามทางเดิน ร่างบางเลิกคิ้วพลางมองทางว่างเปล่านั้นก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา เลือกที่จะหันปลายเท้าเข้าห้องน้ำเมื่อยังเหลือเวลามากพอก่อนที่เขาจะต้องเข้าอัดเสียง
"แกคิดว่ายองแจจะรู้หรือเปล่า?" ปลายเท้าหยุดชะงัก เสียงผู้หญิงที่รอดมาจากห้องน้ำหญิงนั่นทำให้เขาเลือกที่จะหยุดอยู่ด้านหน้าระหว่างห้องน้ำชายหญิงนี่เมื่อรับรู้ว่ามีชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนา
"ฉันว่ารู้แหละ แกคิดว่าจะรอดเหรอ งานมันไม่ได้มาง่ายๆขนาดนั้น เด็กนั่นก็อยู่ในวงการนี้มาสักพักก็น่าจะรู้เรื่องพวกนี้แหละ" เสียงแหลมยังคงพล่าม ยองแจยิ่งขมวดคิ้วมุ่น
"ถ้าบอสไม่ถูกใจ งานนี้ไม่เกิดแน่ๆ น่าอิจฉาเหมือนกันนะ ขนาดอยู่บริษัทกระจอกยังปีนขึ้นมาได้ขนาดนี้" เริ่มมั่นใจว่าหัวข้อการพูดคุยเป็นเขาแน่นอน มือบางกำแน่น คำดูถูกกำลังผลักดันความเคารพให้ติดศูนย์
"ก็จริง ตอนนี้บอสก็กลับมาจากเยอรมันแล้วด้วย เด็กนั่น... ย ยองแจ" เสียงเริ่มใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆก่อนเสียงแหลมโหยหวนทั้งสองเสียงนั่นจะแทบกลืนลงคอเมื่อเห็นบุคคลหัวข้อสนทนายืนอยู่ปากทางเข้า ยองแจเลือกที่จะค้อมหัวตามมารยาทเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นศิลปินรุ่นพี่ ก่อนจะตัดสินใจรีบหันหลังกลับเข้าห้องน้ำชายอย่างไม่สนใจผู้หญิงสองคนที่เหมือนอยากจะเอ่ยอะไรกับเขา
"ทนอีกหน่อย... ทนอีกหน่อยเถอะนะ" พึมพำกับตัว มือก็กวักน้ำล้างหน้าเสียจนน้ำกระจายเปื้อนเสื้อเป็นวงๆ แรงหายใจเข้าออกดังขึ้นตามอารมณ์ที่ยังคงปะทุ ก่อนจะหายใจเข้าออกแรงๆหนึ่งที ก่อนเสียงเสียดสีจะกลายเป็นเสียงหัวเราะและภาพที่ผุดขึ้นในสมองจะเป็นภาพที่แสนสุขสันต์ของเมมเบอร์วงตัวเอง
..."เดี๋ยวมันก็จะจบแล้ว ยองแจ..."
ใช่ เดี๋ยวมันจะจบแล้ว ...เดี๋ยว ทุกอย่าง มันกำลังจะจบแล้ว
"บอสเรียกไปห้องที่ชั้นสี่น่ะรุ่นพี่" แค่เพียงก้าวเข้าห้องอัดก็เป็นอันต้องหันเท้ากลับเมื่อโดนคำสั่งกลายๆนั่น ยองแจโค้งตัวยิ้มรับก่อนจะปิดประตูกลับ ก้าวฉับๆตรงสู่ห้องที่ว่าอย่างไม่ได้คิดติดใจถึงสีหน้าของคนในห้องที่ตนพึ่งออกมา...
พาตัวเองออกจากลิฟต์ ก่อนจะตรงไปยังเลขาหน้าห้องที่ดูเหมือนจะเป็นโซนเดียวที่เตะตาและติดป้ายแผ่นใหญ่เอาไว้ ห้องทำงานของประธานหรือที่หลายๆคนเรียกว่าบอสถูกเปิดออก ยองแจโค้งขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไป
...โดยไม่รู้ถึงชะตาตัวเอง
.
.
.
เหมือนทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปอย่างที่เชวจุนฮงรู้สึกได้ อาการเก็บตัวของคนของตัวเองมันแปลกไปจนหลายครั้งที่เขาอยากจะเอ่ยถามแต่องค์ประกอบรอบตัวก็ไม่เคยเอื้ออำนวยเขาเอาเสียเลย กว่าเดือนนึงแล้วที่เขากับยองแจแทบไม่ได้พูดคุยกัน การจะเจอกันก็แทบมีแค่ตอนที่ต้องอัดเสียงกับซ้อมเต้นวงตัวเองก็เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นตื่นเช้ามาก็แทบไม่เห็นอีกคนที่นอนอยู่เตียงข้างๆ รับรู้จากพวกพี่ๆ ฝ่ายนั้นก็ไปบริษัทนู้นตั้งแต่ช่วงเช้าทั้งๆที่พึ่งนอนไม่ถึงสี่ชั่วโมงดีเลยด้วยซ้ำ...
อีกไม่ถึงเดือนโปรเจคนั้นก็ใกล้จะจบ ไม่อยากดื้อดึงไถ่ถามเพราะหวาดกลัวระยะห่าง ไม่ใช่แค่เขาที่คิด พี่ๆในวงทุกคนด้วยต่างหาก... มันไม่สนุกแล้วจริงๆ... การซ้อมเต้นร้องเพลงที่พวกเขาเคยหลงใหลมันกำลังกลายเป็นการกระทำที่ขอไปทีแล้วจริงๆ
"เหมือนเดิม..." แดฮยอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้องเล็กที่พึ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จยืดคอเหล่ตาหาใครบางคนที่ช่วงนี้ตนก็แทบจะไม่เห็นหน้า แถมฝั่งนั้นบางครั้งก็กลับดึกถึงดึกมาก ถามพวกพี่ผู้จัดการเขายังส่ายหน้าไม่เข้าใจไม่ต่างกันเลยสักนิด
"ผมว่ามันผิดปกติ" ยีหัวที่เปียกของตัวเองก่อนจะนั่งมารวมกลุ่มพี่ที่เหลือที่กำลังเตรียมพร้อมนั่งรอพี่รองจัดเตรียมอาหาร คนที่เหลือพยักหน้าตาม ยิ่งบังยงกุกยิ่งแล้วใหญ่ ช่วงนี้แทบไม่นอนเพื่ออย่างน้อยจะได้รู้ว่ายองแจกลับมาแล้วและออกไปแล้ว
"พรุ่งนี้เราว่างใช่ไหมครับ?" เอ่ยถามพวกพี่ ฮิมชานที่พึ่งยกซุปถ้วยโตมาวางกลางพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะไปประจำที่นั่งตัวเองแล้วเอ่ยขึ้นเมื่อเข้าที่เข้าทาง ..."พรุ่งนี้ก็ไปเป็นเพื่อนยองแจมันละกันนะ"
เอาจริงคิมฮิมชานไม่จำเป็นต้องสั่งเชวจุนฮงก็แทบเสนอตัวเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่บอกอีกคนเอาไว้แล้วว่าตนจะตามไม่ห่างแต่ตารางงานการซ้อมอย่างหนักหน่วงมันกลับดึงรั้งให้ตนผิดคำพูดเข้าจนได้
แกร๊ก
ประตูเปิดออกก่อนจะตามมาด้วยร่างบางของพี่คนที่สี่ที่กลายเป็นเป้าสายตา ยองแจก้มหน้าเมื่อเดินผ่าน ส่งเวียงอื้ออึงในลำคอแต่ก็พอจะจับใจความได้
"ผมลืมของน่ะ..."
คนตัวเล็กว่าเสร็จก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องนอนไป เจลโล่รีบผลุดลุกขึ้นตามเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของคนรักตน "เดี๋ยวผมมานะ" ...พี่ที่เหลือไม่ได้ห้าม กลับกันแดฮยอนที่นั่งใกล้รีบแตะหลังส่งพอๆกับจงออบที่รีบหลบให้อีกคนรีบตามไป
ประตูเปิดออกแต่ก็ดันเป็นช่วงเดินสวน ต่างฝ่ายต่างผงะ แต่ก็คนตัวเล็กกว่าก็รีบเสตาหลบและเอ่ยขอทาง
"หลบหน่อย" ...เย็นชา เชวจุนฮงรู้สึกได้ น้ำเสียงว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยพูดกันทำเอาคนตัวสูงกลอกตาถอนหายใจดังเฮือก... ต้องใจเย็น
ใช่
เขาต้องใจเย็น
"ทำไมเดี๋ยวนี้รีบไปซะทุกอย่าง พี่รู้ไหมว่าตอนนี้พี่คุยกับผมอย่างกับคนไม่รู้จักกัน..." รู้ตัวว่าห้วนเสียงใส่ ทั้งๆที่พยายามสงบแต่สุดท้ายก็ทำได้เท่านี้
"..." นัยน์ตาใสไม่สบจ้อง ใบหน้าหันเสหนีไม่แม้แต่จะมองร่างสูงตรงหน้า
"พี่เหนื่อยเหรอ พี่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ทำไมไม่บอกผม ดวงตาพี่มันบอกทุกอย่างว่าพี่กำลังแย่ แต่ไม่มีใครรู้เหตุผล เราเป็นอะไรกันพี่ลืมไปแล้วเหรอ... พี่กำลังลืมผมอย่างนั้นเหรอ..." จับคางมนให้มาปะทะสายตา ก้มหน้าให้อยู่ระดับเดียวกันก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงอ่อนลงพร้อมกับนัยน์ตาคมที่อยู่ๆน้ำสีใสที่ไม่รู้มาจากไหนก็มาคลออยู่รอมร่อ...
บางทีมันอาจจะเกิดมาจากความน้อยใจ
...น้อยใจมากจริงๆ
"จุนฮง..."
"ผมเหนื่อย ปกติกลับมา ไม่สิ ปกติเจอหน้าพี่ผมก็แทบหายเหนื่อยแล้ว... แต่ตอนนี้อะไร ตื่นเช้ามาก็ไม่เห็น ก่อนจะนอนก็ไม่เห็น พอเจอกันก็พูดกันนับคำได้... พี่กำลังจะฆ่าผมรู้หรือเปล่า..."
"..."
"โกรธอะไรผมเหรอ... อย่านิ่งแบบนี้ได้ไหม ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ หรือเพราะผมเอาแต่ใจพี่บอกมาสิผมจะได้แก้ตัว พี่ไม่ชอบอะไรก็บอกผมมา ขอร้องเถอะยองแจ..."
ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า กระชับเอวบางซุกหน้าลงกับหน้าท้องเรียบของคนตัวเล็กที่ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้ม... มือหนากระชับเสื้อตัวบางแน่น ความอัดอั้นตลอดเดือนกว่ามันกำลังปะทุจนรู้ตัวอีกทีมือบางก็ยื่นมาลูบหัวแผ่วเบาให้ใจที่กำลังห่อเหี่ยวมันเริ่มฟื้นตัวดั่งต้นไม้ที่แห้งแล้งพึ่งได้น้ำ
"...จุนฮง" เงยหน้าผสานตากับคนตัวเล็กที่เอ่ยเรียก เสียงสั่นๆช่างไม่เข้ากับรอยยิ้มหวานอ่อนๆที่ถึงแม้มันจะดูฝืนแต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าความนิ่งเฉย กำลังใจแผ่วๆที่ค่อยๆเริ่มกลับมาทำเอาเจลโล่ก็เริ่มกลับมายิ้มได้บ้าง
ตอนนี้ยังไม่บอกก็ไม่เป็นไร
...อย่างน้อยตอนนี้อีกคนก็ทำให้รู้ว่าเรายังเป็นเหมือนเดิม
"พรุ่งนี้หยุดไปกับพี่นะ" เสียงอ้อนๆที่ไม่ได้ฟังมาพักใหญ่ทำเอาจุนฮงรีบผลุดลุกพยักหน้าเอาเป็นเอาตาย มือหนาขยี้ตาเช็ดเจ้าน้ำตาเจ้ากรรมที่ร้องโยเยเมื่อครู่ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขำขันของคนตัวเล็กที่ถึงแม้จะไม่เป็นเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม ..."เด็กขี้แย...ฮะๆ"
"พี่ไปทำงานก่อนนะ ตั้งใจซ้อมล่ะ..." เอื้อมมือบางมาเช็ดคราบน้ำตาคนตัวสูงก่อนจะเขย่งตัวหอมแก้มและเดินผ่านออกไป จุนฮงอมยิ้มน้อยๆก่อนว่าจะเดินตามหลังไปส่งแต่ตาก็ดันไปเจอของที่เผลอหล่นจากกระเป๋าอีกคน
คนตัวสูงนิ่งไปเมื่อก้มลงเก็บ แต่ก็เพียงชั่วครู่เท้ายาวก็รีบเดินตามเจ้าตัวที่กำลังเดินผ่านคนที่เหลือออกประตูไป "พี่ลืมของพี่ยองแจ!" ...ตะโกนเรียกเรียวเท้าบางก็หยุดชะงักทันที รอยยิ้มที่เปื้อนประดับหน้าหวานกลับตกลงเมื่ออีกคนยื่นสิ่งของที่ว่ามา คนตัวเล็กเอื้อมรับด้วยเรียวมือสั่นไหว ใบหน้าเริ่มซีดเซียวแต่มันกลับค่อยๆเลือนหายไปเมื่อคนส่งมายังคงยื่นคืนอย่างไม่คิดอะไร
"ง งั้น... งั้นพี่ไปแล้วนะ" เอ่ยบอกลาด้วยเรียวลิ้นท่่ีแทบพัน เจลโล่โบกมือลาก่อนจะปิดประตูส่งเมื่อร่างบางหายลับไปกับทางเดิน
รอยยิ้มที่เคยส่งไปกลับมีสีหน้าเครียดเมื่อกลับมานั่งโต๊ะ สิ่งของเมื่อครู่ยังคงติดเข้าลูกตา ทีท่าเคร่งขรึมเสียจนพวกพี่ที่เหลือที่รอสถานการณ์อยู่นานต้องเอ่ยปากถามเข้า
..."เคลียกันแล้วเหรอ..."
"ครับ พี่ยงกุก"
"แล้วโอเคใช่ไหม?"
"ก็โอครับ..."
"...แล้วเมื่อกี้ยองแจลืมอะไรงั้นเหรอ"
"..."
"จุนฮง...?"
"...พี่ๆ"
"??"
"ยาคุมนี่เขาเอาไว้กินเวลาไม่ได้ป้องกันใช่ไหม?"
ERR(ONEOUS)
"อ่อก.. อ " เสียงอาเจียนโขลกๆทำเอายงกุกไม่เป็นอันทำอะไรรีบวิ่งออกจากห้องทำงานในหอมายังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลกันนักในยามดึกดื่น
น้องสี่ของวงที่ทรุดลงพื้นเอาของเสียภายในออกมาพรวดๆทำเอาริมฝีปากหนากัดฉับก่อนที่จะรีบตาลีตาเหลือกเลือกกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปปลุกคนอายุเท่ากันที่นอนหลับสนิทแผ่วเบาที่สุดไม่ให้น้องที่เหลือทั้งสามตื่น
"ฮิมชาน ยองแจอ้วก... ฮิมชานตื่นก่อน" สะกิดเบาๆก่อนเจ้าของชื่อจะงัวเงียลุกขึ้นมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เดินพาร่างที่ไม่โอเคเท่าไหร่เพราะถูกปลุกกระทันหันออกมาแต่ก็เพียงชั่วครู่เมื่อเห็นร่างน้องตนที่ทรุดอยู่ตรงหน้าดวงตาก็เบิกโพลงทันที
"ยงกุกไปเอาน้ำร้อนมา!" ว่าเข้าตัวก็วิ่งไปพยุงคนตัวเล็กที่กดชักโครกพยายามผลุดลุกไปล้างหน้าล้างปาก ยองแจดูตกใจไม่น้อยแต่ดูเหมือนการจะอ้าปากกล่าวอะไรก็เป็นเลือกยากพอๆกัน
"เด็กๆยังไม่ตื่นไม่ต้องห่วง" เอ่ยเข้าอย่างอ่านสายตาออก พาร่างไร้เรี่ยวแรงมายังอ่างล้างหน้าก่อนจะยึดเอวบางไม่ให้ล้มกระแทกพื้น
"อ่ะ น้ำร้อน... ค่อยๆดื่มนะจะได้โล่งหน่อย" พยุงมายังโซฟาห้องนั่งเล่น เอื้อมมือรับแก้วจากยงกุกที่ยื่นส่งมาก่อนจะยกแนบริมฝีปากบางที่ค่อยๆละเลียดดื่มเข้าไป
"โอเคขึ้นไหม...?"
ยองแจพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยอ่อน
ไม่มีการถามอะไร ภาวะรอบตัวเงียบเสียจนยงกุกกับฮิมชานเริ่มอึดอัด เหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นเริ่มตามมาหลอกหลอน "ท้องเหรอยองแจ?"ปากฮิมชานว่าเข้าไม่ทันได้คิด เจ้าของชื่อร่างกระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ลมหายใจเข้าออกที่เคยปกติกลับถี่ขึ้นจนคนเป็นพี่สังเกตได้ อากัปกิริยาที่สมควรดีใจมันกลับตรงกันข้ามเมื่ออยู่ๆคนโดนทักกลับบีบมือตัวเองแน่นเสียจนฮิมชานต้องไปยื้อออก
"เป็นอะไรยองแจ..." ยงกุกเอ่ยถาม ริมฝีปากบางสั่นเสตาหลุบหนี
"ผ ..ผมไม่ได้ท้อง" เค้นเสียงพูดร่างกายผวาจนฮิมชานจากที่ยื้อมือต้องผวากอดไว้ บังยงกุกขมวดคิ้วมุ่นท่าทีที่อีกคนกำลังเป็นทำเอาเขากลับเห็นด้วยกับสิ่งที่ฮิมชานเอ่ยบอกเข้า ..."ท่าทางนายมันเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด" การสำรอกของในท้องออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั่น ถึงจะไม่ถึงขนาดเป็นลมเป็นแล้งถึงคราวนั้นก็เถอะ
"ผมไม่ได้ท้องจริงๆ" ย้ำคำย้ำเสียง ยองแจกระชับอ้อมกอดแน่นจนฮิมชานอ่อนใจ "ยองแจ..." ...เขาควรจะเชื่อดีไหม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ท่าทีที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ไปร่วมงานที่บริษัทนั่น จนจวบจนตอนนี้ก็ร่วมสองเดือนแล้วที่มันจบไป ท่าทีเก็บตัวที่เกิดขึ้นเป็นพักๆ ท่าทีเหม่อลอยพร้อมแววตาเศร้าที่ประดับอยู่ทุกช่วงเวลา
...มันเกิดอะไรกับเด็กน้อยที่น่ารักของเขากัน
"... อย่าบอกเรื่องนี้กับจุนฮงนะครับ"
...
การซ้อมเต้นยังคงถูกดำเนินการต่อไป การเคลื่อนไหวทุกท่วงท่ายังคงย้ำเท้าหนักเสียจนน่าหวาดจะทะลุลงไปในวันเข้า เหงื่อกาฬไหลย้อยแต่ก็สาดกระเด็นออกเมื่อลำตัวเคลื่อนหมุน หอบโฮกตัวโยนแต่ถ้าเพลงไม่หยุดตัวคุณก็ไม่มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน
"อ๊ะ!" กระโดดหมุนตัวพลาดท่าล้มโครม เสียงร้องใสเรียกให้ครูฝึกกดรีโมทปิดและรีบวิ่งมายังคนตัวเล็กที่เอามือกุมท้องแน่น
ข้อเท้าที่ดูเหมือนจะพลิกไม่ได้ถูกให้ความสนใจของเจ้าตัวเท่ากับอาการบีบรัดช่วงท้องที่อีกคนทรุดตัวงอท่ามกลางสีหน้างุนงงของสมาชิกที่เหลือ ริมฝีปากบางกัดเม้มแน่นถึงแม้จะรับรู้ถึงสายตาของคนอื่นแต่ความอดทนเขามันกำลังติดศูนย์เมื่อชั่งน้ำหนักกับความเจ็บปวดนี่
"หายใจเข้าลึกๆพี่ยองแจ" เจลโล่โผเข้าหา ครูฝึกหลีกทางเมื่อฮิมชานเดินมาฉุดให้หลีกเบาๆ
"จ เจ็บ..." เหงื่อกาฬไหลอาบตัว คนตัวสูงอุ้มอีกคนที่เกาะปกเสื้อตัวเองแน่นพร้อมคำพึมพำที่ทำเอาใจเขากระตุก..."เดี๋ยวผมพาไปหาพี่อีจิน... ทนแปปนึงนะคนดี" พึมพำกลับ แนบหน้าผากกับหน้าผากเหงื่อฉ่ำของอีกคนที่ตัวเริ่มสั่น พี่ใหญ่รีบวิ่งไปเปิดประตูเมื่อเท้ายาวของน้องเล็กเดินนำไปใกล้ ฮิมชานเลือกที่จะเดินหลบไปคุยกับครูฝึกก่อนที่จะมาพาน้องที่เหลือตามออกไป
"พี่ครับ รับที" ประตูหลังถูกเปิดออกเมื่อดูเหมือนประตูหน้าจะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่เพราะวันนี้คนในคลีนิกเยอะมากกว่าปกติ
ทันทีที่วิ่งพาร่างบางของคนในอ้อมกอดไปวางลงสู่ผืนเตียงในห้อง คนตัวสูงก็รีบจ้ำอ้าวไปเรียกพี่คนสนิทที่ยังคงต้องรับหน้ากับคนไข้ด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
"เกิดอะไรขึ้นจุนฮง?" หญิงสาวตกใจไม่แพ้กัน ทันทีที่เคลียคนไข้คนล่าสุดเสร็จป้ายหน้าห้องถูกปรับเป็นพักทันทีก่อนจะหันมาเอ่ยถามคนเป็นน้อง
"พี่ยองแจเป็นอะไรไม่รู้ พี่ไปดูก่อน พี่ไปดูก่อนนะ!" ร้อนรนว่าเข้า อีจินขอตัวครู่นึงในการตรวจเช็คว่ามีคนไข้ด่วนคนอื่นอีกไหม แต่เมื่อเช็คและว่างจึงรีบวิ่งออกมาขอโทษขอโพยคนไข้อื่นที่นั่งรอ ก่อนจะยกเรื่องคนไข้เคสด่วนซึ่งคนพวกนั้นก็ไม่ถือสา
"จ จุนฮง...อึก" เปิดประตูมาก็ต้องรีบวิ่งเข้าประชิด ร่างเล็กที่บีบตัวงอพร่ำเรียกทั้งที่น้ำตาอาบหน้าทำเอาคนตัวสูงอยากจะรับความเจ็บปวดทั้งหมดมายังตัวเสียเดี๋ยวนี้ พี่ๆที่เหลือที่ตามมาทำได้แต่หลบมุมมอง ก่อนที่จะเป็นต้องออกจากห้องหมดเมื่อหญิงสาวชุดกราวน์เดินเข้ามา และแน่นอนว่าทั้งหมดจำต้องกลับไปรอที่หอพักอย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อหลีกสถานการณ์วุ่นวายที่คนที่เห็นเจลโล่เมื่อตอนแรกเริ่มเอ่ยถามถึง
"เดี๋ยวผมมาหา... เดี๋ยวผมกลับมาไม่เป็นไรนะยองแจ ไม่เป็นไร..." กลั้นใจปล่อยมือก่อนจะหันมาส่งแววตาฝากฝังกับอีจินที่ยิ้มรับ ประตูถูกปิดก่อนที่ทุกคนจำต้องกลับไปอยู่ในที่ๆของตัวเอง...
.
.
.
ดีใจ... ต้องดีใจ
ใช่... เขาสมควรต้องดีใจ
โทรศัพท์ของหอยังคงทาบแน่นิ่งอยู่ที่ใบหู คำพูดบ่งบอกถึงอาการของคนที่อยู่ห่างไปไม่กี่สิบเมตรมันควรจะเป็นที่สร้างความสุขสันต์แต่มันไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้ประดับเข้าริมฝีปากหนาเลยสักนิด
"ท้อง... งั้นเหรอ?" พึมพำกับตัวก่อนจะลากขาที่ไร้เรี่ยวแรงตนตรงสู่โซฟาที่มีฮิมชานนั่งนิ่ง แดฮยอนกับจงออบอยู่ในครัว ส่วนบังยงกุกจำต้องไปเคลียธุระนิดหน่อยที่บริษัทแม้ใจจะยังคงว้าวุ่นกับน้องคนกลางที่ตนยังไม่รู้อาการ...
"สรุปท้องใช่ไหม?" ฮิมชานที่พอได้ยินเสียงอื้ออึงเอ่ยถามย้ำความแน่ใจ เจลโล่พยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า ท่าทีเฉยชาเสียจนคนอายุมากกว่าขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัย..."เป็นอะไรหรือเปล่าจุนฮง?" เจ้าของชื่อดวงตาเลิ่กก่อนจะกระพริบปริบหันมาหาอย่างคนไม่มีสติ ..."ครับ?"
"นายดู... แปลกๆ" ความสัมพันธ์ของทั้งสองมันดีขึ้นแล้วแต่ทำไมเด็กตัวสูงกลับดูไม่อยากเชื่อมากกว่าจะยินดี ใบหน้าคมที่สมควรเปรมปรีดิ์ในตอนนี้มันกลับเหม่อลอยสลับกับดวงหน้าเคร่งขรึมที่สลับไปมาจนคนมองหัวแทบหมุนตาม
"..." ไม่มีเสียงตอบรับ เจลโล่ลุกขึ้นเดินไปมายิ่งทำเอาคิมฮิมชานนึกสงสัย ฟันขาวของร่างสูงขาวกำลังขบกัดเล็บตัวเองอย่างครุ่นคิด...
ลำตัวพลิกหันหลังชนกำแพงก่อนมือทั้งสองจะถูกยกขึ้นมานับอะไรบางอย่าง เด็กสดใสในตอนนี้หลงเหลือเพียงเรียวคิ้วหนาที่พันกันยุ่งพร้อมสีหน้าจริงจังจนคนเป็นพี่ทำได้แค่เงียบ
"...จุนฮง" ฮิมชานเริ่มจะทนไม่ไหว ท่าทีสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั่นทำเอาเขาลุกขึ้นไปเผชิญหน้า
"..."
"จุนฮง นายเป็นอะไร?" ยื้อยุดนิ้วที่นับรัวนั่นพร้อมท่าทางคนเป็นน้องที่เริ่มขมวดคิ้วหนักขึ้น แรงหายใจเข้าออกดังก้องทำเอาฮิมชานหน้าเสียก่อนจะตัดสินใจเขย่าร่างคนกึ่งไร้สตินั่นก่อนที่อีกฝ่ายจะทรุดลงนั่งในเวลาต่อมา
"ไม่..." ฮิมชานเอียงหูฟังเสียงแผ่วเบาของอีกคนนั่น แต่ก็เพียงไม่นานร่างบนพื้นตรงหน้าก็เงยขึ้นมาสบตาพร้อมคำพูดที่ทำเอาเขาหน้าชาและไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน
"ไม่ใช่ลูกผม..."
"??!!"
"พี่ฮิมชาน..."
"น นายหมายถึงอะไรกันแน่จุนฮง"
"..."
"จุนฮง!"
"..."
"..."
"ผมใส่ถุงยาง"
...ทุกอย่างเงียบสงบ จงออบกับแดฮยอนที่พึ่งออกมาเพราะเสียงโหวกเหวกของพี่รองได้แต่มองเหตุการณ์ด้วยความไม่เข้าใจ
จุนฮงค่อยๆถดตัวลุกขึ้นมือหนากำแน่นไม่ต่างจากฮิมชานที่ยังคงเบิกตากว้างแทบหยุดหายใจ คิ้วคมยิ่งม้วนเป็นปมใหญ่เมื่อมั่นใจกับคำตอบที่เขาพยายามแย้งอยู่นาน...
"จุนฮง!!!" ฮิมชานตะโกนลั่นเมื่อได้สติ ร่างน้องชายที่โผวิ่งออกไปทำเอาร่างที่ยังคงประมวลผลเลือกทางเดินต่อไม่ถูก "จงออบ แดฮยอน จับเจลโล่มันไว้!!" ใช้ตัวช่วยสุดท้ายเมื่อดูเหมือนน้องคนเล็กจะขาดสติ เจ้าของชื่อทั้งสองที่ไม่เข้าใจอะไรนักรีบทำตามแต่ก็ไม่ทันกับมักเน่ตัวสูงที่เอื้อมคว้าสเกตบอร์ดคู่ใจวิ่งแล่นออกไปไกล หลงเหลือไว้เพียงคิมฮิมชานที่ทำได้แค่วกกลับไปกดต่อสายพี่คนสนิทด้วยใจที่ผลุบลงต่ำ
"พี่อีจินรับสิ!..."
เขาไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ได้โปรดเถอะอย่าหยิบยื่นวังวนทุเรศอย่างแต่ก่อนให้น้องเขาทั้งสองอีกเลย...
"...โธ่เว้ย!!"
.
.
.
เท้าทั้งสองก้าวสลับไปมาด้วยความเร็วปกติ การเดินสวนทางกับสิ่งไร้ชีวิตสี่ล้อขนาดเล็กไม่ได้ทำให้คนที่เลือกจะเดินหนีออกมาต้องหวาดหวั่น นัยน์ตาใสทำเพียงเหล่หางตามองไปยังด้านหลัง นิ้วเรียวกระชับแว่นดำที่ได้รับมาเมื่อเป็นจุดสนใจ แต่ก็ทำเพียงเดินผ่านออกประตูหน้าไปพร้อมๆกับใครอีกคนที่วิ่งหอบเข้ามา...
ไม่ได้คิดจะหนี
...แต่บางทีมันคงเป็นการดีกว่าถ้าหากจะสามารถหลบจากที่สาธารณะสำหรับคนใจร้อน
เดาไม่ผิดเลยสักนิด
...ยูยองแจเดาไม่ผิดเลยสักนิด
เชวจุนฮง มาเร็วอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด
"หึ..." มุมปากหวานยกมุมขึ้นสูง ฝีเท้าก้าวควบคู่ด้วยใจที่เย็นจนแทบชา เสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่วตลอดระยะทาง ...พร้อมๆกับน้ำตาที่อาบหน้าตลอดดวง
เขาตัดสินใจแล้ว
...และเขาก็ต้องพร้อมที่จะทำมันอย่างไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยง
ริมฝีปากเม้มส่งเสียงเสียดสีรอดไรฟันเมื่ออาการเสียดท้องที่ถูกยากดเอาไว้ไม่หายขาด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสลัดมาเดินตัวตรงปาดน้ำตามุ่งตรงเดินไปข้างหน้าอย่างต้องการถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ในทางกลับกันประตูห้องถูกเปิดออก ใบหน้าคมคิ้วขมวดมือกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่คำนวณมาในสมองถูกคูณเพิ่มเมื่อคนสร้างอารมณ์โกรธเกรี้ยวกลับไม่ได้อยู่ในที่ที่สมควร
ปัง!
"...หมอ นั่น ไป ไหน" เสียงเข้มย้ำเน้นทันที แม้เสียงจะไม่กระโชกโฮกฮาก แต่การเปิดประตูปึงปังบู่มบามเข้ามาก็ทำเอาบทบาทเป็นหมอรวมถึงคนไข้แทบแตกกระเจิง
"ไม่เห็นหรือไงว่าพี่ทำอะไรอยู่จุนฮง" ทันทีที่ตั้งสติได้ก็รีบขอโทษขอโพยคนไข้ตรงหน้าก่อนจะกระชากคนตัวสูงให้ออกมาพ้นอาณาเขตห้องเมื่อครู่ ร่างสูงหายใจแรง อารมณ์ภายในปะทุอย่างยั้งไม่ไหว
"ตอบผมมา ว่ามันหายไปไหน...!" เริ่มตะโกนเหวกเมื่อรอบตัวไร้คน อีจินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนมือเรียวจะตวัดใส่หน้าคนที่ตนถือเป็นน้อง
เพี๊ยะ!
"เลิกบ้าได้หรือยัง..."
ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าอะไรคือการที่อีกคนมาดิ้นอยู่ตรงหน้า แต่การใช้คำพูดไม่ให้เกียรติคนที่พร่ำบอกว่ารักนักรักหนามันก็ไม่ใช่เรื่องอีกเช่นกัน
จุนฮงหน้าหันไปตามแรงที่แทบไม่ยั้งนั่น ดวงตาแข็งนิ่งเงียบเสียจนคนกระทำเริ่มใจไม่ดี... "จุนฮง..."
จมูกเริ่มแดงพร้อมๆกับดวงตาแดงก่ำ ร่างกายที่เคยวางกราดในตอนนี้กลับสั่นพร้อมๆกับดวงตาที่คอยกลอกมาหาด้วยความยากลำบาก หญิงสาวทำได้เพียงหลับตาตั้งสติตัวเอง รีบกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างลบคำพูดเมื่อคำถามจากเด็กสูงใหญ่แต่หมดท่าตรงหน้าเอ่ยถามมา... "ตรวจผิดใช่ไหม... บอกผมมาสิ "
นัยน์ตาออดอ้อนแสนอ่อนแสงแทบทำให้เรียวปากยั้งไม่อยู่ คำพูดของคนตรงหน้ากับใครอีกคนก่อนหน้านี้ตีกันเสียจนการหายใจเธอติดขัด เจลโล่สะบัดหน้าหนีท่าทีนั่น สุดท้ายก็ได้แต่โวยกระฟัดกระเฟียดลั่นระบายอารมณ์ที่ปะทุในกายโดยไร้เสียงเอ่ยห้ามจากสตรีเพศตรงหน้า
"ยองแจไม่ได้เล่าให้ฟังหรือไงว่าทุกครั้งเราก็ป้องกันทุกครั้ง...! แล้วไอ้เด็กบ้านั่นมันจะมาได้ยังไง ไอ้ลูกใครก็ไม่รู้นั่นน่ะ โธ่เว้ย!!"
"ทำไมต้องเป็นอย่างนี้!... ท ทำไม ... ทำไมถึงทำกันอย่างนี้วะแม่งเอ๊ย...!!!!"
ตะโกนลั่นหอบแฮกกับการกระทำไร้สติ ศีรษะเหวี่ยงไปมาด้วยฝีมือมือตัวเอง ก่อนกำปั้นจะทุบรัวลงกำแพงพร้อมๆกับหน้าผากที่กระแทกเป็นอย่างสุดท้ายก่อนร่างกายจะทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...
...ทั้งๆที่อยากยอมรับ ทั้งๆที่อยากจะยินดี แต่จะให้เขายิ้มรับยังไง จะให้เขาโห่ร้องด้วยความรู้สึกไหน ในเมื่อความเป็นจริงมันกำลังจะฆ่าคนโง่อย่างเขาให้ตายตรงหน้าคนรักของตัวเองต่อจากนี้
ทั้งๆที่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี
...ทั้งๆที่คิด
และก็เป็นได้แค่ความคิด
"ใจเย็นเถอะนะจุนฮง..." ...ใจเย็นเหรอ ...นี่เขายังใจเย็นไม่พออีกเหรอ
ถูกแทงข้างหลังมาเป็นเดือนๆจนมีพยานรักบ้าๆนั่นเขายังใจเย็นไม่พออีกหรือไง!
"ยองแจกลับไปที่หอแล้ว ...ขอร้องเถอะ ค่อยๆกลับไปคุยกัน" ร่างกายหนายังคงสั่น คนเป็นพี่ทำได้เพียงเอ่ยบอกและเอ่ยเตือนอย่างอ้อมที่สุดเท่าที่จะอ้อมได้ การต้องสนทนาทั้งๆที่รู้ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องที่น่าโอ้อวด ...แต่มันกลับกลายเป็นเพียงบทสวดที่ทำได้เพียงภาวนาแต่ออกเสียงไม่ได้แทนต่างหาก
"...เชื่อพี่ สงบจิตใจตัวเองและค่อยๆฟังในสิ่งที่ยองแจจะพูด" ก้มลงอยู่ในระดับเดียวกับน้องชายตัวโตที่คุกเข่าติดชิดกำแพง หน้าผากยังคงแนบนิ่ง เหลือเพียงแต่มือหนาที่คลายลงก่อนที่จะปล่อยเคว้งลงข้างตัวในที่สุด
"เชื่อพี่"
"ตั้งสติ ...และยอมรับ"
"ยองแจก็เจ็บไม่ต่างจากนาย ไม่เลย... อย่าซ้ำเติมเขา อย่าซ้ำเติมคนที่เจ็บกว่านายจุนฮง"
จุนฮงรักยองแจ... นี่เป็นสิ่งที่ยังคงแทรกดังก้องในหัว
ใช่ คนรักกันต้องเชื่อใจกัน...
ใช่ สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น...
ใช่ ที่จะต้องให้อภัยในความผิดพลาด...
...แต่เรา
ยังรักกันได้อยู่อีกเหรอ?
"พี่อีจิน..."
"??"
"ช่วยบอกผมว่านั่นลูกผม..."
"..."
"แค่พี่พูด แค่พี่พูดเท่านั้น จะหลอกผมก็ไม่เป็นไร ได้โปรดเถอะ"
"..."
"...ได้โปรด"
"...เขา ...เป็นลูกของนาย จุนฮง"
เสียงหญิงสาวดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมๆกับน้ำตาของอีกคนที่ทิ้งตัวลง...
ต่อให้ต้องเป็นคนโง่ก็ไม่เป็นไร
ต่อให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร
..."ผมรักพี่ไปแล้ว อึก... ผมรักพี่ไปแล้ว พ พี่ยองแจ"
ผมถอยกลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...
ERR(ONEOUS)
ยิ่งระยะทางร่นเท่าไหร่ร่างกายก็ยิ่งแข็งขืน สเก๊ตบอร์ดถูกปลายเท้ากดดีดเข้ามือก่อนจะยกแนบข้างตัวพาตัวเองก้าวเดินตรงเข้าไปบนหอพักตรงหน้าด้วยหัวใจสั่นระริก
ใบหน้าคมยังคงหลงเหลือดวงตาที่ปูดโปนจากการร้องไห้อย่างหนัก ทั้งๆที่เคยชื่นชอบความสูงของตัวเองแต่ในตอนนี้เขากลับเริ่มจะไม่หลงใหลมันเสียเท่าไหร่เมื่อช่วงขายาวกลับพาร่างกายตนมายังหน้าประตูเร็วเกินกำหนด
แกร๊ก
ไม่ทันจะได้ทำอะไรพี่รองของวงก็เปิดประตูออกมาก่อนและแน่นอนว่าผลคือผงะไปทั้งคู่ ร่างคนอายุมากกว่ารีบหันปลายเท้ากลับไปต่างจากคนน้องที่มาใหม่ทำเพียงค่อยๆก้าวเท้าพาตัวเองเข้าไปพร้อมกดปิดประตูและวางสิ่งของคู่ใจลง
"ถ้านายเข้าใกล้ยองแจเกินขอบโซฟานี่ฉันจะไม่ไว้หน้านายแน่...!" แค่เพียงก้าวเข้ามาไม่ทันไรเสียงทุ้มจากพี่รองก็ตะโกนลั่น ร่างกายฮิมชานกกกอดบดบังร่างน้องสี่ที่นั่งอยู่เก้าอี้ที่ติดกับประตูระเบียงเลยโซฟาที่วางเรียงรายเข้าไป ดวงหน้าเอาเรื่องอย่างที่ทำเอาน้องเล็กอย่างจุนฮงผงะ
"พี่ฮิมชาน..." เสียงหวานที่แหบผิดปกติทำเอาเลิกสนใจคนเป็นพี่เกือบโตสุดนั่นและชะโงกหน้ามองข้ามหลังไปยังคนตัวเล็กที่ยังคงดูอ่อนแรง คนตัวสูงที่โผเข้าไปหาตามสัญชาตญาณ แต่ความไว้ใจของคิมฮิมชานก็มีไม่มากพอ... "ออกไปจุนฮง!"
"พี่ครับ"
ยองแจรีบแย้งแต่ฮิมชานยังคงนิ่ง คนตัวเล็กดึงดันจะลุก ในขณะที่คนโตกว่าหันไปกัดฟันว่าเข้า... "นายก็น่าจะรู้นิสัยเจลโล่มัน มันใจร้อนเกิดทำร้ายนายขึ้นมาจะทำยังไงฮะ"
"พี่ฮิมชาน"
"รอให้ไอ้พวกนั้นกลับมาก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันจะเชื่อแค่ตัวเอง" ตอนนี้เหลือแค่เขานอกจากจุนฮงและยองแจ ทั้งๆที่ยังไม่ทันจะได้พูดคุยกับจงออบ แดฮยอน แต่ทางนั้นที่วิ่งตามเจ้าเด็กตัวสูงนี่ไปเมื่อชั่วโมงก่อนก็ดันถูกกักตัวไว้ที่บริษัทที่เป็นทางผ่าน เกิดเจ้าเด็กนี่ใจร้อนบู่มบ่ามขึ้นมาเขาห้ามไม่ทันจะทำไง ...อย่างไรก็ขอให้ได้อยู่ข้างๆก็ปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว
"ขอผมคุยกับเขาหน่อย..." เจลโล่เอ่ยบอกเสียงแผ่ว เท้าหนาก้าวเข้าไปอย่างยั้งตัวเองไม่ไหวกับความค้างคาที่ยังคงติดอยู่ในบ่วงเขาสองคนนี่
"พี่ฮิมชาน ผมเปลี่ยนนิสัยแล้วพี่ก็รู้ ขอร้องเถอะแค่นี้ผมก็เหมือนคนโง่มากเข้าไปทุกที" ...พูดขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ คำสัญญาที่เคยเปลี่ยนตัวเองและทำได้จริงถูกยกขึ้นมาใช้ ดวงตาที่ทั้งๆที่เอ่ยกับพี่รองแต่มันกลับกลายเป็นเรื่องยากที่จะไม่มองผ่านเลยไปสบจ้องกับนัยน์ตาหม่นแสงไม่ต่างกันกับคนที่ขึ้นชื่อว่าคนรักที่สบกลับมา
และนั่นทำให้ความคิดมันกลับหลุดออกจากปากอย่างไม่รู้ตัว...
"ผมกลายเป็นหมากตัวหนึ่งไว้ให้ปั่นหัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..." จับให้เดินก็เดิน จับให้นิ่งก็นิ่ง...ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะถูกดีดออกเอาเข้าตอนไหนก็ยังคงยัดยืนอยู่บนแท่นกระดาน
"โดนหลอกมานานแค่ไหนก็ไม่รู้..." โกหกมาด้วยรอยยิ้มแสนหวาน เอ่ยอ้อนด้วยแววตาอ่อนแสง ...ทั้งๆที่ทุกอย่างมันอาบด้วยยาพิษที่ค่อยๆกัดกร่อนก้อนเนื้อภายใน ก็ยังยิ้มรับและส่งต่อมอบให้ในสิ่งที่เอ่ยขอ
"แต่ทำไมยังยอม"
"...ก็ไม่รู้"
ทั้งๆที่อยากจะเกลียด ทั้งๆที่อยากให้มันจบไป ทั้งๆที่...ไม่อยากจะรัก
"จุนฮงพี่ม ไม่..." อย่าใช้เสียงหวานๆแสนเศร้านั่นมากรอกหูคนโง่ที่พร้อมจะเชื่อพี่อีกเลยได้ไหม...
"ขอผมคุยกับเขา ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร"
"ถ้าเพียงแค่มีแผลนิดเดียวผมยอมให้พวกพี่กระทืบผมเลย"
ได้โปรดเถอะ...
"..." ร่างบางคนเป็นน้องจับแน่นที่ลำแขนพี่รองที่ทำท่ากระอักกระอ่วน ยองแจบีบเบาๆและนั่นทำให้ฮิมชานถอนหายใจก่อนจะหลับตาตั้งสติเพียงครู่
"ฉันจะไปหาเจ้าพวกนั้น" ก่อนจะตัดสินใจผละออกไป ก้าวเดินผ่านน้องตัวสูงใหญ่พร้อมมือที่แตะแผ่วเบาที่ลาดไหล่อ่อนแรง
.
.
.
ประตูถูกเปิดปิดก่อนทั้งห้องจะหลงเหลือเพียงบุคคลสองคนที่จ้องหน้ากันด้วยความคิดที่ยากจะอ่าน จุนฮงจ้องมองร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย พอๆกันกับอีกฝ่ายที่ยังคงพยายามควบคุมร่างกายตัวเองไม่ให้สั่นผิดปกติเกินไป
"ไม่เกลียดพี่เหรอ..." สุดท้ายก็ต้องเป็นคนตัวเล็กที่ต้องเริ่มเปิดสนทนา หลบหลีกหนีนัยน์ตาอ่านไม่ออกจากอีกฝ่ายที่ยังคงไล่ต้อนไม่ให้ก้าวเท้าหนี ระยะห่างมันร่นมาจนแผ่นหลังจมกับกำแพงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคนที่จำต้องเอ่ยตอบกลับแนบหน้าผากมาชนหน้าผากตัวพร้อมดวงตาดวงเดิมที่ทำเอาฟันขาวขบกันแน่น
"ผมไม่เคยเกลียดพี่..." จมูกชนจมูกลำตัวแนบชิดเสียจนแทบไม่เหลือช่องว่าง เสียงทุ้มตามวัยดังคำตอบก้องหูราวกับเทปกรอซ้ำ ทั้งๆที่อยากดีใจแต่สิ่งที่เคยคาดหวังไว้มันกลับตรงข้ามกัน...
ยองแจไม่ได้ต้องการแบบนี้
"นายก็น่าจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ลูกน นาย ..อื้อ!" ริมฝีปากถูกปิดคำพูดที่จะกำลังตามมาหลอกหลอน ริมฝีปากหนาบดเบียดลงกดย้ำราวกับกำลังเอ่ยย้ำอีกคนให้รู้ว่าพูดไม่เข้าหู ฟันขาวที่ขบกัดถูกละเลียดให้เปิดรับจนสุดท้ายก็จำโอนอ่อนกับรสชาติที่คุ้นเคยอย่างจำยอม เสียงดูดดุนดังขึ้นรุนแรงพอๆกับเสียงหัวใจที่พร้อมแหลกสลายทุกเมื่อของเชวจุนฮง
"ผมเกลียด... เกลียดพวกคนทรยศ" เอี้ยวตัวพาร่างคนตัวเล็กที่อ่อนแรงเอนตัวลงสู่โซฟาตัวยาวและขึ้นคร่อม จุนฮงผละริมฝีปากออกมา เอ่ยเสียงแหบพร่าข้างใบหูของคนตาปรือก่อนจะยืดตัวขึ้นมาถอดเสื้อตนให้หลุดพ้น
"แต่ผม ไม่เคยเกลียดพี่..." หลุดขำกับความลำเอียงของตัวเอง เลิกเสื้อคนใต้ร่างก่อนจะยกขึ้นสูงไปยังริมฝีปากที่คิดจะแย้งให้อีกฝ่ายกัดแน่นส่งเสียงอื้ออึงไว้แทน เรียวแขนบางที่คิดจะมายื้อยุดออกถูกจับขึ้นยึดเหนือศีรษะด้วยมือด้านซ้าย ก่อนยอดอกที่เริ่มแข็งเป็นไตจะถูกผลัดกันละเลงด้วยเรียวลิ้นและมืออีกข้างที่ว่างแทน
"อื้อ อุนอง!..." ร่างด้านใต้ดิ้นพล่านส่งเสียงลั่นแต่ก็ได้แค่เพียงระแคะระคายเมื่อริมฝีปากยังคงถูกคาด ยิ่งดิ้นหนีก็เหมือนยิ่งฉุดสติที่เคยมีให้น้อยลง ไม่มีการทำรอย คงมีเพียงความเสียวซ่านที่ส่งต่อไม่ยั้งแรงเสียแทน
"ผมจะไม่ถามว่าพี่เอาร่างกายนี่ไปร่อนกับใครมา..."
"แต่ผมจะถามแค่ว่า พี่ยังรักผมอยู่หรือเปล่า"
ใบหน้าที่เคยจดจ่อกับการละเลงยอดอกเคลื่อนตัวไปสบตากับคนภายใต้ที่น้ำตากลั่นตัวไหลลงพรากมาเป็นที่เรียบร้อยกับคำพูดราบเรียบแต่ฝังลึกนั่น ใบหน้าหวานชะงักงันชั่วครู่ก่อนสุดท้ายจะส่ายหน้าออกไป... และนั่นทำให้โลกของเชวจุนฮงทั้งใบเหมือนถูกทลายลง
ท้องเรียบที่หดเกร็งจากแรงสะอื้นฮักถูกมือหนาไล่สัมผัสวนก่อนสุดท้ายมือที่เคยจับยึดล็อคข้อมือทั้งสองจะเลือกมาเลื่อนผ้าที่ริมฝีปากอีกคนออกและฝังใบหูลงหน้าท้องที่มือหนายังคงไล้วนนั่นแทน
"หึ ช่างน่าสงสารที่เกิดมาในร่างของพี่..."
"ช่างน่าสงสาร ที่แม่ของมันไม่คิดจะมีพ่อแค่คนเดียว...!"
จุนฮงยังไงก็เป็นจุนฮง... คำสัญญาจะไม่มีไว้ให้กับคนที่ทำตัวเองเจ็บ
"จุนฮงไม่เอานะ!" มือหนาที่เลื่อนต่ำทำเอาร่างทั้งร่างผวาเฮือก ท่าทีหม่นแสงของเจ้าของชื่อถูกแทรกซึมความแข็งกร้าวกดเข้าไปแทนที่ ใบหน้าเลื่อนมากดจูบกลั้นเสียงโวยวายที่ช่างแสนน่ารำคาญในตอนนี้
"อ๊ะ... ค คุยกันดีๆจุนฮง .แฮ่ก..ย หยุดแล้วมานั่ง อ๊า!" พยายามยื้อยุดทันทีที่ริมฝีปากหลุดพ้นแต่คงจะไม่มีผลเมื่อมือร้อนดึงดันละเลงส่วนปลายของจุดอ่อนไหวเสียจนแดดิ้น กางเกงถูกรูดลงในเวลาต่อมา เรียวขาถูกจับแหกพาดอย่างไม่ยั้งแรง
"ไม่รักผมแล้วงั้นเหรอ...!"
"ไอ้ที่ยอมไปอ้าขาให้คนอื่นแทงสดแล้วมาอ้อนวอนให้ผมใช้นู้นป้องกันนี่นี่เพราะว่าอยากจะตีตัวออกห่างจากผมใช่ไหม!?"
"เป็นไง สำเร็จแล้วนี่... ท้องสมใจอยากแล้วจะมาขอเลิกกับผมงั้นสินะ"
'ยองแจก็เจ็บไม่ต่างจากนาย ไม่เลย... อย่าซ้ำเติมเขา อย่าซ้ำเติมคนที่เจ็บกว่านายจุนฮง'
เจ็บงั้นเหรอ... ไอ้คนที่มีหน้าไปสุขสมกับคนอื่นนี่คือคนที่เจ็บมากงั้นสินะ...
แล้วไอ้หน้านี้ล่ะพี่อีจิน ไอ้หน้าอย่างเชวจุนฮงที่พยายามหลอกตัวเองทุกอย่างแต่ถูกตอกสวนมาด้วยการกระทำที่ไม่ต่างจากขอเลิกตรงตัวนี่ล่ะ...!
ไม่คิดว่าผมถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือไง!
"โธ่เว้ย!!!!!!" คิดจะปลดกางเกงตัวเองแต่สุดท้ายก็ล้มเลิกผลุดลุกตัวออกห่าง เตะขาโต๊ะขาเก้าอี้อย่างหมดอาลัยตายอยากก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่มุมห้องอย่างยอมแพ้
อยากทำลายแต่ก็ทำไม่ลง อยากโอบกอดแต่ก็ทำไม่ได้...
"ทำไมถึงเป็นอย่างนี้... ท ทำไมถึงทำกับ อึก ผมอย่างนี้..." ทึ้งหัวตัวเองอย่างคนไร้สติและแน่นอนว่ายูยองแจก็หวาดเกินกว่าที่จะจัดการตัวเองขึ้นมาปลอบ ร่างบางที่ตัวสั่นเทาทำได้แค่ค่อยๆผลุดลุกจัดการตัวเองก่อนจะเว้นรักษาระยะห่าง ทั้งๆที่คิดว่าจะได้พูดจากันดีๆกลับกลายเป็นการทิ้งท้ายทั้งน้ำตา
"นั่นเป็นลูกของผม... ฮึก... เด็กในท้องพี่มันเป็นลูกของผม" หลอกตัวเอง ใช่ เชวจุนฮงได้แต่พร่ำเพ้อทั้งน้ำตา ความแข็งกร้าวถูกกัดกร่อนจากจิตใต้สำนึก เขาไม่อยากจะทำตัวเลวไปมากกว่านี้ ...เขาไม่อยากจะร้ายสิ้นสติอย่างเมื่อก่อนไปมากกว่านี้
"จ จุนฮง"
"ผมรักพี่ไปแล้วได้ยินไหมพี่ยองแจ! ผมรักพี่ไปแล้ว!!.... ผมไม่ยอมหรอก อ อึก... ผมไม่ยอมป ปล่อยพี่ไป ...ผมไม่ย ยอม"
ริมฝีปากบางสั่นกับเสียงที่ควบคุมไม่ได้นั่น น้ำตาของตนและอีกคนยังคงแข่งกันไหลเป็นทาง คำพูดมากมายที่อยากบอกยังถูกกดไว้แม้มันจะแง้มเสียกลอนแทบหลุด
แต่จะให้ยองแจทำยังไง... เขาดับอนาคตอีกคนไม่ได้
เขาดับความฝันของคนที่เขา รัก ไม่ได้...
"ขอร้องเถอะจุนฮง..."
"ป ปล่อย อึก... ปล่อยพี่ไป ล และเรา กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม"
ERR(ONEOUS)
"ยองแจเรามีเรื่องต้องคุยกัน!" แค่เพียงคนทั้งสี่ที่หลุดไปยังบริษัทกลับมาก็เป็นอันเสียงโวยลั่นของเพื่อนสนิทดึงความเงียบงันในห้องที่ราวกับร้างคนให้มีเสียงรับรู้นอกเหนือจากเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงสะอื้นฮักที่แม้ยังไม่เหิดหายแต่ก็ยังพอลดน้อยลงไปพอสมควรบ้าง
แดฮยอนเดินอาดๆมากระชากเพื่อนตนออกไปด้านนอกโดยไม่มีแม้เสียงแย้งของคนที่เหลือรวมถึงน้องเล็กของวงที่ยังนั่งกอดเข่าสะอื้นเงียบๆไม่สนใจใครนิ่ง
คนที่เหลือที่พึ่งรู้เรื่องราวจากปากพี่รองทำได้แค่นิ่งก่อนจะแยกย้ายอย่างไม่รู้จะจัดการกับเรื่องวังวนนี้ยังไง เพราะถ้าเกิดพลาดนิดเดียวก็ไม่ต่างจากขุดให้อีกฝ่ายจมลึกเข้าไปยิ่งกว่าเดิม
"นี่นายทำบ้าอะไรฮะยูยองแจ!!" ใบหน้าหวานหลับตาปี๋เมื่อเจ้าของเสียงยื้อมือขึ้นสูง ก่อนจะลืมตาเมื่อผ่านมาสักระยะแต่กลับไม่เกิดอะไรขึ้น
"แดฮยอน..." เบิกตากว้างเมื่อมือที่เหมือนจะมากระทบใบหน้าเขาอีกคนกับจัดการกับตัวเอง เจ้าของชื่อยิ้มรับน้อยๆก่อนสุดท้ายจะถอนหายใจย่อตัวนั่งยองอย่างหมดหวัง
"ฉันไม่ได้ฝันจริงๆด้วย" พึมพำกับตัวเบาๆก่อนจะสะบัดหน้าผลุดลุกขึ้นมาประชันหน้ากับอีกฝ่ายอย่างเดิม
"ทำไมนายต้องโกหก ยองแจ" เริ่มเรื่องเมื่อเริ่มตั้งสติ คำบอกกล่าวจากคิมฮิมชานทำให้คนอย่างเขาที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องเด็กนั่นแทบยั้งปากไม่อยู่เอ่ยออกไปเช่นกัน
ก็มันจะเป็นไปได้ไงในเมื่อร่างกายของอีกคนมันไม่สามารถรับเด็กได้แล้ว... ไอ้ที่ป้องกันกันอยู่ทุกวันทุกเดือนนี่ไม่ใช่ว่าเพราะถ้าเด็กเกิดขึ้นมาอีกก็มีแต่แท้งกับแท้งไม่ใช่หรือไง
...เพราะฉะนั้นการที่อีกคนจะมีคนอื่นก็แทบเป็นไปไม่ได้
หรือถ้าพลาด...
"บอกความจริงกับฉัน" ก็ช่วยบอกความจริงกับเขาที
"ก็อย่างที่พี่อีจินบอก" เสียงสั่นๆช่างไม่เข้ากับท่าทีเข้มแข็ง ทั้งๆที่เหมือนจะมั่นใจในสิ่งที่พูดแต่อีกกลับไม่ได้ครึ่งของการพูดคุยปกติเลยสักนิด
"ฉันบอกให้พูดความจริงยองแจ..." เริ่มใช้เสียงแข็งกดดันแววตาหวานที่กลอกสั่นไปมา คำว่าเพื่อนถูกแฝงไปในคำกดดันในนัยน์ตา แม้จะไม่พูด แต่มั่นใจได้ว่าคนตรงข้ามเข้าใจและรับรู้เป็นอย่างดี
"..."
"รู้ว่าไม่สามารถสัญญาว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้นายเผชิญกับมันคนเดียว ...ฉันเป็นเพื่อนนาย เราเป็นเพื่อนกัน ...ไม่ใช่เหรอ"
"แด..."
"เพื่อนจะไม่ทิ้งกัน ต่อให้นายเลวแสนเลวหรือดีแตกแค่ไหนแต่นายก็ยังเป็นเพื่อนฉัน เราคบกันมานานพอที่จะรู้สันดานของกันและกัน หรือว่ามันไม่จริง..."
"...ฉ ฉัน"
"อย่าเก็บแล้วทำร้ายตัวเองคนเดียวยองแจ ...ไม่อย่างนั้นฉันจะเค้นนายแล้วบอกความจริงทุกอย่างกับทุกคน"
"ฉันไม่ได้ท้อง!" แหวลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อความเจ็บปวดจากภายในมันดันตื้นให้เผยออกมา อาการอึดอัดที่ถูกฝากฝังมานับเดือนถูกดึงรั้งให้หลุดออกแม้จะโล่งอกแต่ก็ไม่ได้โล่งใจสักเพียงนิด
"แด... อึก ฉ ฉันไม่ได้ท้อง ฮือ..." ทรุดตัวลงนั่งปล่อยโฮอย่างหมดท่า ทั้งๆที่คิดว่าทุกอย่างจะจบเพียงประโยคเดียวกับการที่คนๆนั้นคิดว่าเขานอกใจแล้วจะยอมเลิกรา แต่มันกลับกลายเป็นเพียงแสงแดดจ้าที่ทำเพียงเผาร่างกายให้แทบสิ้นใจแต่ก็ไม่ตายทำได้เพียงทรมานด้วยกัน
ทั้งๆที่คิดแทบตายว่าจะปล่อยแต่สุดท้ายหัวใจก็ดันเรียกร้อง
ทั้งๆที่คิดแทบตายว่าต้องยอมให้จบแต่สุดท้ายก็ยังคงเสนอตัวเข้าหา
มันหลายครั้งแล้วที่เขาเย็นชาเพื่อที่อยากจะเลิกรา
แต่สุดท้ายการที่อีกคนปล่อยน้ำตามันก็ไม่ต่างจากการฉุดรั้งความคิดเลวๆนั่นให้ออกไป
"ใจเย็นๆ... ค่อยๆพูดยองแจ" แดฮยอนรีบหยัดกายเข้าไปพยุงร่างที่ไม่คิดจะควบคุมตัวเองอีกต่อไป ร่างทั้งร่างกอดกระชับร่างกายเพื่อนสนิทที่กอดแน่นแทบจะจิกเนื้ออย่างไม่รู้ตัวนั่นเช่นกัน
"เขาติดต่อเจาะจงเป็นฉันเพราะจุนฮง..." เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นทำเอาร่างแดฮยอนชะงักด้วยความสงสัย
"??"
"งานที่แล้ว... ลุงของจุนฮง อึก เป็นเจ้าของบริษัท"
"..." แดฮยอนนิ่งไปก่อนจะค่อยๆลูบแผ่นหลังบางของคนเป็นเพื่อนให้สงบลง
"ข เขา ...เขาบอกว่าให้ฉันเลิกกับเจลโล่ไม่อย่างนั้นพ่อเขาจะให้เจลโล่ออกจากวง ...พ พ่อเขา ...พ่อเจลโล่ไม่ยอมรับฉันแด... อึก ...เขาไม่ยอมรับฉัน"
"เขาไม่อยากให้ลูกเขาคบกับผู้ชายนายเข้าจ ใจไหม?! อึก ข เขา..."
"เขาจะเอาเจลโล่ออกไปจากชีวิตแจอ่ะแด ฮือ... เขาจะเอาเจลโล่ไปแล้วแจจะอยู่ยังไง...!!!"
ทุกคำพูดถูกกรอกเข้าหูพร้อมๆกับทุกความรู้สึกจากอ้อมกอดที่ต้องการคนพึ่งพาที่ถูกส่งมาอย่างสุดจะทน เสียงฝีเท้าจากใครอีกคนที่ถูกไหว้วานให้ลงมาตามไม่ได้แทรกเข้ามาในความรู้สึกเมื่อมันไม่มีสติพอให้รับรู้ แดฮยอนทำได้เพียงร่างกระตุกเพียงนิดกับคนมาใหม่ก่อนจะนิ่งเงียบโอบร่างกายบางที่ยังสะอื้นต่อไปท่ามกลางใครอีกคนที่กำลังค่อยๆรับรู้เรื่องไม่ต่างกัน
"แล้วทำไมถึงอ้วกเหมือนคนท้องแบบนั้น..."
"ฉัน... เครียดลงกระเพาะ... พี่อีจินก็รู้ แต่ฉันตัดสินใจให้เขาบอกเจลโล่ไปอย่างนั้น"
"อย่างน้อยถึงเจลโล่จะเกลียดฉัน แต่เรา ...ก็ยังได้อยู่ด้วยกัน ...แค่ให้ฉันได้มองเขาก็ดีเกินไปแล้ว"
แดฮยอนรอบมองอีกคนที่คนในอ้อมกอดหันหลังให้อยู่แน่นิ่ง ยิ้มรับน้อยๆอย่างเอ่ยปลอบด้วยสายตากับน้ำตาที่กำลังเอ่ยคลอของอีกฝ่าย
"นายจะยอมให้มันเป็นแบบนี้เหรอยองแจ" หันมาว่าถามเข้า มือก็ค่อยๆลูบหัวคนตัวเล็กที่ค่อยๆกลั้นสะอื้นและตั้งสติ เสียงอู้อี้ในอ้อมอกมันกลับฉายชัดเข้าใบหูเสียจนดังก้อง
"...แล้วตอนนี้ฉันทำอะไรได้ ความฝันของเจลโล่คือการเป็นนักร้อง ...การที่มีฉันมันก็แค่ ...ก็แค่อารมณ์วู่วามของเด็ก ...มันเป็นเพียงแค่ความผิดพลาด ไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจ"
"นาย..."
"ยอมโดนตรีตราหน้าว่าง่ายยังดีกว่าขาดเขาไปแดฮยอน... ต่อให้ใครจะดูถูกแต่อย่างน้อยก็ได้มอง... อย่างน้อยเจลโล่ก็ไม่หายไป"
เหมือนคนหมดท่าจะไม่ใช่คนในอ้อมกอดอีกต่อไป ร่างสูงโปร่งที่ค่อยๆขยับปากอย่างไร้เสียงช้าๆให้พี่สามเข้าใจกำลังกำมือแน่นเสียจนกลัวว่าเล็บจะจิกเสียได้เลือด
"งั้นฉันขอถามคำถามสุดท้าย"
"...นายยังรักไอ้จุนฮงมันอยู่ไหม"
แดฮยอนพูดไปอย่างที่ เชวจุนฮง สั่ง นั่นเป็นคำถามเดียวที่คนมาใหม่ที่พึ่งรับรู้เรื่องราวต้องการก่อนที่จะตัดสินใจ
เพราะเขาขอแค่คำตอบเดียว แล้วเขาจะพร้อมที่จะเปลี่ยนชีวิต
"ฉันไม่เคยไม่รักเขาแดฮยอน..."
และมันก็ดันเป็นคำตอบที่ทำให้เขาหันหลังกลับมุ่งออกไปทันทีอย่างไม่คิดจะคิดหน้าคิดหลัง...
…
“ฉันจะรอนายกลับมาให้พวกฉันกระทืบ จุนฮง” เสียงแผ่วเบาดังไล่หลัง ก่อนแดฮยอนจะกระชับอ้อมกอดของร่างบางที่ร้องไห้จนเผลอหลับในอ้ออมอก อุ้มขึ้นแนบก้าวกลับขึ้นไป
ร่างสูงโปร่งของจุนฮงวิ่งตรงฝ่าทุกที่ออกไปยังถนนใหญ่ที่ยังคงพอมีรถประปรายและสัญจรอยู่พอสมควร แรงหอบหายใจหนักลดหย่อนก่อนแท๊กซี่จะถูกเรียกอย่างไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่หรือมีเงินสักแดงติดตัวไหม ในตอนนี้มีเพียงใบหน้าคมที่ฉายแววเรียบนิ่งสนิทพร้อมคำพูดราบเรียบที่เอ่ยถึงจุดหมายกับคนขับด้านหน้า
..."ไปมกโพ"
...
ผมพูดว่าได้และให้สิ่งที่ยองแจต้องการมาตลอด
ผมพูดว่าไม่และให้ยองแจในสิ่งที่ดีกว่าทุกครั้ง
ผมพูดว่ารอและให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนของผม
...เพราะฉะนั้นใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินแทน
"เล่นกับผมแรงไปแล้วนะ ...คุณเชว"
.
.
.
รถยนต์ที่ขับเคลื่อนมาด้วยความเร็วถูกกดเบรคเสียจนดังลั่นในยามเช้าตรู่เสียจนทำให้คนวัยทำงานที่เร่งรีบต้องหันมาใส่ใจ เพียงชั่วครู่ที่รถที่เคยจอดนิ่งหักเลี้ยวเข้าโรงแรมหรูชื่อดังก่อนที่มันจะจอดสนิทอีกครั้งด้วยมลพิษทางเสียงที่น้อยกว่าครั้งแรก
"รอผมแปป" เป็นเพียงประโยคเดียวที่ถูกกล่าวออกมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะเปิดประตูรถก้าวปึงปังเข้าตัวโรงแรมอย่างไม่ใคร่สนใจพนักงานต้อนรับที่ลอบจ้อง ตำแหน่งล็อบบี้ถูกให้ความสนใจเป็นอย่างแรก เท้าหนามุ่งตรงด้วยแววตาแน่วแน่ พอๆกับบุคคลที่พึ่งก้าวเข้ามาที่เบิกตากว้าง
"คุณหนู..." เหมือนโลกเคว้งไปชั่วครู่เมื่อได้เห็นคนตัวสูงเต็มๆตา จุนฮงยกยิ้มให้กับคนมาใหม่ก่อนที่จะเสดวงตาไปยังล็อบบี้ราวกับต้องการสื่อเป็นนัยน์ที่อีกคนก็เข้าใจเป็นอย่างดี
"เชิญชั้นบนเถอะครับ" แน่นอนว่าถ้าอีกคนเข้าไปคุยที่ล็อบบี้อย่างคนธรรมดาทั่วไปคงจะเป็นข่าวใหญ่ไม่มากก็น้อย และการที่อีกคนมาที่นี่ตัวเขาฟันธงได้เลยว่าจำต้องมีธุระกับคุณหญิงเป็นแน่แท้ แต่เรื่องอะไร คิมฮยองจุน ก็คงไม่สามารถรู้ได้ รู้แค่เพียงตอนนี้เขาคงต้องให้อีกคนหลบจากสถานที่ตรงนี้ก่อนเป็นแน่แท้
"ขอเงินสดให้ผมและโทรศัพท์ ผมจะเข้าไปหาพ่อ"
"ครับ?"
"เดี๋ยวนี้"
ไม่ทันจะได้ทักทายเป็นทางการก็จำต้องรีบวิ่งหัวหมุนเข้าไปในห้องทำงานตนเช่นเดิมเมื่อโดนคำสั่งที่ดูเหมือนจะเป็นการเด็ดขาด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
"คุณหญิงครับ คุณหนูมา" เข้าห้องตัวไม่ทันไรก็จำต้องรีบติดต่อถึงผู้บริหารสูงสุดที่ถือมีศักดิ์เป็นน้าของคนตัวสูงเมื่อครู่ แน่นอนว่าปลายสายตกใจไม่แพ้กัน แต่ก็นั่นแลผู้ใดก่อก็คงต้องรับอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
'ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว ตามใจหนูฮงเขาไป'
เหมือนทุกทางยอมตัดใจ และนั่นทำให้ฮยองจุนเลี่ยงไม่ได้และน้อมรับตามคำสั่งเช่นกัน เขามีศักดิ์เป็นเพียงแค่ลูกจ้าง และเขาก็เคยดูแลเด็กตัวสูงนั่นตั้งแต่ยังไม่ถึงสิบขวบดีด้วยซ้ำ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่เขาก็ขอเข้าข้างอีกคนไว้ก่อนก็แล้วกัน
"โทรไปรายงานคุณน้าแล้วล่ะสิ" ยิ้มแหยให้กับคนรู้ทัน ฮยองจุนยักไหล่ อย่างไรเสียเด็กคนนี้ก็ให้เกียรติเขาในฐานะพี่เลี้ยงระดับหนึ่งเช่นกัน
"คุณหนูก็นะ... ช่างมันเถอะครับ คุณหญิงท่านไม่ว่าอะไร ซ้ำยังบอกอีกว่าให้ตามใจคุณ"
เรียวคิ้วขวาของร่างสูงสง่าหยักขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในเมื่อคุณลุงร่วมมือกับคุณพ่อ จะมีหรือที่คนเป็นภรรยาจะไม่มีส่วนรู้เห็น "คุณหนูก็รู้นิสัยคุณหญิงดี ท่านรักคุณหนูยิ่งกว่าคุณท่านเสียอีก ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ท่านบอกให้ผมช่วยคุณ"
คนตัวสูงถอนหายใจก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆกับเรื่องตลกที่พวกผู้ใหญ่กำลังปั่นหัวเขาเล่น ใจจริงก็ไม่อยากจะเชื่อใจใครอีกแล้ว แต่ร่างที่สลบไสลของคนรักที่ตีตื้นขึ้นมามันกลับบ่งบอกเวาว่าเขาควรทำให้เรื่องนี้มันจบให้เร็วที่สุด
"นี่ครับ" ยื่นมือรับสิ่งที่ขอไปจากคนตรงหน้าก่อนจะหันหลังกลับออกไป และก็เพียงชั่วครู่เดียวก็จำต้องหันกลับมาเมื่อสุดท้ายก็ต้องยอมที่จะเสี่ยง...
"ไว้ผมจะโทรหา..."
...
สถานศึกษเป็นที่ต่อไปที่ต้องเผชิญ มั่นใจได้ว่าในยามเช้านี้กลับไปบ้านคงมีเพียงคนเป็นแม่เท่านั้นล่ะที่คงจะอยู่ทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีต่อไป... ส่วนพี่ชายและพ่อ... ต่างฝ่ายก็ต้องย่อมทำงานอย่างคนหัวโบราณอยู่ดี
ข่าวคราวคนเป็นบิดาบอกตามตรงคือเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกคนที่มีศักดิ์เป็นครูจะสอนอยู่ชั้นการศึกษาไหน นั่นทำให้เขาจำต้องตัดสินใจมุ่งตรงเข้าไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่แน่นอนว่าข่าวคราวที่เขามาเยือนถูกตีแผ่อย่างรวดเร็วทั้งๆที่อีกชั่วโมงถึงจะถึงเวลาเข้าเรียนของโรงเรียนมัธยมนี่
ทันทีที่ทราบที่อยู่ เท้าก็รีบก้าวพร้อมๆกับพยายามยิ้มเลี่ยงแสงแฟลชของมือถือบางเครื่องจากคนที่เริ่มมามุงตน กัดฟันที่จะไม่แสดงท่าทีเหวี่ยงอย่างที่เคยเป็นแต่โดนใครบางคนพร่ำสอนกดมันไว้ ก่อนสุดท้ายจะอาศัยช่วงจังหวะออดเข้าเรียนนั่นใช้ช่วงขายาวๆของตัวเองเลี่ยงหลบออกมา
ประตูถูกเปิดออกเมื่อเห็นจุดหมายที่ต้องการ และทันทีที่ผสานสายตาทั้งๆที่มันสมควรจะเป็นช่วงเวลาที่พ่อลูกจะทักทายด้วยคำพูดคำจาปกติมันกลับมีเพียงสายตาตื่นตกใจปะปนกับความโกรธเคือง...
"..." อาจารย์คนอื่นหันมามองแต่ดูเหมือนจะมีแค่คนที่มีศักดิ์เป็นพ่อจะไม่ได้ใคร่สนใจ กลับกันความสนใจกลับถูกพุ่งไปยังเอกสารบนโต๊ะราวกับคนมาใหม่ไม่ได้มีตัวตน
"พ่อครับ" เริ่มเรียกก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ แต่ก็มีเพียงประโยคเดียวที่ถูกสวนขึ้นมาแล้วเหมือนเป็นการประกาศเส้นตายว่าถ้าคิดจะก้าวต่อความเป็นสายเลือดเดียวกันคงจะขาดสะบั้นลง
"ถ้าคิดว่าฉันยังเป็นพ่อ เรื่องไอ้เกย์นั่นค่อยกลับไปคุยที่บ้านตอนเย็น"
...จุนฮงยืนนิ่ง มือกำแน่นกับคำพูดไม่ให้เกียรติคนรักของเขานั่น คนเป็นบิดายังคงนิ่งเฉย และเชวจุนฮงคงไม่นิ่งได้ขนาดนี้ถ้าไม่ติดว่าภาพของคนๆนั้นที่กรีดร้องไห้วันละหลายๆรอบนั่นสวนเข้าม่านตาจนจำต้องค่อยๆก้าวเท้าถอยออกมาและก้าวออกไปในที่สุด
"...พี่อดทนกับผมมามากแล้ว"
"เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะทนเพื่อ เรา ไม่ได้"
ERR(ONEOUS)
จะว่าดีใจไหมมันก็ดีใจที่ได้พบเจอคนเป็นแม่หลังจากระยะเวลานานหลายปี เขาไม่รู้อะไรมากหรอกว่าคนเป็นแม่จะรับรู้เรื่องเขาหรือไม่เมื่ออีกคนยังคงเป็นปกติ วันนี้ทั้งวันเขาขลุกอยู่แต่กับอีกคน ออดอ้อนง้องอนตามนิสัยเดิมอย่างที่เคยเป็นยามเยาว์วัย แต่ก็ได้เพียงชั่วคราวเมื่อเวลายามเย็นมันก้าวมาเร็วกว่าที่คิด...
แกร๊ก...
บางทีใช่ว่าท่าทีผลุนผลันที่เขามีจะไม่ใจหาย แน่นอนว่าลมหายใจสะดุดเมื่อได้ยินเสียงประตูและก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าโล่งเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่ผู้เป็นบิดา
พี่ชายคนเดียวของเขาก้าวเข้ามา และแน่นอนว่ารอยยิ้มที่เคยมีเพื่อผู้เป็นแม่ทันทีที่เห็นหน้าเขามันกลับหุบลงพร้อมฝีเท้าที่ย้ายเข้าไปภายในห้องอย่างไม่ใยดี... นั่นก็เหมือนเป็นบทสรุปแล้วว่าอีกคนรู้เรื่องของเขา
"ทำไมไม่ทักน้องหน่อยละลูก" ...เหมือนคนเป็นแม่จะรับรู้แต่อีกคนก็ทำเป็นเหมือนหูทวนลม จุนฮงลุกขึ้นจากตั้งมารดาก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆว่าไม่เป็นไรก่อนที่จะเลือกลุกเดินก้าวตามรอยเท้าพี่ชายเข้าไปในห้องเป็นเวลาเดียวกับเสาหลักของบ้านกลับมาพอดี...
"มีอะไรก็พูดมา" นับวันยิ่งเย็นชา เขาไม่ได้ยินเสียงอย่างนี้ตั้งแต่หลังจากที่เขาเลือกมาเป็นเด็กฝึกแล้วด้วยซ้ำ จากที่เท้าเลือกที่จะก้าวเข้าห้องพี่สุดท้ายมันก็จำต้องเลือกที่จะหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนอีกคน
"ทำไมพ่อต้องทำกับยองแจอย่างนั้น"
"มีอะไรที่ฉันทำผิด? การที่ฉันไม่อยากให้ลูกผิดเพศมันคือความผิดของฉันงั้นเหรอ?"
"..."
"ฉันให้แกไปดังได้ ฉันก็ฉุดแกกลับมาได้ เวลาแสดงบนเวทีที่แกไปไล่โอบไล่กอดมันไม่ได้คิดหรือไงว่ามันน่าขยะแขยงเต็มที!"
"พ่ออย่าเรียกยองแจว่ามัน"
"นี่แกกล้ากับฉันเพราะไอ้ตุ้ด..."
"ก็นั่นมันเมียผม!!"
เมื่อร้อนเจอร้อนอย่างไรเสียเอาน้ำเพียงไม่กี่หยดก็เอาไม่อยู่ คนตัวสูงเลือดขึ้นหน้า ความอดทนมันติดลบไปตั้งแต่ที่คนเป็นบิดาอ้าปากกล่าวถึงคนๆนั้นแล้วเสียด้วยซ้ำ!! คำก็เกย์ สองคำก็ตุ้ด ผิดเพศแล้วมันยังไง มันรักกันไม่ได้หรือไง!
"เหอะ โดนมันหลอกแล้วจะรู้สึก" คนเป็นพ่อจำต้องเย็นก่อนเมื่อเป็นครั้งแรกที่ลูกคนเล็กขึ้นเสียงใส่และนั่นมันฉุดสติให้หายไปกว่าครึ่ง ครั้นจะหันหลังตั้งสติ คำบอกเล่าจากอีกคนก็ทำเอาใจที่เคยว่าผลุบลงต่ำในตอนนี้มันเหมือนกลับหล่นลงไปยังตาตุ่มเข้าเสียแล้ว...
"ถ้าหากคนที่โดนหลอกคือผม ผมว่าพ่อคิดผิด..."
"เพราะผมนี่แหละที่เป็นคนข่มขืนเขาเอง"
เพี๊ยะ!
มือตวัดเข้าใบหน้าคมของลูกชายสุดแรงพอๆกับร่างผู้เป็นแม่ที่ฟังมาตลอดที่ทรุดตัวลงนั่งลมจับแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เสียงโหวกเหวกที่รังแต่จะดังขึ้นเรื่อยๆทำให้ประตูของบุตรชายคนโตตัดสินใจเปิดประตูออกมาเผชิญหน้า ใช่ว่าตนจะไม่ได้ยินสิ่งก่อนหน้าเพราะเสียงที่ดังแสนดังนั่น แต่ถ้าให้บอกตามตรงก็คือตนเสียเวลาในการนั่งทำใจอยู่นาน และแน่นอนว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น
"ไม่เห็นกันหรือไงว่าแม่เป็นลมไปแล้ว!"
"แม่ มะ ไม่เป็นไร..."
เพียงชั่วครู่ที่ความสนใจถูกดึง แต่เมื่อเห็นฝ่ายนั้นมีคนเป็นพี่ดูแลแล้วการเผชิญหน้าครั้งที่สองก็เกิดขึ้น...
ใช่ ทุกอย่างมันต้องจบ ยังไงวันนี้มันต้องจบให้ได้
"ผมก็ไม่รู้ ผมเลือกไม่ได้ สุดท้ายเป็นผมนี่แหละที่หยิบยื่นเรื่องน่ารังเกียจให้กับยองแจเขาเอง"
"ถ้ามันจะผิดก็ผิดที่ผม ผมไม่รู้หรอกนะว่าทุกคนรู้เรื่องผมกับยองแจได้ยังไง แต่ผมว่ามีอีกเรื่องที่ทุกคนยังไม่รู้..."
"..."
"ผมทำเขาท้อง"
"!!!!"
"ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันแต่พ่อรู้อะไรไหม... เขาเลือกที่จะบอกว่าไม่ใช่ลูกของผม เขาคิดที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่ก็น่าเสียดาย... ผมทำเขาแท้งด้วยฝีมือของผมเอง"
ทั้งๆที่ทุกคนย้ำว่าไม่ใช่แต่เขาก็ยังจำวันนั้นได้ดี ทุกอย่างมันเริ่มที่เขา และมันผิดที่เขาเกือบทั้งหมด จนถึงวันที่เสียเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองทิฐิเขายังคงครอบงำให้เลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี...
"แม่รู้ใช่ไหมว่ากว่าจะมีผมกับพี่โตมาขนาดนี้มันยากลำบากขนาดไหน... แล้วคนที่ต้องเสียลูกไปแม่คิดว่าเขาจะเป็นยังไง" สุดท้ายคำว่าอ่อนแอก็เข้ามาแทนที่จนปากพูดนู่นนี่ไปอย่างเผลอตัว ทุกคนเริ่มนิ่งยิ่งกว่าเดิมกับสิ่งที่รับรู้ ยิ่งคนเป็นพ่อที่เคยค้านหัวชนฝาในตอนนี้กลับชะงักค้างกับสิ่งที่พึ่งรับรู้
"ผมรู้ว่ามันน่ารังเกียจ แต่ผมก็ไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้มันเกิดกับเราได้ยังไง แล้วสิ่งที่พ่อทำ... ทั้งๆที่เรากำลังจะเริ่มใหม่ไปกันได้ด้วยดี ผมเลือกที่จะไปสารภาพบาปกับครอบครัวเขา แต่ความพยายามทุกอย่างมันกลับพังไม่เป็นท่า"
"ไม่มีใครเชื่อผมเรื่องลูกหรอกผมรู้ แต่ผมก็ไม่รู้จะหาสิ่งไหนมายืนยัน แต่ที่ครอบครัวยองแจเขาต้องเชื่อเพราะสภาพเขาตอนนั้นมันก็สภาพของคนแท้งจริงๆ... และยิ่งเมมเบอร์ในวง... เคยเห็นคนแท้งไหมครับ ร่างที่ส่วนล่างเจิ่งนองไปด้วยเลือดน่ะ กินเหม็นคาวพร้อมร่างคนที่ตัวเองรักที่เหมือนกำลังจะตายน่ะ"
"ผมก็ไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว อ อึก... ผมไม่รู้แล้วจริงๆ ฮือ..."
ตอนนี้เชวจุนฮงไม่ไหวแล้วจริงๆ ร่างทั้งร่างทรุดฮวบปล่อยโฮเหมือนทุกอย่างสิ้นหนทางไปหมดอย่างที่เขาไม่รู้จะเริ่มที่จุดไหนอีกต่อไปในเมื่อตอนนี้เหมือนทางตันมันกำลังบีบเขาให้หายไปทุกที เรื่องราวทุกอย่างยิ่งพูดเหมือนยิ่งตอกย้ำความระยำ ทั้งๆที่มันหายไปได้พักใหญ่แต่ความเลวร้ายก็กลับมาตอกย้ว่าเขาช่างเลวกับคนรักเสียเหลือเกิน
"จุนฮงลูก..." คนเป็นแม่โผเข้าหา แต่ไม่ทันจะได้เข้าใกล้ก็โดนมือผู้เป็นสามียื้อไว้ ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงจะยอม แต่ในตอนนี้เธอจะไม่สนอีกต่อไป เพราะถ้าเป็นอย่างที่ลูกเธอบอกจริง... คนที่เจ็บยิ่งกว่าลูกเธอแน่นอนว่ามันต้องเป็นฝ่ายนั้นที่ต้องเสียเลือดเนื้อเชื้อไขไปเพราะความใจร้อนของคนเห็นแก่ตัว
เธอเป็นแม่คนเธอรู้ดี... และจะให้เธอใจดำกับคนที่มีสถานะเดียวกันเธอก็คงใจร้ายมากเกินไปแล้ว
"ปล่อย ฉันจะไปหาลูก... ถ้าคุณยังจะสนใจหน้าตาวงตระกูลมากกว่าความรู้สึกลูกของตัวเองก็ทำต่อไป" สะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมก่อนจะโผร่างเข้ากอดร่างสะอื้นฮักของลูกคนเล็กที่แค่เพียงชั่วครู่อ้อมกอดก็กลับอบอุ่นขึ้นเมื่อบุตรคนโตก็เข้ามาร่วมกกกอดความอ่อนแอของอีกคน
ทุกอย่างเหมือนจะเข้าสู่ภาวะปกติแต่ก็ไม่ จุนฮงยิ้มให้กับคนสองคนที่เข้าใจ ก่อนสุดท้ายจะพยุงร่างกายมาเผชิญหน้ากับคนเป็นพ่อที่แม้ดวงตาจะอ่อนแสงลงมากแต่ก็ยังคงตั้งท่าความรู้สึกเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
"พ พ่อ ครับ..."
"ผมขอร้อง"
"..."
"ทุกอย่างมันผิดที่ผม อึก... ทุกอย่าง"
"ได้โปรดอย่าฆ่าคนที่ผมรักกับคนที่รักผมให้ตายทั้งเป็นอีกเลย"
...
แม้จะได้หยุดแต่ก็เหมือนกับเป็นเพียงวันที่จะผ่านพ้นไปวันๆก็เท่านั้นเมื่ออาการซึมเศร้าของลีดโวคอลของวงทำเอาเมมเบอร์คนอื่นไม่เป็นอันทำอะไรทั้งสิ้น ให้บอกตามตรงก็ได้ว่าในตอนแรกแม้จะนึกไม่ชอบใจที่ยองแจเหมือนจะทำตัวไร้ค่าแต่เมื่อรับรู้ความเป็นจริงจากปากเพื่อนสนิทอีกคนอย่างแดฮยอนก็ทำเอาคำว่ากล่าวกลืนลงคออย่างที่ไม่ทันได้เอ่ยไปเสียหมด
"กินอะไรหน่อยนะยองแจ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา" เคยได้ยินแต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แต่ดูไหงตอนนี้กลับเป็นยิ่งยุยิ่งไม่ทำนี่สิ ฮิมชานได้แต่ถอนหายใจเมื่อคนเป็นน้องยังคงทำเพียงนั่งหลังพิงหัวเตียงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเพียงเท่านั้น
"หลบมาฉันทำเอง" ลีดเดอร์ของวงเลือกที่จะเข้าไปแย่งสิ่งในมือของเพื่อนตนมาและเข้าไปนั่งแทนที่ มือหนาใช้ช้อนตักข้าวต้มพอดีคำก่อนจะเป่าเอาไอร้อนออกอย่างพอดี
"อ้าวจุนฮง"
"อ๊ะ..."
เป็นครั้งแรกที่คนในวงเห็นพี่ใหญ่ใช้มุขสิ้นคิดแต่กลับได้ผล ทันทีที่เอ่ยชื่อใครบางคนอีกคนก็หันควับตามนิสัยแล้วเผลออ้าปากให้ยงกุกอาศัยช่วงจังหวะนั้นจับช้อนสอดเข้าปากของอีกคนอย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
"อย่างน้อยก็ได้สักคำล่ะนะ..." อมยิ้มให้กับคนบนเตียงที่มุ่ยหน้าลงเมื่อรู้ว่าโดนหลอก ยองแจทำได้เพียงเคี้ยวข้าวในปากด้วยท่าทีหงอยๆต่อไปอย่างที่เป็นมาทั้งวัน
"คนใจร้ายหายไปไหนก็ไม่รู้..." หันกลับทางเดิมก่อนจะพึมพำกับตัวเองแต่ช่างน่าเสียดายที่คนอื่นดันได้ยินเพราะภาวะเงียบสงบ จงออบถอนหายใจพอๆกับแดฮยอนที่ก็ทำได้แค่ตบบ่าคนเป็นน้องให้ทำใจ พอๆกับความรู้สึกภายใน ที่ทำได้แค่ภาวนาให้อีกคนที่ถูกกล่าวถึงจะสามารถผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปได้
"ทนอีกหน่อยนะยองแจ..."
"ทนอีกนิดเดียวแล้วจริงๆ"
ERR(ONEOUS)
ยามเช้าที่สมควรจะสดใสแต่อย่างไรมันก็หดหู่สำหรับคนไร้ความหวังอย่างยูยองแจแล้วจริงๆ ทั้งๆที่วันนี้ไม่มีงานแต่อย่างไรมันก็กลายเป็นวันว่างที่คงมีเพียงความว่างเปล่าอย่างเสียสนิท ตอนนี้ในใจมันเพียงพวงถึงใครบางคนที่ถ้านับก็หายไปเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ
"อื้อ..." เข้าสู่ความคิดตัวได้ไม่นานก็ถูกฉุดเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ข้างหู ยิ่งลำแขนยาวที่พาดเข้าที่ช่วงเอวก็ทำเอาคนนอนตะแคงรีบหันไปอีกด้านไปเผชิญหน้าเข้าเสีย..."จ เจลโล่"
ดวงตาใสเบิกกว้าง ใบหน้าหวานชะงักค้างเมื่อใบหน้าของคนในห้วงความคิดอยู่ห่างกันเพียงปลายจมูก นัยน์ตาใสเริ่มคลอไปด้วยน้ำสีบริสุทธิ์ เรื่องราวเมื่อไม่กี่วันก่อนยังคงตามมาหลอกหลอนและนั่นมันทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าวายร้ายตนนั้นจะกลายมาเป็นเพียงเทวดาตัวน้อยกกกอดเขาให้ความอบอุ่นอยู่แบบนี้
"..." มือเล็กยื่นไล้นิ้วสัมผัสใบหน้าที่โหยหา ลมหายใจเป็นจังหวะทำให้รับรู้ได้ไม่ยากว่าอีกคนเข้าสู่ความฝันแสนหวานอย่างยากที่จะถอน ถ้านี่เป็นความฝันยองแจบอกได้เลยว่าเขายังไม่พร้อมที่จะตื่น ในเมื่อโลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้ายเกินไป ขอเขาจมอยู่แต่กับการหลอกตัวเองมันก็คงเป็นสิ่งที่ทำให้ใจชุ่มชื่นได้ไม่น้อย
แกร๊ก
"!!!!"
ร่างทั้งร่างโผลุกทันทีเมื่อคนมาใหม่เปิดประตูเข้ามา ยิ่งใบหน้าที่แม้จไม่คุ้นมากนักแต่ความคลับคล้ายคลับคลาคนที่นอนด้านข้างก็ทำเอารับรู้ได้ไม่ยากว่าอีกคนมีสถานะเป็นใคร... "คุณ พะ ... เชว"
"ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ฉันก็แค่แวะเอาของมาให้ว่าที่ลูกสะใภ้" ยิ่งเหมือนลำตัวถูกแช่แข็งเมื่อได้ยินประโยคน่าฉงนนั่น คนที่เคยหลับใหลเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว เพียงชั่วครู่ที่อีกคนขยับตัวก่อนจะลืมตาตื่น
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ" เหมือนไม่ได้จะสนใจถึงคนหน้าประตู เจลโล่ทำเพียงผลุดลุกขึ้นมานั่งข้างคนที่ตาแทบถลนก่อนจะก่อนหมับเข้ารอบเอวพร้อมวางคางเข้ากับไหล่อีกคนที่ไม่เข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน
"จ จ..เจลโล่ พ่อ... คุณเชวมา" พยายามปัดมือหนาที่รุ่มร่ามใส่ ดวงตาใสคลอน้ำตาจะตกแหล่ไม่ตกแหล่อยู่รอมร่อ นัยน์ตาสะท้อนความหวาดที่ทำเอาคนที่ถูกเรียกด้วยคำเป็นทางการหลุดขำไม่ได้
"เรียกว่าพ่อก็ได้"
"ค ครับ?"
"ก็เมียไอ้จุนฮงมันหนิ เรียกเป็นทางการขนาดนั้นฉันก็กลายเป็นพ่อผัวใจร้ายกันพอดี..."
ทั้งๆที่มันเป็นเพียงประโยคน่าขันแต่น้ำตาที่คลอหน่วยกลับทะลักลงมาอย่างกักกั้นไม่อยู่ ความรู้สึกมึนงงภายในหัวกำลังสะท้อนถึงความไม่เข้าใจทังดีใจปะปนกันมั่วไปเสียหมด
"ผะ ผม... คือ"
"พ่อมาส่งฉันพึ่งถึงเมื่อเช้า ขอนอนอีกหน่อยได้ไหมค่อยอธิบาย" อ้ำๆอึ้งๆกับคนสูงวัยได้เพียงชั่วครู่เดียวก็ต้องหันมาสนใจเสียงข้างหูที่ว่าเข้า ยองแจหันไปมองเจลโล่ที่พรมจูบที่ต้นคอเขาอย่างไม่ได้ใคร่สนใจผู้ใหญ่ที่กล่าวถึงหน้าห้องเพียงนิด
"อยากคุยกับฉันงั้นเหรอ?" เหมือนจะเข้าใจในสายตาของคนตัวเล็กที่มองมาจนอดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้หลังจากเปิดอกคุยกับลูกชายตัวดีเมื่อวานที่ยอมเล่าความเป็นจริงทุกอย่าง คนโดนเอ่ยถามพยักหน้าหงึกรัวๆก่อนจะรีบผละออกเอนจับต้นคอคนข้างกายเอนราบไปกับเตียงด้วยความนุ่มนวลอีกครั้ง ก่อนจะรีบผลุดลุกไปคว้าเสื้อคลุมเชิญอีกคนไปด้านนอกที่ทันทีที่เปิดก็พบสมาชิกที่เหลือรวมถึงครอบครัวตัวเองเช่นกัน
"พ่อ แม่... พี่ยองวอน... น นี่ นี่มันอะไรกันครับ?"
บางทีเช้านี้มันอาจจะสดใสเกินไปจนแสบตาก็ได้...
.
.
.
จุนฮงผลุดลุกหาววอดก่อนจะขยี้หัวตัวเองด้วยความงัวเงียเมื่อรู้สึกเหนื่อยเสียเหลือเกิน ตามจริงเขาล้ามาสักพักได้หลับเต็มตื่นก็อดจะขดตัวนอนในท่าสบายไม่ไหวจนต้องมาปวดตัวอีกรอบเข้าเสียจนได้
นัยน์ตาเสมองร่างข้างกายที่เคยหลับปุ๋ยละเมอถึงตนแต่ก็ต้องประสบกับความว่างเปล่า อดจะมุ่ยหน้าไม่ได้แต่พอรับรู้ถึงกลิ่นหอมอบอวลภายนอกห้องก็ทำเอาต้องรีบผลุดลุกไปหาตัวเฉลยที่อยู่ไม่ไกล
แกร๊ก
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?" ทันทีที่ก้าวออกมาก็เหมือนกับเกิดการฉลองย่อมๆกับมื้อเที่ยงที่ครอบครัวตนกับคนตัวบางพร้อมหน้า แม้จะยังงุนงงไม่น้อยแต่การที่คนเป็นพ่อแม่ฝั่งตัวเองพูดคุยกับยองแจรวมถึงครอบครัวคนตัวเล็กอย่างเป็นกันเองก็อดจะตื่นเต็มตาไม่ได้
"ไง อึ้งเลยอ่ะดิ" ฮิมชานเข้ามาสะกิดมักเน่ตัวสูงที่อมยิ้มเหม่อ คนโดนทักสะดุ้งเล็กน้อยเรียกเสียงขำก่อนที่คนเป็นพี่จะเป็นฝ่ายเดินถือจานซอสกลับเข้าไปเติมในครัวเฉกเช่นเดิม
"ฉันนึกแล้วว่านายต้องทำได้" แดฮยอนเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นแก้วน้ำในมือที่มีสองแก้วให้อีกคนไปหนึ่งซึ่งก็รับไปอย่างว่าง่าย ค่อยๆถอยล่นหลบมุมมาคุยกันสองคนก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องราวที่พึ่งผ่านมา จุนฮงยกมุมปากเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างมันโอเคกว่าที่คิดก็ทำให้โล่งใจยาว
"โดนตบจนเริ่มชินแล้วเนี่ย ฮะๆ" เอ่ยล้อเล่นกับพี่ชายเมื่อย้อนถึงเรื่องราวที่ไม่ว่าตนจะไปหาครอบครัวไหนก็โดนเสยกลับมาทุกที เอาจริงมันก็เป็นอันสมควรอยู่แล้วกับเรื่องระยำที่ตนทำไว้ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะยกมาเป็นหัวข้อสร้างเรื่องขัน ..."รีบเข้าไปเถอะ เห็นคุยกับยองแจยิ้มจนจะกลายเป็นลูกแทนแล้วมั้งนั่น" แดฮยอนล้อเลียนก่อนจะดุนหลังซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่เด็กตัวสูงยิ้มรับและเดินเข้าไปร่วมวง
"อ้าว ไงวะไอ้เด็กเปรต" มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทักเขาอย่างนี้ จุนฮงเบะปากแต่ก็เลือกที่จะแทรกเจ้าของเสียงลงไปนั่งกับคนตัวเล็กที่อีกคนก็แทบจะเสยซอกใส่ "เฮ้ยไรวะไอ้เด็กนี่" ยองแจหันมาตามเสียงพี่ชายตน ตีเข้าไหล่หนาน้อยๆเป็นการเอ็ดแต่ก็โดนโอบกอดฝังคางลงไหล่อย่างใคร่สนใจใครไม่อยู่ดี
"จุนฮง" พี่ชายเจ้าของชื่อห้ามปราม ใบหน้าหวานที่พอๆกับน้องชายแต่ขนาดตัวช่างแตกต่างขมวดคิ้วจุ๊ปากเมื่อคนเป็นน้องเสียมารยาท แต่สนเสียที่ไหน ก็บอกแล้วว่าอีกคนสนแค่คนตัวเล็กในอ้อมกอดก็เท่านั้น
"ช่างมันเถอะ เราก็..." คนเป็นแม่ตีเข้าตักบางเบาๆจนเจ้าของตักถอนหายใจ แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันหลบสายตาเมื่อคนที่ถูกแย่งที่นั่งข้างน้องสุดที่รักมองมา...
มองทำไมเล่า...
"ขอตัวยองแจแปปนึงนะฮะ คุณพ่อคุณแม่" เจลโล่ว่าเข้าอย่างไม่ต้องรอคำตอบก็ลากคนรักพุ่งเข้าห้องทันที ใบหน้าวานเหวอน้อยๆเพราะปิดประตูไม่ทันไรแก้มขาวก็โดนระดมหอมเสียจนไปต่อไม่ถูก
"อื้อ จ จ เจลโล่ อ๊ะ" หันซ้ายหันขวาหนี ก่อนสุดท้ายต้องยอมยืนนิ่งให้อีกคนเอาแต่ใจจนพอใจ ใบหน้าคมทันทีที่สูดดมความหอมเข้าเต็มปอดก็ค่อยๆถอดสันจมูกออกก่อนจะผละใบหน้ามาสบจ้องใบหน้าหวานที่แดงก่ำ
"เรื่องพ่อเคลียแล้ว มาคุยเรื่องเราดีกว่า" เอ่ยพูดขึ้นก่อนจะฉุดร่างเล็กให้ไปนั่งตักตัวเองบนเตียง
"ทำไมมีอะไรไม่บอกตรงๆ ฮึ?" ขยี้จมูกเล็กด้วยจมูกตัวอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะผละออกมาเอ็ดเข้า คนตัวเล็กคอตก ทำได้เพียงกัดปากตัวเองไปมา... "..."
"อย่าห่วงคนอื่นจนไม่คิดถึงความรู้สึกตัวเองได้ไหม..." ถอนหายใจกับคนบนตัวก่อนจะกอดแนบฝังคางไว้กับลาดไหล่เล็ก โยกตัวไปมาปากก็พึมพำ
"พ พี่"
"ผมไม่ได้ว่า แค่ผมไม่อยากให้พี่ทำมันอีก พี่อดทนกับผมมามากพอแล้วรู้ไหมคนดี..."
"ต่อจากนี้เราไม่ต้องมีอะไรกันแล้วก็ได้ ผมเห็นพี่ต้องพกยาคุม ต้องกินมันทุกครั้ง และยังต้องแอบพกถุงยางที่ถ้าคนอื่นเห็นคงมองพี่ไม่ดี... พอผมมาคิดๆดูแล้วผมเอาแต่เอาแต่ใจไม่ได้สนใจพี่เลย"
เขามารู้ก็เพราะพี่แดฮยอนด้วยซ้ำ เอาความจริงเขาเข้าใจอีกคนผิดๆมาตลอด แต่พอรู้ว่าอีกคนทำเพื่อตัวเองขนาดนี้ยิ่งทำเอาอยากจะเอาไม้หน้าสามฟาดหัวตัวเองให้เลิกโง่เสียบ้าง
"...ม มันไม่ได้ลำบากเสียหน่อย"
"..."
"ก็ถ้ามันเป็นความต้องการของคนที่เรารักยังไงพี่ก็ต้องมีความสุขด้วยอยู่แล้ว"
"พี่ไม่ได้ฝืน.. ค คือพี่ไม่ได้อะไรนะ คือ..."
เจ้าของเสียงหวานหน้าแดงก่ำ ยิ่งลำตัวเกร็งๆนั่นทำเอาจุนฮงได้แต่ลอบมองด้วความรู้สึกอยากจะจมอีกคนลงบนเตียง ทำไมนะทำไม... "ทำไมน่ารักงี้วะเนี่ย"
แกร๊ก
"เอ่อ..." จงออบชะงักค้างทันทีที่เปิดมาเห็นมักเน่ตัวโตกำลังจะพลิกร่างพี่กลางจมสู่เตียงนอน คนตัวสูงขยี้หัวอย่างหัวเสียว่าเข้าอย่างไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ "มีไรเนี่ย?"
คนมีศักดิ์เป็นน้องรองของวงจากที่อ้ำอึ้งกลายเป็นมุ่ยหน้าอย่างหมั่นไส้ จงออบเพยิดไหล่ก่อนจะรีบๆเอ่ยและเตรียมหันหลังออกไป
"คือไม่ไร พี่ยองวอนบอกว่าจะกลับแล้วและก็ฝากมาบอกว่าเดี๋ยวจะเป็นคนไปส่งพี่นายที่มกโพเอง"
"อือๆ"
เดี๋ยวนะ...
พี่นาย?
พี่ยองวอนจะไปส่งพี่ที่มกโพ...
"อ้าวเห้ย อย่าบอกนะว่าพี่เขามาหม้อพี่ผมอ่ะ"
"ไม่รู้อ่ะ รู้ตัวอีกทีก็อุ้มพี่นายออกไปนอกหอแล้ว"
"ไอ้พี่ยองวอน!!"
โอ๊ย ...เข้าใจและว่าไอ้อาการหวงพี่น้องของยูยองวอนในตอนนั้นมันเป็นยังไง
"ยองแจเดี๋ยวผมมานะ"
"??"
"พี่พี่หิ้วพี่ผมไปแล้วเนี่ย!!"
END
ความคิดเห็น