คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
INTRO
ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งมาเปิดยังที่นั่งด้านหลังที่ทันทีที่ประตูเปิดออกขายาวของร่างสูงโปร่งก็ก้าวเท้าพาตัวเองลงมาทันทีอย่างไม่คิดอิดออด ลูกแก้วใสสองดวงภายใต้แว่นตาสีดำสนิทไม่สามารถทำให้รับรู้ถึงอารมณ์ที่แน่นอนของเจ้าของมันได้ในตอนนี้ ...เพราะทั้งๆที่มุมปากยกยิ้ม
แต่ฝีเท้าที่เดินผ่านผู้ดูแลบ้านแต่ละคนช่างแดกดันเสียจนคนรอบข้างเริ่มหวั่นวิตก
แต่ก่อนคนตรงหน้าจะมีรอยยิ้มพร้อมคำทักทายมากมายประกอบฉากความสดใสที่แสนจริงใจแก่ทุกคนในบ้านหลังใหญ่นี่... แต่ทำไมในตอนนี้มันหลงเหลือเพียงความก้ำกึ่งที่แสนหดหู่กัน
‘จุนฮง เรียนจบแล้วมาช่วยพี่ดูแลบริษัทป๊านะ’
ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวแพงภายในห้องรับรอง ขายาวไขว่ห้างเพียงไม่นานก็ถูกต้อนรับโดยน้ำหวานสีสดที่แม่บ้านจัดเสิร์ฟ... ยังคงไร้เสียงจากเจ้าตัวและคนรอบข้าง นาฬิกาเรือนเกือบแสนบนข้อมือคงเป็นเพียงสิ่งสนใจเพียงอย่างเดียวแม้ในความเป็นจริงจะมีเสียงสะท้อนที่ เชวจุนฮง พยายามที่จะไม่สนใจ
‘บ้านนี้มันใหญ่จะตาย เอาไว้ให้ป๊ากับม๊าอยู่แล้วเราไปอยู่บ้านสวนเล็กๆกันเนอะ’
“เมื่อไหร่ทนายปาร์คจะมา” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยอย่างสงบแต่กลับรับรู้ถึงอารมณ์ฉุนเฉียว คนรอบข้างทำได้เพียงสงบเงียบ คงมีเพียงแต่ผู้ดูแลส่วนตัวที่ก้าวเข้ามาทำความเคารพข้างกาย... “เวลานัดยังไม่ถึงเลยนะครับคุณจุนฮง”
‘วันนี้เหนื่อยไหม? ไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนมานะจุนฮงอา’
เพล้ง!
ตวัดแก้วลงทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงหอบหายใจแรงดังลั่นราวกับฝันร้ายทั้งๆที่ดวงตาที่ถอดแว่นกันแดดออกลืมกว้าง
เสียงบ้านั่น
เมื่อไหร่จะเลิกตามหลอกหลอนเขาเสียที...
ลุกพรวดเดินออกไปอย่างไม่พูดอะไรและไม่มีใครเอ่ยปาก ทุกคนยังคงทำงานตตามหน้าที่ตนต่อไปอย่างไม่คิดก้าวก่ายผู้เป็นเจ้านายที่ในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเจ้าของบ้านคนที่สองในที่นี้
คุณเขาคงยังทำใจไม่ได้
นั่นสิ...
ในเมื่อผู้มีศักดิ์เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ตายพร้อมๆกันเป็นใครใครก็คงยังทำใจยอมรับไม่ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี่
ช่างน่าสงสาร
...คุณจุนฮง
.
.
.
ผืนหญ้าหลังบ้านถูกฝีเท้าหนาเหยียบย่ำไปหยุดอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่ไร้คนใช้งาน บรรยากาศที่แสนสดใสในยามบ่ายเขาเกือบจะชื่นชมมันถ้าไม่ติดว่าเพียงไม่นานมันก็ถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะของใครบางคนที่กำลังนอนแผ่หลาเล่นกับสัตว์ตัวน้อยอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงชิงช้าด้านในนั่น
‘อาก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้หรอกนะจุนฮง’
‘แต่อาได้ยินมาว่าพี่เขาเป็นคนสั่งคนตัดสายเบรครถจากการให้การของคนร้ายกับตำรวจ’
“คิๆ นอนนิ่งๆสิ” เสียงหัวเราะคิกคักและรอยยิ้มสดใสถูกส่งมาจากคนที่กำลังนอนเล่นคลุกดินหญ้ากับเจ้าสุนัขตัวเล็กพันธ์บีเกิ้ลที่นอนกลิ้งอยู่บนตัวของคนนอนหงายไปมา "อย่าเลียนะมีโซซซซซซ" ลากเสียงยาวตีเข้ากับปากเจ้าสัตว์สี่ขาที่เลียแก้มอีกคนเป็นทางยาวด้วยแรงที่แผ่วเบา ทั้งๆที่มันเป็นประโยคดุว่าแต่ดูเหมือนเจ้าของเสียงจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นซ้ำยังดูเหมือนชอบใจเสียด้วยซ้ำ
“คุณยองแจ! ป้าบอกว่าอย่าลงไปนอนบนพื้นไงคะ!”
“มีโซหนีเร็วๆ ฮะๆ ไปหลบกันเดี๋ยวป้านาบีจับขังนะ!”
ภาพตรงหน้าไม่ได้เรียกให้ใบหน้าเรียบเฉยแสดงสีหน้าได้เพียงนิด การที่มีผู้ชายใบหน้าอ่อนเยาว์อุ้มสุนัขวิ่งหนีคนสูงอายุช่างไม่เข้ากับควาเป็นจริงที่ว่าผู้ชายคนนั้นอายุเกือบจะสามสิบในไม่อีกกี่ปีข้างหน้านี้แท้ๆ...
ทุเรศ
หมับ!
“อ๊ะ” ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็คว้าหมับเข้ากับร่างที่กำลังวิ่งหนีได้อย่างง่ายดาย คนโดนจับได้ขมวดคิ้วมุ่นเบะปากจะร้องไห้อยู่รอมร่อแต่อยู่ๆก็กลับเป็นยิ้มแฉ่งให้กับคนตัวสูงตรงหน้าพร้อมยื่นสิ่งในมือให้อย่างเป็นกันเอง... “มีโซชอบคุณอ่ะ กอดเร็วๆ” จุนฮงเหล่ตาก้มอง ชุดแบรนด์เนมเริ่มเปื้อนเมื่อขาหน้าของเจ้าตัวสี่ขามันตะกุยตนเอง
‘มันเกิดผิดพลาดหน่อยตรงที่ตอนนั้นพี่เขาก็ขึ้นรถไปด้วย’
‘กรรมเลยตามสนองมั้ง ถึงได้เป็นบ้าแทนที่จะได้เข้าคุกแทน’
เอ๊ง!
มีโซร้องลั่นเมื่อถูกมือหนาของเจ้าของร่างสูงตวัดปัดเสียจนร่วงจากที่สูง คนตัวเล็กกว่าเบิกตาโต ยองแจรีบวิ่งไปโอบอุ้มสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนั่นทันทีก่อนจะตวัดสายตามองมายังคนกระทำที่จ้องตอบกลับอย่างเฉยชา
“คนบ้า!” ว่าเข้ากับการกระทำไร้จิตใจ ยองแจตะโกนใส่แต่ก็ต้องตัวเย็นกลับไปกับคำตอบกลับจากอีกคน...
“...ใครกันแน่ที่บ้า”
“คุณจุนฮงอย่าพูดแบบนั้นกับคุณยองแจนะคะ!” นาบีวิ่งเข้ามาครั้นจะห้ามแต่คงไม่ทัน คนตัวสูงเพยิดไหล่ต่างจากใครอีกคนที่แน่นิ่งราวกับจิตหลุดออกจากร่าง หยาดน้ำตาถูกเค้นมาคลอดใต้หน่วย ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่กับพื้นราวกับคนไร้วิญญาณ
“ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ?” ถามอย่างขอไปที นาบีส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งการที่ใครอีกคนนิ่งเงียบไปเท่าไหร่ นั่นก็หมายถึงว่าความรุนแรงในอีกไม่ช้ากำลังจะเกิดขึ้น
“คุณจุนฮงพึ่งจะกลับมาจากอเมริกา บางทีคุณน่าจะไปนั่งพักให้หายเหนื่อย”
“ผมพูดอะไรผิดก็บอกผมสิครับ อ่อหรือว่า... พี่ยองแจไม่ได้บ้า แต่เป็นโรคจิตงั้นสิ?”
“คุณจุนฮง!”
ร่างแน่นิ่งยังคงแช่ค้างอยู่บนพื้น หยาดน้ำสีใสไหลตามแรงโน้มถ่วงทั้งๆที่ไร้การกระพริบ ใบหน้าหวานที่เคยแย้มยิ้มในตอนนี้คงมีเพียงแค่ความเรียบนิ่งเสียจนบางทีก็สงสัยว่าอีกคนได้หยุดหายใจไปหรือเปล่า
‘ถ้าให้พูดตรงๆแกก็ไม่ใช่ลูกคุณยูเขาแท้ๆ แต่ดูเหมือนคุณยูจะถูกใจแกมากกว่าพี่แกมันก็คงกลัวสมบัติทั้งหมดแกได้ล่ะมั้ง’
‘คิดดูสิ สนลูกเมียน้อยมากกว่าลูกตัวเองแท้ๆ แรงจูงใจในการทำก็หาได้ไม่ยากเลยนะจุนฮง’
“คนแบบนี้น่าสงสารนะครับ... น่าจะตายๆไปสักทีว่าไหม? พี่ฮะ” มือหนากำแน่นทั้งๆที่ก้าวเข้าไปใกล้คนนิ่งเงียบ ลำตัวย่อลงพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้
ดวงตาใสกระพริบปริบ ความนิ่งเงียบถูกเรียกสติกลับคืนมา... ยองแจที่มีดวงตาอ่อนแรงค่อยๆเงยสบกับเจ้าของคำพูดร้ายกาจ... “ตาย?”
เชวจุนฮงหลุดขำอย่างนึกสมเพชก่อนจะพยักหน้า “ใช่ครับตาย... พี่น่ะ ต้องตายได้แล้วนะ”
“ต ตาย?”
“คุณจุนฮงพอเถอะค่ะ!”
“ตายไงครับพี่ยองแจ ตายเลย... ตายตามป๊ากับม๊าที่พี่ตั้งใจฆ่าไปเมื่อเดือนก่อนไง ตายตายพวกท่านไปเลย ตายมันตอนนี้เลยยิ่งดี!!”
“ตาย? ... ต ตาย .... อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
ร่างเล็กนอนแด้ดิ้นแต่กลับมีเพียงรอยยิ้มจากคนตัวสูงที่ยืดตัวเสพสมกับภาพที่อีกคนกำลังทำร้ายจิกแขนจิกหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง คนในบ้านรีบวิ่งเข้ามาจัดการ ต่างกับตัวต้นเหตุที่ทำเพียงมองครั้งสุดท้ายอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าในบ้านไป แต่ก็ไม่ลืมทิ้งท้ายในจุดหมายที่ตนตั้งใจมาในวันนี้
“รีบๆหายบ้าและรีบมานั่งฟังเปิดพินัยกรรมด้วยนะครับ พี่ชาย”
.
.
.
ราวเกือบชั่วโมงกว่าทุกอย่างจะสงบ ยองแจถูกผ้าคาดปิดตาพร้อมเสียงคนดูแลสูงวัยที่คอยกล่อมว่าให้ใจเย็นและบอกให้ค่อยๆเดินเพราะว่ามืดแล้วอย่างกับการหลอกเด็ก ข้อมือถูกผูกไขว้กันราวกับผู้ร้ายถูกจับแต่จะทำอย่างไรได้นั่นเป็นเพียงวิธีเดียวที่อีกคนจะไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
“ต้องขออนุญาตให้ในห้องนี้มีแค่คุณจุนฮงและคุณยองแจแค่สองคนนะครับ” เสียงทนายของตระกูลเอ่ยเรียกดึงดูดความสนใจของทุกคนและแน่นอนว่าคนในบ้านก็ต้องย่อมทำตามแม้จะมีสายตาเป็นห่วงเป็นใหญ่คนที่ในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเจ้าของบ้านที่แม้จะจิตไม่ปกติก็ตาม
“เลยเวลามาครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ” จุนฮงเอ่ยเรียบๆ ทนายปาร์คน้อมรับพร้อมค้อมหัวอย่างขอโทษไปในที... “เนื่องจากถือว่าคุณยองแจมีจิตไม่ปกติซึ่งถือว่าเป็นการพิการอย่างหนึ่งจะขอเรียนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมฉบับนี้แม้เวลาจะล่วงเลยมานะครับ” เอ่ยชี้แจง และยังคงวางพินัยกรรมฉบับสำรองไว้เช่นเดิม
“ข้าพเจ้านายยูฮีวอน ในขณะที่ทำพินัยกรรมฉบับนี้...”
จุนฮงนั่งฟังด้วยความตั้งใจกับการร่ายยาวของผู้เป็นทนาย ต่างจากใครอีกคนที่โยกตัวไปมาอยู่กับความมืดมิดที่ถูกบดบังด้วยเศษผ้านี่
“สมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา ข้าพเจ้าขอมอบให้ยูยองแจเป็นผู้ถือหุ้นในทุกที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และเชวจุนฮงเป็นผู้ถือหุ้นอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์เช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่า”
“ผู้ถือหุ้นได้มีเพียงแค่ยูยองแจและเชวจุนฮงเท่านั้นในตลอดระยะเวลาสองปี”
“และจะไม่มีการอาศัยอยู่ที่อื่นยกเว้นบ้านในย่านคังนัมตลอดระยะเวลาสองปีและจะเริ่มเมื่อทั้งสองฝ่ายได้เรียนจบ”
ตึง!
โต๊ะในห้องรับรองสั่นสะท้านด้วยฝีมือคนที่ถือเป็นน้องที่ตวัดมืดมือลงลั่น ประโยคบ้าๆนั่นฟังยังไงมันก็ไม่ต่างกับทุกอย่างเราต้องทำคู่กันทั้งหมด
นี่มันไม่ต่างจากการต้องดูแลไอ้บ้านี่ชัดๆ!!
“คุณจุนฮงรบกวนฟังต่อให้จบครับ”
ทำได้เพียงนั่งนิ่งสงบสติรับฟังทั้งๆที่คำพูดหลังจากนั้นมันยิ่งทำให้มือหนากำแน่นพอๆกับสายตาเคียดแค้นที่ส่งไปยังใครอีกคนที่ยังคงนั่งโยกตัวราวกับกำลังสร้างฝันดีอยู่ในห้วงนิทานจอมปลอม
ป๊าต้องการให้ผมดูแลมันงั้นเหรอ
การต้องมาร่วมดูแลคนบ้าในฐานะน้องชายมันไม่ได้น่าภูมิใจเลยสักนิดเดียว...
เราจะได้เห็นดีกันยูยองแจ
TBC.
PLaimallil ; ._. คือแบบ เขาทำอะไรลงปายยยยยยย ทำไมถึงชอบซดดราม่านักก็ไม่เข้าใจตัวเอง ทารุณยูยองนี่คงเป็นสิ่งที่ชื่นชอบจริงๆ หวังว่าจะชื่นชอบกันนะมั้งคะ TT ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า
ความคิดเห็น