ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~•ll (SF) All x Youngjae [B.A.P] ll•~

    ลำดับตอนที่ #1 : [LOJAE] ERR

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 57


    title : ERR
    author : PLaimallil
    couple : LoJae
    rate : PG-18 / NC




    ...ERR...

     

    "Obsession" - Shinee





     

    "อ อ่อก..." เป็นครั้งที่สามของวันแล้ว ที่น้ำย่อยตีตื้นขึ้นมาจุกเสียจนเขาต้องรีบวิ่งฝืนสังขารมายังห้องน้ำเงียบๆคนเดียว แม้จะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ตนผลุนผลันออกมาท่ามกลางเหล่าเมมเบอร์ที่ซ้อมอยู่

     

    จะหนึ่งวัน

     

    ....หนึ่งอาทิตย์

     

    ........หรือหนึ่งเดือน?

     

    "..." ความรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังโก่งคออาเจียนเป็นอันต้องสำลักชั่วครู่ ก่อนจะหันไปหาบุคคลที่ยืนกอดอกจ้องมองตรงมาอย่างนึกสงสัย

     

    เขาไม่น่าลืมล็อคประตูเลยให้ตายเถอะ!

     

    "อีกแล้วเหรอยองแจ..." เสียงของคิมฮิมชานกำลังทำให้เจ้าของชื่่อได้แต่ยิ้มแหยส่งกลับไป และก็ได้แป๊ปเดียวเมื่อน้ำย่อยใหม่ตีตื้นขึ้นมาให้อีกคนต้องหันไปอาเจียนอีกครั้ง


    "นี่มันเป็นติดต่อกันจะเดือนแล้วนะ ขอผู้จัดการคังพาไปโรง'บาลเถอะ" คนที่อยู่ปากประตูทรุดนั่งลูบแผ่นหลังบางที่กำลังอาเจียนอย่างนึกสงสาร เพราะตอนนี้อีกคนดูจะแสบคอไปหมดจนร่างสั่นไหว ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อพร้อมๆกับดวงตาที่เริ่มมีน้ำสีใสเอ่อคลอ การหอบหายใจเริ่มหนักหน่วง ถอนเข้าออกอย่างรุนแรง ก่อนที่ทั้งร่างจะพยายามลุกขึ้น และผลสุดท้ายคือร่างเจ้าของชื่อทรุดฮวบลงต่อหน้า


    "ยองแจ!!"

     

     


     

    เป็นครั้งแรกที่ทั้งวงอยู่ในสภาพกดดัน จะยืนรอหน้าห้องฉุกเฉินก็ไม่ได้ ต้องถูกดันตัวมารอในห้องผู้ป่วยในกันผู้คนแตกตื่นกุมมือภาวนากันอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่อนึกถึงใบหน้าที่แทบไม่มีเลือดฝาดของยองแจอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อตอนที่ฮิมชานอุ้มออกมารวมถึงตลอดเวลาที่นั่งรถด้วยใจที่หล่นลงตาตุ่ม

     

    ซีดเกินไป...

     

    ก๊อก ๆ

     

    เสียงเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะตามด้วยบุรุษและนางพยาบาลที่เข็นร่างคนที่ไม่ได้สติเคลื่อนย้ายลงสู่เตียงภายในร่างเหล่าเมมเบอร์รวมทั้งพี่ผู้จัดการทั้งสองคนรอบมองใบหน้าใสที่เริ่มขึ้นสีดูมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนที่จะละไปสนใจหมอที่ตีหน้าเครียดเข้าตามมาติดๆ

     

    "เขาโอเคใช่ไหมครับ?" เป็นยงกุกที่แทรกขึ้นก่อนที่พี่ใหญ่กว่าอย่างพี่ผู้จัดการทั้งสองจะทันได้ง้างปาก หน้าที่ลีดเดอร์ของวงดูเหมือนจะสิงเข้าไปในสายเลือดเขาแล้ว

     

    "ที่นี่....ใครเป็นญาติของคนไข้ครับ" คุณหมอหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่กลับไล่สายตามองด้วยสายตากลืนไม่เข้าพร้อมคำถามที่ยิ่งทำให้คนที่อยู่ที่ตรงนั้นร้อนใจ

     

    "เขาเป็นคนใต้ปกครองผมอยู่ตอนนี้ และคนพวกนี้ก็เป็นคนสนิทของคนไข้.... หวังว่าจะสามารถทดแทนกันได้นะครับเพราะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่กับทางครอบครัว" คำอธิบายยาวเหยียดจากผู้จัดการคนโตไม่ได้คลายสีหน้าลำบากใจเท่าที่ควรผู้รับหน้าที่แพทย์ไล่สายตาก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ "ผมขอคนที่คนไข้ให้ความไว้ใจมากที่สุด.... เชิญตามผมมาครับ"

     

    "นาย....ไปกับแดฮยอน" เป็นผู้จัดการคังที่มักจะเฮฮาเสมอ แต่ตอนนี้เริ่มขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยบอกผู้จัดการอีกคนและเมนโวคอลของวงที่ก็พยักหน้าร้บและเดินตามผู้ใส่เสื้อกาวน์ไปทันที

     

    โดยที่ยังคงปล่อยทิ้งคนอื่นไว้ ด้วยความคิดที่ไม่ละความกังวลเช่นเดิม

     

    "....พี่เป็นอะไร?" บุคคลเพียงคนเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่พึมพำกับตัวเอง ดวงตายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัยเหม่อมองทิวทัศน์ด้านนอก พร้อมกับท่าทีอย่างคนคิดไม่ตกคือมือที่กำแน่นวางอยู่ที่บานกระจกตรงหน้าจนยงกุกที่สังเกตุอยู่ก่อนแล้วต้องตรงเข้าหาคนที่มักจะทำตัวไม่ถูกตลอดเวลาที่มีเมมเบอร์เกิดเหตุอะไรขึ้น

     

    "ไม่มีอะไรหรอกนะ.... อย่าคิดมากสิเจลโล่ยา"

     

    ผมก็หวังอย่างนั้นครับ พี่ยงกุก....

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ไม่มีใครยอมปริปากเมื่อกลับเข้ามาหาคนในห้อง ทั้งพี่จีซูและแดฮยอนเหมือนคนสติหลุด แต่ก็ดูยังไม่ไร้สติ

     

    ".... ฉันขอถามหน่อยได้ไหม?"

     

    "ยองแจมีแฟนเป็นผู้ชายงั้นเหรอ...."

     

    เสียงพี่จีซูเอ่ยถามด้วยสีหน้าเหม่อลอย ร่างผู้จัดการคนสนิทของเจ้าของชื่อค่อยๆทรุดลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียงอีกคน ไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ดวงตาเบิกกว้างเมื่อตีความหมายกันเองไปเรื่อย

     

    "ยองแจเป็นโรคร้ายแรงเหรอ!" ฮิมชานโพล่งขึ้น

     

    "...."

     

    "อย่าเงียบแบบนี้กันเซ่!! มีอะไรก็พูดมา แกบอกฉันมาแดฮยอน ยองแจเป็นอะไร!" เมื่อไม่ได้คำตอบจากผู้อาวุโสกว่า ก็หันไปหาผู้มีศักดิ์เป็นน้องที่เม้มปากตัวเองแน่น ท่าทีโผงผางจนจงออบต้องโผเข้าไปห้าม พอๆกับยงกุกที่เข้ามาจับไหล่อีกคนตบเบาๆอย่างให้ใจเย็น

     

    "อ อือ...." เหมือนเสียงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้คนที่ไม่ได้สติเริ่มปรับโฟกัสตา ดวงตาใสหยีทันทีที่เห็นดวงไฟแสนสว่างบนเพดาน แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินประโยคที่มีชื่อเขาร่วมสนทนา

     

    "ยองแจมันท้อง.... จะ2เดือนแล้ว"

     

    ... 

     

    ".... ค ค ใครท้องนะ"

     

    เสียงที่พึมพำพร้อมกับร่างคนป่วยที่ผลุดลุกขึ้นมาทำให้คนในห้องที่พึ่งรับรู้ถึงการตื่นของอีกคนนิ่งสนิท ดวงตาทุกคนสบไปมากันเลิ่กลั่ก ยิ่งแดฮยอนที่พูดโพล่งขึ้นมาผิดเวลาก็รีบเสตาหลบคนบนเตียงที่จ้องมาทันที

     

    "ผมถาม!!" ไม่บ่อยนักที่ยองแจจะตะโกนใส่คนอื่น แต่ครั้งนี้หัวใจเขามันแทบจะระเบิดออกมา เพราะทุกคนเอาแต่เงียบหลบตาเขาเหมือนตอกย้ำว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้หูฝาด

     

    บอกเขาที..... ว่ามันไม่จริง

     

    "ผ ผมอยากเข้าห้องน้ำ .... กลับไปกันเถอะ ผมหายแล้วล่ะ อยู่คนเดียวได้" เปิดผ้าห่มออกก่อนจะรีบโผลงจากเตียงด้วยสมองที่แทบจะควบคุมให้ปกติไม่ได้ ทำตัวเหมือนไม่รับรู้ว่าเมื่อครู่ได้ยินอะไรมา .....ใช่ เขาไม่ได้ยินอะไรเลย

     

    "อ๊ะ..." เพราะความเหม่อลอยทำให้คนป่วยเผลอลื่นลงจากเตียง ขาที่อ่อนแรงพับลงอย่างพยุงตัวเองไม่อยู่

     

    พรึบ

     

    ดวงตาหวานหลับปี๊รอรับแรงกระแทก ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ไม่เจ็บ...ทำไม?

     

    "อย่าอวดเก่ง" คำพูดเรียบๆ พร้อมกับมือหนาที่รองรับตัวอีกคนอยู่แล้วกระชับแน่นยิ่งขึ้น ผลุดลุกอุ้มอีกคนในอ้อมกอดไปเข้าห้องน้ำอย่างที่อีกฝ่ายว่า ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในห้องที่ยังคงช็อคกับอุบัติเหตุเมื่อครู่ไม่หายพี่จีซูห่างกับยองแจเพียงแค่เอื้อมมือ

     

    แต่เด็กนั่นอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ที่ห่างจากอีกฝ่ายคนละฝาก

     

    เชวจุนฮงจะเร็วเกินไปแล้ว...

     

     

     

    "ป ป...ปล่อยพี่" ทันทีที่ลงกลอนประตู เสียงสั่นๆก็เอ่ยขึ้น และแน่นอนว่าอีกคนก็ทำตามอย่างไม่มีขัด วางร่างบางของพี่ชายลงเท้าเหยียบสู่พื้น แต่ไม่วายเอื้อมมือขวากระชับเอวไว้หลวมๆป้องกันคนป่วยไหลลงไปเล่นกับพื้นอีก

     

    "ออกไปรอข้างนอกดิ พี่จะเข้าห้องน้ำ" ต่างฝ่ายต่างเงียบ จนยองแจต้องพูดขึ้นมา โดยที่มือก็พยายามแงะแขนที่โอบเอวตัวออก แต่ทันทีที่เงยหน้าสบเข้ากับกระจกเงาตรงหน้า ดวงตาอีกฝ่ายที่จ้องเขาผ่านมันกำลังทำให้ตัวเขาอดที่จะประหม่าไม่ได้

     

    'อย่ามองเหมือนเป็นห่วงกันสิ...'

     

    "พี่ไม่ได้เป็น..."

     

    "พี่ท้อง"

     

    นิ่ง ..... ร่างกายของคนป่วยหนุดนิ่งโดยที่ดวงตาสั่นระริก ผ่านไปเพียงครู่ใบหน้าหวานก็ค่อยๆส่ายไปมาอย่างคนไร้สติ หวังให้ตนหูฝาด แต่อีกคนกลับตอกย้ำจนยากที่จะไม่รับฟัง เขาควรจะพูดอะไร เขาควรจะตอบแบบไหน..... เขาควร..... จะท้องกับใคร?

     

    "น นั่นสิเนอะ..... ก ก็แค่มีเด็กอยู่ในท้องไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อยและก็...."

     

    "ลูกใคร?" เสียงหวานถูกตัดด้วยคำพูดสั้นๆของคนสูงกว่า ใบหน้าที่นานครั้งจะจริงจังเรียบนิ่งเสียจนคนถามใจหาย

     

    สีหน้าแบบนี้....

     

    "ไม่ใช่ลูกของนายหรอกจุนฮง"

     

    เขาควรจะท้องกับใคร ในเมื่อตัวจริงเขาทำหน้ากระอ่วนแบบนั้น

     

    ......คืนเดียวกับความผิดพลาด

     

    สิ่งที่ตามมาเขาควรจะรับผิดชอบ

     

    แม้จะต้องรับผิดชอบคนเดียวก็ตาม.....

     

    "แค่นี่แหละครับ ผมไปรอข้างนอกนะ"

     

    อย่าทำหน้าโล่งใจแบบนั้นสิ.... จุนฮงอา

     


     

    ERR




     

    'คนที่คุณรู้สึกประหม่าเวลาอยู่ด้วยกัน'

     

    บทสัมภาษณ์ในทุกๆครั้งคงจะขาดเรื่องนี้ไปไม่ได้ จะอีกกี่สำนักพิมพ์สุดท้ายก็ต้องหลงเหลือคำถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้และก็ต้องแน่นอนว่าทุกคนคงจะตอบอย่างเดิม คำตอบเดิมๆที่ยังคงย้ำความรู้สึกของใครอีกคนให้หายใจไม่ทั่วท้อง......"พี่ยองแจครับ......"

     

    "เป็นเรื่องยากนิดหน่อยถ้าเราจะอยู่ด้วยกันสองคน "

     

    ยกเว้นตอนเมางั้นเหรอจุนฮง.....

     

    "อ อุก....." ร่างที่กำลังเหม่อลอยแทบตะครุบปากตัวเองไม่ทัน ใบหน้าหวานซีดเผือดเมื่อตอนนี้จุดสนใจกลายเป็นเขาไปแล้ว ณ ตอนนี้

     

    อย่าทำร้ายกันบ่อยนักสิเข้าตัวเล็ก

     

    กล้ำกลืนฝืนทนกลืนความแสบทั้งหมดลงอยู่อย่างเงียบๆ อมยิ้มให้กับทุกคนรวมไปถึงเหล่าเมมเบอร์ที่หันมากันพร้อมเพียง "ส สะอึกนิดหน่อย ถามต่อเลยครับ.."

     

    "เหลือแค่ของเจลโล่กับจงออบใช่ไหมครับ พอดีพี่ผู้จัดการเรียกตัวพวกเราที่เหลือขอตัวสักครู่นะครับ" ฮิมชานที่ทนดูไม่ได้เอ่ยขึ้น เมื่อได้รับการพยักหน้าอย่างเข้าใจก็ฉุดแขนคนที่บอกตัวเอง 'สะอึกเดินตามมา รวมถึงฮยองไลน์ที่เหลือที่เดินมาร่วมอย่างรู้หน้าที่

     

    "อ อ่อก...แค่ก " ห้องน้ำเป็นสถานที่รวมพลไปแล้วนะตอนนี้ ยงกุก และฮิมชานยืนดูอย่างร้อนรน ดวงตาพยายามสอดส่องหาเมนโวคอลที่พวกตนไล่ให้ไปเอายาที่แม้อีกฝ่ายจะวิ่งมันก็ยังช้าสำหรับพวกเขาอยู่ดี

     

    "เป็นไงบ้าง?" ฮิมชานเอ่ยถามคนที่โก่งคออาเจียนที่ค่อยๆลุกไปยังอ่างล้างหน้า ไม่ลืมกดชักโครกก่อนที่จะตามมาพยุงอีกฝ่ายถึงจะมีลีดเดอร์ของวงคอยพยุงอยู่แล้ว

     

    ".......ส แสบคอนิดหน่อย แต่ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ" เสียงสั่นเครือเพราะเหนื่อยอ่อนตอบมาแผ่วๆ เอื้อมมือกวักน้ำล้างหน้าล้างปากด้วยท่าทีปกติจนพี่ใหญ่อีกสองได้แต่ส่ายหน้าเหนื่อยใจ

     

    ....ดื้อ

     

    "ม มา ..แฮ่ก ก มาแล้ว" แดฮยอนวิ่งตาตื่นเข้ามาอย่างคนเหนื่อยอ่อน ยืนหอบแหกแต่ก็ไม่วายส่งถุงยาและขวดน้ำให้กับยงกุกที่เดินมาเอาอย่างรู้หน้าที่ ส่วนคนที่ต้องกินน่ะเหรอ......

     

    ส่ายหน้าเดินผ่านหนีคนอื่นไปที่ประตูแล้ว

     

    "ยองแจมากินยา!..."

     

    ".....พี่ก็ได้ยินที่หมอพูด อย่ามาบังคับผมนะพี่ฮิมชาน!!"

     

    หมับ

     

    คนที่ใกล้ตัวร่างบางที่สุดคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนอีกคนที่กำลังเปิดประตูออกไป แดฮยอนสบถเสียงขึ้นจมูกก่อนจะถอนหายใจเอาความเหนื่อยที่มีมาก่อนหน้านี้ออกแล้วหันมาหยิบขวดน้ำพร้อมกับถุงยาที่ตนเป็นคนเอามาจากมือยงกุกพร้อมทั้งลากตัวเพื่อนรักออกไปด้านนอกท่ามกลางพี่ใหญ่ที่ก็แปลกใจไม่น้อย

     

    ปล่อยให้คู่เพื่อนรักเคลียกัน..... ก็คงจะดีกว่าสินะ

     

    "เข้าไปหาจงออบกับจุนฮงกันก่อนเถอะฮิมชาน...."

     

    .

     

    .

     

    .

     

    "ปล่อยยยยยยย! จองแดฮยอน!!!" ลากเสียงยาวตะคอกเจ้าของชื่อดังลั่นทันทีที่กลอนประตูห้องเก็บของถูกกดลง ใบหน้าหวานถูกความแดงก่ำจะใช่เพราะความเหนื่อยหรือความโกรธเข้าครอบจนแดงแจ๋ ยืนหอบหายใจโกยอากาศที่หายไปเข้าตัวเป็นว่าเล่น ดีหน่อยที่ห้องเก็บของสตูนี้ยังเป็นห้องโล่งไม่มีอะไรมาเก็บ ไม่งั้นเขาคงจะสำลักฝุ่นตายเป็นแน่....

     

    "นายกำลังดื้ออย่างที่ไม่เคยเป็นเลยยูยองแจ..." แดฮยอนเอ่ยขึ้น ไม่ได้สนใจท่าทางอีกฝ่ายมากนัก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเอนหลังพิงกับบานประตูที่ลงกลอนเรียบร้อย ต่างจากอีกคนที่ยิ่งปรี๊ดแตกเข้าไปใหญ่

     

    "ควบคุมอารมณ์หน่อยสิ การกระทำแม่มีผลต่อตัวเด็กนะ" ใช่ว่าเขาจะไม่กลับไปศึกษาสำหรับนิสัยและเรื่องต่างๆเกี่ยวกับคนท้องทันทีที่รับรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีหลาน แน่นอนว่าอารมณ์พวกเธอจะไม่คงที่ รวมไปถึงมีอาการเหนื่อยง่ายผิดปกติและก็ใช่ ยูยองแจกำลังเป็นมันทั้งหมด

     

    "กินยาซะ ที่หมอบอกมันก็ถูกแต่ถ้านายไม่กินนายคงจะแย่ก่อนแน่ๆ"

     

    แน่นอนว่าในวันที่จะออกจากโรง'บาล คุณหมอเจ้าของไข้จะเข้ามาชี้แจง ยองแจตั้งท้องนอกมดลูกและเอาตรงๆคือร่างกายยองแจไม่พร้อมกับการมีเด็กสักคนในท้องเลยจริงๆ ในตอนที่รับรู้ถึงผู้ชายท้องได้ยังคงไม่ทำให้เขาผงะได้เท่าตอนที่เขาและพี่จีซูเข้าไปหาหมอเมื่อตอนแรก

     

    ...ยองแจมีโอกาสแท้งสูง

     

    ไม่ได้เกิดเพราะอะไร แต่เป็นเพราะกระบวนการภายในที่ไม่เหมือนผู้หญิงนั่น ยองแจยังไม่รู้เรื่องนี้ และที่หมอไม่ค่อยอยากให้กินยาแก้อาเจียนเว้นเสียแต่อีกฝ่ายไม่ไหวจริงๆ เพราะมันจะยิ่งดันข้อที่พวกเราเป็นกังวลให้มีเปอร์เซ็นต์สูงเข้าไปอีก

     

    ยังไม่มีใครสักคนบอกให้ยองแจเอาลูกออก

     

    เพราะดูแล้วยองแจต้องการเด็กคนนี้

     

    แต่ถ้าอีกคนยังดื้อดึงอยู่แบบนี้

     

    ....คงได้ไปทั้งแม่ทั้งลูก

     

    "นายต้องกิน ถ้าร่างกายนายไม่ไหว แล้วในท้องนายจะเป็นไงคิดบ้างสิ!" พูดเตือนสติคนตรงหน้าที่ทำเพียงแค่รับยาไปถือในนั้นมีเพียงแค่ยาแก้อาเจียน แม้ในปกติควรจะมียาบำรุงมากมาย แต่ก็นะ....ร่างกายยองแจรับได้ แต่เด็กไม่

     

    "ก็เท่านั้น.... มานั่งคุยกันก่อนไหม?" ทันทีที่เม็ดยาสีเหลืองถูกกลืนลงไปเป็นที่เรียบร้อย แดฮยอนก็ทรุดนั่งลงหลังพิงกำแพงเอ่ยชวนอีกฝ่ายทันที ซึ่งก็แน่นอนที่อีกคนจะค่อยๆทรุดลงนั่งตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้....

     

    "ทีหลังถ้าไม่ไหวก็ต้องกิน"

     

    "อือ"

     

    "ถ้าเหนื่อยก็ต้องหยุดซ้อม"

     

    "อือ"

     

    "อย่าทำเหมือนอยู่ตัวคนเดียวทั้งๆที่มีพวกเราอยู่ ลูกนายก็หลานพวกเรา อย่าทำมาเป็นไม่อยากรบกวนให้เป็นภาระด้วย"

     

    "อ อือ...ขอโทษ"

     

    "และก็.....นายจะไม่บอกจุนฮงจริงๆเหรอ?"

     

    ร่างที่นั่งกอดเข่าตัวเองเบิกตากว้าง คำพูดจากแดฮยอนกำลังทำเขาแปลกใจ ท่าทีเรียบนิ่งแต่ดวงตาจริงจังแบบนั้น ....แดฮยอนรู้

     

    "น นาย...นายรู้"

     

    บางทีแดฮยอนก็อยากจะหลุดขำออกมากับท่าทีน่ารักนั่น ดวงตาเบิกกว้าง ท่าทีเลิ่กลั่ก นั่งอยู่เฉยไม่ได้อีก นับวันอีกฝ่ายชอบทำตัวน่ารักโดยไม่รู้ตัวเข้าทุกที ยิ่งเดี๋ยวนี้มีไอ้เจ้าตัวเล็ก ให้ตายเถอะ....

     

    ถ้าพ่อมันไม่ออกมาสักที เขาจะไม่ทำให้คู่แดแจเป็นแค่แฟนเซอร์วิชอีกต่อไปแน่

     

    "ถ้าบอกว่าวันนั้นฉันเห็น.... เว้นเสียแต่ว่านายไปเข้าออกห้องคนอื่นมั่วซั่วหลังจากนั้นอ่ะนะ" พูดติดตลก ก่อนที่จะเสมองคนข้างตัวที่คอตกทำปากขมุบขมิบซึ่งไม่แน่ว่าจะสาบแช่งตนอยู่ แต่ที่เขาบอกก็เรื่องจริงนิ เขาไม่ตะจิดตะขวงใจเรื่องการคบเพศเดียวกันเสียเท่าไหร่ และการที่เห็นวันนั้น ตอนกลางคืนที่ทั้งวงมึนเมาเพื่อฉลองกับความสำเร็จเรื่องชาร์ตเพลง ถึงเขาจะกินไปหลายขวด แต่เขามองไม่ผิดหรอกนะ

     

    ....จุนฮงมากระชากยองแจเข้าห้อง

     

    ตอนนั้นจงออบเหมือนจะลุกไปดูเขาเลยไม่ได้ตามไป พี่ใหญ่สองคนก็เมาเสียจนแผ่หลาบนโซฟา ตัวเขาเลยเอนนอนลงพื้นเย็นเฉียบ เสียงก๊องแก๊งของขวดที่กระทบกันทำให้เขารับรู้ว่าจงออบไปเอาถุงมาเก็บซากที่พวกเรากินกันไว้ สักพักก็รู้ถึงอีกฝ่ายที่คงจะมึนไม่แพ้กันเอนตัวลงนอนที่พื้นเป็นอันเรียบร้อย แต่ตอนนั้นแค่เพียงเปิดตาให้กว้างก็ยากแล้วการที่จะลุกไปดูในสิ่งที่ตนสงสัยก็คงจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า ความมึนเมากำลังกระทบเปลือกตาให้ปิด และแน่นอนว่าก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราเสียงที่คุ้นเคยกำลังกรีดร้องลั่น...

     

    "ตอนเช้ามานายทำตัวปกติเสียจนฉันแปลกใจ คิดไปเองด้วยซ้ำว่าตอนนั้นตาฝาด แต่ก็ต้องขอบคุณมันนะที่กัดต้นคอนายเด่นหราขนาดนั้น ...ไม่คิดจะให้มันรับในสิ่งที่มันก่อหน่อยเหรอ ฮึ?"

     

    ให้พูดยังไงดีล่ะ ... ตอนนั้นตื่นเช้ามาทุกคนก็ยังคงนอนหลับสนิทที่ๆเดิม ลุกขึ้นด้วยอาการแฮงค์นิดหน่อย ก่อนที่จะตรงไปห้องครัวเพื่อหาน้ำเปล่ามากระแทกปาก แต่ทันทีที่เดินผ่านห้องนอนก็เป็นเวลาเดียวกับที่คนด้านในเปิดประตูออกมา ใช่ที่ยองแจทำตัวปกติ แต่สภาพตอนนี้มันย่ำแย่มากๆก็ว่าได้ ดวงตาบวมแดงก่ำ คราบน้ำตาเลอะเต็มตามแก้ม เสื้อที่ใส่ก็ดูยืดเหมือนโดนกระชาก คงจะเหลือเพียงแค่กางเกงยีนส์ตัวเมื่อวานที่ปกติสุด แต่อีกคนกลับมองหน้าเขายิ้มให้เป็นปกติ เดินผ่านเขาไปราวกับไม่มีอะไร ทั้งๆที่ร่องรอยที่โผล่พ้นเสื้อผ้าเด่นหราเสียขนาดนั้น เขาก็ไม่ได้โง่จนดูไม่ออกหรอกนะ....

     

    แอ้ด

     

    เปิดประตูเข้าไปในห้องที่อีกคนออกมาทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำไป ความคิดที่คิดไว้ไม่แปลกไปเสียเท่าไหร่เมื่อเห็นคนบนเตียงเปลือยท่อนบนนอนหันหลังอยู่ รอยขีดข่วนเป็นทางยาวแดงก่ำไปทั่วแผ่นหลังขาว เอาตรงๆคือตอนนี้เขาอยากกระชากไอ้ตัวที่นอนสงบตรงหน้ามาต่อยสักที....

     

    "ลูกคงอยากจะได้พ่อนะ ยิ่งเวลาที่แม่อ่อนแอขนาดนี้.... ลูกคงจะเป็นห่วง" สบตาอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้น มือหนาค่อยๆสัมผัสหน้าท้องอีกฝ่ายที่ไม่ได้ขัดขืนอะไร

     

    "ฉ ฉันดีขึ้นแล้ว ... ไปกันเถอะ" แม้สมองจะคิดตามอีกฝ่าย แต่เมื่อนึกถึงดวงตาที่เข้าใจยากนั่นก็ต้องเป็นอันตัดบท ผลุดลุกขึ้นเอ่ยชวนอีกคน ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ แต่ทันทีที่เปิดประตู ความรู้สึกหลุดพ้นกลับเป็นความกลัวที่เข้ามาแทรกทันที

     

    "จุนฮง!!"

     

     

    ERR




     

    การฝึกซ้อมยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สภาพแต่ละคนชื้นเหงื่อแต่ไม่เท่าอีกคนที่น่าใจหาย เสตปความพร้อมยังคงเป็นไปตามที่ครูผู้ควบคุมกำหนด ต่างจากเจ้าของใบหน้าหวานที่ค่อยๆชะลอทุกอย่างและเผลอทรุดตัวลงนั่งทันที

     

    "พี่ยองแจ...." จงออบที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบโผเข้าหา เรียกความสนใจทุกฝ่ายท่ามกลางเสียงเพลงทันที ฮิมชานรีบวิ่งออกไปเอาผ้าชุบน้ำโดยที่ยงกุกก็รีบวิ่งไปหยิบขวดน้ำกันอย่างรู้หน้าที่ หัวหน้าทีมเต้นตีหน้าเหรอหรา ก่อนจะทรุดตัวเอาเจ้าของชื่อมานอนตักตัวเองแทนน้องคนสนิท "ยองแจเป็นอะไรจงออบ?" พี่ใหญ่เอ่ยถามเรียกท่าทีเลิ่กลั่กของเด็กช่างยิ้ม จงออบเสหน้าหนีส่งสายตาไปที่พี่ใหญ่ในวงที่เหลือ ยงกุกก็ยืนนิ่งอย่างคนไปไม่ถูก แต่แดฮยอนกลับกอดอกมองไปยังอีกหนึ่งชีวิตที่นิ่งเงียบมาตลอด

     

    ....ฉันอยากจะรู้ความคิดนายจริงๆเลยจุนฮง

     

    "พ พี่ข ข เขา..." เสียงจงออบสั่นจนรู้สึกได้ แดฮยอนที่เห็นท่าไม่ดีจึงเลิกที่จะใส่ใจกับเด็กที่ไม่รู้จักโต ก้าวเท้าพาตัวเองมาร่วมวงที่มีเพื่อนสนิทตัวเองหมดสติอยู่ในนั้น

     

    "ผมขอพาพี่ยองแจไปคลีนิกใกล้ๆนี่นะครับ" ไม่ใช่คนเข้าร่วมวงใหม่อย่างแดฮยอน ร่างสูงที่เคยถอยห่างไปติดกำแพงกำมือมองดูเหตุการณ์มาตลอดที่ก้าวเท้าเข้าหา เอ่ยพูดอย่างกับประโยคบอกเล่า ไม่รอพวกเขาที่ยังคงอึ้งตอบรับสักคำ เด็กร่างสูงก็โผเข้ามาอุ้มคนในตักครูผู้สอนออกไปไกลแล้ว

     

    "...กว่าจะรู้หน้าที่นะเจลโล่ยา" แดฮยอนพึมพำกับตัวเอง

    .

    .

    .

    กริ๊ง

     

    เสียงกระดิ่งที่ห้อยไว้กับประตูส่งเสียงแหลม ประตูบานใสถูกดันด้วยหลังหนาก่อนที่จะมีคนภายในมาช่วยอีกแรง ใบหน้าชื้นเหงื่อของคนในอ้อมกอด กำลังทำให้คนพามาทำตัวไม่ถูก รวมไปถึงความซีดเซียวที่หน้าและริมฝีปากนั่นด้วย....

     

    "พี่อีจิน ฝากด้วยนะครับ" เอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไปภายในที่มีร่างที่อีกคนพามาทันที

     

    ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาแทรกกลางไปแยกคนหมดสติออกมา ไม่บ่อยเลยที่เขาจะตั้งสติได้ขนาดนั้น แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็อุ้มอีกคนมายืนอยู่คลินิกข้างบริษัท และยื่นคนในอกส่งต่อคุณหมอคนสนิทไปเสียแล้ว

     

    รู้สึกผิด...?

     

    ไม่ .... ไม่ใช่

     

    เขาได้ยินเรื่องที่แดฮยอนคุยกับอีกคนทั้งหมด เมื่อตอนนั้น เขาคงจะเข้าไปแล้วถ้าจงออบไม่ยื้อแขนเขาไว้ เสียงที่ตอกย้ำตัวเขามันกำลังทำให้ก้อนเนื้อภายในกระตุก ยิ่งสายตาของคนสนิทข้างตัวที่ช็อคกับเรื่องที่ได้ยินมองมา...

     

    "นี่ต้องรับผิดชอบจริงๆสินะ"

     

    ...

     

    เป็นอีกครั้งที่หลังมือขวาถูกเจาะให้น้ำเกลือ คนหน้าหวานมุ่ยหน้าทันทีที่ตื่นขึ้นมาเห็น ยิ่งอาการปวดหนึบที่ขมับและก็....

     

    "อุ๊บ!!" คนบนเตียงลุกลนลุกขึ้นจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำใกล้ตัวทันที มือหนึ่งก็ปิดปากไว้ส่วนอีกมือก็ไม่ลืมคว้าถุงน้ำเกลือแต่ก็ได้ไม่นาน เจ้าถุงบรรจุน้ำสีใสนั่นก็โดนทิ้งขว้างอยู่บนพื้นข้างตัวเจ้าของที่โก่งคอเอาความว่างเปล่าออกมา

     

    แสบคอ....

     

    เพล้ง

     

    ทันทีที่เอื้อมมือไปพยุงตัวที่อ่างล้างหน้า แก้วที่หมิ่นเหม่ก็ลื่นลงกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงทันที

     

    "ยองแจ!!!"

     

    "จ จุน...จุนฮง" ตาฝาด.....เขาตาฝาดใช่ไหม?

     

    "บ บ้าน่า...จะมาได้ไง แค่กๆ" ไม่ใช่ นายเลิกหวังสักทียองแจอา....

     

    มือบางกวักน้ำกระแทกหน้าตัวเอง ต่างจากอีกคนที่กลายเป็นภาพลวงตาจำเป็นที่ทิ้งของทุกอย่างที่ซื้อมาไว้หน้าห้องเมื่อกลับมาและได้ยินเสียงอะไรแตก ทำได้แค่ยืนมองอีกคนที่กวักน้ำล้างหน้าเอาเป็นเอาตาย

     

    หมับ!

     

    "จ จุนฮง..." น้ำถูกปล่อยเลยผ่านไป เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นรอบเอว คนที่เคยคิดว่าเป็นภาพลวงตากอดอีกคนจากด้านหลังเสียแน่น ใบหน้าคมเกยกับไหล่อีกฝ่ายราวกับง้องอน เสียงอู้อี้ที่ถ้าคนอื่นมาได้ยินคงจับใจความไม่ได้แต่มันคงไม่ใช่สำหรับเขา......

     

    "ขอโทษ....."

     

    "ผมมีตัวตน อย่าคิดอย่างนั้นนะ"

     

    "ได้โปรด ยองแจอา...ผมขอโทษ"

     

    .....ถ้านี่เป็นฝัน

     

    "พี่ไม่อยากตื่นเลยจุนฮง" มือบางเอื้อมปิดก๊อกน้ำ ย้ายตัวเองหันมาหาอีกฝ่าย เจ้าของชื่อส่ายหน้ากับสิ่งที่อีกคนพูด ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาซับหยดน้ำที่เกาะเต็มหน้าของคนดื้อที่ไม่ยอมรับความจริงตรงนี้ "ผมมีตัวตน และผมกำลังดูแลพี่อยู่นะ...."

     

    "ไปนั่งที่เตียงนะ น้ำเข้าแผลหมดแล้วมั้งเนี่ย" น้ำเสียงเป็นห่วงเอ่ยพร้อมพลิกดูเข็มที่หลังมือ เก็บผ้าขนหนูพาดกับไหล่ ก้มลงเก็บถุงน้ำเกลือ และค่อยๆจูงอีกคนที่ยังคงไม่อยากเชื่อไปยังที่ๆเดิม

     

    "...คนใจร้าย คนใจร้าย...อ อื้อ" ทันทีที่ทรุดลงเตียง คำบ่นจากคนป่วยก็โดนจัดการด้วยริมฝีปากอีกฝ่ายทันที

     

    ลิ้นหนาละเลียดแตะริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างขออนุญาตให้เปิดรับ เม้มดึงดูดปากอย่างออดอ้อนจนอีกคนเลิกปฏิเสธ เสียงหอบหายใจดังอย่างต่อเนื่องภายในห้องผู้ป่วยเล็กๆ เว้นพักบางจังหวะแต่ดูคนสูงกว่ากลับไม่คิดจะพอ ปรับองศาใบหน้าให้ยิ่งฝังลึกเข้าไปอีก คนนำที่เริ่มต้อนแรงขึ้นทำให้คนโดนจูงต้องรีบตั้งสติ ....ก่อนที่มันจะเหมือนคืนนั้น

     

    "อ อื้อ... แฮก พอ ..พ พอ!" ฝืนผลักอีกฝ่ายก่อนจะตะโกนห้ามลั่น ฝบหน้าหวานแดงก่ำรวมทั้งลมหายใจหอบถี่ อีกฝ่ายที่ผงะเล็กน้อยได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างคนตั้งสติ ถอนหายใจแรงๆเมื่อเผลอมองไปที่กลีบปากบางช้ำที่บวมเปล่งจนเขา....อยากต่อ "ผ ผม ...ผมไปตามพี่จีอินนะ"

     

    เจ้าของเสียงเอ่ยอย่างร้อนรน เอื้อมมือไปหยิบถุงน้ำเกลือที่โดนย้ายไปอยู่บนเตียงมาแขวนที่เดิมก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกห่างก่อนที่เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้

     

    คราวนี้ไม่ได้เมาแล้วนะ ตั้งสติหน่อย....

     

    "อย่า...."

     

    อย่าให้ความหวังกันอย่างนี้สิ

     

    คนบนเตียงได้แต่พึมพำกับตัว

     

     

    ERR

     

     

    ร่างชาวาบเมื่อรับรู้เรื่องที่ได้ยิน หน่วยการตอบสนองแน่นิ่งเสียจนคุณหมอตรงหน้าต้องยื่นมือมาสะกิด ดวงตาร่างสูงกระพริบปริบกลับเข้าสู่โหมดมีสติ แต่ก็แล้วจ้องกลับอีกฝ่ายด้วยดวงตาคาดหวัง.....

     

    หลอกผม.... “หลอกผมอยู่ใช่ไหม....?”

     

    ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองจะออกมาเป็นอย่างไง ไม่รู้ว่าท่าทีที่เผยมาจะไม่น่าดูขนาดไหน ไม่รู้ ไม่รับรู้ ไม่สนใจ.....เว้นเสียแต่เรื่องของอีกคนที่เป็นผู้ได้รับการกล่าวถึง

     

    ตกเลือด....อะไรกัน?

     

    ยองแจล้มมากี่ครั้งแล้วเสียงแหลมของคุณหมอสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ทำเพียงหลบตาและส่ายหน้าเป็นการตอบกลับ

     

    ยองแจท้องกี่เดือนแล้วเธอเป็นหมอใช่ว่าจะไม่รู้ เพียงแต่เธอกำลังคาดหวังกับคำตอบของเด็กตรงหน้าต่างหาก....และก็เหมือนเดิม จุนฮงส่ายหน้า

     

    หมอโรงบาลใหญ่เขาห้ามอะไรกับยองแจบ้างไหม!” ใช่ ตอนนี้เธอกำลังโมโห เสียงที่เพิ่มความดังขึ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้คำตอบเป็นไปในทางตรงข้าม “ถ้าฉันถามแดฮยอน แน่นอนว่ามันจะให้คำตอบฉันได้ทุกอย่าง....แดฮยอนนี่เป็นพ่อเด็กในท้องยองแจสินะ

     

    ไม่ใช่!!”

     

    เธอพูดไปก็แค่ประชดกับเด็กที่ยังคงใส่ใจคนอื่นไม่เป็น ความจริงเธอคิดว่าจุนฮงคงจะเงียบเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นนิสัยตั้งแต่ตอนเป็นเด็กฝึก แต่ครั้งนี้กลับโพร่งออกมา

     

    ยอมไม่ได้สินะ

     

    ....พ่อที่ไม่รับรู้อะไรเลย.....ยื่นหน้าที่ให้กับคนอื่นเถอะ ตัวยองแจน่ะ

     

    ...มีคนต้องการมากกว่าที่นายคิดนะ เชวจุนฮง

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ปัง!

     

    ร่างสูงสาวเท้าเข้าหาคนบนเตียงที่สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังลั่นทันที ดวงตาเข้มที่เต็มไปด้วยความวาวโรจน์เหมือนครั้งนั้นทำให้คนป่วยต้องล่นตัวเองไปชิดกับหัวเตียง....อ๊ะ

     

    จะหลบทำไม?!” เสียงตะคอกพร้อมแรงจับที่ข้อมือบางทำเอาคนโดนบีบแน่นตัวสั่น

     

    จะหลบทำไม!!’

     

    อย่าทำให้ดูใสซื่อนักได้ไหม!!’

     

    จุนฮง...ป ป...เป็นอะไรไป...” เค้นเสียงออกมาอย่างลำบาก เหตุการณ์ในอดีตเริ่มย้อนตีขึ้นสมอง

     

    ลูกผมใช่ไหม บอกมาสิว่าลูกผม บอกมา!!!!”

     

    แรงบีบถูกเลื่อนจากข้อมือมาที่ไหล่บางทั้งสองข้าง แรงเขย่าและแรงบีบอย่างแรงกำลังทำให้อีกคนผวา

     

    พ พี่

     

    ลูกพี่แดฮยอนเหรอลูกเขาเหรอไอ้มารหัวขนในท้องนี่มันของใครก็บอกมาสิ!”

     

    แคว่ก!!

     

    เสื้อถูกฉีกออกท่ามกลางแรงขัดขืนที่พอมีแต่ไม่ได้ช่วยอะไร อีกคนซุกไซ้อย่างคนไร้สติ ไม่ได้ปล่อยวางให้อีกคนได้ให้คำตอบ... “ม ไม่เอา.....

     

    ไม่เอาแบบครั้งนั้นอีกแล้ว.....

     

    คนไข้พี่อีจินอยู่เต็มเลยนะ อยากให้เขาเข้ามาดูหนังสดเหรอ?” ก้มลงกระซิบที่ใบหูบาง อมยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่ออีกคนยอมตามอย่างว่าง่าย ร่างบางพลิกร่างตนเองให้นอนหันหลังราวกับยอมรับ ทั้งความจริงอีกคนกลับปล่อยน้ำตาลงไหลสู่หมอนขาว พร้อมกับแรงกัดลงที่สิ่งนั้นเมื่ออีกคนกดแท่งเนื้อสีสดเข้ามา “อื้อ!!!!....”

     

    อ้อมกอดที่สำนึกผิด คำร่ำร้องที่พึ่งผ่านมา

     

    .....ทำไมเขาถึงต้องตื่นจากความฝันเร็วนัก?

     

    ปล่อย...พี่เจ็บจุนฮง!’

     

    เจ็บ พอแล้ว พอ!’

     

    ไม่ว่าจะครั้งไหน เขาก็ต้องตื่นมาเจอความจริงอยู่ดี....

     

    ม เมื่อไหร่พ่อจะรักแม่สักที” เสียงพึมพำแผ่วเบาพร้อมมือบางที่ร่นไปลูบแผ่วเบาที่หน้าท้องตัวเองครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะจับใจความไม่ได้อีก



     


    ERR



     

    พี่อีจิน จุนฮงกับยองแจล่ะครับ” ฮิมชานที่เข้ามาเป็นคนแรกเอ่ยถาม ก่อนที่จะตามมาด้วยเมมเบอร์ที่เหลือในวงที่พึ่งซ้อมเสร็จทยอยกันเข้ามาในคลินิกเล็กๆนี่ หญิงสาวเจ้าของชื่อรีบจัดยาให้คนไข้คนสุดท้ายร่ำลาตามมารยาท ก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มทั้งสี่

     

    จุนฮงอยู่ที่ห้องน่ะ วันนี้คนไข้เยอะมาก เลยให้น้ำเกลือแจไปขวดก็ยังไม่ได้เข้าไปดูเลยเนี่ย

     

    พี่ยองแจดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” เป็นจงออบที่โพร่งขึ้นถาม รอยยิ้มเริ่มเผยแย้มกว้างมากขึ้นอย่างที่สมควรจะเป็น แต่การที่คุณหมอสาวทำหน้าเศร้ามันกลับทำเอาคนที่เหลือหน้าซีดตามไปด้วย “เอาเป็นว่าไปบอกพร้อมกันให้ยองแจรับรู้ด้วยดีกว่านะ ขอพี่ปิดหน้าร้านแปปนึง

     

    แกร๊ก

     

    ยองแจ!” ร่างที่สมควรนอนนิ่งอยู่บนเตียงกลับนั่งนิ่งอยู่ที่พื้น เข็มน้ำเกลือที่สมควรติดที่หลังมือห้อยต่องแต่งอยู่ข้างๆกายเลือดที่เป็นดวงเล็กบนเตียงเตียงเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าคงหลุดตั้งแต่บนเตียงนั้นแล้ว แต่สภาพอีกคนที่เสื้อฉีกขาดนั่งดวงตาเหม่อลอยด้วยน้ำตานองหน้า พร้อมทั้งสิ่งที่ทุกคนใจหายแทบจะพร้อมกัน “เลือด....” เลือดที่ไหลออกจากที่เจ้าของชื่อนั่งนิ่งอยู่ ไม่นะ!!

     

    ไปบอกพี่ๆให้เตรียมรถเดี๋ยวนี้!!”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    หมับ!

     

    แท้งครับ พี่ยองแจเขาก็แค่แท้ง จะไปโรงบาลใหญ่ๆให้เป็นข่าวทำไม?” มือหนาของเจ้าของเสียงที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำเอื้อมมือมายื้อลีดเดอร์ของวงที่กำลังพุ่งตัวเข้าอุ้มร่างที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุดไว้ เจลโล่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรกที่คุยกับอีจินแล้ว และแน่นอนว่าเรื่องที่หญิงสาวจะเข้ามาพูดก็คงเปนเรื่องนี้

     

    ก็แค่เอามารหัวคนออกไปสักตัว คนสำส่อนแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” คำพูดร้ายๆถูกพ่นออกมาจากปากเด็กที่เคยไร้เดียงสาในสายตาพี่ๆในวง โดยที่เจ้าของเสียงพูดพร้อมทั้งจ้องไปอย่างเมนโวคอล ซึ่งไม่ต้องคาดเดา แดฮยอนเข้าใจถึงความหมายนั้นดี

     

    เด็กๆเขาก็ต้องอยากเกิดกับคนที่คู่ควร ร่านไม่เลือกเขาอยากไปก็ถูกแล้ว...” ทุกคนในห้องได้แต่ยืนนิ่งตกใจกับท่าทีและคำพูดของน้องเล็ก คงมีแค่แดฮยอนที่เดินก้าวเข้ามาใกล้พร้อมคำพูดที่แม้จะสั้นแต่กลับสามารถบาดเข้าถึงอีกคนจนเป็นอีกคนที่ยืนนิ่งไปเสียเอง ก่อนที่จะก้มลงอุ้มร่างเพื่อนรักที่ยังคงปล่อยน้ำตาลงออกจากตาตามแรงโน้มถ่วงเดินผ่านคนอื่นที่พึ่งรับรู้ความจริงที่เหลืออกไป

     

    แต่มารหัวขนนั่นมันคือลูกของนาย

     

    ...เชวจุนฮง


    ...

     

    กลิ่นยาและชุดที่ปักตัวอักษรเรียงกันเป็นชื่อโรงพยาบาลนี่ ทำเอาคนที่พึ่งสะลึมสะลือตื่นไม่ต้องสงสัยกับสถานที่ที่ตนอยู่มากมายนัก อาการเสียดที่ท้องน้อยทำเอาคนที่กำลังพลิกตัวต้องกัดปาก ก่อนที่จะตามมาด้วยน้ำตาจากไหนไม่รู้มากมายไหลออกตามทางโดยที่มือ
    กลับลูบท้องที่
     'ว่างเปล่าไปมา....

     

    แกร๊ก

     

    มีเพียงแค่เสียงเปิดปิดประตูแผ่วเบาเท่านั้นที่ดังขึ้น คำพูดเอ่ยถามหรือเสียงอะไรก็แล้วแต่ไม่แม้แต่เล็ดลอดเว้นแต่เสียงฝีเท้าและเสียง
    ลมหายใจของผู้มาใหม่

     

    "..." ความเงียบเริ่มต่อเนื่องเหลือเพียงแค่เสียงสะอื้นฮักของคนบนเตียงทันทีที่ทุกคนนั่งลงประจำที่ที่คิดว่าไม่เป็นการรบกวนคนป่วย
    และก็แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็คือความเงียบอย่างเต็มรูปแบบ

     

    "ผมอยาก...ย อยากกลับบ้าน" เสียงยองแจมันเบาเสียจนแทบจะจับใจความไม่ได้ แต่ฮิมชานที่นั่งอยู่ริมเตียงของคนป่วยที่นอนหันหน้าไปยังกระจกใสที่โดนรูดม่านสีครีมบังก็หันมาขยายความกับจงออบที่นั่งอยู่กับแดฮยอนที่โซฟา และไม่ลืมยงกุกที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล "ยองแจอยากกลับบ้าน...."

     

    "บ้าน บ้านของนาย....ไม่ใช่ที่หอใช่ไหม?"

     

    "บ้าน..บ้านของผม บ้านที่ไม่มีเขา"

     

    .

     

    .

     

    .

     

    บ้านของผม บ้านที่ไม่มีเขา.....ได้ยินแค่นี้ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอจุนฮงอา

     

    ร่างสูงยืนนิ่งจ้องสายตาผ่านกระจกช่องเล็กที่บานประตู พยาบาลที่เดินผ่านไปมามองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายทำเพียงแค่กำประตูที่แง้มไว้ไม่ได้เปิดประตูกว้างและพาตัวเองเข้าไปอย่างที่ควรจะเป็น เขาตั้งใจที่จะเข้าไปไม่ว่าจะผลอย่างไรก็ตาม แต่
    แค่เพียงเปิดเข้าไปเพียงนิด......

     

    "ที่ๆไม่มีผม....งั้นเหรอ"

     

    ไม่ต้องแคร์สิจุนฮง แคร์ทำไม ตลอดมานายก็ปัดความรับผิดชอบออกห่างตัวไม่ใช่เหรอ....แม้แต่ลูกตัวเอง

     

    นายยังทำเขาลงเลย....

     

    "ไม่มีผม พี่ก็อยู่ได้สินะ"

     

    ปัง!

     

    ประตูที่แง้มอยู่ถูกปิดลงอย่างแรงตามอารมณ์ที่ครุกกรุ่น ร่างสูงสาวเท้าก้าวออกจากที่นั่นท่ามกลางคนภายในห้องที่สะดุ้งไปตามๆกันไม่เว้นแม้แต่คนบนเตียงที่สะดุ้งเฮือกเหมือนรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง ..... "จุนฮง"

     

    "แดฮยอนนายออกไปดูหน่อย" เจ้าของชื่อรับคำก่อนที่จะลุกจากโซฟาออกไป เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นักเพราะก็รู้ๆกันว่าเจลโล่ก็ออกมาพร้อมๆกับพวกเรา และดูเหมือนคงจะเริ่มมีความรู้สึกนึกคิดกับเขาบ้างเลยไม่กล้ามาสู้หน้าอีกคน แต่ก็ยังจะเรียกร้องความสนใจ
    แบบผิดๆอยู่ดี ...เด็กชะมัด

     

    "ปัญญาอ่อน" ฝีเท้าชะลอจนกลายเป็นหยุดนิ่งก่อนที่จะพูดขึ้นลอยๆ ทั้งที่หลักความจริงคือพูดให้กระแทกหูของคนที่ยืนรอลิฟต์ตรงหน้าที่เขาเดินตามมาต่างหาก "เด็ก"

     

    "และก็อีกอย่าง...."

     

    ".....โง่"

     

    "จองแดฮยอน!!"

     

    หมับ!

     

    กำปั้นลุนๆที่ร่างสูงกว่าเตรียมเหวี่ยงใส่ถูกจับไว้ด้วยท่าทีสบายจากเจ้าของชื่อ แดฮยอนส่ายหน้าระอาเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือที่กำแน่นนั่นออกจากการจับกุม "ไม่มีสติอย่างนี้ จะต่อยกี่ทีก็ไม่โดนฉันหรอก...."

     

    เสียงตอบรับจากอีกคนคือความเงียบ เชวจุนฮงหันหลังให้อีกฝ่าย ใช้มือทั้งสองขยี้หัวตัวเองอย่างแรงเปรียบฟื้นคืนสติเรียกหาความแน่นอนที่เคยมีมากกว่านี้จากตัวเอง

     

    "ผ ผมทำอะไรลงไป.... ผมทำบ้าอะไรลงไป!!!!"

     

    "มีสติหน่อยจุนฮง นี่โรง'บาลนะ" คนที่มีศักดิ์เป็นพี่พุ่งเข้าหาน้องเล็กที่เริ่มทรุดตัวลงนั่ง ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวแดงก่ำ เอ่ยเรียกสติคนที่เริ่มสงบหลังจากโวยวายลั่นอยู่คนเดียว....

     

    "ผ ผม ผม...ฮึก พี่แด ผมควรจะทำยังไงดี"

     

    "ฮึก ผ ผมฆ่าลูกตัวเอง ผมทำร้ายพี่ยองแจ ผม อึก ท ทำร้าย....."

     

    "ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก พี่อีจินบอกพวกเราแล้วว่าเด็กไปได้สักพักแล้ว ไม่ใช่ความผิดนายโอเคไหม ...ตั้งสติหน่อย"

     

    พี่ตามอารมณ์นายไม่ทันจริงๆเลย ....เชวจุนฮง

     

    .

     

    .

     

    .

     

    สภาพหอเงียบสงบ หอพักที่ควรครื้นเครงกลับสงบเสียจนหน้าใจหาย เสียงลีดโวคอลที่ควรจะไล่กวนประสาทพี่รองหายไป พร้อมๆกับ
    มักเน่ของวงที่มีลมหายใจแต่ก็เหมือนไม่มีอยู่....

     

    'ถ้าขอพรได้สักข้อ ผมอยากจะให้พี่ยองแจมีความสุขตลอดไป'

     

    เสียงเด็กน้อยเมื่อครั้งอดีตตอนเป็นเด็กฝึกทำเอายงกุกต้องขยี้หูตัวเองเมื่อนึกถึงตอนนั้น ร่างสูงของพี่ใหญ่จัดการเรียกสติตัวเองเดินเข้าหอไปอย่างที่ควรจะเป็นมากกว่ายืนนิ่งอยู่หน้าตึกสูงนี่หลังจากพาอีกคนไปส่งที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย 

    ผมเป็นคนหนึ่งที่โกรธจุนฮงไม่ลง ....และผมก็ให้อภัยจุนฮงไม่ลงเหมือนกัน....

     

    'พี่ยองแจ ผมชอบพี่ยองแจ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปอ่ะพี่เขาดูน่ากลัวไงไม่รู้'

     

    'และนายจะให้ฉันเข้าไปเนี่ยนะจุนฮง'

     

    'โด่....ผมก็แค่เด็กอายุ14พี่จะช่วยน้องคนนี้ไม่ได้เหรอพี่ยุงกุกอา......'

     

    เด็กน้อยที่เคยใสซื่อ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นเด็กร้ายกาจได้ขนาดนี้กัน...?

     

    ว่าภายนอกเงียบแล้ว เข้ามาภายในกลับเงียบกว่านับสิบ อาหารมื้อเย็นที่ตอนนี้ทั้งสี่คนร่วมโต๊ะกันมันช่างดูกระอักกระอ่วนอย่างไรชอบกล คนอื่นก้มหน้าก้มตากินอย่างเงียบๆ เว้นเสียแต่หนึ่งในนั้นที่ทำเพียงจับตะเกียบแล้วมองเก้าอี้ว่างเปล่าตรงข้าม....

     

    ที่ของยองแจ

     

    "เขา....ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?" น้ำเสียงที่อ่อนลงจากคนที่เหม่อลอย ทำเอายงกุกที่กำลังทรุดนั่งที่ประจำตัวเองแปลกใจ ดวงตาที่ดูฉ่ำมองมาประกายเต็มไปด้วยความหวัง แต่คนโดนถามก็ทำได้เพียงหลบตาก่อนจะจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเงียบๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหมายความไปทางเมิน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบออกไปอย่างไรดีก็เท่านั้นเอง.....

     

    "ผมอิ่มแล้ว" คำพูดตามมารยาทครั้งสุดท้าย ก่อนที่คนที่เอ่ยถามเมื่อครู่จะผลุดลุกออกจากโต๊ะไปยังห้องนอนทันที พร้อมกับเสียงประชดประชันที่ทำเอาพี่ชายที่เหลือกุมขมับ "เดี๋ยวผมจะไปบ้านเขาเอง"

     

    "พี่บอกได้ก็แค่..... อย่าโผล่หน้าไปหายองแจตอนนี้" สุดท้ายยงกุกก็ต้องพูดขึ้น ใจจริงเขาอยากจะเงียบไว้แต่มันก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยและดูเหมือนมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ล่ะนะ .....นี่แค่บางอย่างที่ยองแจสั่งเขาไว้ บางอย่าง.....

     

    ยองแจดูต่อต้านจนเขายังไม่กล้าแย้ง

     

    "เดี๋ยวยองแจจะมาเอง หวังว่านายจะเข้าใจนะจุนฮง"

     

    อย่าทำให้ยองแจต่อต้านไปมากกว่านี้เลย

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ทุกคนต่างรับรู้ถึงความแปลกไปของลีดโวคอลของวง จะรวมถึงคนใกล้ตัวหรือแม้ห่างตัวก็ง่ายที่จะรู้สึกจนน่าใจหายความคิด

     

    คำพูด

     

    การกระทำ

     

    .....ทุกอย่างล้วนตรงข้ามไปเสียหมด สำหรับการปฏิบัติกับเชวจุนฮง

     

    "ธาตุอากาศอย่างสมบูรณ์แบบ"

     

    เพี๊ยะ!

     

    "ตีทำไมอ่ะจงออบ พี่พูดความจริงหนิ!" เมนโวคอลที่โดนเจ้าของชื่อฟาดเข้าที่แขนโวยลั่น สายตาเหวี่ยงๆถูกส่งให้กับหนึ่งในมักเน่ไลน์ก่อนที่จะเสตามคนที่ตัวเองกล่าวถึง

     

    ก็อีกหนึ่งในไลน์นั้นล่ะนะ

     

    จุนฮงทำเพียงแค่นั่งอยู่นิ่งๆ จ้องมองอุปกรณ์4สีที่ยังคงขยับภาพไปมาบนหน้าจออย่างคนตัดขาดโลกภายนอก

     

    แกร๊ก

     

    ร่างบางโผล่พ้นประตูห้องนอนออกมาหลังจากชำระร่างกายและแต่งตัวเรียบร้อย ดวงหน้าหวานใสเงยขึ้นยิ้มสบตาบุคคลที่นั่งอยู่บนโซฟาตามความเคยชินลากเท้าเดินเข้ามาผ่านบุคคลที่นั่งตรงพื้นราวกับอีกคนไม่มีตัวตน "แดฮยอนอา จงออบอา เย็นนี้ไปโรง'บาลกับฉัน
    นะ"

     

    ".....พี่เป็นอะไร"

     

    "นะ นะ ไม่อยากกวนพี่ยงกุกกับพี่ฮิมชาน....."

     

    "...ทำไมต้องไป"

     

    "ฉันถือว่าพวกนายตกลงแล้วนะ ฉันไปกินข้าวก่อนดีกว่า"

     

    "ผมว่าผมถามพี่อยู่นะ!"

     

    แดฮยอนและจงออบสะดุ้งเฮือกทันที เสียงที่คอยแทรกกลางเวลาที่ลีดโวคอลพูดแน่นอนว่าไม่ใช่ของพวกเขา จุนฮงที่นั่งนิ่งอยู่ที่พื้นหันมาเอ่ยถามอีกคนทันทีที่อีกฝ่ายพูดเอ่ยชวนคนบนโซฟา แต่ทางนั้นกลับไม่ได้ใส่ใจตรงกันข้ามร่างบางกลับแย้มยิ้มเป็นปกติสุข จนถึงตอนนี้ถึงร่างสูงของน้องเล็กจะลุกขึ้นมาตะคอก....

     

    ยูยองแจก็เดินผ่านไปอยู่ดี

     

    "ยูยองแจ!!!!"

     

    "เจลโล่!" ไม่ทัน มือของคนบนโซฟาทั้งสองไม่ทันยื้อตัวร่างสูงที่โวยลั่นเร่งฝีเท้าหาอีกคน แดฮยอนรีบวิ่งตามไป ไม่ลืมที่จะบอกจงออบให้ไปตามพี่อีกสองมา ....ให้ตายเถอะ!

     

    ปัง!

     

    ร่างบางถูกกระชากเข้าห้องน้ำที่เป็นทางผ่านระหว่างทาง ประตูถูกอีกฝ่ายปิดตามแรงโทสะ และแน่นอนมันถูกลงกลอนเรียบร้อย"ปล่อย!"

     

    "เดี๋ยวนี้ขึ้นเสียง?!"

     

    "ปล่อย!!"

     

    แขนได้รับการปล่อยปล่อยอย่างที่อีกคนเรียกร้อง ดวงตาหวานสบจ้องกับอีกคนที่เลื่อนตัวเองมาบังประตูไว้อย่างไม่เกรงกลัว ....ใช่

     

    ถึงแม้ดวงตาจะคลอไปด้วยน้ำสีใสก็ตาม

     

    "ผมถามทำไมไม่ตอบ ผมพูดด้วยทำไมถึงเมิน ผมก้าวเข้าหาทำไมถึงเลือกถอยห่าง ผมลดตัวมาขนาดนี้อย่ามาทำให้ดูมีค่านักได้ไหม!!...." คำพูดที่ไม่เข้าใจความหมาย ท่าทีที่เหมือนคนโดนตะคอกใส่ผิดเต็มๆนี่ "พี่รู้แล้ว...."

     

    "...??!!...."

     

    ".....พี่ไม่มีค่าสำหรับนายพี่รู้แล้ว ....พี่ไม่เหลืออะไรให้เสียอันนั้นพี่ก็รู้ ในเมื่อคนที่ได้มันทิ้งขว้าง มีความจำเป็นที่พี่ต้องสำนึกด้วยเหรอพี่ตีออกห่างเจลโล่จะก้าวตามพี่ทำไม การก้าวตามมันเหนื่อยพี่รู้ดี และตอนนี้พี่ก็หยุดมันแล้ว...... พี่หยุดตามนายแล้ว"

     

    "ที่ไม่ตอบที่ทำเมินเพราะมันเป็นความต้องการของคนๆหนึ่ง คนๆหนึ่งที่อยากปกป้องตัวเองบ้าง คนๆหนึ่งที่สูญเสียสิ่งสำคัญ คนๆหนึ่งที่หนีจากความฝันจอมปลอมก็แค่นั้น..."

     

    "พ พี่ ยองแจ...."

     

    "จะทำเหมือนวันนั้นก็ได้นะ จะกระชากพี่จะยัดเยียดความโสมมนั่นให้พี่ก็ได้นะ พี่ขัดใจเราขนาดนี้ตบพี่ก็ได้ ได้โปรดเถอะ ...ได้โปรดตอนนี้พี่คิดถึงลูก ทำให้พี่ตื่นจากตวามคิดบ้าๆนี้ที....."

     

    "บอกว่าให้ทำไงเล่า! ทำเหมือนเดิม อย่ามาสมเพชฉัน ไม่มีอีกแล้วไอ้งั่งนั่นน่ะ ไม่มีไอ้ยูยองแจคนนั้นอีกแล้ว!!!"

     

    "ท ทุกอย่าง อึก มันไม่มีคำว่าเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เชวจุนฮง...."

     

    "ผ ผม..."



     

    ERR





    'ผมเจ็บ ขาผมพลิกแน่เลย ฮึก'

    'ไม่เป็นไรนะจุนฮงอา มา ขี่หลังพี่เนาะไปหาพ่อพี่อีจินกัน'

    'ผ ผม ฮือ....'

    'ไม่เอาไม่ร้อง จุนฮงโตแล้วนะ ป่ะ ขึ้นมา ตัวนายเล็กนิดเดียว พี่พาไปสบายอยู่แล้ว'

    '....ขอบคุณ อึก นะครับ...พี่ยองแจ'

     



    'ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ไม่มาหาผมเลย ตั้งแต่มีเด็กใหม่คนนั้นมา...'

    'พี่ต้องฝึกเสียงกับแดฮยอน นายก็รู้ เราจะเดบิวต์แล้วนะจุนฮงอา คิดเยอะๆหน่อยสิ'

    'ผม15แล้วนะ! พี่คิดอะไรกับมันกันแน่!! อย่าคิดว่าผมดูไม่ออกนะ'

    'พี่ว่าเราคุยไม่รู้เรื่องกันไม่รู้เรื่องแล้ว ทำไมยิ่งโตยิ่งเป็นแบบนี้นะจุนฮง....'

     



    'เวทีแรก ทำไมถึงไม่ไปดูผม?!'

    'แดไม่สบาย.... เป็นยังไงบ้าง ผลตอบรับดีไหม?....น่าอิจฉานะ ได้เดบิวต์ยูนิตย่อยก่อนเนี่ย ฮะฮะ'

    'พี่ใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับพี่แดฮยอนอีกแล้ว!!'

    'จ จุน....'

    'โธ่เว้ย!!.... พี่นี่มัน ฮึ่ย!....'

     



    'จุนฮงกินเยอะไปแล้ว นี่นายพึ่ง17เองนะ...'

    'อย่ายุ่งน่า!... ทีพวกพี่เขาล่ะ'

    'นั่นพี่เขาโตแล้ว มีความรับผิดชอบพอ นายน่ะพอเลย...วางแก้วซะ เราแค่ฉลองเรื่องชาร์ตนิดหน่อย ไม่ต้องกินเยอะขนาดนั้นน่า!!'

    'ฮึ!...รับผิดชอบ?'

    'จุนฮ ฮ.....'

    'มาลองดูไหมล่ะครับ ยูยองแจ!....ลุกมานี่!!!'



    .

     

    .

     

    .

     

    เงียบ.... มันเงียบสงบจนรู้สึกหดหู่ แสงอาทิตย์ยามบ่ายยังคงความร้อนแรงทอแสงผ่านม่านเล่นเอาคนที่นอนแผ่ต้องโวยขึ้น

     

    "ยองแจ!!!....ปิดม่านให้หน่อย" เสียงพี่รองโวยลั่นและแน่นอนว่าเจ้าของชื่อก็รีบเดินมาทันที "ใครให้พี่มานอนที่พื้นตรงนี้เล่า!!"

     

    ตอนนี้เหลือเพียงร่างบางของยองแจและพี่รองของวงอย่างฮิมชานที่เป็นผู้กอบกุมห้องพักเล็กของวงเพียงเท่านั้น เพราะสมาชิกที่เหลือถูกเรียกตัวด่วนเข้าบรษัทไปเมื่อตอนสาย ทิ้งไว้แต่คนขี้โวยวายกับคนขี้บ่นให้อยู่ด้วยกัน "ก็ช่างเหอะ ไปปิดม่านไป ไม่ต้องมาบ่นฉันเลย"

     

    คนโดนใช้ได้แต่หลุดยิ้ม เดินก้าวผ่านพี่ชายคนสนิท เอื้อมคว้าผ้าม่านปิดตามที่อีกคนว่า ก่อนที่จะเดินมานั่งยองๆตรงศรีษะพี่ชายที่หลับตาพริ้มเสียสนิท

     

    "มีอะไรหรือเปล่า?" ดวงตาเปิดขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยถามอีกคน ดวงหน้าหวานฝ่ายตรงข้ามยิ้มน้อยๆก่อนที่จะทรุดนั่งขัดสมาธิ ยกศรีษะพี่ชายลงบนตักตัวเอง "ขอบคุณสำหรับเมื่อเช้านะครับ...ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้"

     

    "ไม่ต้องมาพูดเพราะเลยยูยองแจ เผยสันดานตัวจริงมาเลยนะ แกพูดอย่างนี้แล้วฉันสยองว่ะ ฮะฮะ" เอาจริงคือเขาก็ไม่ได้สมควรได้รับคำขอบคุณตามที่อีกคนว่าเท่าไหร่นักหรอก เมื่อตอนที่จงออบวิ่งมาตามเขากับยงกุกตอนนั้นเขาโมโหจนแทบขาดสติเลยก็ว่าได้ แต่ทันทีที่ไปถึงร่างสูงของน้องเล็กที่ออกมาด้วยดวงตาเจ็บปวดนั่นแน่นอนว่ามันทำให้สติเขากลับมาเกือบร้อย ก็ได้แค่พูดเตือนสติอีกคนไปก็เท่านั้น

     

    'นายน่ะ รักยองแจมานานไม่ใช่เหรอ.....อย่ายอมแพ้ไปซะก่อนล่ะ'


    "พี่ไม่คิดว่านายจะดูไม่ออกนะ" เอ่ยบอกเจ้าของตักที่ทำเพียงยิ้มอ่อนๆ แต่อยู่ๆดวงตาหวานก็หม่นลงเสียเฉยๆ ...ทำไมกันนะ?

     

    "ผมพึ่งรู้จริงๆครับ รู้... มารู้ในวันที่ผมเลือกแล้ว"

     

    "......??"

     

    "ผมเลือกที่จะตัดใจจากเขาแล้ว...มันโอเคใช่ไหมครับ พี่ฮิมชาน?....."

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ระยะห่างที่เคยติดลบกลับบวกเพิ่มเสียจนกลายเป็นเหินห่าง คำพูดคำจาท่าทีสนิทชิดเชื้อมีเพียงแค่อยู่ต่อหน้ากล้องเป็นผักชีโรยหน้านับวันเส้นด้ายสีแดงที่กามเทพผูกติดผิดมันกำลังโดนคลายมนต์ไปเสียทุกที .....ด้ายแดงมันหลวมเสียจนน่ากลัว

     

    "จุนฮง นายโอเคใช่รึเปล่า?" ลีดเดอร์ของวงเดินเข้าหา มือที่ว่างก็ปลดเสื้อคลุมที่ถ่ายแบบมาเมื่อครู่พาดไว้ทางผ่านใกล้ตัว ดวงตาท่มืดหม่น ยิ่งสบเข้าไปก็ยิ่งรับรู้.....เด็กน้อยของเขา

     

    เชวจุนฮงเมื่อ3ปีที่แล้ว เด็กคนนั้นกลับมาแล้ว....

     

    "ผมทำอะไรลงไปบ้างกันนะพี่ยงกุก หึหึ" ร่างสูงโปร่งที่นั่งกอดเข่าจ้องมองกระจกภายในห้องแต่งตัวพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะขึ้นจมูกรวมถึงมือที่ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเอง ดวงตาที่ถูกตกแต่งเริ่มเปรอะเปื้อนเมื่อมันถูกชะล้างด้วยน้ำตา..... น้ำตาที่ไหลลงมาจากผู้ชายที่ชื่อเชวจุนฮง

     

    "ผมรักเขา ผมรักเขา ผ ผมฮึก ผมรักยองแจ.... แต่นี่ผมทำบ้าอะไรกันวะแม่ง!!!"

     

    "จุนฮง!!" ร่างพี่ชายรีบโผเข้าหาน้องคนสนิทตัวเองทันทีเมื่ออีกคนปล่อยมือที่กอดขาตัวเองมาตบใบหน้าตัวเองเสียเต็มแรง ...ให้ตายเถอะ "อย่าทำตัวไร้สติไปมากกว่านี้ได้ไหมฮะ!"

     

    "ไอ้เด็กคนนั้นที่วิ่งโล่ตามเรียกหาพี่ยองแจๆมันหายไปไหน?!"

     

    "ไอ้เด็กที่โดดซ้อมไปฝั่งเสียงแล้วกลับมายิ้มบ้าที่ห้องซ้อมเต้นอยู่คนเดียวมันหายไปไหน?!"

     

    "ไอ้เด็กคนนั้นมันมีสติกว่านีิ ไอ้เด็กคนนั้นมันไม่เคยทำร้ายคนอื่นหรือแม้แต่ตัวเองแบบนี้!! กลับมาสักที เอาตัวตนตัวเองกลับมาสักที เชวจุนฮง!!!" ดูเหมือนความอดทนของยงกุกก็เริ่มที่จะขาดเช่นเดียวกัน การที่อีกคนเอาแต่ทำร้ายตัวเองจมอยู่กับเรื่องเดิมๆมันไม่ใช่แล้ว แต่ก่อนก็ยังเห็นวิ่งโล่หน้าด้านเข้าหา รอยยิ้มสดใสมันหายไปไหนหมด เขาไม่เข้าใจจริงๆ.....

     

    "ผ ผม ...ผมทำให้ลูกผม...."

     

    "พี่อีจินบอกว่าไงพวกฉันก็ย้ำนายกี่ครั้งแล้วฮะ?!"

     

    "ผ ผม ผมไม่รู้พี่ยงกุก ....ผ ผม"

     

    "ก็ถ้ายังทำตัวเป็นขยะแบบนี้ แล้วยังหวังให้เขามามอง ก็ไปตายซะเชวจุนฮง...."

     

    ใครจะคิดว่าประโยคสุดท้ายจะมาจากเด็กที่เพรียบพร้อมไปด้วยรอยยิ้มอย่าง 'มุนจงออบที่พึ่งเดินเข้ามากัน

     

    ทุกอย่างราวกับย้อนไปในอดีต รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความใสซื่อ ...

     

    ร่างสูงโปร่งของมักเน่ที่เดินตามลีดโวคอลต้อยๆไปเสียทุกแห่ง หยิบนู่นช่วยนี่เสียจนคนมองรอบตัวได้แต่อมยิ้มเพราะมันราวกับภาพซ้อนทับในอดีตที่แต่ก่อนจุนฮงมักจะติดพี่ชายคนนี้แจเสียจนแม้แต่ประธานของค่ายยังรับรู้ เดินตามปรนนิบัติราวกลับทาสรับใช้ แต่ดูเหมือนคนนั้นจะเต็มใจ แต่อีกคนทำท่าจะร้องไห้เข้าไปทุกที

     

    ร่างบางก้าวเท้าเร่งความเร็วออกมาจากบริษัท เดินตรงสู่สวนสาธารณะด้านข้างอย่างไม่ชะลอฝีเท้าให้กับคนที่ตามมาได้เดินประชิด...อยากหนี

     

    หนีไปให้ไกล

     

    "ออกมาแบบนี้ เดี๋ยวน้ำค้างลงหัวนะครับ"

     

    "ฝนพึ่งตกไป กลับเข้าข้างในเถอะ" เจ้าของเสียงที่รีบเดินตามมาเอ่ยขึ้นก่อนที่จะลืมตัวคว้ามืออีกฝ่ายมากอบกุม อย่างเคยชิน

     

    เพี๊ยะ

     

    มือถูกสะบัดออกโดยทันที พร้อมกับดวงหน้าคมที่หันไปตามแรงประทะที่อีกฝ่ายตะวัดมือนั่นเข้ากระทบเนื้อแก้มอย่างไม่ยั้งมือ

     

    "...ล เลิกยุ่งกับฉันสักที!!" ไม่ใช่คำพูดที่อยากบอกออกไป 'ทำไมนี่คงเป็นสิ่งที่อีกคนอยากรู้มากกว่าประโยคสั่นๆที่เลือกนำมันไปแทนที่

     

    ทำไมถึงยังจะรังควานเขาอยู่ ...ทำไม

     

    "กลับเข้าข้างในก่อนเถอะครับ น้ำค้างลงแล้ว" มือหนากำมือตัวเองทั้งสองข้างแน่นเพื่อระงับอารมณ์ครุกกรุ่นที่ติดเป็นนิสัย

     

    "พี่ถามนายอยู่..."

     

    "เดี๋ยวพี่ไม่สบาย"

     

    "เชวจุนฮง!!!"

     

    ฝนเริ่มที่จะโปรยปรายลงมาอีกระลอก เสียงตะโกนของอีกฝ่ายไร้ผลทันทีเมื่อคนสูงกว่าเลือกที่จะไม่ใส่ใจคว้าหมับเข้าที่มือก่อนจะออกแรงจูงแม้มันจะไม่ต่างจากการบังคับก็ตาม "...เดี๋ยวไม่สบาย" เข้าข้างในจะตบเขาอีกกี่รอบก็ได้ แต่ตอนนี้ช่วยเดินตามมาก่อนเถอะนะครับ

     

    "จุนฮงนายทำอะไร!!" ฮิมชานที่เห็นอีกฝ่ายลากอีกคนมาก็รีบผวาตัวออกไปหาทันที เจ้าของชื่อปล่อยมืออย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่พี่รองของวงจะหันรีหันขวางตรวจสำรวจร่างกายของคนที่โดนลากมาที่ราวกับไร้ตัวตนเพราะดวงตาที่เหม่อลอยนั่น "มันทำอะไรนายยองแจ" และก็มีแค่การส่ายหน้าเป็นการเอ่ยตอบก่อนที่อีกคนจะละจากพี่ชายมาตรงหน้าน้องเล็กที่หันหลังให้ตัวเอง

     

    "ต้องการอะไร?....." ทางเดินว่างเปล่ากลับหนาวเหน็บด้วยเสียงเรียบนิ่งเย็นชาของคนที่มักจะมีรอยยิ้มเป็นเพื่อนคู่กายเสมอ ก่อนที่มันจะตามมาด้วยประโยคและการกระทำที่ทำให้จุนฮงและฮิมชานตกใจไม่แพ้กัน

     

    "หรือนายต้องการตัวฉัน?" เสื้อที่ปกปิดร่างกายถูกเหลิกขึ้นจนสุดท้ายก็หลุดออกจากตัวและโยนมันใส่หน้าคนเด็กกว่าเต็มๆใบหน้า จุนฮงทำได้แค่เสตาหลบ ต่างจากฮิมชานที่รีบถอดเสื้อคลุมตัวเองยื่นให้อีกคน ก่อนจะพยายามลากคนที่จ้องอีกฝ่ายไม่กระพริบนั่นเข้าห้องซ้อมที่สมาชิกที่เหลืออยู่ที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ "นายบ้าไปแล้วเหรอยองแจอา" พร้อมกับเสียงพึมพำที่เอ่ยเอ็ดร่างบาง ทิ้งอีกคนที่ทำได้แค่ก้มลงเก็บเสื้อสีขาวนั่นกอบกุมมันแน่น "ไม่ใช่แบบนี้"

     

    "......ผมแค่ต้องการให้พี่กลับมารักผมก็เท่านั้นเอง"


    ERR





    "ทำไมทำแบบนั้นหะ! ถ้าไอ้หมอนั่นมันเกิดบ้ามาอีกไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไง!!" เข้ามาไม่ทันไรก็ตะโกนเอ็ดเสียจนสมาชิกที่เหลือลุกฮือดวงหน้าหวานหันหนีก้มหน้าไล้สายตามองพื้นเป็นคำตอบที่ทำเอาฮิมชานได้แต่ถอนหายใจยาว "ถ้าเจ็บนักก็อย่าฝืน"

     

    "ผมไม่ได้ฝืน..."

     

    "ก็ถ้าเลิกรักมันยากนักก็แค่รักมันกลับมันยากอะไรนักหนา!!!!" ให้ตายเถอะ...คิมฮิมชานอยากจะตบปากตัวเองเสียจริง เขาลืมตัวโวยวายใส่อีกคนเสียจนเรียกว่าตะคอกก็ไม่แปลกนัก ฮิมชานขยี้หัวตัวเองก่อนจะถอนหายใจหนักๆเมื่อสามคนที่เหลือมองมาเหมือนจะตำหนิเขา ...ขอควบคุมอารมณ์หน่อยละกัน

     

    "ฉันไม่อยากรักเขา ฉันไม่อยากรักเขาแล้วแด ฮึก.. ไม่เอาแล้ว ม ไม่ไหวแล้ว..." ทันทีที่แดฮยอนก้าวเข้ามารับที่แทนอีกคนที่ออกไปสงบสตินอกห้อง ร่างที่ราวกับโดนมนต์สะกดเมื่อครู่เริ่มส่ายหน้าพร่ำเพ้อราวกับจะขาดใจ ดวงตาใสพร้อมใจกันเปล่งหยดน้ำออกมาเปรอะเปื้อนใบหน้า ที่กำลังแสดงความอ่อนแอเข้ามาทุกที

     

    จริงอยู่ที่แดฮยอนอยากจะเอ่ยบอกในสิ่งที่ไม่ต่างจากพี่รองพูดเมื่อครู่เพราะต่างฝ่ายต่างรักทำไมถึงไม่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายดาย แต่ความเลวร้ายที่แม้จะไม่เคยผ่านมากับตัวถ้าลองเป็นเขา การเลือกที่จะกลับไป...มันก็เป็นตัวเลือกที่เจ็บปวดเจียนตายไม่ต่างจากกัน....แต่ว่านะ

     

    "...ท่าทางเจ็บปวดของหมอนั่น ก็ทำให้นายเลิกไม่ได้ใช่รึเปล่ายองแจอา"

     

    "ฉ ฉัน"

     

    "ลองเสี่ยงไหม?"

     

    .

     

    .

     

    .

     

    บางทีก็ได้แต่ถามกับตัวเองว่า 'ทำไมทั้งๆที่เหมือนจะเข้าใจ แต่สุดท้ายคำถามนี้ก็ยังคงหลอกหลอนเขาทุกที...

     

    "บางทีพี่ก็ควรฟังเสียงหัวใจตัวเอง" เสียงของมักเน่คนรองชะงักการกระทำของผู้ถูกกล่าวถึงได้ไม่น้อย ร่างบางที่กำลังจัดแจงเจ้ายาหลากสีเข้าปากกลับนั่งนิ่งวางแก้วน้ำไว้เคียงคู่เหมือนเดิม

     

    เขาพึ่งกลับจากโรง'บาล ไปตรวจเช็คสภาพร่างกายตามที่แพทย์สั่ง มันก็ไม่มีอะไรให้ใจหายก็แค่รอวันที่เลือดเสียที่ยังคั่งค้างอยู่หมดไปก็เท่านั้นเอง แต่ตั้งแต่กลับมาเขายังไม่เห็นวี่แววน้องเล็กเลยนี่สิ

     

    "อาบน้ำนอนเถอะจงออบอา เหนื่อยกับพี่มาทั้งวันแล้ว" แค่นี้ก็ดูเหมือนเขาทำตัวเด็กจนต้องให้น้องมาสอนมากเกินไปแล้ว

     

    "ก็เพราะพี่เป็นแบบนี้ไง ผมเลยทิ้งเด็กอย่างพี่ไม่ได้"

     

    "จงออบ!"

     

    "พี่ใสซื่อ ใสซื่อเสียจนมันเป็นเสน่ห์ที่น่าทำลาย... มันไม่ผิดไปเสียเท่าไหร่ถ้าจุนฮงมันจะหึงจนตาลายแบบนั้น"

     

    ทุกคำพูดที่หลุดจากปากน้องคนรองกำลังทำให้อีกคนไปไม่ถูก ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก เพียงแต่... เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด

     

    "ผมไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ในเมื่อต่างฝ่ายต่างรัก แล้วจะทรมานกันไปทำไม พี่ไม่อยากมีความสุขงั้นเหรอ?" เจ้าของเสียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เดินก้าวมาด้านหลังเก้าอี้อีกคน ก้มลงโอบกอบรอบคอวางคางไว้ที่ไหล่อย่างไม่ได้ขออนุญาตคนโตกว่า

     

    "ตอนนี้จุนฮงกำลังเปลี่ยนตัวเองอยู่ มันยอมพี่ขนาดนี้..... เลิกต่อต้านสะทีนะครับ"

     

    "พี่ไม่ได้ต่อต้าน!!"

     

    "....แต่พี่กำลังทำแบบนั้นอยู่"

     

    ....จะว่าใช่อย่างที่จงออบพูดอยู่ก็ไม่ผิด แต่เขา....

     

    เขากลัว...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    วันว่างที่ไม่ถือว่าว่างเสียเท่าไหร่ ยงกุกและแดฮยอนถูกเรียกเข้าไปบริษัท ยองแจได้รับเนื้อเพลงพร้อมโน๊ตเล็กๆที่ทำให้คนตัวเล็กถอนหายใจยาว... คงเหลือเพียงฮิมชานที่ถูกน้องอย่างจงออบสอนเต้นเป็นบ้าเป็นหลั่ง และส่วนน้องเล็กอย่างจุนฮงก็เล่นสเก็ตบอร์ดอยู่ด้านล่างอย่างที่ปกติชอบทำ....

     

    ....เหรอ?

     

    แกร๊ก

     

    ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงก้าวเข้ามา จงออบเหมือนจะรู้สายตาน้องชายที่จะสื่อ เดินลากพี่รองเข้าไปในห้องนอนอย่างสร้างความสงบร่างเล็กบนโซฟายังคงไล่สายตาดูเนื้อเพลงร้องอื้ออึงสร้างจังหวะตามอย่างคนไม่รับรู้การมาของอีกคน

     

    "อ๊ะ" เหมือนมีแรงกระตุ้นที่ทันทีที่จุนฮงทรุดลงนั่ง ร่างที่นั่งอยู่ก่อนแล้วผวาเลื่อนไปยังโซฟาอีกฟากราวกับมีอะไรมาจี้

     

    "... ด โดนอะไรมา" ก่อนที่หลับหูหลับตาหลบ กลับต้องเป็นอันโผเข้าอีกฝ่ายอย่างลืมตัว รอยบวมช้ำที่ริมฝีปากทำเอายองแจใจตกลงต่ำ"เจ็บมากไหม ใครทำนายหะ?" มือบางถูกประสานด้วยมืออีกคน เจลโล่จับมือที่อีกคนเลื่อนมาจับใบหน้า กอบกุมประสานด้วยสองมือของตัวเองท่ามกลางดวงตาไม่เข้าใจของอีกคน

     

    "เจ็บครับ" พึมพำออกมาเบาๆ แต่กลับทำให้อีกคนพยายามชักมือกลับ ไม่ใช่เพราะพึ่งรู้สึกตัวหรืออะไร เพียงแต่เขาจะไปหยิบยามาทาให้อีกฝ่ายก็เท่านั้นเอง

     

    "ไม่ต้องครับ ปล่อยไว้งี้แหละ"

     

    "เงียบไปเลย ไปสะดุดสเก็ตบอร์ด ล้มคว้ำอะไรมาล้างแผลทายาซะหน่อยก็ดี!!"

     

    "....โดนพ่อกับพี่ชายพี่ต่อยเอง" เสียงพูดลอยๆของคนมุมปากช้ำทำเอาร่างบางที่ลุกฮือเป็นอันเบิกตากว้าง และยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่ออีกคนพูดรัวกับเรื่องวันหยุดนี่ทั้งวัน ที่ซึ่งเขาเข้าใจผิดตลอดว่าอีกคนคงเล่นเจ้าไม้กระดานติดล้ออย่างที่ทำเป็นประจำ "แผลแรกไม่เท่าไหร่ แต่พี่เขามาซ้ำรอยเลยแตกเลย ฮะฮะ" มือหนายังคงกอบกุมมืออีกฝ่ายไม่ปล่อย แต่ก็ละอีกมือมาสัมผัสรอยแผลที่บวมช้ำเสียจนตอนนี้เริ่มที่จะอักเสบเห็นจะได้ ....แต่จุนฮงไปทำไม?

     

    "น นาย... "

     

    "ผมหนีไปบ้านพี่มา...ไปบอกเรื่องทุกอย่างที่ผมทำกับพี่ สารภาพบาปทุกสิ่งที่ผมเคยทำร้ายพี่ไว้ ....แค่เริ่มเรื่องคุณพ่อก็ใส่ผมแล้ว ไม่ทันกลางเรื่องก็โดนจัดหนักจากพี่ชายสุดที่รักของพี่ที่แทบกระทืบผมถ้าไม่ติดคุณแม่...." เสียงเริ่มแตกหนุ่มพูดไปเรื่อยด้วยท่าทีสบาย ต่างกับคนฟังที่ยังคงทำได้แค่ตกใจอยู่เหมือนเดิม

     

    "ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเกินจะให้อภัย แต่ได้โปรดให้เด็กเลวๆคนนี้แก้ไขตัวเองได้ไหม ...ให้ผมได้อยู่ใกล้พี่ ให้ผมได้ดูแลพี่" ร่างสูงโปร่งเลื่อนตัวไปคุกเข่าตรงหน้าอีกคน มือยังคงไม่ยอมปล่อยจากการจับกุมอีกฝ่าย กลับกันเหมือนจะแน่นกว่าเดิมเสียอีก และเหมือนจะรับรู้ว่ายองแจคิดอะไร....

     

    "นี่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่... มันจะไม่ความฝันสำหรับเรื่องแสนสุขนี่อีกต่อไปแล้ว เพราะผมจะทำให้มันเป็นความจริง..."

     

    เขาจะทำให้มันเป็นจริงเอง....

     

    "อย่าวิ่งตามผม ให้พี่วิ่งหนีไปให้ไกล เพราะผมจะเป็นคนตามพี่เอง ตามไปในทุกๆที่ ...ผมรัก ผมรักพี่ยองแจ" เขามั่นใจ และเขาก็พร้อมที่จะเหนื่อยแล้ว....

     

    "เป็นแฟนกันนะ"

     

    คุณเคยเป็นไหม โกรธ โมโห เสียใจ ดีใจ ความรู้สึกทุกอย่างมันตีรวน รวนเสียจนเขาคิดไม่ทันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

     

    กาลครั้งหนึ่งมีเด็กน้อยวิ่งตาม ดิ้นเร่าๆเวลาไม่ได้ดั่งใจ ปากหวานขี้งอแงไปทั่ว แต่กลับยอมที่จะเดินตามหลังเขาอย่างไม่ปริปากบ่น ต่างฝ่ายต่างโดนล้อแต่กลับนิ่งเฉยกับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จุดหมาย แม้อีกคนจะอารมณ์ร้อนแต่ถ้าเขาท้อจนร้องไห้มือเล็กๆในอดีตนั่นจะคอยไล่เช็ดไล่โอบปลอบประโลมตลอดเวลา เวลาผ่านมาคนตัวเตี้ยกว่ากลับสูงขึ้นตามการเจริญเติบโต อ้อมอกที่เคยอบอุ่นกลับเย็นชาถ้อยคำประชดประชันเริ่มถี่ ที่สำคัญเด็กใสซื่อกลับทำร้ายเขาได้ลงคอ .... นวนิยายแบบนี้

     

    มันควรจะจบแบบสุขสันต์เหมือนเรื่องอื่นๆงั้นเหรอ?

     

    "พี่เหนื่อยจุนฮง"

     

    "....??!!"

     

    คำพูดแผ่วเบาของคนบนโซฟาทำเอาคนสูงกว่าที่คุกเข่าเงียบกริบ ถ้าเพียงแค่ตัวเขามีเครื่องจับเชพจรติด คนตรงหน้าคงรับรู้ว่าลมหายใจเขาลดอัตราการเต้นช้าเสียจนน่าใจหาย...แต่เขาเลือกแล้ว ใช่... เขาคงจะคิดอย่างนั้นถ้าไม่ติดกับคำพูดที่อีกฝ่ายเก็บเงียบไว้ไปหลายชั่วอึดใจ คำพูดที่เป็นัยน์ที่ทำให้ดวงตาหม่นเบิกกว้างด้วยความปิติ

     

    "พี่อยู่เฉยๆไม่วิ่งหนีได้ไหม?"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Special




    วันนี้บางทีพวกเขาคิดว่าหอพักมันราวกับถูกปูพื้นวอลเป็นสีชมพูไปเสียหมด ทั้งๆที่ทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นปกติ แต่มันกลับ... ไม่ปกติล่ะนะ

     

    "ฉันว่าฉันควรจะไปทำงานที่บริษัท"

     

    "...อือ อย่างน้อยเอาฉันไปนั่งเล่นด้วยก็ดี"

     

    "ผมอยากไปซ้อมเต้น ขอติดรถไปด้วยนะฮะ"

     

    นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เคยอยู่ด้วยกันมาที่สมาชิกในวงมีความหมายและเป้าหมายเดียวกันทั้งหมด ไล่เรียงตั้งแต่ลีดเดอร์ของวง พี่รองรวมถึงหนึ่งในน้องเล็ก ส่วนเมมเบอร์ที่เหลือเศษอีกคนอย่างแดฮยอน... “ผมจะอยู่ที่นี่!....”

     

    ห้องนั่งเล่นเหมือนสมรภูมิรบเล็กๆเมื่อได้ยินคำตอบของเมนโวคอลที่ไม่เข้าพวก ทั้งๆที่ตกลงกันแล้วว่าจะหลบกันออกไปก่อนที่ยองแจกับจุนฮงจะกลับมา  ไมถึงมาเปลี่ยนใจเอานิสัยหวงเพื่อนกลับมาใช้ในเวลาแบบนี้กัน!

     

    ไอ้เด็กบ้า แกจะอยู่เป็นก้างพวกมันหรือไง

     

    แน่นอน!!”

     

    ฮิมชานแทบกุมขมับเมื่อได้รับคำตอบ เหวี่ยงหมอนใกล้มือเขวี้ยงเข้าเต็มใบหน้าอีกฝ่ายที่รับไปเต็มๆเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ท่ามกลางความคิดสนับสนุนการกระทำเล็กๆในหัวสมองคนที่นั่งเฉยอย่างยงกุกและจงออบ ....น่าจะแรงกว่านี้

     

    ช่างเหอะ!... แต่ทำไมต้องไปบ้านอ่ะไม่เข้าใจเป็นเพื่อนกับมันมาเป็นปี เคยเจอก็แต่แม่มัน พ่อเพ่อพี่ชงพี่ชายนี่ยังไม่รวมพี่สะใภ้ แต่ไอ้เด็กเสาไฟฟ้านั่น.... ฮู้ว!!” คนรอบข้างได้แต่เหล่มองคนผิวสีที่กระฟัดกระเฟียดขว้างหมอนใบเดิมที่ถูกพี่รองทำร้ายลงกับพื้น ลุกขึ้นเดินหนีบ่นพึมพำจนสุดท้ายคนที่เหลือก็เป็นอันขำพรืดลับหลังอีกฝ่ายที่เดินลับห้องครัวไป

     

    ...เหมือนเจลโล่เลยแหะ เด็กเชียว ฮะฮะ

     

    นิสัยหวงเพื่อนกำเริบน่ะ เดี๋ยวคงจะชิน” ยงกุกพูดขึ้น

     

    เงียบกันไปเลย!!!” และก็ตามด้วยคนที่เสียงเจ้าของชื่อที่ตะโกนจากอีกฝากมาล่ะนะ...

     

    แกร๊ก

     

    ประตูห้องพักถูกเปิดออกพร้อมไฟเซ็นเซอร์ที่สแกนเปิดอัตโนมัติทันทีที่หน้าประตู เสียงโหวกเหวกโวยวายในห้องรี่ลงทันที ก่อนที่จะดินมารอผู้มาใหม่ในห้องนั่งเล่นเดียวกันทั้งหมด

     

    อ อ้าว... อยู่กันหมดเลยเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยเบาๆด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเพราะเมื่อตอนเช้าคนที่นั่งอยู่โซฟาเรียงเป็นแถบนี่ได้บอกเขาว่าจะเข้าบริษัทไปหาไรเล่นกัน แต่ก็...ช่างเถอะ

     

    อยู่กันทำไมวะเนี่ย” คำพูดเพิกเฉยเหมือนถูกกลบเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของร่างสูงกว่าที่เดินตามหลังมาไกลกว่านับเมตร เมมเบอร์ทั้งสี่บนโซฟาจ้องมายังต้นเสียงอย่างหาเรื่อง ก่อนที่จะเป็นฮิมชานที่จับสังเกตถึงความผิดปกติ จัดการเอ่ยขึ้นลอยๆ “มาอยู่ควบคุมเด็กไม่ให้เข้าใกล้น้องสุดที่รักฉัน!”

     

    ดูเหมือนจะไม่ผิดจากที่คิดเสียเท่าไหร่ ดวงตามักเน่ยักษ์หยีลงเบ้หน้าบึ้งทันทีที่อีกฝ่ายรู้ทัน วันนี้เขาไปขลุกอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย(?) แต่พวกฝ่ายชายบ้านนู้นกลับทำร้ายเขาทางอ้อมด้วยการสั่งว่าห้ามเข้าใกล้ร่างบางตรงหน้าในระยะสองเมตร!! เล่นกำหนดระยะมาขนาดนี้ ดวงตากลมโตที่จ้องเขาอย่างลำบากใจจากการกระทำของพี่ชายและพ่อของตัวเองทำเอาเขาต้องเป็นอันตีหน้าสบายใจเฉิบเดินห่างๆตามคำสั่งระคนจำใจ ใครจะไปกล้าตีหน้าเศร้าเลียแข้งเลียขาในขณะที่ปืนเฉียดใบหน้าเป็นว่าเล่นกันล่ะ กับอีแค่สองเมตรในระยะสองเดือน ถ้ารวมระยะเวลาที่ต้องซ้อมหรือทำกิจกรรมของวง แน่นอนว่าการเข้าใกล้อีกฝ่ายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว....ถ้าบ้านนั้นไม่ติดทีวีอ่ะนะ

     

    คือพี่เขาสั่งไว้น่ะครับ อ เอาจริงไม่ต้องก็ได้นะ จุนฮงมานั่งใกล้ๆพี่ก็ได้” เป็นยองแจที่โดนยงกุกพามานั่งเอ่ยอธิบาย ส่งสายตาหงอยๆใส่อีกฝ่ายที่ปฏิบัติตามที่สัญญาไว้กับบ้านนู้นอย่างเคร่งครัด

     

    วันนี้ใจจริงจะเข้าไปบอกอธิบายเกี่ยวกับเรื่องจุนฮงและเขาที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่กลับกลายเป็นเหมือนฤดูการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เชวจุนฮงถูกชี้นิ้วสั่งจากผู้เป็นพ่อของตัวเขาเองไล่ตั้งแต่ชั้นล่างยันชั้นใต้หลังคา ....ยิ่งตอนที่พี่มาสมทบด้วยแล้ว.....

     

    แต่จุนฮงก็ไม่บ่นเลยสักนิด

     

    แค่สองเดือนเอง ผมจะทำ... พี่จะได้เชื่อใจผมรวมถึงครอบครัวพี่ด้วย

     

    เว้นเสียแต่พี่อยากจะให้ผมอยู่ใกล้ล่ะนะ

     

    ผลั่ก!

     

    หมอนรองหลังถูกเมนโวคอลเขวี้ยงใส่เจ้าของเสียงที่ไม่ทันเห็นอย่างเต็มแรง คนรอบข้างหัวเราะลั่นเมื่อนึกหมั่นไส้เจ้าเด็กแก่แดดที่กำลังพาเข้าโหมดซึ้งที่ทำเอาลีดโวคอลหน้าแดงจนใกล้จะเหมือนลูกมะเขือเทศที่อีกคนชอบกินเข้าไปทุกที มันก็ดีล่ะนะที่จุนฮงดูใจเย็นและรักษาสัญญามากขึ้น แต่มันก็อดจะล้อไม่ได้ล่ะนะ “ทำให้มันได้จริงๆเถอะ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    มีความสุขได้สักทีนะยองแจอา” ห้องนอนเหลือเพียงแต่ฮิมชานและเจ้าของชื่อที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกจับจองอยู่ เพราะคนที่เหลือยังคงนอนเล่นวิ่งเล่นอยู่ภายนอกอย่างที่ทำเป็นปกติ

     

    ฮิมชานขึ้นไปนั่งบนเตียงกอดอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วจากด้านหลัง โยกเบาๆราวกลับกำลังปลอบประโลมเป็นนัยน์ทั้งๆที่คำพูดกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง เขาคงจะไม่ทำแบบนี้ถ้าไม่เห็นดวงตาที่เหมือนจะสุขแต่ก็ไม่สุดของอีกคน ....คิดเรื่องอะไรอยู่นะ

     

    ผ ผมยังกลัวอยู่เลย” คนเด็กกว่าเอ่ยพึมพำเบาๆอย่างไม่ต้องถามซ้ำ การขยับโยกซ้ายขวาหยุดก่อนที่ฮิมชานจะเกยคางลงบนไหล่ เฝ้ารอคำพูดที่ค่อยๆกลั่นลงมาพร้อมกับควาเข้มแข็งที่เริ่มพังทลาย “กลัวว่าเขาจะกลายเป็นแบบนั้นอีก กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป กลัวว่าเขาจะนอกใจ กลัวว่าเขาจะทนกับผมไม่ได้ ก กลัว....

     

    พอแล้วยองแจ กลัวมากเกินไปแล้วนะ

     

    ต แต่ ผม...

     

    จุนฮงไม่ใช่คนใจเย็นอะไรขนาดนี้นายก็รู้... หมอนั่นกำลังเรียกความเชื่อใจจากนายกลับมาอยู่

     

    แกร๊ก

     

    ทำอะไรกันอยู่ครับ?!”เสียงสดใสของผู้มาใหม่ พร้อมร่างสูงกว่า180ที่เดินเข้ามาทำเอาบทสนทนาเมื่อครู่ถูกตัดจบอย่างง่ายดาย เจ้าของเสียงชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงถือว่าล่อแหลม แต่ก็นะ.... พี่เขาเป็นพี่ชาย พี่ชาย....

     

    พี่ชายแล้วไงวะ!

     

    นั่งคุยกันเฉยๆก็ได้ ไม่เห็นต้องกอดเลยนี่!”สาบานว่าเขาไม่ได้โกรธ เขาก็แค่พูดลอยๆก็เท่านั้นเอง ...ให้ตายเถอะ คิมฮิมชานส่งยิ้มล้อเลียนมาให้รวมถึงยองแจที่ยังคงทำหน้าอึนไม่รู้เรื่อง ...แต่ละคน!

     

    อ่ะ ไม่แกล้งและ ฉันออกไปข้างนอกดีกว่า จุ๊บ!” คำพูดที่ต่างจากการกระทำที่อีกคนก้มลงหอมแก้มขาวที่ดูเหมือนจะเป็นอีกส่วนนึงที่น้องเล็กหวงที่สุด เล่นทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แบบนี้ เขาอยากจะต่อยพี่ชายสักหมัด ...ให้ตายสิ!

     

    ไม่ต้องมานั่งนิ่งเลย ไปอาบน้ำเลยครับ” เจลโล่พูดขึ้นเมื่อลีดเดอร์ฝั่งมักเน่ไลน์ยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิมจ้องตากับเขาปริบๆไปมา ทั้งๆที่ควรจะไปจัดการตัวเองอาบน้ำและก็นะ ...ขัดแก้มขาวๆนั่นด้วย

     

    อาบให้หน่อย

     

    “??!!”

     

    อยากให้แฟนอาบให้จะยืนอึ้งทำไมเล่า!!”

     

    จุนฮงผลุดลุกขึ้นยืนนิ่ง จ้องคนบนเตียงอย่าตาไม่กระพริบราวกลับไม่เชื่อหูตัวเอง ดวงหน้าหวานขึ้นเสียงที่ขึ้นเสียงอย่างอายๆนั้น ให้ตาย..... เชวจุนฮงจะไม่ทน!!

     

    อย่านะจุนฮงอ่า ห้ามๆ ใจเย็นดิวะ!”พึมพำกับตัวเอง ตบหน้าตัวเองเบาๆ ส่ายหน้าเรียกสติให้กลับมาระคนจิตหลุด

     

    ไม่อยากอาบให้ก็ไม่เป็นไร” เสียงหงอยๆพร้อมทั้งร่างบางที่ผลุดลุกจากเตียงและกำลังจะเดินผ่านไปทำเอาคนฟังได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูก

     

    รั้งหรือปล่อย?

     

    หมับ!

     

    ไม่ทันได้คิดดูเหมือนอวัยวะร่างกายจะยื้ออีกฝ่ายไว้ทันที มือบางถูกจับประสานก่อนที่ร่างสูงกว่าจะโน้มหน้าจุมพิตลงริมฝีปากอมชมพูนั่นเบาๆ ตามจริงเขาควรที่จะลากอีกฝ่ายไปอาบน้ำอย่างที่ว่า แต่ริมฝีปากที่รั้นขึ้นเพราะอาการประชดนั่นแหละ ....ตบะแตกตั้งแต่วันแรกเลยเถอะ

     

    จุมพิตบางเบาเริ่มปรับเปลี่ยนองศาฝังลึกเสียจนคนรับร่างแทบทรุดฮวบ ดวงหน้าหวานแดงขึ้นตามอารมณ์ที่ถูกนำพา ร่างบางถูกดันเดินไปยังเตียงก่อนที่จะถูกผลักเบาๆลงแผ่ที่ฟูกนุ่มนั่นโดยที่ริมฝีปากยังคงสงเสียงจ๊วบจ๊าบส่อดังประสานไม่หยุดหย่อน และคงจะไม่มีอาการสะดุดถ้าไม่มีแขกรับเชิญเสียมารยาทโผล่เข้ามาตอนนี้....

     

    จุนฮงมีคนมาหา!!” ฮิมชานโผล่หน้าเข้ามาทำเอายองแจรีบคว้าผ้าห่มใกล้ตัวปิดหน้าทันที เจ้าของชื่อขยี้หัวตัวเองเล็กน้อยอย่างคนโดนขัด แต่ก็ลุกขึ้นมายืนคุยอย่างปกติต่อหน้าพี่รอง “ใครครับ?” คำถามถูกตั้งแต่แน่นอนว่ามันถูกเมิน รอยยิ้มของฮิมชานถูกส่งมาแทนและนั่นแหละที่ทำเอาเขาเสียวสันหลัง

     

    ยูยองแจอยู่ไหน!!” บางทีจุนฮงก็คิดว่าเสียงที่กำลังเรียกชื่อคนบนเตียงอยู่ภายนอกมันคุ้นๆนะ

     

    คุ้นเหมือนพึ่งเคยได้ยินมาไม่นานนี้ด้วยซ้ำ....

     

    เด็กๆ ไอ้เด็กเปรตนั่นมันอยู่ไหน!!” เด็กเปรต ....เหมือนจะหมายถึงตัวเขา ใครกันนะ?

     

    จ จุนฮง” เหมือนคนบนเตียงจะพูดอะไรสักอย่าง ฮิมชานโบกมือลาก่อนจะผลุบหายออกไป ปล่อยทิ้งมักเน่ไวหน้าประตูจ้องเจ้าของคำพูดที่ยังค้างคาไม่หาย.... “อะไรเหรอยองแจ?”

     

    ค คือ....

     

    แกร๊ก

     

    ให้ตายสิ พี่ฮิมชานจะเข้าๆออกๆทำไมนักหนาร่างสูงหันกลับไปมองผู้เปิดประตูมาใหม่อย่างหัวเสีย แต่ใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลาคนบนเตียงแต่ดูมีอายุมากกว่าทำเอาดวงตาคมเบิกกว้าง

     

    บรรลัยแล้วไงเชวจุนฮง!!!

     

    มึงทำอะไรน้องกู???!!!”

     








    END



    © themy  butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×