เรื่องมันเกิดขึ้น สำหรับดิฉันแล้วคือประสบการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุด เท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะได้พานพบ สิ่งที่ถ้าเอาไปเล่าให้ใครฟังเขาก็บอกว่าโกหก หรือสติคงฟั่นเฟือน แต่ดิฉันก็ไม่ได้หวังตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณจะเชื่อตามสิ่งที่ดิฉันจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เพราะหลังจากนี้คงเหลือแต่บันทึกนี้เท่านั้นที่บอกถึงการมีอยู่ของดิฉันและบิลสามีอันเป็นที่รัก...
ดิฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ว่าดิฉันชื่อวิยะดา อายุตอนที่เขียนเรื่องนี้ก็ 45 ปีแล้ว ถ้านับตามแบบดิฉัน ถึงแม้ภายนอกมันจะดูไม่ใช่ก็ตาม ส่วนเรื่องราวเหลือเชื่อและการผจญภัยเล็กๆ ของดิฉันมันเริ่มขึ้นเมื่อกว่าสิบปีก่อนหน้านี้ ตอนนั้น ดิฉันอายุ 34 ชีวิตที่ผ่านมาถือว่าสมบูรณ์ทั้งครอบครัวและหน้าที่การงาน ดิฉับจบการศึกษาจากวิทยาลัยพละและได้เป็นนิสิตในมหาวิทยาลัยชื่อดัง เพราะความเก่งกาจทางด้านกีฬา หน้าตาดิฉันใครๆก็ชมเปาะว่า.....หล่อ....ขั้นเทพฯ แต่ใครจะรู้ว่าดิฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก หนุ่มๆในคณะมีหรืออย่าได้หวัง สิ่งที่ดิฉันวางเป้าหมายเอาไว้นั้นคือ หนุ่มลูกครึ่งจากคณะบริหารธุรกิจ หลังจากวางแผนและดำเนินการมาอยู่ 4 ปี จนเรียนจบเราก็ร่วมมือกันทำ โปรเจคหนึ่งขึ้นมา ชื่อว่า เจนนี่ แกอายุ 5 ขวบ เธอได้ชื่อนี้เพราะพ่อของเธอเป็นลูกครึ่งชาวต่างชาติ สัญชาติอังกฤษ ที่มีตาเป็นชาวอังกฤษและแม่เป็นสาวจังหวัดอุดรฯ ส่วนพ่อของเจนนี่ชื่อบิล หน้าตาของบิลนั้น น้องๆนายแบบตามนิตยสาร ด้วยความลงตัวของหน้าตาแบบฝรั่งกับ บุคลิกแบบชาวไทย บิลเป็นที่รุมล้อมของสาวๆมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่เหมือนเรื่องตลกเขากลับมาชอบฉัน ฉันมารู้เอาทีหลังเขามาสารภาพว่าที่ชอบฉันเพราะฉันดูแปลก ถึกๆ ตันๆไม่เหมือนคนอื่นดี และเจนนี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่า บิล เสร็จ ฉันแล้ว .....โอ้ว ของรัก ของ..ง ข้า....อ่าซ์......ซ์
พูดถึงลูกเจนนี่ของฉัน ตอนที่เกิดเหตุอายุ 5 ขวบ หน้าตากำลังน่ารัก ผมสีน้ำตาลยาวสลวย ดวงตาสีอำพันแบบเดียวกับบิล เค้าโครงหน้าแบบฝรั่ง ละม้ายไปทางป้าของแก ซานดร้า ซึ่งเป็นพี่สาวของบิล อดีตนางงามที่ตกรอบ 8 คนสุดท้ายมานานแล้ว ซานดร้ามาหาเจนนี่ทุกซัมเมอร์ แล้วไปคราวนี้เราก็ไปนอนตีพุงรอดักแกที่รีสอร์ท กะว่าแกหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังมาจะรุมหลอกผีเสียให้เข็ด ป้าซานดร้าเป็นคนกลัวผีมากๆ อาจเป็นเพราะนิสัยช่างสังเกต เห็นอะไรนิดหน่อยก็คิดไปโน่นแล้ว ความละเอียดขอ
ป้าแกนั้นขนาดบิลเอ่ยแบบชื่นชม แต่ที่บ้านฉันเขาเรียกว่าจู้จี้ มีอยู่ครั้งนึงฉันดันไปตัดผมสั้นให้เจนนี่ เพราะกลัวแกร้อน เท่านั้นแหละพอซานดร้ามาเจอะบิลที่กำลังอุ้มเจนนี่อยู่พอดี โวยวายใหญ่ หาว่าบิลเอาลูกเก็บกับสาวที่ใหนมาเข้าบ้าน แล้วตำหนิบิลที่ทำอะไรไม่ปรึกษาเธอ เพราะเธอจะนัดเคลียร์กับดิฉันให้ก่อนแล้วค่อยเอาเด็กเข้ามา เพราะยังไงก็ผู้หญิงด้วยกัน ซะงั้น แหมรักกันจริ๊ง พี่น้องคู่นี้
เราทั้งสามมีความสุขมาก ยิ่งช่วงวันหยุดเรามักหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ ภูเขา น้ำตก ทะเล โดยเฉพาะหลังจากเจนนี่ได้ 2 ขวบเศษ ก็เริ่มตระเวณไปกับพวกเราแล้วโดยช่วงหน้าร้อนนี้ ที่ประจำเราคือชายทะเล และวันนี้ก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่เราสามคน พ่อ-แม่-ลูก เดินทางไปพักผ่อนกันเช่นเคย
บิลเป็นคนขับ ด้านหลังเจนนี่หลับอยู่ในที่นั่งเด็กตามระเบียบ แน่นอนด้านหน้าฉันต้องทำหน้าที่ประกบบิลอยู่แล้ว สัญชาติญาณของอดีตนักกีฬาของฉัน ทำให้ฉันต้องประกบตัวเขาไว้ตลอด สายมักใช้ตาที่ดุดันเป็นการส่งสัญญาณข่มขวัญคู่ต่อสู้อยู่เสมอๆ เพราะจะได้ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้ว่า บิลเป็นผู้ชายที่มีเครื่องหมายคำว่า เมีย หรือ แต่งงานแล้ว หรือ คุมประพฤติอะไรทำนองนี้ แปะหราอยู่บนหน้าผาก ถึงบิลจะเกือบ 40 แล้ว แต่ในความคิดฉันแล้ว เขาไม่ดูแก่ลงเลย เขาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทต่างชาติ นี่ก็อันตรายเช่นกัน เพราะในออฟฟิศของเขาก็เต็มไปด้วยสาวน้อยสาวใหญ่ที่รอจังหวะให้ฉันเผลอหรือประกบห่างอยู่ โอยคิดแล้วปวดหัว ยิ่งนานวันบุคลิกเขากลับดูหนุ่มขึ้นกว่าตอนที่ฉันพบเขาใหม่ๆเสียอีก บางครั้งฉันแอบมองเขาตอนเผลอ เหมือนกับเขาค้นพบอะไรสักอย่าง สายตาของเขาที่มองบรรดาสาวๆที่เดินนวยนาดตามริมหาด หรือการสนทนาของเขากับบรรดาเพื่อนร่วมงานตอนสังสรรค์ มันทำให้ฉันฉุกคิดและเตือนสติตัวเองว่า เขายังคงรวดเร็วและอันตรายทุกจังหวะ ถ้าประกบเขาไม่ดี โอกาสเกิดเรื่องมีสูง มาถึงตรงนี้ขอตัดเรื่องวีรกรรมของบิลไปเถอะ มันทำให้รอยย่นบนใบหน้าฉัน ลั่นเปรี๊ยะๆทุกทีที่คิดถึงมัน...
อย่างที่บอกวันนี้เราเดินทางไปชายทะเล ทุกอย่างดูราบรื่นดี บิลขับรถไม่ช้าและเร็ว ถนนก็ไม่จอแจ เพราะเป็นวันธรรมดา และบิลหอบงานมาทำที่นี่ด้วย ฉันหันไปมองบิลซึ่งตอนนี้สวมแว่นกันแดดสีน้ำตาล ผิวปากขับรถชมทิวทัศน์อย่างสบายอารมณ์ ส่วนฉันก็ต้องคอยสังเกตบิลเวลาผ่านย่านที่ล่อแหลมต่อสถาบันครอบครัว รถขับมาเรื่อยๆจนกระทั่งผ่านตัวเมืองแล้วเลี้ยวตัดออกสู่แนวทิวเขาแถวๆระยอง เพื่อมุ่งสู่เพ ตัดเข้ามายังรีสอร์ทหรูในย่านนั้น ภูมิประเทศสองข้างทางเป็นแนวเขาและต้นไม้ใหญ่ ถนนที่คดเคี้ยวและลาดชัน ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร ตอนนี้แหละที่เป็นตอนสำคัญ ตอนที่ฉันจำได้ติดตา เมื่อจู่ๆเจนนี่ก็ตื่นและร้องให้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฉันเอี้ยวตัวไปยังเบาะหลัง ขาข้างหนึ่งยันอยู่ที่คอนโซลกลาง เพื่อความสะดวก เจนนี่คงหิว ฉันบอกกับบิลอย่างสบายอารมณ์ บิลหันกลับมายิ้มตอบ แล้วหันกลับไปคร่ำเคร่งกับหน้าที่ของเขา ขณะที่ฉันกำลังหยิบขวดนมออกมาเพื่อเตรียมให้เจนนี่ บิลก็เบรกรถอย่างแรง ขวดนมในมือฉันลอยช้าๆผ่านหน้าฉัน หน้าบิล แล้วลงไปนอนกลิ้งหลุนๆอยู่ที่เท้าของเขา ฉันเอื้อมมือตามลงไปเพื่อจะหยิบ เพราะคงไม่ดีแน่ที่เขาจะหยิบของในขณะรถไต่ลงเขา ครั้งแรกฉันคว้าได้ แต่ก็หลุดมือไปอีกเพราะรถที่โคลงจากการไต่ลงทางชัน ครั้งที่สองฉันขยับตัวให้ใกล้บิลเข้ามาอีก คราวนี้เหยียดแขนเต็มที่ ปลายนิ้วสัมผัสขวดนมได้แล้ว แต่มันกลิ้งหนีไปอีกแล้ว คราวนี้ต้องคว้าให้ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยคุณขวดที่เคารพ.... คุณขวดที่ฉันดูแลมันมาอย่างดี ไม่เคยทิ้งให้ค้างเติ่งในอ่างล้างจานซักครั้ง ลวกน้ำร้อนทุกครั้งที่ล้างเสร็จ คราวนี้คุณขวดนมทำแสบ กลิ้งจากมือฉันเข้าไปที่ใต้แป้นเบรกพอดีเป๊ะ เมื่อบิลต้องการเบรก แต่เบรกนั้นติดขวดนม เขากระทืบย้ำอีกหลายครั้ง แล้วมือซ้ายเขาพยายามควานหาเบรกมือที่ฉันบังเอิญนั่งทับเอาไว้พอดีเช่นกัน เสียงกิ่งไม้ครูดกับลำตัวรถ เสียงของหนักๆกระทบกับของแข็งๆดังหลายครั้งต่อเนื่องกัน พร้อมกับอาการหมุนคว้างของภาพรอบๆตัว ฉันเหลือบเห็น สิ่งที่คล้ายๆหลังคารถยุบเข้ามาใกล้แทบจะติดหน้าฉัน ที่ด้านหลังฉันเห็นเจนนี่อยู่แว๊บ นึง แต่เหมือนแกกำลังยิ้มอยู่เลย ส่วนบิลนั้น ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็น เขากำลังแหกปากกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ยักได้ยินเสียงอะไรสักแอะ.....
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น