ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับวิจารณ์นิยาย by SeeThai133

    ลำดับตอนที่ #5 : ส่งงาน : Lovely guy & My pet! สาวแสบหนุ่มใส กับเจ้าวายร้ายขนปุย

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 57


                  บทวิจารณ์นิยายเรื่อง Lovely guy & My pet! สาวแสบหนุ่มใส กับเจ้าวายร้ายขนปุย


              ชื่อเรื่อง : ชื่อเรื่องน่าสนใจในระดับหนึ่งค่ะ (ชอบตรงกับคำว่าเจ้าวายร้ายขนปุยจัง) ตอนแรกที่อ่านชื่อเรื่องก็คิดว่าคงเป็นแนวรักหวานแหวว (ตามที่ท่านผู้แต่งบอกแนวในแบบฟอร์ม) ซึ่งก็เป็นไปตามดังนั้นแต่ไม่คิดว่าจะมีอารมณ์เศร้าๆ ในเรื่องด้วย อันที่จริงทุกเรื่องจะมีก็ไม่แปลกใจ เพียงแต่เรื่องนี้มีอารมณ์เศร้ามากกว่าที่คิด แต่ผสมผสานกับความน่ารัก ความตลกในเรื่องได้อย่างลงตัว แบบนี้น่าสนใจนะคะ (หนูโดนชื่อเรื่องหลอกเลยค่ะแอบตกใจนะคะเนี่ย ((หัวเราะ))

    เรื่องย่อ : เรื่องย่อน่าสนใจในระดับหนึ่ง พออ่านถึงตรงที่มีคำว่าโชคชะตาและคำสาป ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้น หนูคิดว่าน่าจะเพิ่มคำอธิบายสั้นๆ ด้วยนะคะ เพราะดึงดูดเพียงเชื่อเรื่องกับเรื่องย่อที่อยู่ในข้อมูลเบื้องต้นอย่างเดียวไม่ได้ 

    โครงเรื่อง : ถึงแม้จะไม่ถึงกับแหวกแนวแต่ก็มีความแตกต่างกับนิยายรักเรื่องอื่น มีแฟนตาซีตามที่ท่านผู้แต่งบอกไว้จริงๆ ด้วย ตอนที่อ่านครั้งแรกก็คิดว่าคงจะมีเวทมนตร์ แต่พออ่านกลับไม่มีซึ่งหนูก็ชอบแฟนตาซีที่ไม่มีเวทมนตร์ ยิ่งเป็นแนวรักที่มีอารมณ์เศร้าครึ่งๆ กลางๆ แต่ผสมผสานได้อย่างลงตัว บีบคั้นอารมณ์ได้ดีทั้งๆ ที่ความรู้สึกเนื้อเรื่องอ่านแล้วสบายๆ ปริศนาที่แทรกอยู่เป็นระยะแต่ไม่มากจนถี่เลยไม่หนัก ยิ่งตอนที่ ๘ มีอะไรมากขึ้นทำให้ลุ้นยิ่งกว่าเดิม มีมุกและความน่ารักของตัวละครแทรกเลยกลมกล่อมมากขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มชาขมๆ ที่ใส่นมหวานลงไป หนูคิดว่าเรื่องของท่านน่าจะถูกใจคอนิยายรักชอบที่มีความแตกต่างกับเรื่องอื่นนะคะ

    สำนวน การใช้ภาษา การบรรยายและคำผิด : การบรรยายสละสลวย ถึงแม้จะไม่ได้ใช้คำหรูหราหรือคำไวพจน์แต่ภาษาในเรื่องนี้สวยทีเดียว อย่าเพิ่งวางใจไปนะคะ มีข้อดีย่อมมีข้อเสีย ซึ่งในเรื่องของท่านมักจะมีจุดที่มองข้ามไปง่ายๆ อ่านเผินๆ การบรรยายไหลลื่นแต่ถ้าสังเกตและพิจารณาการใช้คำจริงๆ ท่านก็ใช้ผิดบ่อยมากกว่าที่ควรนัก อย่างการใช้คำซ้ำใกล้กันเกินไป ใช้คำฟุ่มเฟือยทั้งๆ ที่สามารถตัดออกไม่ให้ยืดได้ คำผิดที่ดูแล้วน่าจะเป็นความเข้าใจของท่านผู้แต่งมากกว่าเผลอพิมพ์ผิด คำที่ใช้แล้วขัดแย้งกับอีกคำและใช้คำผิดความหมายกับประโยค

    ดังตัวอย่างต่อไปนี้ที่พบค่ะ (หนูจะใช้สีช่วยนะคะ สีเขียวเปลี่ยนคำ สีแดงพิมพ์ผิด สีม่วงตัดคำ)

     

     (Chapter 1)

    สายตาของเขาช่างเป็นประกาย

    ควรจะเปลี่ยนจาก สายตา เป็น แววตา นะคะ เพราะคำว่า สายตา หมายถึงระยะที่มองเห็น ส่วนคำว่า แววตา หมายถึงสิ่งที่เป็นเยื่อบาง มีลักษณะใสเป็นแสงวาวดั่งแก้วหุ้มด้านนอกของดวงตา ความรู้สึกที่ปรากฏออกทางตาทำให้รู้ว่ารักหรือเกลียดเป็นต้น

     

    แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถบดบังความงดงามที่พระเจ้าเลือกสรรมาให้เขาอย่างลงตัวได้

    น่าจะตัดคำว่า แต่ ออกไปนะคะ ให้เหลือเพียง ถึงกระนั้น ก็พอเพราะให้ความหมายเหมือนกันและไม่ห้วน (ในความคิดของหนูค่ะ)

     

    ตอนที่ฉันย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ฉันก็รู้จักกับเขาเป็นคนแรก เรามีบ้านอยู่ใกล้ๆ กันเดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึง

    น่าจะตัดคำว่า ใหม่ๆ ออกนะคะ ที่หนูอ่านแล้วมันจะเหมือนกับคำว่า ใกล้ๆ เพราะใช้ไม้ยมกในบรรทัดเดียวกัน และตัดคำว่า ฉันและกับ ออก เพราะใช้ซ้ำใกล้กัน ส่วนคำว่ากับนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ค่ะ

     

    แต่แค่เพียงชั่วพริบตาที่เราเติบโตขึ้น

    อ่านมาถึงตรงนี้หนูสะดุดเพราะคำว่า แค่ น่าจะตัดออกไปให้เหลือ แต่เพียงชั่วพริบตาที่เราเติบโตขึ้น

     

    “เธอจะสาธยายไปทำไม ในเมื่อฉันรู้ดีอยู่แล้ว ว่าตนเองน่ะหล่อล่ะดับซุปตาร์”

    หนูคาดว่าท่านผู้แต่งคงจะพิมพ์ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจสินะคะ คำว่า ล่ะดับ ที่ต้องพิมพ์ให้ถูกก็คือ ระดับ

     

    ซึ่งมี่ตำแหน่งหัวหน้าห้อง

    เผลอพิมพ์ผิดสินะคะเลยเติมไม้เอก

     

    “โห อะไรอ่ะฟ้า ฉันอุตส่าห์ยอมให้เธอมาช่วยฉันนะ ทั้งๆ ที่มีสาวๆ อยากมากับฉันเยอะแยะ แต่ฉันก็ต้องปฏิเสธเพราะเห็นความสำคัญของเธอมากกว่า”

    น่าจะตัดคำว่าฉันออกนะคะ (ตรงที่หนูทำเป็นสีเข้ม) เพราะใช้ซ้ำใกล้กันเกินไปค่ะ

     

    “ฉันรู้หรอกน่า นายไม่อยากให้ใครมาเห็นตอนที่นายร้องวี้ดว้ายวิ่งหนีลูกหมาตัวกะเปี๊ยก นายอายใช่มั้ยล่ะ อีกอย่างถ้าเกิดใครมารู้เข้าก็จะเอาไปล้อจนทำให้นายเรตติ้งตก”

    น่าจะเปลี่ยนจากคำว่า นาย เป็น ตัวเองนะคะ เพราะใช้ซ้ำใกล้เกินไปค่ะ

    “ฉันรู้หรอกน่า นายไม่อยากให้ใครมาเห็นตอนที่ตัวเองร้องวี้ดว้ายวิ่งหนีลูกหมาตัวกะเปี๊ยก นายอายใช่มั้ยล่ะ อีกอย่างถ้าเกิดใครมารู้เข้าก็จะเอาไปล้อจนทำให้นายเรตติ้งตก

     

    รู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่นะ

    น่าจะเปลี่ยนเป็น ความรู้สึกแบบนี้นี้มันคืออะไรกันแน่นะ เพราะมีแต่คำว่า รู้สึก สำหรับหนูแล้วยังดูห้วนๆ น่ะค่ะ

     

    แต่เพียงแค่รู้สึกว่าทุกๆ อย่างที่เป็นเขามักจะมีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันเสมอ แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้ตัวเอาเสียเลยก็ตาม

    ตรงนี้หนูว่าไม่ค่อยไหลลื่นเพราะคำว่า แค่ และคำว่า เอาเสีย นั้นไม่จำเป็นค่ะ

    แต่เพียงรู้สึกว่าทุกๆ อย่างที่เป็นเขามักจะมีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันเสมอ แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้ตัวเองเลยก็ตาม

     

     

    จินต์แกล้งทำหน้าบู้ กระพริบตาปริบๆ

    อีตาบ้านี่จะรู้ตัวไหมนะว่ากำลังทำให้สติใครคนนึงกระจัดกระเจิง   

    ตอนนี้ตัวฉันร้อนยิ่งกว่าตอนอบซาวน์น่า

    ม่านฟ้าอุ้มเจ้าทาโร่เดินกระโดดถอยหลังหนีจินต์อย่างสนุกสนาน แต่ด้วยนิสัยที่ซุ่มซ่าม เธอจึงสะดุดขาตนเอง

    ก่อนที่จะบรรยายส่วนนี้ ท่านผู้แต่งใช้การบรรยายแบบมุมมองบุรุษที่หนึ่ง แต่พอมาถึงตรงนี้กลับใช้การบรรยายแบบมุมมองบุรุษที่สามแรกๆ หนูเลยสับสน ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรเพียงแต่ให้ระวัง

    คำว่า กระพริบ ต้องเปลี่ยนเป็น กะพริบ ตามจริงแล้วคำว่า กระพริบ นั้นถูกแล้วเพียงแต่ใช้ผิดความหมายค่ะ

    ส่วนคำว่า กระจัดกระเจิงนั้นไม่มีค่ะ ที่ถูกทั้งคำและความหมายคือคำว่า กระเจิดกระเจิง

    คำว่า ตอน น่าจะตัดออกไปนะคะเพราะใช้ซ้ำใกล้เกินไปและทำให้รู้สึกว่าเคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ม่านฟ้าไปอบซาวน์น่าทั้งๆ ที่ไม่มี (ในความคิดของหนูค่ะ)

     

    อีกอย่างที่นี่เป็นบ้านพักอาจารย์ซึ่งปกติไม่ค่อยมีนักเรียนคนไหนจะเข้ามา

    ควรตัดคำว่า จะ ออกนะคะ เพราะคำนี้หมายถึง เป็นกริยานุเคราะห์สำหรับช่วยกริยาอื่น บอกเวลา ภายหน้า เช่น จะไป จะอยู่ ถ้าเติมคำว่า จะ เข้าไปแสดงว่าอีกไม่นานจะมีนักเรียนเข้ามานะคะ

     

    “ฉันคิดว่าแกกำลังรู้สึกแบบเดียวกันกับฉันนะ เจ้าทาโร่น้อย ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวอาจารย์ก็กลับมาแล้ว และไว้ว่างๆ ฉันจะมาเล่นกับแกอีกนะ”

    ใช้คำว่า นะ ไล่เลี่ยไปนะคะ คำว่า และ ไม่จำเป็นต้องใส่ค่ะ สำหรับหนูอ่านแล้วไม่ค่อยไหลลื่นน่ะค่ะ

     

    ไม่พูดเปล่า แต่จินต์คว้าข้อมือฉันแล้วออกเดินนำหน้าทันที

    ควรจะตัดคำว่า แต่ ออกนะคะ อ่านแล้วไม่ค่อยไหลลื่นน่ะค่ะ

     

    เราช่างต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

    น่าจะตัดออกนะคะเพราะใช้ซ้ำใกล้เกินไป

     

    ฉันล้มลงกับขาจนล้มลงที่หน้าบ้านของใครคนหนึ่ง

    หนูคาดว่าคงเผลอพิมพ์ผิดจากคำว่า เขา เป็น ขา สินะคะ

     

    เจ้าของร้านนำไปใส่ถุงบริเวณเคาเตอร์

    ที่ถูกต้องคือคำว่า เคาน์เตอร์ค่ะ (คำนี้หนูคาดว่าคงจะเผลอพิมพ์ผิด)

     

    (Chapter 2)

    ตามจริงบทนี้ก็ยังเป็นเช่นเดียวกับบทแรกแต่น้อยกว่าเดิม แต่ยังมีจุดผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อีกอย่างค่ะ

    โอ้ย เจ็บชะมัดเลย

    อ่านเผินๆ คงไม่มีอะไร แต่ถ้าอ่านตามหลักแล้วจะออกเสียงไม้โทนะคะ ซึ่งคำอุทานนี้ออกเสียงสูงจึงจะต้องใช้ไม้ตรีตามหลักอักษรเสียง อ เป็นอักษรกลางจึงออกเสียงวรรณยุกต์ตรงตัว ในบทอื่นท่านผู้แต่งก็ใช้ผิดเช่นกัน เลยอยากเตือนเรื่องการใช้อักษร กลาง สูง ต่ำค่ะ

     

    ถึงลมนั้นจะแรงสักกว่าแค่ไหน แต่ฉันกับสนใจลมเบาๆ อันอบอุ่น

    เปลี่ยนเป็นคำว่า กลับ ค่ะ

     

    เราเลยต้องเร่งจังหวะการก้าวเดินกันเล็กน้อยเพื่อที่จะให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยไม่เปียกฝน

    น่าจะเปลี่ยนเป็นคำว่า ได้ และเติมคำว่า โดย ระหว่างปลอดภัยและไม่เปียกฝนนะคะ เพราะสำหรับหนูแล้วไม่ค่อยคล้อยตามกันเลยค่ะ

    เราเลยต้องเร่งจังหวะการก้าวเดินกันเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยโดยไม่เปียกฝน

     

    ถึงบ้านเราจะอยู่ในละแวกเดียวกัน แต่ก็คนละซอย ถึงกระนั้นจินต์ก็ยังเลือกที่จะมาส่งฉันก่อนแล้วเขาค่อยกลับบ้านของตัวเอง

    ถึงบ้านเราจะอยู่ในละแวกเดียวกัน แต่ก็คนละซอย กระนั้นจินต์ก็ยังเลือกที่จะมาส่งฉันก่อนแล้วค่อยกลับบ้านของตัวเอง

     

    เขาแลบลิ้นมาอย่างทะเล้นๆ

     

    ดวงตาที่ดำสนิทนั้นจ้องมองไปยังความมืดมิดของเพดาน

    หนูว่าควรจะเลือกคำใดคำหนึ่งนะคะระหว่าง จ้อง กับ มอง เพราะคำว่า จ้อง หมายถึงเพ่งตาดูหรือมุ่งมองดูสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ คำว่า มอง นั้นหมายถึง แลดู (อาจจะไม่ได้หมายถึงอย่างนี้ก็ได้ค่ะ เพราะหาในพจนานุกรมและในอินเทอร์เน็ตไม่เจอ) กระนั้นก็ไม่ได้เจาะจงไปที่สิ่งใด เลยอยากเตือนให้ระมัดระวังการใช้คำให้มากขึ้นค่ะ

    ถึงจะทำเช่นกันแต่ทว่าสายตาเขากลับไม่ได้โฟกัสไปที่นั่น

    แต่พออ่านตรงนี้แล้วใช้คำว่า มอง จะเหมาะกว่า ส่วนคำว่า แต่ทว่า นั้นน่าจะใช้คำใดคำหนึ่ง เช่น

    ถึงจะทำเช่นนั้นแต่สายตาของเขากลับไม่ได้โฟกัสไปที่นั่น

     

    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เขาเอื้อมมือไปกดปิดมันอย่างถาวร

    น่าจะเปลี่ยนคำว่า เพียงแต่ เป็น ทว่า ในความคิดของหนู เพียงแต่ ให้ความหมายขัดแย้งค่ะ ส่วนคำว่า ครั้งนี้ซ้ำใกล้กับคำว่า ดังขึ้นอีกครั้ง เกินไป เปลี่ยนเป็น คราวนี้ น่าจะดีกว่านะคะ

    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เขาเอื้อมมือไปกดปิดมันอย่างถาวร

     

    (Chapter 3)

    ตั้งแต่บทนี้หนูจะไม่ค่อยอธิบายนะคะว่าทำไมถึงให้แก้หรือบกพร่องอย่างไร แต่ตรงไหนที่คิดว่าไม่ค่อยเข้าใจจะอธิบายให้นะคะ

    ฉันไม่ชอบความเฉอะแฉะ แต่ฉันรู้สึกชอบเสียงสายฝน

     

    ที่พระเจ้าทรงประทานมาให้เพื่อเป็นของขวัญแด่มวลมนุษย์ชาติ

    ที่ถูกคือคำว่า มนุษยชาติค่ะ

     

    ยัยคนเพี้ยน! เธอยังตามมาอีกทำไมเนี่ย?ถึงเขาจะต่อว่าออมาแบบนั้น แต่ทว่าฉันกลับเป็นห่วงเขามากกว่าที่จะรู้สึกโกรธ

     

    สายฝนเริ่มตกลงมาแรงขึ้นจนเราสองคนต้องช่วยกันจับร่มเอาไว้เพื่อไม่ให้มันต้องปลิวออกไปตามแรงลม

     

    แต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงน้อยๆ ของเราทั้งสองคนคงจะไม่ทรงพลังพอที่จะประคับประคองร่มเอาไว้ได้จนตลอดรอดฝั่ง เพราะลมหอบใหญ่ที่กำลังปะทะเข้ามาในตอนนี้มันมีกำลังแรงเกินกว่าที่พวกเราจะต้านทานได้ไหว

     

    ถึงพวกเราจะพยายามวิ่งตามไปอย่างรวดเร็วสักเท่าไหร่แต่ว่ามันก็ไม่ทันการเสียแล้ว

     

    บริเวณนั้นจึงมีเพียงแค่พวกเราสองคนที่วิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนด้วยสภาพมะล่อกมะแล่ก

    ที่ถูกคือ มะลอกมะแลก

     

    มันคือรอยยิ้มจากใจที่มาจากใครสักคนยังไงล่ะ

    น่าจะเปลี่ยนเป็น ของ นะคะ เพราะใช้คำว่า จาก ซ้ำใกล้กันเกินไป

    มันคือรอยยิ้มจากใจของใครสักคนยังไงล่ะ

     

    พร้อมกันนั้นก็ชี้มือไปยังสนามเด็กเล่นแห่งนั้น

    พร้อมกันนั้นก็ชี้นิ้วมือไปยังสนามเด็กเล่น

     

    จากที่ตรงนี้ สายตาของฉันนั้นสามารถมองเห็นได้เพียงพื้นทรายเปียกๆ ธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อเพ่งสายตาดูให้ดีๆ แล้วก็พบว่าสิ่งที่เขาพยายามจะชี้ให้ดูนั้นมันคือก้อนกลมๆ สีน้ำตาลก้อนหนึ่งที่กำลังกองแหมะอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งๆ

    จากตรงนี้ ฉันก็สามารถมองเห็นได้เพียงพื้นทรายเปียๆ ธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อเพ่งสายตาให้ดีๆ แล้วก็พบว่าสิ่งที่เขาพยายามจะชี้ให้ดูนั้นมันคือก้อนกลมๆ สีน้ำตาลก้อนหนึ่งที่กำลังหองแหมะอยู่ตรงนั้น

     

    ไม่พูดเปล่า แต่เขาดึงมือฉัน แล้วรีบวิ่งข้ามถนนไปยังที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

     

    น่าเจ็บใจที่ฉันทำอะไรไม่ได้ ก็เลยเดินไปหาพวกผู้ใหญ่แต่ก็ไม่มีใครสนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

     

    นับตั้งแต่ครั้งนั้น พวกก็เกเรนั่นก็ชอบเข้ามาหาเรื่องฉันบ่อยๆ เพราะว่าฉันแส่ไม่เข้าเรื่อง

     

    ฉันเดาว่าเขาคงจะสงสัยที่อยู่ดีๆ ทำไมฉันถึงแสดงท่าทีที่ห้าวหาญเกินหญิงขนาดนี้ล่ะมั้ง

     

    เขี้ยวแหลมๆ นั้น ถูกฝังลงไปที่แขนเล็กๆ ของเขาอย่างน่าเจ็บปวด!

    เขี้ยวแหลมๆ นั้นฝังลงไปที่แขนเล็กๆ ของเขาอย่างน่าเจ็บปวด

    จากที่อ่านมาในแต่ละบทนั้นหนูรู้สึกว่าท่านผู้แต่งพิมพ์เว้นวรรคมากกว่าที่ควร บางครั้งอ่านแล้วสะดุดเป็นห้วงๆ ลองอ่านทวนดูนะคะจะได้ทราบว่าตรงไหนควรเว้น แต่ในกรณีที่คำอยู่หลังตัวไม้ยมกก็เว้นไว้ ซึ่งท่านได้ทำถูกแล้วค่ะ

     

    เมื่อทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น ฉันจึงต้องะล่ำละลักหันไปมาอย่างห่วงหน้าพะวงหลัง

     

    แสงไฟจากหน้ารถที่กำลังกระพริบเตือนอยู่นั้นสาดส่องไปข้างหน้าอย่างแรงจ้าจนน่าแสบตา

     

    (Chapter 4)

    บทนี้จะกล่าวไม่มากนะคะ

    เอามือปิดหูสะอื้นไห้ราวกับจะกำลังขาดใจเสียให้ได้

     

    และถ้ายิ่งได้สบกับแววตาสีเทาเข้มที่มักจะจ้องมองมาอย่างดุๆ แล้วล่ะก็

    และถ้ายิ่งได้สบกับดวงตาสีเทาเข้มที่มักจะจ้องมาอย่างดุๆ แล้วล่ะก็

     

    ต่อจากนี้หนูจะลงเพียงคำผิดที่พบและบางประโยคที่ต้องปรับปรุงนะคะ (เนื่องจากเริ่มจะไม่ไหวน่ะค่ะ)

    สันนิฐาน = สันนิษฐาน

    ทีนที = ทันที

    เงยหนน้า = เงยหน้า

    เข้าไส้สู่อ้อมกอด = ใส่

    อุปส์ = อุบ

    สัญชาติญาณ = สัญชาตญาณ

    ประชั้นชิด = กระชั้นชิด

    เกมส์ = เกม

    ทั้งหมดนี้หนูได้ตรวจสอบตามอินเทอร์เน็ตและพจนานุกรมแล้ว ฉะนั้นวางใจได้ว่าหนูไม่นำความคิดและความเคยชินของตนเองมาตรวจสอบคำผิดเด็ดค่ะ

     

    เพราะฉันเป็นคนที่ค่อนข้างบ้าจี้เป็นอย่างมาก

    ประโยคขัดแย้งนะคะ ตรงคำว่าค่อนข้างบ้าจี้และคำว่าเป็นอย่างมาก ค่อนข้างบ้าจี้นั้นหมายถึง บ้าจี้แต่ไม่ถึงกับมาก เพราะคำว่าค่อนข้าง นั้นจะใช้ในลักษณะประมาณว่าไม่เต็มที่หรือที่สุด แต่พอมีคำว่าเป็นอย่างมากเลยขัดแย้งกันค่ะ

    เพราะฉันเป็นคนที่บ้าจี้มาก

     

    ยังมีอีกนะคะแต่ถ้าจะให้นำมาหมดก็คงไม่ไหว (หัวเราะ)

     

                    ตัวละคร : ตัวละครมีเอกลักษณ์ทุกคนเลยค่ะ แถมไม่หลุดด้วยซึ่งท่านผู้แต่งทำออกมาได้ดี อย่างตอนที่ตัวละครเริ่มแสดงอุปนิสัยที่ไม่เคยเป็นก็สามารถบรรยายได้อย่างสมเหตุสมผล

                    ในใจหนูส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่านี่เป็นนิยายเรื่องแรกเพราะทำออกมาได้ดีมากตรงนี้ต้องขอชื่นชมจริงๆ ค่ะ หากปรับปรุงในส่วนที่หนูบอกรับรองได้เลยว่าจะต้องเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

                   
                  หากหนูแนะนำหรือบอกข้อบกพร่องผิดไปก็ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่วางใจฝากวิจารณ์ทั้งที่นี่เป็นเรื่องแรกแต่ส่งให้มือใหม่อย่างหนูวิจารณ์ หากวิจารณ์นี้ทำให้ไม่พอใจก็ต้องขออภัย (อีกครั้ง) ด้วยนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×