คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 ความฝันและความจริง... ช่างแตกต่าง [3]
ไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งสองคนก็เข้ามานั่งอยู่ในรถ รวิกานต์สวมเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยไม่ต้องให้เขาบอกอย่างทุกครา ก่อนโทรศัพท์ในกระเป๋าจะถูกหยิบออกมา ทว่าครานี้ไม่ได้กดถ่ายเซลฟี่เช่นเคย แต่หญิงสาวนำมันขึ้นมาเพื่อโทร.ออกหาเลขาส่วนตัว
“พี่นิด วันนี้วิไม่เข้านะคะ วิมีเรื่องสำคัญมากต้องทำ
เอ๊ะ! วิก็บอกแล้วไงคะว่าสำคัญมาก ค่ะ มากที่สุดเลยค่ะ ยังไงก็ไม่ เข้าใจไหมคะ ค่ะ... จัดการให้วิด้วยนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็วางลง สีหน้าบูดบึ้ง พ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะหันมาหาเขาน้ำเสียงและท่าทีต่างกับก่อนหน้าลิบลับ
“ทำไมยังไม่ออกรถคะ”
“ผมว่าคุณหนู...”
“อย่าได้คิดมาสั่งวิในเรื่องนี้นะ วิไม่ฟังใครทั้งนั้น ! และถ้าเกิดอะไรขึ้นวิรับผิดชอบเองได้ค่ะ
ไม่ให้พี่ป้องต้องเดือนร้อนหรอก" หญิงสาวเอ่ยออกมาเป็นประโยคยาวๆ
ที่ปกป้องไม่สามารถแทรกได้อีก "รีบออกรถสิคะพี่ป้อง”
ปกป้องถอนใจออกมาอย่างยอมจำนนหลังจากได้ยินประโยคคำสั่งกำชับมาอีกครั้ง
ก่อนจะตัดสินใจกระชากรถออก มุ่งสู่ปลายทางโดยเร็ว
ร่างของหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนรถเข็ญ
ถูกเข็ญออกมาจากห้องฉุกเฉินโดยบุรุษพยาบาล พร้อมกันกับนายแพทย์หนุ่มที่ถอดผ้ากันเปื้อนในทันที
รวิกานต์มองตามร่างที่ถูกเข็ญอยู่นั้น ก่อนจะเดินตามไป ส่วนปกป้องหันมาหาคนที่ช่วยชีวิตแม่เขาเอาไว้อีกครั้ง
“แม่เป็นไงบ้างไอ้หมอ”
‘ไอ้หมอ’ ที่เพื่อนรียก ตบเบาๆ ลงบนบ่าของปกป้อง สีหน้าและรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาบอกทุกอย่างกับคนที่รอคอยคำตอบ
สำหรับเขาแล้วแม้จะต้องบอกกล่าวถ้อยคำเดิม
ๆ นับไม่ถ้วนแต่กลับไม่เคยชาชิน โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นคือคนใกล้ตัวอย่างเพื่อนของเขาเอง...
รวิกานต์มองร่างที่ถูกเคลื่อนย้ายมายังห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล ก่อนจะมองนิ่งที่ใบหน้าของท่าน มือบางจับมือเหี่ยวย่นของคนบนเตียงมากุมเอาไว้อย่างเบามือ ก่อนจะแนบมือนั้นกับไปหน้าของตัวเอง น้ำใสที่ไม่ใคร่จะเกิดขึ้นมานานแล้ว บัดนี้มันรื้นเต็มอยู่ในดวงตาคู่โตทั้งสองข้าง
ความหวาดกลัวสั่นคลอนเธอไปทั้งใจ
ยังจำได้ดีว่ามือคู่นี้คอยปกป้องเธออย่างไรในวันที่อ่อนแอจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่...
แม้เธอจะทำท่านเจ็บเพราะความเกี้ยวกราด
จากความเอาแต่ใจของตัวเอง ทว่ามือนี้กลับเป็นมือที่ปกป้องเธอจากความเจ็บปวดทั้งหมด เธอยังคงจดจำวันนั้นและเรื่องราวทุกอย่างได้ดีไม่เคยลืมเลือน...
‘คุณหนูทานข้าวก่อนนะคะ ถ้าไม่ทานเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ’
‘ไม่กิน! วิไม่กิน’ รวิกานต์ในวัยเจ็ดขวบเอ่ยบอก น้ำเสียงเกี้ยวกราดตามอารมณ์ที่ขุ่นมัวเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เหตุเพราะบิดาพาแก้วกัญญาไปเที่ยวทะเลทิ้งเธอไว้กับคนในบ้าน
‘คุณหนู อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ กินหน่อยนะคะคนดีของปิ่น’ คนพูดว่าน้ำเสียงอาทร
พร้อมกับยกสำรับขึ้นมาถือเอาไว้ หวังว่ากลิ่นอาหาร
เมนูที่คุณหนูของเธอโปรดปรานจะช่วยให้อยากทานขึ้นมาได้บ้าง
พร้อมกันนั้นก็เริ่มพูดชักจูง
‘ดูสิคะ กุ้งตัวโตๆ ที่คุณหนูชอบ โตมากเลยนะ ทานสักหน่อย...’
‘ก็บอกว่าไม่อยากกินไง!’
‘โอ๊ย!’ เพราะคนที่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเมื่อครู่ เงยหน้าขึ้นมาและปัดสำรับทิ้ง ทำให้น้ำแกงร้อนๆ ลวกมือของปิ่นปัก
‘คุณหนู!
โดนมือหรือแปล่าคะ เจ็บหรือเปล่า’
รวิกานต์ตกใจกับผลจากการกระทำของตัวเอง
และพลันนิ่งอึ้งเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายถามมันเกี่ยวกับตัวเธอ ทั้งที่เธอเป็นคนก่อเหตุ
อีกทั้งน้ำเสียงร้อนรนถ้อยคำที่บ่งบอกถึงความห่วงใยที่ไม่ใคร่ได้รับจากใคร
กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นครั้งแรก
‘ว่ายังไงคะ ขอปิ่นดูหน่อยนะคะคนดี’
อีกฝ่ายไม่รอช้า ตรวจดูมือของเธออย่างร้อนรน น้ำใสคลอนัยน์ตาของเด็กหญิงรวิกานต์ และเมื่ออีกฝ่ายหยิบทิชชูขึ้นมาซับอย่างใส่ใจ
เด็กหญิงก็เริ่มร้องไห้
‘ฮึก...’
‘คุณหนู เจ็บตรงไหน บอกปิ่นสิคะ...’
‘วิขอโทษ...’ รวิกานต์ว่าพลางหยิบทิชชูจากมือของอีกฝ่ายขึ้นซับมือของท่าน ยิ่งมองมือที่เริ่มเปลี่ยนสีเด็กสาวก็ร้องไห้หนัก
‘ปิ่นไม่เจ็บหรอกค่ะ โถ...อย่าร้องสิคะคุณหนูของปิ่น’
เหมือนว่ายิ่งห้ามน้ำตาก็ยิ่งพานไหล คนสูงวัยจึงคว้าร่างของเธอไปกอดไว้แนบอกอุ่น รวิกานต์กอดท่านแน่น ภายในใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
กลัว...ว่าการกระทำของเธอจะทำให้ต้องถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง
กลัว...ว่าการกระทำของเธอจะไม่เหลือใครอยู่เคียงข้างอีกต่อไป
‘วิขอโทษ ฮึก... อย่าทิ้งวินะคะ วิไม่ได้ตั้งใจ วิขอโทษ...’
ได้แต่พร่ำบอกถ้อยคำซ้ำ ๆ รู้สึกได้ถึงมือของท่านที่ปลอบประโลมลูบศีรษะของเธอ รวิกานต์เพิ่งรู้ว่าความอบอุ่นจากการสัมผัสนั้นสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ต่อใจที่เหน็บหนาวของเธอได้
เด็กสาวกระชับกอดแน่นขึ้น ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
‘ปิ่นไม่ทิ้งคุณหนูหรอกค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะคนดีของปิ่น’
‘...’ เด็กหญิงรวิกานต์ใจชื้น ความหวาดกลัว ความเหน็บหนาวเริ่มจางลงไป
และยิ่งรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ฟังคำพูดราวปลอบประโลมใจในประโยคต่อมา
‘ต่อให้คุณหนูจะเป็นยังไง ปิ่นสัญญาว่าจะไม่ทิ้งคุณหนู’
‘ฮือ...’
ถ้อยคำนั้นยิ่งสร้างความรู้สึกผิดท่วมท้นใจ
เธอไม่อยากร้องไห้ แต่เหมือนกับว่าความอื้ออึงที่เก็บสะสมไว้เนิ่นนานถูกปล่อยออกมาเป็นน้ำตา
น้ำตาที่ไม่เหมือนทุกครา
เป็นความตื้นตัน เต็มตื้นที่เอ่อล้นอยู่ข้างใน รวิกานต์กอดท่านแน่น มีมือของปิ่นปักคอยปลอบโยนกระทั่งหยุดร้องไห้
หลังจากนั้นมือเล็ก ๆ ของเธอจึงทำแผลให้ปิ่นปัก แม้ว่าท่านจะเอ่ยห้ามก็ไม่ยอมหยุด
ค่ำคืนนั้นเธอหลับลงในอ้อมกอดของป้าปิ่นของเธอ ความอบอุ่นที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก ความสับสนและความหวั่นกลัวมลายลงไปมากโข
‘คุณหนูยังอยากไปทะเลอยู่ไหมคะ’
เสียงถามจากคนที่ลูบศีรษะเธอ
ทำให้รวิกานต์ผงกศีรษะขึ้นมอง
‘ถ้าอยากไปไว้ตาป้องกลับมา เราไปด้วยกันดีไหมคะ’
‘ไปค่ะ วิอยากไป’ นอกจากปิ่นปัก
ปกป้องคือคนที่เธออยากให้อยู่ด้วยกัน
คืนนั้นรวิกานต์หลับไปด้วยความสุขใจ อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึก และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา รวิกานต์ก็มีหลักยึด คือป้าปิ่นและพี่ป้องของเธอ ต่อให้เจอปัญหาอะไรทั้งสองคนก็จะประคับประคอง เป็นดั่งแสงสว่างในชีวิตที่มืดมนของเธอ
ป้าปิ่นในความทรงจำของเธอเป็นเช่นนี้ ท่านไม่เคยเปลี่ยนไปจากวันนั้น จนถึงวันนี้ แม้ว่าอีกคนจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แต่ท่านยังคงเหมือนเดิม ยังดีกับเธอไม่เปลี่ยน...
“ห้ามทิ้งวิไปนะคะ เราไม่ได้ไปทะเลด้วยกันนานแล้วนะ...” รวิกานต์เอ่ยขึ้นหลังจากจมกับความคิดของตน จมจ่อมสู่วันวานที่ผ่านมา หญิงสาวสัญญากับท่านเอาไว้ว่าหากเสร็จงานนี้จะไปทะเลด้วยกันอีกครั้ง
น้ำเสียงสั่นเครือทำคนเข้ามาใหม่นิ่งมอง มองจากตรงนี้รวิกานต์ดูแปลกไปจากทุกวัน และมักจะเป็นแบบนี้ในยามที่เธออยู่กับมารดาของเขาเพียงเท่านั้น น้ำเสียงออดอ้อนนั่น ทำให้เขารู้สึกเห็นเธอเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้นเมื่อครั้งยังเยาว์...
___________________________________________________
วิเหมือนมีแค่ป้าปิ่นที่เข้าใจ ที่อยู่เคียงข้าง และไม่เคยเปลี่ยนไปแบบพี่ป้อง >.<
วิเลยกลัวการจากลานี้เหลือเกินค่ะ T_T
ฝากเป็นกำลังใจให้วิด้วยนะคะ ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ :)
ความคิดเห็น