คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 ความฝันและความจริง... ช่างแตกต่าง [2]
ครึ่งชั่วโมงต่อมาร่างสวยที่ใครหลายคนยกให้เธอเป็นผู้หญิงสุดเพอร์เฟกซ์แห่งปี ก็มาอยู่ตรงใต้แสงสปอร์ตไลท์
“ดีครับ ดี” ช่างภาพเอ่ยชมเมื่อหญิงสาวโพสต์ท่าทางต่าง
ๆ รวมไปถึงสีหน้าและแววตาตรงกับคอนเซปต์ที่ต้องการได้เป็นอย่างดี
ปกป้องมองคนที่จมดิ่งไปกับงาน รวิกานต์สนุกกับมัน เธอชอบมันทั้งที่งานที่เธอทำอยู่ในตอนนี้เริ่มมากจากความขมขื่น มันมาจากการต่อสู้ที่เธอต้องฟันฝ่าเพื่อให้ในสิ่งที่ต้องการ เพื่อความฝันของเธอ และคนที่ต้องสู้ด้วยคือบิดาบังเกิดเกล้าของเธอเอง...
‘สิ่งที่แกทำมันไร้สาระ
เลิกคิดซะไอ้ร้านตุ๊กตาบ้าบอนั่นที่แกคิดจะทำ มันไม่สามารถทำเงินให้แกได้หรอก’
‘พ่อ...’
เขาจำได้ดีถึงแววตาและน้ำเสียงตัดพ้อ เพราะเติบโตมาด้วยกัน จึงเห็นความเป็นไปที่รวิกานต์ต้องเผชิญ ใครหลายคนอาจจะอิจฉาเพราะมองเพียงภายนอก
มองสิ่งที่เธอได้รับ แต่ไม่ได้เห็นในสิ่งที่เธอขาด
แตกต่างจากเขาที่ได้รับรู้สิงที่เธอเผชิญ เขารู้ดีทีเดียว...
‘อย่ามาเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระ
เวลาของฉันมีค่า และฉันจะบอกแกให้รับรู้เอาเลยนะว่า
ฉันจะไม่ให้เงินแกลงทุนกับอะไรที่ไร้สาระแบบนี้แน่’
เสียงนั้นขัดความคิดของปกป้อง ความเงียบเกิดขึ้นครู่หนึ่ง รวิกานต์ก็พูดออกมา
แววตามีประกายความหวัง ปกป้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
‘งั้นถ้าวิจะหาเงินเอง
พ่อจะไม่ห้ามใช่ไหม’
ครั้นได้ฟังจึงได้เข้าใจ
น้ำเสียงของเธอมีความหวัง ดวงตาคล้ายจะยิ้มได้ ทว่ามันกลับเลือนหายไป
เมื่อบิดาของเธอหัวเราะออกมา ปกป้องจำได้ดีมันคือเสียงหัวเราะที่ไม่ได้เกิดจากการขบขัน
และพอรู้ว่ามันคือการเย้ยหยัน ก่อนคำพูดยืนยันจะตามมา
‘คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบแกจะทำอะไรได้...’
แววตาเจ็บปวดของรวิกานต์ในยามนั้น ทำให้ปกป้องรู้ดีว่าเธอในตอนนั้นกำลังรู้สึกเช่นไร
เขาก้มหน้าลงไม่อยากเห็นมัน
‘แต่ถ้าวิทำได้ล่ะ’ จนกระทั่งเธอเอ่ยออกมาอีกครา น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวดวงตาของปกป้องมองไปที่เธออีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามได้
‘ทำได้ก็ช่างแกสิ แต่ฉันมั่นใจว่าคนแบบแกคงทำไม่ได้หรอก’
คนว่าพูดจบก็เดินจากไป ก่อนไปยังไม่วายหันมามองรวิกานต์
แล้วส่ายหน้าให้อย่างระอา ปกป้องหันมามองไปยังรวิกานต์
เด็กสาวกำหมัดแน่น มองคนที่เดินจากไปน้ำตาเอ่อ...
หลังจากวันนั้น เขาและบิดาของเธอคิดว่าเธอยอมแพ้ไปแล้ว
แต่หลังจากนั้นหนึ่งเดือนถัดมารวิกานต์กลับทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่าการเงียบของเธอไม่ใช่การยอมรับหรือยอมแพ้ ทว่ามันกลับตรงกันข้าม...
‘นี่อะไร’ หนังสือนิตยาสารเล่มหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะทางข้าวไม่เบานัก รวิกานต์หยิบมันขึ้นมาดู ปกป้องที่กำลังสอนการบ้านให้แก้วกัญญาอดไม่ได้ที่จะหันมองตาม
‘โห! สวยเหมือนกันนะเนี่ย วางเร็วกว่าที่คิดแฮะ’ หญิงสาวว่าเมื่อมองนิตยาสารบนโต๊ะ พลิกดูหน้าถัดไป
ใบหน้ามีรอยยิ้มราวกับพอใจ
‘ยัยวิ!’
‘เรียกเสียงดังทำไมคะพ่อ
วิก็อยู่แค่นี้’ รวิกานต์ว่าก่อนจะวางนิตยาสารลงและทานผลไม้ของเธอต่อ ส่งผลให้คนฟังสูดหายใจเข้าลึกคล้ายระงับอารมณ์ของตนเต็มที ก่อนจะถามออกไป
‘แกทำไปทำไม
เงินที่ฉันให้ไม่พอให้แกผลาญหรือยังไง ถึงได้ทำอะไรน่าอาย
ไร้สาระแบบนี้’
‘หึ! ไร้สาระหรือคะ’ เด็กสาวลุกขึ้นเผชิญหน้าแววตาเย็นชา
ความเจ็บปวดที่เคยมีไม่แสดงให้คนตรงหน้าเห็นเพราะรู้ดีว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร
ภายใต้ท่าทีเย็นชามีเพียงแววตาบ่งบอกได้ถึงความข่มขื่นของคนพูดได้เป็นอย่างดี
‘สำหรับพ่อสิ่งที่วิทำมันไร้สาระหมดแหละ
และสิ่งที่วิทำมันก็เพราะพ่อนั่นแหละ’
‘ฉัน... ฉันนี่นะ
ฉันสั่งให้แกทำตอนไหนอย่ามาพูดพล่อย กล่าวหา...’
‘พ่อเป็นคนบอกวิเองว่าให้วิหาเงินมาซื้อและลงทุนร้านตุ๊กตาเอง
พ่อจะให้วิทำ และตอนนี้วิก็มีแล้ว’ ครานี้หญิงสาวยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองดูภาพของตัวเองในหน้านิตยาสาร
‘สวยจัง มีรูปสวยๆ ให้มอง แถมยังได้เงินอีก ชีวิตดี๊...ดีจริงๆ เลยนะวิ’
‘นี่แก!...’ พูดได้แค่นั้น มือไม้ของบิดาเธอก็สั่นระริก ก่อนจะประกาศกร้าว
‘ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้แกทำ...’
‘วิจะทำ! ยังไงวิก็จะทำ!’
‘หึ! ถ้าแกทำมันจะถูกทำลาย ความอดทนของฉันขีดจำกัด’
ดวงตากลมโตของรวิกานต์บ่งบอกว่าตกใจกับคำพูดนั้น แต่ในนาทีต่อมาดวงตากลมโตก็กร้าวแข็ง
ไม่แพ้กับน้ำเสียงต่อมา
‘ถ้าพ่อทำลายมัน
ทำลายสิ่งที่วิรัก วิก็จะทำลายสิ่งที่พ่อรักเหมือนกัน’ รวิกานต์มองไปยังมุมหนึ่ง มองไปยังแก้วกัญญาที่ทำการบ้านอยู่กับปกป้อง
‘แกคิดจะทำอะไรยัยวิ!’
‘พ่อคิดว่าความอดทนของวิมีมากหรือไง
ไม่เลย! และวิก็จะไม่ทนอีก
ถ้าพ่อทำลายสิ่งที่วิรัก วิก็จะทำมัน...’
‘เพี้ยะ!’
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนหน้าของรวิกานต์ทำให้ปกป้องในวันนั้นตัวแข็งทื่ออย่างตกใจ ยิ่งมองรวิกานต์ที่น้ำตาไหลรินมือกุมแก้มตัวเอง
เท้าของเขาลุกขึ้นยืนอัตโนมัติ เขาอยากให้มีคนมาช่วยเธอ
เพราะกลัวรวิกานต์จะต้องเจ็บไปกว่าที่เป็นอยู่
แต่ในนาทีต่อมาก็รุ้สึกโล่งอกที่คนคนนั้นเข้ามาหา มองรวิกานต์และเหตุการณ์ตรงหน้า และเข้าใจได้ในทันที
‘คุณท่าน!’
มารดาของเขาเรียกประมุขของบ้านอย่างตระหนก ก่อนจะวางของว่างลง
แล้วตรงเข้ากอดคุณหนูของเธอ
‘อย่าตีคุณหนูอีกเลยค่ะ
ปิ่นขอเถอะค่ะ’ บอกพลางปลอบโยนด้วยการนำใบหน้าของรวิกานต์ซบกับอกท่าน
ปกป้องรู้ว่าเธอเจ็บ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องไห้สักแอะ
‘เอาเลย! อยากทำก็ทำไปเลย แต่อย่ามายุ่งกับแก้ว ปิ่นเอามันออกไป!’
‘ไปกันเถอะนะคะคุณหนู คุณหนูคนดีของปิ่น’
รวิกานต์เดินตามที่มารดาของเขาบอก ปกป้องมองตาม ปลายเท้าขยับเดินอัตโนมัติ
แต่ครั้นจะเดินต่อแก้วกัญญาก็เอ่ย
‘พี่ป้อง แก้วกลัว อย่าไปนะคะ’
ยามนั้นปกป้องไม่สามารถทิ้งแก้วกัญญาที่ดูจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และด้วยคิดว่ารวิกานต์มีมารดาคอยปลอบ
เขาจึงพยักหน้าให้แล้วปลอบ
‘ไม่ต้องกลัวนะ’
คำที่ปกป้องอยากบอกอีกคนใช้ปลอบหญิงสาวตรงหน้าแทน ใจภาวนาขอให้รวิกานต์ผ่านพ้นความเจ็บปวดที่ได้รับไปได้ และหวังว่าเธอจะเข้มแข็งขึ้นในเร็ววัน...
“พี่ป้อง! พี่ป้องคะ” เสียงเรียกพร้อมกับร่างของคนที่เขาคิดถึงอยู่ในภวังค์
มือที่โบกไปมาเรียกสติของปกป้องให้กลับมายังปัจจุบัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ท่าทีเหม่อลอยหายไปแทบจะทันที ก่อนชายหนุ่มจะถามกลับเสียงเรียบ
“เปล่า เสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ พี่ป้องรีบนี่ ไปกันเลยไหมคะ”
เพราะความเอาแต่ใจของเธอทำให้ปกป้องต้องมาคอยดูแล ไม่รู้ว่าเขามองกันเป็นภาระ ตัวน่ารำคาญหรืออะไร จะอย่างไรเธอก็ไม่สนขอแค่ความสุขเล็ก
ๆ น้อย ๆ ด้วยการมีปกป้องอยู่ข้างเธอเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายจนเกินไปจนให้เขาไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง...
เธอกลับชอบและยิ่งรู้สึกมากมายกับคนตรงหน้าเพราะงานของเขาคือการเสียสละ
จะว่าไปมันคืออาชีพที่เธอใฝ่ฝัน แต่เพราะสมองเจ้ากรรม
ไม่มีศักยภาพมากพอรวิกานต์จึงถอยออกมาตั้งแต่เนิ่น ๆ
และด้วยรู้ดีว่าเธอยังมีสิ่งที่รักและทำได้ดี
อีกทั้งสามารถช่วยผู้อื่นได้ไม่ต่างกันรวิกานต์จึงปล่อยสิ่งนั้นไป
และเธอภูมิใจในตัวเขาอย่างที่สุดที่เขาเลือกทำมัน
“อื้ม” เสียงตอบรับปลุกรวิกานต์ออกจากภวังค์ ชายหนุ่มรับคำพลางลุกขึ้นยืน
ตอนนี้เองที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงส่งเสียงร้องขึ้นมา
มือหนากดรับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อน พ่วงตำแหน่งนายแพทย์ประจำของมารดา
“ว่าไง อะไรนะ! เออ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“มีอะไรคะพี่ป้อง
หรือว่า...” ครั้นรวิกานต์เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็พอจะคาดเดาได้
เพียงแค่คิดความหวาดหวั่นพลันมาสู่ใจ
“แม่...”
“ป้าปิ่น...” หญิงสาวครวญเสียงแผ่วเมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างที่คาดคิด
ทว่าในนาทีต่อมากลับเป็นฝ่ายคว้าฉวยเมือหนาเสียเอง
“รีบไปกันเถอะค่ะ”
เธอหยิบกระเป๋าของตัวเอง
แล้วจับจูงพาเขาออกไปจากสถานที่ทำงานของเธอในทันที
__________________________________________________________
วันนี้พาไปย้อนวันวานที่ไม่หวานของวิค่ะ ไม่หวานแล้วซ้ำยังขมอีกต่างหาก ภายใต้ความสมบูรณ์แบบของวิซ่อนอะไรเอาไว้มากมายค่ะ แต่นี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น !!
มีตัวละครใหม่เข้ามา และตัวละครที่สำคัญสำหรับวิและพี่ป้อง คือแม่ปิ่นของพี่ป้องและป้าปิ่นของวิ เกิดอะไรขึ้นมาติดตามอ่านไปด้วยกันนะคะ ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ :)
ความคิดเห็น