ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอมรัก โดย จุมพิตหวาน (ปลอบขวัญ)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 ความฝันและความจริง... ช่างแตกต่าง [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      19
      11 เม.ย. 63



    บทที่ 1  

    ความฝันและความจริง... ช่างแตกต่าง



     

                   เสียงเพลงคลาสสิกดังแว่ว  ผู้คนนับร้อยต่างมองไปยังจุดเดียว  นั่นคือหญิงสาวในชุดเจ้าสาว  สีขาวดูสวยบริสุทธิ์และคงความสง่างามเพราะรูปร่างสะโอดสะองของผู้สวมใส่  ปลายกระโปรงยาวลากพื้นห้องของสถานที่ซึ่งใช้จัดงานวิวาห์และเป็นสถานที่กล่าวคำสัญญารักที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

                   รวิกานต์ยิ้มหวานอยู่ในตาข่ายที่คลุมใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง  มือข้างหนึ่งจับคล้องอยู่กับแขนของบิดา  ส่วนอีกข้างมันชื้นไปด้วยเหงื่ออยู่ข้างกระโปรงฟูฟ่องของชุดสวย  หัวใจเต้นถี่ระรัว  และยิ่งถี่แรงขึ้นเมื่อมองไปยังปลายทางข้างหน้า

                   ใครคนนั้นส่งยิ้มอบอุ่นมาให้  เป็นรอยยิ้มอบอุ่นคุ้นเคยที่ทำให้เธอหลงรักตั้งแต่ครั้งยังเยาว์  ก่อนที่แขนแข็งแรงจะยื่นมาตรงหน้า  เมื่อบิดาพาเธอมาถึง  ที่ซึ่งมีเขายืนรออยู่  รวิกานต์ผละจากบิดาก่อนจะวางมือลงไปบนแขนของคนที่ยื่นมา  นาทีถัดมาคนทั้งสองจึงพากันเดินไปยังจุดที่ต้องเอ่ยคำมั่นสัญญาแห่งรักต่อหน้าผู้คนมากมาย

                   เสียงเอ่ยกังวานของบาทหลวงดังขึ้น

                   “ปกป้อง คุณจะรับรวิกานต์เป็นภรรยาของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเธอและให้เกียรติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

                    รวิกานต์มองรอยยิ้มของคนข้างกายที่หันมาหากัน  และรอคอยให้เขาพูดถ้อยคำตกลงเป็นสัญญา  

                   ทว่า...

     

                   “คุณหนู!  คุณหนู  ตื่นได้แล้ว!”

                   คิ้วสวยขมวดมุ่น  ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเวลาต่อมา  ครั้นได้รับรู้ว่าเสียงนั้นดังอยู่ตรงข้างเตียง  ก็ลุกขึ้นนั่งเตรียมจะ  ‘เกรี้ยวกราด’  ใส่คนที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมาจากความฝันแสนหวานที่อยากให้เป็นความจริง

                   ทว่าทันทีที่หันไปมอง  รวิกานต์ก็ปิดปากฉับ  เพราะเขาคือคนที่อยู่ในความฝันแสนหวานของเธอ

                   พี่ป้องของเธอ...

                   “สายแล้วครับ  ให้เวลา 20 นาที”  เขายกมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วบอกเสียงเรียบ

                   “20 นาที  วิจะทันได้ยังไง  ทำไมพี่ป้องไม่มาปลุกวิเร็วกว่านี้ล่ะ”  หญิงสาวแหวใส่  แต่อีกฝ่ายกลับมองนิ่งแล้วหันไปหานาฬิกาข้อมือต่อ  แล้วเร่งบอก

                   “เหลืออีก  19  นาที...”

                   “พี่ป้อง!”

                   “19  นาที  58  วินาที  19  นาที  57  วิ...”

                   “พี่ป้องบ้า!”  

                   ว่าแล้วสาวเจ้าก็กระโดดลุกขึ้นจากที่นอน  ก่อนจะวิ่งปรู๊ดหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ

                   “โครม!”  ครั้นเสียงประตูปิดลงโครมใหญ่  สีหน้าราบเรียบเมื่อครู่ก็เผยรอยยิ้มมุมปากอออกมาเพียงเสี้ยววินาที  ก่อนจะกลับมาราบเรียบเช่นเดิม    ใบหน้าส่ายไปมาคล้ายจะอ่อนใจกับคนในห้องน้ำ

                   ดวงตาคู่คมกวาดตามองรอบห้อง  แล้วส่ายหน้าอีกรอบเมื่อเห็นสภาพห้องนอนของหญิงสาว  มือหนาหยิบผ้าห่มมาพับแล้ววางลงตรงปลายเตียงนอน  ก่อนจะคว้าเอาเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ข้างเตียงไปหย่อนลงตะกร้า

                   ชายหนุ่มเก็บไปเรื่อยไม่เว้นแม้กระทั่งชุดชั้นในสีแดงแสบตาที่วางอยู่อีกด้านของเตียง

                   “ผู้หญิงอะไร”  ปกป้องบ่นออกมาเบาๆ  เมื่อเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จแล้วมานั่งลงตรงปลายเตียง  ก่อนดวงตาคู่คมจะไปหยุดอยู่ตรงตุ๊กตารูปแมว  ดวงตาเรียบเฉยพลันอ่อนแสงลง

                   ในห้องของรวิกานต์มีตุ๊กตาหลายตัว  แต่มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าให้อยู่บนเตียงข้างหมอนที่หญิงสาวใช้หนุนนอน  ชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อจดจำได้ว่าเขาคือเจ้าของมัน  เจ้าแวมไพร์...

                   เสียงปิดน้ำหยุดลง  คนตัวสูงจึงลุกขึ้นจากเตียงเตรียมจะออกจากห้อง  ทว่าไม่ทันเสียแล้ว

                   “พี่ป้องขา  ในห้องไม่มีชั้นใน  พี่ป้องลืมจัดมาใช่ไหมคะ”  เสียงบอกนั้นมาจากคนที่เปิดประตูแง้มใบหน้าออกมา  มือบางยกเส้นผมที่เปียกน้ำที่คลอเคลียอยู่ข้างลำคอ  เปิดเผยลำคอขาวผ่อง  ลาดไหล่มน  ส่งสายตาหยาดเยิ้มไปหาคนที่มองนิ่ง

                   “เหลืออีก  12  นาที  ถ้าสายคุณหนูคงต้องไปกับ...

                   “โครม!”

                ท่าทียั่วยุหายไปทันที  หญิงสาวหน้าบึ้งก่อนจะปิดประตูลงโครมใหญ่  ปกป้องยิ้มออกมา  คาดว่าเจ้าหล่อนคงกลับไปจัดการสวมชั้นในและเสื้อผ้าที่เขาจัดไว้ให้อยู่ในห้องแต่งกายซึ่งเชื่อมต่อกับห้องน้ำ                      

                   แม่จอมวุ่นยั่วโทสะเขาได้ไม่เว้นวัน  และเพราะเธอรู้ดีทีเดียวว่าเขาไม่เคยคิดขู่  เพราะหากแต่งตัวไม่ทันรวิกานต์จะต้องไปกับคนขับรถของที่บ้าน 



     

    สิบนาทีต่อมารวิกานต์ก็มานั่งอยู่ข้างๆ  คนขับ  มือกดถ่ายรูปแล้วทำอิริยาบถต่าง ๆ  เพราะอยู่กับคนที่เธอไว้ใจที่สุดในชีวิต  เลยเลือกทำออกมาโดยไม่สนใจว่าต้องวางท่าทีอย่างไรผิดกับเวลาที่อยู่ด้านนอก  แต่ครั้นได้รับเสียงดุๆ  ดังขึ้น

    คุณหนู...

    เสียงนั้นมาพร้อมกับดวงตาดุๆ  รวิกานต์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายขัดใจ  ก่อนจะบ่นออกมา

    รู้แล้วน่า  ก็ต้องลืมกันบ้าง  พี่ป้องไม่เคยลืมหรือไง”  หญิงสาวว่า  ดวงตาละออกจากโทรศัพท์  แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรู้หน้าที่

    ลืมเรื่องอะไรก็ลืมได้...

    ลืมเรื่องอะไรลืมได้ แต่เรื่องความปลอดภัยต้องมาอันดับหนึ่ง  ค่ะๆ  วิจำได้ค่ะ”  หญิงสาวว่าพลางทำหน้ายุ่งใส่   ก่อนจะกลับไปถ่ายรูปต่อ  เห็นดังนั้นสารถีหนุ่มจึงขับรถออกจากคฤหาสน์หลังโต



     

    หนึ่งชั่วโมงต่อมา  รวิกานต์ก็มาถึงที่หมายพอดิบพอดี  หญิงสาวทักทายผู้สูงวัยกว่า  ก่อนจะไปยังห้องประจำของตัวเอง

    ปกป้องมองอย่างพอใจ  เมื่อมองถึงการกระทำที่ยอมเปลี่ยนแปลงของเจ้าตัว  ซึ่งแตกต่างจากครั้งแรกที่เขาพาเธอมาทำงาน  จะว่าไปรวิกานต์ยอมเปลี่ยนหลายๆ  อย่างเพียงเพราะเขาบอกให้ทำ...

    คุณวิมาแล้ว  นั่งตรงนี้เลยค่ะ  คุณน้อง” 

    เสียงของคนใจเป็นหญิงในร่างชายเอ่ยบอก  พร้อมการผายมือเชื้อเชิญให้รวิกานต์นั่งลง  หลังจากนั้นจึงหันไปคว้าอุปกรณ์เพื่อมาจัดการหน้าที่ของตัวเอง

    แต่ครั้นสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาพร้อมกระเป๋าของรวิกานต์แล้ววางไว้ใกล้ๆ  ก็อดลอบมองไม่ได้

    ผู้ชายอะไรผิวขาวผ่อง  ขาวมีออร่าสปอร์ตไลท์ไม่ต้องเสริมก็ยังขาวจนผู้หญิงไม่แท้อย่างเธอและผู้หญิงแท้บางคนยังต้องอาย  ไหนจะปากได้รูปนั่นมันแดงโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติก  แม่เจ้า!  น่าจูบเป็นบ้า!

    คนแอบคิดไม่ซื่อคิด  และครั้นคนคนนั้นหันมามายิ้มให้ท่าทีเป็นมิตร  ช่างแต่งหน้าอย่างเธอก็ยิ้มตอบ  มือยกขึ้นทัดผมที่ไม่ได้ยาวเลยสักนิดกับใบหูอย่างขวยเขิน

    ก็เพราะว่าพบไม่บ่อยนักหรอกที่คนหล่อไม่นึกรังเกียจเพศที่สามอย่างเธอ  โอย...น่ากิน  น่ากินมากเอ้ย!  น่ารักมาก  น่ารักเป็นบ้าเลยพ่อคุณ...

    อะแฮ่ม!”  เสียงกระแอมไอไม่เบานักของคนที่ก้มมองดูโทรศัพท์เมื่อครู่มาพร้อมกับดวงตาดุ  ราวกับคน  ‘หวงของ’  ทำคนแอบมอง  ‘ของ’  ที่น่าจะมี  ‘เจ้าของ’  นั้นจำต้องยิ้มจืดเจื่อนให้

    จะแต่งได้หรือยังคะพี่จูลี่”  น้ำเสียงนั้นนิ่ง  ดวงตาคู่สวยมองมาราวกับแม่เสือที่พร้อมจำขย้ำกินเลือดกินเนื้อขบหัวกันอยู่รอมร่อ  จนต้องรีบบอกเสียงอ่อยออกไป

    ค่ะๆ  ขอโทษค่ะน้องวิ

    ขอโทษกับการละเลยต่อหน้าที่  รวมทั้งขอโทษเป็นนัยกับเรื่องที่เพิ่งทำไปด้วย  หวังว่าสาวเจ้าคงลดความขุ่นข้องหมองใจบ้าง 

    หลังจากนั้นคนร่างกายเป็นชายแต่ใจหญิงก็หันมาสนใจใบหน้าสวยไร้ที่ติและจำใส่ใจ  ใส่สมองไปจนวันตายว่าจะไม่ยุ่งกับคนของเจ้าหล่อนอีก

    เพราะรู้ดีว่าหากลองได้ใครมีเรื่องกับรวิกานต์สิบอกเลย  หายนะบรม!


    __________________________________________________________


    เอาบทแรกมาให้ทำความรู้จักกับพระนางของเรื่องค่ะ ยัยวิอาจจะแตกต่างจากนางเอกคนอื่นของไรต์สักเล็กน้อยนะคะ เอ๊... หรือไม่น้อยกันนะ ?? มาทำความรู้จักกันเรื่อย ๆ แล้วค่อยตัดสินกันอีกทีก็ได้ค่ะ ^^

    แต่อยากบอกว่าวิอาจจะไม่เรียบร้อยเช่นนางเอกส่วนใหญ่ของไรต์ ยั่วเป็นยั่ว วีนเป็นวีน (คงเห็นกันแล้วจากบทแรก >//< ) แต่วิมีเหตุผลที่เป็นแบบนี้ค่ะ ส่วนพี่ป้องดูจะเคร่งขรึม พ่อคุณของวิจะเป็นแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า มาอ่านไปด้วยกันนะคะ :)

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ <3

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×