คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : ก้าวแรกของมิติเดินทาง [50% ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอ่านรวดเดียว]
Chapter 1 : ก้าวแรกของมิติเดินทาง
“พร้อมรึยังเซียร์”ผมหันไปตามเสียงเรียกของพี่สาวคนเดียวของผม ‘เฟริน่า’ พี่สาวผู้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเพราะเธอเป็นถึง ‘เทพ’
อ๊ะ!! ผมคงลืมแนะนำตัวไปสินะครับ ผมชื่อ เกรโทเซียร์ เดอร์ เดรทโทรัส เฮโดเวล เรียกสั้นๆว่าเซียร์ก็ได้ครับ ไม่ว่าอะไรกัน…
…ก่อนอื่นขอย้อนความสักนิด โลกที่เราอาศัยอยู่ตอนนี้มีมิติทับซ้อนและแตกแยกออกเป็นพันๆมิติ และที่ผมและพี่สาวกำลังจะไปนั้นคือ ‘มิติไกอา’ มิติที่รวมทุกสรรพชีวิต มิติที่เปิดโรงเรียนสำหรับผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์
จริงๆแล้วผมก็มีน้องสาวอีกคนนะชื่อ ‘เฟียร์’ แต่เธอเป็น ปิศาจ หากพวกคุณสงสัยว่าทำไมพี่ผมเป็นเทพ น้องผมเป็นปิศาจได้ไง ขอบอกตรงๆเลยว่าผมก็ไม่รู้ครับ
เลิกพูดถึงเรื่องนั้นไปก่อนคราวนี้กลับมาสู่ปัจจุบัน ตอนนี้พวกผมกำลังอยู่ที่สนามบินพิเศษที่ต้องใช้พลังเหนือธรรมชาติในการเข้ามาแน่นอนว่ามีตั้งแต่ เวทมนตร์ พลังจิต ลมปราณ ตามกระแสแฟนตาซีที่หลายๆท่านรู้จัก
และดูเหมือนว่าในมิติมนุษย์แห่งนี้จะมีคนไปเที่ยวต่างมิติกันเยอะพอสมควร…
“คนเยอะจังพี่”ผมพูดกับพี่สาวของตัวเองเบาๆ อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มน้อยๆก่อนจะไล่มองดูตัวเลขบนเครื่องบินแต่ละลำ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ท้ายๆแถว
“เจอแล้วล่ะ เบอร์ 72”ผมพยักหน้ารับเบาๆ แต่ด้วยความที่ว่าคนในสนามบินนี้ค่อนข้างจะเยอะเป็นพิเศษซึ่งขอบอกได้เลยว่าทุกคนในที่นี้ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ใช้พลังจิต ก็เป็นพวกเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ทั้งนั้น ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะพาพี่สาวของผมไปอย่างสบายๆ
เปรี๊ยะ!! เสียงเหมือนกระแสไฟฟ้าช็อตเพียงเล็กน้อยร่างของผมและพี่สาวถูกถูกผมจับมือไม่ถึงสิบวิก็หายไปจากจุดเดิมอย่างไร้ร่องรอย ก่อนที่จะมาปรากฏตัวขึ้นหน้าทางขึ้นเครื่องบินหมายเลข 72
“เข้าไปกันเถอะครับพี่”ผมหันไปยิ้มให้บางๆ พี่สาวผมเพียงส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะพากันเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในเครื่อง…นั่นคือเรื่องดีของสายการบินนี้เพราะคุณจะได้ไม่ต้องกลัวว่ากระเป๋าจะตกเครื่อง
เครื่องบินที่ผมนั่งนั้นเป็นเครื่องบินที่จะไปจอดยัง ‘เรียนาเซย์’ โรงเรียนที่รับสอนตั้งแต่อนุบาลยันปริญญาเอก ซึ่งแน่นอนว่ามีสนามบินอยู่ภายในโรงเรียน
“งวดนี้มีคนไปแค่ห้าคนเองหรอเนี่ย”พี่สาวผมพูดออกมาเบาๆ ผมกวาดสายตาไปทั่วเครื่องบินก่อนจะเจอเข้ากับผู้ชายคนแรก เป็นชายร่างเล็กผิวสีขาวซีดสวมเสื้อผ้าชุดสีดำ ดวงตาข้างขวาเป็นสีฟ้าส่วนข้างซ้ายเป็นสีชมพูไว้ผมยาวประมาณต้นคอสีม่วง และถ้ามองไม่ผิดบนไหล่ขวามีแมงมุมสีดำขนาดเท่าฝ่ามือนอนนิ่งอยู่ด้วย
ถัดจากคนแรกไปเกือบสอบแถวมีร่างของชายคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมกันหนาวแถมยังนั่งทำท่าหนาวสั่นอยู่ตลอดเวลา ดูจากอายุแล้วน่าจะเท่ากับคนแรกคือไม่เกิน 18 ไว้ผมสีเงิน ตาสีทอง ผิวซีดน้อยกว่าคนแรกหน่อยๆ เหนือหัวตรงที่วางกระเป๋ามีกรงนกอินทรีย์ห้อยไว้ ข้างในมีนกอินทรีย์ตัวเท่าสุนัขพันชิสุอยู่หนึ่งตัว นอกนั้นก็มีเพียงกระเป๋าใบหนึ่งที่วางพาดอยู่ข้างตัว
พอมาถึงคนที่สามมันทำให้ผมดูออกได้ทันทีเลยว่าเป็น ‘เอลฟ์’ แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะเป็นเอลฟ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยก็ยังมีส่วนที่คล้ายกับมนุษย์มากเช่นหูที่ยาวออกมาเพียงแค่ไม่กี่เซ็น ผมสีแดงแจ๊ดเหมือนพวกนักร้องวงร็อค อายุน่าจะน้อยกว่าสองคนแรกไม่ต่ำกว่าปีถึงสองปี ข้างกายมีดาบสองเล่มพาดด้วยธนูอีกหนึ่งคันแถมด้วยบนตักมีลูกสุนัขสีขาวตัวหนึ่งกำลังนอนขดตัวกลม
ที่นี้ก็มาถึงคนที่สี่ เป็นหญิงสาวที่นั่งอยู่แถวหลังสุดฝั่งขวา และคนนี้เป็นคนเดียวที่ผมยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเธอเป็น ‘เมดูซ่า’ ดวงตาทั้งสองข้างที่เป็นสีแดงเลือดของเธอมองมาที่พวกผมเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปเหมือนเดิม มือขาวซีดของเธอยกขึ้นลูบเส้นผมสีดำยาวสลวยของเธอเบาๆ เพียงแต่ภายใต้เส้นผมนั้นมีงูสีดำสนิทอยู่ไม่น่าต่ำกว่าสิบตัว
คนที่ห้านี้แปลกสุดถึงแม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนคนที่สี่แต่ร่างกายดูเหมือนจะโปร่งใสเล็กน้อย ผมและตาเป็นสีชมพูเพียงแต่ไว้ยาวถึงประบ่า สวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมสีเดียวกันข้างกายมีเพียงไม้เท้าอันหนึ่งว่างสงบไว้…
…และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ…
‘ที่บ้านให้กินอะไรกันฟะ หน้าตาดีกันทุกคนแถมหุ่นแต่ละคน…’ผมเผลอสบถในใจไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งแถวที่สองแถวข้างหน้าของชายคนแรก
หลังจากเครื่องบินออกไปได้ไม่ถึงห้านาทีหญิงสาวที่ดูโปร่งใสมากที่สุดก็ ‘ลอย’ เข้ามาหาพวกผมโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ ‘พี่สาว’ ผมนั่นเอง
“ขอโทษนะค่ะ…คุณใช่คุณเฟริน่าหรือเปล่าค่ะ”หญิงสาวที่ร่างกายโปร่งใสถามออกมาอย่างไม่ค่อยจะมั่นใจ ทว่าเมื่อพี่สาวของผมพยักหน้าให้เธอก็ฉีกยิ้มร่าก่อนจะพูดออกมาอีกรอบ
“ดีใจจังที่ได้เจอ รบกวนช่วยเซ็นให้หน่อยได้ไหมค่ะ”
“ได้จ๊ะ!”พี่สาวผมรับคำอย่างสบายๆก่อนจะจัดการใช้ปากกาและกระดาษที่ได้รับจากหญิงสาวโปร่งใสเซ็นให้อย่างรวดเร็ว
“นี่จ๊ะ!!!”
“ขอบคุณค่ะ!! ว่าแต่นั่น…”ทันทีที่ได้ของคืนเป้าหมายของเธอก็กลายมาเป็นใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆพี่สาวของผม แน่นอนว่านั่นหมายถึง…
…ผม…
“อ๋อ น้องชายนะค่ะพึ่งมาปีนี้ปีแรก”ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มก่อนจะพยักหน้าน้อยๆเป็นการทำความเคารพ
“เอ๋!! ถ้าอย่างนั้นก็ปีเดียวกันหมดทั้งเครื่องเลยหรอค่ะ”เธอร้องออกมาอย่างตกใจ ผมเบิกตาเล็กๆเมื่อได้ยินเรื่องนั้น แสดงว่าบุคคลอีกห้าคนด้านหลังเองก็พึ่งจะเข้ามาปีนี้เป็นปีแรก
“ว้าว!! ไม่ถึงโรงเรียนก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มแล้วแฮะ”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่เดินมา ร่างขนาดเล็กของชายที่มีตาสองสีผู้มีแมงมุมเกาะอยู่บนหัวไหล่เดินเข้ามาถึงแถวที่พวกผมนั่ง
“หวัดดี ฉันชื่อเมลินด้า การ์ดเนอร์ เผ่าแวมไพร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”ผมพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือไปจับกับมือของอีกฝ่ายที่ยื่นออกมา ทว่าทันทีที่สัมผัสกับผิวสีซีดมันกลับทำให้ผมบรรลุความจริงอย่างหนึ่ง
“ผู้หญิง?”ผมพึมพำออกมาเบาๆ ทว่าอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับน้อยๆ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเกียรติผมเลยแนะนำตัวเองออกไปบ้าง
“เกรโทเซียร์ เผ่าเทพอสูร เรียกเซียร์ก็ได้ไม่ว่ากัน”สิ้นเสียงของผมแวมไพร์สาวก็ทำท่าตกใจพอสมควร โดยเฉพาะส่วนของปากที่อ้ากว้างจนแมลงวันบินเข้าไปได้ฝูงใหญ่
“ปีนี้มีเทพอสูรด้วยหรอเนี่ย”หญิงสาวร่างโปร่งใสเอ่ยออกมาอย่างอึ้งๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกับใครสักคนเลย
“ฉันชื่อ เซนนิต้า วิสาริเฟรีย เผ่าวิญญาณบริสุทธิ์จ๊ะ”ผมพยักหน้ารับเบาๆ
“ไหนๆก็อยู่ปีเดียวกันแล้วไม่ไปนั่งคุยด้วยกันข้างหลังล่ะ”เมลินด้าพูดเสนอขึ้น ผมเองก็ไม่ได้ขัดข้องเช่นเดียวกับเซนนิต้า ผมจึงย้ายตัวเองไปอยู่แถวที่สามจากด้านหน้าและนั่นทำให้ผมได้รู้จักกับผู้ชายคนแรกของเครื่องบินลำนี้
“นายชอบปืนงั้นหรอลาสต์ไวซ์”ผมหันไปถามเพื่อนใหม่ที่ตอนนี้เลิกทำท่าหนาวหันมาขัดปืนที่หยิบขึ้นมาจากกล่องข้างตัว มันเป็นปืนกลยาวที่ดูเรียบๆไม่มีพิษสงอะไรแม้แต่น้อย
“อืม…ไม่ต้องเรียกเต็มหรอก ไวซ์เฉยๆก็พอ”ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะหันไปหาเมลินด้าและเซนนิต้าที่ไปลากเอลฟ์หนึ่งเดียวบนเครื่องมาสนทนาด้วยและแน่นอนว่าไม่ได้มาเดี่ยวๆ เอลฟ์เพียงคนเดียวของเครื่องบินลำนี้ได้พาหมาสีขาวที่บัดนี้โดนเซนนิต้าเอาไปกอดเป็นที่เรียบร้อย
“เอ๋!! นายเป็นลูกครึ่งเอลฟ์กับมนุษย์หรอกหรอ”เมลินด้าร้องออกมาเสียงดังเมื่อได้เห็นพวกลูกครึ่งสายพันธุ์อื่นนอกจากเทพอสูร ทว่าคนครึ่งเอลฟ์ผู้นี้กลับยิ้มน้อยๆเป็นการยอมรับอย่างไม่อิดออด
“ครับ ส่วนเจ้าเซฟี่นั่นเป็นลูกของหมาป่าขาวนะครับ”เมื่ออีกฝ่ายเบนเรื่องที่จะพูดไปลงที่เข้าหมาตัวน้อยทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่ลูกสุนัขตัวนี้อย่างตาเป็นมัน
“น่ารักจัง!”เซนนิต้ายิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีกจนผมได้ยินเสียง ‘อั่ก’ ดังออกมาเบาๆจากปากของหมาน้อยตัวนี้ ทว่าก่อนที่จะนึกอะไรได้ผมก็หันไปมองหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดโดยไม่พูดคุยกับใครแม้แต่น้อย
“เซนนิต้า ไม่ไปชวนเธอมานั่งด้วยกันล่ะ อยู่ปีเดียวกันนี่”ผมหันไปถามเซนนิต้าเบาๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าน้อยๆแล้วกระซิบตอบผมเบาๆ
“ไม่ได้หรอก แค่เข้าไปใกล้ๆก็ไม่ได้แล้ว แถมยังมองตาไม่ได้อีกต่างหาก”ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก็ไม่แปลกเผ่าเมดูซ่ามีเส้นผมและดวงตาเป็นอาวุธชั้นยอด…
…แต่ผมก็ปล่อยไว้ไม่ได้เหมือนกัน
“เฮ้! เอาจริงหรอ”รูนหรือคนครึ่งเอลฟ์ถามผมเบาๆเมื่อเห็นผมลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินไปหางูสาวด้านหลัง ทว่าคนที่ตอบคำถามนี้แทนผมคือชายที่นั่งขัดปืนอยู่นาน ไวซ์นั่นเอง
“นายคอยดูอยู่เฉยๆดีกว่านะรูน”คำตอบที่เหมือนไม่ได้ตอบทำให้รูนต้องละสายตาจากอีกฝ่ายไปมองจุดเกิดเหตุแทน
“นี่ ไม่ไปนั่งคุยด้วยกันหรอ”เพียงพริบตาที่ผมมาถึงและเข้าไปทักอีกฝ่ายเส้นแสงสีดำก็พุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วจนเจ้าของสิ่งนั้นไม่อาจห้ามทัน
หมับ!!! ผมจับเข้าที่สิ่งนั้นอย่างแม่นยำ ร่างของงูสีดำสนิทปรากฏขึ้นในมือของผมในสภาพที่ขู่ฟ่อๆอย่างน่ากลัว
“ผมไม่ทำอะไรเจ้านายแก่หรอก งูน้อย”ผมพูดพร้อมกับลูบหัวมันเบาๆ งูตัวเท่าแขนสีดำสนิทก็สงบท่าทีลงอย่าน่าเหลือเชื่อ ก่อนจะเลื้อยพันขึ้นมาตามแขนแล้วนอนสงบนิ่งอยู่บนหัวไหล่
เจ้าของงูตัวยักษ์เงยหน้าขึ้นมาจ้องผมทว่าเส้นผมสีดำสนิทกลับปิดตาของเธอจนไม่อาจจะมองเห็นหน้าครึ่งบนได้อย่างชัดเจน ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะส่งงูยักษ์บนไหล่คืนให้เจ้าของแล้วปัดผมที่ปิดหน้าเธอออกเบาๆจนเผยให้เห็นดวงตาของเธอ
ว้าย!! เสียงร้องเบาๆของเมลินด้าที่คิดว่าผมจะกลายเป็นหิน ทว่าผมกลับยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตากลมโตสีทับทิมที่ส่องประกายแวววาว
“ตาสวยจังนะครับ”สิ้นคำพูดของผมเธอก็รีบเอาผมลงมาปิดหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้าไปซุกกับหมอนข้างตัวที่ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไร
“นายไม่โดนคำสาปเล่นงาน เป็นไปได้ไง”รูนกับเซนนิต้าพูดออกมาพร้อมกัน ผมเพียงส่ายหน้าให้น้อยๆก่อนจะถอยไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งซ้ายของเมดูซ่าสาวซึ่งว่างยาวก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อนๆทั้งหลายให้มา
“คำสาปของเมดูซ่านะไม่ได้ผลกับผมที่เป็นมิตรกับความมืดและแสงสว่างหรอกนะ”ผมพูดออกมาเบาๆ เมดูซ่าสาวเองก็หันมามองผมอย่างตกใจ เพื่อนๆทั้งหลายที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งมาอยู่ด้านหลังผมเรียงต่อกันไปเป็นแถวๆ
“เธอนะคุมมันไม่ได้สินะ คำสาปนั่นนะ”อีกฝ่ายพยักหน้ารับคำพูดของผมเบาๆ ผมเพียงหัวเราะน้อยๆก่อนจะกางฝ่ามือออกไปด้านหน้าเมดูซ่าสาว
วิ้ง!! ละอองแสงสีดำและขาวลอยเข้าไปแปะอยู่บนตัวของเมดูซ่าสาวก่อนจะซึมหายเข้าไปตามผิวหนัง ไอสีดำแดงลอยออกมาจากตัวของเธออย่างรวดเร็ว
“ที่เธอคุมมันได้นะเพราะว่ากระแสพลังในตัวมันปั่นป่วนแล้วต่อต้านกันเอง แค่ปรับอะไรนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว”สิ้นคำพูดของผม เซนนิต้าที่อยากรู้ว่าจริงรึเปล่าเลยรีบลอยตัวไปอยู่ด้านหน้าเมดูซ่าสาวอย่างรวดเร็ว
“นี่อย่าหลบตาสิ”ผีสาวร้องออกมาอย่างขัดใจ ผมเลยต้องเดินไปนั่งข้างๆเธอแล้วสะบัดมือหนึ่งครั้ง สายลมพัดอย่างรุนแรงจนเปิดเส้นผมที่บดบังใบหน้าของอีกฝ่ายออกจนหมด ด้วยความตกใจนัยน์ตาสีทับทิมจ้องมองไปที่ดวงตาของวิญญาณสาวอย่างรวดเร็ว…
…และมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น…
“เห็นไหม เธอควบคุมมันได้แล้ว”ผมพูดออกมาเบาๆ เมดูซ่าสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างยินดีทว่าทันทีที่ลมหายไปผมทั้งหมดก็ตกลงมาปิดหน้าเหมือนเดิม เซนนิต้าและมิลินด้าที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันเลยรีบวิ่งมาจัดการกับผมของเมดูซ่าสาวอย่างรวดเร็ว…
…ส่วนผู้ชายอย่างพวกผมก็โดนเนรเทศออกไปอีกฝั่ง…
…น่าเศร้าชะมัด!!!...
“ท๊าด๊าม!!!”เสียงตะโกนของสองสาวเมลินด้าและเซนนิต้าดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงจนผมและไวซ์ถึงกับสะดุ้ง สายตาของผมและเพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่มหันหน้ากลับไปมองตามต้นเสียง
อ๊อก!!! เลือดกำเดาพุ่งพรวดออกมาจากจมูกของไวซ์ที่กำลังเช็ดปืนอย่างถนุถนอม เพียงเพราะสายตาหันกลับไปสบกับบางสิ่งบางอย่างที่ถูกเมลินด้าและเซนนิต้าขนาบข้าง
‘โมเอะ!!!’นั่นคือเสียงในใจของไวซ์…ดับอนาถ
ผมมองดูเมดูซ่าสาวที่บัดนี้กลายเป็นหญิงสาวที่สวยงามไม่แพ้สองคนด้านข้าง ผมที่เคยยาวปรกหน้าถูกตัดออกให้กลายเป็นหน้าม้า ผมที่เคยยาวจนถึงเอวถูกรวบขึ้นมาส่วนหนึ่งมัดเป็นเปียร์เอาไว้ด้านหลังส่วนเหล่างูน้อยที่อยู่บนหัวของเมดูซ่าสาวก็กลายเป็นเส้นผมสีแดงแซมน้อยๆพองาม
บนดวงตาสีทับทิมมีแว่นกรอบกลมสีดำประดับเอาไว้ พร้อมกับใบหน้าที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้น้อยๆยิ่งทำให้ผมได้รับความยืนยันว่า…
…ไวซ์เป็นโรคแพ้โมเอะ…
“น่ารักดีนะ”สิ้นเสียงเหมือนผมจะได้ยินเสียง ‘ซู่’ ออกมาเบาๆก่อนที่เธอจะตัวอ่อนล้มลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายก็ต้องลำบากพวกเมลินด้าดึงขึ้นมานั่งด้วยกัน
การแนะนำตัวเป็นไปอย่างง่ายๆ ทำให้รู้ว่าเธอชื่อ มินาเซะ คิซามิ มาจากญี่ปุ่น ซึ่งพอดีที่ผมดันมีเสด็จทวดเป็นคนญี่ปุ่นซะด้วยสิ
หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องจิปาถะจนกระทั่งเครื่องบินลงจอด อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าการทดสอบเข้าเรียนของที่นี่คือการ 'ประลอง’ และ ‘ข้อสอบ’ ซึ่งมาถึงในช่วงเช้าจะให้เราสอบข้อสอบถ้าได้มากกว่า 300 คะแนนขึ้นไปก็ผ่านไปเข้ารอบบ่ายซึ่งเป็นรอบประลอง ซึ่งจริงๆแล้วแค่ผ่านรอบแรกมาได้ก็สามารถเข้าเรียนได้เลย
การที่โรงเรียนจัดให้สอบรอบบ่ายนั้นคือการจัดและแยกนักเรียนทั้งหลายออกไปพักตามหอพักของตัวเอง ซึ่งหอพักของโรงเรียนจะถูกแบ่งออกเป็นสองหอพักคือ หอพักไนท์ และ หอพักซาเวนท์ แน่นอนว่าการเรียนการสอนก็แตกต่างกันไปเนื่องจากหอไนท์จะเน้นด้านการต่อสู้และป้องกันตัว ส่วนหอพักซาเวนท์นั้นจะเน้นด้านวิชาการ
และด้วยความที่พวกผมเป็นคน(ขี้เกียจ)เรียนเลยทำให้ตกลงใจกันอย่างพร้อมเพียงว่า…ขอเข้าหอไนท์จะดีกว่า
ถ้าถามว่าโรงเรียนนี้ให้เลือกเข้าหอได้ด้วยหรอ ขอบอกเลยว่าได้ เพียงแค่เข้าสอบรอบบ่ายจะถูกจัดให้เข้าหอไนท์ในทันทีส่วนพวกที่สอบรอบเช้าแล้วไม่ลงแข่งภาคบ่ายก็จะถูกจัดเข้าไปในหอซาเวนท์ทันทีเช่นกัน
“แล้วจริงรึเปล่าที่ว่าเขาจะให้พวกเราประลองกันในเกมนะ…”ผมหันไปถามไวซ์ที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาหลังจากเลือดกำเดาพุ่งเป็นน้ำพุไป อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะแบกปืนและกรงนกตามไป
“จริงสิ!! ว่าแต่สัตว์ติดตามของนายกับเซนนิต้าคืออะไรอ่ะ”เมลินด้าที่พึ่งสังเกตว่าผมและเซนนิต้าไม่มีสัตว์ติดตามทั้งๆที่คนในกลุ่มนอกจากนี้มีหมดแล้ว
ไวซ์มีนกอินทรีย์ รูนเป็นหมาป่าน้ำแข็ง ส่วนเมลินด้าก็เป็นแมงมุม
“ของฉันเป็นเจ้านี่นะ”สิ้นเสียงเซนนิต้าก็ผิวปากหวือ สายลมพลันพัดกระจายก่อนจะปรากฏร่างของสิงโตที่มีหัวเป็นเหยี่ยว…
“กริฟฟิน!!”เมลินด้าร้องออกมาอย่างตกใจ เจ้ากริฟฟินตัวยักษ์เท่ารถยนต์เลยคำรามรับไปรอบหนึ่ง
“แล้วของนายล่ะเซียร์”ไวซ์ที่เห็นกริฟฟินแล้วยังเฉยๆเลยหันมาหาผม ลมหายใจถูกถอนออกอย่างช้าๆก่อนที่ผมจะสะบัดออกไปด้านข้างสร้างหลุมมิติขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
ของขวัญที่ได้รับมาจากท่านแม่ทั้งสอง รวมถึงเสด็จพ่อที่เคารพด้วยเช่นกัน…
กรร…เสียงขู่นำออกมาแต่ไกลก่อนที่เพียงแค่เสี้ยววินาทีร่างของมันก็โผล่ออกมาจากหลุมมิติ ขนสีทอง หางฟูฟ่องกลมๆแถมมีถึงเก้าหาง นัยน์ตาเรียวของสัตว์ป่าสีแดงส่องประกายแวววาว ตัวของมันขนาดเท่ากับกล่องใส่รองเท้าเพียงแต่หางยาวกว่าหน่อย
“จิ้งจอกเก้าหาง!!”รูนตะโกนเสียงดังลั่น โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยจะมีคนเท่าไร
“ไม่น่าเชื่อว่ายังมีเหลืออยู่อีก”รูนบ่นออกมาอย่างดีใจ จิ้งจอกเก้าหางในแถวหมู่บ้านเขาก็เคยมีอาศัยอยู่แต่ช่วงหลังอยู่ดีๆพวกมันก็หายสาบสูญกันไปหมดจนเขาคิดว่าโดนไล่ล่าจนสูญพันธุ์ไปแล้วด้วยซ้ำ
“อืม…พอดีคุณพ่อเขาไปเจอมันที่กรีซนะเลยเอากลับมาให้ผมเลี้ยง”รูนพยักหน้ารับง่ายๆ ผมเลยจัดการเอามันขึ้นมาไว้บนหัว เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยตัวนี้มีชื่อว่า ‘ฟูล’
[ประกาศถึงผู้สมัครทุกคน การสอบคัดเข้าโรงเรียนรอบเช้ากำลังจะเริ่มขึ้นในอีก 10 นาที ขอให้ผู้มาสมัครทุกคนมารวมกันที่หอประชุมเดียวนี้]
“เรียกแล้วแหนะ ไปกันเถอะ”ผมเอยเตือนเพื่อนๆที่กำลังเล่นกับพวกสัตว์ติดตามกันอย่างสนุกสนานก่อนที่พวกเราทั้งหกคนจะเดินไปที่หอประชุมอย่างไม่รีบร้อน
โรงเรียนแห่งนี้มีเนื้อที่เท่ากับเมืองๆหนึ่งเลยทีเดียว และสิ่งที่ทำให้เป็นเช่นนั้นเพราะโรงเรียนแห่งนี้รับนักเรียนทุกระดับการศึกษา ที่สำคัญยังเป็นโรงเรียนแห่งนี้ยังมีทุกอย่างตั้งแต่สวนสัตว์ยันห้างสรรพสินค้าสุดหรู และแน่นอนว่าเหล่าอาจารย์ทั้งหลายมีบ้านพักอยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ทั้งสิ้น
การสอบช่วงเช้าเป็นไปอย่างสบายๆภายในหอประชุมที่ติดเครื่องปรับอากาศนำเข้าจากมิติมนุษย์เอาไว้ บวกกับเวลาที่ให้ทำข้อสอบ 500 ข้อ กว่า 6 ชั่วโมง ทำให้ตอนนี้เริ่มมีผู้เข้าสอบหลายคนหลับคาที่ไปแล้ว…
ไม่นานนักคะแนนการสอบก็ออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ผมและเพื่อนอีกหน้าหน่อมายังจุดที่ได้ตั้งบอร์ดประกาศเอาไว้ภายในโรงเรียน
อันดับ 1 เกรโทเซียร์ เดอร์ เดรทโทรัส เฮโดเวล 500 คะแนน
อันดับ 1 ร่วม ลาสต์ไวซ์ เวิร์นดราเคีย 500 คะแนน
อันดับ 2 มินาเซะ คิซามิ 491 คะแนน
อันดับ 2 ร่วม เมลินด้า การ์ดเนอร์ 491 คะแนน
อันดับ 3 เซนนิต้า วิสาริเฟรีย 490 คะแนน
อันดับ 4 รูน สไตเกอร์ 489 คะแนน
“ติดกันทุกคนสินะ”ผมพูดออกมาเบาๆเมื่อเห็นคะแนนหกอันดับแรก ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนในกลุ่มพวกผมแต่ละคนจะเป็นอัจฉริยะกันทั้งนั้น เล่นครองที่ 1-4 เอาไว้ซะเรียบ
“ว้าว!! ไวซ์กับเซียร์เก่งกันจังได้คะแนนเต็มเลย”ผมส่ายหน้าเบาๆให้กับเซนนิต้าที่ยังคงร่าเริงเข้าคู่กับเมลินด้าที่กำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเสมอ
“ผมลงทะเบียนรอบบ่ายไว้เรียบร้อยแล้วนะ ไว้เดียวไปเจอกันในลานประลองล่ะกัน”ทุกคนพยักหน้ารับคำก่อนจะแยกย้ายกันไปเข้าห้องพักชั่วคราวที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้
แอ๊ด!! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับผมที่เดินเข้ามาภายในห้องสีขาวโล่งๆ ห้องทั้งห้องมีเพียงเตียงนอนหนึ่งเตียงที่ผมคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
ตุบ!! ร่างของผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนพร้อมกับหลับตาลง สติค่อยๆเลือนรางอย่างช้าๆ…
…ก่อนจะดับไป….
“ว่าแล้วเชียว”ผมพูดออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่เมือง ‘ซันนาริ’ เมืองสุดท้ายก่อนที่ผมจะล็อกออฟออกมาจากเกม Magic Gem Online เมื่อวานซืน
ตัวละครของผมยังคงเป็นเหมือนเดิมเพียงแต่ใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำและกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มกับรองเท้าผ้าใบเท่านั้น ไม่ได้ใส่ชุดเกราะอะไรเลยแม้แต่น้อย
ติ๊ง!! เสียงจดหมายดังเข้ามาพร้อมกับหน้าต่างระบบที่เด้งขึ้นมาข้างหน้าผม
-ท่านถูกเชิญเข้าสู่มิติพิเศษ ‘สอบรอบบ่าย’ จาก ลูซิเฟอร์
ทันทีที่อ่านจบร่างของผมก็โดนวาร์ปไปอยู่ในมิติอีกมิติที่น่าจะเรียกว่า โคลอสเซียม เนื่องจากทั้งมิติมีเพียงโคลอสเซียมเพียงอย่างเดียว
“เซียร์!! ทางนี้”ผมหันหน้าไปมองตามเสียงก่อนจะพบพวกไวซ์ที่ยืนรออยู่กันครบทุกคน แถมทุกคนยังอยู่ในชุดเริ่มต้นยกเว้นเพียงแค่รูนและไวซ์เท่านั้นที่ใส่ชุดเกราะเบาระดับสูงอยู่ แถมอาวุธของทั้งสองคนที่ห้อยอยู่ข้างหลังมันเป็นของระดับสูงพอตัวเสียด้วย
“มาช้าจังเลยนะนายเนี่ย”เมลินด้าบ่นออกมา ผมเพียงแค่หัวเราะออกมาก่อนจะเหลือบไปเห็นบอร์ดประกาศรายชื่อที่เข้าแข่งขัน
“50 คนเองงั้นหรอเนี่ย”
“แหงล่ะ ปีนี้มีคนมาเรียนที่นี่แค่ร้อยกว่าคนเองด้วยซ้ำ”ไวซ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ผมแค่บ่นแท้ๆ ทว่ายังไม่ทันได้บอกอะไรเสียงประกาศก็ดังขึ้นอีกรอบ
-ถึงผู้สมัคร เกรโทเซียร์ เดอร์ เดรทโทรัส เฮโดเวล และผู้สมัคร เอเลน วอร์ค กรุณาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยค่ะ อีก 10 วินาทีจะทำการเริ่มแข็งขันค่ะ
สิ้นเสียงระบบที่ประกาศออกมาไวซ์ก็ทำหน้าอมยิ้มใส่ผมเหมือนจะแอบสะใจน้อยๆที่ผมโดนเล่นเป็นคนแรก แต่ดูเหมือนว่ามินาเซะจะทำตัวแปลกๆ
วิ้ง!! พอครบสิบวินาทีร่างของผมก็ปรากฏขึ้นตรงสนามประลองในโคลอสเซียม บนอัฒจรรย์ที่กว้างใหญ่มีผู้มานั่งดูไม่ถึงครึ่งร้อย ซึ่งน่าจะเป็นพวกที่มาสมัครรอบบ่าย
“พวกนั้นมาดูกันด้วยแฮะ”ผมพูดกับตัวเองในทันทีที่เห็นแก๊งเพื่อนห้าคนเดินขึ้นมานั่งมองผมจากบนที่นั่งคนดู ทว่าสมาธิของผมก็ถูกดึงกลับมาตอนที่เสียงระบบประกาศขึ้น
-ตอนนี้ทางระบบได้จัดการปรับให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดใช่ค่าสถานะที่แสกนจากโลกจริงในการต่อสู้นะค่ะ ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าเรื่องระบบเลเวลและทักษะจะช่วย ส่วนอุปกรณ์นั้นจะถูกเปลี่ยนให้เท่ากับชุดเริ่มต้นค่ะ
สิ้นเสียงระบบผมก็มองเห็นคู่ต่อสู้พอดี อีกฝ่ายเป็นชายร่างกายกำยำสูงเกือบสองเมตรได้ หน้าตาจัดว่าดูดีพอตัวแถมมือซ้ายยังมีหอกสีขาวขลิบทองถือไว้อีกต่างหาก
-เริ่มการประลองได้ค่ะ!!!!
สิ้นเสียงประกาศรอบที่สามร่างของคู่ต่อสู้ผมก็สะกิดเท้าส่งร่างเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็ว หอกในมือซ้ายเสือกแทงเข้ามาอย่างรวดเร็วทว่ามันก็ยังคงช้าในสายตาผมมาก
ฟุ่บ!! เพียงแค่เอี้ยวตัวเล็กน้อยหอกก็พลาดออกไปด้านข้าง ผมหมุนตัวยื่นมือไปจับเสื้อยืดสีขาวของอีกฝ่ายก่อนจะจัดการทุ่มลงพื้นอย่างรวดเร็วโดยอาศัยแรงพุ่งของอีกฝ่ายเสริมพลังโจมตี!!
ตูม!!! การโจมตีของแรงล้วนๆไม่มีเวทมนตร์มาเกี่ยวข้องทว่าเพียงแค่แผ่นหลังของเอเลนปะทะกับพื้นปูนมันก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
ฉัวะ!! ทว่าผมเองก็โดนการโจมตีสวนกลับในพริบตาที่กำลังจะทุ่มอีกฝ่ายลงพื้นเช่นกัน แม้มันจะเฉียดๆเพราะผมเอนตัวหลบก็ตาม
วู้มมมม!!! เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นพร้อมกับคมหอกที่พุ่งเข้ามาหาใบหน้าของผมอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือซ้ายรีบยกขึ้นปัดหอกไปอีกด้านก่อนจะใช้มือขวารับหมัดของเอเลนที่ต่อยเข้ามาตรงช่วงใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ตูม!!! ในเสี้ยวพริบตาที่คมหอกกระแทกกับพื้นจนระเบิดออกมาอย่างรุนแรงร่างของเอเลนก็โดนเข่าขวาซัดเข้าลิ้นปี่อย่างจังจนจุก
ตูม!!! ส้นเท้าขวาตอกลงบนกลางหัวที่ก้มลงของเอเลนอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากพอที่จะทำให้คลื่นพลังส่งผลขยายไปรอบด้าน ก่อนจะจบลงด้วยร่างของเอเลนที่นอนนิ่งๆ
อ๊ะ!! ผมสะดุ้งเฮือกก่อนจะกระโดดออกมาจากที่เดิมได้อย่างฉิวเฉียด คมหอกพุ่งเฉียดหลังไปเพียงแค่มิลเดียวส่งให้เสือยืดสีดำของผมขาดเป็นทางยาวตรงกลางหลัง
พรึ่บ!! ละสายตาเพียงแค่ชั่ววินาทีร่างของเอเลนก็มาปรากฏตรงหน้าผมพร้อมกับหอกในมือ เพียงแต่คราวนี้บนแผ่นหลังของอีกฝ่ายมีปีกนกสีขาวพิสุทธิ์ถึงสามคู่ประดับไว้
“เวรเอ้ย!!”ผมสบถออกมาเสียงดัง มือทั้งสองข้างตบกลางอากาศสร้างคลื่นอากาศเข้าชะลอความเร็วอีกฝ่าย ทว่าเพียงแค่เสี้ยวพริบตาคมหอกก็พุ่งเข้ามาจนเกือบถึงตัว
ตูม!!! แรงระเบิดมหาศาลสร้างกลุ่มควันให้ปกคลุมไปทั่ว ทว่าเพียงแค่วินาทีต่อมาควันทั้งหมดก็หายไปพร้อมกับร่างของเซียร์ที่หายไปจากลานประลอง
“กระจอกชะมัดเลยแฮะ”เอเลนบ่นออกมา เพียงแค่เขาเอาจริงได้ไม่ถึงนาทีคู่แข่งของเขาก็โดนพลังของหอกเขาทำลายจนไม่เหลือซากซะแล้ว
“จริงหรอ”เสียงดังราวกับเสียงกระซิบ พร้อมกับคลื่นพลังมหาศาลที่กระแทกร่างของเอเลนให้ปลิวไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว!!
“แก!!”ทันทีที่ตั้งหลักได้เอเลนก็ตะโกนออกมาทันที อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นสูงจนเกือบทะลุ หอกสีขาวในมือซ้ายเปล่งประกายสีทองออกมาพร้อมกับวงเวทย์สีทองนับร้อยที่ปรากฏขึ้น
“เฮ้อ…ดูถูกผมขนาดนี้…”
“คงยอมไม่ได้แล้วล่ะนะ คุณเทพ!!!!”
รับทุกคมติชมนะครับ เอามาลงให้ก่อน 50% พรุ่งนี้ผมไม่ได้ลงนะครับไปเรียน รด. กว่าจะกลับถึงบ้านก็ทุ่มกว่าๆคงไม่ได้แต่งเอาไว้เจอกันวันอังคารนะครับ
By : Ma-O
ความคิดเห็น