ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภารกิจเปลี่ยนชีวิต...นิสิตเเพทย์จุฬา(ฉบับเด็กซิ่ว)

    ลำดับตอนที่ #2 : ความหวัง :โอกาส : ความพยายาม

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 52


        

    หลังจากตัดสินใจด้วยอุดมการณ์อันแน่วแน่แล้วว่าจะต้องสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ก็เริ่มเลยแต่ในใจก็คิดอยู่ว่า ระดับมันสมองอย่างเราจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับพวกเก่งๆได้นะ ซึ่งก็มีเพียงสิ่งเดียวก็คือความมุ่งมั่นและความพยายามที่จะสอบ ที่เรามีไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นๆและคิดว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่นสิ เดือน สค.51วันนั้นเข้าเว็บของกสพท. เพื่อที่จะเข้าไปสมัครสอบแล้วจัดการกรอกข้อมูลทุกอย่างแล้ว จะติดก็ตรงที่เลือกสถาบัน ซึ่งปีนี้พิเศษอย่างหนึ่งคือสามารถเลือกได้4 อันดับจากปีก่อนที่เลือกได้3 อันดับเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือตรงที่4 ที่จะเลือกที่ไหน เพราะโดยส่วนตัวตอนนั้นคิดว่าที่ไหนก็ได้ขอเป็นที่ชอบคือคณะแพทยศาสตร์ก็พอและคิดว่าจบแพทย์ที่ไหนก็มีศักดิ์และศรีในการประกอบวิชาชีพเท่าเทียมกันหมด ที่สำคัญอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ว่ามีคุณลักษณะของการเป็นแพทย์ที่ดีและมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน แต่ในใจลึกๆนั้นอยากเรียนที่คณะแพทย์ จุฬามากๆ เนื่องจากรู้สึกผูกพันกับสถาบันแห่งนี้เป็นอย่างดี ชนิดที่ว่าให้หลับตาเดินภายในโรงพยาบาลจุฬาและคณะแพทย์ยังได้เลย แต่ด้วยความที่ที่นี้มีคะแนนสอบเข้าสูงมากๆๆๆ ตอนนั้นจึงไม่กล้าเลือก ความรู้สึกตอนนั้นคือ จุฬา เป็นสิ่งที่สูงเกินความสามารถของเราจริงๆจึงหันไปเลือกคณะแพทยศาสตร์ที่มีคะแนนรองลงมาแทน หลังจากที่จัดการส่งเอกสารจ่ายสะตุ้งสตางค์เรียบร้อยก็จัดการเดินหน้าสู่ภารกิจแรกก็คือ การสอบวิชาเฉพาะแพทย์ โดยตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือและลองทำแบบฝึกหัด ทั้งเล่มสีเขียวของ นสพ.สามย่าน และเล่มสีเหลืองของ สนพ. เดอะบุ๊คส์ และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง 1 พย.51  วันชี้ชะตาการเป็นแพทย์วันแรกเป็นวันสอบวิชาเฉพาะแพทย์ ภายนอกดูไม่ตื่นตระหนกหรอกแต่ภายในขอบอกเลยว่าตื่นเต้นสุดๆๆๆ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ต้องจัดการกับตัวเองคือการรวบรวมสติ ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่สอบ ซึ่งก็คือ รร. สาธิตมศว ปทุมวัน เพื่ออย่างน้อยจะได้เป็นสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อให้การสอบของเราครั้งนี้ประสบความสำเร็จ หลังจากสอบวิชาเฉพาะแพทย์ครบทั้ง3 วิชาแล้ว  ราวกับยกภูเขาออกจากอก ใจก็เฝ้ารอที่จะทราบผลคะแนนเพราะการสอบครั้งนี้มีค่าน้ำหนักถึงร้อยละ30 หลังจากนั้น1 เดือนคะแนนการสอบวิชาเฉพาะแพทย์ของ กสพท. ก็ออก หลังจากทราบผลคะแนนเรารูสึกดีใจมากจนทำอไรไม่ถูกเลยล่ะ เพราะคะแนนที่ออกมาเกินขาดมาก และเป็นที่น่าพอใจ คะแนนได้เกิน70 คะแนนตั้ง2 ฉบับ ซึ่งคะเนนรวม3 ฉบับก็มากพอสมควรและห่างจากคะแนนสูงสุดไม่มากนัก ซึ่งเรายังดีใจมากไม่ได้นะอีกหนึ่งภารกิจคือการสอบโอเนตและเอเนต ที่จะเกิดขึ้นใน เดือนกพ.52  แล้วการสอบก็เสร็จสิ้นทั้งหมดรู้สึกดีใจมากที่การสอบทั้งหมดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ได้เวลาพักผ่อนเสียทีหลังจากเหนื่อยมาแรมปีแรมเดือน เหลือก็แต่การเฝ้าคอยการประกาศผลในเดือน เม.ย. หายใจเข้าออกเป็นแต่กสพท. ตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. เป็นต้นมา เปิดเวบกสพท วันละไม่รู้กี่ครั้ง ว่าเมื่อไหร่จะประกาศผลเสียที แต่ สกอ.ประกาศผลคะแนนเอเนตแล้วซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำมาคัดเลือกเราตั้งใจว่าจะไม่ดูขอดูการประกาศรายชือ่ของกสพท. เลยดีกว่า หลังจากนั้น กสพท. ก็ประกาศรายชื่อผู้สอบได้ แต่!!!!!!!!!!! ความจริงอันโหดร้ายที่สุดและเราต้องยอมรับมันก็คือไม่พบชื่อของเราในการสอบก็แสดงว่าเราสอบไม่ติดคณะแพทย์สักที่เลย ตอนนั้นเสียใจมาก แต่ไม่ร้องไห้หรอกนะ เพราะตั้งแต่จำความได้แทบจะไม่ร้องไห้เลยสงสัยไม่มีบ่อน้ำตามั้ง  จากนั้นจึงรวบรวมสติเพื่อเข้าไปดูคะแนนเอเนตวึ่งคะแนนที่ออกมาไม่ดีเอาเสียเลย เสียใจไปชั่วคณะและคิดว่าเราคงจะพยายามไม่มากพอเราไม่ควรคร่ำครวญเสียใจเพราะนี่เป็นการผิดหวัง ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอ อย่าท้อแท้ คิดว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ เรายังเหลือความหวังอีกอย่างหนึ่งก็คือการเป็นครูนี่นา และถ้าผลคะแนนโอเนตออกมาเกินร้อยละ60 ปีหน้าเราก็สอบใหม่ได้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นหลังจากนั้น2 วัน คะแนนโอเนตออกเมิ่อเห็นคะแนนแล้วรีบจัดการบวกหารว่าถึงร้อยละ60 มั้ย ปรากฏว่าไม่ถึงขาดไปอีกนิดเดียว ตอนนั้นเรียกได้ว่าหมดอะไรตายอยากกับชีวิต ชาตินี้เราคงจะเรียนหมอไม่ได้แล้วเพราะเกณฑ์เค้ากำหนดชัดเจนว่าโอเนตที่สอบได้ครั้งเดียวต้องเกินร้อยละ60  ชีวิตตอนนั้นรู้สึกว่าท้อแท้แววตามีแต่ความหมดหวัง แต่พอตั้งสติได้ถึงแม้คะแนนจะไม่ถึงหมอแต่ก็มากพอที่จะเข้าคณะครุศาสตร์ได้จึงมีแรงลุกขึ้นสู้อีกครั้งจึงหวังกับการแอดมิชชั่น เข้าในคณะครุศาสตร์ เพื่อที่จะได้เป็นครูเพราะว่าเราคงจะสอบเข้าคณะแพทย์ไม่ได้อีกแล้ว จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความหวังที่จะได้เป็นครูซึ่งจากคะแนนที่มีอยู่ก็มากพอสมควรพอลุ้นได้นี่นา แต่แล้วมรสุมที่ถ่โถมชีวิตก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 7 พ.ค.52ซึ่งเป็นวันประกาศผลแอดมิชชั่น ผลปรากฎว่าไม่ได้เข้าศึกษาในคณะครุศาสตร์เนื่องจากคะแนนสูงขึ้นอย่างมาก จนไม่น่าเชื่อ เราจึงสอบได้คณะวิทยาศาสตร์แทนถึงแม้จะผิดหวังแต่ก็พอมีโอกาสที่จะเป็นครูได้ เพราะการศึกษามาว่า  เราเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์มาสามารถต่อวิชาชีพครูอีก 1 ปีได้ ก็สามารถประกอบวิชาชีพครูได้เช่นกัน แต่ทางครอบครัวซึ่งเมื่อทราบผลการสอบเข้ามหาลัยของเราแล้วด้วยความเป็นห่วงทางบ้านจึงเห็นว่า การเรียนในคณะวิทยาศาสตร์นั้นเป็นคณะที่เรียนยากมากๆๆและจากประสบการณ์ของพี่ๆและไม่กี่คนนักที่จะจบได้  จึงขอให้เราสละสิทธิ์ไป ตอนนั้นรู้สึกอึ้ง แต่ด้วยความสบายใจขอคนในครอบครัวเพื่อที่จะได้ไม่ต้องห่วงจึงยินดีสละสิทธิ์ เราจึงตัดสินใจสละสิทธิ์และไปสมัครเรียนที่ม.รามคำแหง ด้วยความเต็มใจในคณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี ซึ่งถ้าจบมาได้โอกาสการมีงานทำจากกว้างมาก เนื่องจากวิชาชีพบัญชียังเป็นที่ต้องการอีกมากตามคำแนะนำของพี่ที่เป็นนักบัญชี แต่ในส่วนลึกของจิตใจนั้นรู้สึกท้อแท้มากๆๆ ในชีวิตเกิดมาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้ เมื่อเราเห็นกลุ่มเพื่อนได้ใส่ชุดนิสิต นักศึกษา ในมหาวิทยาลัยที่สอบได้นั้นเรารู้สึกเจ็บปวดใจอยู่ไม่น้อย จนมีวูบหนึ่งที่เคยคิดสั้นเหมือนกัน แต่ด้วยอำนาจของสติ จึงคิดว่าเราจะท้อแท้ไม่ได้ ปล่อยชีวิตให้เป็นแบบนี้ไม่ได้นี่คือแบบฝึกหัดหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตที่เราต้องผ่านพ้นไปให้ได้  จึงมุ่งมั่นในการศึกษาในม.ราม อย่างจริงจัง ซึ่งการใช้ชีวิตจะเป็นรูปแบบอิสระมากต้องรู้จักควบคุมตัวเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น ถึงแม้ส่วนลึกในจิตใจจะเสียใจอยู่บ้าง ที่ทำตามความฝันของตนเองไม่สำเร็จ แต่เราต้องอยู่กับปัจจุบันที่เราจะต้องทำให้ดีที่สุด และตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้สำเร็จคว้าใบปริญญามาให้ได้ แต่แล้วประตูแห่งความฝันถูกเปิดออกอีกครั้งเมื่อเราได้อ่านประกาศของกสพท. ของปี53  จากเว็บการศึกษาเวบหนึ่ง จากประกาศทำให้ผมติดใจสงสัยว่า คนที่มีคะแนนโอเนตไม่ถึงร้อยละ60 อาจจะมีโอกาสสอบได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่แน่ใจ จึงไปถามกับ กสพท. จึงได้คำตอบที่ทำให้ผมดีใจมากที่สุดในชีวิตคือผมมีสิทธิ์สอบแพทย์ผ่านกลุ่มกสพท.ได้อีกครั้ง ผมมีโอกาสแก้ตัวแล้วคราวนี้ผมจะสู้ใหม่อีกครั้ง เพื่อความฝันในการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ให้ได้ในปีนี้ คราวนี้ความตั้งใจนั้นมากกว่าเดิมหลายเท่าเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว ณ เวลานี้ผมมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าคณะแพทย์อย่างจริงจังควบคู่ไปกับการเรียนที่ม.เปิด และหวังว่าความเพียรพยายามครั้งนี้จะทำให้ผมประสบความสำเร็จกับการสอบเข้าคณะแพทย์ได้ในที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×