คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : มิวเทชัน (Mutation)
มิวเทชัน (Mutation) มิวเทชัน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตอย่างรวดเร็ว โดยมักจะเปลี่ยนแปลงในระดับยีน ทําให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างจากกลุ่มปกติ ระดับการเกิดมิวเทชัน 1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation) มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ระดับการเกิดมิวเทชัน 1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation) มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
มิวเทชัน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตอย่างรวดเร็ว โดยมักจะเปลี่ยนแปลงในระดับยีน ทําให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างจากกลุ่มปกติ ระดับการเกิดมิวเทชัน 1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation) มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
ระดับการเกิดมิวเทชัน
1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)
มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC 2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation) มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ 2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)
มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ
2 ประเภท คือ2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation) 2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21) - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม
จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ
/ลดลง 2 ลักษณะ คือ- แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน
(2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)
- ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ
2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมันปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน
ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น
2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน
ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น
2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม
จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ
/ลดลง 2 ลักษณะ คือ- แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน
(2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)
- ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ
2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมันปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น 2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน 3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน
ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น
2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน
ความคิดเห็น