ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรู้ในสาขาวิชาวิทยาศาตร์

    ลำดับตอนที่ #14 : มิวเทชัน (Mutation)

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 49


    มิวเทชัน (Mutation)

            มิวเทชัน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตอย่างรวดเร็ว โดยมักจะเปลี่ยนแปลงในระดับยีน ทําให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างจากกลุ่มปกติ

    ระดับการเกิดมิวเทชัน

    1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC


    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ระดับการเกิดมิวเทชัน

    1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC


    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

            มิวเทชัน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตอย่างรวดเร็ว โดยมักจะเปลี่ยนแปลงในระดับยีน ทําให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างจากกลุ่มปกติ

    ระดับการเกิดมิวเทชัน

    1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC


    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ระดับการเกิดมิวเทชัน

    1. มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีน (gene mutation หรือ point mutation)

    มิวเทชันของยีนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบส (A, T, C, G) โดยอาจเปลี่ยนที่ชนิดของเบส โครงสร้างหรือลํ าดับของเบส ทํ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ที่สร้างขึ้น ทํ าให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมานั้นเปลี่ยนสมบัติทางเคมีไปจากเดิม หรือหมดสภาพไป เช่น โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว (sickle cell anemia) โดยเกิดจากการที่กรดอะมิโนในลํ าดับที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบิน เปลี่ยนจาก กรดกลูตามิก (ในคนปกติ)ไปเป็น วาลีน (คนเป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์) เนื่องจากรหัสพันธุกรรมใน เปลี่ยนจาก CTCไปเป็น CAC


    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2. มิวเทชันของโครโมโซม (chromosomal mutation)

    มิวเทชันของโครโมโซม มี 2 ประเภท คือ

    2 ประเภท คือ

    2.1 การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม โดยโครโมโซมอาจขาดหายไป(deletion) ทํ าให้ยีนขาดหายไปด้วย เช่น กรณีการเกิดโรคกลุ่มอาการคริดูชาต์ โดยโครโมโซมคู่ที่ 5 เส้นหนึ่งมีบางส่วนขาดหายไป หรืออาจเพิ่มขึ้นมา (duplication) หรือเปลี่ยนสลับที่ (translocation)

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    2.2 การเปลี่ยนแปลงจํ านวนโครโมโซม

    จํานวนโครโมโซมอาจเพิ่มขึ้น/ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    /ลดลง 2 ลักษณะ คือ

    - แอนูพลอยดี (aneuploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปกติ 1-2 ท่อน

    (2n + 1 หรือ 2n + 2) เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งมีโครโมโซม 47 ท่อน (2n = 47) ซึ่งเกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 เส้น (trisomic-21)

    - ยูพลอยดี (euploidy) จํ านวนโครโมโซมเพิ่มหรือลดเป็นจํ านวนชุด (2n + n หรือ

    2n + 2n) ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน




    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ปัจจัยที่ทําให้เกิดมิวเทชัน

    ตัวกระตุ้นหรือตัวชักนําให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์ (mutagen) เช่น

    1. รังสี (radiation) เช่น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต

    2. สารเคมี (chemical substance) เช่น สารคลอชิซิน (colchicine) มีผลทํ าให้จํานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึ้นเป็น tetraploid (4n) เนื่องจากสารนี้ไปทํ าลายไมโทติก สปินเดิล ในระยะเมทาเฟส

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    3. ไวรัส (virus) ทํ าให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเท่าที่พบเกิดในพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและเป็นกลไกลสํ าคัญที่ทําให้เกิดวิวัฒนาการของพืช แต่ในสัตว์เมื่อเกิดแล้วมักทําให้เป็นหมัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×