“ความสุขและความเป็นมนุษย์” - “ความสุขและความเป็นมนุษย์” นิยาย “ความสุขและความเป็นมนุษย์” : Dek-D.com - Writer

    “ความสุขและความเป็นมนุษย์”

    มาดูชีวิตหนึ่งชีวิตกันจร้า

    ผู้เข้าชมรวม

    59

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    59

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ม.ค. 58 / 13:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     ความสุขและความเป็นมนุษย์

    ก่อนอื่นต้องกล่าวในเรียงความนี้ไว้ก่อนว่าเป็นเรียงความของเด็กที่มีชีวิตธรรมดาไม่ได้มีการศึกษา เนื้อหาในข้อความอาจจะมีถ้อยคำที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม หรือมีถ้อยคำน้อยเนื้อ..ต่ำใจบ้าง เอาละ.. พร้อมแล้วก็ลุยกันเลย Let GOGO ... !

    อืม.... ไม่รู้จะเริ่มจากไหนก่อนดีถ้าจะบอกว่าเรียงความหรือบทความนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันตั้งใจเขียนมันขึ้นมาจริงๆไม่ได้หวังเพื่อเกรด 1 2 3 4 .... ^_^ ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ เอ๋ะ ..!! อายุฉันก็ปาเข้าไป 22 ปีแล้ว อืมม... แล้วเวลาที่ผ่านมาฉันทำอะไร ติ๊ก ต๊อก . . . . .?? เฮ้อออออ ฉันเริ่มรู้สึกตัวก็ จะเริ่มแก่แล้วเหรอเนี้ยยย T.T เอาล่ะเข้าเรื่องกันเลยเท่าที่ฉันจำความได้ในวัยเยาว์ฉันเป็นเด็ก(ผู้ชาย)คนนึงที่มีความคิดเหมือนเด็กๆทั่วๆไป.... ฉันมีเพื่อนในระแวกบ้านของฉันเพียงไม่กี่คน ช่วงนั้นการ์ตูนเบย์เบลด กำลังมาแรง ดังมากๆแบบว่าฮิตสุดๆเด็กคนไหนไม่มีถือว่า เฉยทุกครั้งที่ข้างบ้านฉันซื้อของเล่นแพงๆมาเล่น ฉันก็จะมีเหมือนเขาให้ได้ เอ้าสิ!!ทำยังไงดีล่ะ ?? .. ? ...เอาว่ะติดสินใจฉันเริ่มจิ๊กเงิน(ขโมย55+) คุณปู่ซึ่งตอนนั้นฉันเป็นหลายชายคนโตแบบว่าคุณปู่แกเห่อหลายชายมากๆเมื่อฉันล้วงมือลงในในกระเป๋าเงินที่คุณปู่วางไว้ เป็นธรรมดาที่ต้อง ขโมย ตอนที่เขาไม่อยู่จริงไหมล้าเด็กๆ อิอิๆ ฉันได้เงินมาฉันจึงตัดสินใน ซื้อ ทันทีตอนนั้นฉันหยิบเงินมา500บาท โห้พระเจ้า....พระเจ้าจ้วดดดดดด....เอาละไปร้านของเล่นแห่งหนึ่งใจกลางเมืองฉันซื้อเบย์เบลดและทามาก็อต (มีความสุขจัง)เท่าที่จำได้นะ 555+ ฉันกลับบ้านมานั่งเล่นกับเพื่อนข้างบ้านโดยที่ฉันมีของเล่นเป็นของตนเองอย่างภูมิใจ (ทั้งๆที่ขโมยเงินมา) แต่ไม่เลยฉันบอกกับเพื่อนข้างบ้านฉันไปว่า ฉันซื้อมันได้เงินของฉันเอง รู้สึกภูมิใจยังไงไม่รู้ ฮ่า..ฮ่า ๆ  ฉันกลับมาบ้าน คุณปู่ฉันถามว่าเอาของเล่นมาจากไหน ทั้งๆที่คุณปู่แกเอามือล้วงออกจากกระเป๋าเงินนั้นออกมา อุ๊บบบบบบ ให้ตายเถอะ! ฉันจะบอกไปยังไงดี..

    เอาวะโกหก ใช่สิฉันเป็นเด็ก อืมฉันจึงโกหกไปเพื่อทำให้ฉันรู้สึกดีทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ.......ตู้ดดดดดด......

    ฉันก็เติมโตมาแบบเนี้ยแหละ รู้ไหมเพราะอะไร....เพราะอะไรถึงกลายเป็นคนอย่างงั้นเอ๋ะ เด็กคนนี้จะกลายเป็นคนแบบไหนในสังคมกันนะ !! เอาล่ะฉันเคยมีเพื่อนอยู่คนนึงบ้านเธอขายไอติมใช่เธอเป็นเด็กผู้หญิงใช่บ้านเธอเป็นบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ในซอยระแวกเดียวกัน ฉันเริ่มรู้สึกไม่ชอบเธอตั้งแต่เธอใช้คำพูด > บ้านมึงหลังใหญ่ไม่มีเงินได้ไงว่ะ < เอิ่ม ... ในความเป็นเด็กอะไรผมก็ไม่รู้เพราะอะไรแต่เธอเป็นคนฉลาด ฉลาดเพราะอะไรมาดูกันต่อ ในทันใดนั้นผมตัดสินใจกำหมัดแล้วชกไปที่หน้าเธอ ป๊าสสสสสส!!ฉันฉุกคิดหน้าตัวเมียชัดๆ 55+แต่ใครจะไปสนจริงไหม รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

    ลืมบอกไปฉันมีน้อยชายในวัยเด็กนั้นฉันและน้องชายฉันไม่ค่อยถูกกันคือ พี่ชายคนนี้แหละมันเป็นโรคอิจฉาเวลาน้องทำอะไรต้องเข้าไปแกล้งเข้าไปขัดขวางทุกทาง เอ๋ะ ฉันกำลังทำร้ายคนที่ฉันรัก ตอนนี้ที่ฉันเขียนบทความนี้ ฉันรู้สึกเสียใจน้ำตาก็ไหลออกมา (ดราม่า)ทันที  เมื่อฉันมารู้สึกตัวอายุก็ ปาเข้าไป18ปีแล้วใช่ตอนนั้นฉันเรียนที่โรงเรียนวัดดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองใช่ในตอนนั้นฉันมีเพื่อนมากมายหลายแบบฉันหลงทางเดินเข้าไปในวงการสิ่งเสพติดแต่ฉันไม่เล่นการพนันนะ (ยังมีความดี) ฉันก็ได้ตัดสินใจสัก TATTOOตามร่างกายแต่การสักครั้งนี้ทำให้ผมรู้อะไรดีๆจากสังคมเยอะเลย (ใช่ผมไม่เคยติดคุกติดตาราง นะ)ก็แค่มีรอยสัก 555+ ฉันหลงทางฉันมาพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อนางสาว ม. เธอเป็นกำลังใจ เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างผมตัดสินใจ ออกจากโรงเรียน (ความรัก) เป็นสิ่งที่ดี แต่...ถ้าใช้ในทางที่ผิดมันก็เป็นแค่อุปสรรคในชีวิตให้เราก้าวข้ามไปเท่านั้นเองทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีใครกำหนดไม่มีรูปแบบ คิดแบบเด็กๆอ่านะ โฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ติ๊กต็อก ..  OK ฉันเลิกสารเสพติดได้ ชีวิตฉันเปลี่ยน แต่ ฉันเสียสิ่งสำคัญไป -

    นางสาว ม. นั่นเองใช่เธอเป็นคนดีในบทความนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องของเธอมากเท่าไหร่แต่ตลอดเวลาที่เธอทำไปนั้นผมเห็นคุณค่าของเธอแล้ว ขณะที่ฉันพิมพ์ก็คิดถึงเธอ...เอาล่ะ ? เธอไม่มีวันจะกลับมาแล้วถ้าแบบว่า ภาษาวัยรุ่นก็จะคงพูดกับว่า เธอดีเกินไป555+ ทั้งๆที่เราเป็นคนทิ้งเธอไปเอง นั่นสิ โลก นี้มันเป็นอะไรไม่มีอะไรที่ พอดี และ ดีพอ ไม่มีอะไร เที่ยงแท้ และ เท่าเทียม ขอเสริมอีกนิด เป็นธรรมด้วย555+ เอาล่ะเล่าถึงไหนแล้ว ..เอ่าล่ะมาต่อกันเลยในที่นี้เราจะไม่บอกอย่างหมดเปลือก อิอิ

    เอาล่ะในเมื่อฉันออกมาจากโรงเรียนแล้ว เอาวะเอาไงเอากันฉันตัดสินใจกลับมาที่บ้าน มันก็จริงที่เขากล่าวไว้ว่าไม่มี ที่ไหนสุขใจเท่าที่บ้านใช่ฉันนั่งรถกลับมาบ้าน คนแรกที่มายืมหน้าบ้านคือ ???

    แม่  นั่นเองฉันรู้สึกผิดหวังที่ออกจากโรงเรียนฉันทำให้แม่เสียใจที่ฉันไม่เรียน แม่คงผิดหวังในตัวผมมาก แม่กลับพูดว่ากลับมาแล้วหรอลูก หิวไหม กินข้าวมาหรือยัง... ฉันน้ำตาไหลพราก.... ในขณะที่ฉันพิม์น้ำตาฉันไหลใช ฉันร้องไห้ ฉันเริ่มคิด ทุกสิ่งทุกอย่างฉันทำงานที่ฉันไม่ชอบ ออกไปทำงานกับแม่ฉันไม่ชอบทำงานนี้เลย ครอบครัวเราขายไก่ต้ม อยู่ในใจกลาง ตลาด ดังในจังหวัด หนึ่ง ใช่ฉันไม่อยากทำมันเลย แต่ไม่รู้เพราะอะไร ฉันเห็นแม่ฉันออกไปทำงานทุกวัน ไม่หยุดหย่อน เช้า/เย็น

    ฉันตัดสินใจฉันจะช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ ผมก็ไม่รู้ว่า แม่ต้องการอะไร แต่เวลาที่ผมกับน้อง พูดคุยกับ นั่งเล่นด้วยกัน แกล้งกัน ผมมักจะแอบมองแม่ ดูแม่แกเขามีความสุขจัง อืม... ฉันเริ่มคิด...จน กระทั่ง อืมลืมบอกไปเลยนะสิ ว่าครอบครัวเราไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยเลยสักนิดเดียว (เฮ้อ)เกิดมามีกรรมตัวดำรูปไม่หล่อ 55+ เอ่าหนะสู้ สู้ ๆ ผลสุดท้ายแม่ ก็ป่วยเป็นโรคร้าย... ฉันทำอะไรไม่ได้ฉันไม่มีเงิน ทุกวันๆวันแล้ววันเล่า ฉันเห็นแม่ฉัน ทรมานจากโรคร้าย ฮั่นเน่ ... ผู้อ่านที่รักเริ่มเห็นใจฉันใช่ไหมแน่นอนถ้าคุณเป็นคนอ่อนโยน เอาล่ะต่อกันเลยดีกว่า ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากได้แม่มองแม่ ที่รอวันจากไป ใช่ ฉันในตอนนั้นฉันเริ่มมาใส่ใจคนในครอบครัวมากขึ้น น้องชาย ผมนั่นเองใช่ผมจำได้นิเวลาแม่เห็นน้องชายกับผมเล่นด้วยกับ ดูแม่แกมีความสุขใช่ฉันทำยังงั้นฉันยอมเป็นตัว ตลกเพื่อนทำให้แม่ มีรอย ยิ้ม ขึ้นมาอีกครั้ง ใช่ฉันทำสำเร็จ น้องชายของฉันก็รู้ว่าไม่นานแม่คงต้องจากเราไป ฉันพยายามใช้คำพูดเป็นนัยๆกับน้อง แต่แม่ฉันเป็นคนไม่ค่อยพูดจาแกเป็นคนเงียบๆ จนวาระสุดท้ายวันนั้นก็มาถึง  แม่ เป็นห่วงเรามา ฉันเห็นแม่กำลังจากไปโดยที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว ฉันจึงจับมือ แม่ ขึ้นมา แต่ตอนนั้นแม่ไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว ได้ยินแต่เสียงลมฉันมองเห็นแม่หายใจรวยริน ฉันเริ่มจับคำที่แม่พูดได้ ทำนองว่า แม่ให้ปิดไฟแล้วให้น้องและฉันไปนอนฉันตัดสินใจทำตามที่แม่บอก ฉันทำอะไรไม่ถูก O.K. นอนก็นอนต่อมาเวลาประมาณ ตี 2 ราวๆนั้นได้ฉันลึกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แล้วหันมามอง แม่ที่นอนอยู่ฉันเปิดไฟเอ๋ะทำไม มดขึ้นที่ตาของแม่ผมจึงลองขยับแม่ดู ทำไมแม่ตัวแข็งจัง อ้าวววว .......... แม่ไม่หายใจแล้ว  T……...T

    น้ำตาไหลพรากเอาล่ะ เรื่อง พิธีทางศาสนาเราจะไม่พูดถึง ต่อมา ฉันได้อยู่กับน้อง และป้า ตอนนี้ครอบครัวเราน้อยลงฉันจึกตัดสินใจ ไม่เรียนต่อแล้วฉันกำลังทำให้แม่ผิดหวังรอบ 2 ไม่เอาไหนจริงๆเล้ย เราเนี้ย แต่มันก็ยังดีทำกับสิ่งที่เราเป็น ดีกว่า ทำกับสิ่งที่ไม่เป็นเรา ฮึดดดดด  สู้ว้อยยยยยยย เอาล่ะ ปัจจุบันน้องชายฉันเรียนอยุ่ที่มหาลัยดังแห่งหนึ่งในใจกลางกรุงเทพเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล ฉันขอจบการตีแผ่ เพียงเท่านี้ ในบทความ ฉันบอกอะไรบางอย่างที่ผู้คนมักไม่เข้าใจ

    และไขว่คว้าสิ่งที่เกินตัวหรือไม่พอดี ฉันอยากให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีสติระรึกถึงความเป็นเรา จบ!!!

     

     

     

    รอยยิ้ม เสียหัวเราะ ความโศกเศร้า

    พ่อบ้านปีศาจ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×