ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ever Ever After Vol.1 : You Gonna Miss The Girl

    ลำดับตอนที่ #4 : You Gonna Miss the Girl : Ch.3 She…oops! He don’t got a lot to say.

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 57


    You Gonna Miss the Girl

    Ch.3  She…oops! He don’t got a lot to say.

                    และแล้ว......ชีวิต ม.ปลาย ปี 2 ของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ เช้าวันเปิดเทอมวันแรกเป็นเช้าที่วุ่นวายสุดๆ ความจริงแล้วเมื่อวานก็มีพิธีปฐมนิเทศ แต่ผมไม่ไปให้เปลืองเวลานอนหรอก
                    เช้าวันนี้อากาศสดใสดีใช้ได้ ดอกซากุระโปรยปรายเหมือนกับสายฝน ลมเย็นพัดกลิ่นดอกไม้จากริมทางโชยมาชวนให้หลงใหล ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วเอามือคว้ากลีบดอกซากุระที่โรยลงมาตรงหน้าผม ผมมองดูความสวยงามของมันอยู่สักพักก่อนจะปล่อยมันให้ลอยไปตามสายลม เมื่อผมก้าวเดินต่อตอนนั้นเองผมก็รู้สึกเหมือนเดินชนอะไรบางอย่างเข้า....เอ๋ เด็กผู้ชายคนนั้นนั่นเอง

                    “อะ ขอโทษครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมา ในจังหวะที่ลมพัดผ่านพอดี เส้นผมสีทองดุจแพรไหมของเขาปลิวพลิ้วตามสายลม ดวงตาสีฟ้าส่องเป็นประกายจ้องประสานกับดวงตาของผมอย่างไม่รู้ตัว “อ้าว นายเองหรอ? อรุณสวัสดิ์”
                    “อะ....อรุณสวัสดิ์” ทำไมต้องเขินด้วยเนี่ย ผมหลบตาเขาก่อนที่เขาจะส่งยิ้มอย่างใสซื่อมาให้ผม ว้ากก ผู้ชายอะไรน่ารักเกินไปแล้ว ไปเกิดใหม่เป็นผู้หญิงเถอะ
                    “ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าห้องสาย” เธอ เอ๊ย เขาจับมือผมแล้วลากผมเดินเข้าไปในโรงเรียน หน้าผมแดงไปหมด อะไรฟะ มีสติหน่อยริน เขาเป็นผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ถ้านายชอบเขาเท่ากับนายเป็นเกย์นะเฟ้ย

                    เขาลากผมเข้ามาถึงตู้เปลี่ยนรองเท้า เขาหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมก็กลับเบือนหน้าหนี ก็มันเขินนี่หว่า เขาหันหน้ากับไปพร้อมกับอมยิ้มนิดๆ ผมแอบมองเขาระหว่างที่เขากำลังเปลี่ยนรองเท้า ยิ่งมองก็ยิ่งเขินแฮะ ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งตัวแล้ว พอเขาเงยหน้าขึ้นมาผมก็ก้มลงไปเปลี่ยนรองเท้าทันที ยิ่งผมมองเขาผมก็ยิ่งนึกถึงนักร้องสาวที่ผมชอบ แต่นี้มันแตกต่างกัน เขาเป็นผู้ชาย

                    หลังจากที่เปลี่ยนรองเท้าแล้ว เราก็เดินขึ้นห้องไปด้วยกัน ถึงบรรยากาศรอบๆจะเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมากก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆ ราวกับเหมือนอยู่ในห้องเงียบๆกับเขาแค่สองคน อยากจะชวนเขาคุยนะแต่ไม่รู้จะคุยอะไร.....ดูเขาก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งสะด้วย เงียบๆไว้น่าจะดีกว่าจะไม่ได้ไม่สร้างความลำบากใจให้อีกฝ่ายด้วย

                    พอถึงชั่วโมงโฮมรูม ฝันร้ายอีกอย่างของผมก็ปรากฏขึ้น อาจารย์ประจำชั้นคนใหม่

                    “สวัสดีทุกๆคน อาจารย์ชื่อ มัตสึโอกะ เรนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” อาจารย์คนนี้คือพี่สาวผมเองครับ.....เราไม่ได้คุยกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานแล้วก็ย้ายมาทำงานเป็นอาจารย์ที่นี่ เธอขอให้ผมเก็บความลับเรื่องที่เราเป็นพี่น้องกันไว้ไม่ให้ใครรู้ ผมก็ไม่ได้บอกใครนักหรอกว่ามีพี่เป็น......อาจารย์แบบนี้อ่ะ อาจารย์สาวผมแดง สวมเสื้อเชิ้ตรัดติ้วจนกระดุมแทบปริบ หยิบใบรายชื่อขึ้นมาเรียกชื่อขานรายคน แต่พอถึงชื่อผม เธอก็สะดุดนิดหน่อย....แล้วก็มองผมด้วยสายตาจิกกัดผ่านแว่นของเธอ....ก่อนค่อยเรียกชื่อผม ต้องการอะไรจากผม ผมก็ไม่ได้อยากจะมาเรียนในห้องนี้สักเท่าไหร่หรอกนะ

                    เนื่องจากที่นั่งที่ผมอยากจะนั่งโดยพ่อหนุ่มหน้าสวยคนนั้นจองไปแล้วเรียบร้อย ผมก็เลยมานั่งแถวถัดไปแทน ซึ่งเป็นที่นั่งสุดท้าย ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในนิยายหลายๆเรื่อง...หลังจบชั่วโมงโฮมรูมมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมก็เฝ้าพระอินทร์ตามปกติ โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ระหว่างที่ผมหลับไปนั้น เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้าผมนั้นแอบมองผมอย่างเงียบๆ ใจจริงเขาจะปลุกผมตื่น แต่เขาไม่กล้า จนกระทั้งถึงเวลาพักกลางวัน ผมตัดสินใจเอ่ยทักเขาเอง

                    “นี่....นั่งด้วยได้มั้ย?” เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอย่างขะมักเขม้นเงยหน้าสวยๆขึ้นมองผม “ไม่กินข้าวหรอ?” ผมถามไปแต่เขาไม่ตอบแต่กลับทำหน้างงๆแทน ผมคงพูดเร็วไปสินะ “นาย...ไม่กินข้าวหรอ?” ผมพูดให้ช้าลง
                    “
    Oh I’m not hungry.
                    “นายควรจะกินอะไรบ้างนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ เอานี่ไปกินซะสิ” ผมเดินหยิบขนมปังให้เขาหนึ่งชิ้นแล้วค่อยหยิบกล้องข้าวของตัวเองออกมาก่อนจะเดินไปตั้งมันบนโต๊ะของเด็กคนนั้นแล้วลากเก้าอี้มานั่ง “นายชื่ออะไรนะ? มันยาวชั้นจำไม่ได้”
                    “เอ่อ....ขอโทษนะ พูดซ้ำอีกรอบได้มั้ย ผมฟังไม่ทัน”
                    “ชื่อนายน่ะ?”
                    “อ๋อ
    Harrison G Naogi เรียก นาโอกิ ก็ได้ครับ”
                    “ลูกครึ่งหรอ?”
                    “ใช่ครับ”
                    “ประเทศอะไรอ่ะ?”
                    “อังกฤษครับ”

                    ถามคำตอบคำแบบนี้ชักเบื่อแฮะ แต่ให้ทำไงได้ ก็เขาพูดไม่เก่งนี่นา ผมคีบไข่ม้วนที่ทำเองเมื่อเช้าเข้าปาก แล้วมองนาโอกิคุงที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือของชั้นปี 1 อย่างตั้งใจ แต่ผมเห็นเขาค้างอยู่หน้านี้มานานมากแล้ว

                    “มีอะไรสงสัยงั้นหรอ?”
                    “อ๊ะ ปะ เปล่าครับๆ ไม่มีอะไร” แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย
                    “เอาให้ชั้นดูนี่มา เล่มนี้ชั้นเคยเรียนแล้ว” ผมแบมือขอดูหนังสือ
                    “ตรงนี้ผมไม่เข้าใจ” เขาชี้จุดที่เป็นประโยคที่ค่อนข้างอ่านยากให้ผมดู
                    “ตรงนี้เขียนว่า
    อีกเพียง 4 วัน งานวิวาห์ของเราก็จะมาถึง แม่โฉมงามของข้า ท่ามกลางแสงจันทร์ใหม่ที่สุกสกาวบนท้องฟ้ายามราตรีชั้นเคยอ่านเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษอยู่ มันน่าจะเขียนประมาณว่า ‘Our wedding is only four days away. It coincides with a new moon.’ อะไรทำนองนี้ ถ้าชั้นจำไม่ผิด”
                    “ภาษาอังกฤษดูง่ายกว่าเยอะเลย”
                    “เอาน่า แต่ว่าตอนนี้ นายกินข้าวก่อนเถอะ” ผมคีบไก่คาราเกะขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นให้เขา นี่ผมกำลังอะไรอยู่ แต่มันถอยกลับไม่ได้แล้วละ เขาหลบหน้าแล้วหน้าแดงนิดๆ น่ารักเป็นบ้าเลย ถ้าเป็นผู้หญิงป่านนี้ผมจีบไปแล้วแน่ๆ

                    “No, thank you” นาโอกิปัดตะเกียบออก
                    “กินซะ ชั้นทำเองเลยนะ ไม่กินชั้นงอน” พูดบ้าอะไรออกไปฟะ ทำนิสัยเป็นผู้หญิงไปได้ เอ้านั่น หมอนั่นก็บ้าจี้หน้าแดง ผมหลบสายตานิดๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆยื่นหน้ามาแล้วงับไก่ทอดที่ผมคีบไว้ “ปะ...ปะ...เป็นไง”
                    นาโอกิเคี้ยวหยุมๆอยู่สักพักก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมา “
    Very nice, you did it.” ผมไม่เคยถูกใครชมแล้วรู้สึกตัวลอยแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ใครก็ได้มาจับผมไว้ที ผมจะลอยออกจากหน้าต่างแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×