คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter 6 ...ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์...
...ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์...
ลิฟต์สีเงิน เลื่อนขึ้นสู่ด้านบนตรงไปยังคฤหาสน์อีกครั้ง จนในที่สุดมันก็หยุด ประตูลิฟต์อันแข็งแรงเปิดออกอีกครั้งตามด้วยร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองที่วิ่งออกมาจากลิฟต์อย่างรวดเร็ว พวกเขาตรงไปยังห้องที่มีแจกันยักษ์ แล้วรีบสาวเท้าขึ้นไปบันไดวนไปในทันทีทันใด มาร์คนำทางวิ่งตรงไปยังห้องๆหนึ่งซึ่งอยู่ที่ชั้นสองทางด้านขวามือ เขารีบเปิดประตูกระจก ภายในห้องนั้นมีแต่ความมืด เรซคอร์นมองไม่เห็นอะไรเลย มาร์คเดินเข้าไปในห้องแล้วหายไปพร้อมกับความมืด
“มาร์คนายอยู่ไหน” เรซคอร์นเรียกขณะที่ก้าวเทาเข้าไปในห้องนั้นอย่างช้าๆ ไม่มีแสงใดๆลอดผ่านสายตาของเด็กหนุ่มเลย “ที่นี่ที่ไหน” เรซคอร์นพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่สายตาของเขาจะจับจ้องไปยังจุดแสงเล็กๆจุดหนึ่งซึ่งมันค่อยๆขยายกว้างออกขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มเอามือป้องไปที่ดวงตาของเขา แสงนั้นค่อยๆลอดผ่านเข้ามาจนในที่สุดก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่นั้น ในห้องนี้มีพื้นที่ที่ใหญ่มาก เรซคอร์นมองมาร์คซึ่งเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงผ่านประตูกระจกแก้วอีกบานเข้ามา ด้านหลังประตูนั้นมีบันใดวนซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่สวนข้างบ้านซึ่งโจเซฟมานั่งบ่อยๆได้
“ขอต้อนรับเข้าสู่สุดยอดของห้องสมุด” มาร์คบอก ส่วนเรซคอร์นนั้นมองไปรอบๆซึ่งมองไม่เห็นกำแพงที่สูงใหญ่เลย แต่หนังสือเป็นล้านๆเล่มนั้นได้บดบังกำแพงอยู่ มีบันไดสำหรับปีนขึ้นไปหยิบหนังสือตามมุมต่างๆมากมาย เรซคอร์นมองไปยังกำแพงหนังสือรอบๆห้องอย่างตื่นเต้น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเจอแต่หนังสือซึ่งจะถูกแบ่งเป็นโซนๆอย่างเช่นนิยาย หรือโบราณคี หรือหนังสือประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หนังสือเก่าและอะไรต่างๆอีกมากมาย เรซคอร์นเดินเข้าไปใกล้ชั้นหนังสือขนาดใหญ่
“ฉันอยากมีห้องสมุดแบบนี้ไว้บ้าง” เรซคอร์นบอกอย่างอิจฉา ใจจริงแล้วเรซคอร์นก็ชอบอ่านหนังสือ แต่เขาไม่มีค่อยมีเงิน เขาจึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับหนังสือเลย
“นายก็มีแล้วนี่ไง” มาร์คบอกพลางยิ้มก่อนที่จะปีนบันไดขึ้นไปบนชั้นหนังสือวิทยาศาสตร์ “เอาล่ะ คราวนี้เราก็มาดูว่ามันเป็นของแท้หรือไม่”
“ไม่หรอกน่ามันเป็นแค่ตำนานนะมาร์ค” เรซคอร์นเถียงกลับขณะที่มาร์คกำลังหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น เขาค่อยๆใช้มือปัดฝุ่นที่เลอะบนหน้าหนังสือออกอย่างช้าๆ
“ในนังสือเล่มนี้มีบอกทุกอย่างเกี่ยวกับคริสตัล” มาร์คบอกพลางเอามือลูบที่หน้าปกของหนังสืออีกครั้งเผยให้เห็นชื่อของหนังสือเก่าเล่มนั้น “หิน แร่ และคริสตัล โดยอัลเบิร์ก ริกกี้” มาร์คค่อยๆเปิดหน้าหนังสือออกอย่างช้าๆและระมัดระวังหลังจากที่ลงมาจากบันไดแล้ว เรซคอร์นเดินเข้ามาใกล้ๆ “เราต้องหาเรื่องของคริสตัล”
“นี่นายคงจะเชื่อเรื่องตำนานนั่นมากเลยนะ เจ้าหญิงบาบารัสตายไปแล้วมั้ง” เรซคอร์นบอก
“ไม่ต้องยังไม่ตาย ถ้าคริสตัลนั้นเป็นหนึ่งในคริสตัลห้าพระองค์จริงๆ แล้วมันมาอยู่กับเรา แสดงว่าเธอยังมีชีวิตอยู่” มาร์คบอกอย่างร้อนรนขณะที่เปิดหนังสืออย่างรีบเร่ง เหงื่อเริ่มไหลเป็นทาง เขากำลังมองหาหน้าที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการพิจารณาคริสตัล และในที่สุดเขาก็เจอมัน เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปยังตัวหนังสือทันทีอย่างรวดเร็ว เขาอ่านมันอย่างเร่งรีบ เรซคอร์นมองมาร์คอย่างงงๆ และแล้วในที่สุดมาร์คก็อ่านจบ “เข้าใจล่ะ คริสตัลที่เราพบเป็นของจริง”
“เหตุผลล่ะ” เรซคอร์นถามกลับอย่างกวนๆ
“เขาบอกว่า คริสตัลแท้จะสะท้อนกับแสงได้ซึ่งเราเห็นแล้วตอนที่ใช้ฆ่าไอผีพวกนั้น” มาร์คบอกเหตุผลกลับอย่างรวดเร็ว “ต่อมา คริสตัลเป็นหินที่บอบบางอาจจะเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายเมื่อกระแทกกับสิ่งอื่น ฉันดูแล้ว มีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด และมันยังเป็นหินที่บริสุทธิ์ซึ่งสามารถมองผ่านทะลุมันได้ ยังมีอีกหลายอย่างด้วยนะ เช่นหินคริสตัล ผู้คนสมัยก่อนมักนำมาบูชายัน เพื่อปัดพวกเหล่าผีปิศาจออกไปจากหมู่บ้าน พวกเขาเชื่อว่าหินคริสตัลมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้น เหตุผลแค่นี้พอใช้ได้มั้ย”
“ก็ได้นะ” เรซคอร์นตอบ มาร์คปีนขึ้นไปเก็บหนังสือที่ชั้นตามเดิน พลางล้วงคริสตัลสีฟ้าใสออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะดูรายละเอียดต่างๆที่อยู่ในคริสตัลนั้น “นายสนใจสมบัติมากเลยหรือไง”
“ใช่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่า ฉันฝันที่จะมีทีมเป็นของตัวเองด้วยนะ” มาร์คอธิบายให้ฟังพลางเก็บคริสตัลลงกระเป๋ากางเกงตามเดิม “เป็นทีมที่ช่วยกันหาสมบัติ และไขปริศนาต่างๆมากมาย ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์ และอีกอย่างนึง ช่วงนี้ปู่แก่ลงขึ้นมาก ไปหาสมบัติที่ต่างประเทศไม่ได้แล้ว เขาต้องดูแลรักษาตัวเอง ฉันจึงต้องไปหาสมบัติเองไงล่ะ”
“แล้วไม่เบื่อบ้างหรือไง” เรซคอร์นถามพลางเอามือลูบบ่าของเพื่อนชายอย่างช้าๆ
“แน่นอน แต่คนมันทำไปด้วยใจรักซะอย่างก็ไม่มีเบื่อหรอกน่า” มาร์คตอบพลางยิ้มน้อยๆ “ฉันว่าไปเตรียมชุดดีกว่า ฉันมีชุดจะให้นายดูหลายชุดเลย” มาร์คและเรซคอร์นเดินกลับไปที่ห้องนอนของมาร์คอีกครั้งเพื่อที่จะเตรียมตัวไปงานเลี้ยงที่โรงเรียน
มาร์คเปิดตู้เสื้อผ้าและกำลังหาชุดสูทสำหรับไปงานในเย็นนี้ เสื้อผ้ามากมายถูกแขวนอย่างเป็นระเบียบในตู้ขนาดใหญ่ มาร์คค่อยๆดูเสื้อผ้าไปทีละตัว เขากำลังหาเสื้อผ้าชุดสูทที่เหมาะสำหรับเรซคอร์น เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนอีกไม่นานก็จะได้เวลาที่ทุกคนจะมาถึงที่บ้านของมาร์คแล้ว แสงอาทิตย์ค่อยๆจางหายไปจากขอบฟ้าตามมาด้วยความมืดสลัวในยามราตรี ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกับการผจญภัยครั้งแรกของพวกเขา
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงออดหน้าคฤหาสน์มาร์คดังขึ้น เซอร์แวนท์รีบสาวเท้าเดินไปที่ประตูรั้วทันที เด็กสาวคนหนึ่งสวมชุดราตรีที่เป็นกระโปรงยาวลูกไม้สีดำยืนอยู่ที่รั้ว เธอทำท่าคอยอย่างลุกลี้ลุกลนพลางสอดสายตามองเข้าไปในคฤหาสน์ เซอร์แวนท์เดินไปถึงประตูรั้วก่อนที่จะพูดขึ้น
“มีอะไรหรือครับ แองเจลล่า” รอบเบสหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่จะค่อยๆดึงประตูรั้วเปิดเพื่อให้เด็กสาวในชุดราตรีสีดำ
“ก็มาร์คบอกให้ฉันมาที่บ้านตอนทุ่มนึง” เด็กสาวพูดขึ้นขณะที่รั้วเปิดเผยให้เห็นร่างเล็กๆของเด็กสาวในชุดราตรีสีดำ ผมสีดำของเธอถูกก้าวขึ้นไปอย่างสวยงาม แววตาของเธอนั้นช่างดูคมเสียจริง ใบหน้าตกแต่งอย่างสวยงาม รอบๆขอบตาของเธอนั้นถูกทาด้วยที่เขียนขอบตาดูร้อนแรง เซอร์แวนท์อึ้งไปพักใหญ่ “จะยืนอึ้งอีกนานมั้ย”
“เอ่อ เชิญครับ คุณผู้ชายอยู่บนห้อง” เซอร์แวนท์บอกพลางหลีกทางให้แองเจลล่า เด็กสาวผู้ร้อนแรง เธอผิดปรกติจากคนทั่วไปเพราะยีนส์ของเธอนั้นกลายพันธุ์ แองเจลล่าเป็นสาวมนุษย์เพลิง ร่างกายและส่วยต่างๆของเธอนั้นสามารถลุกเป็นไฟได้ในชั่วพริบตา และเธอยังเป็นสาวห้าวและฮ็อตมากที่สุดในโรงเรียนด้วย ดวงตาของเธอนั้นคมกริบราวกับมีด แองเจลล่ายังชอบสีดำด้วย ชุดหนังสีดำยิ่งทำให้เธอห้าวและเร่าร้อนขึ้นมามากอีก บ้านของเด็กสาวนั้นอยู่ติดกับคฤหาสน์ของมาร์คนี่เอง
เซอร์แวนท์กำลังนำทางแองเจลล่าไปที่ห้องนอนของมาร์ค เด็กสาวมองทางนั้นทีทางนี้ทีขณะที่กำลังสาวเท้าก้าวขึ้นบันไดวนขนาดใหญ่ให้ห้องที่มีแจกันยักษ์
“คฤหาสน์เนี่ยไม่เปลี่ยนเลยนะ ใหญ่ขนาดนี้ เธอสุดยอดจริงๆเซอร์แวนท์” แองเจลล่าชมขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปที่ประตูห้องของมาร์ค
“ขอบคุณครับ ผมมาส่งแค่นี้ล่ะ” เซอร์แวนท์บอก ทั้งสองมาหยุดอยู่หน้าห้องของมาร์ค
“เออ ไม่ไปงานโรงเรียนด้วยกันหรอเซอร์แวนท์” แองเจลล่าเอ่ยปากชวน
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่เคยไปโรงเรียน” เซอร์แวนท์บอกด้วยน้ำเสียงซื่อๆ แองเจลล่าพยักหน้ากลับแล้วยิ้มก่อนที่เซอร์แวนท์จะก้าวเท้าเดินไปทำงานอย่างอื่นต่อไป แองเจลล่ารีบเปิดประตูเข้าไปในทันทีทันใด
เฮ้ยยยยยย
เสียงของมาร์คและเรซคอร์นดังขึ้นขณะที่แองเจลล่าเดินเข้าไป แต่เธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มทั้งสองกำลังยืนแต่งตัวอยู่ในสภาพร่างกายที่เปลือยท่อนบน มาร์ครีบหาอะไรมาบังแผ่นอกอันกำยำของเขาทันที
“อะอะ แองเจลล่า” เรซคอร์นพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักขณะที่กำลังสวมชุดก่อนสวมสูท
“เรซคอร์น? ใช่มั้ย” แองเจลล่าถามขึ้นอย่างงงๆ เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบ ส่วนมาร์คยังคงอึ้งกับแองเจลล่าอยู่
“แองจี้ นี่เธอสวมกระโปรงหรือเนี่ย” มาร์คถามอย่างสงสัย
“อืม แล้วทำไมล่ะ ฉันสวมกระโปรงไม่ได้หรือไง” แองเจลล่าตอบกลับอย่างกวนๆ “เอาเถอะ พวกเธอรีบแต่งตัวซะ จะได้รีบอิบายเรื่องของเธอ มาร์ค และเรื่องของเรซคอร์นด้วย” เธอบอกก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องปล่อยให้เด็กหนุ่มสองคนแต่งตัวให้เรียบร้อย
“แองเจลล่าแต่งหน้า สวมชุดราตรี” เรซคอร์นบอกมาร์คขณะที่ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสงสัยไม่หาย “อยากจะขำ ตั้งแต่เห็นยัยนั่นที่โรงเรียนยังไม่เคยเห็นยัยนั่นสวมกระโปรงหรือแต่งหน้าเลย”
“ว่าไปก็สวยไปอีกแบบ ยังคงความฮ็อตไว้ด้วย” มาร์คพูดต่อ และแล้วทั้งสองก็ปล่อยขำออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง เซอร์แวนท์เดินไปที่รั้ว เด็กสาวอีกคนสวมชุดกระโปรงเรียบสีชมพูยืนรออยู่ แองเจลล่าเดินมาสมทบกับเซอร์แวนท์ที่หน้าบ้านซึ่งรอบเบสหนุ่มกำลังเปิดรั้ว เซอร์แวนท์ค่อยๆเปิดมันออกเผยให้เห็นสาวผมทองหุ่นดีในชุดกระโปรงยาวสีชมพู เซอร์แวนท์กับแองเจลล่ายิ้มให้เด็กสาวหน้าประตูรั้วอย่างเป็นมิตร
“อ่าวคุณหนูจินนี่” เซอร์แวนท์พูดขึ้น จินนี้ยิ้มกลับ ผมของเธอนั้นสะท้อนกับแสงไฟเป็นเงาวับอย่างสวยงาม “เชิญด้านในครับ” เซอร์แวนท์บอก จินนี่พูดขอบคุณพลางก้าวเท้าเดินเข้ามาในคฤหาสน์อย่างช้าๆ แล้วตรงไปหาแองเจลล่าทันที
“หวัดดีจินนี่” แองเจลล่าพูดทักทายขึ้น
“อ่าว หวัดดีแองเจลล่า มาทำอะไรที่นี่หรือ” จินนี่ทักทายแล้วถามต่อทันที
“มาร์คบอกให้มาน่ะสิ เธอก็คงมาเพราะเหตุผลนี้ใช่มั้ย” แองเจลล่าพูดขึ้นอย่างรู้ทัน จินนี่พยักหน้าหงึกๆ
“ชุดเธอสวยมาก เธอดูแปลกตามากในชุดราตรีนี้นะ” จินนี่ชมเด็กสาวที่ทำท่าอายๆ
“ไปที่ห้องรับแขกเถอะครับ ดูเหมือนว่าหนุ่มๆทั้งสองจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เซอร์แวนท์นำทางเด็กสาวทั้งสองไปยังห้องรับแขกซึ่งเป็นห้องที่มีแจกันยักษ์ตั้งอยู่ จินนี่มองมันอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าคฤหาสน์หลังนี้จะมีมนต์สะกด สะกดให้หลากหลายผู้คนและทุกสายตาต้องจดจ้องไปกับคฤหาสน์หลังนี้ ในที่สุดทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในห้องรับแขกสุดหรู มาร์ค เรซคอร์น จินนี่ และแองเจลล่ากำลังนั่งสนทนาถึงแผนการการสำรวจที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ นี่เป็นการรวมตัวของนักสำรวจรุ่นเยาว์ในคฤหาสน์หลังใหญ่
“เอาล่ะ สรุปว่าเรซคอร์นกลายมาเป็นลูกบุญธรรมของบ้านหลังนี้อีกคน และพวกเราจะเข้าไปในถ้ำบ้าบออะไรของนายคืนนี้เนี่ยนะ” แองเจลล่าพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ใช่ แต่จินนี่ต้องไปเดินแบบบนเวที เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ได้ไปกับเรา” มาร์คพูกลับอย่างทันควัน “เพราะฉะนั้นทุกคนจะหันไปสนใจในช่วงเดินแบบ นั่นหมายความว่าทางหน้าปากถ้ำก็จะสะดวก”
“นายหัวแหลมนี่ มาร์ค” เรซคอร์นชมพลางทำท่าปรบมือช้าๆ แองเจลล่าเบ้หน้า
“แล้วถ้าฉันติดหนึ่งในการเดินแบบครั้งนี้ ฉันจะได้ไปอบรมการเดินแบบที่ออร่าทอปซิตตี้ด้วย ความฝันของฉันเลย” จินนี่บอกอย่างภูมิใจ
“สรุปแล้วต้องตามนี้ใช่มั้ยเนี่ย” แองเจลล่าถามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนพยักหน้าให้เธอพร้อมกัน
“งั้นทุกคนตามฉันมา และเพื่อที่จะไม่ตกเป็นเป้าสายตา เราจะใส่ชุดสูทเนี่ยแหละเข้าไป” มาร์คบอกก่อนที่จะลุกขึ้นและตรงไปยังห้องอีกห้องหนึ่งทันที ทั้งหมดเดินผ่านรูปปั้นต่างๆมากมายจนมาถึงห้องที่ติดอยู่กับลิฟต์ลงไปห้องแล็ปลับ แต่ทั้งหมดก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นรอบเบสหนุ่ม เซอร์แวนท์กำลังยืนกอดอกอยู่หน้าปากทางเข้าห้อง
“เกรงว่าไปงานเลี้ยงคงไม่ต้องใช้อุปกรณ์สำรวจนะครับคุณชาย” เซอร์แวนท์ทำเสียงดุ
“ได้โปรด เซอร์แวนท์ อย่าบอกปู่และให้เราเข้าไปข้างในเถอะ” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องแต่เซอร์แวนท์ส่ายหน้า
“นะ เซอร์แวนท์ เธอก็รู้ว่ามาร์คเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นขนาดไหน” จินนี่เดินเข้าไปบอกเซอร์แวนท์อย่างอ้อนวอน “และเราจะเป็นทีมของมาร์คเอง ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์ยังไงล่ะ เรารับรองว่าเราจะบอกปู่แน่นอน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ นะนะ”
“ฉันว่าเหลวไหลสิ้นดี” แองเจลล่าพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย “ลองคิดดู ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์ที่ไม่เอาไหน ไม่มีใครได้เรื่องเลยนอกจากมาร์คน่ะ เรซคอร์นก็แค่หัวขโมยกระจอกๆ” เรซคอร์นหันมาค้อนใส่แองเจลล่า “ฉันก็ไม่เอาไหน ส่วนจินนี่ก็แสนจะบอบบาง”
“นี่มันไม่ว่าเพื่อนไปหน่อยหรือไงยัยไฟย์” เรซคอร์นเดินเข้าไปกวนประสาทแองเจลล่า
“ผมว่าคุณชายฟังคุณแองเจลล่าเถอะนะครับ เพื่อความปลอดภัย” เซอร์แวนท์พูดขึ้น
“ไม่เราจะล้มเลิกความคิดนี้ไม่ได้” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างสุดขีด “ลองคิดดู เรซคอร์นหัวข-โมยที่ว่องไวและวางแผนเก่ง ฉันนักสำรวจที่เก่งกาจ และเธอแองเจลล่า” มาร์คหันหน้าไปมองเด็กสาว “เธอมีพลังเหนือธรรมชาติที่เราไม่มี เธอปกป้องพวกเราได้ และจินนี่ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนคุณหนู แต่เธอก็ยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อเราทุกคน” ทุกคนอึ้งไปกับคำพูดของมาร์คครั้งนี้ไปพักใหญ่ทีเดียว มาร์คยังคงยืนยันคำเดิมว่าเขาจะต้องเข้าไปในถ้ำปริศนานั้นให้ได้ เพราะเขาเชื่อว่ามีบางสิ่งที่น่าสนใจรอพวกเขาไปค้นหา โดยที่ไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกเลยว่ามันจะมีสิ่งเร้นลับซ่อนอยู่ในถ้ำปริศนานั้น
ในที่สุดเซอร์แวนท์ก็ยอมให้มาร์คทำตามความฝัน และยังรับปากว่าจะไม่บอกโจเซฟอีกด้วย ทั้งหมดเริ่มเตรียมอุปกรณ์ในการสำรวจถ้ำ มาร์คและเรซคอร์นมีไฟฉายไว้คนละอัน ส่วนแองเจลล่าจุดไฟในตัวเองได้อยู่แล้ว เครื่องสื่อสารวิทยุสามเครื่อง แว่นตาเอ็กซ์เทรอรอยด์ ใช้สำหรับดูเจ้าพวกสไตรเดอร์มอน ปิศาจหมอกในความมืดได้ นอกนั้นก็เป็นพวกค้อนเล็กๆน้อยๆที่สามารถขนไปได้ในชุดสูทและชุดราตรีได้
“เซอร์แวนท์เตรียมฟลายอิ้งคาร์ด้วย” มาร์คบอกก่อนที่เซอร์แวนท์เดินไปที่โรงรถและนำฟลายอิ้งคาร์ไปจอดไว้หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ หนุ่มๆและสาวๆรีบเร่งฝีเท้าเดินออกมาด้านหน้าคฤหาสน์เทรชเชอร์ และคนขับในคืนนี้ก็คือมาร์ค
“หลานจะไปกันแล้วหรอ” เสียงของโจเซฟดังขึ้น เขารีบเดินออกมาหน้าคฤหาสน์ในชุดนอน ดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะอาบน้ำเสร็จเมื่อเร็วๆนี้เอง “อ่าว มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“สวัสดีคะคุณเทชเชอร์” จินนี่และแองเจลล่ากล่าวทักทายโจเซฟพร้อมกับ โจเซฟยิ้มตอบกลับ
“สวัสดี พวกเธอสวยมาก เป็นสาวเป็นหนุ่มกันและ งั้นขอให้สนุกกับงานเลี้ยงนะทุกคน” โจเซฟบอกก่อนที่ทุกคนจะปีนขึ้นไปบนฟลายอิ้งคาร์ มาร์คขึ้นไปบนที่นั่งคนขับและข้างก็เป็นเรซคอร์นส่วนด้านหลังนั้นมีจินนี่และแองเจลล่านั่งอยู่ เซอร์แวนท์ค่อยๆเปิดรั้วขนาดใหญ่ออก
“ผมไปก่อนนะฮะปู่” มาร์คบอกก่อนที่จะบังคับยานพาหนะออกสู่นอกคฤหาสน์ทันที โจเซฟโบกมือลาพวกเขาก่อนที่ประตูรั้วจะปิดลงทิ้งไว้ด้วยความเงียบสงัดอีกครั้งหนึ่ง
ยานพาหนะสีเงินที่สะท้อนกับแสงไฟตามถนนวับวาถูกขับเคลื่อนอยู่เหนือถนนอย่างช้าๆ แสงไฟตามป้ายต่างๆในออโรทอปในยามค่ำคืนช่างสวยงามจริงๆ ตึกสูงใหญ่ล้วนแล้วก็ถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟต่างๆ ทั้งสองข้างทางนั้นยังเต็มไปด้วยผู้คน หุ่นยนต์ และรอบเบสที่ยังคงเดินฝักใฝ่กันเหมือนตอนกลางวันเช่นเคย จินนี่กับแองเจลล่ากำลังถกเถียงกันเรื่องของชุดราตรีที่พวกเธอใส่ตามประสาผู้หญิง และเด็กสาวทั้งสองได้แต่นั่งเอามือป้องผมของตัวเองซึ่งปะทะกับลมซึ่งกลัวว่าจะเสียงทรง ส่วนมาร์คและเรซคอร์นที่นั่งด้านหน้าก็เอาแต่เงียบเฉย ฟลายอิ้งคาร์เคลื่อนตัวเข้าซอยต่างๆได้อย่างชำนาญการจนในที่สุดมันก็มาหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ไฟ แสงสี เวที ดอกไม้และทุกๆอย่างภายในงานนั้นดูหรูหรา เอกเกริก และอลังการ มันเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ทีมนักสำรวจรุ่นเยาว์จะเคยเห็นมา ผู้คนมากมาย เด็กนักเรียน ผู้ปกครองและอีกหลายชีวิตกำลังก้าวเท้าเดินเข้าสู่งานและหาโต๊ะนั่งกันอย่างขวักไขว่ แสงจากโคมระย้าหลากสีนั้นช่วยดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
ส่วนเวทีด้านหน้านั้นดูแล้วเหมือนกับเวทีคอนเสริตไม่มีผิด บนเวทีนั้นมีพิธีกรซึ่งเป็นสาวสวยที่สุดและหนุ่มหล่อที่สุดจากโรงเรียน ดอกไม้และซุ้มต่างๆถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามต่างมุมต่างๆของสนาม ตอนนี้มาร์คเริ่มหาที่จอดฟลายอิ้งคาร์ เขาจอดมันไว้แถวๆด้านหน้าโรงเรียนซึ่งเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงถ้ำปริศนา ทุกคนรีบลงมาจากฟลายอิ้งคาร์ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าไปหลบอยู่ตรงมุมๆหนึ่งหลังพุ่มไม้
“เอาล่ะ....”
ความคิดเห็น