คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : chapter 5 ...คฤหาสน์เทรชเชอร์...
...คฤหาสน์เทรชเชอร์...
ทั้งสองเดินอย่างเร่งรีบด้วยเนื้อตัวที่สกปรกและส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปตลอดทาง ใบหน้าของเรซคอร์นนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาดที่ไหลหยดเป็นทาง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางเอามือเช็ดเลือดก่อนที่ตาจะเหลือบไปเห็นคฤหาสน์ใหญ่สองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งดูแล้วเหมือนถูกสร้างจากประติมากรรมหินอ่อน ส่วนด้านข้างคฤหาสน์นั้นมีไม้ดอกมากมาย ไม้พวกนั้นมีลำต้นที่ใหญ่และออกดอกชูช่ออย่างงดงาม ถัดจากคฤหาสน์หลังนั้น มีบ้านหลังใหญ่อีกหลังซึ่งสร้างติดๆกัน แต่บ้านหลังนั้นเทียบมิได้กับคฤหาสน์หินอ่อนซึ่งสวยงามมากกว่าและมีขนาดใหญ่มากกว่า มาร์คและเรซคอร์นเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของคฤหาสน์ซึ่งมีประรั้วขนาดใหญ่สีน้ำตาลกั้นอยู่ บนรั้วนั้นมีแผ่นไม้สลักอยู่ด้วย บนแผ่นไม้นั้นมีข้อความว่า “ครอบครัวเทรชเชอร์” เรซคอร์นมองเห็นด้านในได้ไม่ชัดเจนนัก แต่หลังจากที่เขามองลอดผ่านรั้วขนาดใหญ่แล้ว เขาก็ทราบดีว่าสถานที่นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
“นี่บ้านฉันเอง” มาร์คบอกอย่างอายๆก่อนที่จะเดินไปยังเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของรั้ว มีเครื่องอิเล็กโทรนิกบางอย่าง ดูคล้ายลำโพงติดสีดำอยู่ ส่วนด้านล่างของลำโพงตัวนั้นมีกล่องเครื่องแสกนสีเงินบางอย่างพร้อมกับปุ่มตัวเลขเล็กๆสองสามปุ่มติดตั้งอยู่ด้วย “ที่นี่เรามีระบบป้องกันอย่างแน่นหนา ถ้านายสังเกตดีๆ” มาร์คชี้ไปที่รั้วหินอ่อน ซึ่งตั้งไว้รอบๆบ้าน “รั้วนั่นไม่ใช่รั้วธรรมดา มันเป็นรั้วไฟฟ้าแรงสูง แต่อย่าห่วง เราเปิดเฉพาะยามจำเป็นน่ะ” มาร์คอธิบาย “ส่วนเครื่องนี่” เขาชี้ไปยังเครื่องอิเล็กโทรนิกด้านหน้านั่นก่อนที่จะอธิบาย “เริ่มจากการกดเลขรหัสที่ฉัน ปู่ของฉันและเซอร์แวนท์ตั้งขึ้นน่ะ ต่อมาก็จะมีการแสกนนิ้วมือ ซึ่งมีแค่ฉัน ปู่ฉันและเซอร์แวนท์เท่านั้นที่สามารถแสกนได้ และสุดท้ายแสกนเสียงโดยบอกชื่อ เซอร์แวนท์จะเป็นคนฟังเสียงก่อนจะพิจารณา แล้วหลังจากนั้นเราก็สามารถเข้าไปได้”
“เจ๋งไปเลย!” เรซคอร์นอุทานขึ้น แต่เขากลับทำหน้าสงสัยอีกครั้ง “แต่มาร์ค ถ้าเพื่อน จินนี่หรือใครๆจะมาที่บ้านเธอล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง เรามีออดธรรมดาอีกด้านน่ะ” มาร์คบอกพลางชี้ไปที่เสาอีกฟากหนึ่งของรั้วซึ่งมีออดธรรมดาติดตั้งอยู่ “แล้วเซอร์แวนท์จะออกมารับเอง” มาร์คบอกก่อนที่จะพรมมือลงบนปุ่มตัวเลขเพื่อกดรหัสอย่างชำนาญการและรวดเร็ว
“รหัสถูกตั้ง เชิญแสกนลายนิ้วมือ กรุณาวางนิ้วมือลงบนเครื่องแสกนด้วยค่ะ” เสียงอันไพเราะของหญิงสาวดังลอดออกมาจากลำโพง มาร์คค่อยๆเอานิ้วทั้งห้ากดลงบนเครื่องแสกนซึ่งยืดหยุ่นคล้ายฟองน้ำ ในที่สุดเขาก็ค่อยๆผละมือออกจากเครื่องแสกนนั่น “ลายนิ้วมือถูกต้อง” และแล้วเสียงของหญิงสาวก็หายไปในพริบตา
“สวัสดีครับ บ้านเทรชเชอร์ ครับ นั่นใครครับ” เสียงหนุ่มๆฟังดูเป็นมิตรลอดผ่านลำโพงแทนเสียงของหญิงสาวคนนั้น
“เซอร์แวนท์ มาเปิดประตูหน่อยนี่มาร์คเอง” มาร์คตอบกลับผ่านลำโพงนั้นไป
“รอซักครู่ครับคุณชาย” เสียงของเซอร์แวนท์เงียบไปในทันที
“ว้าว นายมีศักดิ์เป็นคุณชายหรือนี่” เรซคอร์นอุทานขึ้นอีกครั้งอย่างประหลาดใจก่อนที่มาร์คจะทำท่าอายๆก่อนที่เสียงฝีเท้าของใครบางคนจะดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากเด็กหนุ่มทั้งสองมากนัก
เอี๊ยดดดดดดดดด
เสียงของรั้วขนาดใหญ่ดังขึ้น มันค่อยๆเปิดแยกออกเรื่อยๆเผยให้เห็นคฤหาสน์ขนาดมหึมาอยู่ด้านใน มีร่างของชายหนุ่มตัวสูงคนหนึ่งยืนต้อนรับอยู่ เรซคอร์นเดินเข้าไปด้านในพร้อมๆกับมาร์ค เขามองทางนู้นทีทางนั้นทีอย่างไม่ละสายตา เสียงซู่ซ่าของน้ำพุดังอย่างไม่ขาดสาย เรซคอร์นมองรูปปั้นสิงโตสองตัวกลางสระน้ำซึ่งมีน้ำพวยพุ่งออกมาจากปากของมันทั้งสองอย่างสวยงามด้านหน้าคฤหาสน์ ส่วนสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยต้นปาล์มมากมายให้ความร่มรื่นได้เป็นอย่างดี มีสระว่ายน้ำเล็กๆอยู่ข้างๆตัวคฤหาสน์ ส่วนที่ติดกันนั้นเป็นโรงจอดฟลายอิ้งคาร์ขนาดใหญ่ ถัดจากโรงรถไปก็จะเป็นแปลงดอกไม้ที่มีสีสันต์สวยงาม และบางต้นที่ลำต้นนั้นโผล่พ้นขอบรั้วหินอ่อน
“คุณชายเกิดอะไรขึ้น ทำไมเลอะเทอะอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” เซอร์แวนท์ซักถามด้วยความเป็นห่วง “แล้วนั่นใครครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก นี่เรซคอร์นเพื่อนฉันน่ะ เรื่องมันยาว เราขอตัวไปอาบน้ำก่อนได้มั้ย” มาร์คบอกก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์โดยเร็วโดยมีเรซคอร์นเดินตามหลัง เซอร์แวนท์มองหน้าเรซคอร์นซึ่งยิ้มให้อย่างไม่ไว้ใจ ก่อนที่เขาจะเดินไปปิดประตูรั้วโดยเร็ว
เซอร์แวนท์ เซิร์ฟ เป็นรอบเบสหนุ่มกำพร้าพ่อและแม่มาแต่เด็ก โจเซฟเห็นดังนั้นจึงได้นำเซอร์-แวนท์จากสถานสงเคราะห์มาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เนื่องจากหลานของเขาก็กำพร้าพ่อแม่เช่นกัน เขาจึงสงสารและเอ็นดูเซอร์แวนท์พอๆกับมาร์ค ทั้งสองโตขึ้นมาด้วยกัน แต่เวอร์แวนท์นั้นเป็นพี่ของมาร์คซึ่งห่างกันสี่ปี ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตนเองนั้นเป็นรอบเบส โดยมีดวงตาซึ่งเป็นเครื่องจักร เขามีความพิเศษหลายอย่างเกี่ยวกับด้านการมอง ครั้นมาร์คได้เข้าเรียนหนังสือ เซอร์แวนท์ไม่ยอม เขาอยากอยู่เป็นคนรับใช้ให้โจเซฟ ซึ่งโจเซฟก็ขัดขืนมิได้ เซอร์แวนท์จึงเป็นคนรับใช้และคนสนิทของโจเซฟและมาร์คตั้งแต่นั้นมา มาร์คและโจเซฟจึงถูกเรียกว่าคุณชายบ่อยๆ แต่รอบเบสผู้นี้ยังเป็นคนขยันขันแข็ง ทำงานได้รวดเร็วและว่องไว ที่สำคัญเขายังทำอาหารได้เก่งอีกด้วย ไม่ว่าแขกที่ไหนมาก็ตาม เขาจะลงครัวทำอาหารด้วยฝีมือตนเองตลอด นอกจากนี้ยังไปคนกระชับฉับไว เจ้าระเบียบ ส่วนต่างๆของคฤหาสน์นั้นจึงดูเรี่ยมและสะอาดเป็นพิเศษ ซึ่งเซฟไม่ต้องจ้างคนใช้คนอื่นมาเลยเพราะแค่เซอร์แวนท์เพียงคนเดียว ทุกอย่างก็สามรถเรียบร้อยได้
ทั้งสองเดินลอดผ่านประตูหินอ่อนขนาดใหญ่ผ่านเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่เช่นกัน เรซคอร์นมองรูปปั้นต่างๆที่ถูกประดับตามจุดต่างๆมากมายอย่างไม่ละสายตา และจุดเด่นที่พิเศษภายในบ้านหลังนี้คือ แจกันลายมังกร และไม่ใช่แจกันธรรมดา มันเป็นแจกันขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงนั้น ความสูงของมันสูงเกือบชิดเพดานของคฤหาสน์ซึ่งสูงเสียดฟ้า เพดานด้านบนนั้นเป็นเพดานกระจกสุดหรูเพื่อให้แสงส่องเข้ามาได้ ผนังของบ้านนั้นเต็มไปด้วยรูปภาพโบราณมากมาย ตู้โชว์มากมายถูกตั้งเรียงรายตามแต่ละจุด ซึ่งมีคอ-เล็คชั่นของโบราณต่างๆวางโชว์อยู่ในนั้นด้วย
“บ้านนายเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ได้สบายเลยนะเนี่ย” เรซคอร์นบอกด้วยความตื่นเต้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้ามาสู่ห้องโถงขนาดกว้างอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีบันไดวนขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางห้อง เพดานด้านบนบันไดนั้นเต็มไปด้วยระย้าคริสตัลที่เป็นแท่งขนาดเล็กห้อยลงมาอย่างสวยงาม และในห้องนี้ยังคงมีรูปปั้นต่างๆตั้งอยู่ตามมุมของห้องเช่นกัน
“ฉันว่าอย่าเลย ปู่ฉันไม่ค่อยดีแล้วน่ะ” มาร์คบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้ทั้งสองกำลังขึ้นมาที่ชั้นสอง คราบรองเท้า คราบเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าถูกทิ้งไว้ตามทางเดินมากมาย ด้านบนชั้นสองนั้นมีระเบียงยาวและห้องซึ่งแยกเป็นห้องต่างๆมากมาย เรซคอร์นเดินตามมาร์คผ่านห้องๆหนึ่งไป เป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือและหนังสือมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งถูกบรรจุอยู่ในห้องนั้น
“บ้านนายไม่เหมือนบ้านคนอื่นๆ” เรซคอร์นโพล่งขึ้นขณะที่มาร์คกำลังเปิดประตูห้องของตนเองซึ่งด้านหน้าประตูมีเขียนว่า มาร์คคำใหญ่
“ยังไงล่ะ” มาร์คบอก ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่เกือบคล้ายกับวงกลม ในห้องนั้นประกอบด้วยเตียงเหล็กขนาดใหญ่หนึ่งเตียง คอมพิวเตอร์สุดไฮเทคที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหนึ่งเครื่อง ทีวีจอแอลซีดีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ติดอยู่บนผนังหนึ่งเครื่อง โต๊ะทำงานและของโบราณซึ่งเป็นรูปปั้นซักส่วนใหญ่อีกส่วนหนึ่ง มีประตูอีกสองบานในห้องของมาร์ค ซึ่งบานแรกนั้นนำทางไปสู่ห้องน้ำสุดหรู ส่วนอีกบานหนึ่งนำพาไปสู่ตู้เสื้อผ้าที่รกรุงรังของมาร์ค
“บ้านนายไม่ไฮเทคหรือไฮโซเหมือนบ้านคนอื่นๆในเมืองซักเท่าไหร่” เรซคอร์นพูดพลางสำรวจนั่นสำรวจนี่ภายในห้องของมาร์ค เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ซึ่งเป็นเพดานแก้วใส สามารถมองเห็นดาวเวลานอนได้ “ถึงแม้ว่ามันจะเหมือนคลังเก็บของเก่า แต่ฉันว่ามันดีเยี่ยมสุดๆ”
“นึกว่านายจะกลัวเหมือนคนอื่นเสียอีก ฉันอยู่สองคนกับเซอร์แวนท์ยังกลัวเลย” มาร์คพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอพลางถอดเสื้อโค๊ดออกอย่างช้าๆ “ของโบราณทุกชิ้นที่ได้มาย่อมมีประวัติและตำนานด้วยกันทั้งนั้น”
“ว้าว ลึกลับดีนะ” เรซคอร์นบอกอย่างตื่นเต้น พลางมองไปรอบๆห้องอย่างหวาดๆ “แล้วเคยเจออะไรบ้างมั้ย”
“ก็ไม่เคยเจออะไรนี่” มาร์คตอบกลับแล้วยิ้มอย่างสบายใจ ก่อนที่จะเดินไปด้านข้างของประตูทางเข้าซึ่งมีลำโพงสีดำเล็กๆติดอยู่ มาร์คค่อยๆเลื่อนปากของเขาไปใกล้ลำโพงนั้นก่อนที่จะกดปุ่มพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง “เซอร์แวนท์”
“ครับคุณชาย” เสียงของเซอร์แวนท์ดังตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“เอากล่องประถมพยาบาลขึ้นมาให้ทีนะ” มาร์คบอกกับลำโพงตัวนั้น
“ได้ครับคุณชาย” เสียงเซอร์แวนท์ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่มันจะเงียบกริบลงในทันที เซอร์แวนท์เดินไปหยิบกล่องประถมพยาบาลที่ห้องพยาบาลทันทีก่อนที่จะเดินขึ้นมาชั้นบน ระหว่างทางนั้นเซอร์แวนท์เดินผ่านคราบสกปรกมากมายบนพื้นพรหมซึ่งหนุ่มๆทั้งสองได้ทิ้งคราบเอาไว้เปรอะประ รอบเบสหนุ่มมองคราบนั้นก่อนที่จะส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย เขาเดินตรงไปยังหน้าห้องของมาร์คทันทีก่อนที่จะเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้” มาร์คตอบอย่างทันควัน เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของรอบเบสหนุ่มกับกล่องประถมพยาบาล เขาเดินเข้ามาที่เตียงก่อนที่จะวางมันลง “ขอบใจมากนะเซอร์แวนท์”
“ด้วยความยินดีครับคุณชาย” เซอร์แวนท์พูดขระที่ก้มหัวลงโค้งคำนับ เขาเดินออกไปจากห้องนอนของมาร์คอย่างช้าๆแล้วรีบจัดแจงกับคราบเปื้อนบนพื้นโดยด่วน
“ชีวิตนายน่าอิจฉาจัง” เรซคอร์นบอกอย่างอิจฉา “ว่าแต่มีแค่เซอร์แวนท์หรอที่เป็นคนใช้ในบ้าน ฉันเห็นมีอยู่คนเดียวเองนะ”
“อันที่จริงแล้วไม่มีคนใช้หรอก เซอร์แวนท์เหมือนลูกของปู่คนนึงเชียวล่ะ เพียงแต่เขาต้องการที่จะรับใช้ เราขัดเขาไม่ได้หรอกนะ” มาร์คอธิบายก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบคริสตัลสีฟ้าใสออกมาวางบนโต๊ะทำงาน “เอาเป็นว่าฉันเลอะเทอะมากแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ห้ามแตะต้องอะไรเด็ดขาดเข้าใจมั้ย ยกเว้นทีวีนั่น นายอาบต่อจากฉันก็ได้” มาร์คบอกและสั่งทุกอย่างก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายให้สะอาดสดชื่น ส่วนเรซคอร์นนั้นก็เปิดทีวีจอหรูดูอย่างตื่นเต้น
ในไม่ช้า มาร์คก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผมเผ้าที่ยังแห้งไม่สนิท เขาสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ เด็กหนุ่มเดินไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะเปิดมันออกแล้วหยิบผ้าขนหนูออกมาหนึ่งผืนกับเสื้อยืดลายทหารสีเขียวและกางเกงยีนส์ เรซคอร์นมองมาร์คอย่างงงๆขณะที่มาร์คยื่นผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าให้เขา
“ไปอาบน้ำซะ อีกไม่นานปู่ก็จะกลับมาแล้ว” มาร์คบอก เรซคอร์นค่อยๆยื่นมือไปรับผ้าขนหนูและเสื้อผ้าจากมาร์ค เขาค่อยๆยืนขึ้นช้าๆก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนมาร์คนั้นทิ้งตัวลงกับเตียงด้วยความเหนื่อยล้า เขาค่อยๆเปิดกล่องประถมพยาบาลและหยิบขวดยาออกมา หลังจากนั้นเขาก็จัดแจงทำแผลที่แขนโดยเร็ว
เรซคอร์นเดินเข้าไปในห้องน้ำช้าๆ ในห้องน้ำนั้นถูกแบ่งออกเป็นโซนๆ โซนแรกมีฝักบัวสีเงินพร้อมกับปุ่มกดปรับระดับความร้อนเย็นของน้ำมากมายหลายปุ่ม ส่วนอีกฟากนั้นมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตา ซึ่งด้านข้างนั้นบนขอบอ่างมีโทรศัพท์กันน้ำวางอยู่ และอีกข้างมีปุ่มมากมายเพื่อสำหรับปรับเป็นน้ำวนหรือระบบนวดตัว ส่วนเพดานด้านบนอ่างน้ำนั้นมีฝักบัวขนาดใหญ่ อีกด้านนั้นมีห้องส้วม ด้านในนั้นมีชักโครกสุดหรูซึ่งมีที่นวดหลังสุดไฮเทคด้วยเช่นกัน ด้านหน้านั้นมีอ่างน้ำสีทองพร้อมกับกระจกไว้สำหรับล้างหน้าและแปรงฟัน
เรซคอร์นมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำชะระล้างร่างกายและคราบเลือดให้สะอาดภายในห้องอาบน้ำซึ่งมีฝักบัวสีเงินอยู่ และในไม่ช้าเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำสุดหรูพร้อมกับสวมเสื้อยืดลายทหารกับกางเกงยีนส์ของมาร์ค
“พอดีเลย” เรซคอร์นบอกมาร์คพลางขยับกางเกงเล็กน้อยขณะที่กำลังเดินไปที่กล่องประถมพยาบาล
“อื้ม นายมายืมเสื้อผ้าฉันบ้างก็ได้ ฉันมีเยอะแล้ว ยกเว้นกางเกงในนะ 55+” มาร์คพูดแซวเล่นพลางหัวเราะ เรซคอร์นยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะจัดแจงทำแผลให้ตัวเอง เขาค่อยบรรจงทายาลงลงบนแผลที่ศีรษะช้าๆ
ผึบบบบบ
ประตูห้องนอนของมาร์คเปิดออกอีกครั้ง เซอร์แวนท์เดินเข้ามาด้านในอย่างรีบเร่ง เขาค่อยๆถอนหายใจช้าๆก่อนที่จะพูดขึ้น ทั้งสองมองด้วยความงงงวย
“ปู่มาแล้วคุณชาย รออยู่ที่สวน” เซอร์แวนท์บอกด้วยความเหนื่อยหอบ
“อืมๆ เดี๋ยวฉันไป ขอบใจมาก” มาร์คบอกก่อนที่เซอร์แวนท์จะปิดประตูดังปังแล้วเดินจากไป มาร์คเดินไปหยิบคริสตัลสีฟ้าใสที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน เขาใส่มันลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนที่จะหันมามองเรซคอร์นซึ่งมีท่าทางหวาดหวั่น “นายไม่โดนเข้าคุกแน่ฉันสัญญา” มาร์คบอกอย่างปลอบใจ เรซคอร์นยิ้มอย่างเนือยๆก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องนอนนั้นไป
ทั้งสองเดินผ่านห้องโถงใหญ่ซึ่งมีแจกันยักษ์ตั้งอยู่กลางห้อง อีกฟากนั้นมีทางออกไปสู่สวนดอกไม้ซึ่งมีม้าหินอ่อนขนาดใหญ่หนึ่งตัวตั้งอยู่กลางสวน โจเซฟชอบไปนั่งที่นั้นทุกเช้าเพื่อจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ หรือยามว่างเขาจะมานั่งอ่านหนังสือโบราณคดีเงียบๆคนเดียว และส่วนนี้ตรงกับชั้นสองซึ่งเป็นห้องสมุดพอดี ตรงใกล้ๆกับผนังอีกฟากของม้าหินอ่อนนั้นจึงมีบันไดวนสีดำเพื่อเดินขึ้นไปบนห้องสมุดได้ ตรงใต้บันใดวนนั้นมีน้ำพุเล็กๆเพื่อความสวยงามยิ่งขึ้น
“มานั่งด้วยกันสิ” เสียงโจเซฟดังขึ้น เขามองเด็กหนุ่มทั้งสองลอดผ่านแว่นสายตาซึ่งใส่เวลาตอนอ่านหนังสือ “ไปทำอะไรมาน่ะ แผลเต็มตัวเชียว” โจเซฟพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มไม่มีสิ่งใดน่าผิดปรกติ เขาทำท่าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
“ผีดิบป่าออกอาละวาดพวกเรา” มาร์คบอก โจเซฟวางหนังสือพิมพ์ลงทันที พลางจ้องหน้ามาร์คอย่างครุ่นคิด
“อะไรนะ หลานบอกว่าผีดิบออกอาละวาดหรอ” โจเซฟทวนคำถามหลานอีกครั้ง “ตอนบ่ายๆเนี่ยนะ”
“ใช่ ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ใด แต่มันต้องเกิดอะไรซักอย่างกับเมืองนี้แน่นอน” มาร์คพูดต่อ “ผมตั้งประเด็นไปที่บาดีล วิคเค็ด เค้าต้องการขึ้นแท่นนายกกระทรวงโรบอทต่อปีนี้ เขาเคยมาจากเหล่ากระทรวงมืด”
“หลานไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหนน่ะ” โจเซฟพูดราวกับว่าจะดุมาร์ค “เก่งมาก ยอดเยี่ยม” แต่เขากลับชมมาร์คซึ่งตอนนี้เริ่มทำหน้างงๆ โจเซฟหันมาหาเรซคอร์นซึ่งกำลังหลบสายตาอย่างหวาดๆ “แล้วนี่ล่ะ เพื่อนหลานชื่อไร”
“เรซคอร์นฮะ เค้าช่วยผมไว้ด้วยจากผีดิบน่ะฮะ” มาร์คบอก เรซคอร์นยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
“เอางี้นะ เอ่อ เรซคอร์น เธออยู่ที่นี่ไปก่อนละกัน” โจเซฟพูดขึ้นทำเอามาร์คและเรซคอร์นอึ้งไปพักใหญ่ “ปู่อดสงสารไม่ได้น่ะ” โจเซฟพูดขึ้นเพื่อให้ทุกคนสบายใจและหายสงสัย “ทุกคนก็เป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งหมดนั่นแหละ ทั้งสามคนเลย เซอร์แวนท์อีกคน ปู่สงสารเด็กคนนี้น่ะ แล้วอีกอย่างเค้าก็ช่วยหลานนี่ อยู่เป็นเพื่อนกันดูแลกันน่ะดีแล้ว ปู่เห็นหลานมีเพื่อนสนิทไม่กี่คนเองนะ”
“อย่าดีกว่าครับ” เรซคอร์นพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ “คือผมเกรงใจน่ะครับ”
“เกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น ดี ปู่จะได้ไม่เหงาไง” โจเซฟพูดอย่างแจ่มใส “ให้นอนห้องหลานไปน่ะแหละมาร์ค”
“ผมดีใจฮะที่ปู่ให้เรซคอร์นมาอยู่กับผม” มาร์คบอก เรซคอร์นสะกิดมาร์คแต่มาร์คไม่สนใจ “เรื่องเสื้อผ้าเค้าเดี๋ยวผมจัดให้เองครับ”
“ดีมาก มาร์คเค้ามีเสื้อผ้าเยอะน่ะ เรซ” โจเซฟบอกกับเรซคอร์นอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็วปล่อยให้เด็กหนุ่มสองคนนั่งทำหน้างง
“ปู่นายไว้ใจฉันขนาดนี้เชียวหรอ” เรซคอร์นถามขึ้นอย่างงงๆ
“ไม่รู้สิ เขาคงสงสารจริงๆ เพราะฉันกับเซอร์แวนท์ก้อกำพร้าเหมือนกัน” มาร์คอธิบาย “ไม่มีอะไรหยุดเค้าได้หรอก เอาเป็นว่านายพึ่งเป็นเพื่อนสนิทฉัน นายช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันไว้ใจนายละกัน” มาร์คบอกก่อนที่จะชูกำปั้นขึ้น
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของเพื่อนอยู่แล้ว” เรซคอร์นตอบกลับก่อนที่จะเอากำปั้นของเขาชนกับของมาร์คเพื่อแสดงถึงมิตรภาพที่ดีงาม “แล้วเราจะทำอะไรกันต่อ”
“เราจะโทรไปหาแองเจลล่า” มาร์คบอกก่อนที่ทั้งสองจะลุกขึ้นและเดินเข้าบ้านไป เด็กหนุ่มเดินไปยังห้องครัวซึ่งเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่มีโทรศัพท์ มีจออะไรบางอย่างติดอยู่ที่ผนังดูแล้วเหมือนทีวีแต่หน้าจอนั้นเล็กกว่ามาก ด้านข้างนั้นมีหูฟังบลูธูตแขวนอยู่ด้วย มาร์คหยิบมันขึ้นมาสวมที่หูก่อนที่จะเปิดหน้าจอซึ่งติดอยู่ที่ผนัง มันมีรายชื่อขึ้นมากมาย และเด็กหนุ่มเลือกรายชื่อนั้นด้วยการสัมผัส ในที่สุดเขาก็เห็นรายชื่อแองเจลล่า ไฟย์ และแล้วเขาก็กดปุ่มโทรออกทันที
“สวัสดีค่ะ” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น
“คุณนายไฟย์ นี่มาร์คเองนะครับ แองเจลล่าอยู่มั้ยครับ” มาร์คถามอย่างสุภาพ
“อยู่จ้า มาร์คเองหรือเนี่ย น้าจำเสียงแทบไม่ได้ เดี๋ยวน้าไปตามให้นะจ้า” คุณนายไฟย์ตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกันก่อนที่เสียงของเธอจะหายไป
“ว่าไงล่ะมาร์ค” เสียงห้าวๆและแก่นๆดังขึ้น มาร์คสะดุ้งโหยง
“สวัสดีแองเจลล่า” เขาพูดตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก “คือว่าจะชวนมาที่บ้านตอนหนึ่งทุ่มน่ะ ก่อนไปงานโรงเรียนจะได้มั้ย”
“ก็แค่นี้เอง โทรให้เปลืองตังค์ทำไม บ้านก็อยู่ใกล้กันเดินมาบอกก็ได้” แองเจลล่าทำเสียงดุ “โอเคเดี๋ยวฉันไป รอและกัน” เองเจลล่าพูดก่อนที่จะวางสายไปในทันที ส่วนมาร์คก็เก็บหูฟังเข้าที่ตามเดิม
“เราต้องรอใช่มั้ยเนี่ย” เรซคอร์นพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ
“ไม่นานหรอก อีกแค่ไมกี่ชั่วโมง เอาเป็นว่าตอนนี้ ไปห้องแล็ปฉันดีกว่า เรามีอะไรต้องพิสูจน์เล็กน้อย” มาร์คบอก ทั้งสองเดินออกมาจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเดินผ่านแจกันยักษ์อีกครั้งก่อนที่จะตรงไปยังห้องอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีลิฟต์อยู่หนึ่งตัว
“ห้องแล็ปนายอยู่ไหน” เรซคอร์นถามอย่างสงสัยขณะที่ตายังคงจ้องลิฟต์ตัวนั้น
“ใต้พื้นดิน ไม่มีใครรู้นอกจากคนในบ้านนี้น่ะ” มาร์คอธิบาย เรซคอร์นเริ่มทำหน้าหวั่นๆ “ไม่ต้องกลัว เราแค่ลงลิฟต์นี้ไป ไม่มีอันตรายอะไรหรอก แต่ป้องกันพวกคนร้ายนะ เราต้องสร้างลึกลงไปมากพร้อมกับระบบป้องกันแน่นหนา ที่แน่ๆ มีอากาศหายใจเพียงพออยู่แล้ว เราได้ติดเครื่องปล่อยก๊าซออกซิเจนไว้ทั่วเลยล่ะ”
“งั้นเราก็จะปลอดภัยจากข้าศึกและศัตรูใช่มั้ย” เรซคอร์นถามอย่างสงสัยอีกครั้งขณะที่ทั้งสองก้าวขาเข้าไปในลิฟต์อย่างช้าๆ
“ใช่แล้วล่ะ” มาร์คบอกก่อนที่เขาจะกดปุ่มสีแดงซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือ ลิฟต์ค่อยๆหย่อนตัวลงช้าๆ ถึงแม้ว่าใต้พื้นดินนั้นจะดูเหมือนไม่มีอากาศหายใจ แต่เรซคอร์นก็รู้สึกว่าหายใจได้ทั่วปอดเลยทีเดียว เขามองไปรอบๆลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เวลาผ่านไปหลายนาทีจนในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลง ประตูสีเงินเปิดอ้าออก เผยให้เห็นเครื่องมือต่างๆที่ทันสมัยบรรจุอยู่ในห้องสีเงิน ห้องนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องแล็ปสำหรับทดลองสิ่งต่างๆมากมายของมาร์ค
“ของเจ๋งๆเพรียบเลย” เรซคอร์นอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น “นายเอาเงินที่ไหนมาซื้อน่ะ”
“ก็เงินจากการประมูลของเก่าไงล่ะ” มาร์คบอกพลางยิ้มก่อนที่จะเดินไปหยิบถุงมือยางบนโต๊ะตรวจสอบ เขาค่อยๆสวมมันช้าๆก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบคริสตัลสีฟ้าใสนั้นออกมา
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะฆ่าผีพวกนั้นได้” เรซคอร์นบอกก่อนที่จะเดินมาดูมันข้างๆมาร์ค
“ใช่มันสะท้อนแสงออกมาได้ ถ้าเป็นคริสตัลของแท้ล่ะก็ทำได้แน่นอน” มาร์คบอกก่อนที่จะวางคริสตัลนั้นไว้บนโต๊ะอย่างช้าๆ และหยิบแว่นขยายออกมาส่อง “มันเป็นรูปดาว ดาวที่นูนออกมาจากตัวคริสตัลนี่” มาร์คค่อยๆกวาดสายตาไปรอบๆรูปดาวนั้น เขาตรวจสอบรายละเอียดของมันอย่างพิถีพิถันและชำนาญ “ใช่! นี่ต้องเป็นคริสตัลของแท้ มันไม่มีร่องรอยของพลาสติกซึ่งต้องเป็นสีขุ่น แต่มันคือหินคริสตัลใส”
“อะไรนะ นายดูแค่นี้เองน่ะหรอ” เรซคอร์นบอกอย่างดูถูก
“ดูง่ายมาก ถ้าเป็นพลาสติกจะต้องมีสีขุ่นและขนาดเบา และถ้าเป็นแก้วจะใสกว่าปรกติ แต่นี่เป็นหิน มีน้ำหนักมาก และยังมีรอยขีดข่วนอีกด้วย แสดงว่ามันมีอายุมากแล้ว เพียงแต่ว่ามันเข้าไปอยู่ในตัวผีดิบได้ยังไง” มาร์คอธิบายพลางทำหน้าครุ่นคิด “หรือว่านี่จะเป็น.......”
••.•´¯`•.•• ••.•´¯`•.••
ความคิดเห็น