ชีวิตที่เลือกไม่ได้ - ชีวิตที่เลือกไม่ได้ นิยาย ชีวิตที่เลือกไม่ได้ : Dek-D.com - Writer

    ชีวิตที่เลือกไม่ได้

    ชีวิตที่เลือกไม่ได้ เพราะความยากจนเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของครอบครัว ไม่มีโอกาสแม้จะเลือกอาชีพให้กับตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    378

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    378

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.ย. 55 / 21:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนตั้งใจมากๆที่จะตีแผ่อาชีพๆหนึ่งซึ่งมีอยู่จริงในโลกใบนี้  นั้นคืออาชีพ"รับจ้าง"ถึงตอนนี้คุณผู้อ่านคงจะหัวเราะพร้อมๆกับส่ายหน้าเพราะอาชีพรับจ้างเขาก็ทำกันทั้งนั้น แต่รับจ้างทำอะไรละ นี่คือประเด็นสำคัญ ผู้เขียนไม่สนับสนุนให้ใครรับจ้างทำงานแบบนี้เพราะนอกจากจะดูโหดร้ายผิดศีลธรรมแล้วมันยังส่อให้เห็นถึงจิตใจของคนๆนั้นว่าสักวันเขาอาจจะก่อเหตุฆาตกรรมขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย""แต่"ตราบใดที่คนเรายังบริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่อยู่อาชีพนี้ก็ยังอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สายฝนตามฤดูกาลกระหน่ำลงมาหนักมากจนหลังคาสังกะสีเกือบทะลุ  นิตยานั่งมองเม็ดฝนผ่านหน้าต่างออกไปน้ำตาอาบแก้ม ความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชตามีมากมายจนล้นอก เธอสอื้นดังๆออกมาแข่งกับเสียงฝนที่กระทบหลังคา  3ทุ่มแล้วลูกกับสามีหลับกันหมด   บนเรือนไม้เก่าๆที่ปลูกอยู่ริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน  เพราะความจนใช่ไหมที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของครอบครัว เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะเลือกอาชีพหรือเลือกงานดีๆทำ แต่สำหรับธวัชสามีวัย30ของเธอเขาเลือกที่จะทำอาชีพที่พ่อเขาเคยทำเลี้ยงเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก หลังจากแต่งงานกับนิตยาแล้วเธอเคยขอร้องเขาให้หางานอื่นทำแต่เขาก็ยังยืนยัน
      ว่าจะทำอาชีพนี้เพราะเขาถนัดอยุ่แล้ว  นิตยาต้องแอบร้องไห้ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทุกวันพระเธอพยายามหาโอกาสไปทำบุญอยู่เสมอเพื่ออุทิศส่วนบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลายจะได้เป็นการชดใช้หนี้บาปหนี้กรรมที่สามีทำอยู่ให้ลดลงไปบ้าง สำหรับเธอแล้วมันคือ"นรกในใจ"ที่ทำให้เกิดทุกข์อยู่ตลอดเวลา
        ถึงเมื่อคืนจะนอนดึก นิตยาก็ต้องตื่นตี5เพื่อเตรียมอาหารให้สามีทานก่อนออกไปรับจ้างทำงาน ยิ่งออกไปเร็วแค่ไหนยิ่งมีโอกาสหาเงินได้มาก นิตยาเองเธอก็ไม่ได้อยู่เฉยพยายามหารายได้มาจุนเจือครอบครัวด้วยการรับซักรีดเสื้อผ้าที่บ้าน  สิ่งที่เธอต้องการก้คืออยากเก็บเงินให้ได้สักก้อนหนึ่งถึงแม้เงินที่สามีหาได้มาจะเป็น"เงินบาป"ก็ตามแต่นิตยาก็ไม่มีทางเลือก  เพื่อจะสร้างบ้านใหม่เล็กๆสักหลังวันหนึ่งเมื่อลุกโตขึ้นเขาจะได้อยู่อย่างสบายไม่อายเพื่อน ตอนนี้"น้องเอ"ลูกชายของเธออายุ6ขวบแล้ว  น้องเอเป็นเด็กดีมีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตาไม่ดื้อไม่ซนชอบชวนแม่ออกไปให้อาหารสุนัขจรจัดนอกบ้านเสมอ และเก็บลูกสุนัขจรจัดกำพร้ามาเลี้ยงไว้ตัวหนึ่งแล้วตั้งชื่อมันว่า"เจ้าแจม"เพราะมันชอบแจมไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าเจ้านายมันจะไปไหนทำอะไรมันก็ตามไปแจมด้วยทุกแห่ง จนมันเป็นขวัญใจของทุกคนในบ้านไม่เว้นแม้แต่ธวัช
         นิตยานั่งมองลูกวิ่งเล่นกับสุนัขแล้วถอนใจสักวันหนึ่งเมื่อลูกโตขึ้นถ้ารู้ว่าพ่อมีอาชีพแบบนี้เขาจะรับได้หรือไม่ แต่ธวัชให้สัญญากับเธอว่าจะเลิกอาชีพนี้เมื่อลูกอายุครบ10ขวบ
         เสียงแตรรถเตือนให้นิตยาตื่นจากภวังค์ เธอหันไปมองหน้าบ้านเห็นรถกระบะเก่าๆของสามีมาจอดบีบแตรเรียกให้เปิดประตู  เขากลับบ้านไม่เป็นเวลาหรอกบางวันก็กลับเย็นบางวันปาเข้าไป3ทุ่มก็ยังมี  หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตูไม้เก่าๆให้สามีขับรถเข้ามา  โดยมีน้องเอวิ่งตามมาติดๆ จนลืมสังเกตุไปว่าเจ้าแจมก็วิ่งตามมาด้วย  กระทั้งเสียงสุนัขร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดธวัชกระโดดลงมาจากรถอย่างรวดเร็วก้มลงมองใต้ท้องรถจังหวะเดียวกันที่น้องเอกับแม่ก็ก้มไปมองเช่นกันสามคนอุทานออกมาพร้อมกัน"เจ้าแจม แล้วตามมาด้วยเสียงร้องไห้ลั่นของน้องเอ "แม่ เจ้าแจมถูกรถทับแม่ช่วยเจ้าแจมด้วย "นิตยาดึงลูกมากอดแต่เด็กน้อยไม่ยอมหันมาชี้หน้าพ่อเเละต่อว่าอย่างรุนแรง "พ่อใจร้ายพ่อฆ่าเจ้าแจม  เอเกลียดพ่อแล้ว  เกลียดจริงๆ  ธวัชดึงร่างไร้วิญญาณของแจ้าแจมออกมาจากใต้ท้องรถใช้ผ้าคลุมร่างที่เต็มไปด้วยเลือดเพื่อไม่ให้ลูกเห็นอีก สายตามองภรรยาและลูกอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับพูดออกมาเบาๆ "พ่อขอโทษลูก พ่อไม่ได้ตั้งใจพ่อไม่เห็นจริงๆ "นิตยามองหน้าสามีอย่างรู้สึกสงสารเธอประคองลูกขึ้นบ้าน เด็กน้อยหันมามองร่างเจ้าแจมที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่าๆจนลับตา ภาพเจ้าแจมตอนอยู่ใต้ท้องรถนอนสิ้นใจจมกองเลือดยังติดตาเด็กน้อยจนต้องร้องไห้ไม่ยอมหยุด  ธวัชนำร่างสุนัขของลูกไปขุดหลุมฝังไว้หลังบ้านพร้อมกับยืนนิ่งไว้อาลัยอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเขาจะมีอาชีพที่ใครมองว่าโหดร้าย ไร้ศีลธรรมแต่เขาทำไปเพราะความจำเป็น เขาต้องการให้ลูกเมียอยู่สุขสบาย เขาผิดด้วยหรือ ถ้าจะถามว่าแล้วอาชีพอื่นไม่มีแล้วหรือ เขาก็จะตอบว่ามี แต่คนจนไม่มีความรู้ความสามารถอะไรสักอย่างๆเขาไม่มีสิทธิ์เลือก จะมีก็แต่อาชีพรับจ้างอย่างนี้แหละไม่ต้องลงทุนลงแต่แรงอย่างเดียว  และอาชีพนี้ไม่ใช่หรือที่พ่อของเขาทำเลี้ยงครอบครัวมาตั้งแต่เขายังเล็กๆ เขาเคยตามพ่อไปดูพ่อทำงาน ตอนแรกเขากลัวมากแต่พอไปบ่อยๆก็เกิดความเคยชิน เขาคิดจะเปลี่ยนอาชีพอยู่เหมือนกันแต่ขอเวลาให้เขาสักนิดขอให้เขาเก็นเงินให้ได้มากกว่านี้อีก4ปีเขาเลิกแน่นอน
          หลังจากวันที่โหดร้ายผ่านไป   น้องเอมีอาการซึมเศร้าหงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด  นิตยาเป็นห่วงลูกมากพยายามปลอบใจลูกพานั่งซ้อนท้ายจักรยานไปเที่ยวตลาดซื้อขนมที่ลูกชอบ น้องเอหายจากอาการซึมเศร้าชั่วครู่ชั่วยามพอเห็นสุนัขจรจัดก็แอบร้องไห้ นิตยาสงสารลูกมากเธอจะทำอย่างไรดี
           ชีวิตยังต้องดำเนินไปข้างหน้า  กาลเวลาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วบัดนี้น้องเออายุครบ10ขวบแล้ว ธวัชสามารถปลูกบ้านใหม่ให้ลูกเมียอยู่อย่างสบาย แม้จะเป็นบ้านหลังเล็กๆแต่เขาก็ภูมิใจยิ่งเห็นลูกเมียชอบเขาก็มีความสุข  4ปีผ่านไปน้องเอโตขึ้นมากรูปร่างสูงปราดเปรียวเป็นนักกีฬาของโรงเรียนด้วย ธวัชซื้อจักรยานให้ลูกคันหนึ่งแทนการใช้คันเก่าของแม่  น้องเอเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านเกินเด็กวัยเดียวกันเวลาอยู่กับเพื่อนเขาสนุกร่าเริง แต่พอกลับมาบ้านเขากลายเป็นเด็กพูดน้อย  บางวันก็เก็บตัวเหงียบอยู่แต่ในห้อง นิตยาเฝ้าดูลูกอยู่ไม่ห่างคอยถามโน่นถามนี่ กับผู้เป็นพ่อวันๆแทบไม่เจอหน้ากันเลย  ตอนนี้น้องเอโตพอที่จะรับรู้ได้แล้วว่าพ่อทำอะไรทำที่ไหนเวลาโรงเรียนปิดน้องเอเคยขอตามพ่อไปด้วย พ่อก็ไม่อนุญาติสักทีจนแล้วจนรอดน้องเอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพ่อมีอาชีพรับจ้างทำอะไร
            คืนนี้ธวัชกลับมาถึงบ้าน3ทุ่มกว่า    พอก้าวเข้าบ้านก็ถามหาลูกอย่างทุกวัน "นิด ลูกหลับแล้วเหรอ"นิตยาเห็นประตูห้องลูกปิดเหงียบก็เข้าใจว่าคงหลับแล้ว "คงหลับแล้วละพี่ เข้าห้องตั้งแต่หัวค่ำแล้วนี่ พี่ไปอาบน้ำเถอะ จะได้กินข้าว 3ทุ่มกว่าแล้วนะพี่"
         หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ธวัชก็เดินออกจากห้องด้วยหน้าตายิ้มแย้ม นิตยายกสำรับตั้งโต๊ะให้สามีแล้วนั่งลงไกล้ๆคอยปรนนิบัติ "พี่กินเยอะๆนะ นิดแกงส้มกุ้งกับดอกแคของชอบพี่นะ "ธวัชตักข้าวใส่ปากเคี้ยวอย่างอเร็ดอร่อย นิตยานั่งมองสามีจนเขาอิ่มจึงเอ่ยทวงถาม"พี่ ตอนนี้ลูกเรา10ขวบแล้วนะ ที่เราเคยคุยกันไว้พี่ลืมหรือยังจ๊ะ"ธวัชวางแก้วน้ำลงเบาๆเขายิ้มให้ภรรยา"พี่ไม่ลืมหรอกนิด  วันนี้พี่คุยกับเถ้าแก่แลัวแต่เถ้าแก่เขาขอให้ช่วยไปจนถึงสิ้นเดือน เพราะช่วงนี้มีงานเยอะวันๆทำส่งแทบไม่ทัน"นิตยายิ้มอย่างดีใจสิ่งที่เธอรอคอยมานานกำลังจะเป็นจริงแล้ว"พี่จ๋านิดดีใจจริงๆเลย เงินเราก็พอมีบ้างแล้วนิดตั้งใจว่าจะไปซื้อผลไม้ในสวนของเพื่อนบ้านเรานี่แหละ เอาไปส่งที่ตลาด นิดติดต่อลูกค้าไว้บ้างแล้วนะ"ธวัชทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับภรรยา"อือ..ก็ดีนะ รถเราก็มี ถ้าเกิดเรามีลูกค้าเยอะๆเราก็ไปตะเวนซื้อที่ตำบลอื่นบ้างก็ได้  พี่รู้จักทั้งนั้นเพราะพี่ไปทำงานมาทั่วแล้ว"นิตยาจับแขนสามีเขย่าเบาๆแสดงความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ต่อไปนี้เธอคงบอกลูกได้อย่างเต็มปากเมื่อลูกถามว่าพ่อไปทำอะไรทำที่ไหนเพราะเดี๋ยวนี้พอน้องเอโตขึ้น น้องเอถามบ่อยเหลือเกินบางครั้งคล้ายเหมือนจะระแคะระคายอะไรมาบ้างแล้วจนเธอเกือบหลุดพูดออกมาเหมือนกัน
          จากนั้นมานิตยาก็เฝ้ามองปฏิทินอยู่บ่อยๆอย่างมีความสุข ธวัชก็ยังออกไปทำงานตามปกติงานของธวัชไม่มีวันหยุด ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาจนลูก10ขวบยังไม่มีวันไหนเลยที่ธวัชจะได้พาลูกเมียไปเที่ยวอย่างครอบครัวอื่น นิตยาก็ไม่โทษสามีหรอกเธอรู้ว่าเขาเหนื่อยแต่เขายอมเพื่อให้ลูกเมียสุขสบายเขาเคยพูดอยู่เสมอว่าความสุขของเขาคือการที่เห็นครอบครัวมีความสุข
          วันนี้เป็นวันเสาร์ที่27เสียงกริ่งจักรยานดังรัวอยู่หน้าบ้านนิตยาวางมือจากล้างจานออกมาดูว่าใครมา"อ้าวบอย มาหาเอเหรอ "บอยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเอมาคร่อมจักรยานรอเออยู่หน้าบ้าน"ครับน้านิด เออยู่ไหมครับ"นิตยาหันไปมองในบ้านเห็นลูกชายเดินออกมาพอดี"นู้น มาแล้ว แล้วนี่จะไปไหนกันละลูก"น้องเอเข็นจักรยานออกมาจากโรงเก็บแล้วขึ้นคร่อม"แม่ครับเอขอไปบ้านบอยนะครับ"นิตยาหันไปมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยอนุญาติลูก"ไปได้ลูกแต่อย่าเที่ยวเพลินจนค่ำละ  ด้วยพ่อกลับมาพ่อจะดุเอานะลูก"น้องเอรับปากแม่แล้วรีบปั่นจักรยานตามบอยซึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้วทันที่
           ปั่นมาได้สักพักบอยก็หยุดรถโบกมือให้เพื่อนหยุดด้วย"เอ.เราไปเที่ยวบ้านป้าดีกันมั้ย ป้าดีแกบวชลูกแกพรุ้งนี้ คืนนี้บ้านแกมีงาน แล้วพ่อแกกับพ่อฉันก็อยู่ที่นั้น"ได้ยินคำของบอยเอหันขวับมาทันที"แกว่าไงนะ"บอยเห็นหน้าเพื่อนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง"เออ ฉันบอกว่าพ่อเราทั้งสองคนนะทำงานอยู่ที่บ้านป้าดี"เอส่ายหน้า"แม่บอกว่าพ่อไปทำงานที่หมู่5โน้น จะอยู่ที่นี้ได้ไงละ"บอยไม่อยากเถียงกับเอแล้วคว้าจักรยานปั่นออกไปตะโกนบอกเอว่า"ตามมาแล้วกัน จะพาไปดู"ด้วยใจที่อยากรู้เอรีบปั่นจักรยานตามเพื่อนไปอย่างรวดเร็วถ้าพ่อทำงานอยู่ที่นี่แล้วพ่อทำอะไรทำไมแม่ต้องโกหกว่าพ่อไปทำงานไกลๆด้วยหรือว่าพ่อจะทำงานผิดกฎหมาย
          เสียงเพลงจากเครื่องไฟในงานดังชัดขึ้น บอยหยุดรถเอก็หยุดตามด้วยเอมองเข้าไปในงานเห็นผู้คนเดินกันกวักไกว่แต่ไม่เห็นพ่อสักคน"ไหนละพ่อฉันไม่เห็นสักคน กลับดีกว่าบอยจะค่ำแล้วนะเดี๋ยวฉันโดนดุ"
       บอยเข็นจักรยานไปแอบริมรั้วแล้วเข็นของเอไปจอดแอบไว้ติดๆกัน"แป๊บเดียวน่า ..ตามฉันมาซิจะพาไปดู ถามจริง แม่แกไม่เคยบอกเลยเหอว่าพ่อแกทำงานอะไร พ่อฉันไม่เคยปิดฉันเลยยังเคยพาฉันไปดูด้วย"ก่อนที่เอจะพูดว่าอะไรทันใดนั้นเสียงสัตว์บางชนิดหวีดร้องออกมาจนแสบแก้วหู"นั่นไงเอ เสียงหมูร้องแบบนี้แสดงว่าพ่อแกกับพ่อฉันกำลังทำงานอยู่"เอไม่พูดอะไรแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อให้เห็นกับตาว่าพ่อมาทำอะไรอยู่ที่นี้ยิ่งไกล้เข้าไปเสียงสัตว์หวีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ชัดขึ้นบอยจับมือเอให้หยุดก่อน"เอ ถ้าแกกลัวพ่อแกดุเราแอบดูก็ได้ นี่ค่ำแล้วนะ ช้าๆเดี้ยวแม่แกเป็นห่วงนะ"เอไม่ฟังเสียงเพื่อนสบัดมือจนหลุดแล้ววิ่งไปตามเสียงร้องของสัตว์พอพ้นเขตสวนผลไม้  แสงจากดวงไฟที่ห้อยอยู่กับกิ่งไม้ทำเด้กชายตกใจสุดขีด ชายฉกรรณ์3คนช่วยกันชำแหละหมูตัวโตๆประมาณ4ตัว แต่คนที่ทำหน้าที่เพชฌฆาตคือพ่อของเขาเอง เอร้องไห้ออกมาทันทีเมือเห็นผู้เป็นพ่อใช้มีดยาวๆคมวาววับแทงคอหมูที่โดนมัดอยู่ มันหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะดิ้นจนเลือดกระเซ็นและสิ้นใจตาย เอตกใจจนขาดสติเขาวิ่งออกจากหลังต้นไม้วิ่งไปหาพ่อปากก็ตะโกนสุดเสียง"พ่อ...พ่อทำอะไร..พ่อใจร้ายพ่อฆ่าหมู นี่หรืองานของพ่อ.เอเกลียดพ่อเกลียดๆๆ."ธวัชหันขวับมาตามเสียงแม้แสงไฟจะสลัวลางแต่ธวัชก็จำลูกของตัวเองได้เสมอเขาอุทานออกมาอย่างตกใจ"เอ..เอมาได้อย่างไรลูก"พร้อมกับทิ้งมีดวิ่งมาหาลูก  แต่เด็กน้อยตกใจกับเหตุการณ์จนสติแตกเสียแล้วเขาหันหลังวิ่งร้องไห้กลับ  บอยตกใจมากตะโกนเรียกเอเสียงดัง"เอ..รอเราด้วยอย่าเพิ่งไป"เอไม่ฟังเสียงใครแล้วความตกใจ เสียใจประดังประเดจนครองสติไม่อยู่  คว้าจักรยานได้แล้วปั่นออกไปสุดแรง ธวัชตะโกนเรียกลูกด้วยความเป็นห่วง  คว้าจักรยานของบอยปั่นตามลูกไปติดๆ
      ร้องเรียกลูกไปตลอดทาง  เอปั่นจักรยานออกถนนใหญ่ธวัชตกใจมากความเป็นห่วงลูกเขาตะโกนสุดเสียง"เอจะไปไหนลูก นั่นมันไม่ใช่ทางไปบ้านเรานะลูก  อย่าออกไปลูกรถมันเยอะนะ  หยุดรถเถอะลูกพ่อขอโทษ ต่อไปพ่อจะไม่ทำอาชีพนี้อีกแล้ว พ่อหยุดตั้งแต่วันนี้เลยลูก"
          แต่ไม่ว่าจะร้องขออย่างไรเอก็ไม่ยอมหยุดรถ คงยังร้องไห้ไปปั่นไปด้วยความเร็วเด็กชายปั่นจักรยานออกถนนใหญ่ด้วยเจตนาจะไปไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่บ้านเอหันไปมองข้างหลังเห็นพ่อปั่นมาไกล้ถึงตัวจึงหยุดรถกระทันหันทิ้งจักรยานแล้ววิ่งข้ามถนนอย่างรวดเร็ว ธวัชเหวี่ยงจักรยานกระโดดคว้าตัวลูก เอดิ้นอย่างแรง"อย่ามาจับนะ เอเกลียดพ่อปล่อยนะ เอจะไปให้พ้นเอไม่อยู่กับพ่อแล้ว"แม้คำพูดของลูกทำให้หัวใจพ่อแตกสลายแต่ธวัชก็ไม่ปล่อยลูกพยายามจะอุ้มลูกให้ได้เมื่อเอไม่ยอมจึงชุลมุลกันอยู่กลางถนน จังหวะนั้นเองมีรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วเสียงแตรรถและเเสงไฟจากรถสาดส่องมาธวัชหันไปมองอย่างตกใจ
      พร้อมกับผลักลูกกระเด็นไปริมถนนเเล้วตัวเองก็กระโดดตาม แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะรถมาถึงตัวพอดี อนิจจา..เขารักษาชีวิตลูกไว้ได้แต่หารักษาชีวิตตัวเองได้ไม่ เสียงหวีดร้องของผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์  พร้อมกับเสียงรถพุ่งชนร่างของธวัชเต็มแรง  ร่างของเขาลอยละลิ่วแล้วหล่นลงกระแทกบนฟุตบาต  เขาดิ้นเร่าด้วยความเจ็บปวดเลือดไหลทะลักออกทางปากทางจมูกกะโหลกแตกจนจำหน้าเกือบไม่ได้เลือดไหลนองพื้น  ส่วนเอหลังจากโดนพ่อผลักกระเด็นไปริมถนนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ช่วยไว้ได้  พอหันไปเห็นพ่อถูกรถชนเด็กน้อยตะโกนเรียกพ่อสุดเสียง"พ่อ"พร้อมกับวิ่งเข้าไปหาโผเข้ากอดร่างที่เต็มไปด้วยเลือด
      ของพ่อ"พ่อ..พ่อเป็นอะไรละครับ พ่อพูดกับเอซิครับ.."เอเงยหน้าขึ้นมองชาวบ้านที่ยืนดูอยู่เด็กน้อยร้องไห้เสียงดัง"ช่วยพ่อผมด้วยซิครับ  ช่วยด้วยครับ.."ภาพของเด็กชายร่ำไห้กอดร่างไร้วิญญานของพ่อปิ่มว่าจะขาดใจเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก จนกระทั่งหญิงสาวคนหนึ่งแหวกผู้คนเข้ามานิตยานั้นเองทันทีที่เห็นลูกน้อยกอดร่างที่ไร้ลมหายใจของสามีเธอกรีดร้องและเป็นลมล้มฟุบอยู่ไกล้ศพของสามีนั้นเอง
           งานศพของธวัชผ่านไปด้วยดีเพราะเพื่อนบ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือ ถึงเขาจะมีอาชีพอย่างไรแต่เขาก็เป้นคนดีมีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จึงไม่แปลกเลยที่ชาวบ้านจะรักใคร่ครอบครัวนี้เป็นอย่างดี
       หลังจากงานศพผ่านไปแล้วนิตยาเก็บตัวเหงียบอยู่กับบ้านไม่ทำอะไรเลย  ขาดสามีไปแล้วเธอกับลูกก็เหมือนขาดทุกอย่างในชีวิตนิตยาร้องไห้ทุกวัน คืนนี้หลังจากลูกหลับไปแล้วเธอนั่งดูรุปของสามีเอามือ
      ลูบหน้าเขาในภาพถ่ายเธอร้องไห้จนตัวโยน"พี่จ๋านิดขอโทษแทนลูกด้วยนะ. พี่อย่าโกธรลูกเลยนะ..ลูกยังเด็กอยู่เขาทำไปตามประสาเด็ก  พี่ไม่ผิดหรอกและพี่ก็ไม่ได้ผิดสัญญาด้วย พี่ทำตามสัญญาแล้ว
      ลูกอายุครบ10ขวบ พี่ก็เลิกอาชีพนี้รับจ้างฆ่าหมูฆ่าวัวฆ่าควาย พี่ให้ชีวิตของพี่เป็นการชดใช้หนี้กรรมแล้ว นิดขอให้วิญญานของพี่ไปสู่สุขคติเถอะนะนิดจะทำบุญอุทิศบุญกุศลให้พี่ เพื่อพี่จะได้หมดเวรหมดกรรม
      ที่ทำไว้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ชาติหน้ามีจริงนิดขอให้พี่ไปเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย พี่จะได้ไม่ต้องทำบาปเหมือนชาตินี้  ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระเเวงหลับให้สบายเถิดนะ..คนดี
                                                                                           
                                         จบบริบูรณ์         ฟ้าสีครามยามฝนพรำ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×