คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Ch.03 ขโมยจูบ..ไม่ตั้งใจแต่ก็ตั้งใจ
Ch. 03
ขโมยจูบ..ไม่ตั้งใจแต่ก็ตั้งใจ
+++++++++++++++++++
“เห้ยเดม หายไปไหนมาวะ” บอลถามผม ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ใต้ต้นไม้ข้างตึกศูนย์อนุรักษ์ รอบๆมีคนอื่นอยู่ไม่กี่คน ส่วนมากไปนั่งกันแถวต้นไม้ใหญ่ที่ผมพึ่งเดินปลีกตัวออกมาพร้อมบิ๊ก
“ไปหาความสุขใส่ตัวมา” ผมพูดแล้วนั่งลงพร้อมๆกับบิ๊ก อดยิ้มไม่ได้เมื่อหน้าของคนๆนึงลอยเข้ามาในหัว เพื่อนผมมองด้วยสีหน้าแปลกใจ รอยยิ้มของผมคงสะดุดตาพวกมันมาก
“ยิ้มปัญญาอ่อนแบบนี้ ไปชอบใครเข้าล่ะเดม ฮ่าๆๆ” เมย์หัวเราะ ผมก็ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมไปให้ แอบเลิกคิ้วกวนประสาทเล็กน้อย จนไอ้เมย์ทำท่าจะเข้ามาตบหัวผมด้วยความหมั่นไส้
“กรี๊ด ใครมาหลอกเดมของอ้อนอะ อ้อนไม่ยอมนะ!” อ้อนที่นั่งอยู่กับกิ๊ฟข้างๆเมย์ กระเถิบมานั่งอยู่หลังผมแล้วเขย่าตัวผมไปมา
“ก็เปล่าหรอก แค่มองเฉยๆ คิดว่าน่ารักดี” ผมตอบยิ้มๆทั้งๆที่หัวยังคลอนไปมาอยู่
“ไม่ได้นะๆๆๆๆ ต้องให้อ้อนกรองก่อนนะเดมมมม!” อ้อนเขย่าหนักยิ่งกว่าเดิม หัวผมคลอนไปตามแรงจนรู้สึกเวียนขึ้นมาแล้ว
“อ้อน! เขย่าแบบนั้นเดี๋ยวก็มีคนตายหรอก” ปิ่นที่เอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสือตลอดเวลา ถึงกับเงยหน้าขึ้นมาวีนเมื่อได้ยินเสียงเจื้อแจ้วของอ้อน
“กิ๊ฟก็อยากเห็นคนที่เดมชอบเหมือนกันน้ะ” กิ๊ฟที่คงจะนั่งมองเงียบๆจนเบื่อ เลยมาช่วยอ้อนเขย่าบ้าง เห็นแบบนั้นปิ่นจึงได้แต่ส่ายหัวระอาแล้วก้มลงจมดิ่งลงไปกับโลกหนังสือต่อไป
“ก็แค่มองเฉยๆเองงงงง..” ผมพูดเสียงยานเพราะรู้สึกมึนหัวไปกับแรงเขย่าของสองสาวที่เหมือนจะอยากรู้จริงๆสักครึ่ง แล้วก็อยากแกล้งอีกครึ่ง
“เราไปตามก็เห็นเดมนั่งอยู่กับรุ่นพี่นู่นนน” บิ๊กพูด ได้ยินแบบนั้นสองสาวก็ตาวาวเขย่าผมแรงกว่าเดิม โอ๊ยๆๆๆๆ หัวผม!
“กรี๊ดๆๆๆๆ เดมชอบแบบแก่กว่าเหรอ อ้อนอยากเห็นนน”
“เดมสายโลลิคิ่นไม่ใช่เหรอ กิ๊ฟชักอยากเห็นด้วยแล้วอ่า กรี๊ดๆๆ”
“โอ๊ยๆๆๆ อ้อนกับกิ๊ฟหยุดเขย่าซักที หัวเราจะหลุดอยู่แล้ววว” เป็นผมเองที่ทนไม่ไหวเลยโววายออกไป อ้อนกับกิ๊ฟถึงได้ยอมปล่อย
“โถ่ เดม อยากรู้จริงนะ ใครอะ บอกหน่อยๆๆ” อ้อนทำตาแป๋วกระพริบตาปริบๆมองผมตาเป็นประกาย
“แค่มองเฉยๆน่า ไม่ได้คิดอะไร” ผมยังยืนยัน ถึงในใจจะคิดก็เถอะ หุหุ..
“อะไรอ่ะ ที่ผ่านมาเดมก็จะบอกตลอดไม่ใช่เหรอไง” อ้อนเริ่มง้องแง้ง
“คนนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ กิ๊ฟอยากรู้ใจจะขาดแล้วว..” กิ๊ฟเสริม
ไม่ได้พิเศษ ไม่ได้เหนือมนุษย์อะไรหรอกครับ ..แค่คิดว่าถ้าบอกไปชีวิตคงจะไม่สงบเหมือนเดิม กลัวจะจีบหญิงยากกว่าเดิม โหะๆ
ก็ไม่คิดว่าจะไปหลงผู้ชายเข้าหรอกครับ..
“อย่าให้รู้นะ อ้อนจะเอาไปป่าวประกาศให้ทั่วเลยย” อ้อนว่าพลางกอดอกมองหน้าผมด้วยสีหน้างอนๆ ปกติเป็นคนขี้อ้อน ทำท่างอนก็น่ารักดีครับ
“อ้อนกับกิ๊ฟก็ไปยุ่งไรมันมาก เดี๋ยวมันพร้อมมันก็บอกเองแหละน่า” ปอนหันมาพูดบ้าง อ้อนกับกิ๊ฟเลยพยักหน้าเบาๆ แบบยอมเข้าใจ
“ก็ได้ อ้อนไม่เซ้าซี้ละ ถ้าพร้อมต้องรีบบอกนะ!” อ้อนพูด หยิกแก้มผมเบาๆแล้วยิ้ม
“กิ๊ฟจะรอฟังข่าวนะ อิอิ” แล้วสองสาวก็กลับมาหัวเราะร่าอีกครั้ง
“เห้ย เราไปก่อนนะ ต้องไปช่วยเตรียมอาหาร” เมย์พูดแล้วก็ลุกเดินออกไป ผมได้ยินแบบนั้นเลยหยิบแขนบิ๊กที่นั่งอยู่ไม่ไกลขึ้นมาดูนาฬิกาตรงข้อมือมัน
ตอนนี้เที่ยงกว่าๆแล้วครับ เมย์มันคงได้รับหน้าที่ช่วยทำกับข้าวให้พวกเราสี่สิบกว่าชีวิตกินประทังชีวิตไปตลอดสามวัน เห็นเมย์มันห้าวๆแบบนั้น เรื่องอาหารนี่ไม่เป็นรองใครเลยล่ะครับ พวกผมเคยไปชิมฝีมือมันกันทั้งก๊กแล้ว ติดใจโคตรๆ
“พอรู้เวลาละหิวเลยเนอะ” บอลมองนาฬิกาในมือถือตัวเองละบ่น
“ไม่รู้ ง่วงแล้ว” ผมว่า อ้อนกับกิ๊ฟเขยิบไปนั่งคุยกันข้างๆผมแล้ว ผมจึงเอนตัวลงนอนราบไปด้านหลัง
“อย่านะเดม พื้นมันแข็ง มาหนุนตักอ้อนนี่มา” ก่อนที่จะได้ทิ้งตัวนอนลงไปจริงๆ อ้อนก็รีบกระเถิบกลับมาแล้วจัดให้ผมนอนหนุนตักเธอ ผมก็ไม่ว่าอะไร ดีด้วยซ้ำไปได้หมอนนุ่มๆมาหนุน
มันเป็นเรื่องปกติครับ ที่ผมจะได้นอนหนุนตักอ้อนอยู่เสมอ อ้อนบอกว่าเห็นผมละคิดถึงน้องชายที่อยู่ต่างจังหวัด เลยให้ผมนอนหนุนตักเพราะน้องของอ้อนชอบนอนหนุนตักอ้อนตลอด อ้อนจะรู้สึกเหมือนมีน้องอยู่ใกล้ๆ(ทั้งที่ผมก็ตัวโตกว่าตั้งเยอะนะ ฮ่าๆ)
ถึงตอนนี้จะเที่ยงวันแล้ว ที่นี่ก็ยังคงมีร่มไม้กว้างอยู่ครับ ยกเว้นสนามหญ้าที่ใช้เป็นจุดรวมตัวกันเมื่อมาถึงในตอนแรก เพราะเป็นสนามโล่งแดดจึงส่องลงไปตรงๆ เวลาแบบนี้ให้ไปยืนอยู่กลางสนามสัก 2-3 นาทีคงเกรียมได้ที่เลยทีเดียว
แม้ดวงอาทิตย์จะส่องกลางหัวก็ยังมีร่มไม้ปกป้อง ลมธรรมชาติพัดโชยมาตลอดเวลา ตอนนี้ผมเคลิ้มได้ที่แล้วล่ะครับ ผมไม่สนใจเสียงของอ้อนที่นั่งคุยกับกิ๊ฟอย่างสนุกปากเหนือหัวของผม ไม่นานผมก็สามารถขึ้นไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ได้อีกครั้ง
ผมรู้สึกคันยุบยิบแถวๆจมูก เหมือนมีอะไรมาไต่เล่น อ้อนคงนึกพิเรนหาอะไรมาแกล้งตอนผมนอน ผมเอามือปัดออกแต่ก็ยังไม่หยุดแกล้งผมสักที
“งื๊ม..” ผมร้องด้วยความรำคาญ ปรือตาขึ้นมองเล็กน้อย มองหน้าคนชอบแกล้งตรงหน้า แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงตื่นเต็มตาขึ้นมาทันใด
ไม่ใช่อ้อนแต่เป็นพี่ยูครับ...
“พี่ยูมาไงเนี่ย?” ผมยันตัวเองลุกขึ้นจากตักอ้อนที่ยังไม่ได้หนีไปไหน
“พี่เขามาซักพักแล้วอ่าเดม อ้อนจะปลุกละ แต่พี่เขาบอกว่าไม่ต้องอ่า” อ้อนพูดเสียงใส
“เมมนอนเหมือนแมวเลย” พี่ยูพูดแล้วแกว่งดอกหญ้าทั้งก้านในมือไปมา..อ้อ ตัวการอยู่นี่เอง
“เมี้ยว” ผมเล่นกลับ พี่ยูกับอ้อนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ห๊ะ! อะไรนะเดม อีกทีดิ๊” บิ๊กหันมาสนใจทันที
“ของดีไม่มีให้ฟังบ่อยเว้ย!!” ผมพูดแล้วหัวเราะสะใจ บิ๊กทำหน้าเซ็งกลับมาให้ก่อนจะหันกลับไปเล่นเกมกับบอลต่อ
“แล้วพี่ยูมีไรป่าวคับ?” ผมถามด้วยสีหน้าแปลกใจ พี่แกก็ยิ้มกลับมา
“ว่าง ไม่มีไรทำ เดินเล่น เจอแมว แวะเล่นแมว แค่นั้นแหละ” แล้วพี่ยูก็ขยี้หัวผมจนเสียทรง
“ซะงั้นน ไม่ใช่ว่าแวะมายั่วผมเหรอ หุหุ” ผมแซวเล่น
“แวะมาดูแมวนอนยั่วมากกว่านะ ฮ่าๆ” อยากจะเถียงครับ แต่ไม่ดีกว่า รู้สึกเถียงไปก็แพ้ ผมเห็นอ้อนทำหน้ามึนๆเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกับพี่ยูคุยกัน ผมเลยแนะนำตัวพี่ยูให้รู้จักสักหน่อย
“พี่ยูครับ นี่เพื่อนๆผมเองนะ อ้อน กิ๊ฟ บิ๊ก บอล ปอน ปิ่น มีอีกคนชื่อเมย์ แยกออกไปทำกับข้าวแล้ว ทุกคน นี่พี่ยูนะ พี่บัดดี้เราเอง” เมื่อผมพูดจบพวกเพื่อนๆก็สวัดดีพี่ยูและยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร พี่แกก็ยิ้มตอบเหมือนกัน
“พี่ยูน่ารักอ่า!” อ้อนชม
“กิ๊ฟว่าหล่อ กรี๊ดๆ” สองสาวกรี๊ดกร๊าดกันอย่างสนุกสนาน
“เจ้กับอันหายไปไหนไม่รู้ พี่จะไปเดินเล่นต่อ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พี่ยูบอกผม ผมก็ตอบรับแบบไม่ต้องคิดไรก่อนเลยด้วยซ้ำ ได้อยู่ใกล้ๆพี่ยูมันก็เป็นประโยชน์กับผมทั้งนั้นนน
“ได้คับๆ เราไปก่อนนะ บัยๆๆ” ผมวิ่งละก็เป็นคนลากพี่ยูออกมาเอง ไม่อยากเสียช่วงเวลาอันมีค่าที่มีอยู่น้อยนิดให้หลุดลอยไป
“พี่จะเดินไปไหนเหรอครับ?” ผมถาม เพราะที่นี่ก็ไม่ได้กว้างอะไรมากมาย ไม่รู้จะเดินไปไหนได้ สุดท้ายพี่ยูก็ดึงผมไปนั่งตรงม้าหินอ่อนที่ไม่ไกลจากที่ยืนอยู่มาก คนไม่มีด้วยครับ สงสัยไปนั่งกินข้าวกันแล้ว เพราะจากที่กะๆดูก็น่าจะบ่ายโมงได้แล้วตอนนี้
“เดินเหนื่อย นั่งพักก่อนละกันนะ” พี่ยูพูดแล้วก็ยิ้ม ผมก็พยักหน้าเบาๆ
พอมาอยู่เงียบๆสายตาผมมันก็อยู่ไม่สุขอีกครั้ง ผมนั่งมองคนตรงหน้าอย่างเผลอตัว ดวงตาเรียวสวยดูน่ามองนั่นที่กำลังจ้องผมกลับทำให้หัวใจรู้สึกวาบหวิวแปลกๆ ปากเป็นกระจับสวยยิ้มน้อยๆเหมือนเชิญชวนให้สัมผัสยังไงยังงั้น
“มองอะไรเหรอเมม?” พี่ยูพูดยิ้มๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อย เสียงทุ้มนุ่มดึงผมให้หลุดออกจากภวังค์ที่มันเริ่มจะโรคจิตขึ้นทุกที
“ปะ ป่าวครับ แหะๆ” ผมยิ้มแห้งๆให้แล้วก็เกาหัวไปพลางๆ
“พี่เห็นนะว่าเมมมองมีตั้งหลายทีแล้ว มีอะไรรึเปล่าน้า” พี่ยูเปลี่ยนมาเท้าคางมองหน้าผม
“เอ่อ..ก็คิดว่าพี่น่ามองอยู่อ่าคับ” ผมตอบไปพลางหัวเราะกลบเกลื่อน
“พี่มองกลับยังไม่หลบตาเลย ฮ่าๆ คนอะไร” แล้วพี่ยูก็เอื้อมมือมาขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้
“หลบทำไมล่ะครับ จะจูบพี่ผมก็กล้าทำนะ ฮ่าๆๆ” ผมว่าแบบนั้นไม่ทันได้คิด เอิ่ม! พี่มันจะมองผมแปลกๆหรือเปล่าวะเนี่ย
“กล้าเหรอๆ ฮ่าๆ” แต่พี่ยูก็ยังยิ้มกลับมาอยู่ ผมถึงได้สบายใจขึ้นมานึกหน่อย
“พี่ยูต่างหาก กล้ารึเปล่า หุหุหุหุ” ผมหยอกกลับ
“ไม่เกี่ยงอยู่แล้ววว” แล้วพี่ยูก็ยื่นหน้าข้ามโต๊ะหินอ่อนเข้ามาใกล้ๆ เหมือนจะหยอกผมเล่น.. ใจเต้นโครมครามเลยครับตอนนี้ พี่มันยั่วผมอะ!
“ฮ่าๆ ผมว่าไปกินข้าวกันเถอะ” ผมชวน พี่ยูก็พยักหน้า
“เคร ไปกัน ชักหิวละเหมือนกัน” พี่แกลูกขึ้นยืน กะลังหันหลังจะเดินกลับไป
“พี่ยู..”
“หือ?” พี่ยูหันกลับมาตามเสียงเรียก ผมก็ได้ทำสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำมาก่อน
ผมลุกขึ้นจากม้านั่ง มือสองข้างดึงตัวพี่ยูโน้มลงมาแล้วกดจูบลงไปที่ริมฝีปากปากสวยเบาๆ พอผละออกผมก็วิ่งนำละลิ่วมา ถ้าให้คิด พี่เขาคงกำลังติดสตันไปแล้ว
ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น พอคิดว่าอยากจูบร่างกายกลับไวกว่าคำสั่ง ไม่รู้ว่าพี่ยูจะโกรธผมมั้ย ผมไม่ได้ตั้งใจจะจูพี่แกไปหรอกถึงในใจลึกๆจะต้องการ
เอาไว้ค่อยขอโทษพี่เขาอีกทีละกัน.. การขโมยจูบพี่ยูถึงจะแอบรู้สึกผิดนิดๆแต่ก็ทำให้ผมมีความสุข ล่องลอยละลิ่วอยู่ในความฝันอันแสนหวานของตัวเอง
.
.
.
To be Continue…
++++++++++++++++++++++++++++++
จบซะที ฮ่าๆๆๆๆ//เหงื่อซก
ขอบคุณกำลังใจอย่างล้นหลามจากคุณพระเอกของเรื่องเอง!(มโนหรือเปล่าเธอว์)
ฝากติชมและฝากฝังเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกด้วยน้าาาา
ความคิดเห็น