คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Ch.02 จะเคะหรือจะเมะ?
Ch.02
จะเคะหรือจะเมะ?
+++++++++++++++++++++
มันน่าเศร้าใจยิ่งนักสำหรับผม ก๊กผมอยู่กันเจ็ดคนแต่แบ่งกลุ่มสี่กลุ่มมันก็ต้องมีคนเศษ ซึ่งก็เป็นผมที่เป็นผู้โชคร้ายคนนั้น เซ็งจริงๆ.. เพื่อนผมทุกคนเขาบอกผมว่าไม่เป็นไรๆ ไงก็มาอยู่ด้วยกันตอนว่างๆได้อยู่ดี
ไม่ได้แยกออกมาโดดเดี่ยวแบบผมกันนี่ครับ จะไปเข้าใจผมได้ยังไงล่ะ! ฮือออ..
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี ผมได้อยู่กลุ่มกับพี่คนนั้นที่ผมมักมองเขาอยู่ตลอดเวลา ผู้ชายคนที่ดึงสายตาของผมไม่ได้ไปไหน ผมว่าถ้าเขาเป็นปลากัดคงจะท้องได้ในอีกไม่ช้า ผมจ้องจนเขารู้ตัวแล้วหันมายิ้มแปลกๆกลับให้ผมเลยด้วยซ้ำ
และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้ผมใจเต้นแรงอยู่เสมอเลยด้วย..
ตอนนี้พวกผมกำลังนั่งจุมปุ๊กกันอยู่ประมาณสิบกว่าคนรวมรุ่นพี่ที่ยืนข้างหน้าครับ แบ่งกลุ่มแยกกันไปทำกิจกรรมกันเองแล้วตอนนี้ ผมนั่งนิ่ง..ก็ไม่ใช่ไม่รู้จักใครเลยนะ ผมก็พอคุ้นหน้าคุ้นตาบ้างแหละ บางคนก็รุ่นพี่ บางคนก็รุ่นน้อง แต่ก็ไม่ได้สนิท ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายเท่าไหร่ และที่สำคัญ..
ผมจำหน้าพวกเขาไม่ได้อ่ะ...
ผมไม่ยอมนั่งอึดอัดแบบนี้หรอกครับ!! ฉับพลันก็หันขวับไปองคนๆนั้นทันที
ผมสีอ่อนพลิ้วไปกับสายลมที่พัดโชยมา ดูมีออร่าหน้าไม่หมอง มองกี่ทีก็ใจเต้น ความอึดอัดที่มีก็ผ่อนคลายหายเป็นปลิดทิ้ง ทุกอย่างมันก็สดใสไปซะหมด.. เขาช่างมีอิทธิพลกับผมเหลือเกิน
ตอนนี้พลังงานของผมก็เต็มเปี่ยมอีกครั้ง คราวนี้จะอะไรก็พร้อมรับมือเสมอแล้ว!!
“ดีคร๊าฟ น้องๆทั้งหลาย พี่ชื่อแมนนะ” พี่แมนเป็นคนที่มีบุคลิกที่ร่าเริงลัลล้าตลอดเวลา อาจจะร่าเริงเกินเหตุไปสักนิด แต่มันก็ดีกว่าที่จะให้พวกผมมานั่งมองหน้าคนที่อารมณ์หมดอาลัยตายอยากล่ะนะ
“พี่ชื่อยูครับ” พี่ยูพูดขึ้นแล้วโปรยยิ้มมาให้ ผมแทบละลายกลายเป็นของเหลวอยู่ตรงนั้นเลยจริงๆ
“คิดเหมือนกันรึเปล่า ว่าเข้าค่ายธรรมดามันน่าเบื่อ?” พี่แมนพูดขึ้น พี่ยูยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกลนัก
“อาจารย์ท่านพามาผ่อนคลายแต่ถ้าคลายมากมันก็จะยานเอา” พี่ยูว่า
“เพราะฉะนั้น เราก็ต้องจัดกิจกรรมอะไรเล็กๆน้อยๆให้สนุกกันขึ้นมาหน่อยนะครับผมม” พี่แมนก็พูดต่ออีก เสียงที่ผมได้ยินตอนนี้มันกลับดังงึมงำๆจบรู้สึกง่วง
“ก่อนหน้านั้นเรามาแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่า! เริ่มจากน้องก่อนเลยครับผม!!” พี่แมนพูดอีกครั้งแล้วใช้นิ้วชี้สิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ทั้งหลายให้พูดแนะนำตัวเรียงไปเรื่อยๆ
คนข้างๆสะกิดให้ผมสะดุ้งตื่นเมื่อพี่แมนมาหยุดอยู่ทางผมแล้ว ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะลนลานตอบพี่เขาไป “ครับ! โมเดมครับ”
“เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอไอ้น้อง สัปหงกซะขนาดนี้ ฮ่าๆๆ” พี่แมนถามปนหัวเราะ
“เปล่าครับ เอ่อ..ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรๆ น้องล่ะ” พี่แมนพูดก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งข้างๆผม
“เจสันครับ” เขาตอบ
“ชื่อหล่อจุงเบรยน่ะครับน้อง เอ้า ต่อๆๆ” พี่แมนก็หันไปถามคนอื่นต่อ
“เอ่อ ขอบคุณที่สะกิดเรานะ” ผมหันไปขอบคุณคนข้างๆ ถ้าเขาไม่สะกิดพี่ๆอาจขัดใจจนจับผมไปแขวนคอบนต้นไม้แถวนี้ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
“หือ? ไม่เป็นไรๆ” มันว่าแล้วก็ยิ้มๆให้
คือผมเป็นคนที่หลับง่ายเอามากๆครับ ยิ่งสภาพอากาศร้อนๆแสนเป็นใจแบบนี้นะ สูบพลังงานมจนเกลี้ยงเลยแหละ หลับง่าย หลับสนิท หลับไม่แคร์สถานที่ นั่นล่ะผม
“นายชื่อเจสันเหรอ เป็นลูกครึ่งป่ะเนี่ย?” ผมชวนมันคุย
“อ่า..ก็นิดหน่อยอะ” มันตอบ
“อ้อ เราโมเดมนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมยิ้มให้ มันก็ยิ้มตอบผม
“เหมือนกันๆ” เหมือนผมจะได้เพื่อนใหม่มาหนึ่งคนละครับ ไม่ง้อเพื่อนๆคนเดิมที่แยกกันไปแล้ว!
“แนะนำตัวกันเสร็จทุกคนแล้วนะ? ความจริงไม่แนะนำตัวก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ พี่จำกันไม่ได้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ” พี่แมนหัวเราะ ไม่ต้องบอกก็ได้มั้งครับพี่อันหลังอะ เดี๋ยวคนฟังเสียความรู้สึกเอานะ หุหุ
“เดี๋ยวเราจะให้จับคู่บัดดี้กันนะครับ ลุ้นมาคู่กับพวกพี่ๆได้ด้วยนะ” พี่ยูพูด ทุกคนก็ฮือฮากันใหญ่ครับ
“แต่ก็แค่ในกลุ่มเราอ่านะ ฮ่าๆ” พี่แมนหัวเราะ
“เดาซิว่าในกล่องนี้มีอะไร!?” พี่แมนชูกล่องกระดาษสีน้ำตานเข้าขนาดพอล้วงมือเข้ไปได้ขึ้นสูงเหนือศีรษะ หน้ากล่องนั้นเขียนคำว่า’ฉลาก’ ตัวใหญ่ๆติดอยู่
“ฉลาก!!” ทุกคนตอบพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“อ้าว รู้กันได้ยังไงอ่า” พี่แมนตีหน้าซื่อ.. มุขเหรอครับ ต้องหัวเราะมั้ยอ่าครับ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“เล่นมุขอะไรของคุณวะครับไอ้แมน รีบๆให้น้องจับซักทีเสียเวลา” พี่ยูว่า พี่แมนหัวเราะก่อนจะเดินให้จับกันทีละคน
พี่เขาบอกว่าได้ไปอย่าพึ่งเปิด รอเปิดรอลุ้นพร้อมกัน ห้ามแลกกันเด็ดขาดไม่งั้นจะให้ปั่นจิ้งหรีดสักคนละ 100 รอบ(20รอบผมก็ตายละครับ แหม..) แล้วบัดดี้จะเป็นคนที่ต้องคอยช่วยเหลือและดูแลกันตลอดสามวันนี้
“เอาล่ะ เปิดกันเลย!! แล้วก็จับคู่กันเลยครับ” พี่แมนพูดหลังจากที่ได้ฉลากกันครบทุกคนแล้ว
“สองคนที่หาคู่ไม่ได้คือผู้โชคดีนะครับ!” พี่ยูพูดต่อ ผมคลี่ผ่านฉลากออก ผมได้เลข 4 (อีกแล้ว?)ครับ ไม่รู้จะอะไรกะเลขสี่นักหนา
เสียงรอบค้างดังเจื้อแจ้ว บ้างตะโกนบอกเลขตัวเองจะได้หาเจอง่าย บ้างก็ร้องด้วยความดีใจเมื่อเจอบัดดี้ ผมหันหน้าไปคุยกับเจสันที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เจสัน เลขไรอะ?”
“เราเลข 2 อะ คู่เราอยู่นี่” เจสันชื้ให้ผมหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ผมก็พยักหน้ารับเบาๆ ดูเหมือนทุกคนจะเจอคู่กันหมดแล้ว
“นายหาคู่ไม่ได้เหรอ?เพื่อนเราก็หาไม่ได้เหมือนกันอะ” บัดดี้ของเจสันพูด ผู้หญิงอีกคนที่ตัวเล็กกว่าก็เดินมาหาผม “เราเลข6 นายอะ??”
“ผม 4 ครับ” ตาเธอลุกวาว
“แกๆ ชั้นว่าได้คู่กะพี่ๆเค้าจริงๆแน่อะ กรี๊ดด” เธอหันไปคุยกับบัดดี้ของเจสันท่าทางดูตื่นเต้น
“จร้าๆ ดีใจด้วยนะ”
“ไหนใครหาคู่ไม่เจอบ้าง ยกมือขึ้นซิ” พี่แมนว่า ผมกับผู้หญิงอีกคนก็ยกมือขึ้นพร้อมกัน
“มานี่มามะ หุหุหุ” พี่แมนกวักมือเรียกเราสองคนจึงเดินไปหา
“น้องสองคนรู้สึกยังไงบ้างถ้าจะได้เป็นบัดดี้กับพวกพี่ครับ?” พี่ยูถามขึ้นแล้วก็ยิ้มเหมือนทุกที
“ดีใจมากๆๆๆๆๆค่ะ กรี๊ดๆๆๆ เขินนนน” ผู้หญิงข้างๆผมทำท่ากระดี๊กระด๊า ผมไม่รู้จะตอบอะไรเลยพูดไปลอยๆว่า “อยากกินกระต่ายครับ”
“ฮ่าๆๆๆ ไปงับไอ้ยูเลย นั่นน่ะคุณป๋ากระต่ายเลยนะขอบอก” พี่แมนหัวเราะร่า พี่ยูก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ผมยิ้มแห้งๆกลับไปให้พี่ทั้งสองเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“ถ้าเป็นบัดดี้ใครก็ให้คนนั้นหยิกแก้มแรงๆทีนะ! ฮ่าๆๆๆ พี่เลข6 อะ ใครคู่พี่เอ่ย?” พี่แมนพูด แล้วกางกระดาษฉลากให้ดู ผู้หญิงข้างๆผมก็ตาเป็นประกายในทันที
“หนูค่ะๆ หนูเลขหกกก”
หัวใจผมรู้สึกวูบวาบอีกครั้ง เหลือเพียงคนเดียวที่จะเป็นบัดดี้ของผม.. คนดีผมเอาแต่นั่งมองเขาเหมือนเป็นบ้า คนที่ยิ้มกลับมาเมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง คนที่ผมบอกว่าเป็นกระต่ายในหัวใจ...
พรหมลิขิต.. นี่มันคือพรหมลิขิตชัดๆ!
ตอนนี้พึ่งจะสิบโมงกว่าๆครับ เขาจะเตรียมอุปกรณ์กางเต็นท์กันก็บ่ายๆหลังกินข้าวเที่ยงกันเสร็จ ตอนนี้เลยปล่อยให้เดินเล่นรับบรรยากาศกันบริเวณศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาตินี้แหละครับ
เป็นศูนย์อนุรักษ์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติขนานแท้ บรรยากาศก็ดี อยู่ท่ามกลางป่าไม้แบบนี้ ต้นไม้ก็เยอะ ร่มเงาให้หลบแดดเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ที่ทำงานกันที่นี่คงผ่อนคลายกันดีไม่เครียดกับงานจนเกินไปล่ะครับ
ตอนนี้ผมนั่งแกร่วอยู่ที่ใต้ต้นอะไรสักอย่าง ต้นมันใหญ่ดีครับ ร่มไม้กว้างมาก รอบๆตัวผมก็มีกลุ่มคนมานั่งเล่นนั่งคุยกันไม่น้อยอยู่เหมือนกัน เมื่อตะกี้ผมโดนหยิกซะแก้มช้ำเลยครับ ไม่รู้พี่ยูเขาไปโกรธแค้นอะไรใครมา ทั้งหยิกทั้งบิดผมซะแรง จนถึงตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เลย กระซิกๆ
“ขอโทษนะ เมื่อกี้หยิกแรงไปหรือเปล่า?” คนที่กำลังถูกพาดพิงเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมแล้วนั่งลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมหันไปตีหน้าซื่อแล้วยิ้มจางๆให้
“ไม่เป็นไรคับ ไม่เจ็บหรอก” ผมพูด รู้สึกจะเป็นการประชดตัวเองยังไงไม่รู้เพราะจริงๆตอนนี้ผมปวดม๊ากกก แต่การที่พี่เขามานั่งข้างๆก็ทำให้ผมหายเป็นปลิดทิ้งเลยจริงๆ
“อ่า.. ขอโทษจริงๆ ช้ำป่าวน่ะ โทษนะ” พี่เขาก็ยังขอโทษอยู่
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่ไม่ต้องขอโทษผมขนาดนั้นก็ได้” ผมพูด การที่พี่เขาขอโทษย้ำๆแบบนี้ดูเหมือนเขาค่อนข้างเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นอยู่เสมอ.. ยิ่งทำให้ผมคิดว่าเขาน่ารักกว่าเดิมซะอีก
“ฮ่าๆ พี่ก็แบบนี้แหละ ขอโทษอีกทีนะ ว่าแต่เราชื่ออะไรน่ะ?” พี่ยูถามผม
“โมเดมครับผม” ผมตอบพลางยิ้มจางๆให้เขา
“โมเดม? เรียกยากจัง ขอเรียก’เมม’เฉยๆละกันนะ รวมๆกัน หุหุ” พี่เขาก็หัวเราะ
“ครับพี่ยู” ผมรู้สึกดีใจแปลกๆ ไม่รู้ทำไมพี่เขาถึงได้ตั้งชื่อเรียกผมใหม่แลดูสนิทสนมขนาดนี้ แต่ผมดีใจจริงๆ ยิ่งเป็นชื่อที่คนๆนี้เรียกผมก็จะยิ่งดีใจเข้าไปอีก..สงสัยผมคงเป็นบ้า
เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังเรียกพี่ยู พี่เขาหันไปมอง ผมก็หันไปมองตามด้วยเหมือนกัน
“ยู! มาอยู่นี่เอง เจ้กะมิ้งหาตั้งนาน” พี่ผู้หญิงคนที่ดูเป็นผู้นำตอนรวมตัวครั้งแรกพูดขึ้น ข้างๆมีผู้หญิงอีกคนตัวเล็กน่ารัก สูงเลยไหล่อีกคนมานิดหน่อย เห็นแล้วโลลิแตกเลยจริงๆ
“เจ้ มิ้ง มานั่งคุยด้วยกันสิ” พี่ยูชวน
“แล้วนี่ยูมาสวีทกับใครล่ะเนี่ย” ผู้หญิงตัวเล็กพูดขึ้น ทั้งสองคนนั่งลงใกล้ๆกับผมและพี่ยู
“เจ้ มิ้ง นี่เมม น้องบัดดี้ของยูเอง เมม นี่เจ้อันกับมิ้งนะ” พี่ยูแนะนำผมกับพี่อันกับมิ้ง
“ดีครับพี่อัน พี่มิ้ง” ผมยิ้มให้ พวกเขาก็ยิ้มสวยๆกลับมา
“ดีจร้าเมม เรียกเจ้เฉยๆก็ได้นะ เจ้ชินอะ”
“น้องยูหรอกเหรอเนี่ย อุตส่าห์คิดไปไกลเลย” พี่มิ้งพูดล้อแล้วหัวเราเบาๆ
“อะไรมิ้ง มาแปบเดียวก็คิดไกลอีกแล้วนะ ฮ่าๆๆ” พี่ยูหัวเราะเกลื่อน ส่วนผม เมื่อฟังพี่มิ้งพูดแบนั้นก็รู้ว่าพี่เค้าแนวไหน จึงของเล่นอะไรเล็กน้อย
“ผมขอเมะนะ” ผมตีหน้าเซ่อ พี่มิ้งทำตาวาว
“ว้ายๆๆๆ เมมจะเมะล่ะ !” พี่มิ้งพูด เจ้อันก็หัวเราะ
“ฮ่าๆ เจ้ว่ายูเคะก็โออยู่นะ ยูหน้าหวานอะ” เจ้อันเสริม
“เห้ย ดูหน้าเมมก่อนดิ ตาแป๋วๆหน้าแบ้วๆแบบนี้เคะจะตาย” พี่ยูพูดพลางจับหน้าผมบิดไปบิดมา “แถมตัวก็ยังเล็กซะขนาดนี้”
เอิ่ม...ผมป่าวตัวเล็กครับ พี่ตัวโตเกินไปต่างหาก
“แหม พี่ยูครับ ความสูงไม่มีผลในแนวราบนะ” ผมแซวเล่น
“กรี๊ด ฟินแปบบบ”
“โอ๊ย พวกเธอทำเจ้คิดมากอ่ะ” เจ้พูดแบบนั้นแต่ก็ยังยิ้มกริ่ม
“ฝันเหรอเมม” พี่ยูเอามือนาบกับแก้มทั้งสองข้างของผม แล้วก็จ้องหน้าผมแบบจ้องลึกเขามาในดวงตา พอพี่แกมาทำแบบนี้แล้วใจมันก็เต้นระรัวทันทีเลยครับ รู้สึกหน้ามันร้อนขึ้นมาทันใด
“โอ๊ะ เมมเขินหน้าแดงแล้วว” พี่มิ้งดิ้นๆๆๆๆ อีกครั้ง เจ้ก็หัวเราะเงียบๆอยู่คนเดียว พี่ยูยิ้มแล้วก็ปล่อยหน้าผมให้เป็นอิสระ เปลี่ยนมาเป็นลูบหัวเบาๆแทน ผมก็ยิ่งเขินใหญ่แล้วล่ะครับ มาลูบหัวกันแบบนี้
คงไม่รู้กันใช่มั้ย..การโดนลูบหัวเป็นสิ่งที่ผมหลงรัก
“เดมว้อย อยู่นี่เอง” พวกผมสี่ชีวิตหันไปมองตามเสียง เห็นชายตัวสูง ผิวสีเข้มเดินกึ่งวิ่งมาทางพวกผม ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะครับว่าเป็นใคร ดำๆหน้าโหดๆมีอยู่คนเดียว
“บิ๊ก คนอื่นอะ??” พอบิ๊กมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมก็ถามมันไป
“อยู่กันข้างตึกนู่นอะ ก็คุยกันอยู่ว่านายหายไปไหน”
“อ้อ” ผมพูดแค่นั้น แล้วก็หันไปบอกพวกพี่ๆ
“พี่ๆครับ ผมไปหาเพื่อนละนะ บัยย” ผมพูด แล้วก็บอกให้บิ๊กพาไปหาพวกเพื่อนๆทั้งหลายของผม
“บายจร้าเมม” เจ้พูดแล้วยิ้มให้
“ไปแล้วเหรอ บายน้า” พี่มิ้งโบกไม้โบกมีไปมา
“บ่ายๆเจอกันนะ เคะน้อย หุหุหุหุ” สุดท้ายก็พี่ยูครับ ผมยิ้มกลับให้ทุกคนแล้วก็เดินมากับบิ๊กสองคน จะไปหาพวกเพื่อนๆที่รักทั้งหลาย
ผมยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองพลางๆตรงจุดที่กระต่ายของผมพึ่งลูบไป ยังรู้สึกดีอยู่เลย.. ตอนนี้พี่ยูเขาก็คงมั่นใจในความเมะซะเต็มประดาแล้วล่ะครับ ทำให้ผมหน้าแดงได้ซะขนาดนั้น
อย่าเผลอเชียวนะเฮีย เดี๋ยวจะกระทำให้เสียเมะเลยคอยดู หึหึหึ..
.
.
.
To be Continue...
++++++++++++++++++++++++++++++
อัพแบ้วๆๆๆ ><
ตอนที่สามจะตามมาในเวลาอันใกล้ อิ๊อิ๊
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่เปี่ยมล้นจร้าาา
ความคิดเห็น