รักแรก รักสุดท้าย หัวใจไม่เคยลืม...
เรื่องราวของความรัก ที่ยากนักจะลืมได้ เริ่มต้นด้วยความสดใส แต่สุดท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรม สุดสยอง ที่ยากจะลืมเลือน
ผู้เข้าชมรวม
411
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รักแรก รักสุดท้าย หัวใจไม่เคยลืม...
โดย ตุลย์ กันยา
กูเกลียดมึง !!!
น้ำเสียงกราดเกรี้ยว ที่แผดออกมา ทำให้ฉันชะงักงัน ความรู้สึกทั้งหมด มึนชาไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าเอ่ยคำนี้ออกมาให้ได้ยิน
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ถมึงทึงด้วยความโมโห นิ้วที่ชี้มายังฉันสั่นระริก
มึงไปเลยนะ ออกไปจากชีวิตของกูเลยนะ...!!!
ขาฉันอ่อนยวบ ขณะที่เซผงะ ถอยหลังออกมา น้ำตารื้นขึ้นมาปริ่มขอบตา เพิ่งรู้ความจริงในวันนี้เองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่ได้รักฉันเลย
กูเกลียดมึง !!!
สมองของฉันอื้ออึ้ง สับสน จนคิดอะไรไม่ออก แม้ว่าเรื่องมันจะจบลงไปแล้วเมื่อวาน แต่ในเช้าวันนี้ที่ตื่นขึ้นมา ฉันก็ยังสมองเบลอ ทำอะไรไม่ถูก เบลอถึงขนาดหยิบเอาหลอดโฟมล้างหน้ามาบีบลงบนแปรงแทนยาสีฟัน กว่าจะรู้มันก็ขมปี๋อยู่ในหากจนแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว
หนึ่งคืนที่ผ่านไป หลังจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉันเกิดขึ้นเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ามันทำให้ฉันขาดความมั่นใจ และไร้กำลังที่จะยืนหยัดอยู่ได้อีกต่อไป แม้ใครๆ ในกลุ่มเพื่อนฝูงจะคอยให้กำลังใจ และบอกว่าให้สู้ต่อ แต่ใจฉันมันท้อซะแล้ว....
ฉันทำผิดอะไรหรือ....
เขาถึงได้เกลียดชังฉันได้มากมายขนาดนั้น มันผิดด้วยหรือ ที่ฉันจำเป็นต้องต่อสู้ เพื่อสิ่งที่ฉันรัก ให้มันกลับคืนมาเป็นของฉันแต่เพียงคนเดียว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเอง แม้สักครั้งเดียว แต่ฉันจะต้องนึกถึงเขาก่อน คอยเยื่อใย อาทรอยู่เสมอว่า เขาจะเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร
แม้กระทั่งตอนที่เขาทำร้ายฉันอย่างแสนสาหัส แต่ฉันก็ยังทนได้ เพราะหวังอยู่ในใจว่า หายโกรธเมื่อไหร่ เขาจะสามารถคิดได้ว่าทำอะไรลงไป
ผมไม่มีวันที่จะทำร้ายคนที่ผมรัก ผมสัญญา....
แต่ว่าในวันนี้ คำสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อกัน มันไม่มีความหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป....
ความรัก ความห่วงใย ที่เขาเคยมอบให้ มันไม่มีเหลือไว้ให้รับรู้อีกแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่า วันเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมา มันไม่มีความหมายแม้แต่น้อย.....
เขาเปลี่ยนไปจริงๆ
ไม่เหมือนวันนั้นที่เราได้เจอกัน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งดูเหมือนว่า เป็นวันที่ทำให้ฉันได้รับรู้ถึงความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทันที่ได้เจอหน้าเขาเป็นครั้งแรก
*******************
วันนั้น....
เป็นวันเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม เขาไปในงานนั้น ในฐานะที่เป็นแฟนคลับของดาราคนหนึ่ง ในขณะที่ฉันไปที่นั่นในฐานะที่เป็นคนในวงการบันเทิงคนหนึ่ง ซึ่งถ้าจะว่าไป เส้นทางชีวิตของเราผิดแผกแตกต่างกันอย่างลิบลับ
แต่ไม่น่าเชื่อว่าโชคชะตา จะนำพาเรามาให้พบเจอกันจนได้....
ฉันเพิ่งจะให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับภาพยนตร์ที่เพิ่งได้ชมมาเสร็จหมาด ขณะที่หันมาเจอเขาซึ่งยืนอยู่ใกล้ เพื่อนคนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามาหาฉัน แล้วแนะนำให้เราได้รู้จักกัน
พี่เอ.... นี่น้องนัท เพื่อนรุ่นน้องผม
ฉันยิ้มให้ ขณะที่สายตาแอบมองดูเขา แล้วพบว่า เขาก็กำลังมองมายังฉันด้วยแววตาที่ประหลาดเช่นกัน
สายตาของเราสบกัน นิ่ง นาน ก่อนที่ฉันจะเบือนกลับมา แสร้งหัวเราะเฮอากับเพื่อนๆที่อยู่ในกลุ่มกลบเกลื่อนทำเหมือนไม่ได้สนใจ ทั้งๆที่ในตอนนั้นความรู้สึกมันแปลกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
บอกตรงๆว่าสายตาที่เขามองมาตอนนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบอย่างไรไม่รู้
แต่คงไม่หรอก ฉันคงคิดไปเองมากกว่า....
ฉันพยายามที่จะขับไล่ความสับสนนั้นออกไปจากในสมอง แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำในยามนั้น แต่จากหางตาที่ชำเลืองมองไปนั้นฉันรู้ดีว่าเขากำลังมองมายังฉันตลอดเวลา
ทุกท่วงท่า ทุกนาทีที่ผ่านไป สายตาของเขาไม่ได้ละจากฉันไปแม้แต่น้อย....
ฉันยิ้มขำ รู้สึกเหมือนกับว่า ฉันคิดไปเองมากกว่า เป็นไปไม่ได้ว่า เด็กที่อายุน้อยกว่าฉันมากมาย จะให้ความสนใจกับใครคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเจอหน้ากัน โดยเฉพาะคนๆนั้นแก่ยิ่งกว่าเขามากมาย ถ้าจะว่าไป ฉันเกือบอายุเท่าแม่ของเขาก็เป็นได้
ฉันพยายามที่จะไม่คิดอะไร และในไม่ช้า เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นฉันก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท
ชีวิตของฉันต้องพบพานผู้คนมากมาย หน้าที่การงานวุ่นวายเสียจนฉันแทบจะจำอะไรไม่ได้ อย่าว่าแต่เขาเป็นใครก็ไม่รู้ที่บังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตเพียงแค่ไม่กี่นาที
และนี่ถ้าหากว่า เพื่อนคนนั้นไม่บังเอิญโทรศัพท์เข้ามาหาฉันอีกครั้ง ฉันก็คงลืมเขาไป พูดง่ายๆใบหน้าเขาฉันก็จำไม่ได้แล้ว
พี่...พอดีน้องเขาอยากได้เบอร์ของพี่ พี่จะอนุญาตมั้ย
เพื่อนคนที่เจอกันในงานเปิดตัวภาพยนตร์เมื่อวาน โทรศัพท์มาหาฉันในวันรุ่งขึ้น
น้องคนไหน....
น้องนัท คนที่ผมแนะนำให้รู้จักเมื่อวานไง
อ้อ...เด็กคนนั้นนั่นเอง แล้วเขาจะเอาเบอร์โทรศัพท์ฉันไปทำอะไร ฉันคิดอยู่ในใจ แต่ปากก็ไวกว่าความคิด
ให้ไปเถอะ ไม่เป็นไร...
เพราะฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า เขาจะเอาไปทำไม
และในไม่กี่นาทีต่อมา ฉันก็ได้รู้ว่า ฉันกำลังเล่นกับไฟเข้าให้แล้วจริงๆ
เพราะไม่นานหลังจากนั้น โทรศัพท์ของฉันก็สั่น มีเบอร์แปลกๆผุดขึ้นมา แม้ว่าจะไม่เคยรับเบอร์โทรศัพท์ที่ตนเองไม่ได้บันทึกเอาไว้ แต่ไม่รู้อะไร ทำให้ฉันกดนิ้วตอบรับไป
พี่เอ...นี่ผมนัทนะครับ ที่เจอพี่เมื่อวาน...
คนที่ผมฉันด้วยสายตาแปลกๆเหรอ ฉันแสร้งถามออกไป
เขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงอึกอักเล็กน้อย
ครับ แล้วพี่ว่างคุยมั้ยครับ
โทรมาแล้วนี่ ความสนุกที่ได้ยินน้ำเสียงเขาลุกลน ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะต่อปากขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรมาดลใจฉันในตอนนั้น
หรือว่าฉันก็แอบปลื้มเขาอยู่เหมือนกัน.
เป็นไม่ไม่ได้น่า....
ฉันพยายามค้านตัวเองอยู่ในใจ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่บรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่งซึ่งผ่านโลก ผ่านร้อน ผ่านหนาว และผ่านเรื่องราวความรักมาแล้วมากมายจะไปสนใจกับเด็กกะโปโลที่ท่าทางเหมือนเพิ่งจะหย่านมแม่มาหมาดๆอย่างนั้น
วูบหนึ่ง ฉันคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร....
หลายคนที่มองเห็นฉันภายนอกคงคิดว่าฉันเป็นคนที่มีความสุขมากมายเหนือใคร ไปไหนมาไหนมีผู้ชายหน้าตาดีๆแวดล้อมมากมาย อยากจะรักกับใคร ฉันก็สามารถที่จะทำได้
แล้วฉันจะไปสนใจกับเด็กคนนั้นทำไม....
หน้าตารึ ก็สู้คนอื่นไม่ได้ หากจะเทียบกับผู้ชายที่ฉันเคยควงมา เรียกว่า แทบไม่ติดฝุ่น
แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมฉันกลับรู้สึกอบอุ่นใจ และรู้สึกดีใจ เมื่อรู้ว่าเขาโทรมาหาจริงๆ
คุยสิ เงียบไปทำไม...
ฉันเอ่ยปากออกไป เมื่อต้นสายเงียบงัน และฉันเองก็นิ่งไปนาน
ผมแค่อยากบอกว่า ผมอ่านหนังสือที่พี่ทำมานานแล้วนะครับ แม่ผมซื้อมาอ่านประจำ
อ้าวเหรอ... ฉันอมยิ้ม เมื่อได้ยิน เด็กเหลือเกิน.... ฉันคิดอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป อย่างที่ใจคิด แล้วชอบมั้ยล่ะ
ชอบครับ ! เสียงตอบมาตามสาย กระตือรือร้น แต่ผมชอบพี่มากกว่า....
ฉันนิ่งอึ้ง นึกไม่ถึงเมื่อได้ยิน
เอาละสิ ใครจะได้คิดว่า เกิดมาจนอายุป่านนี้ แล้วจะมาเจอเด็กจีบด้วยมุกตื้นๆ
แล้ว....
ไปไม่เป็นเหมือนกัน เพราะนานๆจะโดนแบบนี้สักที
พี่ว่างมั้ย... เขารุกอีกครั้ง
วันไหนล่ะ ฉันถาม ปกติแล้วพี่ก็ว่างตลอดแหละ แต่ต้องเป็นตอนเย็นๆ จะเป็นช่วงที่ไปออกงานเลี้ยง ไปปาร์ตี้ ทำไมจะไปเจอพี่เหรอ
ถ้าพี่ยอมให้เจอนะครับ
อืมมม... ฉันนิ่งคิด อยากรู้จังว่าเด็กคนนี้ จะมาไม้ไหน งั้นวันพรุ่งนี้มั้ย พี่ว่าง เรามาเจอกันที่งานเลี้ยงก็ได้.... ฉันบอกชื่องานและสถานที่ไป พร้อมกับย้ำว่า แต่งตัวมาดีๆล่ะ อย่าทำให้พี่ขายหน้านะ
ครับ น้ำเสียงต้นสายดูกระตือรือร้น จนสามารถสัมผัสได้ ขอบคุณครับพี่....
ฉันวางหูโทรศัพท์ลง ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรดลใจให้ฉันทำอย่างนั้น แต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง ฉันคงไม่เอ่ยชวนเขาไปแน่ และถ้าจะให้ดีในวันที่เขาโทรมานั้น ถ้าหากฉันเพียงแค่บอกว่า ฉันไม่ว่างที่จะคุย เรื่องราวทั้งหลายก็คงไม่เกิดขึ้น เหมือนอย่างในวันนี้
แต่ฉันไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
มันสายเกินกว่าที่จะแก้ไขได้แล้ว.....
*******************
อ่านต่อตอนที่ 1
ผลงานอื่นๆ ของ ตุลย์ กันยา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ตุลย์ กันยา
ความคิดเห็น