ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สนิทไม่ซื่อ ขอยื้อเวลารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : แต่งงานกันจริงเหรอ 1

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 57


    ปรินทร์มาถึงโรงพยาบาลที่พี่บีผู้จัดการคนสวยโทรศัพท์ไปบอกว่ามิกิแฟนสาวของเขา แอดมิดที่นี่ เขาตรงไปที่ห้องที่มิกิพัก แต่พบเพียงพี่บีที่ยืนกดมือถือหาใครให้วุ่นไปหมด พี่บีที่หัวเสียสบถออกมาอยู่หลายคำ เธอหันมาพบปรินทร์ แล้วตกใจรีบดึงเขาออกไปจากห้อง

                    “มีไรหรือครับพี่บี หน้าตาตื่นเชียว หรือว่ามิกิเป็นอะไรมากหรอครับ” ปรินทร์ถามขณะที่พี่บีก็ยังไม่หยุดลากเขาไปคุยในที่ ที่คิดว่าลับตาคน

                    “ยัยมิกิทำเรื่องอีกแล้วนะซิ”

    ปรินทร์ที่ถูกลากยิ่งกังวล และอยากรู้เรื่องไวๆยิ่งขึ้นเมื่อพี่บีพูดอย่างนี้ และก็ยังไม่ยอมหยุดลากเขาอีก

                    “เดี๋ยวนักข่าวจะมา ถ้ามาเห็นกอล์ฟอยู่ในห้องด้วย ต้องถามแน่ว่าใคร”

                    “มิกิทำมัยหรือครับ” ปรินทร์ถามซ้ำ เขาอยากรู้ว่ามิกิเป็นอะไรมากกว่าจะใส่ใจว่านักข่าวจะสนใจว่าเขาเป็นใคร

                    “มิกิหายตัวไปนะซิ.. ตอนเช้ามืดก่อนจะออกจากบ้านไปกองถ่ายนางวูบ พี่ตกใจมากก็รีบพานางมาโรงพยาบาล คุณหมอตรวจบอกน่าจะพักผ่อนน้อย ให้แอดมิดก็กลับบ้านได้ พี่ก็ออกมาซื้อของแล้วก็โทรบอกเราพอกลับขึ้นไป เตียงที่นางนอนไม่มีนาง มีแต่สายน้ำเกลือที่ถูกถอดวางอยู่บนเตียง พอพี่ออกไปถามพยาบาลก็ไม่มีใครเห็นมิกิ แล้วมันก็ไลน์มาว่า พี่บีมิกิไม่เป็นไรวันนี้ขอหยุดงานหนึ่งวันคะ พี่รีบโทรหามันก็ปิดเครื่องแหละ ดูมันทำกับพี่ดิ..”

    พี่บีร่ายยาว “ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า” พี่บีถามปรินทร์ ปรินทร์ส่ายหน้าปฎิเสธ เขารีบโทรหามิกิ แต่พี่บีบอกไร้ประโยชน์นางปิดเครื่อง แต่เขาก็อยากลอง

                ปรินทร์หน้าเครียดเมื่อติดต่อมิกิไม่ได้

                    “พี่บีลองโทรหาเพื่อนๆของมิกิหรือยัง บางที่มิกิอาจไปหาเพื่อน”

                    “โทรไปแล้วแต่ละนางยังไม่มีใครตื่น บอกไม่รู้เรื่องทุกคน เดี๋ยวนักข่าวก็จะมากันแล้ว โอ๊ยยัยเด็กคนนี้ทำเรื่องให้ปวดหัวอยู่เรื่อย..ว่าแต่ไม่ได้ทะเลาะกันแน่นะ” พี่บีบ่น แต่ยังไม่ยอมทิ้งประเด็นคู่รักทะเลาะกัน ปรินทร์ยืนยันหนักแน่น ซ้ำยังบอกโทรคุยกันเมื่อคืน ยังคุยดีกัน และเขายังนัดมิกิทานข้าวเย็นในวันพรุ่งนี้ด้วย

                    “องค์ลงอีกละซิ” พี่บีพูด “มันจะติสแตกไปไหนนะ”พี่บีว่ามิกิเด็กในสังกัด โดยธรรมชาติมิกิเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก เธอเป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติในแบบของเธอ ที่น่าหมั่นไส้แต่ก็จะเกลียดเธอไม่ลง ถ้าได้คลุกคลีกับเธอ คำพูดซื่อๆที่ไร้การกรองเอาใจคนฟัง ที่ฟังเหมือนร้ายกาจ แต่ก็จริงใจมากกว่าคำหวานนั่นแหละมิกิ

                    “เอาเถอะกอล์ฟกลับไปก่อนนะ นี่พี่ไม่คิดว่าเราจะมาเร็วขนาดนี้นะ คงเป็นห่วงมิกิมากซินะ เฮ้ยตายแล้วเกิดใหม่สักกี่ชาตินะ พี่ถึงจะมีบุญมาเจอคนที่ หล่อ แสนดีอย่างเราบ้าง เดี๋ยวเรื่องยัยมิกิพี่จัดการเอง มันคงไม่หายไปไหนหรอก”

                    “ครับ” ปรินทร์รับคำยิ้มๆกับเสียงเพ้อของพี่บี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิกิหายไป เธอมักจะทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เมื่องานที่พี่บีรับจะมากจนเกินไป

                    “ผมว่ามิกิอาจจะเครียดกับงาน เวลาเขารับบทอะไรจะเต็มที่กับบทมาก ตอนนี้ละครสามเรื่องใช่ไหมครับ บทที่ต่างกัน มิกิคงรู้สึกทำได้ไม่ดีจนรู้สึกไม่พอใจกับการแสดงที่ไม่ดีอย่างที่คาดไว้ ก็เลยหนีไปดื้อๆตามสไตล์เธอ”

                    “ก็คงใช่..พี่ผิดเอง ทั้งที่รู้ว่ามันติสแค่ไหน เอาเถอะพี่รับผิด แต่ที่รับงานให้มากมายขนาดนี้ก็เพื่อครอบครัวของมิกิเองนะ กอล์ฟก็รู้ใช่ไหมละเรื่องนั้นนะ”

                    “เรื่องอะไรหรอครับ”

                    “..ไม่รู้เหรอ..เอาเถอะไว้ไปคุยกันเองละกัน”

    ไม่ทันที่ปรินทร์จะเค้นถามว่าเรื่องอะไรที่พี่บีพูดเกี่ยวกับครอบครัวของมิกิ มือถือพี่บีก็ดังเสียก่อน พี่บีจึงถือโอกาสขอตัว

                    ปรินทร์มัวแต่กังวลเรื่องของมิกิ จนเดินไม่ระวังชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจัง ข้าวของที่เธอหอบพะรุงพะรังหล่นเกลื่อนพื้น ปรินทร์ขอโทษเธอแล้วช่วยเก็บ เมื่อเห็นว่าของที่เธอถือนั่นเยอะและท่าจะหนักเอาการ ปรินทร์จึงอาสาช่วยถือไปส่งเธอที่ห้องพักฟื้นคนไข้ตามที่เธอบอก               

    “ขอบคุณนะคะ” อารยาพูดเมื่อปรินทร์ช่วยถือของมาวางที่ห้องเรียบร้อยแล้ว

                    “ครับ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ ..คุณแม่หรือครับ” ปรินทร์ชวนคุยเมื่อมองไปที่เตียงคนไข้พบหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาคล้ายอารยามากนอนหลับอยู่ อารยายิ้มพยักหน้ารับแล้วบอกปรินทร์เรื่องอาการป่วยของแม่เธอ

                    “ค่ะ ท่านป่วยเป็นเบาหวานนะคะ..ขอบคุณนะคะที่ช่วยถือมาส่ง”

                    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมจะพูดขอโทษอีกครั้งก็ดูจะยืดเยื้อเกินไป คุณก็จะขอบคุณผมอีกไม่จบแน่ เอาเป็นว่าเราหายกันนะครับ หึๆๆ” ปรินทร์พูดขำๆ ผสานเสียงหัวเราะเบาๆของอารยาอย่างเห็นตรงกัน เธอเดินตามไปส่งปรินทร์ที่หน้าห้อง ก่อนจะตัดสินใจถามเขาเรื่องที่สงสัย อย่างเกรงๆ

                    “พวงกุญแจ..”

                    “ครับ..พวงกุญแจ ทำมัยหรือครับ” ปรินทร์ถามกลับ

                    “พวงกุญแจที่คุณทำตกตอนเดินชนอ้อน อ้อนเห็นเป็นรูปตุ๊กตาลิงถักด้วยไหมพรม..คุณชอบงานถักโครเชต์หรอคะ”

                    ปรินทร์ล้วงกุญแจที่เธอหมายถึงออกมา แล้วชูตรงหน้าเธอถามกลับว่า “อันนี้ใช่ไหมครับ” เธอพยักหน้าตอบ “มีคนถักให้นะครับ”

                    “แฟนหรอคะ..”

    คำถามที่ตอบง่ายๆ แต่ปรินทร์กับอ่ำอึ่งจะตอบ หรือไม่ก็ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร

                    “ต้องเป็นคนพิเศษแน่เลยใช่ไหมคะถักให้ เพราะถ้าไม่พิเศษ เก่าขนาดนี้คุณคงทิ้งไปแล้ว” เธอพูดยิ้มๆ แล้วอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ว่าทำมัยถึงอยากจะรู้เรื่องของเขานะ ปรินทร์ขอตัวโดยไม่ตอบอะไรอีก

                    “เอ๊ะลืมถามชื่อเลย คุณ..” ปาริฉัตรจะเรียกแต่เปลี่ยนใจ “นี่ฉันสนใจเขาหรือไง เสียใจด้วยนะเขามีแฟนแล้ว แต่ถึงไม่มีฉันจะกล้าขอเบอร์เขาไหมละ” เธอพูดกับตัวเอง แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่ตกหลุมรักคนที่เห็นเพียงครั้งแรกอย่างกับในหนัง

     

                    ที่บ้านป้าพร สถานที่รับดูแลสุนัข และแมวจรจัด ชิดจันทร์กำลังอาบน้ำให้สุนัขที่ชื่อว่าด่าง โดยมีมิกิเป็นลูกมือคอยช่วยอยู่ข้างๆ

                    “อยู่เฉยๆนะ แม่จะอาบน้ำให้ ตัวจะได้หอมๆ” ชิดจันทร์เปิดก๊อกน้ำที่อยู่เหนืออ่างอาบน้ำสุนัขรดบนหลังเจ้าด่าง

                    “ทำมัยพี่ชอบมาที่นี่กันนะ” มิกิพูดหมายถึงชิดจันทร์กับปรินทร์ พร้อมบีบแชมพูกำจัดเห็บหมัดลงบนขนเกรียนๆของเจ้าด่าง

                    “ใส่อีกนิดดิ จะขี้เหนียวทำมัย ของๆเธอก็มี”

                    “พี่พูดอย่างกับว่าฉันใช่แชมพูหมาสระหัวอย่างงั้นแหละ” มิกิพูดปากยู่ พร้อมค้อนวงใหญ่ใส่คนแซวที่พูดหน้าตาย แล้วก็ถามคำถามที่อยากรู้ว่าชิดจันทร์จะคิดอย่างไรกับคำถามที่มิกิเองคิดไม่ตก “พี่ถ้าให้เลือก..”

                    “ไม่เลือก” ชิดจันทร์ตอบโดยไม่รอฟังคำถามให้จบ

                    “ห๊า..อะไรนะฉันยังถามไม่จบเลยน่ะ เป็นนกฮูกหรือไงถึงตอบได้โดยไม่ต้องรอคำถาม”

                    “รู้มะ ฉันเห็นเธอก็เหมือนเห็นตัวเอง เธอคิดอะไรฉันรู้” ชิดจันทร์พูดข่มน้องสาวร่วมโลก มือก็เกาขนเจ้าด่างอย่างเมามัน จนน้ำกระเซ็นโดนหน้ามิกิเข้า เสียงโวยวายว่าถูกแกล้งดังไปทั่วบริเวณจนป้าพรเจ้าของสถานที่ที่กำลังตรวจสุขภาพสุนัข และแมวในกรงอดขำสองสาวไม่ได้เมื่อหันไปมอง

                    “ทะเลาะกันทุกครั้ง แต่ก็มาด้วยกันทุกที” พูดไปก็ยิ้มเอ็นดูสองสาวใจบุญไปด้วย

                “ฉันหน้าเหมือนพี่หรอ ใครบอกหรือพี่มโนไปเอง..ฉันมั่นใจในความสวยของฉันนะ แต่พอได้ยินพี่พูดเมื่อกี้ความมั่นใจของฉันมันขาดผึงเลย” มิกิโวยไม่เห็นด้วยที่ชิดจันทร์พูดเรื่องเห็นเธอเหมือนเห็นชิดจันทร์ “โอ๊ย!ดีดฉันทำมัย” มิกิมือกุมหน้าผาก เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ดจากแรงดีดเต็มเหนี่ยวของชิดจันทร์

                    “เอาผ้ามา” ชิดจันทร์สั่งไม่แม้แต่จะมองหน้าคนร้องโอ๊ย มิกิก็หยิบผ้าขนหนูส่งให้อย่างว่าง่าย แม้จะมีอาการสะดิ้งอยู่บ้างก็ตาม

                    “ฉันไม่ได้หมายถึงหน้าตา ฉันหมายถึงความคิด..เธอกับฉันคิดอะไรคล้ายๆกัน” ชิดจันทร์พูด มือก็เช็ดตัวให้ด่าง มิกิเข้ามาช่วยเช็ด

                ..สีหน้าไม่ดีเลยคล้ายกังวลใจเรื่องอะไร.. ชิดจันทร์คิดเมื่อลอบมองคนข้างๆ

                    “เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขารักเรา” มิกิที่จู่ๆก็ถามคำถามออกมา จนคนที่เช็ดตัวให้ด่างคนแรกแปลกใจกับท่าทีและคำถามนั่น แต่ก็คิดหาคำตอบให้

                    “ความเอาใจใส่มั้ง” ชิดจันทร์ตอบ “ความรักจะเป็นแรงขับดันให้เราใส่ใจกันเสมอ ถ้าไม่มีความรู้สึกนี้ พี่ยังสงสัยว่าจะมีความรักระหว่างคนสองคนอยู่ไหม”

    สรรพนามที่เปลี่ยนนั่นแสดงให้เห็นว่าชิดจันทร์เข้าสู่โหมดพี่สาวที่สวมหมวกศิราณีแล้ว แม้ประสบการณ์รักจะน้อยนิด แต่ถ้ารักจริงรักจังชิดจันทร์ไม่น้อยหน้าใครแน่ แม้จะจิกกัดกันแทบตลอดที่พบกัน แต่พอถึงคราวที่มิกิมีอาการเศร้าๆ ทุกข์ กังวล มาให้เห็นชิดจันทร์ก็อดห่วงแฟนของเพื่อนที่เธอคิดไม่ซื่อด้วยได้

                    “..เธอทำมัยมาถามคำถามพวกนี้ละ..ทั้งทีเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่กำลังมีความสุขมากที่สุด ที่มีคนรักมาขอแต่งงาน..” จะว่ามิกิดูเศร้าแล้ว แต่ชิดจันทร์คลายว่าเศร้ากว่า เธอใจหายแวบ เมื่อตาสวยปะทะเข้ากับแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กดูน่ารัก ที่นิ้วนางข้างซ้ายของมิกิเข้าจนเสียงที่เอ่ยถามช่างไร้น้ำหนักเสียจริง

                    “...”

    ความเงียบที่ไม่น่าจะเป็นคำตอบได้ ได้แสดงตัวอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้  ความเสียใจที่โดดเกาะหัวใจคนแอบรัก ได้พาชิดจันทร์เพลินกับน้ำตาที่ท่วมใจเธออยู่ตอนนี้ เลยทำให้ลืมสังเกตดาราสาวที่หนีงานแกล้งป่วย มีความกังวลใจอะไรบางอย่างที่ดวงหน้าสวยนี้ยากจะปิดมิด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×