คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
“แต่งงาน... เราแต่งงานกันนะ!”
น้ำเสียงมุ่งมั่นของหญิงสาวตรงหน้า แล้วยังมือบางที่จับไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่ม แรงของมือหนักเอาการ จนเขารู้สึกถึงความจริงจัง ทำให้ปรินทร์ถึงกับเบิกตากว้าง ด้วยอาการงงปนตกใจ ก่อนจะขนลุกเกรียว เมื่อเธอพูดอย่างตั้งอกตั้งใจต่อว่า
“ถ้าจะให้ฉันไปแต่งงานกับใครที่ไม่รู้จัก สู้ฉันแต่งงานกับแกดีเสียกว่า”
..ดีกว่าตรงไหนวะ..
ไม่ทันที่ปรินทร์จะตั้งตัว ชิดจันทร์ก็เปลี่ยนตำแหน่งมือจากไหล่มาที่รอบคอเขาอย่างสนิทสนม
“ฉันเปรียบเป็นดั่งเจ้าหญิงราพันเซล ที่รอคอยรักแท้พาออกไปจากหอคอยที่สูงส่งนี่ เจ้าชายที่ฉันรอคอยที่แท้ก็อยู่ใกล้เพียงแค่มือเอื้อม โอ้เจ้าชายของฉัน..” เสียงหวานที่เพ้อจนสุดกู่ กับสายตาหวานเชื่อมที่ทอดมา ก็มีพลังพอจะให้ปรินทร์รีบสลัดมือที่เหนี่ยวคอเขาไว้แน่นให้หลุดไป แต่มือบางหนึบหนับเป็นหนวดปลาหมึกก็คว้าคอเขามากอดได้อย่างฉับพลัน
“แก! พาฉันออกไปจากหอคอยนี่ที่ซิ น๊า”
เสียงหวานยังคงอ้อนต่อ พร้อมกระชับกอดแน่นขึ้น เมื่อปรินทร์ไม่หยุดแกะมือเธอเสียที
“นะแก เพื่อนชายที่สนิทของฉันที่เหลือก็มีแค่แกที่ยังไม่แต่งาน ฉันไม่อยากอยู่ขึ้นคาน”
“ไอ้ปูน ไอ้ปูนก็ยังไม่แต่ง” ปรินทร์นึกถึงเพื่อนในกลุ่ม
“ไอ้หน้าหมอนั่น แกจะให้ฉันแต่งกับมันหรอ” จากเสียงอ้อนกลายเป็นเสียงฉุนไม่สบอารมณ์กับชื่อที่ปรินทร์เสนอ
“ไอ้แม็ก” ปรินทร์เสนอชื่อเหยื่อต่อไป
“แกจะให้ฉันหน้าด้านแย่งยัยเบสท์เนี้ยะนะ แกเป็นเพื่อนประเภทไหนกันที่ยอมให้เพื่อนทำเรื่องชั่วๆกับเพื่อน”
“แล้วฉันละ ฉันมีแฟนแล้วนะ แล้วมิกิก็รักแกด้วย” ปรินทร์พูดถึงแฟนสาวดาราของเขาที่คบกันมาสามปีกว่า
“...”
“แกไม่ขึ้นคานหรอก แกสวย เซ็กซี่ ร่ำรวย”
“ฉันรู้สึกว่าใช่ทุกอย่างเลย ที่แกพูดมา แกเป็นเพื่อนที่จริงใจมากกก” ชิดจันทร์เน้นและลากเสียงยาวประชด เมื่อเธอรู้สภาพกายของตนดี ว่าปลวกแค่ไหน นี่ไงแฟนเก่าที่คบเมื่อสมัยเรียนอยู่ปีสามคบกันได้อยู่นานตั้งสองปี แต่เธอก็มาจับได้ว่าเขานอกใจเธอมาตลอด เหตุผลที่ถามหาจากเขาว่าหลอกลวงเธอทำมัย เขาตอบสั้นๆง่ายๆว่า
..หน้าบ้านๆแต่ก็ฉลาดดี ช่วยทำทีสิตได้..
อย่างน้อยเธอก็พอมีดีที่ฉลาดเรียนปรินทร์ปลอบใจชิดจันทร์ในตอนนั้น เธอจำได้
“ฉันไม่อยากขึ้นคาน ฮือๆๆ แก ฉันในวัยสามสิบที่แสนเฉา เพื่อนก็ทิ้ง” ชิดจันทร์ฟูมฟาย คล้ายแกล้งทำ แต่หยาดน้ำใสกลับอาบแก้ม เธอแสดงทุกความรู้สึกที่น่าอายต่อเพื่อนคนนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเธอจะดูงี่เง่าในสายตาเขา คงเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และแน่นเฟ้น ทุกการเติบโต ทุกเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งสุข และทุกข์ ทั้งเขา และเธอผ่านมันมาด้วยกัน
“เข้าใจแล้ว” ด้วยท่าทางที่อือออของปรินทร์ บวกกับอารมณ์ที่กำลังหวั่นไหวสูงสุด วงแขนที่โอบรอบคอปรินทร์จึงคลายลง จังหวะนั้นเองที่ปรินทร์แกะมือบางออกจากคอเขาได้
“หอคอยกับคานสูงเท่ากันหรือเปล่า” ปรินทร์พูดพรางขยับปกเสื้อให้เข้าที่
ฟากคนที่ถูกสะบัดทิ้งน้ำตาหยุดไหลพรากเมื่อมีคำว่าคานให้เสลงรูหู ชิดจันทร์หันขวับมองหน้าคนพูดตาเขม็ง
“ฉันไม่ใช่นักกีฬาล่าเหรียญอย่างแฟนเก่าแก จะได้แข็งแรงพอจะปีนขึ้นไปพาแกลงมา..โอ๊ย!”
แม้จะเจ็บกับคำว่าคาน แต่มือบางก็รั้งรอจนกว่าปรินทร์จะพูดจนจบได้ ก่อนจะเปิ้ดกะโหลกหนาของชายหนุ่มอย่างกันเองโดยไม่ยั้งมือสักนิด
“แกเห็นความทุกข์ของฉันเป็นเรื่องตลกงั้นหรอ นั้นไงยังไม่ทันได้แต่ง แกก็เปลี่ยนไปแล้ว ฮือๆๆนี่ฉันจะไม่เหลือใครเลยจริงๆหรอ ฮือๆๆ” ชิดจันทร์พูดพรางเดินไปที่โต๊ะกลางห้องที่เป็นทั้งโต๊ะกินข้าวและ โต๊ะทำงาน ในเวลาเดียวกัน เธอค้นหาซองสีชมพูที่เพิ่งได้รับเมื่อสาม สี่วันก่อนอย่างกับคนไร้สติ แล้วชูขึ้นสะบัดไปมา
“ไอ้แม๊ก กับยัยเบสท์ก็แจกซองแล้ว ต่อไปก็แก ส่วนยัยเมไม่ต้องพูดถึง มันสามรอบแล้ว ครั้งที่สี่จะตามมาแน่ ฮือๆ ทุกคนมีโซเมทกันหมด มีแค่ฉันที่ ที่ไม่มีคราย ฮือๆๆ ห๊ะ เงา ดู ดูดิ มะ มะ แม้แต่เงายังไม่อยู่เลย ฮือๆ หายไปไหนวะ เงา เงาชั้นนน” เสียงดังตกใจเมื่อก้มมองไปรอบตัว แล้วไม่พบเงาตัวเอง แต่เงาของปรินทร์กลับมีปกติ
ปรินทร์ส่ายหน้าและยิ้มขำกับความเพี้ยนของชิดจันทร์ เขาชี้มือขึ้นเพดาน ชิดจันทร์เหงนมองตามแล้วพบหลอดไฟอยู่กลางศีรษะเธอพอดี เข้าใจแล้วว่าเงาเธอหายไปไหน ปรินทร์เดินเข้าไปหาชิดจันทร์จอมโก๊ะ แล้วปาดน้ำตาที่นองหน้าชิดจันทร์อย่างเบามือ เขาเข้าใจ ว่าเธอรู้สึกอย่างไร
“เพื่อน แกต้องการเพื่อน ไม่ใช่แฟนหรอก” เขาตบไหล่บางแล้วยืนเคียงโอบไหล่เธอ ทั้งสองทอดสายตาไปไกล ปล่อยความคิดให้เตลิดไปกับความเศร้าที่แอบกังวลกันอยู่ลึกๆว่า หากต้องแยกย้ายกันไปมีครอบครัวจริง ทั้งเขาและเธอจะยังคบหาสนิทสนมกันได้อย่างนี้อยู่ไหม
~ ^^* สนิทไม่ซื่อ ขอยื้อเวลารัก_
ในวัย31 ปี ที่ผ่านร้อน หนาวมาอย่างว้าวุ้น ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องราวใดๆที่ว่ายากลำบาก ชิดจันทร์จะมีเขาเป็นกำลังใจให้ผ่านเรื่องยากเหล่านั้นไปได้ ผู้ชายหนึ่งเดียวที่จำว่ารักแรก คือเขา ผู้ชายหนึ่งเดียวที่ไม่กล้าจะหันหลังให้ความรู้สึกของตัวเองว่า รักเหลือเกิน ผู้ชายหนึ่งเดียวที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี กี่ปี คำว่ารักก็ยังอยู่ ผู้ชายหนึ่งเดียวคนนี้ที่..เพื่อน ฉันรักแก..
ถ้าคนเจ้าเล่ห์เปรียบเป็นจิ้งจอก ฉันก็คงเป็นนางพญาจิ้งจอกร้อยหาง ที่เฝ้าเวียนวน อยู่ในชีวิตแกด้วยคำหลอกลวง อ๊ะ!เดี๋ยวซิฉันไม่ใช่คนเลว แกก็รู้นิ ในชีวิตที่คบหากันมา ฉันหลอกแกอยู่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว..
แปลกนะฉันเดินอยู่ในบ้านตัวเองแท้ๆ จู่ๆประตูบ้านก็เปิดออก แล้วฉันก็พบว่าแกอยู่หลังประตูบานนั้น พอฉันคว้าประตูปิดลงกลอนแน่นหนา ฉันกับพบว่า แกเปิดมันออกได้อย่างง่ายดาย..ขอโทษ ฉันโทษแกอีกแล้ว นิสัยเสียของฉันที่แกบ่นอยู่เรื่อย
..ทำมัยแกจะต้องโยนความผิดให้คนอื่น ในเมื่อแกเลือกที่จะรู้สึกกับเขาเอง ใจของแก แกต้องควบคุมมันเอง อย่าโยนมันไปให้ใครต้องรับผิดชอบความรู้สึกของแก..แกบอกฉันตอนปีสอง เมื่อฉันแกล้งปรึกษาแกว่าจะทำอย่างไงกับรักข้างเดียวที่ไม่มีทางสมหวัง
นานเท่าไหร่แล้ว ที่ฉันปล่อยว่าง วางความรู้สึกที่มีต่อแก อ๋อตอนนั้นซินะ วันเกิดครบ27 ปี แกควงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม พวกเรามารู้ที่หลังว่าเป็นลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่น นั้นละรูปร่างหน้าตาสเปกแกเลย ห้ามสูงกว่าแก ในขณะที่ฉันสูงเสมอแกซะงั้น หน้าตาน่ารักสไตล์ญี่ป่น เกาหลี ส่วนฉันแม้แต่กระจกที่ส่องตอนกลางวัน ยังสยองตัวเองเลย ผ่านทั้งสถานะที่แขวนตำแหน่งเพื่อน และผ่านทั้งรูปลักษณ์ ..ลูกเป็ดขี้เหร่ ผ่าน ผ่าน ผ่าน!
ใจฉันชาเมื่อแกแนะนำมิกิกับพวกฉันว่า “นี่มิกิแฟนฉัน” ภาพสาวน้อยน่ารักคนนั้นเปลี่ยนเป็นมีดปลายแหลมที่บรรจงกีดหน้าอกซ้ายฉันอย่างเลือดเย็น .. เสียงหัวเราะที่พรั่งพรูอย่างคนเสียสติในคืนนั้น แท้จริงมันคือสายน้ำตาที่ยากจะเหือดแห้ง ความจริงฉันจะอะไรนักหนากับเรื่องแฟนแก ในเมื่อทั้งชีวิตที่คบหากันมา แกก็มีผู้หญิงไม่เคยขาดอยู่แล้ว ..ทำมัยไม่ชินเสียที ทำมัยยังเจ็บเหลือเกินทุกครั้ง...เจ็บ เจ็บ เจ็บ!
และอีกครั้งความเจ็บปวดนั้น ก็วกกลับมาอีก ทั้งที่คิดว่าน่าจะหาย และจากไปแล้ว..แม้แต่จะหายใจฉันรู้สึกว่าจะขาดใจตาย เมื่อแกบอกจะขอมิกิแต่งงาน ฉันอยากจะบอกแกว่าขอให้มีความสุข แต่ความสุขนั้นกับฉันได้ไหม..เป็นฉัน..เป็นเพื่อนคนนี้ได้ไหม..เพื่อน เพื่อน เพื่อน!
บ้านก็บ้านของฉัน แต่ฉันกับไร้ซึ้งอิสระที่จะควบคุม ไม่ว่าจะเปิด หรือปิดประตูสักกี่ครั้ง เมื่อเปิดประตูบานใหม่ก็พบแกอยู่ตรงนั้น ปิดแล้วหันหลังเปิดบานใหม่ ไม่ว่าจะทางออกไหน ฉันก็..พบเพียงแกที่หลังประตูนั่น
..สัญญานะเราจะไม่มีความลับต่อกัน..
ฉันขอโทษที่ผิดสัญญา
กอล์ฟฉันมันนางจิ้งจอกตัวจริง..
ชิดจันทร์ปิดไดอารี่ ที่เขียนเมื่อคืน เธอทบทวนสิ่งที่ตั้งใจทำในใจอย่างแน่วแน่ แววตาเจ้าเล่ห์ฉายชัดในดวงตาโต ก่อนจะตีดวงตาโศก สบตาปรินทร์อย่างน่าสงสาร น้ำใสคลอหน่วย ดูแล้วน่าสงสารจับใจ
ปรินทร์ลูบศีรษะชิดจันทร์อย่างปลอบโยน ความโหวกเหวกที่มักแสดงออก แท้จริงชิดจันทร์อ่อนไหวเหลือเกิน ปรินทร์คิด “ฉันเคยดูแลแกยังไง ต่อให้ฉันจะแต่งงานไปแล้ว ฉันก็จะยังดูแลแกเหมือนเดิม แกจะต้องไม่เหงาอยู่คนเดียวหรอกนะ ฉันสัญญา”
“แกต้องไปสัญญากับย่าฉัน” สิ้นเสียงบอกกล่าว ปรินทร์งงเป็นไก่ตาแตก
“ฮืม ทำมัย คุณย่าทำมัย”
“สัญญากับฉัน แกไม่เห็นค่าหรอก แต่ถ้ากับย่าแกไม่ผิดสัญญาแน่..พรุ่งนี้เก้าโมงเจอกันที่ลานจอดรถ อย่าเบี้ยว อย่าสาย เพราะฉันต้องไปที่อื่นต่อ แล้วก็ปิดมือถือกันยัยมิกิโทรจิกด้วยละ..แกไปได้ละฉันจะพักผ่อน ตาฉันจะบวมไหมนะ โอ๊ะย่าบอกตาฉันสวยที่สุด..”
แม้จะชินกับอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วของชิดจันทร์ แต่กับการต้องไปรบกวนคุณย่าลำดวล ด้วยเรื่องสติแตกของหลานสาวท่าน ก็เป็นเรื่องไม่ควรเท่าไรนัก แต่เอาเถอะถือเสียว่าไปเยี่ยมท่าน
“ทั้งตัวมีดีแค่ตาสวยเนี้ยะนะ” ก่อนจะปิดประตูห้อง ปรินทร์อดแซวเพื่อนไม่ได้ แล้วกระสุนหมอนอิงก็กราดใส่ประตูร่วงกราว ปรินทร์ปิดประตูได้ทันท่วงที
ก๊อกๆๆ ชิดจันทร์แนบหูกับบานประตูห้อง เมื่อความเงียบแสดงคำตอบว่าไม่มีคนอยู่ เจ้าของห้องไปไหนนะ
“ลงไปแล้วหรอ..ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนิ” ชิดจันทร์ยกข้อมือดูเวลา แล้วตัดสินใจลงไปที่ลานจอดรถตามนัดกับปรินทร์เมื่อคืนก่อนเวลานัด เมื่อแน่ใจแล้วว่าปรินทร์ไม่อยู่ในห้อง
ที่ลานจอดรถก่อนจะเดินไปถึงที่จอดรถประจำ ชิดจันทร์ก็มองเห็นแล้วว่ารถยนต์ของปรินทร์ไม่อยู่ เธอกดมือถือหาเขา แต่เป็นสัญญาณสายไม่ว่าง
“ไปไหนของมันละเนี้ยะ” ชิดจันทร์กดใหม่อีกครั้งสัญญาณสายไม่ว่าง เหมือนเดิม ก่อนจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ มือถือก็ดังขึ้น ชื่อกอล์ฟโชว์หราว่าสายเข้า
“แกอยู่ไหน ฉันเคาะประตูเรียกแกที่ห้อง เห็นเงียบๆคิดว่าแกลงมารอแล้ว ก็เลยลงมาอยู่ข้างล่างแล้ว”
“โทษทีนะจันทร์ เช้านี้ไปไม่ได้แล้ว”
“ทำมัย..” ชิดจันทร์ถามออกไป หน้ามิกิก็ลอยมา เธอเดาว่านี่ต้องเป็นสาเหตุที่ปรินทร์กลับบ้านกับเธอไม่ได้ในเช้านี้อย่างแน่นอน
“พี่บีโทรมาบอกว่ามิกิไม่สบาย ตอนนี้กำลังไปที่โรงพยาบาล”
“เฮ้อ ฉันเนี้ยะนะซื้อแค่หวยที่ไม่ถูก แต่กับเรื่องแกฉันเดาถูกหมดเลย”
“ฉันไปดูมิกิก่อน ถ้าเขาไม่เป็นไรมาก ฉันจะตามไปนะ..แกรอฉันอยู่ที่บ้านนะ”
“แล้วทำมัยแกไม่แวะบอกฉันก่อนห๊ะ ห้องฉันก็อยู่แค่หน้าห้องแก จะเดินหน้าสักสองก้าวมาเคาะเรียกบอกกันหน่อยไม่ได้หรือไง หรือไม่ก็โทรมาบอกซิ” ชิดจันทร์ติง ห้องที่พวกเธออยู่เป็นคอนโด
“เมื่อคืนแกนอนดึก ฉันไม่อยากรบกวน แกโทรมา ฉันก็โทรกลับมาแล้วนี่ไง เจอกันที่บ้านนะ”
“ไม่ต้องหรอก” เสียงเธออ่อนลง “แกอยู่ดูมิกิเถอะ ฉันจะไปคนเดียว..แค่นี้นะ” อย่างน้อยเขาก็ยังนึกเป็นห่วงเธอบ้าง ชิดจันทร์ก็พอคลายโกรธ
“ฉันจะไป”ปรินทร์รีบพูดก่อนชิดจันทร์จะชิงวางสายเสียก่อน “ แกรอนะ ฉันจะไม่ขับรถไป ขากลับจะได้กลับด้วยกันไง เข้าใจนะ..”
ชิดจันทร์หน้ายุ่ง เธอถอนหายใจ ก่อนวางสาย แล้วต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมือใครไม่รู้จับอยู่ที่ไหล่เธอ เสียงหัวเราะคิกคักคุ้นๆ เมื่อหันหลังไปก็พบมิกิยืนหัวเราะอยู่
“ขวัญอ่อนจังนะ”
“เฮ้อ เธอนี่มัน ฉันหัวใจจะวายตายรู้ไหม ที่หลังอย่ามาเงียบๆอีก” ชิดจันทร์โวยวายยกมือทาบอก ก่อนจะเอ๊ะใจ
“เมื่อกี้ไอ้กอล์ฟมันโทรมาบอกว่าเธอเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่หรอ..แล้ว แล้วมาอยู่นี่ได้ไงอะ”
“จะไปไหนกันหรอคะ” มิกิไม่ตอบ แต่กับถามกลับ เธอได้ยินที่ชิดจันทร์พูดโทรศัพท์เมื่อกี้
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ..” ชิดจันทร์เมินหน้าหนีเมื่อคิดว่าจะไปไหนกับปรินทร์ แล้วตัวต้นเหตุที่ทำให้โครงการล้ม ก็มายืนเสนอหน้า ให้เธอเจ็บใจอยู่นี่ ชิดจันทร์หยิบกุญแจรถจากกระเป๋าถือ กดเปิดอัตโนมัติ แล้วเดินสองสามก้าวก็ถึงรถยนต์ของเธอ เธอก้าวขึ้นรถ ขณะที่มิกิที่ไม่รู้ว่าเดินอ้อมมาขึ้นรถด้วยตั้งแต่เมื่อไร ก็ปิดประตูรถเกือบจะพร้อมๆกับชิดจันทร์ ชิดจันทร์หันมองคนที่นั่งด้านข้างคนขับหน้าหวอ ปนละเหี่ยใจ
“ฉันนะทำบุญมาด้วยอะไรน่ะ ถึงมีแต่ผู้ชายดีๆอยู่รอบตัวไปหมด” ไม่ทันที่ชิดจันทร์จะเอ่ยปาก มิกิก็ชิงพูดสิ่งที่อยากพูดเสียก่อน โดยไม่สนใจว่าเจ้าของรถจะรู้สึกอย่างไร ชิดจันทร์ได้แต่นั่งอึ่ง พูดไม่ออก งงกับคำพูดแปลกๆของแขกที่ไม่ได้เชิญ
“พี่” มิกิเรียกชิดจันทร์ “จะทำยังไงดีละ..ถ้ามีคนมาขอแต่งาน”
ชิดจันทร์มองหน้าบ๊องแบ๊วของมิกิ รู้สึกอยากจะถีบยัยแบ๊วลวงโลกนี่ออกจากรถของเธอซะ
ไอ้บ้า แกไปขอมันตอนไหนนะ แกเพิ่งบอกฉันเมื่อคืนก่อน แล้วเมื่อคืนแกก็อยู่กับฉันจนดึก..หรือว่า แกขอมันก่อนจะมาปรึกษาฉัน ไอ้เพื่อนทรยศ..
ชิดจันทร์คิดอะไรในใจ มิกิที่เฝ้ามองอดสงสัยไม่ได้ เพราะท่าทางประหลาด กับสีหน้าที่บูดเบี้ยวชวนตลกปนน่ากลัวของชิดจันทร์ ก็เป็นเหตุให้มิกิอดสงสัยไม่ได้
“คิดอะไรอยู่คะ ..พี่ก็รู้อยู่แล้วนิ ว่าสักวันพี่กอล์ฟก็ต้องขอมิกิแต่งงานเข้าสักวัน” มิกิถาม แต่ก็อดแหย่คนที่ไม่แสดงตัวว่าแอบหลงรักเพื่อนตัวเอง ที่ตอนนี้ก็เป็นแฟนคนอื่นไปแล้วด้วยไม่ได้
“ถ้าเป็นหมา เป็นหมี ค่อยมาปรึกษา แต่ถ้ายังเป็นคนมาขอก็ปกติ จะมาถามทำมัย” ชิดจันทร์กัดฟันตอบเสียงยัวะ อดเจ็บใจไม่ได้ที่มิกิอ่านใจเธอได้
“ฮะๆๆ มิกิมาหาไม่ผิดคนเลย ..พี่” มิกิเสียงอ้อนพร้อมคล้องแขนอย่างประจบขอไปด้วย แม้จะไม่รู้ว่าชิดจันทร์จะไปไหน แต่เวลาแบบนี้ มิกิอยากคุยกับชิดจันทร์คนเดียว ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจเพราะชิดจันทร์ไม่เอาใจเธอ ไม่เข้าข้างเธอจนเกินไปเหมือนคนอื่นๆที่มักจะพูดอวยเธอด้วย เพราะเธอเป็น มิกิดาราดัง ทุกครั้งที่มาปรึกษา อย่างตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ความตรง และจริงใจของชิดจันทร์ทำให้มิกิผ่านปัญหาที่คิดไม่ตกไปได้
“เวลาคิดอะไรไม่ออก ฉันอยากคุยแต่กับพี่จันทร์คนเดียว”
ชิดจันทร์สะบัดแขนออก
“ไม่ต้องมาเสียงอ้อน ฉันไม่ใช่ไอ้กอล์ฟนะจะได้อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ เวลาเธออ้อนขออะไร”
“ฮะๆๆ พี่จันทร์ก็ลองทำดูบ้างซิคะ เผื่อจะได้อย่างที่ใจคิด”
ชิดจันทร์เหลือบมองคนข้างๆ พรางในใจก็คิดตามว่าน่าลองดูสักครั้ง แต่แล้วก็สะบัดหัวไปมาแรงๆ อย่างกับจะเอาความคิดที่ไม่เข้าท่าของตัวเองออกไปจากหัว มิกิเห็นเข้าก็ขำ เมื่อคิดตามว่าถ้าชิดจันทร์ทำท่าทางอ้อนปรินทร์อย่างที่เธอทำบ้าง ก็คงแปลกๆหรือออกตลกโปกฮาเสียมากกว่า ด้วยบุคลิกที่ห้าวๆของชิดจันทร์คงไม่เหมาะ
“คิดอะไร..ขำอะไร” ชิดจันทร์ถามเสียงห้วน เมื่อมิกิทำอย่างกับว่าเธอรู้ว่าชิดจันทร์กำลังคิดอ้อนปรินทร์อย่างที่มิกิแนะนำ
“คิดอย่างพี่อยู่นะแหละ แล้วก็ขำพี่ด้วย” มิกิลอยหน้าตอบอย่างน่าเอ็นดู
“เธอนี่มันกวนประสาทฉันจริงเลย” ว่าแล้วชิดจันทร์ก็ออกรถ
ความคิดเห็น