ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วนลดา…มรรคาแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : คู่หมั้น- พิกซี่ มอปส์

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 54


    - พิกซี่ มอปส์ (Pixie Mops หรือ Linearis Petrophile ) ออกดอกเป็นกลุ่มสีชมพู อาจมีทั้งสีขาว ครีม และเหลือง เป็นไม้พุ่ม ต้นสูงประมาณหนึ่งเมตร ใบแคบและแบน ขนาดดอกกว้างหนึ่งเซนติเมตร ออกดอกช่วงสิงหาคมถึงธันวาคม

    ความรักของสองหนุ่มสาวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากไม่มีอะไรเกินเลย เพราะว่าพอลพยายามหักห้ามใจตนอย่างที่สุดด้วยต้องการถนอมชื่อเสียงของเด็กสาว

    แม้ยังไม่ได้คุยกันอย่างเป็นเรื่องราวถึงอนาคต หากพอลก็ใช้เวลาศึกษาข้อมูลจากกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองหรืออิมมิเกรชั่นเรื่องการยื่นขอวีซ่าเข้าออสเตรเลียสำหรับเด็กสาว ทั้งในฐานะดีแฟคโต้และคู่สมรส

    เขาไม่ได้ปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจากนุชจรีและกวี และยังไปมาหาสู่กับทั้งคู่ แม้จะสังเกตเห็นรอยร้าวในความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยา หากเขาถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่โดยจะไม่ไปก้าวก่าย

    กวีขอให้เขาเป็นผู้บรรยายร่วมในการประชุมวิชาการของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ที่พัทยาในอีกสองอาทิตย์ ซึ่งเขาก็ไม่ขัดข้องแม้เวลาจะกระชั้นมาก ผลพลอยได้เพื่อจะได้ไปหาคุณยายดวงจันทร์ผู้เป็นแม่ของแม่เลี้ยง กับนัดพบพรมาตาที่กรุงเทพ

    เมื่อเด็กสาวสอบเสร็จ พอลขับรถไปส่งเธอที่สนามบิน

    “เราอาจได้เจอกันที่กรุงเทพนะครับ ผมคงต้องไปบรรยายที่พัทยา” พอลบอกเด็กสาวก่อนจากกัน

    เย็นนั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากนุชจรี

    “พอลจะไปพัทยากับหมอใช่ไหม จะแวะหาคุณย่ากับพ่อหรือเปล่า”

    “แวะซิ ต้องไปค้างกับคุณยายกับคุณลุงด้วย ไม่งั้นโดนบ่นแน่”

    คุณดวงจันทร์นั้นมีลูกสาวคนเดียวคือมณฑิรา และมีลูกชายอีกคนคือพันทวีนักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นพ่อของนุชจรี ทั้งคู่ให้ความรักและสนิทสนมกับพอลดังเป็นลูกหลาน เพราะเด็กชายพอลตอนอายุเพียงเก้าปีนั้นเคยช่วยชีวิตนักศึกษาปริญญาโทสาวชาวไทยผู้ทำงานพิเศษเป็นพี่เลี้ยงให้เขา โดยการโทรตามรถพยาบาลยามเธอหมดสติ และได้รับการช่วยชีวิตได้อย่างทันท่วงที จนภายหลังเธอผู้นั้นได้แต่งงานกับพ่อของเขา และเลี้ยงดูพอลดังลูกแท้ๆ ของตน

    “งั้นนุชฝากของไปให้คุณย่ากับพ่อหน่อยนะ เต้าหู้ยี้สงขลาของโปรด ไม่หนักหรอกแพ็คอย่างดีไม่มีแตก”

    นุชจรีเงียบไปสักครู่ แล้วจึงบอกว่า

    “พอลช่วยสังเกตหมอให้นุชหน่อยน่ะ เกี่ยวกับผู้หญิงอื่นน่ะ”

    “โอเค พี่จะคอยดูแล้วรายงานเธอรู้” พอลตอบอย่างเข้าใจในสถานการณ์ของผู้ซึ่งเขารักและสนิทสนมดังน้องสาว

    สองสัปดาห์ต่อมา ที่กรุงเทพ

    พอลบินมากรุงเทพพร้อมกับกวี กวีแยกไปพักบ้านของคุณวาฑิตและกันยาพ่อแม่ตน ส่วนพอลพักอยู่กับคุณยายและคุณพันทวีผู้เป็นลุง ทั้งคู่นัดไปเจอกันที่พัทยา โดยต่างคนต่างจะขับรถไปเอง โดยพอลนั้นใช้รถของพันทวีซึ่งมีหลายคันและเต็มใจให้หลานยืม

    “หลานเคยไปเที่ยวอัมพวาหรือยังลูก” ลุงพันทวีถามขึ้นขณรับประทานอาหารเช้าตรงระเบียงซึ่งมองออกไปเห็นสวนสวย “ยังเลยครับลุง ปีก่อนที่มาพร้อมแม่ ก็ขึ้นเหนือไปถึงเชียงรายกัน”

    “งั้นบ่ายนี้ไปกับลุงไหม ไปเที่ยวตลาดน้ำยามเย็น เลยไปงานเลี้ยงตอนเย็นวันเกิดคนรู้จักกับลุงหน่อย คงไม่อยู่นาน เพราะลุงจะพาไปดูหิ่งห้อยตอนทุ่มหนึ่ง ค้างอัมพวาสักคืนลุงกับเพื่อนมีรีสอร์ตที่นั่น เอาลุงมาส่งบ้าน แล้วพอลค่อยไปพัทยาพรุ่งนี้”

    “ไปซิลูก ยายก็จะไปด้วย” คุณดวงจันทร์บอก พลางชงกาแฟให้หลานอย่างรู้ใจว่าพอลชอบกาแฟบดเองรสเข้ม ใล่น้ำผึ้งหนึ่งช้อนและนมสด

    “ได้ครับ” เขาพนมมือไหว้ก่อนเอื้อมมือรับกาแฟที่คุณยายชงให้ด้วยความขอบคุณ แม้ภาษาไทยจะไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้เขาไม่ค่อยแสดงให้ใครรู้ว่าพอจะพูดไทยได้ หากก็พอสนทนาได้รู้เรื่อง และแม่เลี้ยงก็กวดขันเรื่องกริยามารยาทแบบไทยให้ลูกชาย

    พอลพยายามโทรหาพรมาตา หากไม่ติด เขาไปอัมพวากับคุณยายดวงใจและลุงพันทวีโดยมีนายทิศคนสนิทของลุงเป็นคนขับ ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงรีสอร์ตริมน้ำของคุณลุงกับเพื่อน เข้าที่พักซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวเสร็จก็ได้เวลาตลาดเปิด ทั้งสามคนเดินชมสินค้าต่างๆ มาถึงลูกชุบ

    “ขนมนี่น้องโรสบัดชอบมากเลยครับ” พอลชี้ให้คุณยายดู ขนมสีสันสวยงามที่วางขายซึ่งน้องสาวต่างมารดาชอบ

    ประมาณเกือบหกโมงเย็น นายทิศจึงขับรถพาไปยังรีสอร์ตรริมแม่น้ำอีกแห่ง งานเลี้ยงของเจ้าของรีสอร์ตนั้นจัดขึ้นทั้งในบริเวณห้องประชุมใหญ่ และลานกว้างด้านอกอันทำเป็นซุ้มอาหารนานาชนิด เสิร์ฟไม่อั้นให้กับแขกที่ทยอยกันมา พอลรับหน้าที่ถือนาฬิกาโบราณอันเป็นของขวัญที่ผู้รับสะสม

    เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักท่านเจ้าของวันเกิด...ชายวัยเจ็ดเศษสิบผิวพรรณดี ใบหน้าและดวงตาแจ่มใส ทักทายคุณดวงจันทร์และคุณพันทวีอย่างยินดี เขาก็ยกมือไหว้ ทำให้ได้รับคำชมเชยจากคุณศิริว่า

    “หลานคุณเป็นฝรั่งแต่กริยามารมาทน่าชมจริง”

    คุณศิริรับของขวัญจากคุณพันทวีอย่างขอบคุณ กล่าวชวนว่า “เดี๋ยวเชิญไปที่ห้องประชุม ลูกหลานเขาจัดการแสดงให้ผม ชุดแรกกำลังจะเริ่มแล้ว เชิญๆ” คุณศิริพาเดินไปยังห้องประชุมด้วยตนเอง

    คุณพันทวีเริ่มออกตัวว่า

    “เราคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะจะพาหลานไปดูหิ่งห้อยตอนทุ่มหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้เขาต้องไปประชุมที่พัทยา”

    “โอ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วที่อุตสาห์แวะมา ทานอะไรสักนิดก่อนแล้วค่อยไป เอาเรือที่รสอร์ตผมก็ได้”

    “ขอบคุณครับ ผมนัดเรือไว้แล้ว แต่ต้องขอใช้ท่าน้ำของคุณด้วยนะครับ”

    ในห้องประชุมใหญ่จัดเวที ส่วนโต๊ะเก้าอี้เป็นรูปครึ่งวงกลมเป็นชั้นชั้น คุณศิริพาแขกไปนั่งยังโต๊ะใกล้เวที คุณพันทวีและคุณดวงจันทร์ทักทายแขกซึ่งนั่งอยู่ก่อนอย่างคุ้นเคย และแนะนำให้รู้จักหลานชาย โดยมีเจ้าหน้าที่รีสอร์ตนำอาหารและเครื่องดื่มมาบริการคนในโต๊ะนี้เป็นพิเศษ

    พิธีกรในงานเริ่มกล่าวเชิญแขกมาชมการแสดงซึ่งช้ากว่ากำหนดเดิมครึ่งชั่วโมง การแสดงชุดแรกคือรำอวยพรจากหลานของท่านเจ้าของงาน

    เสียงเพลงไทยเดิมเริ่มขึ้น บนเวทียกพื้นสูงมีสาวสวยในชุดไทยคู่พระนางงดงามต่างสีสี่นาง ในมือของแต่ละคนถือพานทองเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ ร่ายรำอย่างงดงามตามจังหวะเพลง แม้ว่าสาวชุดทองผู้รำออกมาเป็นคนแรกดูจะชะงักอยู่ครู่หนึ่ง คุณยายดวงจันทร์กระซิบว่า รำได้สวยสมเป็นหลานของภรรยาของคุณศิริซึ่งมีชื่อเสียงว่ารำไทยได้สวยงามมาก

    ตากล้องเริ่มทำหน้าที่จับภาพ

    นางรำนางหนึ่งซึ่งอยู่หน้าสุด สะดุดเขาอย่างจัง เพราะเธอคือ พิมมาตา...อยู่ในชุดสีทอง รำคู่กับสาวในชุดชมพู

    คุณศิริยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลื้มใจที่เห็นการอวยพรจากหลาน เอนตัวมาบอกคุณพันทวีว่า “ช่างภาพกิติมศักดิ์นั่นนะ คู่หมั้นหลานผม คนรำหน้าใส่ชุดสีทอง

    พอลจ้องเขม็งสบตากับสาวชุดทอง แล้วหันไปมองช่างภาพหนุ่ม...ชายซึ่งเขาเห็นทักเด็กสาวที่สงขลานั่นเอง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×