ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สระว่ายนํ้าแห่งความหลัง-ซิลคี่บลูออร์คิด
ซิลคี่บลูออร์คิด (Silky blue orchid) กล้วยไม้สีฟ้าปนม่วงนิดๆ ดอกออกตั้งแต่สิงหาคมถึงตุลาคม
วันรุ่งขึ้น ช่วงหนึ่งทุ่ม สระนํ้าของมหาวิทยาลัยดูจะมีคนน้อยกว่าปกติ พอล คลาร์ค ซ่อนร่างอยู่ในกางเกงว่ายนํ้าสีดำแบบเรียบ ร่างสูงใหญ่กว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเต็มไปด้วยมัดกล้ามงดงามได้สัดส่วนแบบนักกีฬาว่ายนํ้า แผงอกกำยำปกคลุมด้วยขนหยิก สีนํ้าตาลทอง น่าดูไปอีกแบบแม้จะแตกต่างจากชายเอเซียทั่วไป
หลังจากอาบนํ้าล้างตัวก่อนลงสระ เขาก็หย่อนตัวลงสระด้านนํ้าตื้น ในสระนอกเขามีผู้มาว่ายนํ้าอีกเพียงสองคน เป็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่ต่างคนต่างว่าย ผู้ซึ่งอยู่ในเลนใกล้เขาที่สุดเป็นหญิงสาว กำลังว่ายแบบฟรีสไตล์กลับมาด้านที่เขายืนอยู่ เมื่อสตรีผู้นั้นมาถึงขอบสระก็ยืนขึ้นถอดแว่นตากันนํ้าเพื่อสลัดเอานํ้าออก หันมาทางเขาตามสัญชาตญาณ แล้วก็ชะงัก
“ฮัลโหล...พบกันอีกแล้ว” พอลพูดทักเป็นภาษาอังกฤษ
“ฮัลโหล...” พรมาตาอึกอักตอบนายแพทย์หนุ่มหุ่นนายแบบกล้ามเป็นมัด แล้วก็ใส่แว่นและโผว่ายจากไป
พอลใส่แว่นกันนํ้า แล้วว่ายนํ้ากลับไปกลับมาอย่างแคล่วคล่องปราดเปรียว โดยปกติเขาจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใด หากน่าแปลก ที่ระหว่างนั้น เขารับรู้ทุกครั้งเมื่อร่างเพรียวของสาวน้อยในเลนข้าง ๆ ว่ายมาใกล้
พรมาตาตัดสินใจว่าจะขึ้นจากนํ้าเสียที เธอใช้เวลาว่ายนํ้าคลายเครียดในสระประมาณสี่สิบห้านาทีแล้ว จึงว่ายลอดเชือกกั้น ระหว่างเลนเพื่อไปขึ้นบันได ยังไม่ทันจะถึง ร่างกำยำก็ว่ายเข้ามาใกล้กั้นระหว่างเธอกับบันได
“ขอโทษ...ขอฉันผ่านหน่อยได้ไหม”
“ผมเสียใจ ขออภัย...เชิญครับ” ชายหนุ่มถอยออกห่าง แต่ก่อนที่พรมาตาจะโหนตัวเกาะบันไดขึ้นไป เขาก็เอ่ยขึ้นว่า
“ผมชื่อพอล เป็นหมอเด็กจะมาดูงานที่นี่ แล้วคุณล่ะ”
เด็กสาวเงียบไปครู่ จึงตอบว่า “ฉัน...พรมาตา เรียนพยาบาลปีสี่ เอ้อ ฉันต้องไปแล้ว ไปก่อนนะคะ” แล้วรีบขึ้นจากนํ้า โดยไม่รอฟังคำตอบจากเขา
พอลมองตามร่างงามในชุดว่ายนํ้าสีดำลายม่วงและแดงเต็มตัวแบบเรียบ สวมหมวกกันนํ้าสีดำ หากความเปียกของชุด ท่ามกลางแสงไฟกระจ่าง ทำให้เห็นรูปทรงงามสล้าง แขนขาเพรียว ผิวสีนํ้าผึ้งนวลเนียนสมส่วนได้อย่างชัดเจน ภาษาอังกฤษของเธอ อยู่ในระดับดีมาก ชัดเจนแทบไม่มีแอคเซนท์แบบคนไทยหรือเอเชียนทั่วไปเลย
เมื่ออาบนํ้าสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าถักผมเป็นเปียเสร็จ สาวน้อยก็พบว่า ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว และยืนรอเธอ อยู่ตรงทางออก
“ผมขอไปส่งนะ มันคํ่าแล้วคุณพักอยู่ที่ไหนล่ะ”
พรมาตาตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ตามธรรมดาเธอจะมากับเพื่อนสองสามคน วันนี้เธอขี่มอเตอร์ไซด์มาลําพัง เพราะยังรู้สึกเครียดเรื่องเมื่อวานจนต้องการออกกำลังกาย ในการฝึกปฏิบัติงานบนวอร์ดวันนี้ เธอพยายามเหลียวซ้ายแลขวา และระวังตัวแจไม่ยอมให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพแบบเมื่อวาน แม้นุชจรีจะมองๆ เธออยู่ แต่ก็ไม่ทำอะไรหรือใช่วาจาใดๆ ให้เด็กสาวรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้...เธอไม่อยากกลับผ่านที่เปลี่ยวคนเดียว แม้บางช่วงจะมีผู้คนจอแจก็ตาม และเขาคนนี้ก็ดูสุภาพดี
“ฉันเอามอเตอร์ไซด์มา คุณละคะ”
“ผมเดินมา” อันที่จริงเขามีทั้งรถยนต์เอาดี้หรือออดี้อย่างที่คนไทยนิยมเรียกและจักรยานยนต์ที่นุชจรีและกวีให้ไว้ใช้ หากเขาจอด ทิ้งไว้ที่ใต้ถุนตึกอพาตเมนต์อันเป็นที่พักซึ่งทางคณะแพทยศาสตร์จัดไว้ให้ เขาปฏิเสธไม่พักบ้านของนุชจรีกับกวี เหตุผลคือต้องการความ เป็นส่วนตัวและไม่อยากรบกวนสองคนนั่นมากไป
“ถ้ายังงั้นคุณจะซ้อนท้ายฉันไปก็ได้ ฉันจะไปส่งคุณก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ…ขอบคุณ ถ้าคุณสะดวก…ผมขอลงแถวที่พักของคุณดีกว่า…อยากแวะซื้อของนิดหน่อยด้วย” พอลให้เหตุผล ทั้งที่เขาไม่ได้อยากได้อะไรจากร้านค้าแถวหอพักนักศึกษา เพียงต้องการมีโอกาสพูดคุยและเห็นเธอกลับที่พักอย่างปลอดภัย
ทั้งคู่เดินไปยังบริเวณลานจอดรถด้วยกันเงียบ ๆ เด็กสาววางกระเป๋าใบใหญ่ซึ่งใส่กระเป๋าเงิน ชุดว่ายนํ้าและผ้าเช็ดตัวไว้ในตะกร้า หน้ารถ ขึ้นนั่งรถสตาร์ทเครื่อง เมื่อเครื่องติดพอลก็สะพายกระเป๋าของเขาบนบ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายโดยจับด้านหลังเบาะ
ขณะไปยังที่พักของเด็กสาวซึ่งเป็นหอพักนักศึกษารวมกันหลายคณะอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มทำลายความเงียบ โดยถามว่า “คุณมาว่ายนํ้าบ่อยไหม”
“ก็แล้วแต่ว่า ช่วงไหนว่าง” เด็กสาวตอบอย่างถนอมปากถนอมคำ ไอตัวจากร่างชายหนุ่มผ่าววาบดูด้านหลังของเรือนกาย ทำให้รู้สึกขัดเขินบอกไม่ถูก มือไม้แขนขา ดูเกะกะไปหมด ดีที่ยังมีสติบังคับรถ
พอลเองก็รู้สึกแปลก ๆ กึ่งตื่นเต้นกึ่งวาบหวาม เวลาอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ที่เจอกันได้แค่วันเดียว เขาเคยมีแฟนมาแล้วสองสามคน คนหนึ่งถึงขั้นอยู่ร่วมบ้านแบบดีแฟคโต้ด้วยซํ้า แต่จำไม่ได้ว่าเคยรู้สึกแบบนี้กับใคร ทั้งที่เขาไม่แน่ใจในตัวเธอนักว่าเธอมีอะไรกับกวีหรือเปล่า
“คุณหิวหรือเปล่า เราแวะหาอะไรกินกันก่อนไหม” พอลถาม
“ฉันกินรองท้องมาบ้างแล้วก่อนมา ยังไม่อยากกินอะไรอีกขอบคุณค่ะ” พรมาตาตอบ โดย่ไม่ได้หันมามองหน้าเขา
“พรุ่งนี้เย็น คุณไปว่ายนํ้าอีกไหม” ชายหนุ่มถามอย่างหยั่งเชิง
“เอ้อ ต้องดูก่อนค่ะ” เด็กสาวตอบสั้น ๆ อย่างแบ่งรับแบ่งสู้ พอดีถึงหน้าร้านค้าบริเวณใกล้หอพักของเธอ เธอจึงจอดรถส่งพอลลง
ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณ และเอ่ยลาว่า "Bye for now"
เด็กสาวกล่าวลาแล้วรีบสตาร์ทรถขับไปยังที่จอดรถของหอพักอันอยู่ไม่ไกลนัก รู้สึกเขินเมื่อมีความรู้สึกว่าตน และหนุ่มหน้าฝรั่งตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่อยู่แถวนั้น
ส่วนพอลรอดูจนเธอลับตาจึงเดินแวะไปซื้อของนิดหน่อยจากร้านค้า แล้วเดินกลับไปยังอพาร์ทเมนต์ของคณะแพทย์ซึ่งอยุู่ห่างไป ราว 500 เมตร
เด็กสาวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดนอนแบบปาจามาสีชมพูหวานติดลูกไม้ละเอียด ฝีมือเนี๊ยบจากช่างตัดเสื้อประจำตัว...มารตี มารดาของเธอซึ่งเป็นเจ้าห้องห้องเสื้อชั้นนำ กำลังแปรงผมอยู่หน้ากระจก ขณะที่ปานใจเพื่อนร่วมห้องซึ่งเรียนอยู่ คณะวิทยาศาสตร์ เดินเข้ามาพร้อมกับฝรั่งผลโตถุงใหญ่
“ไงจ๊ะได้ข่าวว่ามีหนุ่มหล่อซ้อนท้าย” ปานใจแซ่วเพื่อน “อย่าเพิ่งนอนนะ กินฝรั่งกันก่อน” ปานใจ เด็กสาวร่างเล็ก ผิวคลํ้าหากเนียนใสหน้าตาคมเข้มแบบชาวใต้ทำหน้าล้อ เน้นคำเมื่อเอ่ยถึงฝรั่ง
“บ้า เธอนี่” พรมาตาพูดแกมหัวเราะ แล้วเอาริบบิ้นผูกผมปาเพื่อนด้วยความเขิน
“ใครน่ะ รายนี้ ไม่ใช่แบบอาจารย์หมอกวีนะ” ปานใจเจาะฝรั่งใส่จานส่งให้เพื่อนพร้อมพริกกะเกลือ
เมื่อลงจากวอร์ดเมื่อวาน พรมาตาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสนิทซึ่งอยู่ร่วมห้องฟังด้วยความกลุ้มใจ เพื่อนร่วมห้องของเธอ นอกจากปานใจ ก็ยังมีอรชานักศึกษาแพทย์ กับสุนทราซึ่งอยู่คณะศิลปศาสตร์ เพื่อนๆ ช่วยกันปลอบใจและแสดงความไม่พอใจ ในความขี้หลีของอาจารย์หนุ่ม
“รายนี้ แกอยากรู้ไปทำไมเหรอ” พรมาตาทำไก๋ ส่งฝรั่งเข้าปาก
“เออ ฉันยังไม่รู้หรอกแต่รับรองพรุ่งนี้รู้แน่ ฝรั่งแถวนี้มีนับคนได้ ไม่เป็นอาจารย์ภาควิชาภาษาต่างประเทศก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือมาดูงานอะไรสักอย่าง หาจากแหล่งข้อมูลไม่ยาก” แหล่งข้อมูลที่ปานใจเอ่ยถึงก็คือปานจิตพี่สาวซึ่งอยู่ฝ่ายบุคลากร สำนักงาน อธิการบดีของมหาวิทยาลัย
“เขาเป็นหมอเด็กชื่อพอล” เด็กสาวอ้อมแอ้มบอกเพื่อน แล้วเปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องการสอบปลายภาค ที่จะมาไม่ถึงสามสัปดาห์ ข้างหน้าแทน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น