[ฟิคบารามอส] ลับเฉพาะแผน(ป้องกัน)การขโมยเจ้าชาย - [ฟิคบารามอส] ลับเฉพาะแผน(ป้องกัน)การขโมยเจ้าชาย นิยาย [ฟิคบารามอส] ลับเฉพาะแผน(ป้องกัน)การขโมยเจ้าชาย : Dek-D.com - Writer

    [ฟิคบารามอส] ลับเฉพาะแผน(ป้องกัน)การขโมยเจ้าชาย

    ถ้าแกอยากอยู่กับฉันก็ต้องขโมยเจ้าชายให้ได้ ไม่งั้นเราตัดพ่อตัดลูก!-มาดัส เดอเบอโรว์ เอ่ยอย่างเป็นต่อ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,800

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.8K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.ย. 50 / 18:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                          "รุก!"

                          "ใจเย็นน่า"เสียงหนึ่งเอ่ยยิ้มๆ ขณะเลื่อนคิงไปอีกช่อง

                          "รุก!" เสียงหวานยังไม่ยอมแพ้

                          "รุกฆาต" ดวงหน้าของชายหนุ่มที่ออกจะติดหวานๆนิดถูกประดับไปด้วยรอยยิ้ม

                          "โธ่! แพ้ซะแล้ว ก็คุณพี่เล่น เล่นเก่งซะขนาดนั้นนี่คะ" สาวน้อยในชุดสีทองอร่ามกล่าวยอมแพ้

                          "ใช่แพ้แล้วเพราะฉะนั้นคืนนี้…" น้ำเสียงเจ้าชู้ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูปเยี่ยงหญิงแต่ตอนนี้เขาคือผู้ชาย สาวน้อยน่ารักเข้าใจคำพูด ก็เกาะแขนข้างหนึ่งของคนชนะขณะที่มืออีกข้างแตะไปที่ริมฝีปากสีแดงยั่วยวนชวนหลงเสน่ห์

                          ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะ

                          ไอ้น้ำแข็งหน้าโง่(เรื่องหมากรุกนั่น) สมน้ำหน้าใครล่ะใช้ให้มันมาพนันหมากรุกกับเธอ ผลน่ะเหรอ คนเก่งอย่างเธอชนะเป็นธรรมดา ส่วนข้อแลกเปลี่ยน เธอชนะ ได้แปลงเป็นชายแน่นอนว่ามันเป็นคนร่ายเวทย์ให้ เธอแพ้ จะต้องไม่ดื้อไม่ซน บังคับปากให้อยู่สุข ไม่วุ่นวาย ไม่เอาแต่นอน ไม่ทำอะไรที่ไม่สมหญิง ไม่กินมูมมาม และอื่นๆอีกมากมาย

                          ขอบอกคำเดียวว่า

                          มันโง่!

                          คนอื่นอาจจะคิดว่าเธอโง่เพราะข้อเสนอนี่เธอเสียเปรียบเป็นเห็นๆ แต่ยังไงเธอก็ชนะอย่างไม่มีเปอร์เซนต์เสี่ยง ถึงมีเธอก็กล้าพอที่จะเสี่ยงอยู่แล้ว

                          แต่แล้วความคิดเป็นอันต้องชะงักเมื่อเสียงคุ้นหูดังมาจากโต๊ะข้างๆ

                          "รุกฆาต!"

                          "แพ้แล้วสิเนี่ย" เสียงเจ้าเสน่ห์ฟังดูดึงดูดถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีแดงฉานยั่วยวน

                          "อย่าลืมนะว่า ฟรี"

                          "ได้ทุกเมื่อค่ะ"

                          วิธีหาของฟรีแบบนี้

                          หัวล้านๆแบบนี้

                          เสียงกะล่อนแก่ๆแบบนี้

                          "พ่อ!" เฟรินตะโกนสุดเสียงขณะที่ทุกคนในบาร์หันมามอง แต่หนุ่มน้อยไม่สนใจ สาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนเอ่ยเชิงไม่พอใจ "ไหนว่าไปเกาะสวรรค์แดนใต้"

                          "แกเป็นใครฉันไม่รู้จัก" มาดัสแกล้งทำไม่สน

                          "จริงด้วยพ่อหนู อยู่ดีๆพูดอะไรน่ะ" เสียงทรงเสน่ห์เอ่ย

                          "เงียบไปเลยป้า" เฟรินเอ่ยอย่างขอไปทีแต่แทงใจดำป้าคนที่ว่าดังฉึก และก่อนที่ป้าคนนั้นจะด่ากลับเจ้าก็ชิงพูด "มาดัส เดอเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟ บารามอส ทำไมฉันจะไม่รู้จัก"

                          "ก็ฉันมันดังนี่นา แกรู้จักฉันก็ไม่แปลก" คนดังแกล้งพูดไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าตอนนี้อีกก้าวเดียวก็จะตกหลุมที่หนุ่มน้อยหน้าหวานตรงหน้าขุดไว้

                          "นั่นสิก็นิ้วก้อยตัวเองถูกประจานไว้กับก้อนหินในแดนเดมอสพร้อมประกาศชื่อเสร็จสรรพนี่นา"

                          "แกรู้เรื่องนี้ได้ไงเฟริน!" นัยน์ตาสีน้ำตาลของคนตกหลุมไปเรียบร้อยเบิกกว้างก่อนเปลี่ยนเป็นไม่พอใจเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ย

                          "แกรู้เรื่องนี้ได้ไงเฟริน…" คนกะล่อนแกล้งลากเสียงยาวยิ่งกว่าแม่น้ำเลทิส ก่อนมาดัสจะถอนใจเมื่อรู้ว่าหมดท่า

                          "ก็ได้เฟริน" ก่อนจะรีบเอ่ยปลีกตัว "แต่ฉันไม่ว่าง" ไม่ว่าเปล่าดึงป้าสุดสวยเข้ามาเป็นหลัดฐาน ดวงหน้าหวานของป้าได้ทีเอาคืนก็ยิ้มเยาะใส่

                          "คุณพี่ก็ไม่ว่างนี่คะ" เสียงใสๆหวานๆของสาวน้อยคนเดิมพร้อมเข้ามาเกาะแขน แต่ด้วยความตกใจมือก็สะบัดไปโดยอัตโนมัติ ทำเอาสาวน้อยแสนสำออยปลิวไปกระแทกกำแพง

                          ปุ้ง!

                          ควันสีขาวคลุ้งไปทั่ว อย่างไม่ทันตั้งตัวพลันควันหายไปก็มีสาวน้อยมาปรากฏแทนที่เด็กหนุ่ม คนสำออยรีบหลบฉากไปอย่างเสียหน้าขณะที่ร่างที่ถูกเปลี่ยนสบถเบาๆ

                          "ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า…"

                     "ไม่เจอ"

                          โรเอ่ยเนิบๆ

                          "ทางนี้ก็ไม่ ทางนายล่ะคาโล" คิลพูดขึ้นบ้าง

                          "ไม่" คำตอบสั้นตามมาดของไอ้น้ำแข็งงี่เง่า ขณะที่คิลนึกขำในใจ

                          รู้นิสัยเฟรินอยู่ว่า พอได้เป็นชายมันต้องต้องเผ่นไปโน่นนี่ และในที่สุดก้อนน้ำแข็งเดินได้ก็ทนไม่ได้ใช้ไม้แข็งคลายเวทย์ซะสิ้นเรื่องพลางลงมติกันว่า เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแต่ก็ไม่วายต้องออกตามหากันอยู่ดี ด้วยความร้อนอกร้อนใจว่ามันจะไม่กลับแต่แอบหนีเรียนไปเที่ยวถึงจะในร่างหญิงก็เถอะ ป้อมก็เลยส่งตัวแทนสามคนออกตามหา หนึ่งเจ้าชาย หนึ่งยาจก ไม่ใช่สิ ขอทาน และหนึ่งนักฆ่า

                          "อืมฉันว่านะถ้าฉันเป็นเฟริน ฉันจะ…" โรเอ่ยวิเคราะห์แต่ไม่ยอมพูด

                          รู้อยู่ว่าไอ้หมอนี่มันชอบให้คนอื่นถามให้เสียฟอร์ม

                          ถ้าถามจะกลายเป็นยอมรับว่ามันรู้จักเฟรินดีกว่าพวกเขาซึ่งแน่นอนว่าเจ้าชายจอมทะนงตัวนี่ย่อมไม่ปริปากถามให้เสียศักดิ์ศรี

                          เพราะฉะนั้นคนถามก็ต้องเป็นเขา แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปแข่งกันทำไมไอ้เรื่องพรรณนั้น เรืองที่ใครรู้จักเฟรินดีกว่ากันไร้สาระ

                          "นายจะทำไม" คิลถามไม่แคร์

                          "ไปที่นี่" โรตอบสั้นพลางชี้ไปที่ป้ายบาร์แห่งหนึ่ง คาโลและคิลชะงักกึก ก่อนเสียงออกคำสั่งจะดังจากคนชอบออกคำสั่ง

                          "โรนายไปหาทิศใต้ของเอดินเบิร์ก คิลตะวันออก ฉันจะไปเหนือเอง"

                          ส่วนที่ๆเฟรินอยู่ขณะนี้

                          ไม่สิเคยอยู่

                          บาร์เล็กๆที่ขนาดห้องสมุดเคลื่อนที่ก็ไม่รู้จัก รู้จักกันแค่คนแถบนั้น และตระกูลเดอเบอโรว์

                          บาร์ทางทิศตะวันตกของเอดินเบิร์ก

                          "แกจะไปไหนก็ไปสิ"

                          เสียงบ่นตัดรำคาญจากมาดัส เดอเบอโรว์ ผู้อารมณ์เสียเป็นที่สุดในขณะนี้

                          หลังจากเธอกลายเป็นผู้หญิง ป้าคนนั้นเลยเปิดทางให้เพราะคิดว่า เป็นผู้หญิงของพ่อ ให้ไปเคลียกันเอง แต่เคลียกันในร้านก็ออกจะไร้มารยาทไปนิดเลยต้องระเห็จมาเคลียกันข้างนอก

                          "พ่อจะไปไหนฉันก็ไปที่นั่นบอกเลยว่าอย่าคิดหนี ถ้าคิดหนีก็คิดดูว่าจะหนีตีนตุ๊กแกฉันพ้นมั๊ย"

                          "แกจะตามฉันไปทำไม"

                          "บอกเลยว่าแผนเดิมใช้ไม่ได้" เฟรินตอบนอกคำถาม คนอารมณ์เสียถอนหายใจ ก่อนความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นมารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนดวงหน้า

                          "ถ้าแกอยากอยู่กับฉัน แกก็ต้องช่วยให้ฉันขโมยเจ้าชายให้ได้" มาดัสเอ่ยอย่างเป็นต่อ ทิ้งให้คนถูกสั่งให้ช่วยอ้าปากค้างก่อนหุบ

                          "ได้งั้นเอาเจ้าชายอาเธอร์แห่งซาเรส"

                          "ไม่คุ้ม รายนั้นเค้าออกไปแล้ว แถมซาเรสประเทศเล็กนิดเดียว จับไปก็เรียกอะไรไม่ได้ ไมาคุ้ม ไม่คุ้ม" มาดัสเอ่ยเชิงบ่นขณะที่เฟรินตบมือแปะ

                          "นั่นสิเพราะฉะนั้นเปลี่ยนเป็นขโมยอย่างอื่นแทน"

                          "ไม่" มาดัสค้านเฟรินยิ้มหุบทันที "ฉันไม่ได้ให้แกเลือกนะ ไม่เอาเจ้าชายคาโนวาลก็เห็นแก่แกแค่ไหนแล้ว" ดวงหน้าขาวเริ่มขึ้นสีเรื่อ "ทริสทอร์ก็ดี…"

                          "ไม่พ่อ! ทริสทอร์ไม่ได้!" เจ้าหญิงหัวขโมยค้านขวับ

                          ลองขโมยหมอนั่นดูสิไม่เธอก็พ่อได้โดนพลังมันซัดกระเด็นแทน

                          มาดัสมุ่นคิ้วขึ้น

                          "แกนี่เรื่องมากงั้น กิลดิเรก เมืองอันดับหนึ่งในเกรดสองหรือก็อันดับห้าในทั้งหมด แร่ธาตุอุดม เงินในครั้งก็มีมาก เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่…"

                          "ได้พ่อ" เฟรินตัดสินใจแทนผู้เป็นพ่อ ก็เธอยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นใครแล้วมีหรือที่พ่อเธอจะรู้ "แต่ฉันไม่รู้นะพ่อ ว่ามันเป็นใคร"

                          "ฉันรู้" คำตอบที่เรียกสีเลือดให้ลงจากดวงหน้าขาวเลยกลายเป็นซีด "ผมสีเงินผิวขาวตาสีฟ้าเก่งทางดาบใช้ฉายาเป็นนักบวช…"

                          เท่านั้นคำตอบก็ผุดขึ้นมาบนดวงหน้าซีดพร้อมกับมาดัสเอ่ยสรุป

                          "กัส โทนีย่า เดอะพรีท ออฟ กิลดิเรก"


                          "เฮ้อ…"

                          "นี่ๆแล้วคิล คาโล โรยังไม่กลับมาอีกเหรอ" เสียงหวานกระซิบพลางเหลือบไปทางร่างบางที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะพลางถอนใจ

                          "ไม่รู้ว่าไปหากันถึงไหนจะให้ไปตามเดียวก็หลงกันอีก พวกนั้นถ้าหาไม่เจอก็คงไม่กลับหรอก ยกเว้น…" ไม่ทันขาดคำกระซิบตอบมาทิลด้าประตูก็เปิดโครมพร้อมด้วยร่างของทายาทแห่งตระกูลฟีลมัส "หมอนี่" เจ้าหญิงแห่งอเมซอนเอ่ยจบประโยค

                          เท่าที่ดูมาหมอนี่เคยทำอะไรที่ไม่ได้เงินด้วยรึก็คงเคยเพราะสาวน้อยที่นั่งถอนใจอยู่นี่ล่ะมั้ง

                          แต่ดูเหมือนเธอจะคาดการณ์ผิดเมื่อมีอีกสองหนุ่มเดินตามเข้ามาด้วย พร้อมกับรูปถ่ายเจ้าหญิงแห่งเดมอสในมือ

                          "ทำไมใช้วิธีโบราณจัง" เสียงหวานเอ่ยพึมพำ

                          "มาทิลด้า หมอนี่ที่ว่ารวมโรกับคาโลด้วยรึเปล่า" แองเจลีน่ากระซิบประชด

                          หัวขโมยแห่งบารามอสกลับมาที่นี่ได้สามชั่วโมงแล้วแต่เพื่อนสามคนกลับมองหากันวุ่นทั่วเอดินเบิร์กแถมวิธีที่ใช้ยังหาเจอก็บุญแล้วน่ะนะ

                          แล้วเพื่อนสามคนที่ว่าก็ค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาแต่หัวขโมยคนที่ว่ากลับยังนิ่งจนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น

                          "เฟริน"

                          "ว๊าก! เปล่านะฉันไม่ได้วางแผนจะทำอะไรเลย! เปล่านะไม่ใช่ไม่ได้วางไม่ได้จะขโมยอะไรจริงๆ!" เฟรินสะดุ้งโหยงแก้ตัวไปปาวๆโดยไม่ได้ดูเนื้อความที่ประกาศออกมาสักนิด ปีสามทุกคนเลิกคิ้วขึ้น

                          "ขโมย?" เสียงเปรยอย่างสงสัยจากทุกคนที่เริ่มเดินล้อมเป็นวงเข้ามา

                          "นายจะขโมยอะไรหึ เฟริน" กัสคนพูดยากยังสงสัย เฟรินมองหน้ากัสด้วยดวงหน้าซีดเผือดกว่าเดิมก่อนรวบรวมสติท่องมนต์ที่อ่านมาจากหนังสือเวทมนต์ของเดมอสมั่วๆ

                          "เทพแห่งหายนะจงมอบพลังแก่ข้า เหล่ามนุษย์เอเดนจงกรีดร้องระงมด้วยความเจ็บ จงทุรนทุรายด้วยความปวด จงลืม!"

                          มันเป็นเวทย์ลบความจำ

                          ควันสีดำคละคลุ้งกลิ่นเหม็นฉุน เสียงกรีดร้องของปีสามดังไประงม ทั้งหนุ่มน้อยสาวน้อยดิ้นทุรนทุราย กระเ สือกกระสนกับพื้นก่อนควันจะจางหายไป ทิ้งเหลือไว้แต่ร่างบนพื้นของทุกคนยกเว้น

                          คนร่ายเวทย์ที่วิ่งกลับเข้าห้อง

                          "ฮ้าว…"

                          เสียงหาวไม่ปิดปากจากชายหนุ่มหญิงสาว ก่อนทั้งหมดจะลุกขึ้นแล้วเดินไปอย่างไร้วิญญาณ รอบกายมีควันสีดำรายล้อมจนกระทั่งแยกย้ายกันไปจุดหนึ่งควันจึงจางหาย

                          "คาโล เดี๋ยวนายไปบอกพวกที่ไปฝึกฟันดาบนะ ส่วนฉันจะบอกพวกที่ไปฝึกเวทมนต์"

                          "อือ" เสียงตอบรับอย่างว่าง่าย

                          "อ้อใช่ ไปบอกพวกที่ห้องสมุดด้วยเดี๋ยวที่เล่นหมากรุกฉันบอกให้"

                          "อือ"

                          "แล้วบอกเฟรินที่ป่วยอยู่ในห้องด้วยล่ะ"

                          "อือ"

                          "จ้าวแห่งแสงสว่าง…"

                          "ไม่ใช่ครี้ด เวทย์มันแค่จ้าวแห่งแสง เดี๋ยวแสงสว่างนายก็ทำได้แค่แสงไฟหรอก" แม่มดแห่งวิทช์เอ่ยมือเท้าสะเอวอย่างเจ้ากี้เจ้าการ

                          "ว๊าย! คุณคิลทำไมทำอย่างนั้นล่ะคะสนามเป็นรูหมด" เสียงกรีดร้องจากเจ้าหญิงคนงาม

                          "ก็ให้ใช้เวทย์ปลูกต้นไม้ไม่ใช่เหรอก็เลยขุดหลุมให้" นักฆ่าแห่งซาเรสตอบประสาแกล้งซื่อ เพื่อนหลายคนหัวเราะคิกกับมุขจีบสาวประหลาดๆ ขณะที่เรนอนมุ่นคิ้วขึ้น

                          "โธ่แล้วเรียกสายฟ้ามาขุดหลุมให้นี่ไม่เกินไปหน่อยรึคะ"

                          "โรครับตรงนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจ"

                          "เรื่องนี้มันเป็นความคิดเห็นของคนแต่งหนังสือน่ะนายไปต้องไปทำความเข้าใจหรอก หนังสือเล่มนี้ไม่ค่อยดีนายลองไปหาเล่มอื่นอ่านดูดีกว่า" โรตอบช้าๆชัดๆให้ได้ยินถนัด

                          "นี่โรตระกูลวอ์ริเออร์นี่มีเดอเบอโรว์ด้วยรึเปล่า" เอ็ดเวิร์ดเปรยนอกเรื่อง

                          "มีสิแต่มันก็นานมาแล้วนะ"

                          "แล้วตระกูลทีฟล่ะ" หนุ่มแว่นถามกวน แต่กลับถูกตัดบทจากคนข้างๆเจ้าของเส้นผมสีเงิน

                          "ที่นี่ห้องสมุด ห้ามส่งเสียงดัง"

                          "ย้าก!"

                          "จ้าก!"

                          โครม!

                          ฟึ่บ!

                          ฉัวะ!

                          "โอ๊ย!"

                          "อ๊าก!"

                          "รุก!"

                          "หืมรุก"

                          "รุก!"

                          "ขอม้า"

                          "ไม่ให้!"

                          "งั้นก็ไม่ต้องแล้ว รุกฆาต"

                          "ทำไงดีๆเวทย์นั่นมันมีผลอะไรบ้างตายแน่ไม่น่าเลยแค่ให้มันลืมที่เราพูดคงไม่ใช่ความจำเสื่อมนะ"

                          แอ๊ด

                          "ว๊าก! ขอโทษฉันผิดไปแล้วอย่าทำโทษฉันเลยนะ!" แล้วเจ้าตัวก็พล่ามยาวเหยียดอย่างไม่รู้ตัว นัยน์ตาสีฟ้าฉายรอยงุนงง

                          "เขียนผังหมากกระดานเกียรติยศให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ จะมีงานสองเดือนข้างหน้า" คาโลเอ่ย เฟรินชะงักกึก

                          "ฉันส่งให้นายไปเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว" นัยน์ตาสีน้ำตาลสบกับนัยน์ตาสีฟ้านิ่งคิ้วเข้มมุ่นขึ้น "จริงๆ นายเป็นคิง เรนอนเป็นตัวสำรอง มาทิลด้าก็ควีน คิลกับโรเป็นม้าไงจำไม่ได้เหรอเอ่อรู้สึกฉันจะจดไว้ด้วย" เฟรินว่าพลางเดินไปที่โต๊ะเปิดเก๊ะแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งให้ "อะนี่" ก่อนเจ้าตัวจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

                          หรือว่ามันลืมเรื่องสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

                          "คาโลนายจำได้ไหมที่ฉันเอาสีขาวไปทาคทาพิพากษาแกล้งผีพี่สาว" ดวงหน้าคมคายเคร่งขึ้นมาถนัดก่อนเรียกคทามาตรวจดูเพื่อความแน่ใจ และคทาทั้งด้ามเป็นสีขาว

                          มือที่จับด้ามคทาเริ่มสั่นหงึกๆ ขณะที่เฟรินเข้าใจทุกอย่างรีบโกทูเบธอย่างรวดเร็วก่อนถูกทำโทษรอบสองทิ้งให้ก้อนน้ำแข็งเดินได้เริ่มละลายด้วยไฟแห่งอารมณ์

                          "กัส!"

                          "หือม์?" กัสคำรามในลำคอ

                          "คือว่าวันนี้นายช่วยมาฝึกเวทย์มนต์ให้ฉันหน่อยสิ"

                          ยังไงแผนนี้ก็ต้องเหลวให้ได้ แกล้งทำเป็นพยายามแล้วแต่ทำไม่ได้ก็สิ้นเรื่อง

                          "นายก็ให้คาโลช่วยสอน…"

                          "คาโลติดประชุม" เฟรินสวนทันควันและก่อนที่นักบวชแห่งกิลดิเรกจะพูดอะไรต่อเฟรินก็ตัดบท "เจอกันบ่ายโมงนะ"

                          "กัส! นายจะไปไหน!"

                          "ไปสอนเวทย์มนต์ให้เฟรินน่ะ เอ็ด" นักบวชหนุ่มตอบ ขณะที่นักบวชหนุ่มอีกคนดวงหน้าตระหนก

                          "เรื่องนั้นไว้ทีหลัง! ตอนนี้เจ้าแปดเศียรของนายหายไปแล้ว! ไม่รู้มีใครแกล้งรึเปล่าไปดูที่คอกสัตว์แล้วกัน!"

                          "ฉันนัดเฟรินไว้บ่ายโมง" กัสยืนยันคำเดิมก่อนต้องถอนใจกับคำพูดต่อไปของเอ็ดเวิร์ดเพื่อนรัก

                          "สายสักสิบห้านาทีจะเป็นไรไปเล่า! อ๊ะนายไปคนเดียวนะมิสแรมเซิลเรียกฉัน"

                          "ฉันพยายามพาเค้าไปที่คอกสัตว์แล้ว แต่เค้าไม่ยอมไป"

                          เสียงหวานพึมพำ "ฉันพยายามพาเค้าไปที่คอกสัตว์แล้ว แต่เค้าไม่ยอมไป จำไว้จำไว้" เฟรินท่องก่อนจะเหลือบมองนาฬิกา "แล้วก็ต้องพูดต่อว่าแหมพ่อทำไงได้เจ้างูแปดเศียรของกัสพึ่งถูกส่งไปกิลดิเรกเพื่อฉีดยาเมื่อสัปดาห์ก่อน แล้วจะให้ฉันหาข้ออ้างอะไรให้เขาไปคอกสัตว์เดี๋ยวสัปดาห์ก่อนว๊าก! แย่แล้ว"

                          แล้วร่างบางก็รีบวิ่งแจ้นไปคอกสัตว์ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า

                          ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้ เวทย์เธอผิดพลาดทำให้พวกนั้นลืมเรื่องสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วไอ้เรื่องส่งงูแปดเศียรไปฉีดวัคซีนกันโรคงูบ้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่มันจะจำได้ไหม แล้วมันก็ต้องไปที่คอกสัตว์พอรู้ว่างูหายไปแล้วทำไมมันต้องมารู้ช่วงนี้ด้วย

                          "เฟริน ทำไมแกช้านักวะ"

                          "กัส!" เสียงหวานอุทานเมื่อร่างของเจ้าชายแห่งกิลดิเรกถูกพาดไว้บนบ่าคนเป็นพ่อแถมยังถูกมัดมือมัดเท้าผูกปากเรียบร้อย "พ่อทำได้ไง" เจ้าหญิงสองดินแดนหลุดปากถาม

                          "ไม่ยาก" ว่าพลางยักไหล่ "แค่พ่นยาสลบอย่างแรงใส่ตอนเผลอแค่นั้น"

                          "…แล้วเราจะออกไปยังไงกัน" ในที่สุดสาวน้อยก็ต้องตามน้ำ

                          "ยกกองฟางนั่นขึ้น เขี่ยทรายออกมีทางลับ"

                          "ฮ่า! พ่อทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่" หัวขโมยตัวดีถามพลางเอามือยกฟางแล้วเกลี่ยทรายออก เผยให้เห็นประตูเล็กๆ

                          "บ๊ะ! คิดว่ามีแต่แกคนเดียวเรอะที่เคยเรียนที่นี่ แล้วแกจะอึ้งรู้ไว้ซะว่าไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียว" เจ้าของหัวล้านเลี่ยนพูดอย่างทะนงตัว ส่งเจ้าชายร่างอ้อนแอ้นที่อยู่บ่นบ่าให้ลูกแบก พลางเปิดประตูขึ้นเผยให้เห็นบันไดยาว "ผูกเชือกที่ฟางไว้พอลงมาก็ดึงเชือกให้ฟางขึ้นมาปิดทับเหมือนเดิมด้วย"

                          "สุดยอด" คำชมแบบไม่ได้ตั้งใจ

                          "แล้วแกจะรู้ว่าแค่สุดยอดยังน้อยไป"

                          "อืม"

                          "พ่อมันจะตื่นแล้ว"

                          "ยังหรอก อีกสักสองชั่วโมงถึงจะหมดฤทธิ์"

                          "แต่…"

                          "ถ้าแกกังวลมากนักก็เอาไอ้นี่ใส่ปิดหน้า" ของสิ่งหนึ่งถูกยื่นให้ปัดรำคาญ เฟรินรับมาสวมเพราะมันคือหน้ากากไอ้โม่ง "พ่อ อีกไกลไหม"

                          "ไม่หรอก เดี๋ยวก็ถึงชายแดนบารามอสแล้ว"

                          "พ่อ"

                          "แกมีอะไรก็พูดออกมาให้หมดเลย รำคาญ" คนถูกเรียกหันขวับมานัยน์ตาสีน้ำตาลสบกันนิ่ง

                          "ง่าเราจะกลับบ้านไหม" มาดัสเลิกคิ้วกับคำถาม

                          "ถ้าแกบอกว่าวังบารามอสล่ะก็ไม่ แต่ถ้าบ้านโทรมๆของฉันล่ะก็มันเป็นปลายทาง มีอะไรอีกไหม"

                          "ทำแบบนี้ไม่ถูกจับเหรอ"

                          "แกก็ทำลงไปแล้วจะบ่นอะไรอีก ถ้าถูกจับก็อ้างชื่อแกก็หมดเรื่อง"

                          "แต่มันเป็นปัญหาระหว่างประเทศนะพ่อ" เฟรินตัดพ้อ

                          "ถ้าแกไม่ทำกลับไปแล้วต่อจากนี้เราไม่เกี่ยวข้องกันอีกจำไว้ฉันไม่รู้จักแกไม่ต้องเข้ามาทักไม่ต้องตามข้ามา"

                          "โธ่ไหนบอกไม่ว่าเมื่อไหร่ฉันก็เป็นลูกพ่อไง"

                          "นั่นมันแค่ลมปาก แต่ถ้าแกอยากเชื่อก็เอาไปแต่ฉันไม่เอาด้วย" มือบางกำแน่นเหงื่อซึมชื้นถึงจะรู้ว่าคนข้างหน้าแค่อยากพูดตัดรำคาญก็เถอะ

                          "…ก็ได้ฉันช่วยก็ได้…" เฟรินบ่นหงุงหงิง "พ่อจะเอาไงกับมัน"

                          "มันคงจำพวกเราได้ ก็ต้องลบความจำก่อนต่อไปก็ส่งสาส์นไปที่กิลดิเรกเรื่องข้อเสนอแล้วก็ค่อยปล่อยตัวไป" มาดัสอธิบาย

                          "ก็ได้เมื่อไหร่ล่ะ"

                          "อืม"

                          เสียงครางเบาๆจากบุรุษผู้ถูกขโมย ก่อนนัยน์ตาสีฟ้าจะต้องเบิกกว้าง

                          ที่นี่ที่ไหน!

                          แล้วยังอาการมึนหัวนี่อีกนี่เขาถูกใครลักพาตัวมาหรือไงกันตอนนี้ที่ที่เขาอยู่คงเป็นกระท่อมซ่อมซ่อกะจิดริดที่มีเตียงฝุ่นเขรอะเหมือนไม่ได้ใช้มานานนับสิบปีสองเตียงแล้วก็มีตู้เสื้อผ้ากล่องสมบัติ หิ้งเก็บของซึ่งมีเพชรนิลจินดามากมาย ซึ่งดูไม่เหมาะกับสถานที่ถ้างั้นที่นี่ก็คงเป็นซ่องโจรล่ะมั้ง

                          "….!……!"

                          เสียงอะไรน่ะไม่ค่อยเข้าหูเลย

                          "…แล้ว! เจ้าชายนั่นตื่นแล้ว!"

                          เจ้าชาย?

                          ใครกัน?

                          เขาเรอะ!

                          นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างหลังจากเรียบเรียงความคิดได้ พวกมันรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นเจ้าชายแล้วนี่ลักพาตัวเหรอ คิดอะไรโง่ๆถ้าลักพาเขาละก็ปัญหาระหว่างประเทศเชียวนะ

                          ก่อนมองหน้าคนที่ทำอะไรโง่ๆ หนึ่งตาแก่หน้าไม่คุ้นที่พึ่งเดินออกไปข้างนอก สองสาวน้อยผู้ที่มีออกตามดวงหน้าเพราะพึ่งเอาโม่งออก นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตกับผมสีเดียวกัน

                          "เออิน!" กัสอุทานทั้งที่มีผ้าปิดปาก ก่อนจะใช้ปากขมุบขมิบสะบัดไปมาให้หลุดเพราะไม่ได้มัดแน่นอะไร "เฟริน…"

                          "อ้าว กัสตื่นแล้วเหรอ" เสียงหวานขานรับ "เก่งนี่เอาผ้าออกได้"

                          "ทำไมนาย…"

                          "เงิน อำนาจ พ่อฉันมันบอกอย่างนี้ถ้าเอาตัวนายมาได้เรียกลมได้ลมเรียกได้ฝน"

                          "ฉัน?" แล้วบทสนทนาแก้ตัวของจำเลยก็เริ่มขึ้น "จะให้ฉันเสกลมเสกฝนให้ทำไมนายไม่จับตัวแองเจลีน่าไม่ก็คาโล โรก็ได้หรือไม่ก็ซีบิล"

                          "หึๆ อย่ามาพูดบ้าๆน่านายก็เข้าใจดีนี่น่า ถ้าแค่จะเสกลมเสกฝนทำไมต้องทำขนาดนี้แค่ไปจ้างนักเวทย์ทำให้ก็สิ้นเรื่อง บอกแล้วไงที่พ่อฉันต้องการคือเงินกับอำนาจ ลมฝนจะยังไงก็ช่าง"

                          "แล้วทำไมมาจับนักบวชอย่างฉันล่ะ"

                          "นาย?อ้อใช่ ก็จับ กัส เดอะพรีส มันง่ายกว่าจับ กัส เดอะปริ๊นซ์ นี่นา"

                          "ตกลงนายจับฉันมาทำไม" กัสเปรยเสียงเครียด

                          "ใครว่าฉันจับพ่อฉันต่างหาก"

                          "จ้าวปิศาจเอวิเดส?"

                          "คงงั้นมั้งนายคิดไงก็เอาเถอะ แต่ถ้าอยากถูกปล่อยล่ะก็เงียบไว้ รอคืนนี้รับรองว่านายเป็นอิสระ" เฟรินเอ่ยยิ้มเจ้าเล่ห์

                          "อย่าบอกนะว่านาย…"

                          "อย่างที่นายคิดแหละกัส"

                          ฟึ่บ!

                         ณ ยามเย็นที่ยน์ตาสีห้ามั่นใจว่าพวกเดอเบอโรว์ออกไปหมดแล้ว เชือกที่แขนและขาถูกตัดลงด้วยมีดที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อของหนุ่มน้อยนาม กัส โทนีย่า ไม่ใช่แค่นั้นยังเสกหุ่นแทนตัวเองไว้ด้วย

                          "อุ๊บ!"  มือหนึ่งกระชากเข้ามาปิดปาก

                          "ทำอะไรโง่ๆ" ว่าพลางลดมือลง

                          "ก็ไม่โง่เท่านายก็แล้วกัน"

                          "โง่? ช่วยนายนี่มันโง่มากเลยใช่ไหม? เนรคุณฉิบ" นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายรอยไม่พอใจ ขณะทีนัยน์ตาสีฟ้ายิ่งคิดหนักพยายามแปลความที่เจ้าหญิงหัวขโมยพูด

                          "ช่วย? ช่วยของนายคือการลักพาตัว จับมัด" นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายรอยสงสัยบวกกับความไม่พอใจที่กำลังพุ่งขึ้นสูงเกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์ ก่อนจะพุ่งถึงร้อยกับคำพูดต่อมา "ดีนะที่ไม่จับมัดห้อยหัวล่ามโซ่ เอาแส้เฆี่ยน"

                          "โว้ย! แกจะเอาอะไรกันนักหนา ฉันไม่ใช่พวกซาดิส! ถ้าแกอยากได้อย่างนั้นก็ไปขอร้องไอ้คิลมัน!" เฟรินโวยดังลั่น ขณะที่อีกฟากหนึ่งในเอดินเบิร์กคนถูกนินทาก็จามใส่หน้าเจ้าชายมาดมาก "แกไม่เชื่อใจฉันเลยรึไง ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าฉันจะช่วยนาย"

                          มีใครเคยไว้ใจนายบ้าง

                          คิดอย่างนั้นแต่ว่าไปอีกอย่างที่สงสัยมากกว่า "นายบอก?"

                          "ก็ที่บอกว่าคืนนี้นายจะเป็นอิสสระยังไงล่ะ" นัยน์ตาสีน้ำตาลจับภาพดวงหน้าขาวที่ยิ่งทวีความงุนงง เลยพูดต่ออย่างไม่สบอารมณ์ "อย่าบอกนะว่านายคิดว่าฉันหมายถึงเอาตัวนายไปแลกกับอะไรบางอย่างที่พ่อฉันต้องการ บ้าน่ะนายคงไม่คิดนะ ก็ฉันออกจะพูดแจ่มแจ้งขนาดนั้นว่าส่งนายกลับ"

                          กำลังคิด

                          "ไม่มีความสัจจะในหมู่โจ... หัวขโมย" กัสเอ่ยแก้อย่างนึกลืมไปว่าเฟรินไม่ใช่โจร แต่หัวขโมยคนที่ว่ากลับพูดคำพูดทำให้เขาอ้าปากค้าง

                          "แล้วสัจจะกับเพื่อนล่ะ"

                          นี่มันยังคิดว่าเขาเป็นเพื่อนอีกเหรอ

                          "เฟริ..." กำลังจะพูดด้วยความซาบซึ้งแต่กลับถูกเสียงหนึ่งของคนพึ่งเข้ามากลบมิด

                          "เฟริน!"

                          "เฟรินก็หาย กัสก็ไม่อยู่หรือว่า..."

                          "ครี้ด ถ้านายพูดฉันจะ..."

                          "หนีตามกันไป" แต่เสียงกับไปดังกับอีกคนที่ไม่น่าจะพูดได้ โดยไม่สนใจเจ้าชายน้ำแข็งที่นั่งเป็นหัวหลักตอไม้อยู่ตรงนั้นสักนิด และรองเท้าคู่น้อยของแองเจลีน่าคงเข้าไปอยู่ในปากคนพูดแล้วถ้าไม่ใช่คำพูดที่จะพูดต่อมา "ไม่น่าจะใช่นะ ถ้าเฟรินจะไปก็น่าจะไปหลังอาหารกลางวัน" แม่มดน้อยเก็บรองเท้ากลับที่เดิมชวนให้ใจของหนุ่มๆพากันหวาดๆ

                          "นั่นสิถ้ามันไปก็ไม่น่าไปก่อนกิน สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของมันก็ต้องของกินน่ะแหละ" คนถูกว่าว่าซาดิสสนับสนุน

                          "อ๊าก!" เสียงร้องจากหัวหลักตอไม้ ที่แม้ยามจะตายก็ไม่เคยจะร้องออกมา เรียกนัยน์ตาทุกคู่ให้หันไป ขณะที่ภาพที่นัยน์ตาทุกคือจับตายคือเจ้าชายที่ไม่เหลือมาดเจ้าชายลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้นก่อนคนอื่นจะเป็นด้วย

                          ความทรงจำสองสัปดาห์เริ่มหลั่งไหล่เข้ามา... สาเหตุมาจาก... เดอะเมจิคเชี่ยน ออฟ เดมอส ไม่ร่าเวทย์นั่นมีผลแค่แปดชั่วโมง...

                          "อ๊าก!"

                          "เป็นอะไรไปอีกเล่าท่านเจ้าชาย ถึงแกล้งป่วยก็ไม่ปล่อยหรอกนะ" นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ลง "เจ้าชายหน้าโง่ถ้าเชื่อที่เฟรินบอกละก็ ถึงมันจะมีโอกาสรอดไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ ลูกหม่อมฉันคงไม่ทันไปด้วย"

                          มืออวบเอื้อมไปจับดวงหน้าเจ้าชายคนสำคัญแห่งกิลดิเรกที่ความทรงจำพึ่งกลับมาและรู้แล้วว่าของที่เฟรินจะขโมยก็คือตัวเขา แต่กลับถูกสะบัดออก

                          แล้วไม่ใช่เพราะลูกหม่อมฉันที่ว่าหรือไงเขาถึงจับมาอย่างนี้!

                          "อยู่นิ่งๆไปเงียบๆตรงนี้แหละ"

                          เฮ้อแผนนี้ก็ไม่ได้คิดจะใช้เลยในตอนแรก แค่คิดเผื่อไว้ เผื่อลูกคนนี้มันหักหลัง ในที่สุดก็ได้ใช้จริงๆ แผนที่ว่าคือ

                          จับมันทั้งคู่ไปเรียกค่าไถ่

                          "ขโมยเจ้าชายไม่น่าจะใช่นะ"

                          "ใช่สิตอนปีหนึ่งก็พูดๆอยู่เหมือนกัน" นักฆ่าแห่งซาเรสเอ่ยเพิ่มเติม

                          "หมายความกัสเป็นเจ้าชายงั้นสิ แล้วมันรู้ได้ไง สมองระดับเฟรินเนี่ยนะ" แองเจลีน่าเอ่ยเชิงเยาะเย้ย

                          "อย่าดูถูก เดอเบอโรว์" ทาสแก้ต่างแทนนาย "มีบางเรื่องที่เฟรินไม่รู้ แต่เรื่องพวกนี้ไม่มีเรื่องไหนที่มาดัสไม่รู้ เฟรินคงไม่ทำแบบนี้คนเดียวได้แน่ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง"

                          "นายรู้รึเปล่าว่าบ้านของเฟรินอยู่ที่ไหน" โรเลิกคิ้วเชิงกวน ขณะที่แองเจลีน่าคนถามนึกอยากถอดรองเท้ายัดปากมันอีกครั้งแม้มันจะยังไม่ได้พูดอะไรเลย

                          "เธอไม่รู้จักที่ตั้งวังบารามอสกับเดมอส"

                          "ไม่ใช่ฉันหมายถึงที่กบดานของตระกูลเดอเบอโรว์" คราวนี้ถูกครี้ดพูดขัด

                          "คิดว่ามันจะอยู่ให้เราไปจับเหรอ"

                          "เพราะมีคนคิดอย่างนายเยอะไงเขาถึงว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด" สาวน้อยน้องนุชแห่งป้อมเอ่ยอย่างวางภูมิก่อนเอ่ยถามติอ "ตกลงนายรู้รึเปล่า" ก่อนโรจะตั้งท่ายืดเต็มที่พลางหันไปยิ้มเยาะกับสองเพื่อนซี้ของหัวขโมยที่ถามให้มันรู้ว่าเขารู้เรื่องเพื่อนคนนี้มากกว่าพวกมัน ก่อนตอบ

                          "รู้"

                          "เดมอสก็น่าจะได้..."

                          มาดัสนับนิ้ว

                          "อืม...กิลดิเรก บารามอส เดมอส สามที่เชียว เกิดสงครามนิดหน่อยก็ช่างปะไรไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว" เจ้าตัวพูดงึมงำขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้าง

                          สงครามกับเดมอส...

                          ช่างปะไร

                          นี่น่ะหรือมาดัส เดอเบอโรว์ คนที่ขายได้แม้กระทั่งลูกตัวเอง คนที่ขายแม้กระทั่งเอเดน

                          คิดพลางชำเลืองไปทางเจ้าลุกคนที่ว่าที่กำลังพึมพำกลับมาราวกับอ่านใจเขาได้

                          นี่แหละพ่อฉัน

                          ความจริงก็พูดออกเสียงได้อยู่หรอกเพราะไม่ได้ถูกมัดปาก แต่ใครจะโง่พูดออกเสียงให้ถูกจับมัดไปอีกอย่างล่ะ เฟรินยังยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนส่งเสียงถามเมื่อพ่อคนนั้นกำลังลุกออกไป

                          "พ่อไปไหน"

                          "เขียนสาน์สเรียกค่าไถ่พวกแกไง" มาดัสตอบห้วน

                          "พ่อจะออกไปซื้อกระดาษด้วยใช่ไหม งั้นขอไอติม สลัดผัก ผัดผัก ขนมปัง พุดดิ้ง ด้วยนะ" ไม่ว่าเปล่ายังถามเพื่อนด้วยความห่วงใย "กัสนายจะเอาอะไรด้วยไหม"

                          ยังไม่ทันที่กัสจะตอบมาดัสก็แทรกขึ้นมา

                          "แกเป็นใครอยู่ในสถานะไหนก็น่าจะรู้นะ" ว่าพลางเดินออกไปโดยที่เฟรินไม่รู้เลยว่าเป็นคำพูดและโอกาสสุดท้ายที่ได้ยินและได้เห็นจาก มาดัส เดอเบอโรว์


       

               

                 "เฟรินฉันล่ะเชื่อนายเลย" กัสเอ่ยเซ็งๆ

                          "นายก็เครียดเกินไปน่า กะ…"

                          ปัง!

                          "เฟริน!"

                          "กัส!" เสียงเปิดประตูบ้านหลังจ้อยดังลั่นพร้อมกับเสียงเรียกชื่อคนที่คนอื่นเขาตามหากันไปทั่วโรงเรียน แต่เพื่อนคนที่ถูกตั้งข้อหาไว้ว่าเป็นคนขโมยกลับมีสภาพเหมือนถูกขโมยซะเองนี่สิที่พวกเขาสงสัย เหล่าเพื่อนรีบเข้าไปแก้เชือกทันที

                          "รู้ได้ไงว่าอยู่ที่นี่" คนถูกลักพาตัวไว้เรียกค่าไถ่ที่เดมอสกับบารามอสถามกวน

                          "ก็ฉันพอเดาสมองโง่ๆของนายออกไงล่ะ ว่าเป็นพวกชอบคิดตื้นๆมีที่ไหนอยู่รอที่บ้านตัวเองรอให้คนอื่นมาจับ" แองเจลีน่าเอ่ยค้อนขณะที่แก้มัดมือเฟรินเสร็จ นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบเห็ฯอะไรบางอย่างในมือที่ไม่รู้ว่าถูกเขียนไว้ตอนไหน

                          แกยังเป็นลูกฉันเสมอ ไม่ว่าแกจะเป็นใครก็ตาม

                          อ่านแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลเมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่พ่อพูดกับเธอ

                          "แกเป็นใครอยูในสถานะไหนก็น่าจะรู้นะ"

                     มิน่าถึงพูดแบบนั้น

                          "ถ้าไม่อยู่ที่นี่พวกนายคงหาไม่เจอ" เฟรินพึมพำ

                          "นายพูดว่าอะไรนะเฟริน" สาวน้อยน้องนุชถามขณะที่มือบางกำลังแกะเชือกมัดเท้า

                          "ไม่มีอะไร" เจ้าตัวบอกปัดได้น้ำขุ่นที่สุดแองเจลีน่ามุ่นคิ้วขึ้นก่อนปล่อยให้ผ่านไปอย่างไม่สนใจ

                          พ่อ

                          ขอบคุณมาก

                          เฟรินคิดพลางมองหน้าเพื่อนไล่ไปทีละคน

                          เธอคงไม่มีวันนี้ถ้าไม่มีพ่อ เธอคงไม่ได้กลับมาเจอเพื่อนๆอีกครั้งถ้าไปซ่อนตัวที่อื่นแล้วความหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

                          แผนการของพ่อยังคงยอดเยี่ยมเสมอ

      จบแล้วในที่สุด หลังจากผิดหลายครั้ง พลาดหลายหน หรือรวมคือ4ครั้ง จะไม่พิมพ์เรื่องสั้นลงในหน้าจอของเด็กดีอีกแล้วใช้เวิร์ดนี่ละดีที่สุด ขอเตือนผู้เขียนเรื่องต่างๆด้วยละกันนะ มีใครเคยเจอแบบนี้บ้างก็บอกกันหน่อยนะ (พิมพ์เรื่องในเด็กดีแล้วพอกดส่งแร่องมันให้ใส่ลอกอินท์ ส่วนข้อมูลหายเรียบ) บ้าไปป่ะ โพสน์ด้วยน้า

                                                                                                 ด้วยความขอบคุณ

                                                                                                        Arita

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×