ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 5 บ้านโรสควอตซ์
                                                                      บทที่ 5 บ้านโรสควอตซ์
        หญิงสาววัยประมาณ 35 ปีผู้มีผมและนัยน์ตาสีนิลกำลังสนทนากันอย่างออกรสกับเด็กสาวผมทองอายุประมาณ 14 ปีที่อยู่ข้างๆ แม้เธอจะอายุเพียง 35 ปี แต่ก็ดูมีสง่าราศีน่าเกรงขามสมเป็นอาจารย์ใหญ่ เสื้อผ้าที่แต่งนั้นก็ดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เมื่อได้เวลา เธอก็ยืนขึ้นกวาดตามองไปรอบและกล่าวพอเป็นพิธี
“ ยินดีต้อนรับทุกคนสู่อ๊อกซ์เวิร์ด ปีอื่นๆฉันคงไม่ต้องพูดอะไรมาก สำหรับนักเรียนปีหนึ่งขอให้คิดว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของพวกเธอ ...กฎกติกาต่างๆที่เธอยังไม่รู้พวกประธาน และคณะกรรมการของบ้านจะเป็นคนชี้แจงให้เธอฟังเอง สำหรับบ้านเพริดอตให้เดินตามรุ่นพี่ไปทางซ้าย บ้านคริสตัล และบ้านโรสควอตซ์ไปทางขวา ” เสียงกังวาลใสเอ่ยอย่างไพเราะน่าฟัง แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า คนนอกมักเรียกกันว่าหอ แต่สำหรับเธอหรือคนส่วนมากในอ๊อกซ์เวิร์ดมักจะเรียกว่าบ้าน เพื่อให้ดูรู้สึกเป็นบ้านจริงๆ
“ โรสควอตซ์ ตามมา! ” เสียงประกาศอันคุ้นเคยจากรุ่นพี่ที่ไม่ใช่ใครอื่น เสียงนี้มาจากพี่ชายของอลิซ พี่เฟิร์ซนั่นเอง
“ ว่าไงพี่...ปีนี้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการอีกแล้วหรอ ” เสียงเดรเอ่ยทักขึ้น
“ อืม...ปีนี้เป็นประธานน่ะ ” กล่าวพลางทำสีหน้าเศร้าๆ
“ แล้วทำไมต้องเศร้าล่ะพี่ เป็นประธานไม่ดีตรงไหน ”
“ อดทำอะไรที่อยากทำ แถมยังเพิ่มหน้าที่เข้ามาทั้งที่จากเดิมก็หนักอยู่แล้วมันน่าดีใจตรงไหนล่ะน้อง ” คำตอบที่ทำให้ผู้ฟังเริ่มเห็นด้วย
“ พี่เฟิร์ซ อย่ามัวแต่คุยสิ ”
“ ครับๆ ผมไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ ” เฟิร์ซแกล้งตอบประชดเบลซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ สรุปว่าพี่ของอลิซทั้งสองคนเจอหน้าที่เข้าไปทั้งคู่
“ ปีหนึ่ง ตามมา... ” พูดท่าทีหงอยๆ ก่อนจะยืดตัวตรงทำเป็นมีสง่าผ่านน้องสาวแสนดุที่แยกเขี้ยวใส่
“ พี่เฟิร์ซ ที่นี่มีกฎเยอะมั๊ย ”
“ ไม่มากหรอกอลิซ กฎโรงเรียนไม่เกิน 20 ข้อ แล้วก็มีกิจกรรมนิดหน่อย แต่ที่สำคัญคือกฎบ้านนี่สิ แต่ไม่ต้องห่วง...ประธานทุกรุ่นเปลี่ยนกฎได้ รับรอง...มันมีช่องโหว่พอที่จะทำอะไรๆได้สะดวกอยู่แล้ว ” ประโยคสุดท้ายจากพี่ชายเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบทำให้อลิซรู้ว่าทำไมพี่ชายตัวดีจึงไม่ปฏิเสธตำแหน่งนี้ แล้วทั้งคู่ก็ส่งยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย
---***---***---***---***---
        เบื้องหน้าของทุกคนคือรั้วที่มีความสูงกว่า 2 เมตรกั้นอาณาเขตของหอพัก ที่รั้วนั้นมีป้ายบอกว่าโรสควอตซ์ ...จากจุดที่ยืนก็สามารถเห็นได้ถึงลักษณะของบ้าน จนเมื่อเข้าไปจึงได้เห็นเต็มตา...
          หอพักโรสควอตซ์กินอาณาเขตบริเวณไม่น้อยเลย จะเรียกว่าหอก็ไม่ถูกนัก สมควรแล้วที่มักเรียกกันว่าบ้าน เพราะภายในเขตรั้วนั้นมีบ้านแยกเป็นหลังๆ ทุกหลังเหมือนกันหมดแต่จะมีส่วนที่แบ่งแยกห่างกันเป็น 4 กลุ่ม และติดป้ายของชั้นปีเอาไว้ รวมทั้งติดป้ายของกรรมการนักเรียนว่าอยู่บ้านหลังไหน
บ้านบางหลังใหญ่ บางหลังเล็กต่างกัน แต่ที่ทุกๆหลังเหมือนกันคือรูปทรงและแบบบ้าน ทั้งสีของบ้านก็ยังเหมือน นั่นคือสีชมพูสัญลักษณ์จากโรสควอตส์ แต่รุ่นพี่บอกว่าสามารถเปลี่ยนเป็นสีขาวได้เช่นกันสำหรับบุรุษผู้ไม่ค่อยชื่นชอบนัก ...จากนั้นรุ่นพี่ก็พามาที่บริเวณบ้านของปีหนึ่ง ไม่ได้พาเข้าบ้าน แต่พาเดินเลยมาที่โถงรวมหรือห้องนั่งเล่นของปีหนึ่ง
“ นี่เป็นห้องนั่งเล่นของปีหนึ่งบ้านเรา แต่ละปีจะมีห้องนั่งเล่นเป็นของชั้นปีตนเองและจะเหมือนกันหมด จะไม่มีการเปลี่ยนบ้านในระหว่างอยู่ที่นี่ พวกเธอจะต้องอยู่บ้านเดิม ใช้โถงเดิมตลอด 4 ปี ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าขึ้นปีต่อไปก็จะเปลี่ยนแต่ป้ายบอกชั้นปีเท่านั้น
ตอนที่เดินตรงเข้ามาจากทางรั้วยังไม่ได้อ้อมมาบ้านปีหนึ่งพวกเธอจะเห็นโถงใหญ่ นั่นเป็นโถงรวมของทุกชั้นปีของหอนี้ เวลาที่มีเรื่องสำคัญ สำหรับโรงอาหารหรือสถานที่เรียน พรุ่งนี้พวกพี่ๆจะพาไปทัวร์
หลังจากแจ้งจบพี่จะแจกกุญแจบ้านให้กับทุกคน ทุกคนจะได้ถือกุญแจบ้านของตัวเองซึ่งจะว่าเป็นกุญแจก็ไม่ถูกนัก เอาเป็นว่า...จะได้รับบัตรเข้าบ้านของตัวเอง จะมีช่องเสียบบัตรอยู่ทางประตู ถ้าทำบัตรหายก็แจ้งได้ที่ครูประจำหอโรวควอตส์ซึ่งมีอยู่หลายคน แต่หัวหน้าใหญ่คืออาจารย์สาวแสนสวยของเราซึ่งน้องๆจะยังไม่ได้เห็นหรอกเพราะอาจารย์ติดธุระ แต่อีกไม่นานหรอกเพราะอาจารย์สอนปีหนึ่งกับปีสี่วิชาทฤษฎีเวทย์ แล้วก็เป็นครูผู้ควบคุมการสอนอื่นๆที่เดี๋ยวอ่านคู่มือก็รู้เอง ( แบบว่า...พี่ขี้เกียจอธิบาย )
สำหรับกิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งในโรงเรียนคือการประชันกันระหว่างบ้าน ทางขวาตอนเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนถ้าใครสังเกตดีๆจะเห็นประตูที่เขียนแยกว่า ปีหนึ่ง ปีสอง ปีสาม และปีสี่ นั่นคือประตูเก็บคะแนน คือ...แต่ละคนจะมีคะแนนเป็นของตัวเอง แบ่งเป็นคะแนนความประพฤติกับคะแนนเรียน เราจะนับกันเป็นปี คือถ้านักเรียนที่เรียนดีที่สุดของชั้นปีนั้นอยู่บ้านไหนบ้านนั้นจะได้ไปทัศนศึกษา ซึ่งพี่ต้องกล่าวว่า ปีนี้เรามีหวังอยู่
ปกติเรามักจะเชือดเฉือนคะแนนกันกับเพริดอต ส่วนอีกอันนึงคือคะแนนความประพฤติที่จะเก็บเป็นคนและสามารถไปดูได้ในห้องที่บอกไป ถ้าคนที่ได้คะแนนความประพฤติมากที่สุดอยู่บ้านไหนบ้านนั้นก็ได้ไปทัศนศึกษาตามระเบียบ ส่วนมากเรามักแข่งกับคริสตัล
แล้วก็เราจะมีกิจกรรมต่างๆเข้ามาเรื่อยๆเช่นการแข่งต่างๆ สำหรับการเรียนนั้นบางครั้งจะมีแยกกันไปเรียนกับบ้านอื่นตามสาย ซึ่งอาจแยกหญิงแยกชาย แยกเลขที่ หรือบางครั้งจะเรียนเป็นบ้าน อันนี่แยกเพราะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างบ้านซึ่งโรงเรียนเราพึ่งมาใช้ระบบนี้ตอนที่ชาวสเปชเราเปลี่ยนค่าเงินตรามาเป็นมิลอย่างเดียวเพื่อลดความยุ่งยากนั่นแหละ
ในวันพรุ่งนี้หลังจากพี่พาทัวร์จบก็ขอให้น้องๆไปลงชมรมให้เรียบร้อย จะรับถึงแค่บ่ายสามเท่านั้นซึ่งชมรมอะไรอยู่ตรงไหนก็ดุที่คู่มือเอาเองทุกคนจะได้รับแจกคนละเล่มพร้อมกุญแจ ส่วนตอนบ่ายสามครึ่งขอให้ทุกคนไปที่ห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนเพื่อทำการจัดแยกสีพลังเวทย์สำหรับการเรียนในวิชาพลังเวทย์ สำหรับวิชาที่จะเรียนกันในโรงเรียนของเราก็คือ
วิชาพลังเวทย์ ที่เกี่ยวกับสีของเวทย์ อันนี้จะแยกกันเรียน, วิชาทฤษฎีเวทย์, วิชาพื้นฐานเวทมนตร์ วิชานี้จะเรียนรวม เรื่องการใช้เวทย์ทั่วไปไม่เกี่ยวกับสีของเวทย์ ไม่มีการแยก, วิชาประวัติศาสตร์ ต้องขอบอกว่าเรามีครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องการกล่อมเด็กเป็นพิเศษสำหรับปีหนึ่ง แล้วก็สุดท้ายวิชาชมรม วิชาที่ยกเว้นพลังเวทย์กับชมรมนั้นจะมีการเปลี่ยนครูบ้างในบางปี อย่างอาจารย์ใหญ่หัวหน้าโรสควอตซ์นี่ก็สอนปีหนึ่งกับปีสี่ ” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ยกแก้วน้ำข้างตัวขึ้นมาดื่มแล้วร่ายเวทย์ จากนั้นทุกคนก็ได้รับบัตรเข้าห้องและคู่มือเล่มหนา
---***---***---***---***---
        อลิซ เซีย แคตและแคลร์รีบเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็วเพื่อกันเพื่อร่วมบ้านอีก 2 คนจะรู้ตัวซะก่อน
ภายในบ้านนั้นมีการจัดแยกเหมือนบ้านทั่วๆไป คือมีห้องครัว ห้องนั่งเล่นเขียนหนังสือหรือจะกินข้าวก็ได้ จากคู่มือแล้ว ห้องครัวนั้นให้ใช้ในตอนกลางคืน ส่วนตอนเช้าและกลางวันให้ไปกินที่โรงอาหาร หรือใครที่ขี้เกียจทำเองก็ไปกินที่โรงอาหารในตอนกลางคืนได้เช่นกัน
บ้านหลังนี้เป็นบ้าน 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นห้องนอนห้องใหญ่ที่มี 6 เตียงห่างกัน และภายในชั้นบนจะมีห้องน้ำทั้งหมด 3 ห้อง ด้านล่างอีก 3 ห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องคอมฯที่แยกสำหรับทำงานให้ 3 เครื่อง ถ้าเกิดเร่งด่วนจะใช้ทุกคนอีก 3 คนที่เหลือก็ต้องไปใช้ที่ห้องโถงรวมปี 1 เอาเอง
และทางด้านขวาของห้องนั่งเล่นของบ้านนั้นจะมีประตูเข้าไปห้องเก็บของที่แบ่งแยกเป็น 6 ส่วนต่างหาก คือแบ่งเป็นอีก 6 ห้องสำหรับเก็บของแต่ละคน และในห้องนอนใหญ่ที่นอนรวมนั้นก็มีประตูแยกไปทางขวาสำหรับตู้เก็บเสื้อผ้าและเนื้อที่เก็บของอื่นๆอีก
แคตเลือกเตียงริมซ้ายสุด ถัดมาคือเซีย แคลร์ และอลิซ เหลือทางขวาไว้ 2 เตียงให้เพื่อนร่วมห้องทั้งสองที่ยังคงไม่เข้ามา แล้วก็เป็นไปตามที่อลิซสันนิษฐาน คือเคเซียเข้ามาก่อน เธอเงียบไม่พูดไม่จา และเลือกเตียงริมขวาสุด ซึ่งอีกที่หนึ่งที่เหลือ...เตียงข้างอลิซ คือที่ของวีน
เพื่อนร่วมห้องของพวกเธอยังคงไม่พูดไม่จาทำให้เกิดแต่ความเงียบ จนเมื่อคนๆหนึ่งขึ้นมาข้างบนเห็นเพื่อนร่วมห้องเท่านั้นแหละ เสียงก็เกิดขึ้น...
“ อะไรกันเนี่ย! ทำไมพวกเธอถึงลงชื่อฉันเข้าบ้านนี้ห๊า!! จะเปลี่ยนบ้านก็ไม่ได้แล้ว ฉันต้องทนอยู่กับเธอถึง 4 ปีเชียวนะยะ ทำอะไรไม่รู้จักคิด รู้อยู่ว่าฉันไม่ชอบพวกเธอ นี่คิดจะแกล้งกันใช่มั๊ย ไม่ต้องอุดหู ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้!!!! ” ทีแรกคนอื่นเขาเงียบกัน พอวีนเข้ามาก็อาละวาด สงสัยเสียงของเธอคงแผดลั่นไปทั่วได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน และสิ่งยืนยันนั้นก็คือ
ออด......
“ สวัสดีค่ะพี่เฟิร์ซ มากดออด มีอะไรหรอคะ ” แคตถามพลางทำหน้าใสซื่อ
“ มีปัญหากันรึเปล่า เสียงดังได้ยินไปทั่วเชียว ”
“ ไม่มีค่ะ แค่การทักทายเพื่อนร่วมบ้านกันนิดๆหน่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ ขอตัวนะคะ บายค่ะ ” พูดแล้วรีบปิดล็อกประตูแต่แคตยังไม่ขึ้นไปชั้นบน...จนกว่าเพื่อนๆจะรับมือกับการอาละวาดของวีนเสร็จ กิจกรรมทักทายเพื่อนร่วมบ้านของวีนนั้นเรียกเสียงออดและเสียงด่าจากบ้านข้างเคียงได้หลายครั้ง จนเมื่อมันจบลงแต่ละคนก็หลับเป็นตาย ...ขนาดคนเงียบๆอย่างเคเซีย ลูซยังอดทนว่าออกมาไม่ไหว...
---***---***---***---***---
“ หวัดดี...ทำไมตาคล้ำกันนักล่ะ ” เสียงทักจากเดรทำให้แต่ละคนหันไปมองค้อนแล้วพยักเพยิดไปทางวีนที่ส่งรอยยิ้มปีศาจมาให้
“ เมื่อคืนมีพิธีทักทายเพื่อนร่วมบ้านกันน่ะ ฉันก็เลยต้องมาแทนอลิซชั่วคราวนี่ไง ” เสียงตอบจากเอเรีย หนึ่งในร่างที่แยกมาของอลิซที่ยังไม่ยอมตื่นและให้เธอมาแทนเพราะเอเรียได้รู้อะไร อลิซก็จะได้รู้ไปด้วย ( ในกรณีที่เอเรียไม่ใช้เวทย์ปิดกั้น ) อลิซจึงขอนอนต่อและค่อยมาเปลี่ยนตัวทีหลัง ส่วนคนอื่นในบ้านก็ตาคล้ำเพราะอดนอนและไม่มีคนเปลี่ยนอย่างอลิซ
“ น้องๆ เดินตามมา ” เสียงเรียกที่ทำให้บทสนทนาสั้นๆหยุดอยู่แค่นั้นแล้วเดินตามพี่เฟิร์ซไปเงียบๆ
พี่เฟิร์ซซึ่งดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนนั้นพารุ่นน้องเดินชมอาคารสถานที่เรียน ห้องชมรมต่างๆ รวมทั้งอธิบายไปด้วย แล้วในตอนเที่ยงก็พามาที่ห้องอาหารรวมซึ่งใหญ่กว่าห้องโถงโรงเรียนที่ใหญ่โตอยู่แล้วถึง 2 เท่า
“ ห้องอาหารนี้จะมีรายการเมนูอยู่ แค่เอาไมค์ตรงกลางขึ้นมาแล้วสั่งซักพักจะมีคนมาเสิร์ฟ เป็นห้องอาหารที่ใช้กันทั้งโรงเรียนเพื่อไม่ให้แยกรุ่นพี่รุ่นน้องหรือแยกบ้าน โต๊ะอาหารก็มีเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนแน่นอน อาจจะเกินด้วยซ้ำ สามารถเลือกนั่งได้ตามอัธยาศัยว่าจะนั่งโต๊ะกี่คน สำหรับตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว แล้วจากที่เดินมาทั้งวันก็คงจะหิวกันก็ทดลองใช้วันนี้วันแรกไปเลย แล้วจากนั้นก็สามารถแยกย้ายกันไปชมรมได้ แต่อย่าลืมนะว่าบ่ายสามครึ่งต้องไปห้องโถงใหญ่ ”
จากนั้นเอเรียก็ขอตัวไปแล้วอลิซก็เดินเข้ามาเปลี่ยนด้วยสีหน้าสดใสเพราะนอนเต็มอิ่ม อาจจะเต็มอิ่มมากไปด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวเล่นนอนจนเกือบเที่ยง!
“ นอนพอแล้วหรอ นึกว่าจะถึงเย็นซะอีก ” แคลร์ทักในขณะที่อลิซยิ้มเป็นคำตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆแคลร์
พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะ 8 คนเพราะวีนไม่ยอมมานั่งด้วยอยู่แล้วและคงไม่มีใครมานั่งเพิ่ม ในตอนนี้ทั้ง 8 คนซึ่งก็คือ อลิซ เซีย แคต แคลร์ เอ๊ด เช เดร และไค กำลังนั่งดูเมนูอาหารและสั่งกันอยู่จึงมีแต่เสียงเงียบ แล้วอลิซก็เหลือบไปเห็นเคเซีย เพื่อนร่วมบ้านของเธอนั่งอยู่คนเดียวจึง...ไปลากมานั่งด้วยกัน เพราะโต๊ะมีขนาดใหญ่อยู่แล้ว การเสริมเก้าอี้เข้าไปอีกตัวจึงไม่ใช่เรื่องลำบาก
ส่วนคนที่ถูกลากมาก็ยังคงเงียบ นั่งฟังคนที่ลากมาแนะนำเพื่อนให้กับเธอและแนะนำเธอให้กับเพื่อน แต่ทุกคนก็ทักทายและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ยกเว้นแต่คนที่อลิซแนะนำตัวว่าไคเอสที่นิ่งเงียบและดูเย็นชาจนไม่น่าจะมาร่วมกลุ่มคนร่าเริงที่นิสัยต่างๆกันอย่างกลุ่มนี้ได้ แต่เท่าที่เคเซียสังเกตคือดูเหมือนว่าจะมีคนสองคนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันซักเท่าไหร่ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไร นั่นคือไคเอสและเอ๊ด ส่วนคนอื่นๆในโต๊ะไม่ใส่ใจกับปฏิกิริยานี้ซักเท่าไหร่
“ เคท ทำไมถึงไม่ค่อยพูดเลยล่ะ ” เคทคือชื่อที่ตอนนี้คนในกลุ่มนี้เรียกเธอ มันเป็นชื่อเล่นของเธอที่น้อยคนจะเรียก และคนในกลุ่มนี้ได้รู้ก็เพราะคนข้างๆที่กำลังถามนั้นบอกว่าถ้าไม่บอกก็จะหาชื่อมาเรียกเธอเอง ซึ่งตามที่เซียเล่าให้ฟังไม่นานมานี้ว่าบางครั้งเธอเรียกพี่ชายที่ชื่อเฟเดอริก หรือพี่เฟิร์ซที่เป็นประธานบ้านว่า ริกกี้ แล้วเธอก็ไม่อยากจะได้ชื่อใหม่นักไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม
“ อย่ามายุ่งกับฉันเลย เดี๋ยวพวกเธอจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ” พูดเสร็จก็ลุกจากโต๊ะไปท่ามกลางความงุนงงของหลายๆคน
“ เดือดร้อนหรอ...นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
“ อลิซ...เธอไม่รู้จริงๆหรอว่าเคเซียเป็นใคร ” ผู้รู้เรื่องตระกูลต่างๆถามขึ้น
“ รู้สิเช...เคเซีย ลูซ ลูกหลานของตระกูลพิเศษที่มีอำนาจทางเสียง...แต่มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ ”
“ เฮ้อ...เธอไม่เคยเข้าใจเรื่องแบบนี้เพราะเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครน่ะสิ...ทำไมนะเรื่องอื่นฉลาด ทีเรื่องความรู้สึกต่างๆกลับไม่ฉลาดบ้าง ”
“ ค่ะๆ...แล้วจะบอกได้รึยัง? ” คนพูดเริ่มอารมณ์เสีย
“ เพราะมีข่าวเล่ากันว่าคนตระกูลนี้ใช้อำนาจเสียงสะกดคน เลยไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะกลัวโดนสะกดน่ะสิ...บรรพบุรุษทำให้ลูกหลานลำบากแท้ๆ อย่างเคเซียนั่นเวลาเดินก็จะมีคนเดินออกห่าง ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เพราะความระแวง หล่อนก็เลยไม่มีเพื่อนไง เธอไม่ค่อยกลัวหรือระแวงใครเลยไม่รู้ ส่วนเรื่องที่ว่าเดือดร้อนฉันว่า...คงเป็นเพราะกลัวพวกเราโดนนินทาไปด้วยว่าเพราะถูกสะกดเลยเป็นเพื่อนด้วย ประมาณนี้ ” อธิบายอย่างผู้รู้ในขณะที่คนฟังนั่งทำตาปริบๆ
“ ใครคิดกันเนี่ย งี่เง่าจัง...คนเมืองกระจกอย่างฉันน่ะนะจะโดนสะกด เคยแต่สะกดปีศาจ... ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปในขณะที่คนที่โต๊ะได้แต่นั่งมองแล้วกินข้าวต่อราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้สายตาจากบางคนที่จับจ้องอยู่งุนงงกับคนกลุ่มนี้ และคิดได้เพียงว่า...ประเมินยาก
---***---***---***---***---
“ เคท หยุดก่อน! ” ตะโกนพลางวิ่งไปหอบแฮกๆข้างๆคนที่หันมาเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยจะชื่นชอบการวิ่งซักเท่าไหร่นัก
“ ฉันบอกแล้วไงว่า ”
“ ฉันรู้ว่าเธอบอกฉันว่าอะไร... ” พูดตัดแล้วหอบต่อ
“ แล้วเรียกฉันทำไม มายุ่งกับฉันอีกทำไม ” ถามเสียงเศร้าแล้วก้มหน้า
“ แค่มีอะไรบางอย่างอยากจะบอกให้เก็บไปคิดดูน่ะ... ”
---***---***---***---***---
“ สำเร็จมั๊ย ”
“ ก็ต้องคอยดู...แต่อีกไม่นานก็รู้ ว่าแต่ เอ๊ด...นายว่าฉันควรเลือกชมรมอะไรดี ” ถามพลางดูตารางชมรมในคู่มือซึ่งให้เลือกลงคนละ 1 ชมรมเท่านั้น และจากตารางก็ทำให้รู้ว่ามันมีมากถึง 30 ชมรมเลยทีเดียว
“ ชมรมปรุงยามั๊ยล่ะ คนในชมรมจะได้ดีใจที่มีเจ้าหญิงนักปรุงยาไปเป็นเกียรติ ” อีกฝ่ายส่ายหัวเอาเป็นเอาตาย แคตกับเซียนั้นหัวเราะเบาๆกับข้อเสนอของเอ๊ดเพราะรู้ว่าอลิซคงจะไม่เข้าเด็ดขาด เพราะชมรมนั้นแทบจะเรียกได้ว่า ชมรมแฟนคลับอลิซเพราะส่วนมากจะมีทั้งผู้ชื่นชอบและชื่นชมเธอไปอยู่ชมรมนั้น ถ้าเธอไปอยู่มีหวังได้วุ่นวาย ไม่ก็ต้องนั่งฉีกยิ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะชอบนัก
“ ชมรมเต้นรำดีมั๊ยล่ะเอ๊ด คนในชมรมจะได้มีเจ้าชายรูปหล่อเป็นวิทยากรพิเศษช่วยสอน ” คราวนี้โดนเข้าบ้าง เอ๊ดส่ายหัวเพราะรู้ว่าถ้าเข้าชมรมก็คงจะมีสาวๆแฟนคลับมาขอให้สอนเต้นจนปวดหัวเช่นกัน
“ เธอก็พอกันแหละอลิซ เข้าชมรมนั้นเธอสองคนมีหวังไม่ต้องทำอะไรกิน ได้เต้นกันขาหักไปข้างแน่...ฉันว่าเอาชมรมนักดาบ” แคลร์เสนอ
“ ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวก็มีคนมาท้า...เซ็ง...ดีไม่ดีจะได้เจอคนที่เธอไม่อยากเจอนะแคลร์ ”
“ ชมรมวาดภาพสิ ”
“ ไม่ดีกว่ามั้งเซีย...เดี๋ยวมีการบ้านเพิ่ม ไม่เอาล่ะ ” แคตบอก เจ้าตัวไม่ค่อยจะชื่นชอบการวาดภาพด้วยอยู่แล้ว
“ ชมรมนักเวทย์ล่ะ ”
“ ก็น่าจะดีนะเช...ว่าแต่...มันต้องทำอะไรบ้างล่ะ ” เดรถามอย่างสนใจ
“ ก็ฝึกเวทย์ แล้วก็คอยช่วยชมรมอื่นเวลามีงาน ”
“ ไม่เอา ” แคลร์ตอบทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ แต่ชมรมอื่นก็ไม่มีอันไหนน่าสนนี่นา...หรือว่าจะเอาชมรมการแสดงดี เชื่อว่ารุ่นพี่แสนสวยผู้คุมชมรมคงอยากรับเจ้าชายหนุ่มหล่อและข้าราชนิกูลหน้าตาดีแห่งแอลนิวซิต เจ้าชายผู้น่ารักแห่งเควชอส และรูปปั้นหน้าหวานอย่างไคแน่นอน ” เซียแซว
“ งั้นเอาชมรมนักเวทย์นั่นแหละ...รู้สึกมีรุ่นพี่ที่เป็นหนึ่งในตระกูลนักเวทย์เป็นหัวหน้าชมรมด้วย ...เอ่อ...พวกเธอไปกันก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา ” อลิซพูดพลางเดินออกจากห้องอาหาร เพื่อนๆจึงเดินออกไปบ้างเพื่อไปชมรม โดยไม่มีใครถามว่าอลิซจะไปทำอะไร เพราะถ้าเจ้าตัวอยากบอกก็บอกมาเองแหละ นั่นทำให้ผู้จับจ้องต้องงงกับพฤติกรรมกลุ่มนี้อีกครั้ง
--------------------------------------------
aris : บทนี้คงต้องจบกันแค่นี้ก่อน บทหน้าจะเป็นเกี่ยวกับชมรมแล้วก็เคทค่ะ ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาจะมาลง ถ้าไม่มีก็คงเป็นอาทิตย์หน้าล่ะค่ะ ^^ บทนี้อธิบายยาวไปหน่อยเพราะมันเริ่มเข้าเรื่อง ต่อไปจะได้ง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายอีก... ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่อยากพูด
ขอบคุณการทวงของคุณ guest ที่ทำให้สละคิวของอีกเรื่องมาลงเรื่องนี้เพราะกลัวคุณเล่นไสยศาสตร์ ^^\"
ขอบคุณ mishell สำหรับคำผิดที่สัญญาว่าจะมาจับให้ ( ในอนาคต ) แล้วก็อยากบอกเพื่อนว่า...กินข้าวดีกว่ากินคอมฯ ( ตอนกลางวันน่ะอย่าเอาเวลากินข้าวไล่นคอมฯสิยะ ถึงยังไงมันก็ไม่ทำให้ผอมลงหรอก )
ขอบคุณ Seiz สำหรับความคิดเห็นที่ลง และอีกหลายๆท่านที่ลงความคิดเห็น ( อันนี้ตั้งใจว่ากระทบ mishell โดยทางตรงเพราะอ่านแล้วเราทวงความคิดเห็นแล้วไม่ค่อยจะลงให้ แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำผิดที่สัญญาไว้ว่าจะจับให้ )
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามค่ะ มีบางคนที่ยังไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ก็ขอบคุณทุกๆท่านเลยที่มาอ่านค่ะ
        หญิงสาววัยประมาณ 35 ปีผู้มีผมและนัยน์ตาสีนิลกำลังสนทนากันอย่างออกรสกับเด็กสาวผมทองอายุประมาณ 14 ปีที่อยู่ข้างๆ แม้เธอจะอายุเพียง 35 ปี แต่ก็ดูมีสง่าราศีน่าเกรงขามสมเป็นอาจารย์ใหญ่ เสื้อผ้าที่แต่งนั้นก็ดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เมื่อได้เวลา เธอก็ยืนขึ้นกวาดตามองไปรอบและกล่าวพอเป็นพิธี
“ ยินดีต้อนรับทุกคนสู่อ๊อกซ์เวิร์ด ปีอื่นๆฉันคงไม่ต้องพูดอะไรมาก สำหรับนักเรียนปีหนึ่งขอให้คิดว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของพวกเธอ ...กฎกติกาต่างๆที่เธอยังไม่รู้พวกประธาน และคณะกรรมการของบ้านจะเป็นคนชี้แจงให้เธอฟังเอง สำหรับบ้านเพริดอตให้เดินตามรุ่นพี่ไปทางซ้าย บ้านคริสตัล และบ้านโรสควอตซ์ไปทางขวา ” เสียงกังวาลใสเอ่ยอย่างไพเราะน่าฟัง แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า คนนอกมักเรียกกันว่าหอ แต่สำหรับเธอหรือคนส่วนมากในอ๊อกซ์เวิร์ดมักจะเรียกว่าบ้าน เพื่อให้ดูรู้สึกเป็นบ้านจริงๆ
“ โรสควอตซ์ ตามมา! ” เสียงประกาศอันคุ้นเคยจากรุ่นพี่ที่ไม่ใช่ใครอื่น เสียงนี้มาจากพี่ชายของอลิซ พี่เฟิร์ซนั่นเอง
“ ว่าไงพี่...ปีนี้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการอีกแล้วหรอ ” เสียงเดรเอ่ยทักขึ้น
“ อืม...ปีนี้เป็นประธานน่ะ ” กล่าวพลางทำสีหน้าเศร้าๆ
“ แล้วทำไมต้องเศร้าล่ะพี่ เป็นประธานไม่ดีตรงไหน ”
“ อดทำอะไรที่อยากทำ แถมยังเพิ่มหน้าที่เข้ามาทั้งที่จากเดิมก็หนักอยู่แล้วมันน่าดีใจตรงไหนล่ะน้อง ” คำตอบที่ทำให้ผู้ฟังเริ่มเห็นด้วย
“ พี่เฟิร์ซ อย่ามัวแต่คุยสิ ”
“ ครับๆ ผมไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ ” เฟิร์ซแกล้งตอบประชดเบลซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ สรุปว่าพี่ของอลิซทั้งสองคนเจอหน้าที่เข้าไปทั้งคู่
“ ปีหนึ่ง ตามมา... ” พูดท่าทีหงอยๆ ก่อนจะยืดตัวตรงทำเป็นมีสง่าผ่านน้องสาวแสนดุที่แยกเขี้ยวใส่
“ พี่เฟิร์ซ ที่นี่มีกฎเยอะมั๊ย ”
“ ไม่มากหรอกอลิซ กฎโรงเรียนไม่เกิน 20 ข้อ แล้วก็มีกิจกรรมนิดหน่อย แต่ที่สำคัญคือกฎบ้านนี่สิ แต่ไม่ต้องห่วง...ประธานทุกรุ่นเปลี่ยนกฎได้ รับรอง...มันมีช่องโหว่พอที่จะทำอะไรๆได้สะดวกอยู่แล้ว ” ประโยคสุดท้ายจากพี่ชายเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบทำให้อลิซรู้ว่าทำไมพี่ชายตัวดีจึงไม่ปฏิเสธตำแหน่งนี้ แล้วทั้งคู่ก็ส่งยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย
---***---***---***---***---
        เบื้องหน้าของทุกคนคือรั้วที่มีความสูงกว่า 2 เมตรกั้นอาณาเขตของหอพัก ที่รั้วนั้นมีป้ายบอกว่าโรสควอตซ์ ...จากจุดที่ยืนก็สามารถเห็นได้ถึงลักษณะของบ้าน จนเมื่อเข้าไปจึงได้เห็นเต็มตา...
          หอพักโรสควอตซ์กินอาณาเขตบริเวณไม่น้อยเลย จะเรียกว่าหอก็ไม่ถูกนัก สมควรแล้วที่มักเรียกกันว่าบ้าน เพราะภายในเขตรั้วนั้นมีบ้านแยกเป็นหลังๆ ทุกหลังเหมือนกันหมดแต่จะมีส่วนที่แบ่งแยกห่างกันเป็น 4 กลุ่ม และติดป้ายของชั้นปีเอาไว้ รวมทั้งติดป้ายของกรรมการนักเรียนว่าอยู่บ้านหลังไหน
บ้านบางหลังใหญ่ บางหลังเล็กต่างกัน แต่ที่ทุกๆหลังเหมือนกันคือรูปทรงและแบบบ้าน ทั้งสีของบ้านก็ยังเหมือน นั่นคือสีชมพูสัญลักษณ์จากโรสควอตส์ แต่รุ่นพี่บอกว่าสามารถเปลี่ยนเป็นสีขาวได้เช่นกันสำหรับบุรุษผู้ไม่ค่อยชื่นชอบนัก ...จากนั้นรุ่นพี่ก็พามาที่บริเวณบ้านของปีหนึ่ง ไม่ได้พาเข้าบ้าน แต่พาเดินเลยมาที่โถงรวมหรือห้องนั่งเล่นของปีหนึ่ง
“ นี่เป็นห้องนั่งเล่นของปีหนึ่งบ้านเรา แต่ละปีจะมีห้องนั่งเล่นเป็นของชั้นปีตนเองและจะเหมือนกันหมด จะไม่มีการเปลี่ยนบ้านในระหว่างอยู่ที่นี่ พวกเธอจะต้องอยู่บ้านเดิม ใช้โถงเดิมตลอด 4 ปี ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าขึ้นปีต่อไปก็จะเปลี่ยนแต่ป้ายบอกชั้นปีเท่านั้น
ตอนที่เดินตรงเข้ามาจากทางรั้วยังไม่ได้อ้อมมาบ้านปีหนึ่งพวกเธอจะเห็นโถงใหญ่ นั่นเป็นโถงรวมของทุกชั้นปีของหอนี้ เวลาที่มีเรื่องสำคัญ สำหรับโรงอาหารหรือสถานที่เรียน พรุ่งนี้พวกพี่ๆจะพาไปทัวร์
หลังจากแจ้งจบพี่จะแจกกุญแจบ้านให้กับทุกคน ทุกคนจะได้ถือกุญแจบ้านของตัวเองซึ่งจะว่าเป็นกุญแจก็ไม่ถูกนัก เอาเป็นว่า...จะได้รับบัตรเข้าบ้านของตัวเอง จะมีช่องเสียบบัตรอยู่ทางประตู ถ้าทำบัตรหายก็แจ้งได้ที่ครูประจำหอโรวควอตส์ซึ่งมีอยู่หลายคน แต่หัวหน้าใหญ่คืออาจารย์สาวแสนสวยของเราซึ่งน้องๆจะยังไม่ได้เห็นหรอกเพราะอาจารย์ติดธุระ แต่อีกไม่นานหรอกเพราะอาจารย์สอนปีหนึ่งกับปีสี่วิชาทฤษฎีเวทย์ แล้วก็เป็นครูผู้ควบคุมการสอนอื่นๆที่เดี๋ยวอ่านคู่มือก็รู้เอง ( แบบว่า...พี่ขี้เกียจอธิบาย )
สำหรับกิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งในโรงเรียนคือการประชันกันระหว่างบ้าน ทางขวาตอนเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนถ้าใครสังเกตดีๆจะเห็นประตูที่เขียนแยกว่า ปีหนึ่ง ปีสอง ปีสาม และปีสี่ นั่นคือประตูเก็บคะแนน คือ...แต่ละคนจะมีคะแนนเป็นของตัวเอง แบ่งเป็นคะแนนความประพฤติกับคะแนนเรียน เราจะนับกันเป็นปี คือถ้านักเรียนที่เรียนดีที่สุดของชั้นปีนั้นอยู่บ้านไหนบ้านนั้นจะได้ไปทัศนศึกษา ซึ่งพี่ต้องกล่าวว่า ปีนี้เรามีหวังอยู่
ปกติเรามักจะเชือดเฉือนคะแนนกันกับเพริดอต ส่วนอีกอันนึงคือคะแนนความประพฤติที่จะเก็บเป็นคนและสามารถไปดูได้ในห้องที่บอกไป ถ้าคนที่ได้คะแนนความประพฤติมากที่สุดอยู่บ้านไหนบ้านนั้นก็ได้ไปทัศนศึกษาตามระเบียบ ส่วนมากเรามักแข่งกับคริสตัล
แล้วก็เราจะมีกิจกรรมต่างๆเข้ามาเรื่อยๆเช่นการแข่งต่างๆ สำหรับการเรียนนั้นบางครั้งจะมีแยกกันไปเรียนกับบ้านอื่นตามสาย ซึ่งอาจแยกหญิงแยกชาย แยกเลขที่ หรือบางครั้งจะเรียนเป็นบ้าน อันนี่แยกเพราะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างบ้านซึ่งโรงเรียนเราพึ่งมาใช้ระบบนี้ตอนที่ชาวสเปชเราเปลี่ยนค่าเงินตรามาเป็นมิลอย่างเดียวเพื่อลดความยุ่งยากนั่นแหละ
ในวันพรุ่งนี้หลังจากพี่พาทัวร์จบก็ขอให้น้องๆไปลงชมรมให้เรียบร้อย จะรับถึงแค่บ่ายสามเท่านั้นซึ่งชมรมอะไรอยู่ตรงไหนก็ดุที่คู่มือเอาเองทุกคนจะได้รับแจกคนละเล่มพร้อมกุญแจ ส่วนตอนบ่ายสามครึ่งขอให้ทุกคนไปที่ห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนเพื่อทำการจัดแยกสีพลังเวทย์สำหรับการเรียนในวิชาพลังเวทย์ สำหรับวิชาที่จะเรียนกันในโรงเรียนของเราก็คือ
วิชาพลังเวทย์ ที่เกี่ยวกับสีของเวทย์ อันนี้จะแยกกันเรียน, วิชาทฤษฎีเวทย์, วิชาพื้นฐานเวทมนตร์ วิชานี้จะเรียนรวม เรื่องการใช้เวทย์ทั่วไปไม่เกี่ยวกับสีของเวทย์ ไม่มีการแยก, วิชาประวัติศาสตร์ ต้องขอบอกว่าเรามีครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องการกล่อมเด็กเป็นพิเศษสำหรับปีหนึ่ง แล้วก็สุดท้ายวิชาชมรม วิชาที่ยกเว้นพลังเวทย์กับชมรมนั้นจะมีการเปลี่ยนครูบ้างในบางปี อย่างอาจารย์ใหญ่หัวหน้าโรสควอตซ์นี่ก็สอนปีหนึ่งกับปีสี่ ” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ยกแก้วน้ำข้างตัวขึ้นมาดื่มแล้วร่ายเวทย์ จากนั้นทุกคนก็ได้รับบัตรเข้าห้องและคู่มือเล่มหนา
---***---***---***---***---
        อลิซ เซีย แคตและแคลร์รีบเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็วเพื่อกันเพื่อร่วมบ้านอีก 2 คนจะรู้ตัวซะก่อน
ภายในบ้านนั้นมีการจัดแยกเหมือนบ้านทั่วๆไป คือมีห้องครัว ห้องนั่งเล่นเขียนหนังสือหรือจะกินข้าวก็ได้ จากคู่มือแล้ว ห้องครัวนั้นให้ใช้ในตอนกลางคืน ส่วนตอนเช้าและกลางวันให้ไปกินที่โรงอาหาร หรือใครที่ขี้เกียจทำเองก็ไปกินที่โรงอาหารในตอนกลางคืนได้เช่นกัน
บ้านหลังนี้เป็นบ้าน 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นห้องนอนห้องใหญ่ที่มี 6 เตียงห่างกัน และภายในชั้นบนจะมีห้องน้ำทั้งหมด 3 ห้อง ด้านล่างอีก 3 ห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องคอมฯที่แยกสำหรับทำงานให้ 3 เครื่อง ถ้าเกิดเร่งด่วนจะใช้ทุกคนอีก 3 คนที่เหลือก็ต้องไปใช้ที่ห้องโถงรวมปี 1 เอาเอง
และทางด้านขวาของห้องนั่งเล่นของบ้านนั้นจะมีประตูเข้าไปห้องเก็บของที่แบ่งแยกเป็น 6 ส่วนต่างหาก คือแบ่งเป็นอีก 6 ห้องสำหรับเก็บของแต่ละคน และในห้องนอนใหญ่ที่นอนรวมนั้นก็มีประตูแยกไปทางขวาสำหรับตู้เก็บเสื้อผ้าและเนื้อที่เก็บของอื่นๆอีก
แคตเลือกเตียงริมซ้ายสุด ถัดมาคือเซีย แคลร์ และอลิซ เหลือทางขวาไว้ 2 เตียงให้เพื่อนร่วมห้องทั้งสองที่ยังคงไม่เข้ามา แล้วก็เป็นไปตามที่อลิซสันนิษฐาน คือเคเซียเข้ามาก่อน เธอเงียบไม่พูดไม่จา และเลือกเตียงริมขวาสุด ซึ่งอีกที่หนึ่งที่เหลือ...เตียงข้างอลิซ คือที่ของวีน
เพื่อนร่วมห้องของพวกเธอยังคงไม่พูดไม่จาทำให้เกิดแต่ความเงียบ จนเมื่อคนๆหนึ่งขึ้นมาข้างบนเห็นเพื่อนร่วมห้องเท่านั้นแหละ เสียงก็เกิดขึ้น...
“ อะไรกันเนี่ย! ทำไมพวกเธอถึงลงชื่อฉันเข้าบ้านนี้ห๊า!! จะเปลี่ยนบ้านก็ไม่ได้แล้ว ฉันต้องทนอยู่กับเธอถึง 4 ปีเชียวนะยะ ทำอะไรไม่รู้จักคิด รู้อยู่ว่าฉันไม่ชอบพวกเธอ นี่คิดจะแกล้งกันใช่มั๊ย ไม่ต้องอุดหู ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้!!!! ” ทีแรกคนอื่นเขาเงียบกัน พอวีนเข้ามาก็อาละวาด สงสัยเสียงของเธอคงแผดลั่นไปทั่วได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน และสิ่งยืนยันนั้นก็คือ
ออด......
“ สวัสดีค่ะพี่เฟิร์ซ มากดออด มีอะไรหรอคะ ” แคตถามพลางทำหน้าใสซื่อ
“ มีปัญหากันรึเปล่า เสียงดังได้ยินไปทั่วเชียว ”
“ ไม่มีค่ะ แค่การทักทายเพื่อนร่วมบ้านกันนิดๆหน่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ ขอตัวนะคะ บายค่ะ ” พูดแล้วรีบปิดล็อกประตูแต่แคตยังไม่ขึ้นไปชั้นบน...จนกว่าเพื่อนๆจะรับมือกับการอาละวาดของวีนเสร็จ กิจกรรมทักทายเพื่อนร่วมบ้านของวีนนั้นเรียกเสียงออดและเสียงด่าจากบ้านข้างเคียงได้หลายครั้ง จนเมื่อมันจบลงแต่ละคนก็หลับเป็นตาย ...ขนาดคนเงียบๆอย่างเคเซีย ลูซยังอดทนว่าออกมาไม่ไหว...
---***---***---***---***---
“ หวัดดี...ทำไมตาคล้ำกันนักล่ะ ” เสียงทักจากเดรทำให้แต่ละคนหันไปมองค้อนแล้วพยักเพยิดไปทางวีนที่ส่งรอยยิ้มปีศาจมาให้
“ เมื่อคืนมีพิธีทักทายเพื่อนร่วมบ้านกันน่ะ ฉันก็เลยต้องมาแทนอลิซชั่วคราวนี่ไง ” เสียงตอบจากเอเรีย หนึ่งในร่างที่แยกมาของอลิซที่ยังไม่ยอมตื่นและให้เธอมาแทนเพราะเอเรียได้รู้อะไร อลิซก็จะได้รู้ไปด้วย ( ในกรณีที่เอเรียไม่ใช้เวทย์ปิดกั้น ) อลิซจึงขอนอนต่อและค่อยมาเปลี่ยนตัวทีหลัง ส่วนคนอื่นในบ้านก็ตาคล้ำเพราะอดนอนและไม่มีคนเปลี่ยนอย่างอลิซ
“ น้องๆ เดินตามมา ” เสียงเรียกที่ทำให้บทสนทนาสั้นๆหยุดอยู่แค่นั้นแล้วเดินตามพี่เฟิร์ซไปเงียบๆ
พี่เฟิร์ซซึ่งดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนนั้นพารุ่นน้องเดินชมอาคารสถานที่เรียน ห้องชมรมต่างๆ รวมทั้งอธิบายไปด้วย แล้วในตอนเที่ยงก็พามาที่ห้องอาหารรวมซึ่งใหญ่กว่าห้องโถงโรงเรียนที่ใหญ่โตอยู่แล้วถึง 2 เท่า
“ ห้องอาหารนี้จะมีรายการเมนูอยู่ แค่เอาไมค์ตรงกลางขึ้นมาแล้วสั่งซักพักจะมีคนมาเสิร์ฟ เป็นห้องอาหารที่ใช้กันทั้งโรงเรียนเพื่อไม่ให้แยกรุ่นพี่รุ่นน้องหรือแยกบ้าน โต๊ะอาหารก็มีเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนแน่นอน อาจจะเกินด้วยซ้ำ สามารถเลือกนั่งได้ตามอัธยาศัยว่าจะนั่งโต๊ะกี่คน สำหรับตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว แล้วจากที่เดินมาทั้งวันก็คงจะหิวกันก็ทดลองใช้วันนี้วันแรกไปเลย แล้วจากนั้นก็สามารถแยกย้ายกันไปชมรมได้ แต่อย่าลืมนะว่าบ่ายสามครึ่งต้องไปห้องโถงใหญ่ ”
จากนั้นเอเรียก็ขอตัวไปแล้วอลิซก็เดินเข้ามาเปลี่ยนด้วยสีหน้าสดใสเพราะนอนเต็มอิ่ม อาจจะเต็มอิ่มมากไปด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวเล่นนอนจนเกือบเที่ยง!
“ นอนพอแล้วหรอ นึกว่าจะถึงเย็นซะอีก ” แคลร์ทักในขณะที่อลิซยิ้มเป็นคำตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆแคลร์
พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะ 8 คนเพราะวีนไม่ยอมมานั่งด้วยอยู่แล้วและคงไม่มีใครมานั่งเพิ่ม ในตอนนี้ทั้ง 8 คนซึ่งก็คือ อลิซ เซีย แคต แคลร์ เอ๊ด เช เดร และไค กำลังนั่งดูเมนูอาหารและสั่งกันอยู่จึงมีแต่เสียงเงียบ แล้วอลิซก็เหลือบไปเห็นเคเซีย เพื่อนร่วมบ้านของเธอนั่งอยู่คนเดียวจึง...ไปลากมานั่งด้วยกัน เพราะโต๊ะมีขนาดใหญ่อยู่แล้ว การเสริมเก้าอี้เข้าไปอีกตัวจึงไม่ใช่เรื่องลำบาก
ส่วนคนที่ถูกลากมาก็ยังคงเงียบ นั่งฟังคนที่ลากมาแนะนำเพื่อนให้กับเธอและแนะนำเธอให้กับเพื่อน แต่ทุกคนก็ทักทายและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ยกเว้นแต่คนที่อลิซแนะนำตัวว่าไคเอสที่นิ่งเงียบและดูเย็นชาจนไม่น่าจะมาร่วมกลุ่มคนร่าเริงที่นิสัยต่างๆกันอย่างกลุ่มนี้ได้ แต่เท่าที่เคเซียสังเกตคือดูเหมือนว่าจะมีคนสองคนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันซักเท่าไหร่ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไร นั่นคือไคเอสและเอ๊ด ส่วนคนอื่นๆในโต๊ะไม่ใส่ใจกับปฏิกิริยานี้ซักเท่าไหร่
“ เคท ทำไมถึงไม่ค่อยพูดเลยล่ะ ” เคทคือชื่อที่ตอนนี้คนในกลุ่มนี้เรียกเธอ มันเป็นชื่อเล่นของเธอที่น้อยคนจะเรียก และคนในกลุ่มนี้ได้รู้ก็เพราะคนข้างๆที่กำลังถามนั้นบอกว่าถ้าไม่บอกก็จะหาชื่อมาเรียกเธอเอง ซึ่งตามที่เซียเล่าให้ฟังไม่นานมานี้ว่าบางครั้งเธอเรียกพี่ชายที่ชื่อเฟเดอริก หรือพี่เฟิร์ซที่เป็นประธานบ้านว่า ริกกี้ แล้วเธอก็ไม่อยากจะได้ชื่อใหม่นักไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม
“ อย่ามายุ่งกับฉันเลย เดี๋ยวพวกเธอจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ” พูดเสร็จก็ลุกจากโต๊ะไปท่ามกลางความงุนงงของหลายๆคน
“ เดือดร้อนหรอ...นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
“ อลิซ...เธอไม่รู้จริงๆหรอว่าเคเซียเป็นใคร ” ผู้รู้เรื่องตระกูลต่างๆถามขึ้น
“ รู้สิเช...เคเซีย ลูซ ลูกหลานของตระกูลพิเศษที่มีอำนาจทางเสียง...แต่มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ ”
“ เฮ้อ...เธอไม่เคยเข้าใจเรื่องแบบนี้เพราะเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครน่ะสิ...ทำไมนะเรื่องอื่นฉลาด ทีเรื่องความรู้สึกต่างๆกลับไม่ฉลาดบ้าง ”
“ ค่ะๆ...แล้วจะบอกได้รึยัง? ” คนพูดเริ่มอารมณ์เสีย
“ เพราะมีข่าวเล่ากันว่าคนตระกูลนี้ใช้อำนาจเสียงสะกดคน เลยไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะกลัวโดนสะกดน่ะสิ...บรรพบุรุษทำให้ลูกหลานลำบากแท้ๆ อย่างเคเซียนั่นเวลาเดินก็จะมีคนเดินออกห่าง ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เพราะความระแวง หล่อนก็เลยไม่มีเพื่อนไง เธอไม่ค่อยกลัวหรือระแวงใครเลยไม่รู้ ส่วนเรื่องที่ว่าเดือดร้อนฉันว่า...คงเป็นเพราะกลัวพวกเราโดนนินทาไปด้วยว่าเพราะถูกสะกดเลยเป็นเพื่อนด้วย ประมาณนี้ ” อธิบายอย่างผู้รู้ในขณะที่คนฟังนั่งทำตาปริบๆ
“ ใครคิดกันเนี่ย งี่เง่าจัง...คนเมืองกระจกอย่างฉันน่ะนะจะโดนสะกด เคยแต่สะกดปีศาจ... ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปในขณะที่คนที่โต๊ะได้แต่นั่งมองแล้วกินข้าวต่อราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้สายตาจากบางคนที่จับจ้องอยู่งุนงงกับคนกลุ่มนี้ และคิดได้เพียงว่า...ประเมินยาก
---***---***---***---***---
“ เคท หยุดก่อน! ” ตะโกนพลางวิ่งไปหอบแฮกๆข้างๆคนที่หันมาเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยจะชื่นชอบการวิ่งซักเท่าไหร่นัก
“ ฉันบอกแล้วไงว่า ”
“ ฉันรู้ว่าเธอบอกฉันว่าอะไร... ” พูดตัดแล้วหอบต่อ
“ แล้วเรียกฉันทำไม มายุ่งกับฉันอีกทำไม ” ถามเสียงเศร้าแล้วก้มหน้า
“ แค่มีอะไรบางอย่างอยากจะบอกให้เก็บไปคิดดูน่ะ... ”
---***---***---***---***---
“ สำเร็จมั๊ย ”
“ ก็ต้องคอยดู...แต่อีกไม่นานก็รู้ ว่าแต่ เอ๊ด...นายว่าฉันควรเลือกชมรมอะไรดี ” ถามพลางดูตารางชมรมในคู่มือซึ่งให้เลือกลงคนละ 1 ชมรมเท่านั้น และจากตารางก็ทำให้รู้ว่ามันมีมากถึง 30 ชมรมเลยทีเดียว
“ ชมรมปรุงยามั๊ยล่ะ คนในชมรมจะได้ดีใจที่มีเจ้าหญิงนักปรุงยาไปเป็นเกียรติ ” อีกฝ่ายส่ายหัวเอาเป็นเอาตาย แคตกับเซียนั้นหัวเราะเบาๆกับข้อเสนอของเอ๊ดเพราะรู้ว่าอลิซคงจะไม่เข้าเด็ดขาด เพราะชมรมนั้นแทบจะเรียกได้ว่า ชมรมแฟนคลับอลิซเพราะส่วนมากจะมีทั้งผู้ชื่นชอบและชื่นชมเธอไปอยู่ชมรมนั้น ถ้าเธอไปอยู่มีหวังได้วุ่นวาย ไม่ก็ต้องนั่งฉีกยิ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะชอบนัก
“ ชมรมเต้นรำดีมั๊ยล่ะเอ๊ด คนในชมรมจะได้มีเจ้าชายรูปหล่อเป็นวิทยากรพิเศษช่วยสอน ” คราวนี้โดนเข้าบ้าง เอ๊ดส่ายหัวเพราะรู้ว่าถ้าเข้าชมรมก็คงจะมีสาวๆแฟนคลับมาขอให้สอนเต้นจนปวดหัวเช่นกัน
“ เธอก็พอกันแหละอลิซ เข้าชมรมนั้นเธอสองคนมีหวังไม่ต้องทำอะไรกิน ได้เต้นกันขาหักไปข้างแน่...ฉันว่าเอาชมรมนักดาบ” แคลร์เสนอ
“ ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวก็มีคนมาท้า...เซ็ง...ดีไม่ดีจะได้เจอคนที่เธอไม่อยากเจอนะแคลร์ ”
“ ชมรมวาดภาพสิ ”
“ ไม่ดีกว่ามั้งเซีย...เดี๋ยวมีการบ้านเพิ่ม ไม่เอาล่ะ ” แคตบอก เจ้าตัวไม่ค่อยจะชื่นชอบการวาดภาพด้วยอยู่แล้ว
“ ชมรมนักเวทย์ล่ะ ”
“ ก็น่าจะดีนะเช...ว่าแต่...มันต้องทำอะไรบ้างล่ะ ” เดรถามอย่างสนใจ
“ ก็ฝึกเวทย์ แล้วก็คอยช่วยชมรมอื่นเวลามีงาน ”
“ ไม่เอา ” แคลร์ตอบทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ แต่ชมรมอื่นก็ไม่มีอันไหนน่าสนนี่นา...หรือว่าจะเอาชมรมการแสดงดี เชื่อว่ารุ่นพี่แสนสวยผู้คุมชมรมคงอยากรับเจ้าชายหนุ่มหล่อและข้าราชนิกูลหน้าตาดีแห่งแอลนิวซิต เจ้าชายผู้น่ารักแห่งเควชอส และรูปปั้นหน้าหวานอย่างไคแน่นอน ” เซียแซว
“ งั้นเอาชมรมนักเวทย์นั่นแหละ...รู้สึกมีรุ่นพี่ที่เป็นหนึ่งในตระกูลนักเวทย์เป็นหัวหน้าชมรมด้วย ...เอ่อ...พวกเธอไปกันก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา ” อลิซพูดพลางเดินออกจากห้องอาหาร เพื่อนๆจึงเดินออกไปบ้างเพื่อไปชมรม โดยไม่มีใครถามว่าอลิซจะไปทำอะไร เพราะถ้าเจ้าตัวอยากบอกก็บอกมาเองแหละ นั่นทำให้ผู้จับจ้องต้องงงกับพฤติกรรมกลุ่มนี้อีกครั้ง
--------------------------------------------
aris : บทนี้คงต้องจบกันแค่นี้ก่อน บทหน้าจะเป็นเกี่ยวกับชมรมแล้วก็เคทค่ะ ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาจะมาลง ถ้าไม่มีก็คงเป็นอาทิตย์หน้าล่ะค่ะ ^^ บทนี้อธิบายยาวไปหน่อยเพราะมันเริ่มเข้าเรื่อง ต่อไปจะได้ง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายอีก... ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่อยากพูด
ขอบคุณการทวงของคุณ guest ที่ทำให้สละคิวของอีกเรื่องมาลงเรื่องนี้เพราะกลัวคุณเล่นไสยศาสตร์ ^^\"
ขอบคุณ mishell สำหรับคำผิดที่สัญญาว่าจะมาจับให้ ( ในอนาคต ) แล้วก็อยากบอกเพื่อนว่า...กินข้าวดีกว่ากินคอมฯ ( ตอนกลางวันน่ะอย่าเอาเวลากินข้าวไล่นคอมฯสิยะ ถึงยังไงมันก็ไม่ทำให้ผอมลงหรอก )
ขอบคุณ Seiz สำหรับความคิดเห็นที่ลง และอีกหลายๆท่านที่ลงความคิดเห็น ( อันนี้ตั้งใจว่ากระทบ mishell โดยทางตรงเพราะอ่านแล้วเราทวงความคิดเห็นแล้วไม่ค่อยจะลงให้ แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำผิดที่สัญญาไว้ว่าจะจับให้ )
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามค่ะ มีบางคนที่ยังไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ก็ขอบคุณทุกๆท่านเลยที่มาอ่านค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น