ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Princess of Time

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 สอบเข้าอ๊อกซ์เวิร์ด

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 48


                                                                     บทที่ 4 สอบเข้าอ๊อกซ์เวิร์ด



             และแล้วในที่สุด...การสอบ ก็ได้เริ่มขึ้นในวันนี้



             อลิซตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นดีใจ คนอื่นๆก็เช่นกัน พวกเธอนัดกันไว้และจะไปเข้าสอบพร้อมกันที่โรงเรียนอ๊อกซ์เวิร์ด ที่อยู่ตรงกลางระหว่างฟลอรัสเมืองแห่งดอกไม้และโมลาซัสเมืองแห่งเสียงเพลงและอัญมณี



    “ ฮัลโหล แคลร์หรอ ใกล้ถึงแล้วจ้า ถึงแล้วจะโทรบอกนะ บายจ้ะ ” อลิซวางสายโทรศัพท์แล้วหันไปมองสองข้างทาง ขณะนี้เธออยู่ในรถคันยาวพร้อมกับเพื่อนๆอีก 5 คนซึ่งก็คือ เอ๊ด เช เดร แคต และเซีย มันทำให้เธอนึกถึงเมื่อก่อนนี้ที่เคยมีทอม และวีนนั่งอยู่ในรถคันหรูสีดำนี้ด้วยกัน ซึ่งเพื่อนๆก็เงียบมาตลอดทางและคงจะคิดเหมือนกับเธอ



    ---***---***---***---***---



    “ แคลร์ ถึงแล้วนะ คนเยอะมากเลย…เธออยู่ตรงไหนน่ะ ...อืม งั้นแค่นี้ก่อนนะ ” อลิซวางสายแล้วมองหาแคลร์ที่ดูจากสถานที่ๆบอกแล้วอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เธอบอกลักษณะให้เพื่อนๆฟังแล้วทั้งหมดก็ช่วยกันสอดส่องสายตามองหา



    “ ลิซ่า! ”

    “ แคลรี่ ”
    อลิซมองไปเห็นเพื่อนจึงร้องเรียกกัน ทั้งคู่กอดกันอย่างคิดถึงเพราะไม่ได้พบกันมานาน ท่ามกลางฝูงชนที่หันมามองแต่พวกเธอไม่ใส่ใจ



    “ เป็นไงบ้างแคลร์ เตรียมตัวมาพร้อมมั๊ย ”

    “ ก็ดี แล้วเธอล่ะ ” เด็กสาวผู้มีนัยน์ตาสีเขียวและผมสีทองแบบวีเชอร์คนที่อลิซเรียกว่าแคร์กล่าวถาม



    “ ก็ดีเหมือนกัน แล้วไคไปไหนซะล่ะ ”

    “ ไคไปที่ห้องสอบแล้วล่ะ สอบห้องเดียวกับเราด้วย ”



    “ อืม...เอ้อ! ยังไม่ได้แนะนำเพื่อนให้รู้จักเลย คนเตี้ยที่สุดนี่ชื่อเซีย คนใส่แว่นนี่ชื่อแคต คนที่สูงที่สุดนั่นชื่อเอ๊ด คนที่ดูสุภาพๆแล้วก็ผิวขาวนั่นชื่อเช ส่วนคนที่ผมและตาสีน้ำตาลนั่นชื่อเดร ...ส่วนทุกคน นี่แคลร์ คลาร่า วีเชอร์ ญาติคนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง แล้วก็คนที่กำลังเดินมานั่น ไคเอส คลาดิเลียส ถือเป็นญาติอีกคนนึง ” แล้วทุกคนก็แนะนำตัวกัน ดูเหมือนว่าไคเอสจะเป็นคนที่เงียบที่สุด แนะนำตัวสั้นๆ แล้วก็เดินจากไปอีก



    ทั้งหมดสอบที่ห้องเดียวกันซึ่งตารางออกมาแล้วว่าชั่วโมงแรกสอบประวัติศาสตร์ ชั่วโมงที่สองสอบทฤษฎีเวทย์ ชั่วโมงที่สามสอบวิชาทั่วไป และภาคบ่ายสอบพื้นฐานเวทมนตร์และศิลปะการป้องกันตัว



    หลังจากช่วงเช้าจบไปทั้งหมดก็ออกมาจากห้องสอบด้วยสภาพที่ต่างกัน พวกที่เดินเข้าห้องสอบด้วยความมั่นใจกลับออกมาแบบหมดสภาพและแฝงความกังวล พวกที่ไม่มั่นใจก็เดินออกมากลุ้มๆแต่ก็สภาพดีกว่าพวกแรก ส่วนพวกที่เฉยๆนั้นก็ยังคงเฉยๆอยู่ มีแต่พวกตื่นเต้นลุ้นระทึกอย่างอลิซที่เดินออกมาแล้วส่งยิ้มให้กันก่อนเข้าห้อง แต่ออกมายิ้มหวานกลายเป็นยิ้มเจื่อนๆ ใครถามว่าดีมั๊ยก็ตอบแต่ “ ไม่รู้สิ ”





             ในช่วงบ่ายเป็นช่วงที่หลายๆคนหวังเก็บคะแนนมากที่สุด เพราะมีการฝึกซ้อมฝีมือกันมาอย่างดี สำหรับพื้นฐานเวทย์มนตร์นั้นให้สอบครั้งละ 10 คน เข้าไปที่ห้องโสตที่ไม่สามารถมองเห็นข้างในได้เนื่องจากกระจกดำทึบลงมนตราอย่างดี สำหรับรายชื่อที่เรียกเข้าไปคือตามเลขที่เข้าสอบ



    ในกลุ่มของอลิซที่นั่งรออยู่ข้างนอกนั้นแต่ละคนมือเย็นและรอการเรียกชื่อ ซึ่งคนแรกที่เข้าไปนั้นคือเอ๊ดที่ออกมาด้วยสีหน้าเบิกบานและให้กำลังใจทุกคนทำให้มีความกล้ามากขึ้น ตามมาด้วยไคเอสที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย ทั้งยังไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็เชกับเดรที่เข้าไปพร้อมกัน แต่ออกมาด้วยสีหน้าที่ต่างกัน เชนั้นดูเฉยๆ ทั้งยังส่งยิ้มให้ ส่วนเดรนั้นเหงื่อออกนิดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร





    ต่อมาก็เป็นคิวของแคต เซีย และแคลร์  ที่เข้าไปแล้วออกมาด้วยสีหน้าเบิกบาน แล้วสุดท้ายคืออลิซที่ตอนเข้าไปเธอก็สังเกตเห็นผู้หญิงผมสีเงินคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ...วีน



    ทั้งคู่ไม่ได้มองหน้ากันเลยทำเหมือนไม่เคยเห็น สำหรับวีนเป็นเพราะมนตร์ดำ สำหรับอลิซเป็นเพราะ...รู้สึกผิด ผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้วีนต้องเป็นอย่างนี้ และถึงมองไปวีนก็จะจำเธอในฐานะศัตรู ไม่ใช่เพื่อน...



    “ สำหรับการสอบพื้นฐานเวทมนตร์ในรอบนี้มีผู้ที่มีเวทย์สีพิเศษอยู่ 2 คน คือพลอสเซอร์ เดวิล แห่งเดวิลัสเวทย์ดำ กับอลิซซิน่า ครูเว่น แห่งมัลเลน เวทย์สีทองซึ่งไม่ต้องสอบ แต่ให้นั่งดูเพื่อนๆสอบได้ ” หลายคนทำหน้าอิจฉา อยากรู้อยากเห็นและจับจ้องเพราะทั้งคู่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าหญิงเจ้าชาย และยังได้สิทธิ์ไม่ต้องสอบอีกซึ่งอลิซก็ดีใจกับการที่ไม่ต้องสอบอยู่หรอก แต่ความคิดอีกอย่างคือ...เซ็ง



             การสอบไม่มีอะไรมากก็แค่การให้ทำอะไรนิดๆหน่อยๆเท่านั้น คนที่มีความสามารถพิเศษก็จะได้รับการพิจารณา ซึ่งผู้หญิงคนนึงที่ชื่อเคเซีย ลูซ ผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านเสียง เป็นหนึ่งใน 50 ตระกูลความสามารถพิเศษนั้นผู้คุมสอบแค่ให้ร้องเพลงสะกดคนเท่านั้นแล้วก็บันทึกคะแนน ส่วนวีนนั้นทดสอบทักษะทางเวทย์ซึ่งแน่นอนว่าเธอสอบผ่านเพราะสิ่งที่ให้ทำก็แค่เรื่องง่ายๆสำหรับเธอ



    ต่อมาเป็นการสอบศิลปะการป้องกันตัวซึ่งแสดงออกได้ทุกแขนงซึ่งต้องจับฉลากเอาว่าใครจะได้คู่กับใคร ซึ่งพวกข้าราชนิกูลนั้นจับฉลากพิเศษจะไม่มีวันได้สู้กันเนื่องจากป้องกันปัญหาความบาดหมางระหว่างประเทศ การสู้นี้ไม่มีกติกา จะใช้เวทย์มาร่วมด้วยก็ได้ และจะมีการจับเวลาซึ่งถ้าเวลาหมดก็เป็นการยุติการต่อสู้ ซึ่งเวลานั้นมีให้แค่ 10 นาที



    เอ๊ดได้คู่ต่อสู้เป็นนักดาบคนหนึ่งซึ่งเมื่อใช้เวทย์เข้าช่วยแล้วทำให้ง่ายขึ้นเยอะและชนะไป การต่อสู้นี้คนแพ้ใช่ว่าจะสอบไม่ผ่าน แต่อยู่ที่ทักษะ ถ้าใครมีฝีมือดีแต่แพ้ก็ยังได้คะแนนเช่นกัน คะแนนการสู้นั้นเอาไปรวมกับคะแนนสอบแล้วผลที่ออกมานั้นจากผู้เข้าสอบเป็นพันจะรับเพียงไม่ถึงร้อย





    การต่อสู้ของไคเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อที่สุดในความรู้สึกของอลิซเพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือนักเวทย์ที่อ่อนด้อยกว่ากันมาก แค่ไคปล่อยพลังครั้งเดียวเท่านั้นก็หมอบ ต่อสู้กันไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ



    การต่อสู้ของเดรนั้นฉิวเฉียด เกือบจะไม่ชนะเพราะคู่ต่อสู้นั้นค่อนข้างเก่ง แต่ด้วยไหวพริบและทักษะที่เคยฝึกมาทำให้ชนะไปได้ ส่วนการต่อสู้ของแคลร์นั้นก็จบพอๆกับไค เพียงแต่น่าสนุกมากกว่าและใช้เวลานานกว่าเท่านั้น แต่ก็ยังจบเร็วอยู่ดีตามเอกลักษณ์ของพวกวีเชอร์



    สำหรับเซียและแคตนั้นได้คู่ต่อสู้ที่ธรรมดา ด้วยทักษะศิลปะป้องกันตัวที่ไม่มีเวทย์เข้ามาเกี่ยวก็สามารถชนะได้อย่างไม่เสียศักดิ์ศรีครูเว่น แล้วคู่ที่อลิซจับตามองอีกก็คือวีนซึ่งด้วยพลังเวทย์สีเขียวของเธอที่สายตาคนธรรมดาอาจมองไม่ออก แต่พวกชาวกระจกและเดวิลัสที่รู้จักดีสามารถมองเห็นได้ชัดว่ามันผสมเวทย์ดำไปด้วยทำให้ชนะไปได้โดยง่าย



    และสุดท้ายคือการต่อสู้ของอลิซที่ได้ต่อสู้กับตระกูลที่มีชื่อเสียงตระกูลหนึ่ง...ตระกูลแห่งนักดาบ ที่เก่งทั้งดาบและเวทย์จึงเป็นการต่อสู้ที่น่าจับตามอง...



    ---***---***---***---***---



             ก่อนจะประลองกรรมการมีเวลาให้เตรียมตัว 10 นาทีทั้งสองฝ่ายจึงเลือกดาบกัน ฝ่ายนักดาบแห่งตระกูลเอเวอร์นั้นเอาดาบออกมายี่สิบเล่มเพื่อข่มเต็มที่แล้วก็เลือกดาบดีขึ้นโชว์ ส่วนอีกฝ่ายนั้นไม่ได้เอาดาบออกมาโชว์



    “ ท่าทางงานนี้ฉันจะสบาย ได้คู่ต่อสู้เป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อย...ท่าทางหล่อนจะไม่เคยจับดาบเลยด้วยซ้ำ... ”

    “ อย่าประมาทไปเชียว...เออ แต่หน้าตาหล่อนคุ้นๆ ” เมื่อเพื่อนเตือนอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มเพราะไม่คิดว่าจะมีอะไรมากไปกว่าที่เห็นจนกระทั่ง...



    “ คู่ต่อไปเป็นการต่อสู้ระหว่าง ชิล เอเวอร์แห่งซัทพอร์ส กับ เจ้าหญิงอลิซซิน่า ครูเว่น แห่งมัลเลน ” คำประกาศที่ทำให้สายตาแทบทุกคู่หันมามอง โดยเฉพาะชิลที่ตอนนี้ตาค้างไปแล้ว



    “ นี่น่ะหรอเจ้าหญิงอลิซซิน่าที่เขาว่ากัน...ดูเจ้าหล่อนไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินแฮะ ”

    “ ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าประมาทไป...เห็นอย่างนั้นก็จริง แต่อย่าลืมว่าหล่อนเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ได้ฉายามากที่สุด และหนึ่งในนั้นก็น่าจะมีเรื่องดาบมาด้วยสิ ว่ากันว่าเป็นนักสะสมดาบตัวยงคนหนึ่ง แล้วก็สืบเชื้อสายจากอลิซซาเบธนักดาบฝีมือเยี่ยมซะด้วยสิ เราก็ต้องมาลุ้นกันว่าหล่อนจะได้เชื้อสายจากไหนบ้าง หึๆ กล้าประมาทอีกมั๊ยล่ะ ” อีกฝ่ายยิ้มรับไม่สะทกสะท้านแถมพูดกลับด้วยความมั่นใจ



    “ ฉันยังยืนยันคำพูดเดิมว่าท่าทางเหมือนไม่เคยจับดาบอย่างนั้นน่ะไม่น่ากลัวอย่างที่แกคิดหรอก แกน่ะคิดมากไปเอง ”

    “ เออ แล้วฉันจะคอยดูสีหน้าแกหลังแข่งเสร็จว่ามันจะยังเหมือนตอนนี้อยู่มั๊ย ” พูดเสร็จเพื่อนตัวดีผู้มีสีหน้ามั่นใจสุดขีดก็ก้าวไปกลางลานพลางโชว์ดาบเล่มสวยที่หวังจะข่มเจ้าหล่อนด้วยความคม ส่วนอีกฝ่ายมายืนด้วยท่าทางสบายๆ เรียบร้อย สุภาพ ไม่เผยพิษสงแต่อย่างใด



    “ สวัสดีค่ะ ” อลิซเอ่ยทักทายก่อนพลางส่งยิ้มหวานให้ทำให้อีกฝ่ายลดความเกร็งและทักกลับ จากนั้นเขาก็ส่งสายตาไปยังเพื่อนคนเตือนที่ยังคงทำหน้าเฉยเมยยืนยันความคิดของตัวเองและขยับปากเตือนเบาๆ จากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นหลังสัญญาณนกหวีดดัง



             ฉับพลันนัยน์ตาสีฟ้าสดใสและเส้นผมสีทองก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำรัตติกาล สายตานั้นจริงจังผิดกับเมื่อครู่ทำให้ลูกหลานตระกูลยอดนักดาบผงะ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะตั้งสติกระชับดาบในมือเตรียมรับและเปลี่ยนความคิดใหม่หันไปสนใจคำเตือนของเพื่อนแล้วก็นึกขอบคุณและขอโทษที่ไม่ฟัง



    การปะทะดาบเริ่มขึ้น – เจ้าหญิงแห่งมัลเลนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนและชิลหลบไปได้อย่างเฉียดฉิวแต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่ได้เล็งไว้ตรงๆตั้งแต่แรก – ฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุกบ้างเพราะไม่อยากเสียเปรียบ เขาจับดาบกระชับให้มั่นและมุ่งตรงเข้าต่อสู้แต่หล่อนยังคงหลบได้



    การต่อสู้ยังเป็นไปเรื่อยๆจนกระทั่ง 5 นาทีผ่านไปการใช้เวทย์เริ่มเข้ามาพัวพันแต่ต่างก็ไม่มีใครบาดเจ็บ การต่อสู้จึงยิ่งเร็วและแรงขึ้นโดยหมายให้อีกฝ่ายเจ็บตัวเพื่อเอาคะแนน และแล้วเมื่อเข้าสู้นาทีที่ 6 จู่ๆอลิซก็หยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองและเอาแขนรับดาบทำให้เลือดสาดกระเซ็น แต่เธอยังยิ้มได้และกระโดดถอยหลังในขณะที่คนอื่นอยู่ในอาการมึนงง



    “ มองที่ดาบของตัวเองซะก่อนเถอะ ” เธอพูดและยิ้มอย่างมีชัยจากนั้นก็เอาดาบในมือกรีดนิ้วตัวเองและเอาเลือดนั้นทาแผล เกิดแสงสว่างวาบชั่วครู่แล้วแผลทั้งที่นิ้วและที่แขนก็หายไปท่ามกลางความตะลึงของคนดู แล้วเจ้าของดาบเปื้อนเลือดที่ถูกเตือนก็ก้มลงมองดูดาบตัวเองบ้าง ปรากฏว่ามัน...มันกำลังสึกกร่อนและกำลังจะหายไป!



    ดาบดีที่ไม่มีรอยบิ่นกำลังสึกกร่อนและหายไปกับสายลมเหลือทิ้งไว้แต่ด้ามดาบและความตะลึงของผู้ที่เห็น ส่วนคนทำนั้นยังยิ้มและไม่ลงมือซ้ำ...นักดาบแห่งซัทพอร์สตั้งสติ แล้วหันมาเล่นเวทย์อย่างเดียว ส่วนอีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่ตั้งรับโดยการเสกกระจกเป็นเกราะป้องกัน



    เพราะไม่อยากแสดงฝีมือให้ใครเห็นไปมากกว่านี้ เพราะมันเป็นเพียงแค่การสอบเข้าเท่านั้น การแสดงฝีมือออกไปทั้งหมดย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดี โดยเฉพาะต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนด้วยแล้ว ถ้าเธอยังอยากอยู่โดยสะดวกล่ะก็ การทำอะไรไปมากกว่านี้คงเป็นเรื่องไม่ควร การตั้งรับและโจมตีไปบ้างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตัวเองเบื่อจึงเป็นสิ่งที่เธอเลือก



    ปี๊ดดดดดดด!!!!!!



    และแล้วเวลา 10 นาทีก็หมดลง อลิซกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ นัยน์ตาและเส้นผมเปลี่ยนสีกลับ แล้วก็ก้าวออกมาจากลานมุ่งตรงมาทางกลุ่มเพื่อนของเธอ



    “ น่าจะเอาจริงกว่านี้หน่อยนะ เดี๋ยวก็มีพิรุธหรอก ”

    “ ก็นี่แค่การสอบเข้า ถ้าฉันแสดงไปว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ มีหวังอยู่ได้ไม่เป็นสุขหรอก ...แล้วงานต่างๆก็คงทำได้ยากขึ้น ” ประโยคสุดท้ายเป็นเสียงกระซิบให้ได้ยินกันแค่ไม่กี่คน



    “ แล้วทำไมคราวนี้ถึงใช้เลือด... ”

    “ ไม่มีอะไรมากหรอกแคต …ใช้ฉายาเจ้าหญิงแห่งพิษกับเจ้าหญิงนักปรุงยาให้เป็นประโยชน์ แสดงให้เห็น…หลายๆอย่างจะเป็นประโยชน์กับฉันก็เท่านั้น ” พูดอย่างไม่เดือดร้อนอะไร แต่น้ำเสียงที่พูดนั้นก็พอแค่ให้ได้ยินกัน 3 คนเท่านั้นคือเธอ แคต และเซีย



    “ คือ...อลิซ...อยากถามหน่อย เรื่องเลือดนั่น… ” จู่ๆ เชก็เดินมาถาม แต่อลิซพอจะรู้ว่าอะไรจึงได้พูดตัด



    “ เลือดฉันน่ะหรอ...ก็ไม่มีอะไรมาก ปกติก็รู้กันอยู่ว่าฉันชอบกินยาพิษเล่น แล้วก็ไม่เป็นอะไร จริงๆแล้วมันจะเข้ามาอยู่ในเลือดบางส่วน ถูกเก็บไว้บางส่วน อธิบายแล้วค่อนข้างเข้าใจยาก...เอาเป็นว่า เลือดฉันบางที่มีพิษ บางที่เป็นอย่างอื่น และฉันก็รู้ว่าส่วนไหนเป็นอะไร ส่วนอย่างอื่นฉันอธิบายไปมากกว่านี้ไม่ได้ ” คำอธิบายที่ทำให้ทั้งกระจ่างทั้งงุนงง เขารู้อยู่แล้วว่าเธอชอบกินยาพิษ และผสมพิษเก่ง แต่ที่มาของเจ้าหญิงแห่งพิษคงจะรวมความสามารถนี้เข้าไปด้วย...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเคยกล่าวถึง





    “ ชั่งมันเถอะ เตรียมไปดูผลสอบกันดีกว่า...อีกไม่นานจะประกาศผลแล้วตอนนี้เราก็ไปพักกันก่อนเถอะ ” เอ๊ดพูดแล้วนำเพื่อนไป ทั้งที่ในใจยังค้างคาแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม ส่วนอลิซนั้นรู้ดีจึงเดินตามไปอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการประลองเมื่อครู่อีก...





    “ ฉันเตือนแล้วใช่มั๊ย...เป็นไงล่ะ สีหน้าดูไม่ดีเลย... ”

    “ เออๆ ฉันขอโทษ...ว่าแต่...นายพอจะรู้มั๊ยว่าหล่อนใช้อะไร ทำไมดาบเล่มโปรดฉันถึงได้กลายเป็นเศษผง ” พูดแล้วทำสีหน้าจริงจัง ในขณะที่อีกฝ่ายยังยิ้มอย่างมีเลศนัย



    “ แล้วนายคิดว่าฉันจะรู้มั๊ยล่ะ ”

    “ ลูกหลานตระกูลบริ้นส์มีหรือจะไม่รู้ ” ชิลพูดอย่างรู้ทัน เพราะรู้ว่าเพื่อนของเขามันรู้ชัวร์ๆ

    “ หล่อนมีหนึ่งในฉายาสำคัญที่ได้รับการยอมรับว่าเจ้าหญิงนักปรุงยากับเจ้าหญิงแห่งพิษ ชอบกินยาพิษและยาต่างๆเป็นว่าเล่นโดยไม่ก่อให้เกิดผลหรืออันตรายใดๆ…เป็นธรรมดาที่จะมีพิษในร่างกายอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ก่อโทษ ซ้ำยังเกิดประโยชน์อีก



    ยาที่ทำให้ดาบนายละลายก็เป็นหนึ่งในยาที่เธอปรุงขึ้นเอง และได้รับการยอมรับ ทั้งยังนำไปใช้ประโยชน์ ...ฉันขอเตือน หล่อนฉลาดกว่าที่นายคิด ระวังให้ดี อย่าทำตัวเป็นศัตรูเด็ดขาด...ถ้ายังอยากสงบสุข ...อย่าหาเรื่องกับคนที่เราไม่รู้ว่ามีพิษสงแค่ไหน นายก็เห็นกับตาตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นก็ระวังให้ดี  ” ชิลพยักหน้ารับคำเตือนของเพื่อนซี้แล้วเอ่ยถาม



    “ ตระกูลนายนี่เป็นพวกรอบรู้สมคำล่ำลือจริงๆเลยสิ...ซัลคอล์ฟ



    ---***---***---***---***---



    “ อลิซ คนที่อยู่ ข้างๆชิล เอเวอร์ ใช่ซัลคอล์ฟ บริ้นส์ รึเปล่า ”

    “ ใช่อย่างที่เธอคิดนั่นแหละแคลร์...จะว่าไป เราก็ไม่ได้เจอเขาซะนานเหมือนกันนะเนี่ย ” อลิซดื่มน้ำส้มในแก้วอย่างครุ่นคิด...ตอนนี้เธอกับเพื่อนอยู่ที่ลานพักผ่อนในโรงเรียน



    “ ใช่...ตั้ง 3 ปีแล้ว...แต่ดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ”

    “ อืม..นั่นสิ แต่ฉันว่าแววตาของคอล์ฟดูแปลกไปนะ ดูรอบรู้แล้วก็ลึกลับยิ่งกว่าเดิมซะอีก แต่ที่ผิดคาดคือไม่คิดว่าจะไปคบกับชิลได้ ”



    “ นั่นสิ ไม่รู้นึกยังไงถึงได้ไปคบกับนายนักดาบกิ๊กก๊อกนั่น ” อลิซหัวเราะเบาๆรับคำ แคลร์ไม่ค่อยชอบหน้าชิลมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เรื่องนี้เธอรู้ดี ไม่ชอบหน้าทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน ส่วนชิลนั้นก็ไม่ได้รู้จักแคลร์กับอลิซเลยแต่กลับโดนแคลร์ไม่ชอบหน้าไปอย่างไม่รู้ตัว



    “ ไปดูผลสอบกันดีกว่า ”

    “ ต้องดูด้วยหรอ ยังไงก็ผ่านชัวร์ๆอยู่แล้วนี่ ” เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตเอ่ยถาม

    “ แคลร์ ...ยังไงก็ต้องไปดู แล้วถ้าสอบผ่านก็ต้องไปคัดเลือกเข้าหอพักอีก ”



    “ แล้วปีนี้เธอจะไปนั่งเป็นแขกให้โรงเรียนอีกรึเปล่า...หรือว่าจะแค่แวะไปทักป้าเฮร่า ” ป้าเฮร่าที่แคลร์พูดถึงคือ เฮร่า ลิซัส ผู้อำนวยการคนปัจจุบันของโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 5 ปีก่อนแทนที่คนเก่าที่เสียชีวิตไป เธอได้ตำแหน่งจากการลงมติของครูและกรรมการการศึกษา รวมทั้งผลงานที่ทำไว้



    โรงเรียนแห่งนี้เป็นสาขาที่แยกออกมาจากโรงเรียนชื่อดังในมัลเลน จึงไม่แปลกที่ตระกูลครูเว่นจะเป็นแขกพิเศษเนื่องจากครูเว่นเป็นหุ้นส่วนของโรงเรียน และเฮร่า ลิซัส ก็เข้ามาทำงานที่นี่ได้เพราะอลิซ อลิซจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญของที่นี่เช่นกัน



    เมื่อ 10 ปีก่อน เฮร่า ลิซัส เป็นเพียงครูที่ถูกไล่ออกจากงานและเดินเตร็ดเตร่ในแอลนิวซิต แต่เมื่อได้ให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆกับเจ้าหญิงแห่งมัลเลนจึงได้เข้าไปอยู่และทำงาน โดยเริ่มเป็นครูที่ปรึกษา และจากนั้นก็ไปทำงานในโรงเรียนของมัลเลน



    ผลการทำงานดีก็ถูกส่งมาที่อ๊อกซ์เวิร์ดแห่งนี้ และได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างในปัจจุบัน เนื่องจากเคยเป็นครูและได้งานทำที่ต่างๆเพราะอลิซจึงสนิทกับเธอเป็นพิเศษและอลิซก็มาเป็นแขกให้ที่นี่ทุกปี แต่ปีนี้แตกต่างกันออกไปเพราะเธอจะมาในฐานะนักเรียน





    “ คงไปนั่งเป็นแขกให้ไม่นาน…ไปกันเถอะ จะได้เวลาแล้ว ” ทั้งหมดเดินไปยังห้องโถงใหญ่ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำจนแทบจะหนาว แล้วก็ไปดูรายชื่อที่ติดไว้



    “ อะไรกัน...ไหนพี่เฟิร์ซว่ารับแค่ 90 คนแต่นี้รับตั้ง 120 คนนี่นา!…ฉันถูกพี่ชายต้มอีกตามเคยสินะ... ” อลิซพูดออกมาหลังจากดูรายชื่อคนที่ติด เธอติดอยู่ในอันดับต้นๆ แต่ก็แอบหมั่นไส้คนที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยและเก๊กใส่กันข้างๆเพราะติดอันดับหนึ่งใน 3 ทั้งคู่ ในขณะที่เธออยู่ในอันดับ 5



    “ แล้วมันไม่ดีรึไงล่ะ...คงจะบ้านละ 40 คน...โอกาสที่เราจะอยู่ด้วยกันมันก็มีสูงนะ ”

    “ จ้ะเซีย มันก็ดีน่ะสิ...นายสองคนน่ะเลิกเก๊กกันซะที ไปรายงานตัวกันดีกว่า ” เธอหันไปพูดกับสองหนุ่มที่เลิกจ้องกันแล้วยอมเดินตามไปเงียบๆ





    “ เรียงตามที่ที่เข้าสอบได้นะคะ คนแรก...เอดิสัน คิวเบิร์ต เชิญค่ะ...เอามือวางบนลูกแก้ว นั่นแหละค่ะ แล้วรอนะคะ ” คุณครูสาวสวยประจำโรงเรียนบอก



    เกิดแสงสว่างวาบขึ้น แล้วก็ปรากฏอัญมณีขึ้น มันคือ...ทับทิมสีแดงดั่งเลือด



    หอโรสควอตส์จ้ะ ” แล้วเอ๊ดก็เดินกลับไปนั่งที่



    โรงเรียนอ๊อกซ์เวิร์ด แบ่งหอพักออกเป็น 3 หอ คือ โรสควอตส์ คริสตัล และเพริดอต



    หอโรสควอตส์
    – สัญลักษณ์คือสีแดงและชมพู มีโรสควอตส์ และดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์

    เป็นหอพักของคนที่มีความเชื่อมั่น และความเข้าใจ เป็นจุดสำคัญของจิตใจ



    หอคริสตัล – สัญลักษณ์คือสีขาวและสีเหลือง มีคริสตัล เพชร ดอกเดซี่ และดอกลิลลี่ เป็นสัญลักษณ์ เป็นหอพักของคนที่มีจิตใจแสนบริสุทธิ์ จริงใจ ซื่อ เป็นจุดสำคัญของจิตใจ



    หอเพริดอต – สัญลักษณ์คือสีเขียว น้ำเงิน และม่วง มีเพริดอต ลาพิส และไอวี่เป็นสัญลักษณ์ เป็นหอพักของคนที่มีความเข้มแข็งอดทน และพยายาม เป็นจุดสำคัญของจิตใจ





    ไคเอส อลิซ เช เดร แคลร์ เซีย แคต ก็ได้อยู่หอโรสควอตส์ และคนอื่นๆที่อลิซรู้จัก ทั้งวีน ก็อยู่หอนี้ ส่วนคอล์ฟและชิลไปอยู่หอเพริดอต หลังจากคัดเลือกหอแล้วก็ถึงเวลาจองว่าจะอยู่กี่คนซึ่งมีให้เลือก 2 คน 4 คน หรือ 6 คน ซึ่งเวลาเลือกก็แค่ลงชื่อว่าอยากอยู่กับใคร และพวกที่คิดว่าอะไรก็ได้ก็ไม่ต้องมาลง และ



    “ คือ...เอาหอ 6 คนค่ะ...อลิซซิน่า ครูเว่นค่ะ แล้วก็มี คลาร่า วีเชอร์, แคร์ตี้ วิล, อลิเซีย เวคเตอร์ ” อลิซหยุดยิ้มนิดแล้วก็ต่อ “ วีนัส คัดสันค่ะ แล้วก็... ” เธออ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าจะเอาใครดีแล้วก็นึกชื่อหนึ่งขึ้นได้ “ เคเซีย ลูซค่ะ ”



    “ ค่ะ เดี๋ยวซักพักทุกคนจะได้รับกุญแจห้องนะคะ เชิญกลับที่ได้เลยค่ะ ” ในระหว่างรอเซียก็ถามขึ้น



    “ เอาวีนในตอนนี้มาอยู่ด้วยไม่ฆ่ากันตายหรอ ต้องอยู่กันตั้ง 4 ปี...แล้วคนชื่อเคเซีย ลูซ เป็นใครล่ะ นามสกุลคุ้นๆนะ ”



    “ วีนมาอยู่ด้วยเรายิ่งมีโอกาสเอากลับมา ลำบากหน่อยก็ชั่งเถอะ วีนในตอนนี้คงไม่คิดไปจองหอพักหรอกเพราะปกติวีนก็เป็นคนง่ายๆ อยู่กับใครก็ได้อยู่แล้ว ส่วนเคเซียนั่นก็พอกัน...เคเซีย ลูซ ฉันจำชื่อได้ตอนสอบน่ะ รู้สึกว่าเป็นลูกหลานตระกูลที่มีพลังทางเสียง เธอจะได้ยินก็ไม่แปลกหรอกเซีย ” อลิซสาธยาย แล้วก็ดูนาฬิกา ทำตาโตแล้วรีบขอตัวไปทันที เพื่อนๆเห็นเธออีกครั้งก็ตอนที่เธอนั่งอยู่ข้างผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ 35 ปี



    -------------------------------------------------------------------------------



    โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

    บทนี้ขอขอบคุณ mishell สำหรับคำผิดค่ะ 9/12/47



    19/02/48 ตรวจทานละแก้คำผิดอีกรอบ



    20/04/48 แก้คำผิดอีกรอบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×