ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 ธิดาจันทราและศึกมนตราแห่งวีเชอร์
                                                    บทที่ 3 ธิดาจันทราและศึกมนตราแห่งวีเชอร์
        เวลายังคงผ่านไป คนแรกที่ออกไปคือเดร ทั้งๆที่เอ๊ดและเชคิดว่าน่าจะเป็นแคตและเซียมากกว่า แต่ตอนนี้กลับผิดคาด...และไม่แน่ว่าคนต่อไปอาจจะเป็นพวกเขา เพราะดูแล้วความคล่องตัว ความเร็ว ของสามสาวครูเว่นนั้นไม่ได้ลดหย่อนลงไปเลยแม้แต่น้อย...เวลาผ่านไปไม่นาน เชก็ต้องออกไป ส่วนเอ๊ดก็ยังคงหลบแสงที่พุ่งมาได้อย่างฉิวเฉียด เพราะจาก 1 ลำแสง ก็กลายเป็น 2 เป็น 4 เป็น 8 ไปเรื่อยๆ...แต่ดูเหมือนว่าสามสาวนั้นจะไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากจะไม่ใส่ใจกับมันแล้วยังหลบไปคุยไปอีก แต่คุยด้วยภาษากระจกที่มีแต่พวกเธอสามคนเท่านั้นที่ฟังออก
ปึก!
เสียงลำแสง 4 เส้นพุ่งมาโดนตัวอย่างจังเพียงแค่ปล่อยความคิดล่องลอยชั่ววูบทำเอาจุกและต้องไปนั่งจิบน้ำชาเป็นเพื่อนของอีก 2 คนที่ออกมาก่อนหน้านี้ในห้องกระจกที่แยกออกมา...สามหนุ่มกำลังจับตามองผู้ที่กำลังคุยเล่นอย่างสนุกสนานในขณะที่หลบลำแสงที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีและสะท้อนไปมาในห้องกระจกนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าสามสาวจะเหนื่อย
...แปลก...แปลกมาก - คือความคิดของสามหนุ่มในขณะนี้ เพราะไม่คิดว่าแคตและเซียจะทำได้ เพราะไม่เคยเห็น แต่ภาพที่เห็นด้วยตาครั้งนี้ก็ยังไม่ทำให้เชื่อสนิทใจ จึงสรุปเอาไว้ได้ในใจว่า ฟลุ๊ค ผีเข้า ไม่ก็กินยาผิดขวดแหงๆ
ผ่านไปนานพอสมควร ลำแสงเริ่มมากขึ้นจนแทบจะเต็มห้อง หนุ่มๆเริ่มละความสนใจจากภาพนั้นและหันไปคุยกัน ไม่นานแคตก็ออกมานั่งเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจับจ้องไปที่อลิซกับเซีย แววตาเธอมีประกายสนุกประหลาดๆอย่างไม่เคยเป็นสร้างความงุนงงให้กับผู้เห็นทั้งสาม แต่เพราะปรากฏเพียงชั่วครู่แล้วกลับไปเป็นปกติ ทั้งสามจึงได้แต่คิดว่าตอนนั้นตาฝาด
ตอนนี้ลำแสงเต็มห้องจนแทบมองไม่เห็นเพราะเวลาผ่านไปนานมากแล้ว และยิ่งทำให้แขกต่างเมืองทั้ง 3 นั้นแปลกใจมากขึ้นไปอีก เพราะคนที่ออกเป็นคนต่อมาคืออลิซ! แล้วเซียก็ออกมาตามหลัง ทั้งๆที่อลิซน่าจะชนะเซียแท้ๆ แต่ทุกอย่าง...กลับผิดคาดหมด
\" เฮ้อ...แพ้อีกแล้ว \"
\" นั่นสิ อลิซยังไม่เคยชนะเซียเลย...ความเร็วของเธอยังไม่มีตกเลยนะเซีย \" แคตพูดแล้วหันไปยิ้มให้กับเซีย สำหรับเรื่องความเร็วแล้วเธอเองไม่เคยชนะอลิซ และอลิซก็ไม่เคยชนะเซีย
\" ฉันฝึกบ่อยกว่าพวกเธอนี่นา ตัวเล็กกว่าด้วย...ว่าแต่ ต่อไปเอาอะไรดีล่ะ \"
\" ฉันว่าแขกของเราคงเหนื่อยแล้วล่ะ...พรุ่งนี้ค่อยมาดีกว่า ระหว่างนี้เราก็ค่อยไปคิดกัน เอ๊ด พาเดรกับเชไปที่ห้องด้วยนะ เพราะฉันว่าพวกเขาคงยังไม่ชินกับลิฟท์ที่นี่ \" อลิซบอกแล้วสามหนุ่มก็ลุกจากโต๊ะไปพร้อมกับความค้างคาใจบ้างอย่างก่อนจะสลัดความคิดทิ้ง
ในคฤหาสน์ครูเว่นแห่งนี้มีความสูงถึง 9 ชั้นและแต่ละชั้นก็กว้างๆทั้งนั้น แน่นอนว่าถ้าให้เดินขึ้นบันไดคงไม่ไหว แต่ก็มีบันไดเหมือนกันเพื่อให้คนที่จะขึ้น-ลงแค่ชั้นสองชั้นได้ใช้และลิฟท์ของคฤหาสน์แห่งนี้ก็เป็นที่ๆหายากเพราะจะกลืนไปกับผนังได้อย่างลงตัว ผู้ที่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อนถ้าจะใช้ก็ต้องติดต่อที่ชั้นล่างที่มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บอกว่าชั้นไหนมีอะไรบ้าง บางชั้นก็ใช้เป็นที่ประชุม ส่วนบางชั้นก็เป็นที่พัก ไม่ต่างอะไรกับโรงแรม และความใหญ่โตกินขาดพระราชวังหลายๆเมืองรวมกัน จึงน่าจะเรียกว่าเป็นพระราชวังมากกว่า แต่เนื่องจากมัลเลนชอบความเป็นกันเองและสบายๆจึงใช้คำว่าคฤหาสน์
ห้องฝึกแห่งนี้อยู่ที่ชั้น 8 ซึ่งรวบรวมห้องฝึกต่างๆไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้องฝึกความสามารถนี้ ห้องฝึกศิลปะป้องกันตัวแขนงต่างๆ แม้กระทั่งห้องฝึกมารยาทที่ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนห้องพักของแขกทั่วไปเช่นพวกเสนาอำมาตย์ต่างๆที่ต้องนอนค้างที่นี่เพื่อเข้าปะชุมหรือเหตุอื่นๆจะพักที่ชั้น 2 พวกกษัตริย์พักที่ชั้น 9 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดและวิวสวยมากกว่าชั้นอื่นๆเพราะอยู่สูงสุดและเห็นได้กว้างไกลที่สุด นอกจากจะเห็นเมืองแล้วยังเห็นสวนดอกไม้นานาชนิดที่อยู่รอบๆคฤหาสน์แห่งนี้ ชั้น 9 นั้นเป็นชั้นของพ่อและแม่ของอลิซ ที่ห้องภายในชั้นนั้นใช้รับแขกพวกกษัตริย์ด้วย ส่วนชั้น 7 เป็นของพี่เฟิร์ซพี่ชายของเธอ เวลาเพื่อนๆของพี่มาพักก็พักชั้น 7 ของพี่นั่นแหละ ชั้นของอลิซอยู่ที่ชั้น 5 และแน่นอนว่าพวกเอ๊ดก็ต้องพักที่ชั้นนี้
หลังจากหนุ่มๆเดินออกไปแล้วสาวๆจึงได้เริ่มบทสนทนาต่อ
\" ให้พวกเขามาเห็นแบบนี้จะดีหรือ \"
\" ไม่เป็นไรหรอกเซีย ให้รู้บ้างดีกว่าไม่ให้รู้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็เพื่อนเราก็ให้รู้ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย \" เจ้าตัวพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วดื่มน้ำส้มคั้นในแก้วใส
\" ฉันเห็นด้วยกับอลิซนะเซีย แต่...กลัวว่าซักวันความลับมันจะแตกก่อนถึงเวลาอันควร \"
\" เวลาอันควร...เวลาอันควร...เราเคยกำหนดกันด้วยหรอแคต...หรือว่าเวลาอันควรของเราคือเมื่อพวกเขาจับได้กันเอง \" น้ำเสียงของเซียที่ถามบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ
\" ฉันว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น...อย่ากังวลไปเลยเซีย การที่รู้ บางทีอาจทำให้เพื่อนของเรากังวลและเป็นห่วงมากขึ้น \"
\" โดยเฉพาะใครบางคนใช่มั๊ยอลิซ \" เมื่อเพื่อนคนที่กังวลก่อนหน้านี้กลับมาอารมณ์ดี และยังแซวเธออีกทำให้อลิซยิ้มออก
\" ฉันว่ามันก็มีหลายคนนะ ไม่เจาะจงว่าเป็นใครหรอก...แต่เธอก็รู้ว่าการที่พวกเธอปิดบังไว้มันมีผลดียังไง เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก หลังจากเข้าโรงเรียนแล้วก็พยายามทำให้ดีที่สุดก็พอ \"
\" ทีแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะอลิซว่าเธอได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงที่สวมหน้ากากได้เก่งที่สุด...แต่ตอนนี้เชื่อสนิทเลยล่ะ เดาไม่ออกเลยจริงๆว่าคิดยังไง ฉันรักษาสีหน้าได้ แต่ปิดบังแววตาอย่างที่เธอทำไม่ได้...แต่สวมบ่อยๆมันก็ไม่ดีรู้มั๊ย ฉันเป็นห่วงนะ \"
\" ไม่ต้องห่วงหรอกแคต เพราะฉันไม่ได้สวมมันตลอดเวลา อย่างเวลาอยู่กับพวกเธอฉันก็ไม่ค่อยได้สวมมัน \" คำตอบทำเอาเพื่อนทั้งสองแอบซุบซิบกันผ่านทางแววตา ว่าถ้าสวมแล้วพวกเธอจะเจออะไร
\" แล้วเรื่อง...พลังปีศาจนั่น พลังของ...เกรดิส ที่มันทำเอาเธอเปลี่ยนไปเลยตอนแก้แค้นเมื่อหลายปีที่แล้วตอนที่พี่เอริกตาย เธอมั่นใจหรอว่าจะควบคุมมันได้ ไหนจะมีลีนอีก ทั้งสองอย่างอยู่ในตัวเธอทั้งนั้น ฉันล่ะปวดหัวแทน \"
\" ไม่ต้องห่วงหรอกแคต เพราะพลังของเกรดิสแยกออกมาแล้ว...มีแต่วิญญาณเหมือนลีน ไม่มีร่าง ที่ต้องภาวนาก็มีแต่อย่าให้พยายามแย่งร่างฉันไปเท่านั้น...แต่ตอนนี้ฉันเอาทั้งลีนและเกรซ แยกออกมาใส่สร้อยไว้ สามารถเปิดให้ออกมาได้เมื่อฉันต้องการและลีนก็ไม่เหมือนก่อน เธอดีขึ้นมากและให้คำปรึกษาฉันได้ แต่เกรซนี่ฉันไม่มั่นใจ เธอมาจากพลังปีศาจของเกรดิสในตัวฉัน ...ตอนที่ร่างกายฉันอ่อนแอไม่แน่ว่าเกรซอาจจะพยายามเข้ามาควบคุม \" นอกจากคำพูดทนี้ไม่ได้ปลอบใจแล้วยังทำให้หนักใจกว่าเดิมอีกเมื่อรู้ว่า...เกรซ...วิญญาณพลังปีศาจนั่นจ้องจะชิงร่างของอลิซ
---***---***---***---***---
\" นายว่าวันนี้มีอะไรแปลกๆมั๊ย \"
\" นั่นสิเอ๊ด...ฉันว่าแคตกับเซียวันนี้กินยาไม่เขย่าขวดแหงเลย \" เดรออกความเห็น
\" แต่ฉันว่ากินยาผิดขวด \" เชแย้ง
\" ฉันว่าโดนวางยา \" แต่ละความคิดยังคงออกมาจากปากของหนุ่มๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนที่ห้องของตนและหลับไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังมีเรื่องค้างคาใจ
---***---***---***---***---
        แสงจันทร์ยังคงสาดส่องบนท้องนภา คืนนี้เป็นคืนไร้ดาวก็จริงแต่ในโลกของชาวสเปชทุกคืนที่มีจันทร์จะมีดาว 1 ดวงอยู่ข้างๆเสมอ และมักจะใช้ดวงจันทร์และดาวดวงนั้นเปรียบเทียบการอยู่คู่กันของคนรัก
        ดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งกำลังเหม่อมองไปยังท้องฟ้าในยามรัตติกาลเช่นนี้ สายลมเย็นพัดเอื่อยๆผ่านมาเป็นระลอก ในขณะที่เจ้าของผมสีทองที่พลิ้วไหวไปตามสายลมนั้นปล่อยใจให้ล่องลอยไกล ...เมื่อพระจันทร์เต็มดวงหญิงสาวก็เดินไปหยุดอยู่ตรงกลางดาดฟ้านั้นแล้วหลับตาลงด้วยจิตอันสงบ
แสงจันทร์ทอประกายและสาดส่องลงมาอย่างมีมนตร์ขลัง เด็กสาวอ้าแขนรับแสงจันทร์ ผมสีทองส่องประกายเจิดจรัสรับแสงจันทร์และดูเหมือนดูดซึมเข้าไป ภาพนี้เป็นภาพอันงดงามที่ไม่มีผู้ได้เห็น เพราะไม่มีผู้ใดที่ไม่ได้รับเชิญจะเห็นได้ในเวลานี้เนื่องจากฤทธิ์แห่งน้ำยานิทราที่เจ้าหญิงนักปรุงยาวางไว้ในอาหารเย็นและต่อให้ล่องลอยอยู่บนฟ้าก็ไม่อาจเห็นเนื่องจากฤทธิ์แห่งกระจกมายา และมนตราจากเวทย์
หลังจากพิธีรับพลังจากแสงจันทร์ของธิดาจันทราแล้ว หญิงสาวผู้รับพลังแห่งแสงอาทิตย์ที่มาอยู่คอยตั้งแต่ก่อนพิธีก็เอ่ยขึ้น
“ เมื่อก่อนเธอไม่เคยพึ่งในพลังแห่งจันทรา ไม่เหมือนฉันที่รับพลังแห่งแสงอาทิตย์เสมอ คราวนี้นึกยังไงล่ะถึงได้ตอบรับเทพีมีแกน แม่บุญธรรมของเธอ...หรือจะทำให้ท่านดีใจเล่น ทั้งที่เมื่อก่อนปฏิเสธ ถึงแม้จะปฏิเสธอย่างสุภาพทำให้ท่านไม่เสียใจก็เถอะ แต่น่าแปลกที่คนอย่างเธอเปลี่ยนความคิด ”
“ แล้วมันไม่ดีหรอ ” คำตอบกลับเลี่ยงไปอีกทางแต่คนถามนั้นยังยิ้มได้ด้วยรู้นิสัยคนตรงหน้าดี
“ มันดีสิ แต่ขอร้องล่ะว่าอย่าเลี่ยงคำถามเลย เธอก็รู้ว่าถ้าฉันอยากรู้อะไรแล้วจะไม่ค่อยปล่อยไปง่ายๆเหมือนกับที่เธอเป็นนั่นล่ะ ตอบมาดีกว่า ”
“ ฉันคิดว่าเธอจะรู้แล้วซะอีก ดูเหมือนว่าการที่เธอแยกออกมาจากฉันจะไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรเลยนะ...เอเรีย ” เธอตอบพลางหันไปมองทางอื่นแล้วหลับตาพริ้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ เธอก็รู้ทุกอย่างดีว่ามันเปลี่ยนความจริงไม่ได้ทุกอย่าง...ตอบคำถามฉันมาดีกว่า ”
“ ไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องเลยจริงๆ แต่เอาเถอะ ยังไงก็ปิดเธอไม่ได้อยู่ดี...เมื่อก่อนฉันไม่รับพลังจากแสงจันทร์ทั้งๆที่มีตำแหน่งเป็นถึงธิดาจันทราแท้ๆก็เพราะคิดว่ามันคงไม่จำเป็น และไม่อยากให้เพราะตำแหน่งนี้ทำให้ถูกกล่าวว่าเป็นเพราะเป็นธิดาจันทราจึงมีสิทธิ์รับพลังจากแสงจันทร์ที่คนอื่นอยากได้แต่ไม่มีวันได้ ”
“ แล้วทำไมเปลี่ยนความคิดซะล่ะ ” เด็กสาวผมสีเพลิงถามอย่างข้องใจนัยน์ตาสีเดียวกันคู่นั้นก็บ่งบอกถึงความแปลกใจที่ปิดไม่มิดเนื่องจากไม่ค่อยได้สวมหน้ากากเหมือนคนตรงหน้า เธอรู้ดีว่าการที่เด็กสาวผู้มีพันธะผูกพันธ์กับเธอมากมายคนนี้จะเปลี่ยนใจ เหตุนั้นต้องไม่ธรรมดา
“ เพราะมันถึงเวลาอันสมควรแล้วน่ะสิ...ถึงเวลาที่ต้องใช้พลังแล้ว...ถ้าฉันจะหยุดเวลาต้องใช้พลังมาก รวมทั้งเรื่องอื่นๆอีก แม้แต่การปรุงยาก็ต้องใช้พลังแห่งเวทย์ทั้งนั้น ฉันไม่อยากจะยืมพลังจากแซนดร้าหรือคนอื่นๆ ”
“ แต่จะเอาจากจันทราแทนเนี่ยนะ ”
“ พลังแห่งดวงจันทร์มันเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของธิดาแห่งจันทราไม่ใช่หรอ...อีกอย่างฉันรับแค่เดือนละครั้งเท่านั้น ไม่เหมือนเธอ ไม่ต้องมีข่ายเวทย์ ไม่มีใครรู้ตอนรับ และจะรับเมื่อไหร่ก็ได้ ”
“ แต่ฉันก็ไม่ได้มาง่ายเหมือนเธอนี่ กว่าฉันจะได้เป็นธิดาบุญธรรมแห่งเทพซีเซียสเล่นเอาแทบกระอักเลือด ไม่เหมือนเธอ แค่เทพีมีแกนถูกชะตาแล้วก็ชื่นชมก็รับเป็นลูกบุญธรรม ”
“ มันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกนะเอเรีย เทพีมีแกนท่านถูกชะตาฉันก็ส่วนนึง แต่อีกส่วนมาจากท่านชื่นชมผลงานของฉันต่างหาก มันก็ถือเป็นรางวัลจากผลงานไม่ใช่หรอ ”
“ พอเถอะอลิซ ฉันไม่เคยเอาเหตุผลมาเถียงสู้เธอได้ซักที แต่เธอควรรีบไปนอนนะ เดี๋ยวจะทำฉันกับร่างอื่นๆพลอยนอนไม่เต็มอื่มไปด้วยถึงแม้จะรับพลังแล้วก็ควรพักผ่อนให้เต็มที่ อีกอย่าง เวทย์เธอคลายออกแล้วถ้ามีคนมาเห็นหญิงสาวสองคนมาคุยกันบนดาดฟ้ากลางดึกคงไม่ค่อยดี ยิ่งเป็นดาดฟ้าคฤหาสน์ครูเว่นแล้วยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ แล้วก็น้ำยาของเธอน่ะ...เธอเลือกใช้แบบอ่อนมันคงใกล้หมดฤทธิ์แล้วด้วย ไปนอนกันเถอะ ” หญิงสาวกล่าวและกำลังจะจากไปถ้าไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายถามขึ้นก่อน
“ แล้วเธอจะไปไหนล่ะเอเรีย ”
“ ก็ไปทำหน้าที่ของฉันให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่เธอสั่งน่ะสิ อลิซ ” กล่าวแล้วก็จากไปส่วนผู้ถามนั้นยิ้มกริ่มก่อนจะหันหลังกลับ
“ ออกมาเถอะ... ”
“ ไม่เคยปิดเธอได้จริงๆ ” แล้วร่างหนึ่งก็คลายเวทย์พลางตาออก ก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเข้ามาให้ใกล้หญิงสาวยิ่งขึ้น
“ และก็น่าจะรู้ว่าลิซไม่ชอบคนเสียมารยาทแอบฟังหรือแอบดูลิซทำพิธี ”
“ ก็เพราะรู้ว่าลิซรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วแต่จงใจเพราะฉะนั้นเมื่อลิซรู้ก็ไม่ถือเป็นการเสียมารยาทไม่ใช่หรอ ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับคำย้อนก่อนจะใช้นัยน์ตาที่แปรเปลี่ยนเป็นสีนิลโดยฉับพลันหันมาจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจัง
“ พี่มีเรื่องอะไรถึงมาถึงที่นี่ ”
“ ก็...มาแจ้งข่าวจากทางวีเชอร์เรื่องผลงานและการเลื่อนขั้น...เฮ้อ ลิซ่า เธอน่ะเลื่อนเอาๆไม่เกรงใจผู้ใช้นามสกุลวีเชอร์แท้ๆบ้างเล้ย  ” เจ้าตัวพูดแล้วแสร้งถอนหายแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ พี่ก็ทำเป็นพูดไป พี่เองก็เลื่อนอยู่บ่อยๆไม่ใช่หรอ ”
“ แต่ขั้นของพี่ก็ยังน้อยกว่าเธออยู่ดี ”
“ อืม..นั่นก็ใช่ แต่คนอื่นๆก็เร่งทำผลงานเหมือนกันนี่ แคลรี่ก็คนนึงล่ะ ” อลิซพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ รายนั้นน่ะพยายามก็จริง แต่ก็ดูจะสู้คนที่ทำท่าไม่ใส่ใจตรงหน้าพี่ไม่ได้ ทำเป็นไม่ใส่ใจแต่ที่ไหนได้ เลื่อนขั้นเป็นว่าเล่นแซงพี่ไปซะได้ เรานี่น่ากลัวจริงๆ ”
“ ยังมีคนที่น่ากลัวว่าลิซอีกเยอะ อย่างเช่นใครบางคนในหมู่วีเชอร์อย่างเราๆ ”
“ อย่างเช่น ”
“ อย่างเช่นพี่มั้งคะ พี่เค ” คนฟังหัวเราะแล้วพูดอย่างรู้ทัน
“ เธอคงไม่ได้หมายถึงพี่หรอก จริงมั๊ยลิซ่า ” คนถูกรู้ทันจึงแย้มรอยยิ้มก่อนตอบ
“ ใช่ ลิซหมายถึงคนที่พี่กำลังคิด ”
“ มันน่าจะมีการประลองระหว่างเธอกับเขาจริงๆ คงสนุกพิลึก ” แววตาคนพูดเป็นประกายในขณะที่ผู้ฟังได้แต่ส่ายหน้าระอา
“ ท่าทางพี่จะสนิทกับพี่เฟิร์ซมากไปจนติดเชื้อ ”
“ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ว่าแต่...พูดแล้วก็คิดถึงคนอันตรายคนนั้นจริงมั๊ย ” เควินพูดแล้วสบตาลูกพี่ลูกน้องอย่างมีเลศนัย
“ ใช่...ออกมาได้แล้ว...ไม่ยักรู้ว่าคนเก่งอย่างนายจะเสียมารยาทเหมือนกับพี่เคนะ...ไคเอส  ” แล้วร่างๆหนึ่งที่มีผมสีทองและดวงตาสีเขียวเหมือนเควินก็ออกมาร่วมสนทนา
“ ฉันก็ว่าฉันไม่ได้เสียมารยาทนะลิซ่า...เหตุผลเดียวกับพี่เคนั่นแหละ ”
“ ฉันรู้ แต่พูดไปงั้นแหละ ไม่งั้นนายก็คงไม่ออกมา...คราวนี้แจ้งข่าวอะไรฉันอีกล่ะ ฉันรู้ว่านายอาสาที่จะมา ทั้งๆที่ ที่จริงแล้วฝากข่าวมากับพี่เคทีเดียวเลยก็ได้ ” นัยน์ตาที่แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวให้เหมือนกันอันเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อสายวีเชอร์นั้นหันไปมองผู้ร่วมบทสนทนาคนใหม่
“ ใช่ ...เธอก็ยังคงเดาถูกเสมอ ฉันจะมาแจ้งข่าวเรื่องศึกมนตราแห่งวีเชอร์ เธอคงไม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมหรอกจริงมั๊ย...ปีนี้เธออายุ 14 มีสิทธิ์เข้าร่วมเป็นปีแรก เธอคงไม่อยากพลาด ”
“ ศึกมนตราแห่งวีเชอร์ไม่ได้จัดมานานเท่าไหร่แล้วนะ...สามปีจึงจะจัดครั้งนึง...แต่ปีนี้ลิซขอสละสิทธิ์ ” ผิดคาด ทั้งที่ปกติลิซไม่เคยพลาดอะไรอยู่แล้ว แต่คราวนี้กลับ...
“ ปฏิเสธงั้นหรอ แต่งานนี้ได้เพิ่ม 3 ขั้นเชียวนะ และเป็นปีแรกที่เธอมีสิทธิ์เข้าร่วมด้วย ”
“ ลิซไม่เห็นว่าการต่อสู้กับพวกเดียวกันเพื่อเลื่อนขั้นนั่นจะสนุกตรงไหน แต่ทั้งพี่เคและไคก็น่าจะรู้ว่าลิซชอบดูมากกว่า เพราะฉะนั้นลิซจะไปดูแน่นอน แต่เรื่องประลองน่ะขอบาย ”
“ อย่าพึ่งด่วนตัดสินล่ะ เธอยังมีเวลาคิดอีกหลายเดือนนะลิซ่า เอาไปคิดให้ดีแล้วค่อยตอบ พี่ยังยืนยันความคิดเดิมนะว่าพี่อยากเห็นเธอกับไคประลองเวทย์กัน ” เคพูดแล้วทำหน้าเสียดาย
“ ค่ะ แล้วลิซจะลองคิดดูอีกที ไม่แน่ว่าลิซอาจจะร่วม ว่าแต่...เลื่อนสามขั้น มันไม่น่าสนใจเลยน่ะพี่ น่าจะมีการเสนออย่างอื่น ”
“ เธออยากได้อะไรล่ะ ”
“ ก็...นอกจากเลื่อน 3 ขั้นแล้ว ถ้ามีเขี้ยวปีศาจดีทรีฟแถมก็คงจะดี ”
“ แล้วพี่จะลองเสนอก็แล้วกัน...ปีนี้งานประลองจำกัดอายุแค่ 14 ถึง 20 ปี และต้องมีเชื่อสายวีเชอร์ คาดว่าแคลร์น่าจะลง ”
“ แคลร์ลงไปก็เปล่าประโยชน์ ”
“ ถึงไม่ได้ก็ฝึกฝีมือก็ยังดี ” เคยังคงแก้ตัวให้น้องสาว
“ แต่พี่ก็น่าจะเตือนไว้ว่าการประลองของเราไม่มีการออมมือ หรืออะไรทั้งสิ้น ”
“ แคลร์ก็เป็นวีเชอร์ เธอรู้นิสัยวีเชอร์ดี ไม่ต้องเตือน... ”
“ แต่ลิซว่าแคลร์น่าจะหาประสบการณ์ ” คำพูดของเธอทำให้ทั้งสองหันมามอง
“ ประสบการณ์...บางครั้งถ้ามันทำให้เจ็บตัวก็ไม่ควร ”
“ วีเชอร์ทุกคนมีสัญชาตญาณ พี่เคไม่ต้องกลัวว่าแคลร์จะอันตรายมากหรอก ประสบการณ์มันจะดีสำหรับเธอนะ ”
“ ใช่สิ เธอก็พูดได้ลิซ่า แคลร์ยังไม่ผ่านอะไรมากเหมือนเธอ...จริงมั๊ยธิดาจันทรา ”
“ มันไม่เกี่ยวกันหรอกไค...แล้วเรื่องธิดาจันทราก็ไม่เกี่ยวกับการประลองครั้งนี้ ”
“ เกี่ยวสิ ” พี่เคแย้งขึ้นก่อนจะต่อ “ เพราะมันจะทำให้การประลองครั้งนี้น่าสนใจมากขึ้น ” แล้วบทสนทนาก็จบลงเพียงแค่นี้เมื่อแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกลับที่พักตัวเอง
----------------------------------------------------------------
 
บทต่อไปบทที่ 4 ค่ะ ต้องขอโทษจริงๆที่อัพช้า ติดงาน + ต้องเริ่มพิมพ์ต้นบทใหม่เพราะเปิดแผ่นไม่ได้ ขอความคิดเห็นของบทนี้ด้วยนะคะ
14/11/47
13/02/48 ตรวจและแก้คำผิด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น