ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 11 น้ำยาอันตราย
                                                              บทที่ 11 น้ำยาอันตราย
“ แคลร์ เดร เช เอ๊ด เคทแล้วก็ไค นี่เพื่อนใหม่ของเรา ไนท์ ไนท์ เดลลิส ” อลิซกล่าวแนะนำส่วนไนท์นั้นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แม้นัยน์ตาสีเขียวจะดูจริงใจแต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าวางใจของหลายๆคนในกลุ่มอยู่ดี ในบรรดา เพื่อนอีกในกลุ่ม คงมีเดรและเคทที่ไม่คิดอะไรมาก เดรเป็นฝ่ายที่ยื่นมือมาจับทักทายอย่างอารมณ์ดี
“ ยินดีที่ได้รู้จัก ... นายนี่เจ๋งจริงๆเลย เห็นรุ่นพี่ว่าบ้านโรสควอตซ์นี่ยังไม่เคยมีใครเข้ากลางคันซักที... ว่าแต่...นามสกุลนายคุ้นๆนะ เหมือนเคยได้ยิน ” คำพูดประโยคสุดท้ายทำให้สามสาวแอบสบตากันเบือนหน้าหนีไปก่อนที่ใครจะทันสังเกต
“ ใช่ นามสกุลคุ้นจริงๆ... เหมือนเคยอ่านเจอที่ไหน ” เชเอ่ยสนับสนุนขึ้นบ้าง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าเคยอ่านผ่านๆแต่ไม่ได้ใส่ใจ แต่เขามั่นใจว่าคงไม่ได้อยู่ในรายชื่อ 50 ตระกูลดัง เพราะหนังสือเล่มนั้นเขาแทบจะท่องจำประวัติทุกอย่างได้ทั้งเล่มอยู่แล้ว แต่เมื่อนึกไม่ออกจะนึกไปทำไม ( เริ่มติดเชื้อมาจากเซีย กับ แคต ) จึงยื่นมือมาจับและทักทาย
เคทยิ้มและทักทายอย่างเป็นมิตรเช่นกัน ,ไคนั้นเอ่ยคำเพียงสั้นๆนัยน์ตาสีเขียวนั้นมีแววครุ่นคิด ส่วนเอ๊ดนั้นยื่นมือมาจับทักทายสั้นๆเช่นกัน นัยน์ตาสีดำนั้นดูแปลกๆ ไคและเอ๊ดหันมาสบตากันก่อนจะเก็บความคิดเอาไว้ในใจโดยพยายามซ่อนไว้ให้ดีที่สุดแต่ไม่อาจซ่อนคนอย่างอลิซได้
ส่วนแคลร์นั้นแปลกที่สุด เธอกล่าวทักทายสั้นๆแต่และ ยื่นมือมาแตะก็จริง แต่ก็รีบชักมือกลับราวกับต้องของร้อน นั่นทำให้คนที่พอจะรู้เรื่องอย่าง เอ๊ด ไค และคนที่นึกออกอย่างเชนั้นสบตากันแล้วเชก็เป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“ เธอคิดอะไรของเธอน่ะอลิซ ”
“ ก็คิดแนะนำเพื่อนใหม่ให้พวกนายรู้จักไง ไม่ดีหรอ? ” เจ้าตัวยังเบี่ยงประเด็นทั้งที่รู้ดีว่าเรื่องอะไร
“ จะทำอะไรก็ตามใจเถอะ... ยังไงมาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ”
“ ฉันเห็นด้วยกับไค ” คำพูดจากเอ๊ดทำให้อลิซหันมาจ้องอย่างแปลกใจ
“ มองอะไรน่ะ... หรือว่า... ” ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำที่ทำให้เธอหมั่นไส้เล่นตามนิสัยเธอจึงตัดบทพูดขึ้น
“ แค่แปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นนายสองคนยอมรับว่าความคิดเห็นตรงกันซักครั้ง... สงสัยวันนี้ฝนต้องตกแหง ” เจ้าตัวพูดพลางแสร้งหันหน้าไปทางหน้าต่าง
“ จะไม่ให้ฝนตกได้ไงล่ะอลิซ ก็ตอนนี้มันน่าฝนนี่! ” เซียแย้งก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มเจื่อนแล้วเอ่ยเบาๆ
“ โทษที...ลืมไป ” คำสนทนาธรรมดาที่ใครไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าตัวจงใจเบี่ยงประเด็นไปให้ไกล แต่ดูเหมือนจะไร้ผล
“ เรื่องนี้พี่เฟิร์ซรู้รึเปล่า ” อีกฝ่ายรีบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำตาปริบๆแล้วถามอย่างใสซื่อ
“ เรื่องอะไรล่ะเอ๊ด ...ถ้าเรื่องที่ไนท์เข้าเรียน ...ยังไงพี่เฟิร์ซที่เป็นประธานก็ต้องรู้อยู่แล้ว ”
“ ไม่ใช่เรื่องนั้น... เรื่องที่ไนท์เป็น ” นัยน์ตาสีเขียวลึกลับของไนท์จ้องมองมาทางเอ๊ดอย่างประมาณว่าท้าทายว่า ‘...แน่จริงก็พูดสิ...’ เส้นผมสีดำรัตติกาลที่เข้ากับหน้าคมเข้มนั้นเป็นอย่างดี ในยามนี้ความคิดของเอ๊ดกับไคนั้นตรงกันเหลือเกินว่า ‘ มันน่าอัดนัก! ’ หากแต่ทั้งคู่ไม่สิ้นคิดพอจึงได้แต่เก็บความไม่ชอบเอาไว้ในใจ หน้าคมเข้มของทั้งคู่ยังคงเก๊กต่อไปอย่างพยายามปกปิดความรู้สึกเต็มที่
“ เป็นเพื่อนเก่าของฉันน่ะหรอ? รู้สิ เมื่อก่อนพี่เฟิร์ซก็ยังเคยคุยกับไนท์เลย ” หน้าตาใสซื่อนั้นปิดเคท กับเดรได้ แต่ปิดคนที่รู้ความจริงของประเด็นนี้ไม่ได้
“ พอเถอะอลิซ... จะเป็นไรไป... ฉันจะยืนยันความคิดของพวกนายให้นะไคเอส เอ๊ด แล้วก็เช ...ฉัน เป็น ปี ศาจ ” ประโยคสุดท้ายเน้นชัดถ้อยชัดคำ นัยน์ตาของเดรเบิกกว้าง
“ ปีศาจ... งั้นก็...เหมือนกับพลอซสินะ... ” ประโยคสุดท้ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาอยากถามเรื่องดินแดนและเรื่องต่างๆพวกปีศาจมานานแล้วแต่ไม่กล้าถามพลอซที่ดูเงียบขรึม แต่ถ้านายคนนี้เป็นปีศาจก็คงจะถามได้ เพราะท่าทาง ห่างไกลความขรึมชัวร์ๆ แถมยังน่าจะเป็นมิตร ถามอะไรออกไปคงมั่นใจได้ว่าจะไม่เจอดี
“ ไม่เหมือน ” ถ้อยคำนั้นทำให้ดวงหน้าที่ดูหล่อแต่ออกจะขี้เล่นสลดวูบ อีกฝ่ายยิ้มก่อนเสริม
“ พลอซเป็นลูกครึ่ง แต่ฉันเป็น    ปีศาจแท้ๆ ” คำตอบที่แทบไม่ต่างกันเพราะยังไงมันก็คือปีศาจอยู่ดี ... เดรคิดตามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ แล้วนายพักที่ไหนล่ะ ” เดรเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร ถ้าไม่มีที่พักก็ชวนพักด้วยกันซะเลย เพราะบ้านของเขาถึงแม้จะอยู่กัน 6 คนแต่ก็ยังมีเนื้อที่เหลือเฟือพอจะอยู่ได้อีกหลายคนสบายๆ นี่รับมาอีกแค่คนเดียวไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แถมดีซะอีกจะได้มีคนตอบคำถาม ดีไม่ดีอาจจะช่วยแก้ปัญหาโรคกึ่งใบ้ของอีก 3 คนที่บ้านก็ได้ ซึ่งนั่นก็คือไค พลอซ และ...จัส
“ ต้องถามคนจัดการ ” นัยน์ตาสีเขียวหันไปมอง ‘ผู้จัดการ’ ทั้งสามของเขา โดยเฉพาะคนที่เป็นใบเบิกทางและตัวต้นความคิดทั้งหมด
“ คือ...เรื่องนี้ฉันก็จะถามพอดีเลย เดร นายจะตกลงมั๊ย?... ” คราวนี้อีกฝ่ายฉลาดรู้เรื่องขึ้นมาทันควันเนื่องจากคิดไว้แล้ว เจ้าตัวจึงออกปากรับคำโดยไม่ปรึกษาเพื่อร่วมบ้านซักนิด
“ เอาสิ...ที่บ้านมีที่ว่างอีกเพียบ เธอติดกระจกเพิ่มห้องเก็บของกับห้องน้ำไปอีกก็ได้ถ้ากลัวไม่สะดวก ไม่มีปัญหาอยู่แล้วนี่... จริงมั๊ย ไค เอ๊ด ”
“ เออ ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกันหันมาสบตาก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างเบือนไปอีกทาง ทำให้ไนท์แอบหัวเราะในใจเงียบๆ ส่วนอลิซทำไม่รู้ไม่ชี้และเหมารวม
“ เอาเป็นว่าไนท์ นายอยู่บ้านพวกนั้นก็แล้วกันนะ วันนี้วันจันทร์ก็ช่วยพาเพื่อนไปชมสถานที่ด้วยนะเดร เดี๋ยวจะให้แซนดร้าติดกระจกเพิ่มห้องให้ รับรองว่าจะใช้อย่างดีเลย... ตอนนี้ขอตัวก่อนละกัน ” เจ้าตัวพูดจบก็ไม่รอช้า รีบเดินจากไปไม่รอฟังใครซักนิด...
---***---***---***---***---
“ ทุกอย่างพร้อมแล้วอลิซ... อยู่ที่เธอ... จะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ ”
“ คืนนี้เอเรีย... คืนนี้... พรุ่งนี้คงต้องวานเธอมาเรียนแทนหน่อยล่ะ เพราะฉันไม่มั่นใจผลของมันซักเท่าไหร่... ส่วนผสมตรวจเช็คทุกอย่างแล้วใช่มั๊ย? ” ถามเพื่อความมั่นใจเพราะทุกอย่างผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นอาจจะหมายถึง... ชีวิต
“ ทุกคนช่วยกันเช็คอยู่เป็นสิบๆรอบเชียวล่ะ... แต่เธอมั่นใจหรอว่าจะดื่มมันที่นั่น ไม่กลับมาดื่มในห้องที่มัลเลนล่ะ อยู่ที่นั่นฉันไม่แน่ใจสวัสดิภาพของเธอเลย... ”
“ ไม่เป็นไรหรอก...ถ้าฉันไปที่นั่นแทนล่ะก็...มันก็จะยิ่งน่าสงสัย ที่นี่เพื่อนๆรู้ก็ไม่เป็นไร มันไม่มีผลกระทบเท่ากับให้พ่อกับแม่หรือป้ามอนต้ารู้ ส่วนเรื่องสวัสดิภาพ...เธอคงกังวลมากไป เพราะนอกจากเดซิเบลเสียงของวีนแล้ว ฉันก็ไม่เจออะไรนี่นา... ” อีกฝ่ายยังไม่ละความกังวลใจแต่ยังคอยย้ำเตือน
“ ระวังตัวให้ดีนะอลิซ... วีนในตอนนี้น่ะบอกตามตรงว่าฉันไม่ไว้ใจ เธอก็อย่าประมาทไป เราไม่อาจมั่นใจได้ว่าตอนนี้คนๆนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู... คำสอนของวีเชอร์น่ะหายไปไหนจากหัวหมด? เธอสอนฉันบ่อยๆไม่ใช่รึไงกัน? ” น้ำคำที่ดูจริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นล้อเล่นเพราะไม่อยากให้เกิดความตึงเครียดซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจดี
“ จ้าๆๆ... แล้วนอกจากเธอคนอื่นๆจะมามั๊ย? ”
“ ไอริสกับไอด้าติดเที่ยวอยู่ แซนดร้านี่ไปแน่ๆ คนอื่นๆก็ติดธุระ ส่วนโรส...เธอก็รู้ว่าหมกมุ่นอยู่ในห้องสมุดมาตั้งหลายปีแล้ว เราจะพูดกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นก็คงไม่มาหรอก... แต่เย็นนี้...เตรียมใจให้ดีเถอะอลิซ! ” น้ำเสียงของเอเรียทำให้เธอขนลุก
“ ฉันเตรียมใจนานแล้ว... แต่...จะว่าไปก็เสียวๆเหมือนกันแฮะ ” ประโยคสุดท้ายที่พูดจากใจจริงอย่างไม่คิดปิดบังทำให้เอเรียหัวเราะน้อยๆ กับคนอื่นอลิซคงยืนยันให้คนนั้นสบายใจ แต่กับเธอที่รู้นิสัยดีอลิซไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังเลยซักนิด
“ เอาน่า...คงไม่มีอะไรมากหรอก ”
“ พูดมาได้ไงว่าไม่มีอะไร ทั้งๆที่เคยมีคนตายเพราะกินมันมาแล้วเนี่ยนะ แถมถ้าสำเร็จก็ยังต้องเสียพลังไปหนึ่งอย่างอีก... ฉันชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าคุ้มรึเปล่า ” แต่น้ำเสียงของอลิซนั้นไม่มีแววซีเรียสเลยซักนิด
“ อืม...ยังไงเธอเลือกแล้วนี่... ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ ลองคิดดูละกัน...ไม่อยากพูด ” ใช่...ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ เธอต้องถูกรุมแน่ๆ เพราะมีหลายคนเหลือเกินที่ต้องเสี่ยงเอาไอ้ตัวยายากแสนยากนี้มา แถมภาพพจน์ยังต้องเสียอีกเพราะในสายตาคนทั่วไปเธอนั้นเด็ดขาด ไม่มีคำว่าถอย ผิด หรือเปลี่ยนใจง่ายๆ แถมลูกน้องก็อาจเอาไปนินทาได้ เพราะฉะนั้นเธอจะถอยไม่ได้ ต้องเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น!
“ จริงของเธอ... ” น้ำเสียงเห็นด้วย แต่แฝงความกังวลที่เจ้าตัวไม่ค่อยแสดงออก แต่กับเอเรียนั้นรู้สึกอย่างไรเธอก็ไม่ปิดบัง
“ อย่ากังวลไปเลยน่า... ฉันรู้ว่าเธอกลัว... จำไม่ได้หรอ ปู่ทวดสอนว่าอย่ากลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แล้วก็วีเชอร์ก็สอนให้เอาชนะความกลัว... อลิซ... เธอเป็นคนกล้าไม่ใช่หรอ... อีกอย่างนึงนะ พวกเราทุกคนก็จะอยู่ข้างเธอ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ฉันลองแอบๆไปถามเทพยากรณ์มาแล้ว ท่านก็ให้ความมั่นใจว่าเธอจะไม่ตาย... ”
“ ไม่ตาย...ท่านบอกแค่นั้นแสดงว่ายังมีอะไรอีก ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าเจ้าตัวเริ่มปลงและเริ่มไม่ใส่ใจมากขึ้นทุกที
“ เธอก็รู้ผลของมันดี... เธอตัดสินใจไปแล้วจะมาคิดอะไรอีกล่ะ จริงมั๊ย? ”
“ เอเรีย... เด็กอย่างฉันก็มีความกลัวเหมือนกันนะ ” เจ้าตัวทำเสียงใสซื่อ แต่อีกฝ่ายนึกสภาพเด็กอินโนเซนต์ ซื่อ บริสุทธิ์ ไร้เดียงสาจากคนๆนี้ไม่ออกแล้วจริงๆ
“ อืม...ใช่... เด็กทั่วไปอาจใช่... แต่เด็กที่เล่นเอาแม้แต่ปีศาจยังขยาดนี่ฉันไม่มั่นใจ ”
“ แหม...เธอก็พูดไป ฉันก็เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ ” เจ้าตัวพูดแล้วหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นหน้าเหยเกของอีกฝ่ายที่สีหน้าแสดงอย่างชัดเจนผ่านคอมพิวเตอร์ที่เธอกำลังใช้สื่อสารกันอยู่
“ แค่นี้ก่อนละกันนะ... เดี๋ยวต้องไปทำธุระต่อนิดหน่อย ”
“ อืม...งั้น... สามทุ่มเจอกันนะอลิซ ” อีกฝ่ายนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
---***---***---***---***---
“ ยังไม่เลิกกังวลอีกหรอ ”
“ อืม... ยังรู้สึกเสียดาย ไม่รู้ว่าจะต้องเสียพลังอะไรไปน่ะสิ ” น้ำเสียงกังวลของอีกฝ่ายทำให้พลอยไม่สบายใจไปด้วย แต่เจ้าตัวก็พูดปลอบ
“ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง มันเป็นเรื่องธรรมดา... ”
“ อืม... มันก็จริง... แต่ยังมีอีกเรื่องที่ฉันกังวล...เรื่องเกรซ ” นัยน์ตาสีฟ้าที่ส่อถึงความไม่สบายใจหันมาสบกับนัยน์ตาสีนิล ที่ผู้เป็นเจ้าของก็หน้าตาราวกับพิมพ์เดียวกัน
“ ไม่ต้องห่วงมากหรอกน่า... ฉันจะคอยกันให้ ” อีกฝ่ายให้ความมั่นใจเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจมากขึ้น
“ สัญญานะลีน... ถ้าฉันกำลังอ่อนแอ อย่าให้เกรซควบคุมได้...ถ้าฉันยังไม่มีเรี่ยวแรงพอหรือยังกลับมาไม่ได้ ให้เธอเข้าแทนที่...สัญญาสิลีน...ให้สัญญากับฉัน ” อีกฝ่ายทำหน้าลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตกลงแล้วเอ่ยคำมั่น
“ ได้อลิซ...ฉันสัญญา... ”
---***---***---***---***---
“ พวกนายรออยู่ข้างล่างนั่นแหละ พวกเธอด้วย ” ดูเหมือนคำสั่งจะไม่มีประกาศิตมากพอเพราะมีบางเสียงโวยขึ้น
“ทำไมทีเอเรียกับแซนดร้าอยู่ได้ แต่ฉันกับแคตอยู่ไม่ได้ล่ะ ไม่ยุติธรรมเลย! ใช่มั๊ยแคต? ” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วส่งสายตามา แต่อลิซก็ยังไม่เปลี่ยนใจ
“ รออยู่นี่แหละ ” เจ้าตัวไม่รอช้า รีบปิดประตูห้องทันที ภายในห้องนั้นมีคนสองคนนั่งรออยู่แล้ว
“ พร้อมแล้วใช่มั๊ย? ”
“ อืม...พร้อมก็พร้อม ”
“ แหม ไม่ได้ไปออกรบซะหน่อย แค่กินยาแค่นี้เอง แป๊บเดียวก็เรียบร้อยแล้วกังวลอะไรนักหนา ” อีกฝ่ายส่งสายตามาให้คนพูดที่หน้าตาเหมือนกันประมาณว่า “ ลองมากินเองดูมั๊ยล่ะ ” แต่เอเรียแกล้งก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ รีบๆกินซะ จะได้จบๆ รู้มั๊ยว่าไอ้ยานี่ทำใครเดือดร้อนตั้งหลายคน...ไม่ต้องทำหน้าลำบากใจหรอกน่า รสชาติมันคงไม่ขมมากหรอกดื่มเข้าไปซะ... เธอควรจะภูมิใจนะที่ได้มีบุญกินของดีๆอย่างนี้ ” ประโยคสุดท้ายของแซนดร้าทำให้คนที่ถือแก้วยาสีรุ้งในมือทำหน้าประหลาดพร้อมคิดว่า ... ฉันยอมไม่มีบุญดีกว่ากินยานี่!
        แต่ยังไงเมื่อปฏิเสธไม่ได้เพราะนัยน์ตาวิบวับของเอเรียกับนัยน์ตาดุๆของแซนดร้า ซึ่งก็เป็นร่างที่แยกมาจากเธอเหมือนกันนั่นแหละเพียงแต่ว่าหน้าตาต่างกัน นัยน์ตาของทั้งคู่นั้นบังคับให้เธอต้องดื่มมันลงไป ไม่งั้น...เละ
        ในใจของอลิซตอนนี้คิดอยากจะทิ้งแก้วน้ำยาในมือใจจะขาด แต่ถึงแม้แกล้งทำหกอีกฝ่ายก็คงรู้อยู่ดี ถ้าทิ้งตรงๆก็คงถูกยำ... แต่น้ำยาสีรุ้งนี่ไม่น่าไว้ใจซักนิด โดยเฉพาะฟองที่บ่งบอกว่าเดือดปุดๆทั้งที่ไม่มีไฟเลย...
“ รีบๆกินเข้าสิ ชักช้าอยู่ได้ ” เมื่อคนใจร้อนเร่งขึ้นอีกฝ่ายจึงสวนกลับอย่างหมั่นไส้
“ ลองมากินดูบ้างมั๊ยล่ะ ขอทำใจแค่นิดหน่อยทำเป็นบ่นเชียว ติดเชื้อมาจากแซนดร้ารึไงเอเรีย ” คำพูดนั้นไม่วายแขวะอีกคนจนได้ แต่แซนดร้าไม่ใส่ใจ เราะสมาธิจับจ้องอยู่ที่แก้วใบนั้นที่เดียวจึงไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เอเรียก็นิ่งเงียบไม่ตอบกลับเพราะกลัวทำลายสมาธิ อลิซจึงถอนหายใจแล้วก้มมองแก้ว
- - ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน ! ( วะ ) - -
“ ...ฉันอลิซซิน่า ครูเว่น ขอรับผลจากน้ำยาหยุดเวลาแก้วนี้ทั้งหมด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอผลจากน้ำยาจงออกฤทธิ์...เต็มที่...  ” อลิซเอ่ยยอมรับผลของน้ำยา เพราะถ้าไม่ยอมรับมันจะไม่ส่งผลใดๆต่อร่างกายเธอเลย เวลาจะรับผลใดๆเธอต้องเอ่ยเสมอ เพราะสิ่งที่ไม่เอ่ยจะไม่เกิดผล เธอจึงไม่พิษจากยาเลย เพราะถึงแม้ว่าจะถูกวางยาบ่อยแต่มันก็ไม่เกิดผล
        มือเรียวยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากแล้วดื่มน้ำยาเข้าไป น้ำยาสีรุ้งที่ร้อนดังลาวาไหลผ่านเข้าลำคอระหงทำให้ทรมานแสนสาหัส เธอสัมผัสความร้อนได้อย่างชัดเจนและรู้สึกว่าคอกำลังถูกลวก คิดอยากจะหยุดเพราะทรมานเหลือเกิน แต่ตอนนี้จะถอยไม่ได้แล้วเจ้าตัวจึงต้องรีบดื่มให้เร็วเพื่อให้ทรมานน้อยที่สุด...
        ในที่สุดน้ำยานั้นก็หมดลง...หากแต่ความทรมานไม่หายไป มือขาวๆกุมลำคออย่างทุกทรมาน ในใจนึกอยากจะกรีดร้องแต่ไม่อาจเปล่งเสียงใดออกมาได้ เข่าเธอทรุดลงกับพื้นความร้อนเริ่มแผ่ไปทั่วร่างกายส่งผลให้ทุกทรมานปานโดนไฟเผา ร่างบางทรุดลงแนบพื้น ความเจ็บปวดที่มากที่สุดตอนนี้กลับอยู่ที่ดวงตา !
        มือทั้งสองข้างปิดอยู่ที่ดวงตาบ่งบอกถึงความทรมาน ความร้อนที่แผ่ไปทั่วร่างกายเริ่มรุนแรงขึ้น แต่ที่ดวงตายิ่งรุนแรงกว่า มันรุนแรงเกินกว่าที่คนๆนึงจะรับได้ สติจึงได้ดับวูบไปไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก...
        คนที่เฝ้าดูอีกสองคนไม่อาจทำอะไรได้ เพราะถึงจะเป็นร่างที่แยกออกมานานแล้ว แต่สายใยแห่งชีวิตและจิตวิญญาณก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ทั้งคู่ได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปด้วย แม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจากที่คนตรงหน้าได้รับ แต่เศษเสี้ยวนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ใครบางคนกรีดร้องออกมา!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงกรีดร้องนี้ดังพอที่จะทำให้คนข้างล่างหันขวับ คนที่ไวและตั้งสติได้ดีจึงไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที... แต่...ประตูล็อค!
“ โถ่เอ้ย! เอาวะ! ( อโหสินะอลิซ ) ” พูดแล้วเจ้าตัวก็ตัดสินใจสาดพลังพังประตู!
เพื่อนๆวิ่งขึ้นมาทันพอดี แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า... หนึ่งคนนั่งพิงอยู่ข้างกำแพงอย่างอ่อนแรงและเจ็บปวด อีกคนกำลังหอบหายใจระรัวน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ส่วนคนที่ห่วงที่สุด บัดนี้กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นไม่รับรู้อะไรอีก...
“ อลิซ! ” ทุกคนร้องออกมาอย่างตกใจและยืนตะลึง แต่สองคนที่ควบคุมสติได้ดีที่สุดไม่ยอมให้เวลาผ่านเลยไป ทั้งคู่รีบวิ่งมาที่ร่างของเธอจะพาไปห้องพยาบาล แต่ร่างกายที่ร้อนราวกับไฟนั้นไม่สามารถแตะต้องได้...
“ แคต...แคลร์ มาช่วยกันเร็ว! ” เอ๊ดออกคำสั่งโดยไม่รอช้าแล้วทั้งคู่ก็มานั่งข้างๆทันทีแม้สีหน้าจะยังงุนงง แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เอ๊ดและไคกำลังทำทั้งคู่จึงเข้าใจ
        พลังเวทย์สีน้ำเงินและสีเงินค่อยๆออกมาจากฝ่ามือของเอ๊ดและไค มันไหลวนรอบร่างกายของคนตรงหน้าและครอบคลุมอยู่ทั่ว แคตและแคลร์จึงทำบ้าง พลังเวทย์สีน้ำเงิน สีเขียว สีฟ้า และสีเงิน ไหลวนและรวมตัวกันครอบคลุมร่างที่กำลังนอนแน่นิ่งและกำลังซึมแผ่เข้าไปอย่างช้าๆ ลมหายใจที่บ่งบอกถึงความอ่อนแรงเริ่มมีกำลังขึ้น มันเป็นวิธีเพิ่มความเย็นให้ร่างกาย...
        เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งร่างกายของอลิซก็เริ่มเย็นลง  สุภาพบุรุษอย่างเอ๊ดจึงทำหน้าที่ช้อนร่างบางขึ้นไปวางบนเตียงที่อยู่ใกล้ๆอย่างทะนุถนอม ก่อนจะหันมาทางเอเรียที่ดีขึ้นมาก...มากพอที่จะตอบคำถามได้
“ เกิดอะไรขึ้น ” น้ำเสียงเย็นชาและแววตาที่เย็นเยียบส่งมาที่เอเรียทำให้เธอขนลุก ส่วนคนที่โดนตัดหน้านั้นก็ส่งสายตาที่ไม่แพ้กันมาให้ มันทำให้เธอกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอแล้วหันไปมองข้างๆเพราะอยากให้อีกคนที่รู้เรื่องพอกันและอาจจะรู้ดีกว่าด้วยซ้ำเป็นคนตอบ
แต่ก็พึ่งไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายสลบไปเรียบร้อยแล้ว... เธอก็เลยต้องหันหน้ามาเผชิญกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้าง และสายตาอีกสองคู่ที่บอกกับตัวเองได้อย่างชัดเจนเลยว่า... น่ากลัวชะมัด!
“ มันเป็นผลของ...น้ำยาหยุดเวลา ”
----------------------------------------------------------------------------------
aris : บทนี้จบแล้วค่ะ ^^ แต่งไปก็สงสารนางเอกอยู่เหมือนกัน โดนคนแต่งแกล้งอีกแล้ว ^^”  บทนี้ตัวละครก็เยอะพอควร แต่ไม่ออกมาเด่นนัก สำหรับคนที่งงๆคาแรกเตอร์ก็ดูได้ที่ Profile ตัวละครนะคะ ในนั้นจะมีระบุสีตา สีผม นิสัย และอื่นๆไว้ ที่ทำไว้เพราะเคยอ่านมาเหมือนกันเรื่องที่มีตัวละครเยอะ แล้วมันจะมีปัญหาแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ตากับผมสีอะไร ลักษณะนิสัย ฯลฯ จึงได้ทำไว้เผื่อลืมก็ไปอ่านได้ และร่างที่แยกออกมาของนางเอกในบทนี้ที่ออกมาคือ แซนดร้าและเอเรีย ค่ะ เพราะในบรรดาร่างที่แยกมาทั้งหมด 2 คนนี้จะเด่นที่สุด ออกบ่อยสุดแล้ว ^^
“ แคลร์ เดร เช เอ๊ด เคทแล้วก็ไค นี่เพื่อนใหม่ของเรา ไนท์ ไนท์ เดลลิส ” อลิซกล่าวแนะนำส่วนไนท์นั้นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แม้นัยน์ตาสีเขียวจะดูจริงใจแต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าวางใจของหลายๆคนในกลุ่มอยู่ดี ในบรรดา เพื่อนอีกในกลุ่ม คงมีเดรและเคทที่ไม่คิดอะไรมาก เดรเป็นฝ่ายที่ยื่นมือมาจับทักทายอย่างอารมณ์ดี
“ ยินดีที่ได้รู้จัก ... นายนี่เจ๋งจริงๆเลย เห็นรุ่นพี่ว่าบ้านโรสควอตซ์นี่ยังไม่เคยมีใครเข้ากลางคันซักที... ว่าแต่...นามสกุลนายคุ้นๆนะ เหมือนเคยได้ยิน ” คำพูดประโยคสุดท้ายทำให้สามสาวแอบสบตากันเบือนหน้าหนีไปก่อนที่ใครจะทันสังเกต
“ ใช่ นามสกุลคุ้นจริงๆ... เหมือนเคยอ่านเจอที่ไหน ” เชเอ่ยสนับสนุนขึ้นบ้าง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าเคยอ่านผ่านๆแต่ไม่ได้ใส่ใจ แต่เขามั่นใจว่าคงไม่ได้อยู่ในรายชื่อ 50 ตระกูลดัง เพราะหนังสือเล่มนั้นเขาแทบจะท่องจำประวัติทุกอย่างได้ทั้งเล่มอยู่แล้ว แต่เมื่อนึกไม่ออกจะนึกไปทำไม ( เริ่มติดเชื้อมาจากเซีย กับ แคต ) จึงยื่นมือมาจับและทักทาย
เคทยิ้มและทักทายอย่างเป็นมิตรเช่นกัน ,ไคนั้นเอ่ยคำเพียงสั้นๆนัยน์ตาสีเขียวนั้นมีแววครุ่นคิด ส่วนเอ๊ดนั้นยื่นมือมาจับทักทายสั้นๆเช่นกัน นัยน์ตาสีดำนั้นดูแปลกๆ ไคและเอ๊ดหันมาสบตากันก่อนจะเก็บความคิดเอาไว้ในใจโดยพยายามซ่อนไว้ให้ดีที่สุดแต่ไม่อาจซ่อนคนอย่างอลิซได้
ส่วนแคลร์นั้นแปลกที่สุด เธอกล่าวทักทายสั้นๆแต่และ ยื่นมือมาแตะก็จริง แต่ก็รีบชักมือกลับราวกับต้องของร้อน นั่นทำให้คนที่พอจะรู้เรื่องอย่าง เอ๊ด ไค และคนที่นึกออกอย่างเชนั้นสบตากันแล้วเชก็เป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“ เธอคิดอะไรของเธอน่ะอลิซ ”
“ ก็คิดแนะนำเพื่อนใหม่ให้พวกนายรู้จักไง ไม่ดีหรอ? ” เจ้าตัวยังเบี่ยงประเด็นทั้งที่รู้ดีว่าเรื่องอะไร
“ จะทำอะไรก็ตามใจเถอะ... ยังไงมาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ”
“ ฉันเห็นด้วยกับไค ” คำพูดจากเอ๊ดทำให้อลิซหันมาจ้องอย่างแปลกใจ
“ มองอะไรน่ะ... หรือว่า... ” ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำที่ทำให้เธอหมั่นไส้เล่นตามนิสัยเธอจึงตัดบทพูดขึ้น
“ แค่แปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นนายสองคนยอมรับว่าความคิดเห็นตรงกันซักครั้ง... สงสัยวันนี้ฝนต้องตกแหง ” เจ้าตัวพูดพลางแสร้งหันหน้าไปทางหน้าต่าง
“ จะไม่ให้ฝนตกได้ไงล่ะอลิซ ก็ตอนนี้มันน่าฝนนี่! ” เซียแย้งก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มเจื่อนแล้วเอ่ยเบาๆ
“ โทษที...ลืมไป ” คำสนทนาธรรมดาที่ใครไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าตัวจงใจเบี่ยงประเด็นไปให้ไกล แต่ดูเหมือนจะไร้ผล
“ เรื่องนี้พี่เฟิร์ซรู้รึเปล่า ” อีกฝ่ายรีบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำตาปริบๆแล้วถามอย่างใสซื่อ
“ เรื่องอะไรล่ะเอ๊ด ...ถ้าเรื่องที่ไนท์เข้าเรียน ...ยังไงพี่เฟิร์ซที่เป็นประธานก็ต้องรู้อยู่แล้ว ”
“ ไม่ใช่เรื่องนั้น... เรื่องที่ไนท์เป็น ” นัยน์ตาสีเขียวลึกลับของไนท์จ้องมองมาทางเอ๊ดอย่างประมาณว่าท้าทายว่า ‘...แน่จริงก็พูดสิ...’ เส้นผมสีดำรัตติกาลที่เข้ากับหน้าคมเข้มนั้นเป็นอย่างดี ในยามนี้ความคิดของเอ๊ดกับไคนั้นตรงกันเหลือเกินว่า ‘ มันน่าอัดนัก! ’ หากแต่ทั้งคู่ไม่สิ้นคิดพอจึงได้แต่เก็บความไม่ชอบเอาไว้ในใจ หน้าคมเข้มของทั้งคู่ยังคงเก๊กต่อไปอย่างพยายามปกปิดความรู้สึกเต็มที่
“ เป็นเพื่อนเก่าของฉันน่ะหรอ? รู้สิ เมื่อก่อนพี่เฟิร์ซก็ยังเคยคุยกับไนท์เลย ” หน้าตาใสซื่อนั้นปิดเคท กับเดรได้ แต่ปิดคนที่รู้ความจริงของประเด็นนี้ไม่ได้
“ พอเถอะอลิซ... จะเป็นไรไป... ฉันจะยืนยันความคิดของพวกนายให้นะไคเอส เอ๊ด แล้วก็เช ...ฉัน เป็น ปี ศาจ ” ประโยคสุดท้ายเน้นชัดถ้อยชัดคำ นัยน์ตาของเดรเบิกกว้าง
“ ปีศาจ... งั้นก็...เหมือนกับพลอซสินะ... ” ประโยคสุดท้ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาอยากถามเรื่องดินแดนและเรื่องต่างๆพวกปีศาจมานานแล้วแต่ไม่กล้าถามพลอซที่ดูเงียบขรึม แต่ถ้านายคนนี้เป็นปีศาจก็คงจะถามได้ เพราะท่าทาง ห่างไกลความขรึมชัวร์ๆ แถมยังน่าจะเป็นมิตร ถามอะไรออกไปคงมั่นใจได้ว่าจะไม่เจอดี
“ ไม่เหมือน ” ถ้อยคำนั้นทำให้ดวงหน้าที่ดูหล่อแต่ออกจะขี้เล่นสลดวูบ อีกฝ่ายยิ้มก่อนเสริม
“ พลอซเป็นลูกครึ่ง แต่ฉันเป็น    ปีศาจแท้ๆ ” คำตอบที่แทบไม่ต่างกันเพราะยังไงมันก็คือปีศาจอยู่ดี ... เดรคิดตามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ แล้วนายพักที่ไหนล่ะ ” เดรเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร ถ้าไม่มีที่พักก็ชวนพักด้วยกันซะเลย เพราะบ้านของเขาถึงแม้จะอยู่กัน 6 คนแต่ก็ยังมีเนื้อที่เหลือเฟือพอจะอยู่ได้อีกหลายคนสบายๆ นี่รับมาอีกแค่คนเดียวไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แถมดีซะอีกจะได้มีคนตอบคำถาม ดีไม่ดีอาจจะช่วยแก้ปัญหาโรคกึ่งใบ้ของอีก 3 คนที่บ้านก็ได้ ซึ่งนั่นก็คือไค พลอซ และ...จัส
“ ต้องถามคนจัดการ ” นัยน์ตาสีเขียวหันไปมอง ‘ผู้จัดการ’ ทั้งสามของเขา โดยเฉพาะคนที่เป็นใบเบิกทางและตัวต้นความคิดทั้งหมด
“ คือ...เรื่องนี้ฉันก็จะถามพอดีเลย เดร นายจะตกลงมั๊ย?... ” คราวนี้อีกฝ่ายฉลาดรู้เรื่องขึ้นมาทันควันเนื่องจากคิดไว้แล้ว เจ้าตัวจึงออกปากรับคำโดยไม่ปรึกษาเพื่อร่วมบ้านซักนิด
“ เอาสิ...ที่บ้านมีที่ว่างอีกเพียบ เธอติดกระจกเพิ่มห้องเก็บของกับห้องน้ำไปอีกก็ได้ถ้ากลัวไม่สะดวก ไม่มีปัญหาอยู่แล้วนี่... จริงมั๊ย ไค เอ๊ด ”
“ เออ ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกันหันมาสบตาก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างเบือนไปอีกทาง ทำให้ไนท์แอบหัวเราะในใจเงียบๆ ส่วนอลิซทำไม่รู้ไม่ชี้และเหมารวม
“ เอาเป็นว่าไนท์ นายอยู่บ้านพวกนั้นก็แล้วกันนะ วันนี้วันจันทร์ก็ช่วยพาเพื่อนไปชมสถานที่ด้วยนะเดร เดี๋ยวจะให้แซนดร้าติดกระจกเพิ่มห้องให้ รับรองว่าจะใช้อย่างดีเลย... ตอนนี้ขอตัวก่อนละกัน ” เจ้าตัวพูดจบก็ไม่รอช้า รีบเดินจากไปไม่รอฟังใครซักนิด...
---***---***---***---***---
“ ทุกอย่างพร้อมแล้วอลิซ... อยู่ที่เธอ... จะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ ”
“ คืนนี้เอเรีย... คืนนี้... พรุ่งนี้คงต้องวานเธอมาเรียนแทนหน่อยล่ะ เพราะฉันไม่มั่นใจผลของมันซักเท่าไหร่... ส่วนผสมตรวจเช็คทุกอย่างแล้วใช่มั๊ย? ” ถามเพื่อความมั่นใจเพราะทุกอย่างผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นอาจจะหมายถึง... ชีวิต
“ ทุกคนช่วยกันเช็คอยู่เป็นสิบๆรอบเชียวล่ะ... แต่เธอมั่นใจหรอว่าจะดื่มมันที่นั่น ไม่กลับมาดื่มในห้องที่มัลเลนล่ะ อยู่ที่นั่นฉันไม่แน่ใจสวัสดิภาพของเธอเลย... ”
“ ไม่เป็นไรหรอก...ถ้าฉันไปที่นั่นแทนล่ะก็...มันก็จะยิ่งน่าสงสัย ที่นี่เพื่อนๆรู้ก็ไม่เป็นไร มันไม่มีผลกระทบเท่ากับให้พ่อกับแม่หรือป้ามอนต้ารู้ ส่วนเรื่องสวัสดิภาพ...เธอคงกังวลมากไป เพราะนอกจากเดซิเบลเสียงของวีนแล้ว ฉันก็ไม่เจออะไรนี่นา... ” อีกฝ่ายยังไม่ละความกังวลใจแต่ยังคอยย้ำเตือน
“ ระวังตัวให้ดีนะอลิซ... วีนในตอนนี้น่ะบอกตามตรงว่าฉันไม่ไว้ใจ เธอก็อย่าประมาทไป เราไม่อาจมั่นใจได้ว่าตอนนี้คนๆนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู... คำสอนของวีเชอร์น่ะหายไปไหนจากหัวหมด? เธอสอนฉันบ่อยๆไม่ใช่รึไงกัน? ” น้ำคำที่ดูจริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นล้อเล่นเพราะไม่อยากให้เกิดความตึงเครียดซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจดี
“ จ้าๆๆ... แล้วนอกจากเธอคนอื่นๆจะมามั๊ย? ”
“ ไอริสกับไอด้าติดเที่ยวอยู่ แซนดร้านี่ไปแน่ๆ คนอื่นๆก็ติดธุระ ส่วนโรส...เธอก็รู้ว่าหมกมุ่นอยู่ในห้องสมุดมาตั้งหลายปีแล้ว เราจะพูดกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นก็คงไม่มาหรอก... แต่เย็นนี้...เตรียมใจให้ดีเถอะอลิซ! ” น้ำเสียงของเอเรียทำให้เธอขนลุก
“ ฉันเตรียมใจนานแล้ว... แต่...จะว่าไปก็เสียวๆเหมือนกันแฮะ ” ประโยคสุดท้ายที่พูดจากใจจริงอย่างไม่คิดปิดบังทำให้เอเรียหัวเราะน้อยๆ กับคนอื่นอลิซคงยืนยันให้คนนั้นสบายใจ แต่กับเธอที่รู้นิสัยดีอลิซไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังเลยซักนิด
“ เอาน่า...คงไม่มีอะไรมากหรอก ”
“ พูดมาได้ไงว่าไม่มีอะไร ทั้งๆที่เคยมีคนตายเพราะกินมันมาแล้วเนี่ยนะ แถมถ้าสำเร็จก็ยังต้องเสียพลังไปหนึ่งอย่างอีก... ฉันชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าคุ้มรึเปล่า ” แต่น้ำเสียงของอลิซนั้นไม่มีแววซีเรียสเลยซักนิด
“ อืม...ยังไงเธอเลือกแล้วนี่... ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ ลองคิดดูละกัน...ไม่อยากพูด ” ใช่...ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ เธอต้องถูกรุมแน่ๆ เพราะมีหลายคนเหลือเกินที่ต้องเสี่ยงเอาไอ้ตัวยายากแสนยากนี้มา แถมภาพพจน์ยังต้องเสียอีกเพราะในสายตาคนทั่วไปเธอนั้นเด็ดขาด ไม่มีคำว่าถอย ผิด หรือเปลี่ยนใจง่ายๆ แถมลูกน้องก็อาจเอาไปนินทาได้ เพราะฉะนั้นเธอจะถอยไม่ได้ ต้องเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น!
“ จริงของเธอ... ” น้ำเสียงเห็นด้วย แต่แฝงความกังวลที่เจ้าตัวไม่ค่อยแสดงออก แต่กับเอเรียนั้นรู้สึกอย่างไรเธอก็ไม่ปิดบัง
“ อย่ากังวลไปเลยน่า... ฉันรู้ว่าเธอกลัว... จำไม่ได้หรอ ปู่ทวดสอนว่าอย่ากลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แล้วก็วีเชอร์ก็สอนให้เอาชนะความกลัว... อลิซ... เธอเป็นคนกล้าไม่ใช่หรอ... อีกอย่างนึงนะ พวกเราทุกคนก็จะอยู่ข้างเธอ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ฉันลองแอบๆไปถามเทพยากรณ์มาแล้ว ท่านก็ให้ความมั่นใจว่าเธอจะไม่ตาย... ”
“ ไม่ตาย...ท่านบอกแค่นั้นแสดงว่ายังมีอะไรอีก ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าเจ้าตัวเริ่มปลงและเริ่มไม่ใส่ใจมากขึ้นทุกที
“ เธอก็รู้ผลของมันดี... เธอตัดสินใจไปแล้วจะมาคิดอะไรอีกล่ะ จริงมั๊ย? ”
“ เอเรีย... เด็กอย่างฉันก็มีความกลัวเหมือนกันนะ ” เจ้าตัวทำเสียงใสซื่อ แต่อีกฝ่ายนึกสภาพเด็กอินโนเซนต์ ซื่อ บริสุทธิ์ ไร้เดียงสาจากคนๆนี้ไม่ออกแล้วจริงๆ
“ อืม...ใช่... เด็กทั่วไปอาจใช่... แต่เด็กที่เล่นเอาแม้แต่ปีศาจยังขยาดนี่ฉันไม่มั่นใจ ”
“ แหม...เธอก็พูดไป ฉันก็เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ ” เจ้าตัวพูดแล้วหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นหน้าเหยเกของอีกฝ่ายที่สีหน้าแสดงอย่างชัดเจนผ่านคอมพิวเตอร์ที่เธอกำลังใช้สื่อสารกันอยู่
“ แค่นี้ก่อนละกันนะ... เดี๋ยวต้องไปทำธุระต่อนิดหน่อย ”
“ อืม...งั้น... สามทุ่มเจอกันนะอลิซ ” อีกฝ่ายนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
---***---***---***---***---
“ ยังไม่เลิกกังวลอีกหรอ ”
“ อืม... ยังรู้สึกเสียดาย ไม่รู้ว่าจะต้องเสียพลังอะไรไปน่ะสิ ” น้ำเสียงกังวลของอีกฝ่ายทำให้พลอยไม่สบายใจไปด้วย แต่เจ้าตัวก็พูดปลอบ
“ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง มันเป็นเรื่องธรรมดา... ”
“ อืม... มันก็จริง... แต่ยังมีอีกเรื่องที่ฉันกังวล...เรื่องเกรซ ” นัยน์ตาสีฟ้าที่ส่อถึงความไม่สบายใจหันมาสบกับนัยน์ตาสีนิล ที่ผู้เป็นเจ้าของก็หน้าตาราวกับพิมพ์เดียวกัน
“ ไม่ต้องห่วงมากหรอกน่า... ฉันจะคอยกันให้ ” อีกฝ่ายให้ความมั่นใจเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจมากขึ้น
“ สัญญานะลีน... ถ้าฉันกำลังอ่อนแอ อย่าให้เกรซควบคุมได้...ถ้าฉันยังไม่มีเรี่ยวแรงพอหรือยังกลับมาไม่ได้ ให้เธอเข้าแทนที่...สัญญาสิลีน...ให้สัญญากับฉัน ” อีกฝ่ายทำหน้าลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตกลงแล้วเอ่ยคำมั่น
“ ได้อลิซ...ฉันสัญญา... ”
---***---***---***---***---
“ พวกนายรออยู่ข้างล่างนั่นแหละ พวกเธอด้วย ” ดูเหมือนคำสั่งจะไม่มีประกาศิตมากพอเพราะมีบางเสียงโวยขึ้น
“ทำไมทีเอเรียกับแซนดร้าอยู่ได้ แต่ฉันกับแคตอยู่ไม่ได้ล่ะ ไม่ยุติธรรมเลย! ใช่มั๊ยแคต? ” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วส่งสายตามา แต่อลิซก็ยังไม่เปลี่ยนใจ
“ รออยู่นี่แหละ ” เจ้าตัวไม่รอช้า รีบปิดประตูห้องทันที ภายในห้องนั้นมีคนสองคนนั่งรออยู่แล้ว
“ พร้อมแล้วใช่มั๊ย? ”
“ อืม...พร้อมก็พร้อม ”
“ แหม ไม่ได้ไปออกรบซะหน่อย แค่กินยาแค่นี้เอง แป๊บเดียวก็เรียบร้อยแล้วกังวลอะไรนักหนา ” อีกฝ่ายส่งสายตามาให้คนพูดที่หน้าตาเหมือนกันประมาณว่า “ ลองมากินเองดูมั๊ยล่ะ ” แต่เอเรียแกล้งก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ รีบๆกินซะ จะได้จบๆ รู้มั๊ยว่าไอ้ยานี่ทำใครเดือดร้อนตั้งหลายคน...ไม่ต้องทำหน้าลำบากใจหรอกน่า รสชาติมันคงไม่ขมมากหรอกดื่มเข้าไปซะ... เธอควรจะภูมิใจนะที่ได้มีบุญกินของดีๆอย่างนี้ ” ประโยคสุดท้ายของแซนดร้าทำให้คนที่ถือแก้วยาสีรุ้งในมือทำหน้าประหลาดพร้อมคิดว่า ... ฉันยอมไม่มีบุญดีกว่ากินยานี่!
        แต่ยังไงเมื่อปฏิเสธไม่ได้เพราะนัยน์ตาวิบวับของเอเรียกับนัยน์ตาดุๆของแซนดร้า ซึ่งก็เป็นร่างที่แยกมาจากเธอเหมือนกันนั่นแหละเพียงแต่ว่าหน้าตาต่างกัน นัยน์ตาของทั้งคู่นั้นบังคับให้เธอต้องดื่มมันลงไป ไม่งั้น...เละ
        ในใจของอลิซตอนนี้คิดอยากจะทิ้งแก้วน้ำยาในมือใจจะขาด แต่ถึงแม้แกล้งทำหกอีกฝ่ายก็คงรู้อยู่ดี ถ้าทิ้งตรงๆก็คงถูกยำ... แต่น้ำยาสีรุ้งนี่ไม่น่าไว้ใจซักนิด โดยเฉพาะฟองที่บ่งบอกว่าเดือดปุดๆทั้งที่ไม่มีไฟเลย...
“ รีบๆกินเข้าสิ ชักช้าอยู่ได้ ” เมื่อคนใจร้อนเร่งขึ้นอีกฝ่ายจึงสวนกลับอย่างหมั่นไส้
“ ลองมากินดูบ้างมั๊ยล่ะ ขอทำใจแค่นิดหน่อยทำเป็นบ่นเชียว ติดเชื้อมาจากแซนดร้ารึไงเอเรีย ” คำพูดนั้นไม่วายแขวะอีกคนจนได้ แต่แซนดร้าไม่ใส่ใจ เราะสมาธิจับจ้องอยู่ที่แก้วใบนั้นที่เดียวจึงไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เอเรียก็นิ่งเงียบไม่ตอบกลับเพราะกลัวทำลายสมาธิ อลิซจึงถอนหายใจแล้วก้มมองแก้ว
- - ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน ! ( วะ ) - -
“ ...ฉันอลิซซิน่า ครูเว่น ขอรับผลจากน้ำยาหยุดเวลาแก้วนี้ทั้งหมด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอผลจากน้ำยาจงออกฤทธิ์...เต็มที่...  ” อลิซเอ่ยยอมรับผลของน้ำยา เพราะถ้าไม่ยอมรับมันจะไม่ส่งผลใดๆต่อร่างกายเธอเลย เวลาจะรับผลใดๆเธอต้องเอ่ยเสมอ เพราะสิ่งที่ไม่เอ่ยจะไม่เกิดผล เธอจึงไม่พิษจากยาเลย เพราะถึงแม้ว่าจะถูกวางยาบ่อยแต่มันก็ไม่เกิดผล
        มือเรียวยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากแล้วดื่มน้ำยาเข้าไป น้ำยาสีรุ้งที่ร้อนดังลาวาไหลผ่านเข้าลำคอระหงทำให้ทรมานแสนสาหัส เธอสัมผัสความร้อนได้อย่างชัดเจนและรู้สึกว่าคอกำลังถูกลวก คิดอยากจะหยุดเพราะทรมานเหลือเกิน แต่ตอนนี้จะถอยไม่ได้แล้วเจ้าตัวจึงต้องรีบดื่มให้เร็วเพื่อให้ทรมานน้อยที่สุด...
        ในที่สุดน้ำยานั้นก็หมดลง...หากแต่ความทรมานไม่หายไป มือขาวๆกุมลำคออย่างทุกทรมาน ในใจนึกอยากจะกรีดร้องแต่ไม่อาจเปล่งเสียงใดออกมาได้ เข่าเธอทรุดลงกับพื้นความร้อนเริ่มแผ่ไปทั่วร่างกายส่งผลให้ทุกทรมานปานโดนไฟเผา ร่างบางทรุดลงแนบพื้น ความเจ็บปวดที่มากที่สุดตอนนี้กลับอยู่ที่ดวงตา !
        มือทั้งสองข้างปิดอยู่ที่ดวงตาบ่งบอกถึงความทรมาน ความร้อนที่แผ่ไปทั่วร่างกายเริ่มรุนแรงขึ้น แต่ที่ดวงตายิ่งรุนแรงกว่า มันรุนแรงเกินกว่าที่คนๆนึงจะรับได้ สติจึงได้ดับวูบไปไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก...
        คนที่เฝ้าดูอีกสองคนไม่อาจทำอะไรได้ เพราะถึงจะเป็นร่างที่แยกออกมานานแล้ว แต่สายใยแห่งชีวิตและจิตวิญญาณก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ทั้งคู่ได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปด้วย แม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจากที่คนตรงหน้าได้รับ แต่เศษเสี้ยวนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ใครบางคนกรีดร้องออกมา!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงกรีดร้องนี้ดังพอที่จะทำให้คนข้างล่างหันขวับ คนที่ไวและตั้งสติได้ดีจึงไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที... แต่...ประตูล็อค!
“ โถ่เอ้ย! เอาวะ! ( อโหสินะอลิซ ) ” พูดแล้วเจ้าตัวก็ตัดสินใจสาดพลังพังประตู!
เพื่อนๆวิ่งขึ้นมาทันพอดี แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า... หนึ่งคนนั่งพิงอยู่ข้างกำแพงอย่างอ่อนแรงและเจ็บปวด อีกคนกำลังหอบหายใจระรัวน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ส่วนคนที่ห่วงที่สุด บัดนี้กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นไม่รับรู้อะไรอีก...
“ อลิซ! ” ทุกคนร้องออกมาอย่างตกใจและยืนตะลึง แต่สองคนที่ควบคุมสติได้ดีที่สุดไม่ยอมให้เวลาผ่านเลยไป ทั้งคู่รีบวิ่งมาที่ร่างของเธอจะพาไปห้องพยาบาล แต่ร่างกายที่ร้อนราวกับไฟนั้นไม่สามารถแตะต้องได้...
“ แคต...แคลร์ มาช่วยกันเร็ว! ” เอ๊ดออกคำสั่งโดยไม่รอช้าแล้วทั้งคู่ก็มานั่งข้างๆทันทีแม้สีหน้าจะยังงุนงง แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เอ๊ดและไคกำลังทำทั้งคู่จึงเข้าใจ
        พลังเวทย์สีน้ำเงินและสีเงินค่อยๆออกมาจากฝ่ามือของเอ๊ดและไค มันไหลวนรอบร่างกายของคนตรงหน้าและครอบคลุมอยู่ทั่ว แคตและแคลร์จึงทำบ้าง พลังเวทย์สีน้ำเงิน สีเขียว สีฟ้า และสีเงิน ไหลวนและรวมตัวกันครอบคลุมร่างที่กำลังนอนแน่นิ่งและกำลังซึมแผ่เข้าไปอย่างช้าๆ ลมหายใจที่บ่งบอกถึงความอ่อนแรงเริ่มมีกำลังขึ้น มันเป็นวิธีเพิ่มความเย็นให้ร่างกาย...
        เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งร่างกายของอลิซก็เริ่มเย็นลง  สุภาพบุรุษอย่างเอ๊ดจึงทำหน้าที่ช้อนร่างบางขึ้นไปวางบนเตียงที่อยู่ใกล้ๆอย่างทะนุถนอม ก่อนจะหันมาทางเอเรียที่ดีขึ้นมาก...มากพอที่จะตอบคำถามได้
“ เกิดอะไรขึ้น ” น้ำเสียงเย็นชาและแววตาที่เย็นเยียบส่งมาที่เอเรียทำให้เธอขนลุก ส่วนคนที่โดนตัดหน้านั้นก็ส่งสายตาที่ไม่แพ้กันมาให้ มันทำให้เธอกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอแล้วหันไปมองข้างๆเพราะอยากให้อีกคนที่รู้เรื่องพอกันและอาจจะรู้ดีกว่าด้วยซ้ำเป็นคนตอบ
แต่ก็พึ่งไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายสลบไปเรียบร้อยแล้ว... เธอก็เลยต้องหันหน้ามาเผชิญกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้าง และสายตาอีกสองคู่ที่บอกกับตัวเองได้อย่างชัดเจนเลยว่า... น่ากลัวชะมัด!
“ มันเป็นผลของ...น้ำยาหยุดเวลา ”
----------------------------------------------------------------------------------
aris : บทนี้จบแล้วค่ะ ^^ แต่งไปก็สงสารนางเอกอยู่เหมือนกัน โดนคนแต่งแกล้งอีกแล้ว ^^”  บทนี้ตัวละครก็เยอะพอควร แต่ไม่ออกมาเด่นนัก สำหรับคนที่งงๆคาแรกเตอร์ก็ดูได้ที่ Profile ตัวละครนะคะ ในนั้นจะมีระบุสีตา สีผม นิสัย และอื่นๆไว้ ที่ทำไว้เพราะเคยอ่านมาเหมือนกันเรื่องที่มีตัวละครเยอะ แล้วมันจะมีปัญหาแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ตากับผมสีอะไร ลักษณะนิสัย ฯลฯ จึงได้ทำไว้เผื่อลืมก็ไปอ่านได้ และร่างที่แยกออกมาของนางเอกในบทนี้ที่ออกมาคือ แซนดร้าและเอเรีย ค่ะ เพราะในบรรดาร่างที่แยกมาทั้งหมด 2 คนนี้จะเด่นที่สุด ออกบ่อยสุดแล้ว ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น