ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Princess of Time

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 10 เจรจา...ปีศาจราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 48


                                                                      บทที่ 10 เจรจา...ปีศาจราตรี



    “ เท่าที่เธอบอกชื่อปีศาจมา...เห็นเซียบอกว่า...เธอจงใจเลือกปีศาจราตรีอยู่แล้วใช่มั๊ย ”

    “ ดูออกง่ายขนาดนั้นเชียว? ” เจ้าตัวย้อนถามอย่างแปลกใจ เพราะขนาดพี่ชายคนฉลาดของเธอยังเดินไปตามแผนโดยไม่รู้ตัว แต่เซีย...รู้ แล้วก็ยังเผื่อแผ่มาถึงแคตด้วย



    “ แน่ล่ะ...มันเกี่ยวกับฉันโดยตรงนี่นา... ” จู่ๆคนที่ควรหลับอยู่ที่โซฟาก็พูดขึ้น ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก...



    เล่นอะไรบ้าๆ หัดให้สุ้มให้เสียงบ้างสิ!!... ฉันหัวใจวายตายไปใครจะรับผิดชอบ!!!

    “ ก็ถ้าเธอตายง่ายขนาดนั้น ฉันก็ยินดีรับผิดชอบ... อยู่ที่ว่า...จะตายจริงรึเปล่า ” คำพูดกวนประสาททำให้คนฟังยิ้มน้อยๆ คนๆนี้รู้ทันเธอเสมอ... ยังไงตอนนี้เธอก็ยังตายไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้แก้แค้น เพราะเธอถือว่า บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ!!! แล้วไม่ใช่ชำระธรรมดา แต่ต้องทำจนกว่าจะพอใจ!



    “ คนอย่างเธอไม่ยอมตายก่อนได้แก้แค้นและสะสางเรื่องต่างๆอยู่แล้ว... แถมตอนนี้ยังเหลืออีกแค่นิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเดียว... เรื่องของคนอื่นซะด้วยสิ ”

    “ คนอื่นที่ไหน เธอเป็นทั้งเพื่อนทั้งญาติฉัน ไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย... ” พูดแก้ตัวไปนั่น ทั้งที่จริงๆแล้วมันก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่



    “ เอาเถอะ...ว่าแต่ เธอนี่ร้ายจริงๆ ...งานอื่นน่ะยอมรับนะว่ามีน้ำใจกับพี่ชาย แต่งานนี้น่ะสิ...แผนสูงเชียว ทำเป็นแลกกับพี่ชาย ทั้งที่จริงๆจะเอาปีศาจราตรีอยู่แล้ว แต่ทำเหมือนมีน้ำใจ...ใช้นิสัยของพี่ๆให้เป็นประโยชน์ เจ้าเล่ห์จริงเชียว ”



    “ ชั่งเถอะน่า...อย่าทำเป็นรู้ทันนักเลย ...รีบไปกันเถอะ ได้ฤกษ์ดีแล้ว ” ใช่...ได้ฤกษ์ ได้ฤกษ์สะสาง หลังจากจัดการปีศาจราตรี เธอก็จะจัดการปีศาจตัวสุดท้ายที่เธอสัญญากับตัวเองไว้ และจากนี้ไปเธอจะพยายามทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเอเรียบ้าง



    “ ยัง...ยังไปไม่ได้ เพราะงานฉันยังไม่เคลียร์ ”

    “ ไม่เคลียร์...ยังไง? แบ่งงานกันไม่ลงตัวหรอ? ” อลิซถามอย่างแปลกใจ คำตอบที่ได้คือหน้าบูดๆของคนอารมณ์ดีอย่างเซีย และเสียงหัวเราะจากคนติงต๊องอย่างแคต



    “ ก็แหงสิ...ปีศาจชั้นกลางที่พลังสูงกว่าอีกตัวก็จริง แต่ดันเป็น...ปีศาจแห่งแสง งานนี้ฉันก็ซวยสิ …อีกอย่าง ฉันเคยมีปีศาจแห่งแสงอยู่ตัวนึงแล้วด้วย แคตไม่มีก็ไม่ยอมเอาไป ” เจ้าตัวพูดงอนๆ



    “ รู้สึกว่าเหตุผลแรกจะเข้าเค้ากว่านะ... แคต เธอก็แกล้งเซียอยู่ได้ ฉันรู้นะว่ายังไงเธอก็ไม่ให้เซียไปสู้กับไอ้ตัวนั้นโดยที่เสียเปรียบขนาดนี้หรอก…ตอนนี้อย่าแกล้งเพื่อนเลย...ไว้เวลาอื่นเถอะ ” ประโยคสุดท้ายเป็นเสียงกระซิบที่ได้ยินกันสองคน ก่อนแคตจะพยักหน้าอย่างว่าง่าย...



             ส่วนเรื่องเซีย ...จะไม่ให้เสียเปรียบได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นปีศาจแห่งแสง แล้วผิวสีคล้ำ...เอ่อ...ออกจะคล้ำมากไปหน่อยของเซีย ออกจะเด่นสะดุดเมื่อเจอกับแสงขนาดนี้



            โดยปกติเวลาสู้ในยามกลางคืน เซีย จะใช้ข้อนี้บวกกับความเร็วของเธอให้เป็นประโยชน์โดยแฝงไปในเงามือ และมันก็เป็นข้อปลอบใจเธอมาเสมอ แต่ถ้าสู้กับปีศาจแห่งแสงล่ะก็... มันใช้ไม่ได้เลย เพราะสีผิวที่ตัดกับแสงสว่างของเธอจะยิ่งทำให้เด่น แต่ถ้าเป็นผิวขาวของแคตก็ยังพอจะมีโอกาส แต่... แคตดันเลือกก่อนแล้วยกตัวนี้ให้เธอ มันจึงยังไม่เคลียร์





    “ โอเค... ฉันแค่แกล้งเล่นน่า แต่ไม่ต้องน้อยใจนะ อีกไม่นานก็รู้วิธี....แล้ว และฉันจะหาวิธีแกล้งใหม่เหมือนกัน ” ประโยคสุดท้ายเป็นประโยคที่เซียไม่อยากได้ยิน เพราะมันดูเหมือนกับว่าแคตจะเริ่มติดนิสัยอลิซมา และเป็นนิสัยที่เธอไม่ค่อยชอบซะด้วยสิ...นิสัยชอบแกล้ง



    “ เออ... อย่าให้ถึงทีฉันบ้างละกัน... ”



    ---***---***---***---***---





             ใบไม้พลิ้วไหวและมีกลิ่นหอมดอกไม้ในยามราตรีที่บานสะพรั่งโชยมาต้องจมูกเมื่อสายลมเย็นพัดผ่าน แสงสว่างนวลตาจากดวงจันทร์วันเพ็ญสาดส่องมายังผืนแผ่นดินเบื้องล่าง ทำให้บรรยากาศนั้นเป็นที่ปรารถนาของใครหลายคน แต่คงไม่ใช่ยามนี้... ในยามที่กลิ่นไปแห่งความผิดหวัง เสียใจและเฉยชาคละคลุ้งไปทั่ว กลบบรรยากาศที่ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ไปหมดสิ้น



             บุคคลสองคน กำลังประจันหน้ากันด้วยสายตาที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง...ฝ่ายหนึ่งมองอย่างระแวดระวัง ระแวงภัย และแปลกใจ ส่วนอีกฝ่ายมองด้วยความเย็นชา ผิดหวัง



    ... ทั้งสองอยู่ในวัยที่ไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ คนหนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีดำ นัยน์ตาสีเขียวนั้นไม่มีแววมุ่งร้ายออกจะดีใจอยู่ลึกๆด้วยซ้ำ เส้นผมสีดำพลิ้วไหวไปกับสายลม ส่วนอีกฝ่ายนั้นอยู่ในชุดหนังสีดำทะมัดทะแมงและเตรียมพร้อม นัยน์ตาสีฟ้าสดใสนั้นบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นเอาจริง ส่วนเส้นผมนุ่มสลวยสีทองนั้นถูกมัดรวบขึ้นสูงเพื่อความสะดวก



    “ เธอมาทำอะไรถึงที่นี่… ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรให้เธอ... หรือว่า... คิดถึง ” ถ้อยคำกวนๆมาพร้อมกับแววตาที่อ่อนโยน ทำให้รู้ว่าทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อน... หรืออาจจะเรียกได้ว่า รู้จักกันดี... นัยน์ตาของอีกฝ่ายอ่อนลง ความอาฆาตเริ่มหายไปเมื่อคิดถึงเรื่องเก่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเฉยชา



    “ ไม่ใช่คิดถึง แต่เป็นคิดไม่ถึง... คิดไม่ถึงว่านายจะทำอย่างนั้นกับเพื่อนของฉัน... รู้บ้างรึเปล่าว่าทำให้ใครเดือดร้อนแค่ไหน และไม่ใช่เซียคนเดียวที่เดือดร้อนเพราะนาย แต่ตอนนี้นายยังก่อเรื่องจนทำให้ฉันต้องมาถึงที่นี่... ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมนายถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้... ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น... ฉันดูนายผิดไป ผิดไปจริงๆ ” คำที่ฟังแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้พูดรู้สึกผิดหวังและเสียใจแค่ไหน





    “ เรื่องเซีย ฉันไม่ผิด เซียเป็นฝ่ายเริ่มก่อน... สิ่งที่ได้รับก็สมควรแล้ว ”

    “ แต่ตอนนั้นเรายังเป็นเด็ก ฉันยอมรับว่าเซียผิดจริง... แต่นายก็ไม่ควรทำถึงขนาดนั้น ” อีกฝ่ายแย้งอย่างมีเหตุผล แต่คงไม่เพียงพอ



    “ ถ้ามีคนมาลามปามถึงบุพการี เธอจะใจเย็นอย่างนั้นสิ? อีกอย่าง ตอนนั้นฉันก็เด็กเหมือนกัน เธอไม่ถือสาเซีย แต่ทำไมถึงถือสาฉันล่ะ? ” อีกฝ่ายหน้าเจื่อนลงเมื่อตระหนักถึงความจริง แล้วลองคิดตามคำพูดนั้น... ถ้าเป็นเธอก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเซียในตอนนั้นปากเสียมากขนาดไหน แต่ก็คงอดที่จะทำอย่างเดียวกันไม่ได้ถ้ามีคนมาลามปามถึงบุพการีที่เคารพอย่างเสียหาย ถึงแม้จะเป็นแค่ความคิดเห็นก็เถอะ





    “ มันก็จริง… แต่นายรู้รึเปล่าว่ามันทำให้เซียลำบากมาตั้งหลายปี จนปัจจุบันฉันก็ยังหาวิธีแก้ไม่ได้... ” เจ้าตัวว่าอย่างกลุ้มใจกับคำสาป ที่ทำให้คนขาวอย่างเซียต้องมาคล้ำ หรืออาจเรียกได้ว่า ดำ อย่างทุกวันนี้



    “ เธอคงไม่ได้มาเพราะแค้นฉัน...ใช่มั๊ย? ”



    “ ฉันไม่เคยแค้นนาย... ฉันจะแค้นเฉพาะกับปีศาจที่ฆ่า หรือทำร้ายคนสำคัญของฉันเท่านั้น แต่นายแค่สาป ถึงแม้จะทำให้เซียลำบาก แต่ฉันก็ยอมรับจริงๆว่าเซียผิด... ที่มานี่ อย่างแรก ก็เพราะจะมาถามวิธีแก้ไข... ” ความจริงเธอรู้วิธีแก้นานแล้ว แต่อาจจะทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อต้องมาพบหน้าคนๆนี้ เธอจะทำยังไง อีกใจหนึ่งก็เพราะความผิดหวังที่มี ทำให้ไม่อยากมาพบ





    “ น้ำยาแก้คำสาป...ใช้ได้... แต่ก็แค่ชั่วคราว ส่วนวิธีแก้ไขจริงๆแล้วไม่ยาก ให้คนที่สาปอย่างฉันเป็นคนแก้ให้ แค่นี้ก็เรียบร้อย...แล้วเหตุผลอย่างที่สองที่เธอมาล่ะ ” ถ้าไม่มีเหตุผลเหล่านี้จะมามั๊ย? แล้วให้อภัยอดีตเพื่อนคนนี้รึเปล่า? คนที่ทำให้เธอเสียใจ คนที่ไปโดยไม่บอกลา... ได้เพียงแค่คิด แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป



    “ เหตุผลที่สอง... สิ่งที่นายทำอยู่ตอนนี้... ฉันอยากถามว่าทำไปทำไม นายรู้รึเปล่าว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ” ปีศาจราตรีนั้นดูดกลืนความมืดเพิ่มพลังให้ตัวเอง แต่มันก็ทำให้เสียสมดุลแห่งธรรมชาติ ลองคิดดูว่า ถ้าคุณอยู่ในเมืองที่มีแต่แสงสว่าง ไม่มีความมืด จะเป็นอย่างไร... เมื่อไม่มีกลางคืน คงยากที่จะข่มตาลงนอน แล้วสัตว์ที่หากินหรือมองเห็นได้แต่ในยามกลางคืนล่ะ? แล้วนอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องอื่นๆอีก เธอจึงต้องมาสะสาง ตามที่ได้รับการว่าจ้างมา





    “ ฉันก็แค่อยากเก่งขึ้น ” ให้เป็นคนที่คู่ควร เหมาะสม และสามารถปกป้องเธอได้...  เลือกที่จะพูดเพียงส่วนหนึ่ง แต่เก็บงำความคิดไว้ในใจ



    “ แต่ไม่คิดถึงคนอื่น... นายทำให้ฉันผิดหวังมากนะรู้มั๊ย ไนท์ ที่ฉันเคยรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้ ” คำตัดพ้อต่อว่าทำให้เขาเริ่มคิดได้... ถึงจะเก่งแต่ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็จะยิ่งมีแต่ทำให้เธอไม่ชอบยิ่งขึ้น... และจะทำให้เธอผิดหวัง





    “ ยังไม่สายไปถ้าจะแก้ไขในตอนนี้... ความมืดกับแสงสว่างไม่ควรลุกล้ำกัน ถ้ามีแสงสว่างไม่มีความมืดสมดุลจะสูญเสีย ถ้ามีความมืดไม่มีแสงสว่างก็ไม่ได้ ข้อนี้นายเองก็น่าจะรู้ดี...ตอนนี้ยังไม่สายถ้านายจะคืนความมืดให้กับธรรมชาติ... ส่วนเรื่องเก่งนั้น ถ้าอยากเก่งก็ฝึกฝนสิ ฉันยินดีช่วยเสมอ ฉันหาคู่ซ้อม หาคนฝึกให้ได้ ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้...กลับตัวซะ ” เธอพยายามเกลี้ยกล่อมเพราะไม่อยากต่อสู้กับคนๆนี้ ...อีกฝ่ายยังคงนิ่งคิด



    “ ถึงยังไงทุกอย่างก็คงไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม ”

    “ นายหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ... ถ้าเรื่องที่นายทำ แค่นายส่งพลังคืนเท่านั้น ทุกอย่างจะกลับมา และฉันจะเคลียร์เรื่องให้... ” เจ้าตัวรับรองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น



    “ ไม่ใช่เรื่องนั้นที่ฉันห่วง... ” อลิซพอจะเดาได้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนยิ่งขึ้น



    “ ถ้ากลับตัวก็ย่อมได้รับการอภัย ฉันกับเซียยินดีอภัยให้นายเสมอ ขอเพียงนายกลับตัวเราก็จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...เรายังยินดีต้อนรับนายเสมอนะ ” น้ำเสียงที่อ่อนโยน เป็นมิตรและแววตาที่บอกถึงความจริงใจนั้นทำให้การเจรจายิ่งง่ายขึ้น



    “ ถ้านายตกลงล่ะก็... ไปกับฉัน ไปที่ตัวเมือง คืนความมืดซะ แล้วจากนั้นไปหาเซีย... ” พอเห็นแววตาลังเลของอีกฝ่ายเธอจึงเสริมขึ้น



    “ ถือว่าฉันขอร้อง... ถ้ามีปัญหาอะไรนายก็ปรึกษาฉันได้ไม่ใช่หรอ? แล้วจะกังวลอะไรล่ะไนท์... เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอนี่นา ไปกับฉันเถอะ...นะๆ... ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลงเจ้าตัวก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนทำเอาใครบางคนแอบหน้าแดง >_<



             งานนี้เพียงแค่ใช้คำพูดเท่านั้น ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องต่อสู้ นับเป็นงานที่ง่ายที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา ถึงแม้จะเหนื่อยใจอยู่บ้างก็เถอะ... เหลืออีกแค่งานเดียวเท่านั้น หลังจากงานนั้นแล้วเธอจะได้ทำตามสัญญา



    ---***---***---***---***---



             หลังจากสะสางปัญหาที่ตัวเมืองเสร็จ อลิซก็พาไนท์มาหาเซียที่ยิ้มร่ารออยู่แล้ว หลังจากได้ปรับความเข้าใจกัน ทั้งคู่กะว่าจะแก้ปัญหาที่ค้างมานานซะที แต่เซียกลับปฏิเสธ



    เอาไว้ทีหลังดีกว่า... ฉันอยากกลับเป็นปกติเมื่อไหร่ฉันจะบอกเองละกัน แต่ตอนนี้ฉันขอใช้ผิวสีนี้ไปก่อนนะ ” การตัดสินใจประหลาดๆทำให้ไนท์งงๆ คิ้วบนดวงหน้าหล่อเข้มแทบจะชนกัน ส่วนอลิซก็...ตาลุกเป็นไฟ เพราะ...



    แล้วที่ฉันพยายามทำไปเพื่ออะไรห๊า!!!! อุตส่าห์หาวิธีแก้ได้ ทำไปเพื่อฟังเธอบอกว่าอย่าพึ่งงั้นหรอ!!!!!!!! ” แคตกับไนท์ต้องคอยไกล่เกลี่ยเพราะดูท่าทางตอนนี้อลิซคงจะฆ่าคนได้ไม่ยาก ...สำหรับเซียคงไม่เจ็บตัว แต่อาจโดนฆ่าทางสายตาและคำด่ามากกว่า



    หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วอลิซเตรียมก็ไปจัดการงานของเธอต่อ เพราะยังเหลือปีศาจอีก 2 ตัว



    “ ฉันขอตัวนึงสิ... เธอบอกเองว่าจะให้ฉันฝึกฝีมือ ” คำขอจากเพื่อนมีหรือเธอจะปฏิเสธ เธอจึงสบายไปหนึ่งงาน และไปจัดการแก้แค้น... การแก้แค้นที่หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายและไม่มีใครก่อมาขึ้นอีก



    ---***---***---***---***---



    “ งานนี้เจ้าหญิงนั่นทำสำเร็จตามเคย... ปีศาจสามตัว กล่อมซะหนึ่ง มีคนจัดการให้ซะหนึ่ง ได้สู้เองแค่หนึ่ง แถมความแค้นยังหมดไปอีก... ”



    “ แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ หล่อนจะได้ลดอคติต่อปีศาจลงบ้าง... สบายใจขึ้น และอาจจะอ่อนโยนขึ้น ไม่คิดแค้นไร้ความปรานีต่อปีศาจเหมือนก่อน เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ” อีกเสียงในความมืดมิดเอ่ยขึ้น



    “ จะว่าดีก็ดี แต่ต้องพยายามติดตามดู ถ้าหล่อนเก่งขึ้นอีกงานต่างๆเราก็จะยิ่งลำบาก ทำอะไรก็อย่าให้ระแคะระคาย ”

    “ หล่อนมีสายอยู่ทั่ว ป่านนี้ก็อาจจะรู้แล้ว คนของเราก็ลดลงทุกที ” อีกฝ่ายแย้งขึ้นทำให้คนฟังยิ่งหงุดหงิดเมื่อต้องยอมรับความจริง



    “ เออ... ตอนนี้ก็อย่าพึ่งเคลื่อนไหว รักษากำลังไว้ก่อน อีกไม่นานสงครามจะปะทุขึ้น... แต่ตอนนี้ฝ่ายเรากำลังเสียเปรียบอย่างหนัก… เราต้องรีบหาสมัครพรรคพวกให้ได้มากที่สุด ”



    “ ราชาแห่งไพคัสไงท่าน... ข้าได้ข่าวมาว่าเขาเกลียดพวกครูเว่น อาจช่วยเราโจมตีมัลเลน จากนั้นเราค่อยตลบหลัง ถ้าได้กำลังจากไพคัสอาจตีเมืองเล็กเสริมกำลังได้ ” ถ้อยคำจากลูกน้องแสนประจบทำให้เจ้าตัวครุ่นคิด



    “ นั่นก็ต้องค่อยๆดำเนินการ ...แต่เจ้าบอกเองว่าเจ้าหญิงแห่งมัลเลนมีสายอยู่ แล้วจะรอดพ้นรึไง? ”

    “ เราก็ต้องค่อยๆดำเนินการแหละท่าน ” คำย้อนทำเอาคนฟังหันไปมองตาเขียวทำให้ลูกน้องเสียวไปตามๆกัน



    “ ท่านแม่ทัพ ข้ามีแผนเสนอ... ”

    “ ว่ามา ” เจ้าตัวชักเริ่มสนใจ

    “ พลังจากท่านเกรเดสที่อยู่ในตัวของเจ้าหญิงแห่งมัลเลน...ตอนนี้กลายมาเป็นจิตวิญญาณที่ชื่อว่าเกรซ เมื่อหลายปีที่แล้วที่เจ้าหญิงสู้กับเหล่าองครักษ์ปีศาจ พลังมืดก็เริ่มตื่นขึ้น จนบัดนี้จิตวิญญาณที่แยกมาเริ่มจะแข็งแกร่งขึ้น จิตวิญญาณฝ่ายมืดย่อมชอบการทำลายล้าง ถ้าเราจะใช้นางให้เป็นประโยชน์... โดยให้ข้อเสนอดีๆ ”



    “ เรื่องนั้นท่าจะยาก ได้ข่าวว่าเจ้าหญิงนั่นเริ่มควบคุมได้แล้ว... เอาเรื่องตอนนี้ให้รอดก่อนดีกว่า... เจ้าส่งคนไปรายงานด้วยล่ะ ” ว่าแล้วก็รีบหายตัวไปก่อนที่ลูกน้องจะทันได้ท้วง การส่งลูกน้องไปรายงานความสำเร็จของเจ้าหญิงแห่งมัลเลน... ไม่ต่างอะไรกับการส่งไปรองรับอารมณ์...แล้วใครมันจะอยากรับกันล่ะเนี่ย!?! แล้วถ้าไม่มีใครรับมีหวัง...เขาคงต้องไปเองแน่ๆ ... คิดแล้วก็หน้าซีดพลางรีบไปหาแพะรับบาป



    ---***---***---***---***---



    “ เอเรีย ตอนนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว จากนี้ฉันจะทำตามสัญญา... ”

    “ งั้นฉันคงต้องไปแจ้งข่าวดีกับหลายๆคนแล้วล่ะ... สงสัยงานนี้มีการเลี้ยงฉลองชัวร์ ” เจ้าตัวพูดอย่างดีใจ



    “ เวอร์... แล้วก็อย่าพึ่งดีใจเร็วไป เรื่องยุ่งยังไม่จบนะ…ปีศาจที่ดีมอเทียสถูกใจบ้างรึเปล่าล่ะ ได้มาบ้างรึเปล่า ”



    “ ก็ได้มาบ้าง... งานของแซนดร้าก็เสร็จแล้ว ช่วงนี้มีแต่เรื่องดีจริงๆ ” น้ำเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังดีอย่างที่สุด



    “ งานวีเชอร์ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วอย่าลืมฝึกซ้อมนะ แค่นี้นะจ๊ะ บาย... ” วางโทรศัพท์ไปแต่ในใจยังครุ่นคิด... งานวีเชอร์คราวนี้ เธอต้องฝ่าด่านไปให้ได้ และต้องได้ที่สองเท่านั้น!



    ---***---***---***---***---



    “ วันนี้มีการประกาศให้น้องๆปีหนึ่งทราบว่า เรามีเพื่อนใหม่มาเข้าร่วมบ้านโรสควอตซ์ ซึ่งย้ายมาจากสาขาหนึ่งของอ๊อกซ์เวิร์ดเหมือนกัน ขอเสียงปรบมือต้อนรับเพื่อนใหม่ด้วย ” เสียงปราบมือดังขึ้นพร้อมๆกับความแปลกใจของทุกๆคนยกเว้นสามสาวที่แอบยิ้มในใจ



    ..............ทุกอย่างเป็นไปตามแผน.................





    “ สวัสดีครับ...ไนท์ เดลลิส ขอฝากตัวด้วยนะครับ ” ท่าทางสุภาพบวกกับหน้าตาหล่อบาดใจทำให้ได้รับเสียงกรี๊ดจากสาวๆมาไม่น้อย จากทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ที่มานั่งฟังด้วย



             เรื่องประวัติต่างๆเซียเป็นฝ่ายคิด แคตจัดการกรอกข้อมูลลงในทะเบียนบุคคลของมัลเลนผ่านคอมฯ โดยมีอลิซเป็นตัวเบิกทางทุกอย่าง ไนท์จึงได้เข้าเรียนที่นี่ ทั้งที่ไม่เคยมีใครเคยเข้ามากลางคันอย่างนี้มาก่อน แต่ขึ้นตอนทุกอย่างก็โปร่งใส เพราะไนท์ได้รับการทดสอบเช่นกัน ใช่ว่าจะเข้าเฉยๆ เพราะอลิซไม่ต้องการให้ใครว่าใช้เส้น



    “ ยินดีด้วยที่สอบได้ ”

    “ แหม คนเก่งอย่างไนท์ก็ต้องได้อยู่แล้วล่ะอลิซ... ต้องบอกว่า... ยินดีที่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรือ...ยินดีต้องรับสู้โรสควอตซ์และกลุ่มของเราต่างหาก ” เสียงแนะนำอย่างอารมณ์ดีจากเซียดังขึ้น แต่ท่ามกลางวงสนทนาก็มีสายตาหลายคู่ที่หันมามองอย่างสงสัย และแปลกใจ อาจจะรวมถึงสายตาและเสียงกระซิบกระซาบอย่างสนใจของรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันด้วย



    ------------------------------------------------------------------------



    aris : บทนี้จบแล้วค่า ^^ แล้วก็มีบางส่วนที่ออกพลอตเรื่องไปไกล ^^” ตอนนี้คล้ายๆกับเป็นตอนแนะนำตัวละครใหม่เลย ตัวละครก็ชักมากขึ้นทุกทีแล้วสิ คาแรกเตอร์ก็แยกยาก แต่จะพยายามทำให้แยกให้ได้ ^^” ต้นบทอาจจะเครียดไปนิด ส่วนที่มีคนบอกมาว่านางเอกโหด ( เพื่อนเราก็หนึ่งในคนที่บอกมา ) …ก็อย่าเหมารวมว่าคนแต่งด้วยนะจ๊ะ ^^ เนื้อหาในตอนหน้าจะเป็นเกี่ยวกับน้ำยาหยุดเวลาค่ะ ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ ^^ บทนี้เป็นบทที่ใช้เวลามากที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา 6 ชั่วโมง! จะบ้าตาย เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ สงสัยเพราะแต่งไปพักไปมันเลยนาน ^^\" ช่วงนี้เราต้องส่งเสริมสันติ เจรจาดีกว่าต่อสู้ ( แก้ตัวไป - ที่จริงขี้เกียจคิด ) เห็นที่โรงเรียนส่งเสริมสันติภาพกันจัง ^^\"



    ความจริงแล้วอยากจะลองเขียนฉากแบบนี้ดูมั่ง ฉากเจรจาของคนสองคนที่คนหนึ่งชอบอีกคนในขณะที่อีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง เพราะซื่อ ( บื้อ ) จัด แล้วก็เลยออกมาเป็นบทนี้แหละค่ะ ^^ ความจริงไม่ถนัดฉากเกี่ยวกับเรื่องรักไม่ว่าแบบไหนก็ตาม...แต่งแล้วอายอ่ะ >_< แต่ยังไงก็ต้องลองแต่งดู ^^ ฉากอารมณ์ก็ยาก... เฮ้อ... แต่ยังไงก็พยายามต่อไป ^^ สู้ๆ ( ให้กำลังใจตัวเอง ^^\" )



    8 / 1 / 48 สุขสันต์วันเด็กค่า ^O^ หวังว่าคงสนุกกัน ส่วนเรานั่งติดแหง็กอยู่หน้าคอมฯ -_-\"



    11 / 1 / 48 ตอนนี้จากโครงการ \" หนึ่งบทหนึ่งคำบรรยาย \" เริ่มกลายเป็น \" หนึ่งบทหลายคำบรรยาย \" แล้วสิ คิดหาคำบรรยายเป็นงานอดิเรกอย่างนึงที่เราโปรดปราน ^O^



    15 / 1 / 48 ขอบคุณมิชกับเพื่อนอีกคน ( ที่ตัวเราเองก็รู้ดีว่าใคร ) ที่รายงานข่าว ^^\" และขอบคุณมิชอีกครั้งสำหรับคำผิด ( มหาศาลแฮะตอนนี้ ) ขอบอกผู้อ่านว่า ความคิดเห้นของผู้สื่อข่าวทั้งสองในความคิดเห็นที่ 154 เป็นความจริงแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น -_-\"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×