ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Princess of Time

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 9 งาน และ กฎทางสายเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 48


                                                               บทที่ 9 งาน และ กฎทางสายเลือด





             “ พี่เฟิร์ซ! พี่เบล! ทางนี้ ”  อลิซร้องเรียกเสียงใส ขณะนี้เธอกำลังนั่งรอพี่ๆที่โต๊ะอาหาร วันนี้เป็นวันเสาร์จึงไม่มีเรียน และก็หาข้ออ้างกับเพื่อนมานั่งรอพี่ๆ โดยมีเซียและแคตติดมาด้วย



    “ เรียกพี่มามีอะไรจะบอกล่ะ ” เบลพูดและนั่งที่โต๊ะ

    “ งาน ค่ะพี่......งานน่ะ จะเอามั๊ย ” น้ำเสียงกวนประสาทเล็กน้อย

    “ เออ มันก็ต้องเอาอยู่แล้วล่ะ...พี่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะมอบงานที่ไรต้องติดต่อผ่านเธอทุกทีนะอลิซ ”



    “ จะเอาไม่เอาล่ะ...ลิซจะได้จัดการเอง ”

    “ พอทั้งคู่เลย...ว่ามาสิอลิซ ”



    “ มี 11 งาน แม่บอกว่าให้เราแบ่งกันคนละ 3 งาน ระดับต่างๆหรือรายละเอียดมีอยู่ในแฟ้มงานแล้ว ส่วนแคตกับเซียได้ไปแล้วคนละ 1 งาน เหลือ 9 งานที่ให้เลือกได้ แม่ยังบอกอีกว่า ในฐานะน้องเล็ก ลิซมีสิทธิ์ที่จะเลือกก่อน แล้วก็ให้พี่เบลเลือก สุดท้ายก็พี่เฟิร์ซไม่ต้องเลือก มีอะไรก็รับไป ” เจ้าตัวแจกแจงก่อนจะส่งแฟ้มอีก 6 แฟ้มให้พี่สาว ท่ามกลางสายตาปลงของพี่ชายที่ได้สุดท้ายทุกที



    “ อะไรกันน่ะลิซ เล่นเลือกแบบเงินดีที่สุดไปหมดเลย… ” น้ำเสียงพี่สาวไม่ค่อยพอใจ เมื่อดูแฟ้มที่เหลือแล้วก็หันมาดูของน้องที่เป็นระดับสูงสุด



             ตระกูลครูเว่นมีหน้าที่รับผิดชอบกับปีศาจตามการว่าจ้างของเมืองอื่นหรือของในเมืองเอง ลูกหลานตระกูลนี้จึงมีอาชีพเป็นของตัวเองคือทำการสะกดแล้วจะได้เงินตามการทำงานนั้นนอกเหนือจากเงินประจำ เรียกว่ารับจ๊อบพิเศษ เริ่มทำงานกันตั้งแต่อายุ 10 ปี



             ส่วนทางของวีเชอร์จะมีระบบขั้นทั้งหมด 30 ขั้น ทุกคนเริ่มจากขั้นที่ 1 เริ่มทำงานเมื่ออายุ 10 ปีเช่นกัน ทุกเดือนแต่ละคนจะต้องทำผลงานอย่างน้อย 1 ชิ้นจึงจะรักษาขั้นตัวเองไว้ได้ และถ้าทำได้ตามเป้าหมายการเลื่อนแต่ละขั้นกำหนดได้ก็จะได้เลื่อนขั้น อลิซ เบล และเฟิร์ซจึงเรียกได้ว่าโชคดี ( ? ) เพราะการปราบปีศาจตัวเดียวก็เท่ากับสร้างผลงานได้ 2 ทาง และแต่ละขั้นก็จะมีเงินเดือนที่ต่างกันไป



    “ เอาน่า...เงินเยอะแต่ความเสี่ยงก็สูงนะ อีกอย่าง ลิซก็ต้องจ่ายเงินเดือน ไม่ก็โบนัสให้พวก ลูกสมุน อยู่ดีนั่นแหละ ”

    “ แต่เงินแค่นั้นมันก็ไม่ได้เดือดร้อนถึงเงินพิเศษไม่ใช่หรอ สาย เธอเยอะก็จริงแต่แต่ละตัวก็มีปัญญาหาเงินใช้เองนี่ ” พอเถียงน้องสาวกลับยิ้มกริ่ม





    “ แหม มันก็ต้องมีโบนัสให้บ้างสิ ลิซพบว่าพอพวกนั้นรู้ว่าจะได้น่ะงานมันมักจะออกมาดีเกินที่สั่งไว้ซะอีก...  ” ฝ่ายน้องสาวตอบกลับยิ้มๆ



    “ แล้วเธอให้โบนัสพิเศษไอ้พวกที่นับเม็ดทรายรึเปล่าล่ะ ” พี่ชายถามเพราะอยากรู้ระบบจัดการของน้องสาวอยู่เหมือนกัน



    “ ก็...ต้องให้บ้างแหละ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีตัวไหนไปนับแล้วเพราะมีงานพิเศษให้ทำทุกตัว อย่างบางงานที่รับมาที่ลิซขี้เกียจทำก็ให้พวกนั้นไปจัดการ...แล้วลิซก็ค่อยไปสะกดทีหลัง แต่ช่วงนี้ต้องทำเองเพราะมอบหมายงานทุกตัวแล้ว อีกอย่าง...ช่วงนี้พวกแซนดร้ามักจะมายืมสายของลิซ ไม่ชอบใช้ของตัวเองเพราะมีให้เลือกไม่มาก... ”



    “ ก็แน่ล่ะ ของเธอมีมากกว่าร้อยให้เลือกนี่นา...เอาล่ะ พี่เลือกได้แล้ว เชิญพี่เฟิร์ซตามสบายนะ เบลไปก่อนล่ะ ” ยื่นซองให้พี่ชายพลางลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินน้องสาวเอ่ยแซว



    “ รีบไปหาแฟนล่ะสิ ”

    “ มันเรื่องของพี่น่า......แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่มีซักที เรื่องมากอยู่ได้ ” ประโยคท่อนท้ายไม่วายเหน็บแนมน้องสาว

    “ มันก็เรื่องของลิซเหมือนกันนั่นแหละ ” พูดแล้วเจ้าตัวก็นึกขึ้นได้



    “ เดี๋ยวสิ! ยังมีอีกเรื่อง นั่งก่อน...ให้พี่เบสท์รอแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกน่า ” เบสท์ที่อลิซพูดถึงคือ เบสท์ เพเทล ประธานชมรมนักเวทย์ที่เธออยู่ซึ่งเป็นแฟนกับพี่สาวเธอ



    “ ว่ามา... ”

    “ เรื่อง ศึกมนตราแห่งวีเชอร์ ...คราวนี้กติกาก็เหมือนเดิม ทั้งคู่เป็นฝ่ายเลือกว่าจะสู้ด้วยปีศาจ หรือจะสู้กันเอง แต่ของรางวัลในรุ่นของเรา รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ปีนี้มี 3 รางวัล รางวัลแรกคือเลื่อน 4 ขั้น กับเงินโบนัสพิเศษตามฝีมือ คุณทวดเป็นคนตัดสินโบนัส รางวัลที่ 2 คือเลื่อน 3 ขั้น กับ ของ 1 ชิ้น จากที่มีให้เลือก 3 ชิ้น สุดท้ายเลื่อน 2 ขั้น นอกนั้นไม่ได้ ปีนี้ลิซจะลง แล้วพี่ๆล่ะ ”



    ลงอยู่แล้ว  ”

    “ ลงสิ แค่นี้ใช่มั๊ย...งั้นไปนะ ” พูดแล้วก็เดินจากไป จากนั้นสองพี่น้องก็มาคุยถึงเรื่องงานกันต่อ เพราะเรื่องศึกมนตราของวีเชอร์ทั้งคู่คุยกันไปตั้งนานแล้ว...





    “ อืม...คราวนี้มีแต่ตัวน่าสนใจแฮะ...แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าจะแบ่งตัวดีๆมาให้พี่บ้าง... ”



    “ แลกกัน พี่เอา ปีศาจราตรี มา เดี่ยวลิซส่ง ปีศาจไฟ ให้ โอเคมั๊ย? ” น้องสาวต่อรอง แต่อย่างน้อยก็ยังมีน้ำใจส่งปีศาจที่ค่าตัวดีๆให้พี่ชาย ซึ่งทั้งคู่มักจะแลกเปลี่ยนกันลับหลังเบลไปแล้ว เพราะเบลได้ขนาดกลางอยู่แล้ว ลิซจึงแบ่งให้พี่ชายเพื่อความยุติธรรม และที่ต้องไม่ให้เบลรู้เพราะกลัวเบลจะขอบ้าง



    “ โอเค ขอบใจครับน้อง...อลิซ...พี่มีเรื่องอยากถาม......สายของเธอน่ะ ไม่ถอนออกมาบ้างไม่กลัวโดนจับได้หรอ? ”

    “ ก็...ลิซมั่นใจ...สายของพ่อก็มั่นใจอย่างนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรอ...แล้วสายของพี่ล่ะ? ” คนน้องถามอย่างรู้ทัน



    “ สายของพี่...เธอรู้? ” เฟิร์ซถามอย่างแปลกใจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครรู้



    “ พี่ก็รู้ว่าปิดลิซไม่ได้...ขนาดสายของลิซที่ปิดแล้วพี่ยังรู้ สายของพี่ลิซก็ต้องรู้บ้างสิ...จะว่าไป เรียกว่ารู้พร้อมกันดีกว่า...สายของพี่คงไม่ได้รายงานว่าไปจ๊ะเอ๋กับสายของลิซพอดี ตอนที่พี่ใช้ไป...ทำอะไรบางอย่าง ” รอยยิ้มดูสบายๆแต่แฝงเจ้าเล่ห์ของน้องสาวทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจปลงเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เพราะไม่เคยนับ รู้แต่ว่า เขาปิดบังน้องสาวคนนี้ได้เลยซักครั้ง



    “ แต่สายของพี่ก็ไม่ อันตราย เหมือนสายของเธอ ของพี่มีจุดประสงค์นิดหน่อย ใช้พวกธรรมดาก็ยังได้ แต่ของเธอนี่สิ...แต่ละตัว... ”

    “ น่าให้รางวัลทั้งนั้น...ใช่มั๊ยล่ะ ” พูดต่อประโยคอย่างอารมณ์ดีพลางหัวเราะ



    “ ร้ายกาจต่างหาก......สายของพ่อ คือสายที่แสดงตัวแล้วยึดเมืองได้ สายของพี่คือสายทางข่าวสาร แต่สายของเธอนอกจากหาข่าวแล้ว... ”

    “ มันยังเป็นสายที่แสดงตัวแล้วทำให้เมืองพังพินาศได้ ”  เจ้าตัวต่อให้แบบไม่ใส่ใจ



    “ ลิซ เธอควรจะรู้ไว้ว่าอาจจะทำให้เดวิลัสระแคะระคาย ” คนพี่เตือนอย่างอ่อนใจ

    “ เดวิลัสก็ระแคะระคายมาตั้งนานแล้ว แถมช่วงนี้ยังมีทีท่าแปลกๆ ”



    “ ก็จะไม่ให้ระแคะระคายได้ยังไง ตั้งแต่เธอรับงานเมื่อหลายปีที่แล้ว ทำเอาเดวิลัสกลายเป็นเมืองที่มีประชากรน้อยที่สุดไปเลย ...ไม่ระแคะระคายก็แปลก... แถมยังส่งสายไปเดวิลัสอีก...ท้าทายชัดๆ  ” น้ำเสียงมีแววนึกสนุก อ่อนใจ และชื่นชมไปในตัว เพราะทั้งเขาและพ่อต่างก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยง



    “ แต่ละตัวที่ส่งไปก็เป็นมือหนึ่งทั้งนั้น ลิซไม่กล้าเสี่ยงให้เกิดสงครามหรอกน่า ”

    “ แต่ถ้าพ่อรู้มันก็ไม่ดี ”

    “ ถ้าพี่ไม่บอก พ่อก็ไม่รู้ ” น้ำเสียงมั่นใจจนพี่ชายอดหัวเราะไม่ได้



    “ แล้วอะไรทำให้น้องแน่ใจล่ะครับว่าพี่จะไม่บอก ”

    “ ก็แน่ใจพอๆกับที่ลิซมั่นใจว่าจะไม่บอกเรื่องสายของพี่ให้พ่อรู้นั่นแหละ ” อีกฝ่ายเงียบ หยุดหัวเราะไป แต่เปลี่ยนเป็นยิ้มแทนเพราะรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวต้องมาไม้นี้



    “ เอาเป็นว่าเราถือไพ่กันคนละใบละกัน......เฮ้อ...เปลี่ยนเรื่องดีกว่า...เรียนเป็นไงบ้างล่ะ ” เฟิร์ซเปลี่ยนเรื่องเพราะยิ่งคุยไปก็ยิ่งคุ้ยสิ่งที่รู้มากขึ้นไปทุกที และมันก็เสี่ยงกับการได้ยินถึงแม้ทั้งคู่จะคุยกันด้วย ภาษากระจก* แล้วก็เถอะ  แต่จุดประสงค์หลักคือยิ่งคุยไปก็รับรู้ถึงอีกฝ่ายมากขึ้น ถึงแม้จะรู้กันอยู่แล้วแต่ก็มักไม่ชอบแสดงว่ารู้



    ( *ภาษากระจก  – ในปัจจุบันมี 2 แบบ คือภาษาพื้นเมือง ภาษาที่คนในเมืองพูดหรือเขียนสื่อถึงกันรู้เรื่องเฉพาะในเมืองมัลเลน กับภาษาเฉพาะ ซึ่งจะรู้เรื่องกันแค่คนที่คุย อย่างในกรณีนี้ เฟิร์ซกับอลิซจะคุยรู้เรื่องกัน 2 คน คนอื่นจะได้ยินเป็นภาษาที่ตนไม่เข้าใจ )





    “ ก็...พอรับได้......เอ้อ! ชั่วโมงศิลปะป้องกันตัว ลิซได้คู่กับพี่อันย่า พี่คงรู้จัก ” พูดยิ้มๆเพราะรู้ว่าอันย่านั้นเป็นหนึ่งในบรรดาแฟนคลับของพี่ชาย



    “ รู้จัก...รู้จักดีเลยล่ะ...แต่ลิซระวังไว้หน่อยก็ดี คนนี้เก่งไม่ใช่เล่น พี่ชายก็ร้ายพอกัน ” พี่ชายของอันย่าอยู่ปีเดียวกับเฟิร์ซ ซึ่งเฟิร์ซก็ชื่นชมฝีมืออยู่เหมือนกัน ทั้งคู่เคยปะทะกันครั้งนึง และเฟิร์ซคงจะแพ้ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเติบโตมากับการสอนของครูเว่นและวีเชอร์



    “ อืม...ดูก็รู้ เป็นมิตรก็จริงแต่เวลาสู้ก็คงร้ายไม่ต่างกับเสือ ใช่มั๊ยล่ะ ”

    “ ก็ไม่แปลกที่เธอจะรู้ ” พูดพลางหัวเราะแล้วก็หันไปจ้องน้องสาวของตัวเองสื่อความหมาย

    “ จะว่าลิซก็คล้ายกันล่ะสิ...แหม...พี่ก็รู้ว่าใครเขาก็ว่ากันว่าน้องสาวพี่ท่าทางเรียบร้อยขนาดนี้...เหมือนไม่เคยจับดาบด้วยซ้ำ ” พูดแล้วก็หัวเราะ วิชาสวมหน้าของเธอใช้ได้ผลเสมอ





    “ จริง เพื่อนพี่บางคนยังมาชมเลย...แต่สวมหน้ากากแบบเธอนี่มันก็มีข้อดีไปอีกแบบ...พอคนอื่นประมาทฝีมือก็สู้ได้ง่าย แถมยังปิดบังความสามารถไม่ให้พวกพวกปีศาจหรือพวกที่สืบรู้ได้อีกหลายส่วน...เจ้าเล่ห์จริงเชียว ”

    “ ลิซจะถือว่าเป็นคำชม ” เจ้าตัวยิ้มกริ่มบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี



    “ แล้วงานนี้ ลิซจะลงมือเมื่อไหร่... ”

    “ ก็...คาดว่าคืนนี้...แต่ก็คงต้องดึกหน่อย ไม่งั้นความอาจแตกได้ง่ายๆ ต้องขอบคุณพี่จริงๆที่ไม่ร่างกฎของบ้านให้จำกัดเวลาเข้าออก ” พี่ชายยิ้มรับแล้วกล่าว

    “ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว......พี่ไปนะ ”



    “ ไปหาพี่ออนล่ะสิ ” อลิซพูดอย่างรู้ทัน

    “ รู้แล้วยังจะถามอีก... ”

    “ ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ออนจะรอนาน ” พี่ชายพยักหน้าแล้วก็เดินจากไปอลิซจึงหันมาสะกิดเพื่อนทั้งสองที่กำลังคุยกันอย่างเมามันถึงเรื่องเกมด้วยภาษากระจกเช่นกัน เพียงแต่ว่าทั้งคู่ใช้ภาษาพื้นเมือง



    “ ไปกันเถอะ ”

    “ อืม......อลิซ...ลงมือคืนนี้สินะ ” แคตหันมาถาม

    “ ใช่ แล้วพวกเธอ? ”



    “ ก็คงคืนนี้แหละ โอกาสเหมาะพอดี แต่เราก็ต้องอ้างกับเคทว่ามีธุระนิดหน่อยที่เมือง เลยต้องไปดู เคทคงไม่ถามอะไรมาก... คงต้องเตรียมกันอีกทีจะได้บอกตรงกัน แคลร์โทรมาบอกว่าจะไปกับเราด้วย แต่จะแยกไปอีกที่ ส่วนอีกคนในบ้านก็...เคทคงรับมือได้ กับเคทวีนคงไม่อาละวาดหรอก...มั้ง ” น้ำเสียงของเซียฟังดูไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ดูเหมือนจริงเดาครึ่งภาวนาครึ่ง...



    ---***---***---***---***---





    “ เอเรีย ส่วนผสมครบแล้วใช่มั๊ย ”

    “ ก็...ตามที่เธอเคย สั่ง  ” อีกเสียงตอบมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไรนัก



    “ เอาน่า...เดี๋ยวได้พลังมาเมื่อไหร่จะให้ยืม เล่น  ”

    “ รู้แล้ว ถ้าไม่เพราะจะได้เล่นฉันก็คงไม่ช่วยหรอกน่า ” น้ำเสียงมีแววนึกสนุก แม้จะสนทนาผ่านโทรศัพท์แต่ก็สามารถสังเกตได้ชัดเจน



    “ แหม...ฉันรู้น่าว่าเธอมีน้ำใจ ถึงไม่ให้เล่นยังไงก็ต้องช่วยอยู่ดีแหละ ว่าแต่...ศึกมนตราวีเชอร์เธอจะลงมั๊ย ” ถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง



    “ ฉันรู้ว่าเธออยากให้ลง... แต่สู้กับ พี่เฟิร์ซ พี่เค พี่มิช คอล์ฟ ไคเอส เปราเชีย หรือคนอื่นๆ มันก็...พูดยาก ถึงจะลงเผื่อมีหวังก็เถอะ แต่เธอก็รู้ว่าฉันเก่งสู้เธอไม่ได้... แล้วเราก็ไม่นิยมการโกง หวังชนะมันยากนะ แต่ยังไงเธอก็ต้องการ มัน  ...ฉันลงก็ได้ ” มีแววกริ่งเกรงอยู่ในน้ำเสียงนั้นทำให้อีกฝ่ายพูดขึ้น



    “ พี่ เฟิร์ซ กับพี่ เค น่ะนะ มีหวังได้สู้กันอยู่แล้ว คอล์ฟ น่าจะลงอยู่หรอก ส่วน เปราเชีย น่ะ คาดว่าจะไม่ลง พี่ มิช ก็ไม่ลงเพราะจะคอยอยู่เชียร์พี่ เบล แล้วก็คงมีงานช่วงนั้นด้วย แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ลงเอาประสบการณ์ก็ยังดี…ไม่อยากสู้ก็ไม่ต้องปะทะกันตรงๆ สู้ด้วยปีศาจ ก็ได้นี่นา ”





    “ แต่ของฉันมีไม่มากนี่นา จะยืมก็ไม่ได้… ” น้ำเสียงของเอเรียส่อแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกฝ่ายกลับพูดอย่างอารมณ์ดี



    “ ก็ไปหามาสิ ยังมีเวลาอีกนาน...แนะนำให้ว่าช่วงนี้ที่ดีมอเทียสแซนดร้าก็กำลังจัดการอยู่ เห็นว่ามีเยอะ ลองไปเลือกๆดูก็ได้นี่นา แต่ต้องเอาตัวฉลาดๆหน่อยล่ะนะ ไม่งั้นสู้พี่ๆกับคนอื่นๆไม่ได้แน่ ”



    “ เธอก็ยังเหมือนเดิม พูดเหมือนเลือกผักเลือกปลาไปได้ ...ปีศาจน่ะ ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดหรอกนะ... ถ้าจะลดทิฐิลงบ้าง แล้วให้ความเมตตาแบบที่ให้กับลูกสมุนเธอ มันก็ดี... ”





    “ อย่างที่เธอมองลูกครึ่งปีศาจบางคนดีเป็นพิเศษงั้นสิ? ” พอถูกแซวเอเรียก็เงียบแล้วหน้าแดง ถึงแม้อลิซจะไม่เห็นแต่ก็คงเดาได้เพราะเอเรียได้ยินเธอหัวเราะเบาๆ



    “ เอาเถอะ... เรื่องความเมตตาน่ะ เอาไว้พวกมันถูกฉันจับล้างสมองก็คงจะได้รับเองแหละ ”

    “ อลิซ...อย่าโหดนักสิ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่แบบนี้ ...ความแค้นน่ะ แบกมันไว้ก็ไม่ดี แล้วแค้นก็อย่าพาลเหมารวมหมดสิ ” พูดอย่างอ่อนใจ เพราะรู้ว่าคนๆนี้ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดง่ายๆ





    “ ฉันก็ไม่ได้แค้นหมดนะ อย่างเช่นพ่อลูกครึ่งคนดีของเธอน่ะฉันก็ไม่ได้รังเกียจนี่นา แต่พวกที่มีสายเลือดชั่วเต็มตัว หรือพวกที่ทำอะไรกับฉันไว้ นั่นก็อีกเรื่องนึง... ตอนนี้มันยังลอยนวลอยู่อีกไม่เท่าไหร่หรอก อีกไม่นานนี้แหละฉันจะแก้แค้น... ” น้ำเสียงที่เคยหวานแปรเป็นเด็ดเดี่ยวและเหี้ยมเกรียมได้อย่างไม่น่าเชื่อ



    “ อีกนานเท่าไหร่กันนะ... เธอถึงจะวางความแค้นแล้วทำตัวให้เป็นปกติ ให้สมกับเป็นเธอจริงๆซักที ”



    “ ก็อย่างที่ว่า... อีกไม่นานหรอกเอเรีย พวกมันเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้วล่ะ ไม่เกินเดือนก็คงเสร็จ เรื่องนั้นชั่งมันก่อนเถอะ แต่ตอนนี้...ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา ” น้ำเสียงฟังดูเศร้าสลดอย่างน่าใจหาย



    “ เรื่องโมนาร์? ”

    “ ใช่… ” ถึงไม่ได้เห็นหน้ากันแต่เอเรียก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายที่ตอบรับมานั้นกังวลมากแค่ไหน



    “ ปล่อยไปอย่างที่มันควรจะเป็นคงดีกว่า... ความจริงถ้าจะแก้ก็คงเป็นอย่างที่เธอคิด คงต้องแก้กันตั้งแต่ต้นเหตุก็คือพ่อของโมนาร์ แล้วต้องแก้ตัวเธอด้วย ...แต่มันก็ผิดกฎ การยุ่งกับจิตใจคนโดยพละการเป็นสิ่งต้องห้าม และการที่เธอส่งสมุนไปใส่ยาให้พ่อของโมนาร์ด้วยก็ยิ่งเสี่ยง เพราะฉะนั้น...เราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยมันไป อย่างที่มันควรจะเป็น





    “ นั่นสินะ...กฎ ...กฎของตระกูล

    “ ฉันรู้ว่าเธออยากเปลี่ยนมัน แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันเป็นกฎที่บังคับโดยสายเลือด ถ้าผิดล่ะก็...มันจะเป็นฝ่ายทำร้ายเราเอง





             กฎทางสายเลือดคือข้อบัญญัติโดยบรรพบุรุษของตระกูลที่ส่งผลและข้อผูกมัดกับผู้ที่มีสายเลือดนั้น ถ้าผิดกฎจะส่งผลทำให้บาดเจ็บและร่างกายบอบช้ำ จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีสายเลือดของผู้บัญญัติมากเพียงใด ถ้ามากก็อาจถึงตาย ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของกฎด้วย มีความเกี่ยวข้อกันมากแค่ไหน



    ในครูเว่นมีอยู่ประมาณ 7 ข้อ และ นอกจากกฎบัญญัติแล้วยังมีคำสาปที่ตกทอดกันมาอีกตามสายเลือด ซึ่งตระกูลครูเว่นเป็นตระกูลที่มีเรื่องพวกนี้มากที่สุดตระกูลหนึ่ง เพียงแต่ว่าปิดเป็นความลับให้รู้กันแค่ในตระกูลเท่านั้น และทุกคนในตระกูลจะมีหนังสือที่ต้องอ่านต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตระกูลตัวเองในทุกๆเรื่อง ทุกคนในครูเว่นจะมีประวัติลงหนังสือยกเว้นคนๆหนึ่งซึ่งเป็นผู้สาปลูกหลานจึงไม่มีชื่อและประวัติในนั้น ราวกับว่าไม่มีตัวตน แต่ลูกหลานจะได้รู้ถึงคำสาปหรือเรื่องราวต่างๆของคนๆนั้นจากคำบอกเล่าที่สืบต่อกันมาจากรุ่นทวด







    “ ใช่...แล้วก็มีกฎข้อนึงที่บัญญัติจากคนบางคนที่ถูกลบเลือน แต่ก็ยังใช้... ใครบางคนที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งและพยายามแก้ไข ทั้งที่ไม่มีวันเป็นไปได้... ใครบางคนที่พึ่งมาเสียใจภายหลังกับสิ่งที่ได้ทำลงไปกับลูกหลานของตัวเอง... แล้วเธอไม่อยากเปลี่ยนบ้างหรอ อะไรบางอย่างที่เกิดจากคนๆนั้น ”



    “ บางข้ออยาก แต่บางข้อฉันก็เห็นด้วย เช่นที่ว่าไม่ให้ฆ่าปีศาจ เธอลองคิดดูสิว่าถ้าความแค้นมันทำให้มือเปื้อนเลือดมันจะคุ้มกันมั๊ย? แล้วที่เธอฆ่าไม่ได้ มือไม่ต้องเปื้อนเลือดมากมายก็เพราะกฎทางสายเลือดข้อนั้น…อีกอย่าง คนๆนั้นเป็นหนึ่งในต้นแบบของเรา เราได้รับพลังและจิตวิญญาณส่วนหนึ่งมาจากหล่อน... ” น้ำเสียงของเอเรียราบเรียบไม่ส่ออารมณ์ใดๆ







    ออโรซาเรียช่างใจร้ายนัก สาปได้แม้กระทั่งลูกหลาน... ทั้งยังทำสิ่งที่ใครเขาไม่ทำกัน... ถึงแม้จะมากลับใจภายหลังก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว ...ครูเว่นกับปีศาจผู้ชั่วร้ายไม่มีวันเข้ากันได้ แต่ถ้าเป็นลูกครึ่งปีศาจจิตใจดีอย่างคนบางคนก็ยังมีหวัง ใช่มั๊ยเอเรีย... แล้วก็กฎข้อที่ว่าไม่ให้ฆ่าปีศาจมันไม่ได้มีแต่ข้อดี เพราะกฎข้อนี้ทำให้ต้นแบบของเราไม่สามารถฆ่าปีศาจบางตัวได้ ทำให้รุ่นต่อๆไปต้องรับกรรม ”



    “ เราก็คงต้องดูกันต่อไป …หวังก็แต่ว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย ”



    ออโรซาเรียจำใจสะกดปีศาจ จากนั้นก็สาปลูกหลาน ทั้งยังตั้งกฎทางสายเลือดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แล้วก็ทำร้ายตัวเองตายตามไปด้วย ต่อมาอเล็กซ์แซนดร้า สะกดปีศาจตัวเดิม แล้วใช้พลังมากไปหลังสะกดเสร็จก็ตายคาที่ รุ่นต่อมา อะคาเซเรีย สะกดเสร็จก็หายสาบสูญ อลิซซาเบธ สะกดเสร็จก็เป็นเจ้าหญิงนิทรา …ทีนี้ ...เธอเห็นรึยังว่าประวัติศาสตร์มันไม่ซ้ำรอยกันเลยกับการตายหรือหายของแต่ละคน ”



    “ แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นตอนที่ทุกรุ่นอายุ 19 แล้วทั้ง 3 รุ่นที่ต่อๆมาก็ได้รับต้นแบบมาจากออโรซาเรียทั้งนั้น ทั้งยังเป็นปีศาจตัวเดียวกันทั้งหมด จะว่าประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอยก็ยังไงอยู่... ” เอเรียไม่สบายใจเลย... ไม่สบายใจมาตลอดกับเรื่องนี้ เพราะ เธอกลัว ... กลัวว่าประวัติศาสตร์บางอย่างมันจะซ้ำรอยอย่างที่พูด แล้วเกิดขึ้นกับคนที่เธอเป็นห่วงเท่าๆกับชีวิตของเธอเอง เพราะถ้าไม่มีอลิซ ก็คงไม่มีเธออย่างทุกวันนี้





    “ แต่มันไม่ซ้ำก็ตรงที่ว่า...ฉันได้รับของทั้ง 4 คนมา ไม่ใช่ออโรซาเรียหรือใครคนใดคนหนึ่งน่ะสิ เราก็ต้องดูกันว่าอีกหลายๆปีข้างหน้าฉันจะเป็นอย่างพวกนั้นรึเปล่า ...ฉันน่าจะดีอย่างเธอนะเอเรีย สายเลือดที่รับหน้าที่นั้นเรามีทั้งคู่ แต่ผลกระทบทั้งหมดจะตกอยู่ที่ฉัน...... เราเลิกพูดเรื่องอนาคตกันดีกว่า ...เอาเป็นว่า ตอนเธอไปหาแซนดร้าให้เอาจดหมายของฉันมอบให้แซนดร้าด้วย ” อลิซเปลี่ยนเรื่อง



    จากนั้นเธอก็เอาซองจดหมายสีชมพู 2 ฉบับที่ประทับตราอะไรบางอย่างวางไว้บนฝ่ามือ แล้วก็ตั้งสมาธิถึงเอเรีย... ต่อมาจดหมายก็ไปโผล่ที่มือของเอเรีย



    “ ทำไมไม่ส่งเมล์ หรือบอกแซนดร้าเอง ”

    “ เพราะ...ส่งไปอย่างนี้จะปลอดภัยกว่า ส่งเมล์อาจไม่ถึง บอกเองคนก็อาจได้ยิน และถ้าส่งแบบนี้ ไม่มีใครจะอ่านได้นอกจากแซนดร้าเพราะเวทย์ที่กำกับไว้ เข้าใจรึยัง...ทีนี้ เธอก็ไปพักผ่อนเอาแรงดีกว่านะ จะเปิดกระจกไปดีมอเทียสต้องใช้พลังเยอะ เพราะฉะนั้นก็ไปพักผ่อนซะ แค่นี้ก่อนนะ...บายจ้ะ  ”



    พออีกฝ่ายวางสายไปเอเรียก็จ้องจดหมายในมือเธอ ก่อนจะเห็นว่ามันมี 2 ฉบับ และฉบับหนึ่งเป็นของเธอ เธอจึงเปิดอ่าน มันคงเป็นข้อความที่อลิซไม่อยากเอ่ยมันออกมาจึงได้เขียนใส่จดหมายซึ่งเธอก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี...



    - - อนาคตปล่อยมันไปก่อนเถอะนะเอเรีย ถึงเวลาเราค่อยจัดการกับมันอีกที...แต่ตอนนี้ฉันสัญญาว่าล้างแค้นเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาเป็นคนเดิม...อลิซที่เธอเคยรู้จัก... ขอบคุณสำหรับความพยายามเพื่อฉัน พยายามทั้งที่ใจจริงเธอไม่ชอบการต่อสู้ ขอบคุณแทนแคตด้วย ได้เขี้ยวดีทรีฟกับส่วนผสมอื่นๆเมื่อไหร่ เราคงลดเรื่องยุ่งยากในปัจจุบันได้ แต่ในอนาคต เราคงต้องปล่อยมันไปก่อน ...ตอนนี้ สิ่งที่พวกเราควรทำคือกอบโกยความสุข เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มให้เต็มที่ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้น - -



    -------------------------------------------------------------------------------------------------



    aris: ในที่สุดบทนี้ก็จบลงแล้ว ^^ บทนี้เป็นบทที่เราอยากเขียนมากที่สุดค่ะ ทีนี้มิเชลก็คงรู้แล้วนะว่างานที่ว่าน่ะคืออะไร จะได้เลิกถามเนื้อเรื่องก่อนซะที ( ไม่ก่อนบอกหรอก ^O^ ) แล้วบทนี้ก็ใส่ปริศนาอนาคตเอาไว้ได้ด้วย โดยส่วนตัวแล้วชอบบทนี้เป็นพิเศษเพราะใส่พลอตเรื่องสำคัญไว้แล้วเลยยาวหน่อย ตอนนี้เนื้อเรื่องก็เริ่มเข้าที่เข้าทางซะที ^O^ ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ ^^ แต่งไปแต่งมาเริ่มสงสารนางเอกแล้วสิ มีทั้งหน้าที่ทั้งงานแล้วก็เรื่องอื่นๆอีก เราใจร้ายไปมั๊ยเนี่ย? ^^” บทนี้เป็นตอนที่ขยันที่สุดตั้งแต่เคยแต่งมา เพราะนั่งปั่นถึงเที่ยงคืน ^^\" สำหรับบทหน้าก็.......เร็วๆนี้ค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×