ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Princess of Time

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 8 สาเหตุแห่งความเกลียดชัง

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 47


                                                          บทที่ 8 สาเหตุแห่งความเกลียดชัง



             “ แอลลี่! แอลลี่! มานี่เร็ว! จีน่าฟื้นแล้ว... ” เสียงร้องบอกถึงความดีใจในขณะที่เปลือกตาเธอเผยอขึ้นช้าๆพยายามปรับรับกับแสง ดวงตาสีฟ้านั้นบอกถึงความงุนงงก่อนจะเหลือบไปเห็นเพื่อนทั้งสองที่แสดงอาการดีใจและส่งน้ำมาให้ เธอรับมาดื่มอย่างกระหายราวกับไม่ได้ดื่มน้ำมานาน



    “ เกิดอะไรขึ้น ” เสียงของเธอยังไม่คงที่เท่าไรนัก...เพื่อนทั้งสองอ้ำอึ้งเกี่ยงกันไปมา ในที่สุดมาช่าก็เป็นคนตอบ





    “ คือ...เมื่อวันอังคารในชั่วโมง หลังจากที่พี่เฟิร์ซประธานชมรมบอกให้ทุกคนออกมา รู้สึกว่าพวกเธอจะสู้กันนะ ฉันอยู่ด้านนอกได้ยินแต่เสียงและเอ่อ...ก็แค่กำแพงทะลุไปสามห้องเองน่ะไม่มีอะไรมากหรอก ( ? ) ห้องอื่นก็ต้องอพยพด่วนอ่ะนะ แล้วก็มาเห็นอีกทีเธอก็สลบไปแล้วครูเว่นก็ใช้เวทย์พาเธอมาห้องพยาบาลพิเศษของพวกครูเว่นโดยเฉพาะ ซึ่งก็คือห้องนี้



    ...ดูเหมือนครูเว่นจะไม่บาดเจ็บอะไรด้วย ” น้ำเสียงที่บอกแผ่วเบาลงทุกที ทำให้คนฟังยิ่งใจหายก่อนจะเอะใจอะไรบางอย่าง ( มาช่าเรียกอลิซว่าครูเว่น เรียกเฟิร์ซว่าพี่เฟิร์ซเพราะเธอปลื้มพี่เฟิร์ซอยู่แต่ไม่ชอบอลิซตามจีน่า )





    “ เธอบอกว่าเมื่อวันอังคาร...แล้ววันนี้วัน... ”

    “ วันอาทิตย์ ” พระเจ้า! นี่เธอสลบไปนานขนาดนี้เชียวหรอ? แล้วจะเรียนทันได้ยังไงเนี่ย – ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นเป็นทวีคูณ แต่คิดอีกที เธอนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าหญิงนั่นเล่นแรงขนาดนี้ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่านิสัยของคนคนนั้นเป็นยังไง แต่ก็ยังเลือก...



    “ ไม่ต้องห่วง ฉันอัดเทปไว้ให้แล้วทุกวิชา บอกครูให้หมดแล้วด้วย ” เสียงสวรรค์ดังมาจากแอลลี่ทำให้เธอเบาใจแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย



    ---***---***---***---***---



    ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคาร หลังจากอลิซพาจีน่าไปห้องพยาบาลเสร็จแล้วจึงต้องมาสะสาง...





    อลิซ! รู้มั๊ยว่าตัวเองเล่นแรงเกินไปแล้ว! กำแพงทะลุไปสามห้องเชียวนะ สามห้อง! แล้วกระจกยังแตกไปอีก 5 ห้อง! นี่แค่วันแรกนะ! ถึงเธอจะรับผิดชอบกำแพง แต่คนซ่อมกระจกคือพี่นะ! ” เสียงว่าดังมาจากพี่ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าสุภาพแล้ว แต่จะไม่ให้โมโหได้ยังไงในเมื่อพ่อบอกว่า



    ‘ เฟิร์ซ ดูแลน้องให้ดี ถ้าน้องทำกระจกแตกเมื่อไหร่พ่อก็ขอมอบหมายให้ลูกเป็นคนซ่อมละกันนะ เพราะถ้ากระจกแตกคือแสดงว่าดูแลน้องไม่ดี แล้วก็เป็นการฝึกไปในตัวไง... ’



    เขาถึงต้องมานั่งกลุ้มอยู่นี่ไง การซ่อมกระจกถึง 5 ห้องคงเปลืองพลังไปไม่น้อยทีเดียว



    “ พี่เฟิร์ซ...คือ...กฎนี่พี่ตั้งเองนะ.…..ไม่ต้องมองอย่างนั้นก็ได้ โอเคๆ ลิซผิดก็ได้ ”

    ไม่ใช่ผิดก็ได้แต่ผิดเต็มๆเลยน้อง...

    “ นั่นแหละ เอาเป็นว่าเดี๋ยวลิซให้แซนดร้าซ่อมให้ พี่ไม่ต้องซ่อมหรอก ” คนน้องพูดอย่างเกรงใจเมื่อเห็นพี่ชายที่แสนใจดีของเธอเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกทีอย่างที่นานๆครั้งจะเห็น



    “ มันเป็นความรับผิดชอบของพี่ พี่ผิดเองที่ดูแลเธอไม่ดี... ”

    “ งั้นพี่จะเอาไง ” อีกฝ่ายตอบอย่างอ่อนใจ น้ำเสียงและแววตาอ่อนลง



    “ พี่จะซ่อมเอง...แต่อยากให้เธอสัญญานะลิซ นี่แค่วันแรกที่เปิดเรียนเธอก็ยังไม่ควบคุม ลืมคำสอนของวีเชอร์ไปแล้วหรอ? พี่อยากให้เธอสัญญาว่าต่อไปนี้เธอจะควบคุม ไม่อย่างนั้นงานของเราจะยิ่งลำบากขึ้น… ”



    “ ลิซจะพยายาม ” อลิซไม่ได้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอบอกเพียงว่าจะพยายามเท่านั้นทำให้พี่ชายอ่อนใจ เพราะรู้นิสัยน้องสาวดีว่า เรื่องที่สัญญาจะต้องทำให้ได้ เรื่องที่ไม่สัญญาก็เพราะไม่มั่นใจ และจะทำยังไงก็คงทำให้ยอมสัญญาไม่ได้ แค่อย่างน้อยก็คงจะเกรงใจพี่ชายอยู่บ้างและก่อเรื่องน้อยกว่าเดิม ท่าทีสำนึกผิดทำให้เขาใจอ่อนกับน้องสาวทุกที





    “ เอาล่ะ ไปพักเถอะ เรียกแซนดร้ามาซ่อมกำแพงด้วย เรื่องกระจกพี่จะจัดการเอง เธอก็คงเหนื่อยแล้ว ไปพักเถอะนะ ” พูดพลางลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู พอน้องสาวไปแล้วก็ถอนหายใจปลงก่อนจะเดินไปหาหวานใจเพื่อเอากำลังใจก่อนไปซ่อมกระจก >-<



    ---***---***---***---***---



    แซนดร้า ออกมาหน่อยสิ ” อลิซส่งจิตบอกหนึ่งในร่างที่แยกมาของเธอ แต่ใช้หน้าตาไม่เหมือนกันกับเธอ



    “ มีอะไรล่ะอลิซ ถึงได้เรียกตัวฉันมาจากดีมอเทียส*ระยะทางมันไกลนะ ...บอกไว้ก่อนว่าถ้าเรียกมาเรื่องไร้สาระล่ะก็...น่าดู! ” ( *ดีมอเทียส – เมืองแห่งภูติ ) ท่าทางเธอกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีซึ่งอลิซก็รู้ได้ว่าเรื่องอะไร



    “ แค่อยากให้ช่วย...นักเวทย์ระดับสูงอย่างเธอใช้จิตดูก็รู้ไม่ใช่หรอว่าเรื่องอะไร? ” อลิซจี้ถูกจุด เพราะคนๆนี้ชอบให้คนชม อีกฝ่ายยิ้มกริ่มรับคำ



    “ อืม...รู้ มาช่วยซ่อมกำแพง...เธอนี่ไม่ค่อยชอบใช้พลังตัวเองเลยนะ...ช่วยก็ได้ แต่... ” นัยน์ตาสีน้ำเงินของแซนดร้าฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อย



    “ ฉันรู้อยู่แล้วน่าว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน...ว่ามาสิ ” อีกฝ่ายพูดอย่างรู้ทัน จะไม่ให้รู้ทันได้ยังไงในเมื่อแซนดร้าแยกออกมาจากเธอตั้งหลายปีแล้ว อยู่ด้วยกันบ่อยๆเธอย่อมรู้นิสัยเป็นธรรมดา



    “ ตอนนี้ฉันกำลังเจอปัญหาเล็กน้อยที่ดีมอเทียส ขอยืมสายของเธอซัก 3 คน ได้รึเปล่า ”

    “ เอาระดับไหนล่ะ… ” พูดกันเหมือนแลกเปลี่ยนซื้อขาย

    “ กลางๆก็พอ ไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แต่เอาที่ฉลาด เอาตัวรอดได้สูง เอาวันนี้ด่วนเลย ส่วนเรื่องกำแพง ไม่ถึงนาทีก็เสร็จ เดี๋ยวซ่อมให้ตามสั่ง ” อลิซพยักหน้าตกลง



    ---***---***---***---***---



    ( วันพุธ )



             วันนี้นักเรียนของอ๊อกซ์เวิร์ดต้องใส่ชุดนักเรียนตามแบบฟอร์ม ( ใส่เฉพาะพุธถึงศุกร์ วันอื่นตามสบาย ) ชุดของนักเรียนชายเป็นสีขาวทั้งชุด ใส่แล้วดูภูมิฐานสิ่งที่บอกถึงบ้านและชั้นปีคือกระดุมเสื้อ ถ้าโรสควอตซ์ปีหนึ่งกระดุมเม็ดบนจะสีแดง ถ้าปีสองก็จะเป็นสีแดง 2 เม็ด ถ้าเป็นบ้านเพริดอตจะกระดุมสีเขียว ส่วนคริสตัลเป็นสีเหลือง





             ชุดของนักเรียนหญิงจะมีสีตามบ้าน บ้านคริสตัลสีขาวผ้าคาดเอว ปก ชายประโปรง แขนเสื้อ และโบว์ด้านหน้าเป็นสีเหลือง บ้านเพริดอตเป็นสีเขียวอ่อน ผ้าคาดหรืออื่นๆเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนโรสควอตซ์เป็นสีชมพูและแดง ชุดนักเรียนหญิงเป็นชุดกระโปรงยาวเลยเข่าประมาณ 2 นิ้ว มีผ้าคาดเอว แขนเสื้อด้านบนจะพองๆส่วนกลางจะตรงและส่วนปลายจะบานออกริมเป็นแบบเดียวกับชายประโปรง มีโบว์สีสัญลักษณ์บ้านอยู่ตรงกลางระหว่างปกเสื้อสองด้าน เป็นชุดฟอร์มที่ดูแล้วเป็นคุณหนูซึ่งเข้ากับความหรูของโรงเรียน





             กว่าอลิซจะแต่งตัวเสร็จก็ใช้เวลานานทีเดียว เพราะเจ้าตัวนั่งปลื้มสีชุดอยู่ซึ่งเพื่อนๆก็ระอาเพราะคิดว่าโรคบ้าสีชมพูของเธอนั้นคงหายยาก ซึ่งเพื่อนใหม่อย่างเคทนั้นรับรู้ได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่เพราะของใช้ทุกอย่างของอลิซเป็นสีชมพูหมดเลย  กว่าจะออกจากบ้านไปทานอาหารเวลาก็ล่วงเลยไปถึง 8 โมงแล้ว ส่วนวีนนั้นออกไปตั้งแต่เช้าและไม่พูดกับใครในบ้านเลย ซึ่งเซียและแคตได้แต่ปลงส่วนอลิซนั้นมีแววเศร้าหมองก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มร่าเริง





    “ อรุณสวัสดิ์จ้ะ ” ทุกคนเอ่ยทักทายกันก่อนที่พวกอลิซจะนั่งลงที่โต๊ะ

    “ ทำไมรีบนั่งอย่างนั้นล่ะอลิซ ” เดรเอ่ยทัก

    “ ไม่อยากเป็นเป้าสายตาน่ะ เฮ้อ...เดินมามีแต่คนมอง ฉันไม่ชอบเลย ” อลิซถอนหายใจก่อนจะดูเมนูเพื่อสั่งอาหาร



    “ น่าจะทำตัวให้ชินได้แล้วนะ ”

    “ ใครจะไปเหมือนนายล่ะเอ๊ด นายชินแต่ฉันไม่ชินนี่นา ” พูดพลางหันไปมองเอ๊ด แล้วสังเกตสายตาสาวๆรอบด้านจากนั้นเธอก็ยิ้ม ...ไม่ว่าที่ไหนคนๆนี้ก็ยังป๊อปเหมือนเคย แต่ก็ทำตัวได้เรียบง่าย สบายๆไม่ทุกข์ร้อนน่านับถือจริงๆ



    “ ก็มองโลกในแง่ดีละกันนะอลิซว่า...มีคนชอบเยอะๆเอ่อ ถึงจะไม่เป็นส่วนตัวไปหน่อยก็ดีกว่ามีคนเกลียด... ” คนมองโลกในแง่ดีเอ่ยขึ้น



    “ เคท...ฉันล่ะอยากมองโลกในแง่ดีได้อย่างเธอจริงๆ ...อืม วันนี้เรียนชั่วโมงแรก อย่างน้อยก็มีข้อดีล่ะนะที่ไม่ต้องเรียนร่วมกับพวกเพริดอต ไม่งั้นฉันคงอึดอัดกับสายตาของยัยมาช่า ลาซาเวียร์นั่นแน่ๆเลย ”



    “ ก็เธอเล่นไปเล่นงานเพื่อนของหล่อนซะปางตายขนาดนั้น เป็นฉันก็คงอดแค้นไม่ได้ ”

    “ ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ ก็โมนาร์... ” ยังแก้ตัวไม่ทันจบแคตก็ขัดขึ้น

    “ ฉันรู้...โมนาร์อยากท้าทายเธอก่อน แต่ก็อย่างที่พี่เฟิร์ซว่า... ” เจ้าตัวรีบหุบปากซึ่งก็ไม่ทันแล้ว



    “ อ้อ...พวกแอบดูตอนพี่เฟิร์ซว่าฉัน แล้วก็คงแอบดูตอนที่คุยกับแซนดร้าด้วยสินะ ” แววตาเย็นเยียบหันไปจ้องเพื่อนๆเรียงคน

    “ ไม่ได้แอบนะ เธอไม่เห็นเองต่างหาก ” คำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นดังมาจากเดรซึ่งพอเห็นสายตาน่ากลัวแล้วก็ต้องรีบหุบปาก



    “ เอาน่า อลิซ ...มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ” แคลร์พยายามแก้ตัวแต่ก็ไม่เป็นผล

    “ มันมีความลับอะไรที่เธอปิดบังอยู่รึไงล่ะ ถึงไม่อยากให้ได้ยิน ” เอ๊ดจี้ตรงจุดอีกตามเคย

    “ เปล่า ไม่มีอะไร กินข้าวต่อเถอะ… ”



    ---***---***---***---***---



    “ วันนี้เราจะมาเรียนทฤษฎีและกฎของการใช้เวทย์กันนะครับ เอาล่ะ นักเรียนทุกคนเปิดคอมพิวเตอร์ บนหน้าจอหาสัญลักษณ์ของวิชาแล้วคลิกเข้าไป จากนั้นดูสารบัญ คลิกที่เรื่องแรกครับมันจะเขียนเอาไว้ ” วิชานี้เรียนในห้องคอมฯเฉพาะ แต่ละวิชาจะมีที่เรียนต่างกัน ถ้าเป็นประวัติ ทฤษฎี ก็ต้องไปเรียนที่ห้องคอมฯเฉพาะปีที่ตึกของวิชา



    รุ่นพี่ได้พาไปทัวร์เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าโรงเรียนคุณหนูแบบนี้ไม่ปล่อยให้นักเรียนเดินไปเรียน ...ทุกๆ 10 นาที จะมีรถเดินสายรับนักเรียนไปตึกต่างๆซึ่งต้องสังเกตสัญลักษณ์ให้ดี ถ้าทางใกล้ก็เดินไปได้ ใครจะเอารถส่วนตัวมาโรงเรียนก็ได้ แต่บางคนเลือกที่จะไม่เอามา



             ครูที่สอนทฤษฎีในปีหนึ่งของอลิซนี้เป็นผู้ชาย ท่าทางของครูหนุ่มคนนี้เป็นคนอารมณ์ดี ใส่ชุดสูท และที่สำคัญคือสอนสนุก ทำให้เรื่องทฤษฎีไม่น่าเบื่อ และช่วงท้ายของคาบยังมีการปล่อยให้นักเรียนเล่นเกมได้อีก 10 นาที



    ---***---***---***---***---



    “ วันนี้ท่าจะได้เจอเรื่องดีๆแฮะ ”

    “ อย่าพึ่งดีใจเร็วไปอลิซ...อืม แต่วิชาต่อไปก็น่าสนุกล่ะนะ แต่ก็เหลือเวลาอีก เรียนตั้งบ่ายสองแน่ะ อยากเรียนเร็วๆจัง ” แคตพูด ขณะนี้พวกเธอกำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันและเตรียมตัวเรียนวิชาต่อไปที่ตึกศิลปะการป้องกันตัว



    “ ใช่ๆ ต่อไปเรียนศิลปะการป้องกันตัวตั้ง 2 คาบแน่ะ ได้เรียนร่วมกันทั้ง 3 บ้าน แถมเรียนร่วมกับรุ่นพี่ปี 3 อีก...น่าสนุก ” นัยน์ตาสีม่วงของเซียเป็นประกาย ส่วนเอ๊ด เช และเดร ยิ่งรู้สึกแปลกๆขึ้นทุกที เพราะปกติแคตกับเซียไม่เคยชอบการต่อสู้ แต่คนที่โตมากับเรื่องการต่อสู้อย่างไคนั้นไม่รู้สึกอะไร เพราะเพียงแค่อยู่ด้วยกันไม่นานก็รู้แล้วว่าใครเป็นยังไง และยิ่งรู้ด้วยว่าพวกครูเว่นนั้นสอนลูกหลานมาแบบไหน







    ---***---***---***---***---



    “ คาดว่าทุกคนคงได้คู่เรียบร้อยแล้ว ชั่วโมงนี้รุ่นพี่จะเป็นคนสอนทักษะให้เธอ... ” เสียงประกาศจากครูผู้ชายวัยกลางคนที่ท่าทางเข้มงวด สวมชุดกีฬาดูทะมัดทะแมง หน้าตาเคร่งเครียดแต่ดูสุขภาพร่างกายจะแข็งแรงกว่าวัย และในวิชานี้นักเรียนทุกคนก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดกางเกงทะมัดทะแมงและสีขาวล้วน



             นักเรียนปีหนึ่งทุกคนจะได้จับคู่กับรุ่นพี่เพื่อให้รุ่นพี่สอนทักษะการป้องกันตัวให้ เพราะรุ่นพี่ปีสามปีสี่จะมีคาบพิเศษที่ได้เรียนกับครูอีกต่างหาก จึงสามารถสอนรุ่นน้องได้ อลิซได้จับคู่กับรุ่นพี่ที่ดูท่าทางมีฝีมือคนหนึ่ง เพราะเธอคือลูกหลานของตระกูลนักสู้ผู้มีฝีมือ





    “ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ค่ะ อลิซซิน่า ครูเว่นค่ะ พี่เรียกว่าอลิซก็ได้ค่ะ ” ยื่นมือไปพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร



    “ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันอันย่า วิลสันจ้ะ เรียกพี่ว่าพี่อันย่านะจ๊ะ ” อีกฝ่ายก็ยื่นมามาจับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน แต่ต่างฝ่ายก็รู้กันดีว่าเวลาปกติก็เป็นมิตร แต่เวลาสู้ก็...ร้ายทั้งคู่



    “ เอาล่ะ ทักษะของสเปชเราไม่มีอะไรมาก แค่ระวัง รวดเร็ว กติกาอื่นๆก็ไม่ค่อยมี แต่ฝึกฝนบ่อยๆ สู้กับคนมากๆ เอ่อ...สู้ก็อย่าให้เกินตัว เอาชีวิตให้รอดด้วยน่ะนะ ” อลิซหัวเราะรับคำ เธอโชคดีที่ได้รุ่นพี่อารมณ์ดีแบบนี้ และโชคดีที่ได้คู่ฝึกที่มีฝีมือมาช่วยสอน ...รุ่นพี่แต่ละคนจะมีวิธีสอนที่ต่างกันไป



             เย็นวันนั้นหลังทานข้าวเสร็จอลิซก็ขอตัวไปทำธุระซึ่งเพื่อนๆก็พอจะเดาได้แต่ไม่อยากพูดออกมา



    ---***---***---***---***---



    ( วันพฤหัส )



             คาบเช้าอลิซเรียนอย่างไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งก็เพราะวันนี้เรียนประวัติตั้งแต่ 7 โมงครึ่งทำให้เธอง่วงตลอด และอีกส่วนก็เพราะสายตาของมาช่าที่มองมาทางเธอ ทำให้หลายๆอย่างที่เรียนไม่ค่อยเข้าหัวเลย แต่โชคดีที่พี่ชายเคยมอบปากกาที่จดเองได้ไว้ให้ เธอจึงตั้งใจว่าจะเอาไปอ่านทีหลัง แล้วก็เซฟข้อมูลใส่แผ่นดิสไว้อีกที





             คาบบ่ายอลิซต้องเรียนการฝึกจิต เพราะการฝึกจิตเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งในการใช้เวทย์ ถ้าฝึกไม่ดี พลังก็ไม่พอ การใช้ก็ผิดพลาด ในการเรียนวิชานี้เธอต้องเรียนร่วมทั้ง 3 บ้าน และก็รู้จักเพื่อนต่างบ้านอีกหลายคนทีเดียว ในคาบนี้ส่วนมากจะมีแต่ความเงียบเพราะในคาบแรกๆต้องนั่งสมาธิ จะมีก็แต่การทำความรู้จักทักทายกันตอนต้นชั่วโมงที่เสียงดังบ้างเท่านั้น



             ....และในตอนเย็นอลิซก็ไปทำธุระของเธออีกเช่นเคย...



    ---***---***---***---***---



    ( วันศุกร์ )



             คาบเช้าอลิซเรียนทฤษฎีเวทย์ต่อจากเดิมทำให้รู้กฎต่างๆและเห็นถึงช่องโหว่ของมันมากขึ้น ชาวสเปชเป็นพวกไม่ชอบกฎเกณฑ์เท่าไรนัก กฎของแต่ละอย่างจึงมีน้อย พอเรียนเกี่ยวกับเวทย์จบ ครูก็ต่อด้วยทฤษฎีของมนตราต่างๆที่ต้องจำ ต้องเรียนรู้ ซึ่งหลายๆอย่างสัมพันธ์กันกับการฝึกจิต เพราะต้องใช้ควบคู่กัน



             ในคาบบ่ายคือการเรียนชมรม 2 คาบ ชมรมนักเวทย์ไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากฝึกเวทย์ในการใช้งาน เพื่อช่วยชมรมอื่นเวลาจัดงานซึ่งก็เพิ่มทักษะไปในตัว แต่ดูคนบางคนอย่างเช่นอลิซและเอ๊ด นั้นจะมีคนเสนอตัวมาช่วยฝึกบ่อยเหลือเกิน...





    ...และในตอนเย็น อลิซก็ไปทำธุระของเธอ...ที่ห้องพยาบาล...



             อลิซก้าวเข้ามาในห้องพยาบาลพิเศษที่จัดไว้ให้พวกครูเว่นที่เป็นผู้อุปถัมภ์โรงเรียน พวกที่มีสิทธิ์ใช้ห้องนี้คือคนที่ทางครูเว่นอนุญาตหรือเป็นครูเว่นเองซึ่งส่วนมากจะเป็นอย่างแรกมากกว่า



             เธอเดินไปเปลี่ยนดอกไม้ที่ริมเตียงและมองดูคนไข้ที่ยังไม่ยอมฟื้นพลางคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ เธอรู้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดแต่ไม่เคยจะแสดงความเสียใจให้ผู้อื่นได้เห็น การปิดบังความรู้สึกเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนมา...จากครูผู้ชำนาญที่สอนเธอในการสวมหน้ากาก ทำให้เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ ...มันเป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนาที่จะเรียน แต่มันก็จำเป็นจริงๆกับชีวิตของเธอ



             ตอนเธออายุได้ 6 ปี พ่อก็ให้เธอเรียนกับครูคนหนึ่งซึ่งสอนเกี่ยวกับการปิดบังความรู้สึกและสิ่งอื่นๆที่เรียกกันว่าการสวมหน้ากาก พ่อบอกว่า “ คนอื่นๆอาจจะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ครูเว่นอย่างเรานั้นจำเป็นอย่างมาก ชีวิตของพวกเรานั้นต้องพัวพันกับปีศาจ เราจะเสียเปรียบหากแสดงให้มันเห็นว่าเรากลัว และสิ่งอื่นๆอีกมากมายในชีวิตของเราที่จำเป็นต้องใช้ เพราะฉะนั้นพ่อถึงอยากให้ลูกเรียน แต่ลูกต้องอย่าลืมว่า...ใช้ให้เป็น ”





             เธอมองไปที่จีน่า นี่ก็อีกคนที่ต้องเจอแบบเธอ จีน่านั้นเรียนการสวมหน้ากากพวกนี้กับครูคนเดียวกับเธอ และคงประสบชะตากรรมเดียวกัน อลิซรู้ดีว่าการปิดบังความรู้สึกเป็นสิ่งทำได้ยาก และการเสแสร้งก็ทำให้รู้สึกผิดและไม่สบายใจ



             บางครั้งอย่างเช่นตอนนี้เธอก็รู้สึกสงสารจีน่าขึ้นมา เพราะเธอรู้ดีว่าจีน่านั้นต้องประสบกับอะไรในชีวิตบ้าง และถ้าเธอเป็นจีน่าก็คงจะเกลียดอย่างที่เธอโดนเกลียดอย่างในตอนนี้ เพราะเรื่องราวที่เธอรู้มาว่า...



             พ่อของจีน่านั้นไม่ชอบพ่อของอลิซและเป็นอริกันมาตั้งแต่สมัยเรียนจึงได้ปลูกฝังให้ลูกสาวนั้นเกลียดพวกครูเว่นไปด้วย และแต่แม่ของจีน่านั้นกลับกัน แม่ของเธอมักชื่นชมอลิซให้ลูกสาวฟัง มันทำให้ความน้อยใจ ความอิจฉา และความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น เพราะแม่นั้นมักจะเอาเธอไปเปรียบเทียบกับอลิซและแสดงให้เห็นว่าด้อยกว่าเสมอ



             ในการเรียนสวมหน้ากากกับครูนั้นก็มักจะได้ยินครูพูดบ่อยๆว่าอลิซคือศิษย์เอกที่ครูภาคภูมิใจ และครูก็เอาเธอไปเปรียบเทียบอีก บางครั้งครูก็ว่าว่าเธอไม่มีวันสู้ได้ ทำไม่ดีก็ถูกเอาไปเปรียบ แม่ก็ตอกย้ำยิ่งทำให้ความเกลียดชังนั้นเพิ่มมากขึ้น



             ถ้าเป็นเธอไปเจอสภาพแวดล้อมแบบนั้นเธอคงเกลียดแบบเข้าไส้ เมื่อรู้เธอจึงไม่ได้โกรธที่จีน่าจะเกลียดเธอ เพียงแต่ว่าเธอชอบความท้าทายมากไปหน่อย นานๆทีจะมีคนมาเล่นประลองฝีมือจึงได้แกล้งเล่นละครไป แล้วก็คงเอาจริงไปนิด ทำให้คนตรงหน้าต้องมาสลบแบบนี้ ...คิดแล้วก็ถอนหายใจ ......ต่อไปนี้เธอคงต้องเล่นเบากว่านี้หน่อย



             แล้วความคิดก็ไปสะดุดเมื่อนึกถึงใครบางคนที่บัดนี้คงเกลียดชังเธอไม่ต่างจากจีน่า...วีน คนที่เคยเป็นเพื่อนของเธอ แต่ทุกอย่างก็เพราะเธอเองแท้ๆที่ทำให้เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ต่อเธอคงต้องเร่งเวลา รีบปรุงน้ำยาหยุดเวลาให้เสร็จโดยไว และเมื่อหยุดเวลาได้คงไม่แค่เอาน้ำยาล้างมนตร์ดำให้วีนเท่านั้น แต่เธออาจจะเอาน้ำยาลดความเกลียดชังให้โมนาร์ด้วย



    ----------------------------------------------------------------------



    aris : บทนี้จบลงแล้วค่า ^^ ในที่สุดก็รู้สาเหตุที่โมนาร์เกลียดอลิซแล้ว อ่า..ที่จริงอลิซไม่ได้เกลียดจีน่าหรอกนะ แต่เจ้าตัวเล่นละครค่ะ ให้จีน่าเข้าใจอย่างที่ได้สืบมาว่าเธอจะเกลียดคนที่เกลียดเธอ ทั้งที่จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แล้วก็เล่นแรงไปนิดส์ ^^” บทนี้ค่อนข้างเร่งรีบในการบรรยายการเรียนแต่ละวันไปหน่อยเพราะจะได้เข้าพลอตเรื่องสำคัญซะที ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ ( ไปๆมาๆ นางเอกยิ่งร้ายขึ้นทุกที ^^” แต่จริงๆแล้วมียิ่งกว่านี้อีก )



    Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ เพราะช่วงนั้นเราจะไปต่างจังหวัดคงไม่ได้มาอัพ ^^\"



    ขอบคุณมิช อีกแล้วสำหรับคำผิดจ้า ( อุตส่าห์พยายามระวังแล้วนะนี่ แต่ก้ยังมีผิดจนได้ ) และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับตอนต่อๆไป ^O^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×