ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เดซี่สีรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #2 : เพียงความทรงจํา บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 54


              หลังจากที่เราได้คุยกันมันก็ทำให้ผมรู้ว่าเรามีอะไรที่มันเกี่ยวพันกันอย่างน่าแปลกประหลาดหลายอย่างเลยทีเดียว    ตั้งแต่เรื่องที่เราชอบนักเขียนคนเดียวกัน     ทั้งเรื่องที่ว่าเธอเองก็พึ่งย้ายมาได้ก่อนผมแค่เดือนเดียว   ทั้งทางกลับบ้านของเราที่เป็นเส้นทางเดียวกันดั่งเส้นขนาน    รวมทั้งเรื่องที่ว่าพ่อของเธอนั้นทำอาชีพเดียวกับพ่อของผม(แต่ย้ายไปไหนมาไหนน้อยกว่า)   และยังเรื่องที่ว่าเราฝันที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก    มันมากมายไปหมดจนผมนึกไม่หวาดไม่ไหว     

              นอกจากเรื่องที่เหมือนกันอย่างแปลกประหลาดก็ยังมีสิ่งที่เราต่างกันสุดขั้วอยู่อีกมากมาย   เธอชอบสายฝนแต่ผมกลับเกลียดฝนยิ่งกว่าสิ่งใด   เธอลายมือเรียบร้อยแบบที่แทบแยกไม่ออกว่าอันไหนตัวพิมพ์อันไหนตัวเขียน   ส่วนผมก็ลายมือไก่เขี่ยจนแยกไม่ออกว่าอันไหนตี-เขียนอันไหนมือเขียน    เธอเลือกที่จะไล่ตามความฝันอย่างไม่ลังเล   แต่ผมกลับไล่ตามความฝันอย่างครึ่งๆกลางๆ   จนบางทีก็รู้สึกเหมือนตัวเองใช้ชีวิตไปวันๆ แบบไม่มีสิ่งใดที่มันเจริญงอกงามเลยซักอย่าง

              แต่ถึงกระนั้น   แม้ว่าเราจะแตกต่างกันเท่าไหร่   แม้ว่าเราจะมีซักกี่สิ่งที่มันสวนทาง    แต่หน้าแปลกสิ่งนั้นกลับยิ่งทำให้เราเกี่ยวพันกันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก    มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราไม่อาจขาดกันได้    ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกับผมรึเปล่า   แต่อย่างน้อยผมเองก็รู้สึกเช่นนั้น  (ยอมรับว่าหนึ่งในเหตุผลคือผมพอจะนึกภาพออกเลยว่าหากขาดเธอไปผลการเรียนของผมจะเป็นอย่างไร -_-) 

              และก็แน่นอน   ด้วยความที่เราสนิทแบบตัวติดกันซะขนาดนั้น    แถมยังคอยแต่จะปลีกวิเวกแยกออกจากสังคมอยู่เป็นเนืองนิจ    นั้นทำให้โดยเพื่อนล้อบ้างประปรายเป็นธรรมดา   ผมในตอนนั้นไม่อาจตอบได้ว่าความรู้สึกของเราทั้งคู่ที่ดั่งมีด่ายบางๆ มากั้นกลางนั้นคืออะไร   มันทำให้ผมแสดงออกต่อสิ่งที่เพื่อนๆทำด้วยการต่อต้าน    ผมทนไม่ไหวจนตัดสินใจที่จะเว้นระยะห่างจากเธอด้วยการหันไปจับกลุ่มกับเพื่อนผู้ชายแทนที่จะไปนั่งอ่านหนังสือกับเธอสองคนในห้องสมุดบ้าง    ตัดสินใจที่จะหาชมรมเข้าในตอนเย็นเพียงเพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างที่จะปฏิเสธการเดินกลับบ้านกับเธอแบบไม่ให้ตะขิดตะขวดใจบ้าง

              ผมทำอยู่เช่นนั้นเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว   ซึ่งก็ได้ผล  จากที่เพื่อนๆ  คอยเอาแต่ล้อผม ก็ค่อยๆ ซาลงไป    และนั้นก็ทำให้การพูดคุยของเราน้อยลงไปด้วย   เธอค่อยๆ หันกลับไปสนใจบทเรียนของเธอคนเดียวแบบที่เคยเป็น   ระยะห่างของเรามันกว้างขึ้นอย่างที่ผมได้ตั้งใจไว้   จากที่เคยเป็นด่ายเพียงเส้นเดียวมันก็ค่อยๆ  ห่างขึ้นจนผมไม่อาจเอื่อมมือไปสัมผัส

              ผมได้ในสิ่งใหม่ๆ   ผมสนิทกลับทุกคนในห้องมากขึ้น   ผมสามารถพัฒนาฝีมือบาสจนสามารถเล่นกับทุกๆคนได้อย่างสนุกสนาน   ผมบอกตัวเองว่าผมมีความสุขกับมัน   ผมบอกตัวเองว่าผมไม่เคยรู้สึกเดียวดาย

              แต่ผมคิดผิด   แม้ผมจะได้เดินกลับบ้านกับทุกๆคน   ได้พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน   แต่ผมกลับไม่เคยได้รับสายตาที่จริงใจจากใครซักคน   ผมไม่เคยรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจริงๆซักครั้ง   ไม่เคยเลยที่จะมีใครสละเวลาเป็นชั่วโมงๆมาค่อยๆ  อธิบายในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจทีละขั้นทีละตอนอย่างใจเย็น   ไม่เคยเลยที่จะมีใครหยุดเพื่อรอในยามที่ผมพลาดพลั้ง   ไม่เคยเลยที่จะมีใครติในสิ่งที่ผมเป็นและคอยบอกให้แก้ไขอย่างไม่รู้จักหยุดจักเบื่อ    ไม่เคยเลยที่จะมีใครทําให้ผมรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้    ไม่เคยเลยที่จะมีใครให้ในสิ่งที่ผมขาดทั้งๆที่ไม่เคยขอเลยซักนิด     

              ไม่เคย  …………….  นอกจาก    เธอ

        

              ผมรู้ว่าผมปฏิเสธตัวเองมาตลอด   ผมรู้ว่าตอนนั้นผมไม่มีความเข้าใจพอที่จะรับรู้ได้ว่าความรู้สึกข้างในของผมเป็นอย่างไร   ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมสูญเสียไปมันยิ่งใหญ่และสำคัญมากกว่าสิ่งที่ผมได้รับมามากแค่ไหน   ผมรู้ว่าผมไม่อาจหนีความอ้างว้างในใจได้แม้ว่าจะย้ำกับตัวเองซักกี่ครั้งว่าผมไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายก็ตาม   

              ทันทีที่ผมตัดสินใจที่จะเปิดประตูที่กักขังผมมาตลอด   ทันทีที่ผมตัดสินใจที่จะลบตัวตนที่คอยหลอกหลอนและตอกย้ำถึงตัวตนจริงๆที่ผมเคยเป็น   ทันใดนั้น   ภาพต่างที่ผมเคยร่วมกับเธอก็คอยผุดขึ้น   เหมือนนํ้าพุที่อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินที่แตกระแหง   ภาพเหล่านั้นเหมือนจะคอยตอกย้ำกับผมว่าตลอดมานั้นผมรู้สึกเปล่าเปลี่ยวแค่ไหน   ภาพเหล่านั้นเหมือนจะคอยปัดเป่าความสับสนและไม่แน่นอนในใจผมให้หมดไป

              ผมขอสาบานว่าผมไม่เคยร้องไห้เพราะหนังเรื่องใดมาก่อน   แม้ว่าหนังเรื่องนั้นจะได้รางวัลออสก้าสาขาเรียกน้ำตาจากผู้คนไปได้มากมายขนาดไหน   แต่ในวันนั้นผมร้องไห้ออกมา    น้ำตาที่ไม่เคยหลั่งรินไหลออกมาไม่หยุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่วันที่ผมออกมาจากท้องแม่           

              ในวันนั้นผมเดินเข้าไปในห้องสมุดโดนไม่สนสายตาของคนรอบข้างเลยซักนิดว่าพวกเค้าจะคิดยังไงกับภาพที่เห็น    ผมนั่งลงตรงเก้าอี้เบื่องหน้าของเธอที่มันยังคงเว้นว่างเหมือนเดิม   เหมือนกับวันแรกที่ผมได้เจอเธออย่างไม่ผิดเพี้ยน     ผมมองสบตาเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ   พวกเรานั่งเงียบเช่นนั้นอยู่ซักพักหนึ่ง

              ขอโทษ  นั้นเป็นคำพูดแรกที่ผมพูดออกมา

              ขอโทษเรื่องอะไรหร่ะ   เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย

              ในตอนนั้นผมไม่อาจดูออกได้เลยว่าในแววตาของเธอมีสิ่งใด   ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกเช่นไรในสิ่งที่ผมทำไป    ผมรู้ว่าผมทรยศเธอ   ผมรู้ว่าผมทอดทิ้งเธอ   ผมปล่อยให้เธอเผชิญอยู่กับปัญหาทุกอย่าง   โดยที่ตัวเองได้แต่หลบหนีและทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง  ผมได้แต่ขอโทดซ้ำไปซ้ำมาและด่าทอตัวตนของตนเองที่ขี้ขลาดแม้กับสิ่งที่รู้ว่าสำคัญกับตัวเองมากแค่ไหน    ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้ง    ไม่อาจอดกลั้นน้ำตาที่เอาแต่หลั่งรินออกมาอย่างไม่รู้จักหยุดจักหย่อน    ตอนนั้นเธอตกใจกับผมที่อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ดั่งเขื่อนแตก    เธอจะรู้ไม้นะว่าเธอสำคัญกับผมมากแค่ไหน   เธอเคยรู้หรือไม้ว่าทุกช่วงเวลาที่ขาดเธอไปผมไม่อาจที่จะหลีกหนีความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเดียวดายไปได้    

              นี้อย่าร้องไห้สิ  อายเค้านะ

              เธอส่งทิชชู่ที่พกอยู่ในกระเป๋าสตางค์ให้ผม   หลังจากที่ผมเช็ดน้ำตาออกจนหมดจนเหลือแต่ดวงตาที่แดงก่ำเธอก็พูดขึ้น

              ดาริน  เนี้ยก็ขี้ แงเหมือนกันน้า

              เธอยิ้มออกมา   หลังจากที่ได้เห็นภาพรอยยิ้มของเธออีกครั้ง   มันทำให้ผมตัดสินใจแน่วแน่

              ชั้นจะไม่มีวันทิ้งเธอไปอีก

              จ้า  ถ้างั้นฉันก็เหมือนกัน

              สัญญานะ

              อืม  สัญญา

              ใครผิดสัญญาให้กลืนเข็มพันเล่มเลย  เอ้า

              อุบ   555+   ดารินเนี้ยตลกจัง  คำสาบานโบราณพันนั้นเนี้ยไม่มีใครเค้าใช้แล้วหร่ะ

              อ่ะ  หรอ  ผมเกาหัวอย่างไม่ได้ใส่ใจ

             

              ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวอีก   ในตอนนั้นผมเรียกมันว่าอย่างนั้น   ความอ่อนเยาว์ทำให้ผมไม่อาจเข้าใจต่อความรู้สึกอันซับซ้อนนั้นได้   

              ยังคงเป็นเช่นนั้น    จนแม้วันสุดท้าย  ก็ยังคงเป็นเช่น      และเมื่อวันสุดท้ายของเรามาถึง  คำพูดของผม   ความรู้สึกที่แท้จริงของผม   ความรู้สึกที่ในวันนั้นผมไม่อาจเข้าใจ   ในวันสุดท้ายนั้น  ผมก็ไม่อาจที่จะสื่อสิ่งใดกับเธอได้อีก

                                                                        ตลอดกาล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×