คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพียงความทรงจํา บทที่ 1
“นี้”
“หืม!”
“ทำไมบนดวงจันทร์ถึงมีกระต่ายหร่ะ?” อยู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมา
“อืม ไม่รู้สิ” ผมเองก็ตอบไปตามความจริง
“ไม่เคยสงสัยเลยหรอ”
“ก็เคยนะ” ผมหันไปมองเธอ “แต่ไม่รู้จะหาคำตอบไปทำไมนี้สิ”
เธอเองก็หันมาสบตาผม “งั้นหรอ ดาริน เนี้ย ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัวเลยน้า” เธอ แลบลิ้นออกมา
“แบร่!”
ก่อนจะวิ่งนำผมไป ผมสีน้ำตายสลวยพริ้วสไหวไปกับสายลม
“นี้ เดี๊ยวสิ!” ผมวิ่งตามเธอ ไล่ตามแผ่นหลังบอบบางนั้น ไขว่คว้าไว้ ตั้งใจไม่ให้จากไปไหน
ผม อิมาอิ ดาริน และ เธอ
ทั้งที่ตั้งใจไว้เช่นนั้น ทั้งๆ ที่เราเคยเกี่ยวพันกัน แต่ผมกลับไม่สามารถนึกชื่อเธอออกมาได้ ความทรงจำที่เกี่ยวพันกันดั่งสูญสลายไป ใช่ หายไป ตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมสูญเสียเธอไป
เราพบกันในวันแรกของการเปิดภาคเรียน ผมที่ต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ เนื่องจากงานของพ่อ ทำให้ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครนัก และสถานที่ประยอดฮิตเมื่อผมต้องการที่จะไปหลบอยู่คนเดียวก็ไม่มีที่อื่น นอกจากห้องสมุดนั้นเอง แต่ผมคิดผิดถนัด ดูเหมือนสถานที่ยอดฮิตที่พวกชอบจับกลุ่มต่างๆ ชอบมานั่งคุยกันสำหรับโรงเรียนนี้ดันเป็นห้องสมุดซะงั้น
ทำไมต้องมานั่งคุยกันในนี้ด้วยนะ ผมคิดในใจคนเดียวดังๆด้วยความรำคาญ และแน่นอน แม้ว่ามันจะดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน หลังจากมองหาที่ว่างสงบๆ ที่ไม่มีพวกลิงกังมานั่งจับกลุ่มคุย กันในที่สุด ผมก็เหลือบไปเห็นโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่งที่มีผู้หญิงนั่งอยู่เพียงคนเดียว ผมสีดำสลวยตกลงมาปลกหน้าขาวๆ ของเธอทำให้ผมเห็นหน้าเธอไม่ชัดนัก ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทขนาดเวลาเดินแซงบนบันไดเลื่อน ก็ต้องพูด “ขอทางหน่อยครับ” หรือเวลาไปนั่งรับประทานอาหารก็ต้องพูด “ขอโทดนะครับที่ตรงนี้ว่างรึเปล่า ” นักหรอก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้นมีอะไรมาดลใจให้ผมพูดออกไป
“ขอ โทษนะครับ นั่งด้วยได้รึเปล่า?”
นั้นทำให้ผมได้เห็นหน้าเธอชัดๆ เป็นครั้งแรก เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ดวงตาสีน้ำตาลใสแป๋วจ่องมองผมโดยไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่ผมเห็นว่าในดวงตานั้นมีแววตาแห่งความประหลาดใจอยู่
เธอพยักหน้าน้อยๆ เพียงแค่นั้น แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรกับความไม่ช่างพูดอะไรของเธอ เพราะผมเองก็เป็นเช่นนั้น ไม่อยู่ในสถานะที่สามารถพูดได้ว่า เฮ้ นายช่วยพูดแสดงความคิดเห็นให้มันมากกว่านี้หน่อยสิ ได้เลยซักนิด
ผมนั่งลงอ่านหนังสือที่หยิบมา เราต่างคนต่างจมอยู่ในโลกของตัวเอง เวลาผ่านไปเร็วมากเท่าที่ผมจำได้นะ เมื่อสัญญาณเพลงเข้าแถวดังขึ้นพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันไปโดยไม่ได้พูดอะไรกัน ในตอนนั้นไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกว่าความเกี่ยวข้องของเรามันจะไม่ได้จบเลงเพียงแค่นั้น ถึงจะหน้าแปลก แต่ผมก็คิดเช่นนั้น
และในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความคิดของผมก็พลันเป็นจริง สิ่งแรกที่สะดุดสายตาผมเข้าอย่างจังเมื่อก้าวเท้าแรกเข้าไปในห้องเรียน หาใช่ อาจารณ์ที่ปรึกษาที่เรียกผมเข้าไปในห้อง หาใช่กระดานดำที่มีชื่อผมตัวโตๆเขียนอยู่(ยังสงสัยอยู่จนบัดนี้ว่าอาจารณ์เขียนไว้ทำไม) หรือจะเป็นเพื่อนร่วมห้องมากมายที่นั่งหัวโด่อยู่นั้น แต่เป็นเธอ เธอที่นั่งอยู่คนเดียวหน้าห้อง ในเสี้ยววินาทีนั้น ดวงตาของเราสบก่อน ก่อนที่เธอจะหันไปสนใจกับการรื้อกระเป๋าที่เต็มไปด้วยสมุดหนังสือของเธอต่อ และก่อนที่ผมจะหันไปสนใจอาจารณ์ที่ปรึกษาที่กับลังเรียกชื่อผมพร้อมกับกล่าวให้ทุกคนปรบมือเพื่อเป็นการต้อนรับผมด้วยเสียงอันดัง
เราได้อยู่ห้องเดียวกัน ใช่ แต่ความบังเอิญไม่ได้มีเพียงแค่นั้น (หรือไม่ใช่ความบังเอิญนะ 555+) หลังจากที่ผมพูดแนะนำตัวด้วยเสียงเบาแสนเบา อาจารณ์ท่านก็บอกให้ผมเดินไปหาที่ว่างนั่งได้เลย และแน่นอนตามคอนเซ็ปที่เดียวที่ว่างในห้องนี้ก็ดันเป็นโต๊ะติดหน้าต่างข้างๆ เธอคนนั้น ผมเดินไปนั่งข้างๆ เธอโดยไม่พูดอะไร ทั้งๆที่เพื่อนข้างหลังผมต่างก็เอ่ยทักผมด้วยความเป็นกันเอง ส่วนผมก็ตอบรับส่งๆไปตามพิธี แต่คนข้างๆ ผมกลับไม่เอ่ยทักอะไรผม แม้แต่การแนะนำตัวด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นผมก็อยู่ในฐานะที่ว่าอะไรเธอไม่ได้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เอ่ยทักอะไรเธอเลยเช่นกัน
การเรียนของเราผ่านไปโดยไม่ได้คุยอะไรกันซักคําแม้จะนั่งติดกันตลอดทั้งวัน ในระหว่างนั้นผมแอบสังเกตุเธอหลายครั้ง เธอเป็นคนผิวขาวมากโดยเฉพาะเวลาที่นั่งตากแดดอ่อนๆ ในตอนเช้า อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีสมาธิในการเรียนแบบขั้นเทพ ผมยังไม่เคยเห็นเธอวอกแวกออกไปกับสิ่งอื่นนอกจากการเรียนและอาจารณ์แม้ซักครั้งเดียว สายตาเธอจ่องเป๋งไปที่อาจารณ์และกระดานดำจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าว่าท่านไม่รู้สึกอึดอัดมั้งรึไงที่ถูกใครซักคนจ่องมองตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น
เวลาผ่านไปเช่นนั้นอยู่สามวัน ผมเองก็สนใจการเรียนบ้างเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างบ้าง ตามบทเรียนทันบ้างไม่ทันบ้างตามประสาคนที่ย้ายโรงเรียนอยู่บ่อยๆทำให้ปัญหาการตามบทเรียนไม่ทันติดท็อปเป็นหนึ่งในสิบปัญหาที่ผมต้องเร่งแก่ไข ผมเองก็เคยหมั่นไปอ่านหนังสือเองที่บ้านอยู่เป็นประจำ แต่ก็นะ ผมเองก็ใช่ว่าจะหัวดีซักเท่าไหร่ เป็นเหตุให้ยังคงตามบทเรียนไม่ทันเหมือนเดิม -_-
จนกระทั้งวันที่สี่ วันนั้นในคาบคณิตศาสตร์ผมพบว่าตนเองลืมเอาหนังสือมา ผมถอนหายใจอย่างปลงๆในความขี้ลืมของตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังจะตัดสินใจปล่อยเลยตามเลยไปกับคาบคณิตอยู่นั้น เธอก็เอ่ยประโยคแรกในประวัติศาสตร์ของการได้มานั่งด้วยกันขึ้น
“เอ่อ ดูด้วยกันไม้ค่ะ?”
เธอเลื่อนหนังสือมาทางผม ผมเองก็ตอบเธอไปแบบติดๆขัดๆ ด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย
“ขอบ ขอบคุณครับ”
เธอยิ้มออกมา เล็กน้อย มันเล็กน้อยจริงๆนะ แต่ถึงแม้มันจะเล็กน้อยจนใครๆอาจไม่สังเกตุเห็น แต่ผมคนนึงหร่ะที่สังเกตุเห็น เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เราได้คุยกันแบบจริงๆจังๆ เนื่องด้วยความที่ตามบทเรียนไม่ทันจนทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะถามเธอในสิ่งที่สงสัย และเธอก็ตอบข้อสงสัยมาในแบบที่ว่าเคลียร์โคด แบบโคดเคลียร์อะ หลังจากนั้นเราก็สนิทกันอย่างรวดเร็ว แบบเร็วโคด
และรู้ไม้ นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าเธอหันเหสมาธิของตนเองออกจากบทเรียนในขณะที่อาจารณ์สอน และก็หน้าขันที่มันเกิดขึ้นเพราะผมเอง ผมควรจะดีใจดีไม้นะ แต่ก็นั้นหร่ะมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราสนิทกันนี้นา ขอบคุณพระเจ้าในความหน้าด้านของผมจริงๆครับ 555+
ความคิดเห็น