ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนึ่ง สอง! YES SIR ! [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ค่ายทหาร

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 53



    บทที่ 1 ค่ายทหาร
     
    บ้านไม้สีน้ำตาลหลังใหม่กว้างขวางแบ่งเป็นหลายห้อง ห้องที่พวกเขาอยู่นี่คือห้องกลาง สิ่งของจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบนัก มีโต๊ะอยู่สองตัว พัดลมหมุนติดเพดานที่น่าหวาดเสียวว่าจะตกลงมา

    “ผมชื่อศิลา เป็นครูฝึกทหารที่นี่ครับ” เด็กหนุ่มเหลือบไปเห็นโต๊ะ ซึ่งมีชื่อติดไว้ ศิลา กฤษณวงศ์ อีกตัวหนึ่งเขียนว่า ถาวร นามสกุล เอ๊ะ... นามสกุล?? “ส่วนนี่ครูถาวร”

    “ถาวรนี่ชื่อนะครับ ไม่ได้หมายความว่าเป็นครูอย่างถาวร ผมรบเพื่อชาติด้วย” ชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดีพูดติดตลกก่อนโค้งตัว วงตาสีดำคู่โตพราวระริกระรี้หยุดอยู่ที่เขาครู่หนึ่ง คล้ายจะมองเลยไปแต่ก็ตกมาที่เขาอีกจนได้ นายถาวรคนนี้ดูแก่กว่าครูศิลาเล็กน้อยแต่กลับขาวอย่างไม่น่าจะเป็นทหารกรำแดด ตัวก็บางกว่า แต่ก็จัดได้ว่ากำยำ สูงกว่าเล็กน้อย ผมก็ยาวกว่าเล็กน้อย ใบหน้าเจ้าเล่ห์... เจ้าชู้ ใส่ตุ้มหูอีก... เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าหนึ่งในคณะหลงป่าจ้องต่างหูของเขา เลยออกตัวง่ายๆ

    “อ๊ะ ขอโทษทีครับ บังเอิญผมเพิ่งถ่ายรูปส่งไปให้ลูก” ถาวรถอดตุ้มหูหนีบดอกไม้สีชมพูเหมือนของเล่นเด็กออก มามองอย่างภูมิใจ “มันจะเป็นของขวัญวันเกิดลูกสาวผม เสียดายที่ผมไม่ได้กลับไปฉลอง” ถาวรเดินกลับไปเปิดกล่องเครื่องประดับเด็กเล่นบนโต๊ะแล้วใส่มันลงไป ก่อนกลับมาด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากบางเฉียบแทบจะไม่มีกำลังแย้มยิ้มที่ผู้เห็นบอกไม่ได้ว่ามาจากใจจริงรึเปล่า จมูกพอจะเรียกได้ว่ามีดั้ง ใบหน้าเรียวดูดี พ่อหนุ่มคนนี้หน้าเหมาะจะเป็นดารามากกว่าทหาร

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับความช่วยเหลือ ผมชื่อศรุต ทางนี้ มนพร ภรรยาของผม” บิดาของเขาไม่ยิ้ม หากผู้ฟังสามารถสัมผัสความจริงใจได้ในน้ำเสียง “ส่วนคนนี้ อัคคี” พี่ชายของเขาพนมมือไหว้ “และนที ลูกชายผม” แล้วก็ถึงคราวของเขาพนมมือไหว้


    “เป็นพี่น้องกันหรือครับ?” ครูฝึกถาวรถามทวนด้วยความสนใจ “หน้าไม่ค่อยคล้ายกันเท่าไหร่”

    “มีคนบอกอย่างนั้นเยอะเหมือนกันครับ” นั่นคือประโยคแรกที่อัคคีได้พูด “ทั้งๆที่เราเป็นฝาแฝดกันแท้ๆ ถึงจะเป็นแฝดคนละฝาก็เถอะ แต่ผมกลับสูง ส่วนน้องธาร...” แฝดผู้พี่ยิ้มเหมือนนึกคำพูด  ขณะที่นทีอยากเอาปี๊บคลุมหัวแล้วดำดิน “ไม่สูงเท่าไหร่...”

    “ชื่อน้องธารเองเหรอ” นายทหารหน้าพระเอกเอ่ยขึ้นอย่างปิดความสนใจไม่มิด

    “ครับผมชื่อธาร ธาร แบบ ลำธาร นะครับ ไม่ใช่ ทาน แบบทานข้าวหรือให้ทาน” นทีชิงจังหวะพูดมาเป็นของตัวเอง ก่อนโต้แฝดผู้พี่กลับอย่างไม่เกรงใจบิดาและมารดรซึ่งแสดงท่าทีขอโทษครูฝึกทั้งสองต่อนิสัยของเด็กสองคนนี้ “แปลกมากจริงๆครับที่เราเกิดมาเป็นฝาแฝดกัน ผมขาวขนาดนี้แท้ๆ แต่พี่เพลิงกลับมีสีผิวเหมือนถูกชื่อตัวเองเผานานไปหน่อย”

    “อืม... ขาวจริงๆ” ศิลาแอบเอาศอกกระทุ้งหลังเพื่อนหน้าหนาเบาๆ ฝาแฝดมองตากันชั่วครู่ แล้วหันมายิ้มแป้น ก่อนอัคคีจะพูด

    “แต่สิ่งที่เราเหมือนกันก็คือ เราชอบผู้หญิงครับ ทั้งผม แล้วก็... น้องธาร”

    ถาวรรู้สึกเหมือนโดนเด็กอ่อนหัดตีแสกหน้าคำรามลั่นในใจ

    ไอ้แฝด... นรก...!!!
     
                    “ลูกนี่ก็ปากเสียกันจริงๆ”

                    “แหม คุณแม่ก็ดูสายตามันมองน้องธารสิครับ” พวกเขาอยู่กันในห้องพักขนาดเล็กสองเดียงต้องนอนเบียดกัน ผนังไม้สีน้ำตาลก็ดูไม่เลวนักเท่าไหร่ ได้กลิ่นไม้ลอยออกมาอ่อนๆ ติดอยู่อย่างเดียวที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ศรุตผู้เป็นบิดา กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนระเบียง

                    “ทำไม พี่เพลิงหึงเรอะที่เขาไม่มองพี่” อัคคีปาหมอนใส่คนที่นอนอยู่ข้างๆอย่างฉุนๆ  

                    “พอ พอ ชักจะเอากันใหญ่แล้วนะลูก เพลิงก็เถอะไปเรียกคุณถาวรว่ามันได้ยังไง เขาก็แค่แซวเล่น” มนพรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆตีป้าบเข้าที่ขาของแฝดผู้พี่ “เพราะไปแสดงกิริยาอย่างนั้นไงอายุก็ยี่สิบกันแล้ว ทำตัวเหมือนเด็กอนุบาล ดีแค่ไหนแล้วเชียวที่เขาไม่ถือสาแล้วทำเป็นเรื่องตลก แล้วคุณถาวรก็มีลูกแล้ว เขาจะมามองหนุ่มกันได้ยังไงกันจ้ะ”

                    “คนไม่ดีเยอะแยะคุณแม่ มีลูกมีเมีย ติดอยู่อย่างเดียวไอ้มีเมียเนี่ย มีเมียกี่คน คุณแม่ลองถามเผือกดูสิครับ”

                    “แป้ก พี่เพลิง แป้ก มุขมันมุขเผือกเขาเลิกใช้กันมานานแล้วครับ” นทีขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะงงไปกว่านี้

                    “คร้าบ คร้าบ มุขผมมันแป้ก แต่ธารคิดเอาเองแล้วกัน ถ้าธารเป็นเมียคุณถาวรผู้ประเสริฐ ธารจะได้เป็นเมียคนที่เท่าไหร่”

                    “พี่เพลิง!

                    “ตายจริง! แม่จำไม่ได้นะว่าเคยสั่งเคยสอนให้เพลิงพูดจาอย่างนี้ ตบปากตัวเองไปเลยสามที” อัคคียังไม่ทันทำตาม นทีก็ขัดขึ้น

                    “ไม่ต้องหรอกครับคุณแม่ สั่งให้ผมตบให้ดีกว่า เดี๋ยวไม่เจ็บแล้วไม่จำ!” แฝดน้องจับแฝดพี่นอนหงายแล้วขึ้นคร่อม ขณะที่คนปากเสียได้แต่ใช้มือบังหน้า

                    “คุณแม่ๆ ช่วยผมด้วย!

                    “ได้ยังไง ก็เราปากเสียเองนี่” เท่านั้นอัคคีก็รู้ตัวว่าหมดทางหนีได้แต่ดิ้นๆไปมาหลบหมัดของน้องชาย

                    “เขาให้ตบโว้ย ไม่ใช่ต่อย โอ๊ย!! พอๆ แค่สามทีเฟ้ย!! เอ้า นี่มัน...!! สี่ ห้า หก แปด สิบ! อ๊าก...!!! และคงจะมีสิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม ถ้าคนน้องไม่ถูกบิดาหิ้วออกไป “อูย... ขอบคุณครับคุณพ่อ”

                    “เพลิง ธาร พ่อขอบอกไว้อย่างหนึ่งเลยนะ มันไม่สำคัญว่าลูกจะรักผู้หญิงหรือรักผู้ชาย เพราะยังไงพี่เขต...ปฐพีก็มีทายาทให้พ่อแล้ว” เหตุผลง่ายๆที่ทำให้คนเป็นลูกรวมถึงคนเป็นภรรยาอ้าปากค้าง ก่อนวงตากร้านโลกของบิดาจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “แต่ต้องไม่ใช่กับนายถาวรคนนั้น เขาคือเสือตัวจริงที่ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ได้อย่างแนบเนียน”

                    “เขาเป็นคนไม่ดีหรือจ้ะพ่อ” มนพรถามเสียงหวั่น

                    “ไม่ใช่ เขาเป็นคนดี ดีขนาดที่สละชีวิตเพื่อคนที่เขารักได้ แต่คนอย่างเขามักจะอยู่ได้ไม่นาน แต่นั่นล่ะที่ลูกต้องระวัง ระวังที่เสือตัวนี้มันอาจจะแว้งกัดเราได้ทุกเมื่อ เราพ่อหมายถึงทุกคนในครอบครัว จำไว้เขากับเรามีอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ตรงกัน”

                    “โธ่เอ๊ย! คุณ! นี่ไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตยบนเส้นขนานนะคะ คุณไม่ใช่จ่าตุ้ย และเขาก็ไม่ใช่เสือย้อย! พูดเอาทำฉันตกใจหมด”

                    “อ้อ ขอโทษเมื่อกี้พ่อล้อเล่น แต่เรื่องนี้พ่อพูดจริงพ่อไม่ยอมปล่อยให้ลูกของพ่อไปวอแวกับไอ้คนมือไวพรรณนั้น มันไม่ได้ไวแค่ปืน แต่ดูมันสิสายตามันมองธารอย่างกับจะกระชากเสื้อ! เจ้าชู้ยิ่งกว่าอีพริ้งคนเริงเมือง! หญิงก็มั่ว ชายก็มั่ว! พ่อไม่อยากให้ลูกทั้งสองของพ่อเป็นเอดส์!!!

                    “คุณแม่ครับผมนอนแล้วนะครับ ราตรีสวัสดิ์” อัคคีเอ่ยขึ้นล้มตัวลงนอนห่มผ้าตามติดด้วยน้องเล็ก

                    “ผมด้วยฮะ ราตรีสวัสดิ์”

                    “ฝันดีนะจ้ะลูก”

                    ศรุตผู้ถูกเมินสงบเสียงลงก่อนพูดเบาๆ “เพลิง พ่อไม่ได้พูดเล่นนะ อย่าไปยุ่งกับเขา ไม่อย่างนั้นลูกจะต้องเสียใจ” คนถูกพูดด้วยยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงคิดอยู่ในใจว่าคนที่ต้องบอกน่ะคือน้องต่างหากล่ะไม่ใช่เขา

                    “แล้วอีกคนล่ะคะคุณ คุณศิลา เขาเป็นคนอย่างไรหรือ” ผู้เป็นสามีทรุดตัวลงนั่งข้างภรรยา วงตาอ่อนหวานของเธอไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงความหวานไว้ได้เสมอ นทีในผ้าห่มหูผึ่ง คนนั้นที่เท่ห์ๆ เห็นแล้วอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

                    “ศิลา นายทหารหนุ่มไฟแรงเติบโตเร็วในราชการ” ศรุตหลับตาลงราวกับวาดภาพหน้าชายหนุ่มอยู่ในใจ “เขาไปได้อีกไกลแน่ เสียอยู่อย่างที่ประจบคนไม่เป็น ซื่อสัตย์อย่างหาได้ยากในสมัยนี้ มารยาทดี นายถาวรนี่ไม่ไหวแค่โค้ง เป็นคนดังเชียวล่ะไม่นึกว่าวันนี้จะได้เจอ คนนี้อยู่ด้วยแล้วปลอดภัยเขาไม่มีวันคิดทำอะไรกับพวกลูกๆของพวกเราแน่”

    “แน่สิคะ ก็ลูกเราเป็นผู้ชาย” มนพรเอ่ยติดตลก

     “ไม่ใช่ เพราะเขาเป็นพวกตายด้านต่างหาก”
     
    “นายนี่ก็ปากเสียจริงๆ”

    “ก็เด็กมันอยากลองดีเองนี่”

    “ลองดีอะไรเห็นเขาเถียงๆกันอยู่สองคนไม่เกี่ยวกับนาย แต่นายก็ไปลวนลามเขาอยู่ได้ ที่สำคัญพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็ก” ศิลาเอ่ยเบาๆยืดกายนอนบนเตียงที่ไม่นุ่มมากนัก

    “เปล่า มันเพิ่งลองดีวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ล่ะจะโดนดี ชื่ออะไรนะ เพลิง อัคคี ใช่ไหม? หน้าตาก็น่ารักดีอยู่หรอก หน้ามนไข่มาเองคางสวย แต่ปากนี่จริงๆเลย ตาโตแต่ดูร้ายอย่างกับหมาจิ้งจอก คมซะ จมูกนี่ก็รั้นนิดๆเหมือนนิสัย ถึงนิสัยจะไม่นิดก็เถอะ ยิ่งปากบางๆนั่นคมเป็นตะไกร แต่ฉันมั่นใจถ้ามาเจอกันจริงๆฉันชนะแน่นอน ตัวผอมแค่นั้นทำเป็นเบ่ง อุวะ! อายุยี่สิบกันใช่ไหมปีหน้าถ้าเกณฑ์ทหารมานะ จะจับให้แทงปลาไหลเสียให้หมดบ่อ” แน่นอนว่าหลังจากประโยคนั้นคู่นี้ยังฟาดฟันกันไม่เลิก

                    “อ๋อเหรอ...” ศิลาลากเสียงยาว “งั้นไหนลองพรรณนาหน้าน้องธารที่นายทำเป็นจ้องเอ๊าจ้องเอาสิ”

                    “คนไหนวะ น้องธาร” ถาวรนึกอยู่ครู่ “อ๋อ ใช่ๆ เด็กที่ขาวๆหน้าวอกๆนั่นใช่ไหม”

                    “แล้วไงอีก”
                    “หะ...?”
                    “หน้าน้องเขาเป็นยังไงอีก”

                    “เอ้อ... มันก็... ตาโตๆหวานๆมั้ง จมูกเล็กๆ ปากบางๆ คอขาวๆ ตัวขาวๆ ยิ้มอะไรของแกวะ!” ศิลาแสร้งถอนหายใจยาว

                    “เฮ้อ... ก็ว่าแล้ว... นายนี่น้า อย่างนี้ทุกที” สายตารู้ทันของเพื่อนผิวเข้มเล่นนายทหารหน้าพระเอกหลบตาเป็นพลวัน “ชอบเขาใช่ไหมล่ะ คุณอัคคีน่ะ” ถาวรหันขวับหน้าแดงไปถึงหู ครั้นจะพูดก็ถูกขัด “ไม่ต้องมาปฏิเสธ ชอบของฉันหมายถึงชอบนิสัยโว้ย แต่ดูท่าแกจะคิดมากกว่านั้นสินะ ฉันเห็นนายแอบมองเขาตั้งหลายรอบ นิสัยนายฉันก็รู้ๆอยู่ ชอบใครชอบเบี่ยงไปมองอีกคนเพราะ... เขิน”

                    “ไม่ใช่โว้ย! คนเรามันก็ต้องมีมองบ้างใช่ไหมล่ะ แบบมองดารา คนนี้น่ารักจัง เก็บไปฝันดีกว่า เออ... ขอโทษแกมันไม่เข้าใจหรอกไอ้คนตายด้าน” ถาวรเสมองไปนอกหน้าต่าง ขณะที่คนตายด้านเหลือบมองด้วยสายตาประนาม คนตายด้านก็ยังดีกว่าคนที่เที่ยวจีบเขาไปทั่ว ถึงจะรู้ว่าถาวรแค่จีบก็เถอะ “แกจะบ้าเรอะ ให้ฉันฉอเลาะเด็กที่อ่อนเกือบรอบ”

                    “เกินรอบ” ศิลาแก้ “แต่ปกติก็เห็นนายทำอยู่ทุกวัน ช่างเถอะคิดได้ก็ดี นอกจากจันทร์แล้วฉันยังไม่เห็นแกรักใครจริงทุกที นายก็ปลงๆบ้างเถอะ เรื่องมันก็นานมาแล้ว ทำอย่างนี้แกคิดเหรอว่าจันทร์จะดีใจ”

                    "แกอย่างพูดเรื่องนี้ ฉันไม่ชอบ"

                    “แต่...”

                    “ฉันจะนอนแล้ว” ถาวรห่มผ้าตะแคงไปอีกด้านอย่างไม่ต้องการต่อบทสนทนา

                    “เมื่อไหร่ที่นายอยากพูดฉันก็จะฟังแล้วกัน พรุ่งนี้นายก็อย่าลืมดูน้องธารแบบจริงๆล่ะว่าเขาเป็นอย่างที่นายพูดไหม ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไปดูสิว่าน้องเขาตาโตแต่ดูดุๆ จมูกโด่งเชิดนิดๆ ปากอิ่ม คิ้วเรียวเข้ม หน้าเรียวรี แก้มแดงนิดๆ หรือว่าเป็นอย่างที่นายพูด”

                    “นาย...! ถาวรลุกพรวดอย่างไม่เชื่อหู

                    “ไม่ต้องมามองฉันอย่างนั้น ถ้านายสังเกตคนรอบข้างสักนิดไม่ได้มองแต่น้องเพลิง อัคคีของนาย เรื่องแค่นี้นายจะต้องรู้ได้แน่นอนโดยไม่ต้องจดจำ ราตรีสวัสดิ์”

                    ศิลาเดินไปดับไฟ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×