NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    | MHA/BNHA x FGO | Undefined [END]

    ลำดับตอนที่ #13 : Who am I? 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 65


    ถ้าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ฉันต้องการปกป้องนั้นหายไปแล้ว..

    งั้นฉันทำไป.. เพื่ออะไรกัน?

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนกันที่ฉันถูกพาออกมานั่งอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บริเวณการเเข่ง และไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนสละสิทธิ์การแข่งให้กับฉันกันแน่

    แต่ นั่นน่ะมันไม่สำคัญแล้วล่ะ...

    "........"

    ฉันหลับตาลงพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มกลั้นไม่อยู่ หลังจากที่รู้สึกตัวเเล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่.. แม้ก่อนหน้าจะช็อกเสียจนน้ำตาก็ไม่ไหล จุกจนพูดไม่ออก แต่ตอนนี้น่ะแทบอยากร้องไห้จนขาดใจตาย

    เสียไปอีกแล้ว... ครอบครัว คนสำคัญไม่เหลือใครแล้ว

    พอตระหนักได้ถึงเรื่องนั้นบ่อน้ำตาก็แตกออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ทั้งความพยายามที่เป็นเด็กเข้มแข็งมาตั้งแต่อดีต และความพยายามที่หลอกตัวเองว่าไม่รู้สึกอิจฉาหรือเหงาที่ตัวเองไม่มีพ่อ... ทุกอย่างมันประดังเข้ามาอย่างไม่รอให้ฉันพร้อมเลยแม้แต่นิดเดียว

    ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกอาคาร ไม่รู้ว่าการแข่งขันเป็นยังไงต่อ และถึงแม้เสียงของพิธีกรยังคงพูดเอ่ยเพื่อรักษาบรรยากาศของงานอันยิ่งใหญ่..

    ในตอนนี้มันก็เป็นได้แค่เสียงดังน่าหนวกหูที่ฟังไม่ได้ศัพท์เท่านั้นเอง

     

    ไม่นานนักผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินเข้ามายังที่เธอนั่งอยู่คนเดียว ส่วนพวกวีรชนเองก็ทำไดเพียงแอบมองอยู่ห่างๆ

    เพราะพูดอะไรไปเธอก็ไม่ตอบสนอง และพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนกับตอนนี้พวกเขาถูกมาสเตอร์ของตนผลักออกมาจากโลกของเธอ

    "......"

    อาจารย์ประจำชั้นที่มักจะทำหน้าดุอยู่ตลอดเมื่อเห็นหน้าของเด็กนักเรียนที่มักจะแสดงอารมณ์หลากหลายและสดใสเหมือนท้องฟ้าอยู่เสมอ ตอนนี้กลับดูมืดหม่นไม่ต่างจากวันที่พายุกลืนกินฟ้าสีครามนั้นไป ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเป็นห่วง

    ไม่อาจจะหาคำไหนมาปลอบประโลม มีเพียงแต่ไออุ่นของเขาเท่านั้นที่พอจะแบ่งไปให้ได้..

    เพราะวีรชนนั้นเป็นเพียงวิญญาณ ต่อให้จะสัมผัสได้แต่สำหรับเด็กสาวในตอนนี้พวกเขาก็คงไม่ต่างจากภาพลวงตา ที่สักวันหนึ่งก็คงจะทิ้งเธอไปอีกครั้ง..

    "แล้วแบบนี้... ฉันปกป้องโลกนี้ไปเพื่ออะไรกัน?"

    เสียงเบาหวิวที่ดังออกมาจากเด็กสาว เรียกสีหน้าเจ็บปวดจากวีรชนได้เป็นอย่างดี..

    พวกเขารู้ ว่ามาสเตอร์ของตนนั้นเจ็บปวดแค่ไหนตอนที่เห็นคนสำคัญต้องจากชีวิตไป พวกเขาเห็นทุกๆวันที่มาสเตอร์ผู้ที่มักมอบรอยยิ้มสดใสแอบร้องไห้คนเดียวจากความโหยหาภายในห้องส่วนตัวที่มืดสนิท..

    รู้ทั้งรู้ แต่ก็ปลอบใจอะไรไม่ได้

    เพราะสักวันหนึ่งเมื่อภารกิจจบลงพวกเขาก็หายไป และเมื่อการเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดก็ไม่มีข้อยืนยันใดไว่าจะมีโอกาสพบเจอกันอีก 

    แม้แต่ตอนนี้เองก็เป็นเพียงโชคชะตา ที่พวกเขาได้มีโอกาสมารับใช้เธอ.. และได้เห็นมาสเตอร์ของตนในร่างของเด็กสาวได้ระบายความรู้สึกเศร้าโศกของเธอออกมาให้คนอื่นได้รับรู้บ้าง

    ทั้งความรู้สึกสิ้นหวังเกินจะทน และความรู้สึกเหนื่อยล้า ความรู้สึกและความทรงจำในร่างของชาติก่อนถูกย้อนกลับมาในเวลาที่เธอไม่พร้อมมากที่สุด

    เหตุใดกันเธอถึงต้องมาจำเรื่องราวในอดีตชาติและเรื่องของวีรชนข้างกายได้ในตอนที่เธอไม่ต้องการมากที่สุด

    ถ้าต้องเสียใครไปแลกกับความทรงจำแบบนี้ สู้ไม่รู้เลยแต่แรกจะดีกว่า

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้นจบลงยังไง และใครเป็นผู้ชนะการเเข่งขัน รู้แค่ว่าตอนนี้เธอกำลังเดินจับมือกับอาเธอร์ไปหาผู้อำนวยการเนสุเท่านั้น

    หนูสีขาวมองนักเรียนผู้มากความสามารถด้วยความปวดใจ ไม่นานมานี้หลังจากที่วีรชนข้างกายเด็กสาวมารับตัวเธอออกจากสนามไปพร้อมกับขอยอมแพ้ ก็ทำเอาทั้งพวกเพื่อนสนิทและอาจารย์และคนดูกังวลไปตามๆกัน..

     ถึงแม้ตอนนั้นจะหาทางเปลี่ยนเรื่องให้นักเรียนไม่กังวลและกลับมาสนใจการแข่งขันได้ แต่การสูญเสียของเธอก็ใหญ่หลวงนัก

    เมื่อหลายสิบปีก่อนฟุโยริ มิทสึกิ โปรฮีโร่นาม โมเมนโต้ได้เสียชีวิตไปจากการปะทะกับสมาพันวิลเลิน และเขาเองก็เป็นพ่อแท้ๆของคินากะ ไม่นานมานี้ช่วงหลังจากการที่คินากะขอยอมแพ้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรมาแจ้งว่าฟุราโนะผู้ปกครองและแม่ของคินากะนั้นถูกสังหารจากการตามสืบเรื่องของออลฟอร์วัน..

    ทำไมถึงได้โชคร้ายขนาดนี้กันนะ..

     

    อาเธอร์เองตอนนี้ก็กระชับมือของมาสเตอร์เขาแน่นเพราะตัวคินากะนั้นเดินไปไหนมาไหนโดยที่ตัวเองไม่มีสติเลยสักนิดเดียว และในขณะเดียวกันก็เหมือนสติจะหลุดไปไกล

    แม้ตอนนี้น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาสีแดงนั้นจะเเห้งเหือดไปจนหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะมีสติอยู่กับตัวจนโต้ตอบอะไรได้... ตอนนี้สิ่งที่ผู้ใหญ่และวีรชนอย่างพวกเขาควรจะทำ คือหาแสงสว่างมอบให้กับเธออีกครั้ง และจัดการปัญหาต่างๆให้..

    อย่าลืมสิว่าตอนนี้ตัวเธอนัั้นยังเป็นแค่เด็กอายุ15ปี อีกทั้งยังใช้ชีิวิตมาแบบเด็กธรรมดาๆไม่ได้แบกรับภาระที่ได้ชื่อว่าปกป้องอนาคตเหมือนตัวเองในอดีต

    การจะคาดคั้นหรือบังคับเธอเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก..

    เรื่องแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป..

     

    "แล้วจะจัดการยังไงต่อล่ะ? ผอ.เนสุ"

    ในฐานะคนที่รู้ถึงโลกใบนี้และรู้จักคินากะดีที่สุดเอมิยะจึงเอ่ยถามขึ้นมา ไหนจะเรื่องที่ต้องให้กำลังใจให้มาสเตอร์ของพวกเขาผ่านมันไปได้ แถมเรื่องการจัดการทรัพย์สินและสิ่งต่างๆของคินากะอีก เขาไม่อยากให้ญาติพี่น้องของเธอมาจัดการหรอกนะ..

    ว่าก็ว่าเถอะ อยู่กับคินากะตั้งแต่เจ้าตัวอายุแค่ไม่กี่ขวบแต่ไม่เคยเห็นญาติพี่น้องคนอื่นเลย

    "ดูเหมือนเธอจะมอบสิทธิต่างๆในการดูแลให้กับนายนะคุณเอมิยะ ชิโร่"

    ว่าแล้วผอ.เนสุก็หยิบยื่นใบจดหมายที่แม่ของคินากะมอบให้ตนก่อนหน้านั้นยื่นให้เอมิยะอ่าน เจ้าตัวเมื่ออ่านดูก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองเนสุด้วยความไม่พอใจ

    "คุณรู้อยู่แล้วเหรอ ว่าฟุราโนะทำงานนี้? และเธอก็เสี่ยงอยู่ขนาดนี้ด้วย?"

    "......."

    เนสุไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็บอกอาเธอร์ให้พาคินากะออกไปจากห้องเพื่อที่จะคุยเรื่องอื่นๆต่อ พอฟังเรื่องราวและย้อนนึกถึงหญิงสาวคนนั้นเอมิยะก็พอจะเข้าใจว่าฟุราโนะนั้นวางแผนไว้ยังไง..

    ฝากปกป้องคินากะด้วยนะคะ เอมิยะซัง

    คำพูดด้วยใบหน้าเป็นกังวลของเธอในอดีตผุดขึ้นมาในหัว ถ้าเขาเอะใจและใส่ใจสักนิดก็คงพอจะคาดเดาได้ว่าเธอหมายถึงอะไร

    เพราะรู้ตัวว่าสักวันนึงอาจจะต้องทำงานอันตรายขนาดนี้นั่นเองถึงได้เอ่ยปากและวางแผนไว้ถึงขนาดนี้...

    ใครจะคิดล่ะว่าถึงขั้นบอกให้ผอ.เนสุติดต่อกับทางตำรวจและสร้างข้อมูลทะเบียนบุคคลไว้ถึงขั้นนี้แล้ว คนเป็นแม่น่ะน่ากลัวจริงๆ..

     

     

    ทางด้านของอาเธอร์และคินากะ

    ทั้งสองนั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นมาสักพักใหญ่ๆ เพราะรู้ว่ามาสเตอร์ของเขาต่อให้พูดอะไรไปตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ยินหรอก.. ตัวอาเธอร์เองก็อยากจะปลอบใจมาสเตอร์ แต่ตัวเขาที่ทั้งชีวิตอยู่แต่กับการปกครองและสงครามก็ไม่รู้จะปลอบอีกฝ่ายยังไงเช่นกัน

    "อาเธอร์.."

    "มีอะไรเหรอมาสเตอร์?"

    หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง เสียงแหบแห้งของมาสเตอร์ก็ดังออกมาให้เขาได้ยิน อาเธอร์รีบเอ่ยตอบไปอย่างจริงจังเสียจนตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว

    "ฉัน..ควรทำยังไงต่อไปดี..?"

    "ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว.."

    "มาสเตอร์"

    อาเธอร์กำมือตัวเองอย่างปวดใจ ที่เห็นมาสเตอร์ของเขาสับสนเช่นนี้ ถ้าเป็นในลอสเบลท์ต่อให้สับสนยังไงเธอก็ยังมีภารกิจที่ต้องมุ่งมั่นและฉุดตัวเองให้ก้าวต่อไปอยู่... แล้วตอนนี้ล่ะ?

    มีสิ่งใดให้เธอเป็นเหตุและผลในการก้าวต่อไปบ้างไหม

    "ฉัน...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากเป็นฮีโร่ผู้ช่วยโลกอะไร แต่ก็โดนสถานการณ์บังคับไปจนต้องเป็นแท้ๆ แต่ตอนนี้ที่ฉันเลือกที่จะเป็นฮีโร่ด้วยตัวเอง กลับมีแต่เรื่องน่าผิดหวังเกิดขึ้นมาเต็มไปหมด ฉันจะเป็นฮีโร่ต่อไปเพื่ออะไรกันล่ะ? ในเมื่อคนที่ฉันอยากจะปกป้องที่สุดก็หายจากไปแล้ว และ.."

    "แม้แต่ครั้งนี้โลกใบนี้ที่ฉันปกป้องเอาไว้ ก็มาขโมยคนสำคัญไปอีกครั้ง..."

    แม้เขาจะพยายามปิดบังเรื่องความเน่าเฟะของสังคมฮีโร่แค่ไหน แต่มาสเตอร์ของเขาเองก็ไม่ได้โง่พอที่จะรับรู้ไม่ได้ และยิ่งมาสเตอร์ในตอนนี้ก็คงจะรู้สึกตัวดีถึงความน่ารังเกียจของมัน ว่าสังคมที่เธอพยายามปกป้อง ผู้คนที่เธอพยายามปกป้องมาตลอด น่ารังเกียจเพียงใด

    "ว่ากันตามตรงเลย...ความรู้สึกที่ว่าอยากจะทำลายโลกนี้ทิ้งไปด้วยกันกับโกเอเทีย เหมือนตอนที่เผชิญลอสเบลท์ก็ผุดขึ้นมาอีกแล้วล่ะ.."

    "มันเน่าเฟะนะ แต่..."

    "ก็ทำลายมันไม่ลงจริงๆ.."

    "ถึงฉันจะเกลียดมันแค่ไหน แต่ยังไงโลกใบนี้ ผู้คนต่างๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คนสำคัญของฉันอยากจะปกป้อง ถึงตอนนี้ฉันจะไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็เถอะแต่ว่า.."

    "ขอเวลาให้ฉันตัดสินใจได้หรือเปล่า? และถึงตอนนั้น..สัญญาได้ไหมว่าไม่ว่าฉันจะตัดสินใจยังไงก็จะไม่ทิ้งฉันไว้ตัวคนเดียว.."

    "อา.. สัญญาสิมาสเตอร์"

    จนกว่าเธอจะไม่ต้องการพวกผมอีกแล้ว ผมจะอยู่กับเธอเอง

     

     

    เย็นวันนั้นพวกเราทั้งสี่คนพามาสเตอร์เดินกลับบ้านในเส้นทางเก่าๆ

    มาสเตอร์บอกว่าเธอยังไม่อยากจะรีบกลับบ้านไปสักเท่าไหร่ เพราะยังไม่อยากจะยอมรับว่าบ้านที่เคยมีไว้รอให้แม่ตนกลับนั้น จะไม่มีวันที่เธอจะกลับมาอีกแล้ว..

    หลังจากวันนี้ไปจะเป็นวันหยุดพักหลังงานกีฬาและเป็นวันที่มาสเตอร์นั้นจะไปงานศพแม่ของตนเอง มันช่างเหนื่อยล้าเกินจะแบกรับนะ กับการที่เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ที่พุ่งเข้ามาเรื่อยๆ..

     

    แสงสีทองของดวงอาทิตย์ยามเย็นเริ่มคล้อยต่ำลงลับขอบฟ้า ดวงดาราค่อยๆปรากฏขึ้นมาให้เห็น ตอนนี้นั้นมาสเตอร์ก็คงจะต้องหาอะไรที่จะคอยช่วยเยียวยาเธอเสียก่อน ไม่ว่าจะงานอดิเรกอะไรก็ได้ แค่ให้เธอเพลิดเพลินกับมันและลืมเรื่องร้ายๆไปก็พอ..

     

    "...!!"

    ไม่ทันได้ตั้งตัวมาสเตอร์ก็บีบมือของอาเธอร์เบาๆ ส่วนสายตานั้นมองไปยังต้นไม้ที่พวกเขาได้เจอกันครั้งแรก ด้วยใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ เธอปล่อยมือของเขาออก และวิ่งตรงไปและกระโดดใส่คนตรงหน้า

    "ฮึก- คุณพยาบาล หนูเหนื่อยจังเลย..."

    "ผู้บัญชาการ? คุณนี่มัน..."

    เสียงของหญิงสาวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนางฟ้าแห่งดวงประทีปที่คอยเยียวยาจิตใจและร่างกายของผู้ป่วยที่สิ้นหวัง... และเธอเองก็เป็นวีรชนเพียงหนึ่งเดียวที่คอยช่วยเหลือมาสเตอร์และเป็นดั่งที่พึ่งทางใจราวกับเป็นแม่และพี่สาวในเวลาเดียวกัน...

    ดวงตาสีแดงปิดลง พร้อมๆกับมือในถุงมือสีขาวที่ยกขึ้นปลอบประโลมเด็กสาวตรงหน้าอย่างรู้งาน

    ระยางสีดำถูกมาสเตอร์กระชากทิ้งไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ดวงตาสีทับทิมนั้นทำให้เหล่าวีรชนที่เคยร่วมรบกับเธอรู้สึกว่า อย่างน้อยมาสเตอร์ของพวกเขา ก็ยังมีโลกใบนี้ที่คอยช่วยเหลือเธออยู่

     

    "ยินดีที่ได้เจออีกครั้งนะ คุณพยาบาลไนติงเกล"

     

     

     

     

     

     

    [จริงๆฉากนี้คือฉากที่รอจะเขียนมานานเลยล่ะค่ะ- แฮ่ ยังไม่อยากพังตับทุกคนเหมือนเรื่องอื่นๆที่เราจะลากความปวดตับไว้นานๆหรอกเนอะ! เชื่อสิ-- เอาเถอะขอให้หลับฝันดีนะคะ ขอให้พระเจ้าอวยพร]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×