คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Dear Master 10
แม้แต่คนที่ดูไม่น่าจะเป็นวีรชน ก็เป็นวีรชนได้นะ..มาสเตอร์
บัลลังค์วีรชนมันก็เป็นแบบนั้นแหละ
"เฮ้อ....."
เสียงถอนหายใจของคินากะดังออกมาเป็นระยะๆ จนทำให้อาเธอร์และฉันอดที่จะหันไปดูด้วยความสงสัยไม่ได้ พักหลังๆมานี้มาสเตอร์มักจะนั่งดูข่าวหลังจากทำการบ้านที่ได้รับมาเสร็จก็นั่งถอนหายใจอยู่ตลอด แถมสีหน้าจากกระตือรือร้นก็เริ่มที่จะกลายเป็นทำหน้ายุ่ง ไม่ก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากไปซะงั้น
"มีอะไรงั้นเหรอ? มาสเตอร์"
"เอมิยะ... ก็นะ..."
มาสเตอร์ฟุบหน้าลงที่ตุ๊กตาแมวน้ำตัวนุ่มนิ่มที่ถูกใช้เป็นหมอนอิง ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอู้อี้
"อีกไม่กี่วันก็ถึงวันกีฬาสีแล้วเนี่ยสิ แต่ถึงฉันไปฝึกนู่นนี่นั่นกับพวกอิคคุงและโพนี่จังก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย สุดท้ายฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเรียกทั้งสองคนมาช่วยอยู่ดี.."
"ไม่ได้เรื่องเลยอ่า.."
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เอาหน้าถูหมอนไปมาด้วยความท้อแท้ ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่ามาสเตอร์น่ะอยากจะพึ่งพาตัวเองให้ได้ แต่ประเภทวงจรเวทย์มาสเตอร์กับฉันมันต่างกันอีกเนี่ยสิ เอาตามตรงคือฉันเองก็ไม่รู้จะสอนอะไรเพิ่มอีกดี แถมตอนนี้พวกจอมเวทย์เองก็ไม่เหลือแล้ว..
"ตอนนี้นอกจากไปออกกำลังกายเป็นเพื่อนอิคคุงก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเล้ย เฮ้อ.."
ว่าแล้วก็เอนตัวไปนอนแหมะลงบนตักอาเธอร์ที่นั่งยิ้มลำบากใจอยู่ข้างๆ ตัวราชาอัศวินเองก็อยากช่วยเหมือนกับฉันนั่นแหละ แต่ก็นะ พวกเรามันสายต่อสู้ไม่ใช่สายจอมเวทย์นี่นา..
ลองไปที่ต้นไม้นั่นอีกดีไหมเนี่ย..
"ลำบากหน่อยนะคินากะ.."
อาเธอร์ลูบหัวคินากะเบาๆเพราะไม่รู้จะปลอบยังไง ไอตัวเขาก็เป็นราชาแถมลูกชายตัวเองก็ไม่เค้ยไม่เคยจะสนิทกัน การจะให้คำปรึกษาดีๆกับเด็กผู้หญิงก็ยากเกินไป.. ทางคินากะเองก็คิดถึงแม่ของตนอยู่เหมือนกัน เธอเลยจ้องโทรศัพท์ตัวเองบ่อยๆนั่นแหละ
ติ๊ง!
"อ้ะ แม่ส่งข้อความมา!!"
เธอรีบเปิดอ่านด้วยท่าทางดีใจอย่างปิดไม่มิด เห็นแบบนั้นเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะผู้ปกครองก็ได้แต่มองมาสเตอร์อย่างเอ็นดู... ก็นะเธอเป็นเด็กธรรมดาๆนี่นา จะมีท่าทางแบบนี้บ้างก็ปกติ
"ทั้งสองคน! คุณแม่บอกว่าจะกลับมาอีกไม่กี่วันล่ะ คิดว่าน่าจะทันดูการแข่งงานกีฬาด้วยแบบนี้ต้องพยายามแล้ว!"
คินากะฉีกยิ้ม สร้างความยินดีให้ผู้เห็นจนพวกเขาอดยิ้มตามไม่ได้ ยังไงเสียคนที่เป็นคนสำคัญมาให้กำลังใจเองมันก็ดีกว่าพวกเขานี่นะ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นแม่ตัวเองอีก
หลายวันหลังจากนั้น
"คินากะจังดูอารมณ์ดีจังเลยนะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นเหรอ?"
อิคคุงเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างที่ฉันกลับมานั่งพักข้างเขาหลังจากไปวิ่งออกกำลังกาย นี่ฉันแสดงสีหน้าออกไปขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?
"ก็นะ แม่บอกว่าจะกลับมาจากงานแล้วมาดูการแข่งน่ะ! เพราะงั้นฉันเลยต้องพยายามขึ้นไปอีก"
ฉันพูดออกไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งอิคคุงพอเห็นฉันมุ่งมั่นแบบนั้นก็พลอยมีไฟขึ้นมาเหมือนกัน พวกเราเริ่มออกกำลังกายกันต่อโดยที่มีฉันวิดพื้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ส่วนอิสึกุคุงก็ไปวิ่งต่อหลังจากยกดัมเบลเสร็จ
"20... 21 ... 22"
ระหว่างที่วิดพื้นไปพลางสายตาก็เหลือบไปเห็นชายผอมแห้งผมสีทองคุ้นหน้าเข้า ฉันจึงเอ่ยทักทายไป
"คุณโทชิโนริวันนี้ก็มาดูอิคคุงฝึกเหรอคะ?"
"อ้าว..สาวน้อยคินากะ ใช่แล้วล่ะแล้วเธอล่ะ"
หลังจากเห็นฉันเขาก็ดูจะทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ถามกลับมา
"วันนี้มาฝึกกำลังปอดค่ะ หนูเป็นพวกเหนื่อยง่ายด้วย แถมงานกีฬาของยูเอย์ก็ใกล้เข้ามาเหมือนกันแต่การฝึกใช้อัตลักษณ์(เวทย์)มันไม่คืบหน้าหนูเลยต้องทำแบบนี้ไปก่อน.."
"มุ่งมั่นพยายามดีนะ สาวน้อย"
"ก็คุณแม่ที่ไปทำงานอุส่ารีบกลับมาให้ทันดูหนูแข่งนี่คะ! ต้องพยายามเป็นธรรมดา"
ฉันฉีกยิ้มตอบคุณโทชิโนริ ก่อนจะหันมามีสมาธิกับการวิดพื้นอีกครั้ง
ว่าแต่นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ? ลืมนับเลย
"หาว- มะรืนก็จะเริ่มงานกีฬาแล้วสินะ เคนโด้ซัง"
"อื้อ การฝึกของทางนั้นเป็นไงบ้างล่ะ คินากะจัง?"
"ไม่ค่อยคืบหน้าเลยค่ะ ไม่มีคนที่พอจะให้คำปรึกษาได้เลย.. พวกเอมิยะกับอาเธอร์ก็ไม่ถนัดด้านนี้ด้วย"
ยิ่งพูดยิ่งเศร้า ถึงจะมีไฟจะออกกำลังกายจนปวดกล้ามเนื้อก็เถอะ แต่ในงานกีฬาฉันก็พึ่งพวกวีรชนล้วนๆนี่มันรู้สึกเศร้าอยู่นะ ฮือ...
"ทางไอบาระซังล่ะคะ?"
"ทางฉันก็ราบรื่นดีค่ะ"
"แล้วโพนี่จังล่ะ?"
"ทางฉันน่ะโคตรพ่อโคตรแม่ดีละค่ะ!!"
พรูด---
ทันทีที่ได้ยินคำหยาบคายที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของโพนี่ฉันกับเคนโด้ที่ดื่มน้ำกันอยู่ก็เผลอพ่นน้ำออกมาแล้วสำลักกันตัวโยน ใครมันสอนคำแบบนี้ให้เนี่ย!? ภาพลักษณ์โพนี่จังเสื่อมเสียหมด!
"แค่ก- โพนี่จังใครสอนคำนั้นให้เหรอ?"
ฉันหันไปถามโพนี่จังโดยใช้ภาษาอังกฤษ ใครหน้าไหนมันกล้าสอนเพื่อนฉันพูดแบบนี้นะ!
"ก็เนย์โตะเขาบอกว่ามันเป็นคำแสลงที่แปลว่าไปได้สวย มันไม่ใช่เหรอคินากะจัง?"
".........เฮ้อ... เคนโด้ซังฉันฝากไปต่อยเจ้าโมโนมะทีนะ..."
หลังจากที่ถอนหายใจและกุมขมับอย่างปวดกบาลไป ฉันก็หันไปเอ่ยฝากเคนโด้ที่ตอนนี้ไฟลุกพรึบจากความโกรธแล้วล่ะ แรกๆไอเจ้าหมอนั่นก็แค่สอนคำแปลกๆให้มันเพี้ยนไปเรื่อยไม่ก็สอนให้พูดจาแปลกๆใส่คนอื่นแล้วโดนแค่บ่นใส่ก็เถอะ แต่นี่เล่นสอนคำแบบนี้ให้เนี่ยนะ?
"ทำไมถึงชอบแกล้งชาวต่างชาติแบบนี้นะ.."
แม้แต่ไอบาระซังก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รอบก่อนก็ยกกลุ่มกันไปหาเรื่องห้องเอ รอบนี้ก็สอนคำหยาบให้เด็กที่บริสุทธิ์แบบนี้.. ไอเจ้าหมอนี่อยู่ดีๆไม่เป็นรึไง
เย็นวันนั้น
ฉันกับโพนี่จังตัดสินใจที่จะไปคาเฟ่กันเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดจากการที่เนย์โตะแกล้งเธอ ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็เห็นด้วยล่ะนะ อย่างน้อยก็หาอะไรทานเพื่อปรับอารมณ์ก็ดี..
ระหว่างที่เดินคิดไปเรื่องหางตาก็เหมือนจะเห็นขนหรืออะไรสักอย่างดูฟูๆสีขาวๆ ถึงจะไม่แน่ใจว่าเห็นอะไรแต่ก็อดหันไปมองจนโพนี่เอ่ยถามไม่ได้
"มีอะไรเหรอ?"
ภาพตรงหน้าคือชายผมขาวหัวสีขาว ที่มีดอกไม้สีชมพูยื่นออกมาจากหลังหูเห็นแล้วก็นึกถึงซาลามานเดอร์ตัวสีชมพู มือข้างหนึ่งถือเหมือนคทาเวทย์ กำลังเดินไปจ้องพี่สาวหุ่นดีคนหนึ่งที่กำลังยืนเลือกซื้อของ
เห็นได้ชัดว่าทางฝั่งสาวไม่รู้ตัว ทั้งๆที่ไอหมอนั่นก็จ้องเสียจนรับรู้ได้ว่าไอหมอนี่มันโรคจิตชัดๆ
"อาเชอร์.."
อดไม่ได้ที่จะเรียกอาเชอร์ออกมา จนทำให้เพื่อนสาวข้างๆเงยหน้าไปถามอีกคนด้วยความงงไม่ได้
"ถ้าจะแจ้งความจับคนบ้า- ไม่สิผีโรคจิตคุกคามทางเพศนี่ต้องทำยังไงเหรอ?"
ฉันหันไปถามอาเชอร์ด้วยสีหน้าจริงจังสุดฤทธิ์ ส่วนมือก็ชี้ไปทางซาลามานเดอร์จอมหื่นตรงนั้น.. พอเขามองตามก็ทำหน้าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายตบท้ายด้วยเอามือกุมหน้าผาก
สงสัยจะเป็นคนรู้จัก..
"....เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็กลับไปใช้ร่างวีรชนแบบที่ตัวโปร่งแสง แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในร่างที่มนุษย์ทั่วไปไม่เห็น แต่ฉันน่ะเห็นอยู่เหมือนเดิม เอมิยะเดินเข้าไปหาจากด้านหลังก่อนจะสร้างโซ่ออกมาจับตัวอีกฝ่ายโดยไม่เอ่ยอะไร ก่อนจะกระฉากหัววิญญาณหื่นมาโดยไม่รอฟังคำโอดครวญของเขา
สุดท้ายก็ลากเจ้าเซอร์แวนต์ที่ความประทับใจแรกติดลบยิ่งกว่าสิ่งใดไปนั่งทานขนมในคาเฟ่ด้วย...
โดยให้ไอหมอนั่นนั่งดูพวกเราทานน่ะนะ..
หลังจากแยกย้ายกับโพนี่ ฉันก็เลิกปั้นหน้ายิ้มกลบเกลื่อนเรื่องชวนหงุดหงิดตรงหน้าแล้วหันมาสนใจซาลามานเดอร์อีกครั้ง
"ไงมาสเตอร์คุง ในที่สุดก็ยอมหันมาสนใจโอนี่จังคนนี้แล้วสินะ"
"......อาเชอร์คนแบบนี้ก็เป็นวีรชนเหรอ?"
เมินถ้อยคำคนน่าหงุดหงิดตรงหน้า ฉันก็หันไปถามอย่างไม่เชื่อสายตา เอมิยะก็พยักหน้ารับและถอนหายใจอย่างปลงๆ แถมพูดประมาณว่า คนที่เป็นหนักกว่านี้แล้วเป็นวีรชนก็มี
นี่เอาจริงดิ?
ว่าแล้วก็ฉุดกระชากลากถูกเจ้าวีรชนหน้าใหม่กลับบ้าน ไปเรียกอาเธอร์มาลงดาบกันว่าจะฟันให้ปลากินแทนอาหารดีหรือเปล่า
แล้วก็ได้รู้... ว่าไอหมอนี่แหละอาจารย์ของอาเธอร์..
ถึงจะเป็นอาเธอร์คนอื่นก็เถอะนะ
"งั้นจะขอแนะนำตัวเลยนะมาสเตอร์คุง ผมคือจอมเวทย์ดอกไม้ผู้มากด้วยสเน่ห์และหน้าตาดียิ่งกว่าใครๆ เมอร์ลินยังไงล่ะ! จะเรียกว่าโอนี่จังก็ได้นะมาสเตอร์คุง"
ว่าแล้วก็ทำท่าทางเหมือนจะกระโดดเข้ามากอด แต่ก็โดนอาเธอร์ล็อคคอเอาไว้ก่อน
"หลังจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะมาสเตอร์คุง ผมจะสอนเวทย์ให้กับเธอเอง!!"
ฉันได้แต่หันหน้าไปหาเอมิยะแบบขอความช่วยเหลือ แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะคนที่รู้จักเวทย์ดีก็มีแค่คนเดียว ผลกรรมเลยตกมาอยู่ที่ฉันที่ต้องคอยนั่งฟังเมอร์ลินพูดพล่ามอะไรสักอย่างที่ทำให้เสียสมาธิตอนฝึกเวทย์แทน..
ก็ยอมรับเลยนะว่าสอนก็พอจะเข้าใจง่าย แถมไม่ต้องเอ่ยร่ายเวทย์อะไร(เพราะเจ้าตัวขี้เกียจเลยสอนให้ไม่ต้องเอ่ยร่าย) แต่ระยะเวลาสองสามวันที่ผ่านไปเนี่ยประสาทคนฟังแทบจะกินกับความอิหยังวะของคนตรงหน้า
ว่าตามตรงอยู่กับเมอร์ลินแล้วค่าความอดทนเพิ่มขึ้นเป็นกอง ขนาดโมโนมะที่ว่าน่ารำคาญยังชิดซ้าย
ทำให้รู้เลยว่าคนที่เก่งแล้วนิสัยเสียจนรู้สึกว่าเก่งเสียของมันเป็นแบบนี้นี่เอง..
แล้ววันฝึกนรกกับเมอร์ลินก็ผ่านพ้นไปเสียที...
ฟีลคนเขียนตอนเห็นหน้าเมอร์ลินแล้วอ่านบทพูดในบทบาบิโลนคืออิหยังวะและหมั่นไส้จนอยากให้โฟวโดดถีบบ่อยๆจริงๆนะคะ5555555555 เอาความเสียงเดียวกับอาเธอร์คืนมานะเว่ย เจ้าหมีลิน!!
ความคิดเห็น