คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Sec 9 / Feelings are much like waves
ความชื้นที่หน้าผากทำให้ผมรู้สึกตัว รู้สึกว่าตัวรุม ๆ หลังจากที่เผลอหลับไปตอนหัวค่ำ คงจะไข้ขึ้นอีกรอบ ในห้องยังสลัว จนต้องปรับสายตาด้วยการกระพริบตาถี่ และเริ่มโฟกัสความเปียกชื้นที่ตอนนี้กำลังไล่ไปตามโครงหน้าและลำคอ..
“หลับต่อไปสิ”
“...ออกไป....” พยายามเค้นเสียงที่รู้สึกว่าจะแหบแห้ง ขยับตัวหนีเจ้าของเสียงที่บอกให้ผมหลับต่อ...แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงถูกเปิดจนเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ในมือหนายังมีผ้าชุบน้ำที่ใช้เช็ดหน้าผมเมื่อครู่...
“ กูจะนอนนี่ “
“ งั้นนอนไป กูจะไปนอนกับย่า”
“มึงอย่าขึ้นมึง กู กับกู นะแบมแบม!”
“ทำไมจะขึ้นไม่ได้ มึงมันน่าเคารพตรงไหน!” หันไปตวาดใส่คนที่ยืนทำเท่ห์ ๆ มองผมอยู่ข้างเตียง แต่ด้วยเสียงแหบ ๆ ของผมมันคงไม่ดังเท่าไหร่ หัวหน้าแกงค์เพการ์จ้องมาแบบเย็นๆ ไม่แสดงสีหน้าอะไรมากมาย ผิดกับผมที่แสดงออกทั้งสีหน้าและแววตาว่าเกลียดมันมากแค่ไหน
“ ทำตัวให้น่ารักหน่อยแบมแบม ไม่งั้นกูจะเอาเรื่องของเราไปฟ้องย่าดีไหม ย่าคงชอบ”
“ไอ้เลว! มึงอย่าทำเหี้ยๆ อย่างนั้นนะ!” หันมองหน้าคนที่เดินไปเปิดไฟในห้องให้สว่างขึ้น ก่อนที่เดินไปยกสำรับบางอย่างจากโต๊ะคอมเดินมาหาผม
“ย่าบอกว่ามึงไม่ได้กินข้าวเย็น ก็หลับไปก่อน นี่พึ่งสี่ทุ่ม กินเข้าไปแล้วก็กินยา”
“...มึงจะ...”
“........................”
“....เฮียจะเอายังไง....” เปลี่ยนสรรพนามอย่างไม่เต็มใจเมื่อคนที่ยืนอยู่หรี่ตามอง ตอนนี้ผมลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง รู้สึกว่ามันเมื่อยขบไปหมด แต่สุดท้ายสิ่งที่ดึงดูดสายตาผมคือใบหน้าของคนที่วางถ้วยข้าวต้มไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง...
...มุมปากด้านซ้ายเป็นรอยเขียวช้ำ ยังมีคราบเลือดติดกรังอยู่เล็กน้อยบริเวณขอบปาก หัวคิ้วแตก...และมีรอยช้ำบริเวณใบหน้าหลายรอย ผมจ้องมองใบหน้าที่เลิกคิ้วให้ แต่ก็ไม่ยังเอ่ยปากถามอะไรออกไป....
“มองอะไร หรือพิศวาสอะไรกูอีก”
“ เปล่า ออกไปเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ ไล่กูอย่างนี้คิดว่าสิ่งที่กูพูด กูพูดเล่นรึไง”
ก๊อกๆๆ
“ครับ”
“ว่าไงลูก พ่อเห็นไฟเปิดอยู่เลยลองมาดู”
“ พ่อ!...กลับมาเมื่อไหร่ครับ..”
“ ช่วงหัวค่ำ เห็นแบมหลับอยู่พ่อเลยไม่อยากกวน”
“......................” โอบกอดคนที่เดินมานั่งบนเตียง ถึงแม้พ่อจะเคยกลายเป็นคนใจร้ายสำหรับผม แต่ตอนนี้ผมกลับยังต้องการอ้อมกอดของผู้ให้กำเนิดอยู่ พ่อจูบที่กลางหน้าผาก และโอบกอดผมไว้ ลูบหลังเบา ๆ....ความอบอุ่นที่ได้รับมันทำให้ผมลืมความรู้สึกทุกข์ใจไปได้...อ้อมแขนอบอุ่นประคองให้ออกจากอ้อมกอด ก่อนจะส่งยิ้มให้ มือหนายังเอื้อมมาลูบแก้มผมไปมาเบา ๆ ...เผลอแนบแก้มกับมือของพ่อ จนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนสูงวัย
“ขี้อ้อนจริง ๆ แล้วดีขึ้นรึยัง ตัวยังรุม ๆ อยู่เลย”
“แบมไม่เป็นไรแล้วครับ”
“ไม่ต้องออกไป”
“.........................” ผมมองคนที่หยุดชะงักทันที่ที่พ่อพูดขึ้น หลังจากที่เฮียแจ็คกำลังจะเดินไปเปิดประตู...ก็ยังดีที่ยังมีมารยาท ไม่มาอยู่ในช่วงเวลาที่ผมกำลังมีความสุข....
“ พ่อรู้จักเฮีย....”
“ พ่อรู้จักแล้วล่ะ....กินข้าวซักหน่อยสิลูก จะได้มีแรง เห็นย่าบอกว่าเราหลับแต่หัวค่ำเลย...มาพ่อป้อน..” ผมพยักหน้ารับ...เสียงหนัก ๆ ห้วน ๆ ที่สั่งอีกคนไม่ให้ออกไปทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ..พ่อรู้จักเฮียแจ็คแล้ว แต่คงไม่รู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น...
“........................”
มีความสุขจัง...ข้าวต้มทุกคำที่ถูกลำเลียงลงท้องมันอร่อยมาก อร่อยที่สุด...ผมไม่ได้รับความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อมานานเท่าไหร่แล้ว แววตาเอ็นดูและรักใคร่ที่ส่งมาทำให้หัวใจผมพองโต...ผมรับข้าวเข้าปากพร้อมกับส่งยิ้มให้คนป้อนทุกคำ...ไม่สนใจคนที่นั่งมองอยู่แถวโต๊ะคอม ลืมความเจ็บปวดไปได้จนหมด
“นอนซะเด็กดี พรุ่งนี้ตื่นไปทานข้าวเช้าพร้อมพ่อนะ”
“ครับ แบมจะตื่นแต่เช้า”
“........................” พ่อลุกจากเตียงผมหลังจากที่ห่มผ้า และก้มลงจูบที่หน้าผากอีกรอบ ผมยิ้มกว้างไม่หุบ มองตามคนที่ลุก พ่อหันไปมองคนที่ลุกจากเก้าอี้เหมือนกัน...ตาคมจ้องกันอยู่พักนึง ก่อนเฮียหลังจะเป็นฝ่ายขยับตัวมาเก็บถ้วยข้าวต้มไปใส่สำรับ และเดินออกนอกห้อง...พ่อส่งยิ้มให้ผมแล้วเดินตามออกไป ประตูยังปิดไม่สนิท เสียงพ่อก็ดังขึ้น....สงสัยจนคิดว่าตัวเองฟังผิด...
/ จำไว้ว่าลูกผู้ชาย เขาไม่ทำผิดกฎบ่อยนักหรอกนะแจ็คสัน /
....ผิดกฎอะไรกัน.....
0...................................0
ผมมาเรียนวันนี้เป็นวันแรก...ทุกคนที่บ้านดูแลผมดีมากแม้แต่แม่พิมพ์ก็ยังทำข้าวต้มให้ผมทาน...ดีที่เวลาเช็ดตัวผมเช็ดเอง ไม่งั้นอาจจะได้เห็นรอยแปลก ๆ ก็ได้...พ่อมีงานยุ่งหลังจากกลับมาถึงไทย..แต่ถึงก็เข้ามาหาผมทุกคืน...นอนคุยกันเรื่อยเปื่อย เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน แต่ผมก็ยังไม่ได้คุยเรื่องแกงค์...
ส่วนคนที่มาป้วนเปี้ยนก็หายไปหลังจากที่ออกจากห้องตอนนั้น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์ส่งไลน์มากวนประสาทผมให้ปวดหัวเล่น ๆ ได้
/ ไม่ไปหา มึงอย่าคิดว่ากูจะไปไหน /
...ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ....
“...สบายดีแล้วเหรอ...มึง..”
“ ดีแล้ว”
“ ไป ๆ นั่งๆ พักก่อนขึ้นเรียน..สีหน้ายังไม่ค่อยดีนี่หว่า..” พวกเพื่อนทั้งสี่คนต้อนหน้าต้อนหลังผมให้เดินไปข้างตึกอำนวยการ...รู้สึกถึงสายตาคนที่นั่งแถวนั้นมองอยู่...จากประหม่าเริ่มเป็นรำคาญแล้วตอนนี้..เสียงซุบซิบดังขึ้นจนได้ยินบางคำที่พูดกัน...
“..มองอะไรกันครับ!!..”
“ เย้ดด เย็ดเป็ด เพื่อนกู! ยองแจสุดยอด! ตวาดผู้หญิง”
“ควายวิน!”
“.......................” กระแทกตัวนั่งลงบนหินอ่อนอย่างลืมตัวหลังจากที่ยองแจพูดเสียงดังใส่พวกที่พากันหันมอง...ความเจ็บยังมีอยู่ แต่ก็ต้องอดทนไว้...
“ นายเป็นแฟนเฮียแจ็คจริงรึเปล่า หรือแค่ข่าวลือ เราอยากรู้กันแค่นี้ถึงได้มองเพราะเฮียเป็นแฟนเพื่อนเรา...คบกันได้ไม่นานมานี่เอง..”
“....................” เงยหน้ามองผู้หญิงพาณิชย์กลุ่มนึงที่ลุกขึ้นมายืนล่อมโต๊ะพวกเราไว้ พวกผมห้าคนหันหน้ามองกันไปมา สีหน้าพวกมันพร้อมมีเรื่อง และอึดอัดไปในตัว...
“ถ้าลูกชายพ่ออยากอยู่ได้..ต้องแข็งแกร่ง..และเดินตามน้ำบ้างเพื่อความอยู่รอด..อย่าทวนกระแสน้ำให้ลำบากและเหนื่อยเปล่า”
คำพูดของพ่อวันที่ผมป่วย..เหมือนพ่อรู้อะไร..ซึ่งผมคิดว่าอาจจะจากประสบการณ์ตัวเองแค่นั้น...ก็ดี...ในเมื่อมันอยากมีผมเป็นเมีย ก็แสดงว่ามันพร้อมที่จะสละแล้วซึ่งเมียคนอื่นๆ ผมก็จะทำให้สมใจมัน..ยกยิ้มแบบเย็น ๆ ให้สาวพาณิชย์ที่ยังรอคำตอบ...ความอายที่ผมได้รับ...มันก็ควรได้รับเหมือนกัน...
“ว่าไง...กล้าตอบไหม หรือเขาคิดแค่น้องชายแล้วทึกทักเอาเอง”
“ เฮ้ย! ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงกูกระโดดเตะแมร่งยอดนมหักไปแล้ว!”
“ เฮ้ย! ใจเย็น....กล้าสิ... เธอบอกว่าเฮียเป็นแฟนเพื่อนเธอเหรอ....” ผมห้ามไอ้มาวินที่ทำท่าฮึดฮัดกับผู้หญิงที่มาล้อมพวกเราอยู่....ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น...
“ ใช่!”
“ ...แต่...เฮียเขาอยากเป็นผัวเรา...และ...คิดว่าตอนนี้..กำลังหลงเรามากด้วย..เข้าใจนะ..”
“..................” อึ้งไปเป็นแถบ ๆ แต่ก็พอจะทำให้พวกนั้นทำท่าเหมือนจะเต้นได้ ก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิม...เสียงฮือฮาดังไม่ได้สรรพกับคำพูดของผม...ไอ้เพื่อนสี่คนก็นั่งอ้าปากค้าง...ก่อนจะทำหน้าตื่นเต้นแทนเหมือนกับดีใจที่ผมเป็นฝั่งเป็นฝา..
“ ว่าไง”
“ไม่ไง!” ....หันไปมองหน้าและพูดกับคนที่เดินมา พร้อมกับเสียงทุ้มที่ทักทาย....
“หวัดดีครับเฮีย!!”
....จะมาทำไมตอนนี้....ยิ่งเห็นหน้าความรู้สึเกลียดก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น....
เมื่อรู้ว่าใครมาเสียงเซ็งแซ่เมื่อครู่ก็เงียบไปหมด เด็กเพการ์ที่นั่งอยู่แถวนั้นก็ยกมือไหว้เฮียตัวเอง และรุ่นใหญ่ที่เดินมาอย่างพร้อมเพียง...ไม่มีใครตายและไม่มีการเรียกประชุม ไม่เห็นจำเป็นต้องเดินขบวนมาขนาดนี้ก็ได้...ส่วนผมก็ยกมือไหว้ตามพวกนั้นไปตามมารยาท แต่ก็ไหว้รุ่นใหญ่คนอื่นเป็นปกติ...
“ มองอะไรกัน”
“ เปล่าครับ เฮียเอาจริงกับเพื่อนผมเปล่าเนี่ย”
“ เอาจริงไม่จริงก็เอาแล้ว พวกมึงจะทำไม”
“ ฮ่าๆๆ ฮิ้วววว!!”
“...บอกให้มึงไปตายไง..” กลายเป็นอารมณ์เสียเมื่อทุกคนดูเหมือนจะหน้าระรื่นกันหมด ไม่เว้นทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก ยิ่งเฮียนัมมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมด้วย..,มันกล้าพูดเรื่องหน้าอายได้อย่างหน้าตาเฉย...กำมือแน่นเมื่ออีกคนทำท่าจะเข้ามานั่งข้าง ๆ...
“ ปากดี จะไปไหน..นั่งลง..เอานี่แดกซะ ย่าโทรมาบอกว่ามึงไม่กินข้าวเช้า”
“ ไม่หิว ” ตอบคนที่นั่งลงข้างผม ล็อคคอให้ผมนั่งลงเหมือนเดิมหลังจากที่ทำท่าจะลุกขึ้น ดึงตัวเองออกแต่ก็แค่นั้นเพราะผมกลายเป็นง่อยตลอดทุกครั้งที่อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้...ไม่แม้แต่จะมองหน้าและสนใจนมกับขนมปังที่โยนลงมา.....
“ อย่าเล่นตัว เดี๋ยวกูก็จูบโชว์”
“ จูบดิ มึงกล้าไหม”
“........................” ผมหันมองเฮียกัสที่ท้าเพื่อนตัวเอง.... ผมหันมองไอ้คนที่ยิ้มมุมปากรับเพื่อนแล้วหันมามองผม...ถ้ากล้าทำจริง ๆ มันก็คงจะมีรอยช้ำที่มุมปากเพิ่มเหมือนกัน...
“ ให้กูทำป่ะ”
“ ทำสิ ถ้าอยากตาย!”
“ ฮ่าๆๆ กูเห็นแล้วล่ะ ว่าแจ็คสันผู้ไม่แพ้ มันจะแพ้ใคร” พวกรุ่นใหญ่พากันหัวเราะกันใหญ่จนพวกที่นั่งแถว ๆ นั้นหันมามอง ทั้งสนใจและอยากรู้อยากเห็น...
“ แดกไป ถ้าไม่อยากถูกกดตรงนี้!”
“ ปล่อย ” หยิบนมมาเจาะอย่างเสียไม่ได้ ส่วนขนมปังโยนให้พวกที่รอรับส่วนบุญอยู่ข้าง ๆ นั่งดูดนมกล่องแบบหน้าตึง ๆ กึ่ง ๆ รังเกียจคนข้างๆ แต่ต่อให้ผมลุกหนีไป มันก็คงไม่พ้นอยู่ดี...พวกรุ่นใหญ่คุยเรื่องงานไหว้พ่อที่จะจัดพรุ่งนี้...ซึ่งนัดรวมตัวกันที่สถาบันก่อน แล้วจะมีรถไปส่ง...พวกอาจารย์ไม่ให้เดินทางเอง..ทุกคนต้องมาเช็คชื่อ และงานนี้ใครไม่มา ผลคือตกกิจกรรมซ่อมสองปีถึงจะผ่าน...ชุดที่จะให้ใส่คือ..เสื้อโปโลสีแดงซึ่งเป็นสีประจำสถาบัน...แน่นอนว่าสีแดงของพวกผมไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองแน่นอน... จะแจกวันนี้ตอนเย็น..... กางเกงขายาวสีดำ คงเป็นกางเกงอะไรก็ได้...รองเท้าผ้าใบสีดำ...ก็ดี ถ้างานนี้พวกจะตบเอารองเท้าหรือเสื้อโปโลก็ช่างมัน ทุกอย่างไม่มีสัญลักษณ์ของสถาบันเลย...
“ เออ แบมแบมพวกกูลืมบอก ตอนแรกอ่ะ มึงไม่ไหวเขาจะเปลี่ยนคน แต่ตอนนี้มึงมาแล้วก็คงต้องทำ..”
“ อะไร”
“ อาจารย์เขาให้มึงถือป้ายวิดลัย”
“ทำไมต้องกูอ่ะ!” ทำตาโตใส่ไอ้ยูคยอมที่มันเล่าเรื่องถือป้ายให้ฟัง...ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยอะไร...แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะเผชิญกับสายตาใครทั้งนั้น..
“ ก็เท่าที่รู้..ก็...คนเดียวว่ะ..อาจารย์เขาคัดกันเองโว้ยพวกกูไม่รู้..”
“......................” ผมดูดนมกล่องจนยุบ คิ้วขมวดมุ่น ทำไมหวยมันมาออกที่ผมได้...แหงะมองไอ้คนที่มองผมอยู่...ก่อนจะเชิดหน้ากลับมา...
“ กูซื้อให้ใหม่เอาไหม”
“ ผมไม่ได้อยากกิน ไม่ต้องยุ่งครับ”
“ อย่าปากดี” นิ้วเรียวจิ้มลงบนหน้าผากผม หลังจากที่ดึงกล่องนมออกไป...คนอื่นก็มองกันแล้วอมยิ้ม...ผิดกับผมที่ทุกครั้งที่มันสัมผัสมันเหมือนย้ำสัมผัสเรื่องคืนนั้นจนต้องสูดหายใจลึก ๆ แล้วพ่นออกมาเพื่อระงับอาการต่างๆ ที่ประทุขึ้นมาอีกครั้ง..
“ ถ้ากับคนอื่นด่ามึงอย่างนี้มึงจะแค่นิ้วจิ้มไหมวะ”
“ ก็แค่นิ้วนี้จิ้มเหมือนกัน แต่มืออีกข้างก็เอามีดแทงเว้ยย!” คนตอบไม่ใช่เฮียแจ็ค แต่เป็นไอ้เฮียแวน ที่อมโลลิป๊อปอยู่น้ำลายเยิ้ม...ผมไม่สนใจอยากทำอะไร อยากแซวอะไร ถ้าไม่เมื่อยก็แล้วแต่...โวยวายไปมันก็เท่านั้น เพราะไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมหรอก...ตอนนี้ที่คิดได้คือ ทำตัวยังไงก็ได้ ให้จบ ปวช.3
ติ้งติง!
/ ประชาสัมพันธ์ นายกันต์พิมุกต์ xxx มาพบอาจารย์ที่ปรึกษาที่ห้องประชาสัมพันธ์ในเวลานี้ด้วยค่ะ ประชาสัมพันธ์ นายกันต์พิมุกต์ xxx มาพบอาจารย์ที่ปรึกษาที่ห้องประชาสัมพันธ์ในเวลานี้ด้วยค่ะ /
“ มึง”
“...............” พยักหน้าเรียกไอ้พวกสี่ตัวให้ไปเป็นเพื่อน เพราะห้องประชาสัมพันธ์อยู่หนใดของสถาบันผมก็ยังไม่รู้เลย
“ ไปดิ”
“ เดี๋ยวกูพาไปเอง” ...เป็นคำที่ผมไม่ต้องการ...มันจะเป็นเกียรติเกินไปที่จะให้หัวหน้าแกงค์เพการ์พาผมไป...เหล่ตามมองเพื่อนที่ยอมนั่งลงแต่โดยดี เปิดทางให้หัวหน้าแกงค์ได้ลุกขึ้น...ผมหันมองทำหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะก้าวออกจากโต๊ะ...
“ อั้ยๆๆๆ! เฮียแจคคคสั้นนน เก๊าเกิ๋นนะ!”
“ สัดหมา!” เฮียแจ็คหันไปด่าเฮียกัส....ก่อนจะก้าวออกมายืนข้างผม...ขยับตัวออกทันทีที่อีกคนยกแขนขึ้นจะพาดไหล่..
“ ต่างคนต่างเดินเถอะครับ ”
“ อย่ามาเรื่องมาก ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก”
“ เฮีย ฝากเพื่อนผมด้วยนะ เอ็นดูมันด้วย”
“.....................” หันมองไอ้ยูคยอมที่สนับสนุนหัวหน้าแกงค์ตัวเอง มันทำหน้าแหย ๆ ใส่ก่อนจะเอามือปิดปากตัวเอง..ทำเหมือนกับสิ่งที่พูดแค่พลั้งปาก แต่ผมรู้ว่ามันตั้งใจ...
“ กูจัดให้ ไปเร็ว”
สรุปว่าที่เรียกไปคือลองชุดที่จะใส่ เป็นชุดไทยคล้ายราชประแตนสีดำ มีผ้าสีแดงแซมห้อยด้านหน้าด้วย ผมก็เรียกไม่ถูกว่าคืออะไร.. ในระหว่างที่ลองก็มีการถ่ายรูปไว้ด้วย เพราะอาจารย์ผู้หญิงท่านนึงที่เป็นคนแต่งให้ดูจะถูกใจและชมเปาะว่าลงตัวที่สุด...สิ่งที่ลงตัวที่สุดคือ ไอ้เฮียแจ็คสันมันถูกอาจารย์โชคชนะไล่ไปยืนรอข้างนอก...อย่างน้อย ๆ ผมก็ไม่ต้องมาเกร็งกับสายตาที่คอยมองอยู่ตลอด...
“ เสร็จละ?”
“ ครับ” ตอบคำถามคนที่ยืนรอเป็นอาหารตาของสาว ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา...ก่อนจะเดินนำกลับที่...อาจารย์นัดพรุ่งนี้แต่เช้าผมต้องมาแต่งตัวที่นี่...พร้อมกับสอนท่าเดินอีกนิดจะได้ดูสง่า...นี่ขนาดถือป้ายยังต้องมีท่าเดินด้วย...แอบถอนหายใจ เพราะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่เต็มร้อย แล้วยังมีคนที่ร้ายกาจคอยเดินอยู่ข้าง ๆ ตลอด...มันเหมือนกับยังวนเวียนอยู่กับความน่าอึดอัดและมวลของความเลวร้าย...
...แต่ผมจะหนีไปไหนได้...จะปฏิเสธยังไง...
เย็นวันนั้นก็มีการเรียกประชุมเด็กช่างทั้งหมดเพื่อรับแจกเสื้อและนัดกำหนดการ...ดูเหมือนว่างานนี้ทุกคนไม่มีอิดออด...ถึงแม้จะต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อมาเตรียมตัวและเช็คชื่อ...เพราะมันหมายถึงการตกกิจกรรมและซ่อมถึงสองปี...
“แบมแบม”
“ ครับ “
“ จะไปส่ง”
“..................” ผมหันมองคนที่เดินตามมาหน้าโรงเรียน ใบหน้าหล่อขรึมจนผมชะงัก....เจบี...วันนี้มาเดี่ยวไม่มีพรรคพวกเดินตามเหมือนอย่างทุกวัน...
“ ไปขึ้นรถสิ”
“ รถที่บ้านมารับครับ”
“ กูโทรไปบอกย่าแล้วว่าจะไปส่งเอง”
“ โทรไปที่บ้าน?”
“ แค่เบอร์บ้านมึง กูหาได้ไม่ยากหรอก...ไปสิ..หรือจะต้องแค่ไอ้แจ็คสันคนเดียวมึงถึงจะไป” ใครก็ไม่อยากไปทั้งนั้น... แต่สุดท้ายผมก็เดินตามคนร่างสูงไปที่รถจนได้...
“ ....มีอะไรกับผมรึเปล่า...”
“...เปล่า..อาการเป็นไง...”
“..ดีขึ้นแล้วครับ..” รู้สึกอึดอัดแปลก ๆ เจบียังไม่เคลื่อนรถไปไหน ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่าบุคลิกจริงๆ ของผู้ชายคนนี้เป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมมองเห็นแค่ผู้ชายคนนึงที่ดูนิ่ง ๆ เย็นๆ แต่กลับมีความกดดันอยู่รอบ ๆ ตัวอยู่ตลอดเวลา เหมือนอยากจะพูด อยากจะทำ แต่ไม่สามารถทำตามที่ตัวเองต้องการได้..
“ มึงกลัวกูไหม “
“ พี่ไม่ได้ทำอะไรผม” นั่นคือความจริง ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำร้ายผม...ใบหน้าหล่อยกยิ้มให้ผมก่อนจะกลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม..
ปึกๆๆๆ!!
“ ปล่อยเพื่อนกู!!”
“................”
“ กูไม่ปล่อย มึงกล้ายังไงมาสั่งกู”
“ ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมัน และนั่นก็เมียเฮียกู!”
“ยองแจ!!” ผมตวาดเสียงดังกับคำพูดยองแจ เมื่อผมสองคนไปตามแรงทุบที่กระจกรถฝั่งผม แรงทุบทำให้เจ้าของรถต้องลดกระจกลง เพื่อโต้ตอบยองแจ...มันกำลังเข้าใจผิด...
“ น้องยองแจ ไอ้เด็กนรก มึงกล้าขึ้นมึงกูกับกูเหรอ”
“ กล้า! ปล่อยเพื่อนกู!!”
“.................” สุดท้ายแรงไอ้ยองแจฉุดกระชากแขนผม..เพื่อให้ออกจากรถ..
“ ผมขอตัวครับ”
“ อืม” เจบีตอบก่อนจะยอมปลดล็อครถให้...
“................”
“...เลิกยุ่งกับเพื่อนกูซะ”
“ ทำไม จะให้กูยุ่งกับมึงรึไง!”
“ ฝันเอาละกัน ไปแบมแบม!”
“......................” ยองแจดึงแขนผมออกมา ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดอีกฝั่ง....เสียงรถคันหรูวิ่งผ่านพวกผมไป ยองแจมองตามรถคันนั้นไปด้วยสายตาบ่งบอกว่าเกลียดสุด ๆ
“ เชี่ย..”
“ยองแจ มึงไม่กลัวเหรอ ไปด่าเขาขนาดนั้น” ...ถึงมันจะเป็นคนนิ่ง ๆ ที่สุดในกลุ่ม ยังไงซะผมก็ว่ามันก็น่าจะเกรง ๆ อยู่บ้าง...หรือไม่มันอาจจะเสี่ยงตายช่วยผมก็ได้..
“ กลัว แต่ก็ไม่จำเป็นให้มันรังแกตลอด”
“ ขอบใจมาก แต่มันไม่ได้ทำอะไรกู แค่จะไปส่งบ้าน”
“ ไปส่งบ้าน! มึงไปคบกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“ ไม่รู้สิ “
“ไม่รู้แล้วขึ้นรถไปกับมัน! แบมแบมมึงบ้ารึเปล่า”
“.....................” ผมเริ่มจะจับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าจะเล่าให้ยองแจฟังยังไง ว่าผมกับเจบีไปรู้จักกันตอนไหน ทำไมผมถึงต้องยอมขึ้นรถคันนั้นด้วย...
“ เออ ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร แต่มึงห้ามไปยุ่งกับมันอีก..”
“เข้าใจแล้ว”
“ เออ แล้วกลับไง กูไปส่งป่ะ ไอ้สามตัวมันกลับกันหมดแล้ว ส่วนพวกเฮียไปเล่นบาสกันยังไม่กลับง่ายหรอก..”
“ อืม ก็ดีเหมือนกัน...” ยังแอบเห็นยองแจหงุดหงิด ...ผมไม่กล้าถามอะไรอีก...จนกระทั่งถึงบ้าน...มันเข้าไปไหว้ย่าคุยนิดหน่อยก็กลับ...นัดเจอกันพรุ่งนี้หกโมงครึ่งที่โรงเรียน...เพราะรถที่มารับจะออกเจ็ดโมงครึ่งและผมต้องไปแต่งตัวซ้อมท่าเดินอะไรของอาจารย์อีก...
....เหนื่อยจัง...รู้สึกว่าตัวเองหมดแรง..และอยากหนีออกจากสถาบันนั่นจริง ๆ...
0....................................................0
ตอนนี้ผมกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องประชุมเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างประชาสัมพันธ์ที่ผมมาลองชุดเมื่อวาน หลังจากที่ซ้อมเดินให้สง่าตามที่อาจารย์ประภาอาจารย์ฝ่ายธุรการเป็นคนสอน ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่หลังตรงเดินเชิด ๆ หยิ่งๆ ไว้...
“ เริศมากค่ะ แบมแบม”
“ อย่าแต่งจัดนะครับจารย์”
“ ไม่ค่ะไม่จัด เอาล่ะ ลองเดินอีกรอบ”
“.......................” ผมลองเดินอีกรอบในสภาพเต็มยศ ที่บอกว่าจัดไม่จัดคืออาจารย์ประภาให้แป้งใช้อะไรมาละเลงหน้าผม...แต่ส่องประจกแล้วมันก็ไม่เท่าไหร่...เลยซ้อมเดินเรื่อย ๆ ส่วนข้างนอกได้ยินเสียงโทรโข่งให้มาเข้าแถวหน้าตึกอำนวยการ เข้าเป็นแผนกเพื่อที่จะขึ้นรถที่มาจอดรถอยู่แล้ว เพราะถ้าช้ารถติดไม่ทันฤกษ์ไหว้พ่อแน่...
“ นี่ป้าย ถือเดินออกไปเลยลูก ป่ะค่ะไปกับอาจารย์”
“........................” ผมเดินตามประภาออกไป มันลำพังแต่งตัวอย่างนี้ก็เด่นแล้ว อาจารย์ยังพาผมเดินออกไปหน้าตึกที่เป็นที่ตั้งแถวของเด็กช่างทั้งวิทลัยอีกด้วย...พอผมเดินออกไปถึงสายตาแทบทุกคู่ก็จ้องมาที่ผมทั้งหมด...พยายามไม่สนใจสายตาของใคร พยายามทำใจให้นิ่งที่สุด ไม่งั้นผมคงเดินเป๋าแน่เพราะโดนจ้องขนาดนี้...
“ ทยอยขึ้นรถได้ รถมีทั้งหมด 25 คัน ขึ้นตามแผนกที่ติดไว้หน้ารถได้เลย..ห้ามเอารถตัวเองไป ห้ามเดินทางเอง..”
“ค๊าบบ” เสียงตอบรับแบบอ่อย ๆ เพราะคนที่คุมแถวคืออาจารย์ฝ่ายปกครองที่ขึ้นชื่อว่าเฮียบที่สุด...ทุกอย่างต้องเปะ..ถึงจะดื้อจะมึนแค่ไหน เด็กช่างก็ขึ้นชื่อว่ารักสถาบัน รักเพื่อน และรักอาจารย์ไม่น้อย...
“ แบมแบมไปกับอาจารย์ “
“ ครับ”
ในที่สุดรถอาจารย์ประภาก็ขับตามขบวนรถ 25 คันของสถาบันไปถึงหน้าสถาบัน เซนท์โซเทีย วันนี้รวม ๆ แล้วสถาบันทั้งหมดและนักศึกษาทั้งหมดมีจำนวนไม่น้อยเลย แค่สถาบันผม เด็กช่างทั้ง 5 ชั้นปีก็พันกว่าคนแล้ว แล้วสถาบันอื่นอีกกว่า 5 แห่ง ไม่แปลกใจเลยที่ผมจะเห็นทั้งตำรวจ และ รปภ รวมถึงคนที่สวมปลอกสารวัตรนักเรียนไปมาเยอะขนาดนี้...
“งานนี้ใหญ่มากเลยนะ สำคัญมาก ๆ เลย ลงจากรถค่ะ”
เซนท์โซเทีย เหมาะแก่การจัดงาน เพราะสถาบันนี้มีพาณิชย์แค่บัญชีอย่างเดียว เรียกได้ว่าเป็นสถาบันช่างอย่างแท้จริง... บริเวณกว้างขวางทำให้มีที่บรรจุทั้งรถและคนได้พอเหมาะพอดีนักศึกษาเกือบเจ็ดพันชีวิตที่ตอนแรกผมคิดว่ามันอยู่กันยังไงเพราะอย่างน้อย ๆ มันก็ต้องระดับสนามกีฬาดังๆ แต่พอเห็นพื้นที่และสนามแล้วต้องบอกว่าอยู่ได้อย่างสบาย ๆ เพราะพื้นที่ไกลสุดตาจริงๆ ตอนนี้ผมกำลังก้าวลงจากรถอาจารย์ประภาที่จอดรถข้างรถบัสของทางวิทยาลัยของเรา ..ละลานตาไปหมด เพราะดูเหมือนว่าแต่ละสถาบันไม่มีใครใส่ฟอร์มตัวเองมาเลย เลยกลายเป็นเหมือนกีฬาสีเสื้อโปโล ตอนนี้สถาบันที่มาถึงแล้วก็รวมตัวเพื่อจะตั้งแถวเดินเข้าสนาม...
“ แบมแบม ทางนี้!”
“ คนเยอะโครตอ่ะ” ผมเดินไปหาเพื่อนที่ตะโกนเรียกอยู่ท้ายรถคันนึง ซึ่งเป็นจุดรวมตัวนักศึกษากว่าพันชีวิตของสถาบันเราแดงเป็นวงกว้าง..
“งานใหญ่ของช่างก็เป็นงี้ มึงดูพวกการ์ด ตำรวจดิ เยอะพอ ๆ กับพวกเราอ่ะ ประมาณว่ามึงกระดิกตัวยึกยักใส่กัน แมร่งท้ายปืนตบแน่ ๆ” ผมเห็นด้วยวันนี้ระบบความปลอดภัยเยอะจริง ๆ บรรดาตำรวจกำลังใช้เครื่องแสกนสีดำคล้าย ๆ ดาบใหญ่ ๆ เดินแสกนโลหะหรืออาวุธตามร่างกายนักศึกษาที่ยืนอยู่
“ว่าแต่เพื่อนกูแมร่งสวย”
“ เชี่ยเถอะมึง!”
“ อย่ามา เฮียแจ็คแทบอยากจะกระโดดงับไอ้พวกที่มองมึงอ่ะ” ไอ้มาวินพูดแล้วบุ่ยปากไปทางพวกรุ่นใหญ่ที่ยืนกันอยู่....ยืนเก๊กนิ่งเชียว ไม่ใช่ถิ่นตัวเองก็งี้แหละ..
“ไปตั้งแถว ใครถือป้ายใครถือพานดอกไม้เชิญด้านหน้าขบวน.. คนเดินเป็นแถว.. ควายเดินเป็นฝูง..” เสียงโทรโข่งอาจาย์นุกูล อาจารย์ฝ่ายปกครองที่ตามมาคุม รวมทั้งอาจารย์ฝ่ายช่างท่านอื่นที่มากันหมดทั้งสถาบันกำลังต้อนบรรดาคน ที่เดินเป็นฝูงให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนผมโบกมือลาเพื่อนแล้วเดินตามอาจารย์ประภาไปที่หน้าแถว เพราะตอนนี้มีเสียงกลองจังหวะปลุกใจดังขึ้นสถาบันแรก ที่มีป้ายและคนถือพานดอกไม้เดินเข้าไปสู่สนาม....แล้วสถาบันผมใครถือพาน...
“.............”
“ .................” ผมหันมองซ้ายขวามองคนที่ถือพานดอกไม้ที่ตอนนี้กำลังยืนประกบผมอยู่.....ถอนตัว..ถอดชุด...ตอนนี้ทันไหม...ใครไปจัดพวกนี้มา...
…เฮียแจ็คสัน..เฮียเจบี.....
“ .................”
“ ร้อนไหมครับ...เมีย..”
“ ..................” ...ไม่ตอบคำถามคนที่ก้มลงมากระซิบ ขยับตัวเบี่ยงมาทางเฮียเจบีที่ยืนนิ่งตั้งแต่เข้ามา เฮียเจบีไม่พูดอะไร แค่ยิ้มมุมปากทำท่านิ่ง เหมือนที่เคยเห็น...ผมเอาแต่จ้องสถาบันอื่นเดินเข้าไปที่บริเวณพิธีกลางสนาม และตอนนี้ก็ใกล้ถึงสถาบันผม ถ้ามีเสียงประกาศเรียกชื่อสถาบันก็ต้องเดินเข้าไปตรงกลาง เพราะทั้งสี่สถาบันแยกออกเป็นซ้ายขวาฝั่งละสองสถาบัน..
/ เรียนเชิญพันธมิตรเราชาวช่าง ...วิทยาลัยเทคโนโลยีเอ็กซ์โซคลัส.../
“ไปค่ะลูกเดิน”
“.........................” พวกผมเดินนำเข้าสู่สนาม เสียงกลองยังตีรัวเหมือนกำลังทำหน้าที่ปลุกจิตวิญญาณบางอย่างในฐานะเด็กช่างขึ้นมา หัวใจที่ฮึกเหิมและรักพวกพ้อง หัวใจผมเต้นรัวตามเสียงกลอง จนรู้สึกว่ามือที่ถือป้ายสั่น แต่มันก็ยังมั่นคง.... ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกอย่างนี้...เงยหน้ามองตรงไปที่รูปปั้นของพ่อที่ยืนสง่าอยู่กลางสนามยิ่งทำให้ความรู้สึกว่า...ผมมีสายเลือดแห่งจิตวิญญาณไหลเวียนอยู่จนเต็มตัว...ทั้งสองคนที่เดินข้างผมก็คงรู้สึกแบบเดียวทั้ง เพราะสายตาคมทั้งสองคนจ้องมองที่รูปปั้นของพ่อเหมือนกับผม...ขาก้าวเดินอย่างมั่นคงเข้าไปในสนาม...
พิธีการเริ่มขึ้นหลังจากที่พวกผมเข้าไปประจำที่ตอนนี้สนามแห่งนี้เหมือนกับแม่น้ำหลากหลายสี แต่ก็พร้อมจะไหลเวียนเข้าไปบรรจบที่เดียวกันคือฐานองค์พระวิษณุกรรม ตัวแทนถือป้ายรวมทั้งผมด้วยเดินนำคนถือพานดอกไม้ไปวางบนเชิงแท่นที่เตรียมไว้ เสียงสวดเป็นภาษาพราห์มดังขึ้นไปทั่วบริเวณ กลิ่นธูปโชยไปทั่ว รู้สึกถึงความขลังในพิธีการจนขนลุก....ทุกคนที่อยู่ในแถวย่อตัวลง เข่าแตะพื้นข้างนึงพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้องค์พ่อไปพร้อมกับ วิธีพราห์มที่กำลังจัดขึ้น....
“ ร้อนชิบ แต่แมร่งน้ำตาจะไหลว่ะ พิธีดูขลังมาก”
“ จริง เหมือนกับพ่อกำลังสวดมนต์ให้พวกเราฟังจริงๆ อ่ะ สามปีละ กูก็ทึ่งแมร่งทั้งสามปีอ่ะ ” หันมองหมากหอมที่พูดไปด้วยขยับเสื้อตัวเองไปด้วย...ตอนนี้พิธีการเสร็จลงแล้วหลังจากที่มีการกล่าวทักทายของพิธีกรของทางเซนท์โซเทียร์...ตอนทำพิธีไม่ค่อยเท่าไหร่..แต่พอพิธีจบเท่านั้นแหละ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยผสมปนเปกันไปหมด พวกเราจับกลุ่มนั่งกันอยู่แถว ๆ ท้ายรถนั่นแหละ จะได้ขึ้นรถง่ายๆ มีบางสถาบันทยอยขึ้นรถกลับไปแล้ว...
“ เห้ย แมร่งเร็วชิบ...มันเอาเวลาที่ไหนถ่ายรูปกันวะ...”
“ อะไร” ไอ้หมากหอมยื่นหน้าเข้าไปมองไอโฟนของยูคยอมที่มันพึ่งล้วงขึ้นมาปาดไปมาเมี่อครู่แล้วก็อุทาน...
“ พวกมึงเข้าดูกรุ๊ป ช่างทุกสถาบันไม่ใช่พ่อกู ดิ แมร่งดังแล้วเพื่อนกู เฮียกู” ..ชื่อเพจนี้ผมคุ้น และรู้สึกว่าผมก็จะแฝงตัวอยู่ในนั้น เพจนี้ชื่อกวน ๆ แต่เป็นแหล่งรวบรวมเด็กช่างทั่วประเทศ เป็นที่ระบาย เป็นที่เคลียร์กันระหว่างสถาบันเดียวกัน ต่างสถาบัน ทั้งเกรียน เชื่ย มึน ด่ากันมันส์ ตีกันหลังไมค์...ยอดสมาชิกล่าสุดที่ผมเข้าไปดู อยู่ที่หนึ่งล้านกว่าๆ โพตส์กันที ขนาดโพสต์กวนตีน แค่พิมพ์คำแทนอวัยวะของรักของหวงยอดกดไลค์ยังอุตส่าห์เป็นแสน....ผมก็ยังอุตส่าห์ชะโงกหน้าไปดูกับไอ้มาวินที่หน้าจอโน๊ต 4 ...มันใหญ่กว่าคนอื่นหน่อย...
“ เชี่ยอะไรวะ!”
“ ตามนั้น...เอ็กซ์โซคลัส...สถาบันที่เด็กช่างหน้าตาดีที่สุดในประเทศ..” ผมอ่านโพตส์ล่าสุดที่มีคนกดไลค์กว่าสามแสนคน และคอมเมนท์ทั้งชมทั้งเกรียน ทั้งด่าสถาบันคนในรูปตามประสาเกรียนคีย์บอร์ดอีกต่างๆ นา ๆ กว่าหกร้อยคอมเมนท์...ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่นี้จะไปได้ขนาดนี้...
...ผมจะไม่รู้สึกอะไร ถ้าคนในรูปไม่ใช่...ผม ... เฮียแจ็ค... แล้วก็เฮียเจบี... กำลังเดินกลับมายืนหน้าแถวเหมือนเดิม.. หลังจากที่ไปวางดอกไม้แล้ว...แต่ก็ต้องชมคนถ่ายว่าถ่ายไอ้นิ่งมาก แสงสว่างกลางแดดทำให้แต่ละคนในภาพเหมือนกับส่องประกายได้....ผมจะเขินดีไหม เพราะแอบมองพวกรุ่นใหญ่ทั้งสองแกงค์ที่มันนั่งไม่ไกลกันเท่าไหร่ พวกมันก็แค่ยักคิ้วให้ผม แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร....โดนจนชินล่ะสิ...มาวินกดเข้าดูคนโพตส์เป็นช่างภาพอิสระ มิน่าจับภาพโครตเทพ คงเป็นพวกที่เดินแชะ ๆ อยู่แถว ๆ นั่นแหละ...
“ พวกมึงดูนั่นดิ “
“อะไรวะ”
“เฮียแวนเล่าให้กูฟังเมื่อวาน ว่าวันนี้หลังไหว้พ่อ จะมีเคลียร์”
“...................” พวกผมเงยหน้ามองรุ่นใหญ่เพการ์ที่จับกลุ่มอยู่ไม่ไกล แต่ตอนนี้นอกจากเสื้อสีแดงของสถาบันผม ยังมีฟ้าจากสถาบันเจ้าภาพ มานั่งอยู่ด้วย....ดูก็รู้ว่าบรรยากาศไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ บรรดาตำรวจก็ส่อง ๆ มอง ๆ เหมือนกับไม่ไว้ใจเหมือนกัน
“เคลียร์เรื่องอะไร”
“ ไอ้เปรู หัวหน้าแกงค์เซนธอร์ มันจะเคลียร์กับเฮียแจ็ค เรื่องที่มึงขึ้นรถผิดสายวันนั้น..”
“เคลียร์ยังไง”
“...ไม่รู้สิ...แต่เอาจริง ๆ เรื่องระหว่างแกงค์ใหญ่ ๆ ไม่ค่อยมีนะนาน ๆ มีที แต่กูว่าเป็นเพราะไอ้เด็กบนรถวันที่มึงขึ้นผิดสายเป่าหู ใส่ความแกงค์เรากับหัวหน้าแกงค์มันแน่ ๆ และไอ้เปรูมันก็เจ๋งพอตัวเพราะแกงค์มันก็ใหญ่ที่สุดในเซนท์โซเทียร์...”
“ แต่กูมั่นใจในตัวเฮียว่ะ”
“ ต้นเหตุมาจากกูใช่ไหม”
“..มันก็ไม่เชิง..มึงไม่ต้องคิดมาก เพราะตอนนี้มันเป็นเรื่องของแกงค์ ไม่ใช่เรื่องของมึงคนเดียว..” ยิ่งได้ยินได้มาวินพูด ยิ่งรู้สึกได้ว่าผมเข้าสู่วังวนพวกนี้อย่างเต็มตัว...ผมจำถ้อยคำที่เฮียแจ็คสันท้าทายพวกนั้นไว้ ว่าถ้าจะเอาเรื่องคนที่จะเคลียร์กับตัวเองได้มีแค่หัวหน้าแกงค์เซนท์ธอร์เท่านั้น...พวกนั้นก็คงคิดว่าถูกหยามพอสมควร...
“ ไม่ต้องคิดมากหรอกแบมแบม ทุกคนในแกงค์ก็ได้รับการปกป้องจากพวกเฮียรุ่นใหญ่เสมอ”
“....................” หันมองกลุ่มคนเสื้อสีฟ้าที่ลุกขึ้นหลังจากที่มานั่งได้ซักพัก ทุกสายตาจ้องมาที่กลุ่มผม ในกลุ่มนั้นผมจำได้ว่ามีบางคนที่ทำร้ายผมบนรถ...และพอจะรู้ว่าคนไหนที่ชื่อเปรู หัวหน้าแกงค์เซนธอร์ แต่มันก็มองผมแค่ผ่าน ๆ แล้วเดินนำเด็กในแกงค์ตัวเองออกไป...
“พรุ่งนี้รอฟังข่าวละกัน”
“แล้วทำไมเราไม่ไปด้วย” นั่นเป็นปัญหาที่เกิดจากผม ทำไมถึงไม่ให้ผมไปด้วย...ไอ้ยองแจถอนหายใจ มองรุ่นใหญ่ที่ยังพูดคุยกันปกติไม่มีใครมีสีหน้าเคร่งเครียดซักคน...
“ พวกที่จะไปยืนรวมแกงค์ได้คือพวกชั้นปวส. เท่านั้น...พวกเฮียให้เรารับรู้แค่ว่า เหตุการณ์เป็นยังไง แต่ไม่เคยบอกให้รู้หรอกว่า พวกรุ่นใหญ่ทำและเจออะไรมาบ้าง เวลาชนะก็บอกแค่ชนะ แต่ไม่เคยบอกว่า กว่าจะชนะเจ็บแค่ไหน โดนอะไรบ้าง..หลายครั้งที่ได้รับบาดเจ็บกันกลับไป...แต่มันมันวิถีนักเลงช่าง..”
“...................”
เฮียแจ็คสันหันมามองผม ยกยิ้มมุมปากให้เหมือนปกติก่อนจะหันไปคุยกับพวกในแกงค์เหมือนเดิม เหมือนกับจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
Talk: สกรีมฟิค #Ficbloodsch Twitter: @Namtal1a (พรุ่งนี้งดลงนะคะ)
ความคิดเห็น