คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Sec 15 / No relationship is perfect - 2
เสียงหวอฉุกเฉินของรถพยาบาลดังก้องอยู่ในหัวแทบจะตลอดเวลา หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างก่อนหน้านี้จบลงด้วย ไอ้กายยอมแพ้ มันมองหน้าเฮียแจ็คก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าคนที่ยังหยาดหยดเลือดลงใส่มมัน....กูยอมมึงแล้ว กูแพ้คนจริง...คนจริงหรือไม่จริง มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบาดเจ็บหรือเสียเลือดอย่างมากมายอย่างนี้...และสุดท้ายคนที่ขับรถมาส่งก็คือไอ้คนที่นั่งคุกเข่า และตอนนี้มันก็นั่งอยู่ข้างๆ ผม...ในขณะอีกคนยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...
“กูต้องกลับแล้ว”
“กลับยังไง”
“ให้เพื่อนมารับ” ไอ้กายยืดตัวลุกจากเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน...มันสั่งให้พรรคพวกมันสลายตัวทันทีหลังจากนั้น...ตลอดทางที่ขับรถมาส่งมันก็เล่าให้ฟังว่ามันถูกไล่ออกแล้ว พ่อแม่กำลังหาที่เรียนให้....มันทั้งเสียหน้าและรู้สึกแค้น เลยรวบรวมพวกที่พอจะเหลืออยู่มาด้วยกัน...
“ ขอบใจ”
“ขอบใจทำไม กูทำผัวมึงเกือบตาย อีกนิดเดียวแมร่งเลือดหมดตัวแน่” ยอมรับว่าใจไม่ดี ผมใช้ผ้าพันแผลให้เฮียพร้อมกับดิ้นรนหาซื้อน้ำแข็งมาประคบกันยกใหญ่...กว่าจะหยุดไหลก็เกือบครึ่งทาง...หน้าหล่อซีดจนเหมือนคนตาย...ผมโอบกอดร่างกายแข็งแรงนั่นมาตลอดทาง เหงื่อชื้นผสมกับเลือดมันทำเอาใจผมแทบขาด...ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน...
“..ขอบใจที่เข้าใจซักที...ว่าความแค้น มันทำให้ทุกอย่างพัง...”
“ ถ้าทุกคนคิดเหมือนมึง เขาคงไม่ยกพวกตีกันหรอก...คำว่า ศักดิ์ศรี มันค้ำคอค้ำหัวใจ จนบางครั้งหันไปไหนไม่ได้นอกจากเดินหน้าเข้าสนามรบ กูบอกไว้ก่อน ว่ากูไม่ได้กลับใจ กูแค่รู้สึกว่า ไอ้แจ็คสันมันได้ใจ...กูก็คงยังจะเหี้ยเหมือนเดิม..”
“ ไม่สงสารพ่อแม่มึงเหรอ” ไม่สงสารคนที่ดิ้นรนทุกอย่างเพื่อใครซักคนที่สำคัญเท่าชีวิต แต่คน ๆ นั้นกลับไม่เห็นคุณค่าและยังจะทำลายต่อไป จะมีใครรู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน...
“ สงสารสิ กูบอกว่ากูจะเหี้ย แต่ไม่ได้บอกว่ากูจะไม่เรียน...กูเรียนเก่งนะมึง ไม่งั้นพวกกูไม่เยอะหรอก...”
“อืม”
“กูไปนะ”
“โชคดี” ยกมือบอกลาคนที่เดินล้วงกระเป๋าจากไป....แค่มันคิดได้แค่นี้ก็คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน...ต่างคนต่างความคิด ไม่มีใครคิดแทนใครหรือไปกำหนดชีวิตใครได้ เพราะเส้นทางที่ต้องเดินผ่านของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน... ในขณะที่บางคนเดินอยู่บนพรมนุ่ม โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ยังมีอีกมากมายที่ต้องเดินผ่านขวากหนาม หรือทางขรุขระ...
ตอนนี้ตาผมยังจ้องอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน โทรบอกคุณย่าแล้วว่าอาจจะกลับช้า แต่ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร ส่งข้อความเข้าไลน์แกงค์ ข้อความโต้ตอบเด้งจนอ่านไม่ทัน สุดท้ายผมก็ต้องบอกให้ไปรอที่บ้านเฮียแจ็ค...เดี๋ยวจะพากลับไป...แต่ก็ไม่ลืมให้ใครซักคนมาขับรถให้ด้วยเพราะผมขับไม่เป็น สรุปว่าเป็นเฮียมาร์คที่จะมารับ....
“เป็นไงบ้างวะแบม”
“เฮียมาร์คหวัดดีครับ พี่จูเนียร์หวัดดีครับ...หมอยังไม่ออกมาเลยเฮีย”
“แมร่ง พวกหมาลอบกัด ไอ้สภาพร่างกายได้แจ็คแมร่งก็ไม่สมประกอบ ไม่งั้น ต่อให้มากกว่านี้ก็เถอะ”
“...แล้วแบมเป็นไงบ้าง..”
“ ผมไม่เป็นอะไรครับ...พี่จูเนียร์เลิกเรียนแล้วเหรอครับ” ผมถามคนที่ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่....พี่จูเนียร์ส่ายหัว ก่อนจะเหล่ตามองคนที่นั่งหัวเสียอยู่ ไปบังคับมาอีท่าไหนอีก...
“ เรียนเชี่ยอะไร ผู้ชายประกบหน้าประกบหลัง!”
“..พี่ไปซื้อของขวัญให้น้องรหัส ไปกับสายรหัสน่ะ...แล้วบังเอิญเจอมาร์คก็เลยได้มานี่แหละ..” ดูหน้าพี่มาร์คแล้วไม่น่าจะบังเอิญ พี่แกจ้องพี่จูเนียร์เขม็ง จะรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังหึงขั้นสุด ผิดกับอีกคนที่ยังทำหน้านิ่งๆ ไม่สนใจคนที่จ้องจนตาเหล่...
“กูว่ามึงไปล้างเลือด ล้างแขนไปแบม ใครเห็นก็นึกว่ามึงโดนแทงอีกคน”
“..................”
“ ไปเหอะ เดี๋ยวถ้ามันตายกูจะไปตาม”
“ครับ” ตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ เพราะไม่มั่นใจว่าหมอจะออกมาตอนไหน ลืมไปว่าเฮียมาร์คก็มาแล้ว...เดินมาเข้าห้องน้ำโรงพยาบาล คนก็มองกันใหญ่ เพราะเสื้อนักศึกษาผมก็ไม่ได้ต่างจากของเฮียแจ็ค ก็แอบอิงกันมาซะขนาดนั้น...ล้างหน้า ล้างแขน ล้างมือ...เหลือแค่เสื้อที่ยังมีคราบเลือดอยู่ ถ้าย่าเห็นแล้วผมจะบอกว่ายังไง...คงได้ตกใจว่าหลานชายคนโปรดอย่างเฮียแจ็คสันโดนทำร้ายแน่ ๆ...
“..ขอโทษครับ..”
“...ยะ...............” เดินออกจากห้องน้ำ กำลังจะเลี้ยวกลับทางเดิน แต่ได้ยินเสียงใครบางคน เลยเงยหน้ามอง เห็นยองแจกำลังก้มหัวขอโทษญาติผู้ป่วยคนนึงที่ตัวเองจะเดินชน....กำลังจะอ้าปากเรียนแต่อีกคนก็เข้าลิฟท์ไปซะก่อน...
....ยองแจมาโรงพยาบาลทำไม...
“หมอให้นอนโรงพยาบาล เพราะต้องให้เลือดให้น้ำเกลือ ดูแลใกล้ชิด มันอาการหนักอ่ะตอนนี้”
“ แล้วตอนนี้เฮียอยู่ไหนครับ”
“เดี๋ยวเขาก็เข็นออกมา นั่นไงมาพอดี”
“รบกวนติดต่อญาติคนไข้ด้วยนะครับ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” พี่มาร์ครับคำคุณหมอที่เดินออกมาพร้อมเตียงที่ถูกเข็นออกมา....คนที่นอนบนเตียงถูกเปลี่ยนเป็นชุดคนป่วยและนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง...ผมใจไม่ดีเลยเดินเข้าไปใกล้ ๆ เอื้อมมือจับแขนที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว...
“ คนไข้ต้องการพักผ่อนนะครับ ร่างกายอ่อนแอ เพราะเสียเลือดในขณะที่ร่างกายอยู่ในภาวะอ่อนแรง ดีที่คนไข้ไม่ช็อค ถ้ายังไงเดินตามไปห้องที่จองเลยครับ”
“ ขอบคุณครับ” พวกผมสามคนเดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเฮียเพื่อไปที่ห้องผู้ป่วย...สุดท้ายก็มาถึงห้อง วีวีไอพี ที่เฮียมาร์คจัดการให้เสร็จสรรพ พอเห็นห้องทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า...เฮียเจบีก็อยู่โรงพยาบาลนี้...
“เฮียครับ...เมื่อกี้ผมเห็นไอ้ยองแจ”
“ใครเป็นอะไรรึเปล่า...แต่ไอ้กัสมันก็ยังไปแทงพูลอยู่เลยไม่เห็นพูดอะไร”
“.....................” ผมกับพี่จูเนียร์ช่วยกันจัดเตียงคนป่วยหลังจากที่บุรุษพยาบาลย้ายเฮียแจ็คมานอนบนเตียง...น้ำเกลือและเลือดถูกนำมาห้อยไว้ประจำที่ ก่อนที่จะหมอจะเดินเข้ามาแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในน้ำเกลือ
“ ถ้ายังไงอย่าพึ่งรบกวนผู้ป่วยนะครับ ถ้ามีอะไรก็กดกริ่งเรียก เดี๋ยวจะมีพยาบาลมาตรวจเป็นระยะ”
“ขอบคุณครับ” ทั้งหมอทั้งบุรุษพยาบาลออกจากห้องไป เฮียมาร์คไปนั่งลงที่โซฟาในห้อง พี่จูเนียร์เดินออกไปที่ระเบียงเหมือนกำลังดูว่าสภาพแวดล้อมเป็นยังไงบ้าง ส่วนผมได้แต่มองคนที่หลับสนิท...ใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาด ริมฝีปากที่เคยมีสีส้มอ่อน ๆ ก่อนหน้านี้ ซีดจนแทบจะเป็นสีขาว......วางมือบนมืออีกคนแผ่วเบา...ร่างกายเฮียแจ็คเย็นเฉียบเพราะเสียเลือด...แค่คิดเรื่องบางเรื่องขึ้นมา น้ำตาผมก็พาลคลอหน่วย...
....นี่สินะ...พอรู้ใจตัวเองแล้ว...ทุก ๆ อย่างมันก็ชัดเจน...เข้าใจ...ว่าความรู้สึกที่เคยสับสนก่อนหน้านี้คำตอบมันคืออะไร....ไม่อยากจะยอมรับเพราะมันดูเหมือนว่าเร็วเกินไปกับเรื่องอย่างนี้...แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว...
“..เฮียเดี๋ยวผมมานะครับ..”
“ อือ อย่าไปไหนไกลล่ะ มึงจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ให้จูเนียร์พาไป...เดี๋ยวซักพักไอ้พวกห่านั่นก็แห่มานี่อีกเป็นโขยง”
“ ก็ดีนะแบมแบม อยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก” ผมลังเล...แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ...พี่จูเนียร์รับกุญแจรถจากเฮียมาร์คแล้วรุนหลังผมให้เดินออกจากห้องพร้อมกัน...
“พี่จูเนียร์ครับ...ผมอยากแวะเยี่ยมเฮียเจบี...”
“...นั่นมันหัวหน้าแกงค์ยูนิคไม่ใช่เหรอ ถ้าพวกนั้นรู้ล่ะ...”
“...ก็อย่าให้รู้สิครับ..”
“ งั้นพี่ไปด้วย”
“ครับ” พวกเราคุยกันอยู่หน้าห้องเฮียแจ็ค ผมจำหมายเลขห้องเฮียเจบีได้ ต้องลงไปอีกชั้นนึง...พวกเราสองคนเลือกที่จะลงบันไดเพราะแค่ชั้นเดียว จนในที่สุดก็มายืนอยู่หน้าห้อง คนไข้ วีวีไอพี ของเฮียเจบี
ก๊อกๆๆ
“ ไม่ได้ยินหรอกครับ เข้าไปกันเถอะ”
“.................” พี่จูเนียร์พยักหน้าก่อนพวกเราจะเปิดประตู แล้วเข้าไปในห้องที่ผมเคยมาแล้วครั้งนึง...การจัดห้องและข้าวของ เหมือนกันทุกอย่างกับห้องของเฮียแจ็ค...เพราะเป็นห้องชนิดเดียวกัน..
“...ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ...”
“..ทางนี้ครับ..” แตะแขนให้พี่จูเนียร์เดินตาม...พวกเราเดินผ่านห้องรับแขกจนกระทั่งถึงม่านบังตาที่สูงท่วมหัว...ผมสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกสุด ๆ ....ผมยอมรับว่าการมาเยี่ยมเฮียเจบีครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งใจแค่มาดูอาการคนป่วย...แต่ผมกลับมีบางอย่างบอกว่า..เกี่ยวข้องกับเพื่อนผมที่มีอาการแปลก ๆ ที่พวกเราสงสัย และยังมาเห็นที่โรงพยาบาลนี้อีก...
“ชู่ว!”
“.....................” พี่จูเนียร์ทำหน้างงๆ เมื่อผมยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปาก แล้วทำเสียงให้พี่แกรู้ว่า อย่าส่งเสียง....เพียงเพราะผมได้ยินคนคุยกันภายในห้อง และผมก็จำได้แม่น...ว่านั่นเสียงยองแจ...จะว่าเสียมารยาทก็ช่าง แต่ผมเป็นห่วงเพื่อน...ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมยองแจถึงมาอยู่ที่นี่...
“...เรื่องของมึง...”
“ ในเมื่อมันคือเรื่องของกู กูก็มีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้...อย่างเช่น..กูจะกลับบ้าน..” เสียงยองแจชัดเจนจนไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน ....ลักษณะการพูดจากและบรรยากาศทำให้รู้ว่าในห้องนั้นมีแค่คนป่วยกับเพื่อนผม...
“ กูไม่อนุญาต มึงยังทำหน้าที่ตัวเองไม่เสร็จ ”
“ มึงจะเอายังไง อยากแดกอะไรก็ไปเสื้อมาให้แล้ว! ให้มาเฝ้าก็มาเฝ้าแล้ว จะเอาอะไรอีก!”
“ เช็ดตัว”
“มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้!!”
“ กุให้โอกาสเรียกใหม่”
“ มันจะมากไปแล้วนะเฮียเจบี กูไม่ใช่เบ๊มึงนะ!”
“งั้นมึงก็เตรียมตัว โด่งดังในโลกโซเชียลได้เลย”
“ควาย!”
“จะทำหรือไม่ทำ”
“มึงอย่าคิดว่าจะขู่กูได้ตลอดนะ”
“ก็ไม่ได้คิด...แค่จะทำ..” ผมดึงมือจูเนียร์ฮยองให้ออกจากตรงนั้นหลังจากได้ยินเสียงเดินของยองแจเหมือนจะมาทางพวกผม รีบออกจากห้องนั้นอย่างเร็ว...ก่อนจะดิ่งเข้าลิฟท์...
“ เกิดอะไรขึ้นแบมแบม ทำไมยองแจถึง”
“ผมก็ไม่แน่ใจครับ แต่ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ เหมือนกับโดนข่มขู่”
“แล้วจะเอายังไง”
“ผมจะหาทางถามมันเอง...ถ้ายังเห็นพวกผมเป็นเพื่อนมันต้องบอก” ดูน้ำเสียงแล้วเหมือนยองแจไม่ได้เต็มใจที่จะทำให้เฮียเจบีเลย...แต่เหตุการณ์ วิธีการพูดของเฮียเจบีมันแปลกๆ ยังไงชอบกล...ผมยังคิดลำดับเหตุการณ์ไม่ออกเลยว่าคู่อริกัน มันจะยอมให้เช็ดตัว ให้มาเฝ้าไข้อย่างนี้ทำไม...ตอนนี้แค่ภาวนาว่ามันคงรู้ข่าวเฮียแจ็ค แล้วควรจะรู้ว่าพวกเพการ์ต้องแห่มาที่โรงพยาบาลแน่...ถ้าไม่อยากเป็นประเด็นมันก็ไม่ควรให้พวกนั้นเห็น โดยเฉพาะพี่ชายมัน...
...คนอย่างยองแจ ผมคิดว่าไม่มีอะไรจะขู่มันได้...นอกจากเรื่องนั้นมันคอขอขาดบาดตายจริง...หรือไม่มันก็มีใจจะทำเองมากกว่า...
พี่จูเนียร์มาส่งผมที่บ้าน ทันทีที่ย่าเห็นก็ถูกฟอกจนขาว ลงท้ายด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ของย่า...เหมือนไม่ตกใจที่เฮียแจ็คถูกทำร้าย แต่ตกใจที่เสื้อผมมีแต่คราบเลือดมากกว่า...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจะขอไปเยี่ยมด้วย แต่ผมห้ามไว้เพราะเวลานี้ต้องมีแต่พวกในแกงค์เต็มไปหมดแน่ ๆ คุณย่าคงไม่รู้เรื่องแกงค์ ผมเลยอ้างว่า ตอนนี้ญาติเฮียแจ็คเต็มโรงพยาบาลเลย แต่ผมต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเพราะไม่มีใครนอนเฝ้าได้...คุณย่ากำชับผมหลายครั้งว่าให้ระวังตัว ไม่ให้ไปมีเรื่องกับใคร...ถ้าเลือกได้ผมก็จะไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ
................................
................................
เป็นไปตามคาด พอมาถึงโรงพยาบาลอีกที พวกแกงค์กว่ายี่สิบคนก็เต็มห้องคนป่วย...แต่ดีตรงที่ทุกคนรู้ว่าไม่ควรเอะอะโวยวาย ขนมนมเนยเต็มห้องไปหมด ทั้งเอามาเยี่ยมคนป่วยและเอามากินเอง...ผมวางกระเป๋าบนโซฟาในห้องรับแขกและนั่งลงกับพี่จูเนียร์ เมื่อเฮียมาร์คบอกว่าครอบครัวเฮียแจ็คสันมาแล้ว อยู่ในห้องคนป่วย...บางทีผมอาจจะไม่ได้นอนเฝ้าไข้เฮียแจ็คสันอย่างที่ตั้งใจไว้..
“ แบมแบม เข้าไปในห้อง”
“ ครับ” ผมลังเลนิดนึงก่อนจะลุกขึ้น เมื่อเฮียแวนชะโงกหน้าจากห้องคนป่วยออกมาเรียกผม ก่อนที่เฮียแกเองจะเดินสวนออกมาแทน...มองคนที่ยักคิ้วให้แบบกวนๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไป...
“เข้ามาสิจ๊ะ”
“ สวัสดีครับ” แอบคิดไม่ได้ว่าเรียกผมเข้ามาทำไม เดินเข้าไปก็เห็น ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ที่ดูมีอายุแล้วแต่ก็ยังดูสง่า และน่านับถือ รวมทั้งผู้หญิงที่เชื้อเชิญผม ที่ยังสวยและดูดีมาก....อีกคนที่จัดของอยู่มุมห้อง...รูปร่างหน้าตาทำเอาผมสะดุดตามาก...จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยทั้งรูปร่างและหน้าตาทุกอย่างดูลงตัว เธอหันมายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ก่อนจะจัดผลไม้ที่ตัวเองปอกใส่จาน...ส่วนคนที่หลับตอนผมกลับบ้านตอนนี้ก็นอนลืมตาจ้องผมอยู่บนเตียง...สีหน้าก็ยังดูซีดเซียวเหมือนเดิม...
“ นี่เหรอแบมแบม น่ารักจังเลยนะคะคุณ”
“ อืม...ขอบใจนะที่ช่วยแจ็คสัน...”
“ พ่อกับแม่เฮียเอง “
“ ไม่เป็นไรครับ” เสียงเฮียแจ็คสันแหบพร่าพร้อมกับสรรพนามแปลกหู คงเพราะอยู่ต่อหน้าพวกท่าน... ผมก้มหัวให้พวกท่านทั้งสองคนอีกรอบ พ่อเฮียคงเป็นคนฮ่องกงอย่างที่ยูคยอมบอก... และเลือกที่จะตอบแบบกลาง ๆ เพราะผมไม่รู้ว่า พ่อแม่เฮียรู้เรื่องอะไรมากแค่ไหน...
“ เห็นว่าเป็นน้องที่สนิทกัน อยากรู้จักหน้าคร่าตาไว้น่ะ งั้นเดี๋ยวมินอี้เอาผลไม้ให้น้องเขาออกไปแบ่งเพื่อน ๆ ด้วยนะ”
“ค่ะคุณแม่” คนที่ชื่อมินอี้รับปาก ก่อนจะยิ้มหวานให้ผม...คุณพ่อยังดูนิ่งๆ อ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟา ไม่สนใจพวกผมที่สนทนากัน บุคลิกท่าทางถอดแบบกันออกมาไม่มีผิด คุณแม่กลับเป็นคนพูดและยิ้มเก่งผิดกับลูกชายและสามี...
“ อ้อ แจ็คสัน มินอี้เขาอาสามาเฝ้าไข้นะ ว่าไงลูก”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมจะให้แบมแบมเฝ้า”
“.......................” ผมเงียบไป พอ ๆ กับหญิงสาวตรงหน้าที่นำตะกร้าผลไม้มาให้ผมแล้วก็เงียบไปเหมือนกัน รอยยิ้มหวานก่อนหน้านี้ก็หายไป..คุณแม่ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะเดินไปยืนข้างเตียงลูกชาย...
“ แต่มินอี้ เขาห่วงลูกมากนะ แม่ขอโทษที่ไม่มีเวลามาเฝ้า”
“ ตามใจลูกเถอะคุณ อีกอย่างมินอี้ก็เป็นผู้หญิงจะให้มานอนเฝ้าไข้ลูกชายเรา ใครเขาก็จะได้นินทาเอาสิ”
“.....................” คุณแม่ถอนหายใจ หันมองสามีกับลูกชายแบบเอือม ๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนอยู่มุมห้องอย่างเรียบร้อย รอยยิ้มหวานผุดให้แก่ผู้สูงวัย ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้...
“ งั้นก็ตามใจ แต่ให้หนูมินอี้ อยู่คุยเป็นเพื่อนลูกละกัน เดี๋ยวคนที่บ้านน้องจะมารับ”
“ ครับ “ ผมโค้งขอตัวออกมาจากห้อง หลังจากได้ยินเฮียแจ็คสันรับคำ....ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะสำคัญต่อครอบครัวนี้ไม่น้อย ตามแบบฉบับของคนจีน ยังมีธรรมเนียมดูตัวอยู่จนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่ถูกใจคือต่างคนต่างไป ถ้าถูกใจก็สานต่อ...การคลุมถุงชนสำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจกันอย่างร้ายกาจ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องการ....แต่ทำไมผมถึงมองออก ว่ามินอี้...ทั้งแคร์และเป็นห่วงเฮียแจ็คไม่น้อยกว่าใคร...ยิ่งรู้อย่างนี้ หัวใจผมก็รวนขึ้นมา...ความสัมพันธ์ของผมกับเฮียแจ็คสัน มันก็แค่ความรู้สึกที่สังคมไม่ได้ให้การยอมรับ...ถึงแม้ผมจะยอมรับหัวใจตัวเอง แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่ใครต่อใครจะยอมรับได้...
...แค่เริ่มต้นผมก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้ว...แต่มันจะยากอะไรล่ะแบมแบม...ก็แค่ทำเป็นไม่รู้ใจตัวเองต่อไปสิ...อะไร ๆ อาจจะดี เข้าที่เข้าทาง และดำเนินไปตามที่มันสวมควรจะเป็นก็ได้....
“ แบมแบม....แบมแบม..”
“ ครับ!...เฮียเอาอะไรรึเปล่า...” สะดุ้งจนสุดตัวหลังจากที่นั่งมองจอทีวีแล้วคิดอะไรเพลินๆ เดินเข้าไปหาคนเรียก หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าคืนนี้ผมจะเฝ้าเฮีย พรุ่งนี้จะเป็นคุณแม่ ที่คงพ่วงมินอี้มาด้วย มาเฝ้าตอนกลางวัน...เฮียต้องนอนโรงพยาบาลจนกว่าแผลจะแห้งเพราะหมอไม่อยากให้เสี่ยงภาวะติดเชื้อ...
“ขึ้นมานอนบนเตียงได้ไหม”
“ไม่ได้หรอกครับ มันไม่เหมาะ” ผมขยับผ้าห่มให้คนบนเตียง ที่นอนผมอยู่บนโซฟานู่น มีผ้าห่มผืนเล็กที่เอาใส่กระเป๋ามาด้วย...คนที่นอนอยู่ยังคงจ้องผมอยู่....ภายในห้องมีเพียงแค่เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้เบาๆ
“...งั้นกูจะลงไปนอนกับมึงข้างล่าง...”
“ จะได้ยังไงละครับ เฮียนอนเถอะดึกแล้ว ผมจะปิดทีวีแล้วก็นอนเหมือนกัน”
“..แบม..”
“ เฮียเจ็บอยู่นะครับ “ บอกคนที่ดึงแขนผมไว้ หลังจากที่จะผละออกมาเพื่อไปปิดทีวี ดวงตาคมที่ส่งมาไม่ได้มีแววอ้อนวอน หรือขู่บังคับอะไร แต่แรงกระชับที่ข้อมือทำให้รู้ว่าอีกคนยังยืนยันคำเดิม...
“ มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก”
“.....งั้นผมไปปิดทีวีก่อน....” ถอนหายใจใส่คนที่เอาแต่ใจ มือหนายอมปล่อยข้อมือผมให้เดินไปหยิบรีโมทเมื่อปิดทีวี ก่อนจะเดินไปเอาผ้าห่มตัวเองด้วย...เตียงขนาดใหญ่มันย่อมรองรับน้ำหนักได้เยอะ แต่ขึ้นชื่อว่าเตียงคนป่วย มันก็ต้องแค่คนป่วยที่สมควรนอน..
“...ไม่ต้องลากมาหรอกผ้าห่มเน่าๆ มึงอ่ะ..”
“...รู้ได้ไงว่าเน่า...” ยังหอบผ้าห่มไปด้วย ก่อนค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นบนเตียงคนป่วย ยังไม่ทันได้ตั้งท่าอะไร ก็ถูกอีกคนลากเข้าไปนอนกอดด้วยแขนข้างที่เจ็บนั่นแหละ...สายเลือดสายน้ำเกลือแกว่งจนน่ากลัว...
“ นี่ไง แค่นี้ก็ไม่ต้องใช้ผ้าห่มแล้ว..”
“ เฮียนอนพักเถอะครับ “
“ อืม ก็จะนอนอยู่นี่ไง” เฮียแจ็คกอดผมไว้ พร้อมกับกางผ้าห่มที่ตัวเองห่มให้ด้วย หัวผมก็หนุนแขนข้างที่ไม่เจ็บของอีกคน
“งั้นนอนดี ๆ ครับ”
“.......................” ผมก็ต้องดันร่างกายเฮียให้นอนหงายดีๆ เอามือข้างที่เจ็บวางข้างลำตัว...เพราะเป็นข้างที่ถูกเข็มเจาะเพื่อให้เลือดกับน้ำเกลือ...ดีที่เฮียยอมที่จะทำตาม....ผมเลยเอาผ้าห่มตัวเองมาหนุนแล้วสุดท้ายก็เป็นคนวาดแขนกอดคนที่นอนหงายเพราะผมจัดท่าให้....เสียงหัวเราะในลำคอทำให้ผมเกิดอายขึ้นมาเล็กๆ แต่สุดท้ายก็หลับตาลง....เพราะอยากให้กินคนพักผ่อนไม่ต้องมาชวนผมคุย...
“เป็นครั้งแรกนะ ที่มึงยอมกอดกู”
“ นอนเถอะ...ผมง่วง..”
“.....................” ทั้งที่แอร์ในห้องมันเย็นฉ่ำ แต่พอได้นอนข้างๆ คนเจ็บ กลับทำให้รู้สึกอบอุ่น...ผมกระชับแขนที่กอดเอวเฮียแจ็คเข้าไปอีกเมื่อเริ่มรู้สึกเคลิ้มๆ มือเฮียข้างที่ไม่เจ็บซึ่งเป็นข้างเดียวกับที่ผมนอนอยู่ ยกขึ้นมาลูบและเล่นหัวผมแผ่วเบา....
...กอดความอบอุ่น...กอดกระชับไออุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย...ผมคงเหนื่อยเกินไปเกินกว่าจะรับรู้ถึงริมฝีปากที่ประทับจูบบนหน้าผาก...และพวงแก้ม...ก่อนจะแผ่วเบาที่ริมฝีปาก...เผลอยิ้มรับบางๆ อย่างไม่รู้ตัวเพราะความสุขที่อบอวลไปทั่วร่างกาย...
...กูดีพอ... พอที่จะบอกรักมึงหรือยัง....
.................................
................................
เสียงจากชามกระทบกันจากฝีมือหญิงสาวรูปงามนามเพราะ ที่มาแต่เช้า โชคดีที่ผมตื่นและลุกจากเตียงเฮียแจ็คแล้ว ไม่งั้นก็คงได้มีข้อพิพาทกันยกใหญ่ แต่เช้านี้คุณแม่ยังไม่มา...พอจะดูออกว่ากำลังเปิดโอกาสให้มินอี้ได้มีโอกาศอยู่กับเฮียแจ็ค...ผมพับผ้าห่มตัวเองเก็บใส่ประเป๋าเป้ หลังจากที่เข้าไปล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว...รอยยิ้มหวานยังเผื่อแผ่มาหาผมเสมอ...
“ พี่แจ็คสัน ทานข้าวต้มร้อน ๆ นะคะ”
“ อืม “
“ .................” ผมมองมินอี้ไปด้วยเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วย ร่างระหงเดินเข็นสแตนกินข้าวไปวางไว้ตรงหน้าของเฮียแจ็ค ก่อนจะยกข้าวต้มร้อน ๆ ไปตั้งตรงหน้า...สังเกตได้ว่ากริยามารยาทสมกับที่เป็นผู้ดี...ไม่ได้เสนอตัวเองมาก แค่ทำตามสิ่งที่ควรทำ...แต่มันก็คงจะทำให้เธอรู้สึกดีเพราะมันก็เป็นสิ่งที่เธออยากทำ...
...กูแล้วก็เหมาะสมกันดี...
“ ผมกลับก่อนนะครับ”
“วันนี้วันเสาร์ จะรีบกลับไปไหน”
“...เอ่อ...ผมยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วก็นัดย่าไว้ว่าจะไปเดินเล่นกัน..”
“ แล้วกูล่ะ “
“..ก็...” หันมองหน้าเฮีย ก่อนจะเหลือบมองมินอี้....ที่ตอนนี้เดินไปจัดองุ่นใส่จาน...จะบอกยังไงล่ะ ว่าเฮียก็นอนอยู่นี่แหละ บนเตียงนี้ เดี๋ยวคุณแม่ก็มา...จะให้ผมนั่งเน่าอยู่นี่ทั้งวันรึไง....
“ พี่แจ็คคะ องุ่นค่ะ”
“ ขอบใจ “
“..มินอี้ไปซื้อแผ่นหนังที่พี่แจ็คชอบมาเยอะเลย...เผื่อพี่แจ็คจะเบื่อ..”
“...พี่ว่ามินอี้ไม่ต้องมาเฝ้าก็ได้..พี่อยู่ได้...”
“..นั่นสินะ...ให้แบมแบมเฝ้า พี่แจ็คคงจะสนุกกว่า...”
“... เปล่าหรอก...อย่าคิดอย่างนั้น...พี่แค่ไม่อยากให้เราเอาเวลาว่างมานั่งอยู่นี่..”
“..แต่มินอี้ ทำได้นี่คะ.....”
“..อืม...พี่อิ่มแล้วล่ะ..”
“............................” มองหญิงสาวที่รีบเดินไปเอาถ้วยข้าวต้มออกมาก่อนจะเอาไปเก็บ..กลับมาพร้อมทิชชู่ในมือบางก่อนจะบรรจงเช็ดที่ริมฝีปากคนป่วย..เฮียแจ็คไม่ได้ขัดอะไร เพียงแค่ยกน้ำขึ้นดูด....ผมไม่รู้ว่าระหว่างเฮียแจ็คกับมินอี้คืออะไร... ไม่ชอบอะไรก็คือไม่เอา กลับกำลังทำท่าเหมือนแคร์และเกรงใจมินอี้....อาจจะเพราะเธอคือผู้หญิงที่ถูกเลือก...ผมพร้อมที่จะเข้าใจทุกอย่างที่มันจะเป็นไป...
....เพราะตอนนี้ สถานะระหว่างผมกับเฮียแจ็ค มันก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรอยู่แล้ว...
“...ผมไปนะครับ...”
รีบลุกออกจากห้อง...ไม่รอฟังคำตอบอะไร หรือรอให้ใครรั้งไว้อีก...ยอมรับว่ากำลังคิดไปไกลแสนไกล ทั้งที่บอกว่าสถานะไม่ชัดเจน แต่หัวใจผมกลับหน่วงและปวดหนึบอย่างบอกไม่ถูก...ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงจากจากปากเหวเรื่อย ๆ...ถ้าผมไม่ยอมเปิดใจและไม่ยอมรับรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง...มันจะรู้สึกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เท่านี้รึเปล่า....
“ อ้าว แบมแบมกลับแล้วเหรอลูก”
“คุณแม่สวัสดีครับ” ผงะเล็กน้อยเมื่ออกจากลิทฟ์ก็เจอแม่เฮียแจ็คยืนรอลิทฟ์อยู่ ข้างๆ คงเป็นเด็กในบ้านที่ถือของพะรุงพะรัง...ยกมือไหว้ก่อนจะส่งยิ้มให้ท่าน...
“ กินอะไรรึยัง แม่ซื้อของมาเยอะแยะเลยไปกินก่อนไหม”
“ ไม่ล่ะครับผมจะกลับแล้ว พอดีนัดที่บ้านไว้”
“ งั้นเหรอ ขอบใจมากนะ ที่ดูแลลูกชายแม่...วันนี้แม่ก็จะมาแค่แป๊บเดียว...ที่เหลือก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่มินอี้เขาล่ะ...”
“ ครับ...งั้มผมไปนะครับ..”
“ จ้าเดินทางดี ๆ นะ” ผมกำโทรศัพท์แน่น เมื่อมีไลน์เข้าจากไอ้ยูคยอม ที่คุยกันค้างเมื่อเช้านี้....เห็นแค่แว่บ ๆ กับข้อความป๊อปอัพที่เด้งขึ้นมา...แต่แค่นั้นก็ทำให้รู้สึกจุก จนเจ็บไปหมด...
ก้าวขาเดินออกจากตึกโรงพยาบาล ทั้งที่มือก็ยังกำโทรศัพท์อยู่....ไม่กล้าแม้จะแต่จะเปิดดู ทั้งที่คิดว่าตัวเองไม่ได้จะถลำลึกจนรู้สึกอะไรได้มาก...ไม่ได้ตั้งใจถามไป...แต่ก็ถามจนได้คำตอบ...
.....ผู้หญิงที่ชื่อ มินอี้...เป็นแฟนเก่าเฮีย ..แต่เธอบอกเลิกเฮียแจ็ค... แล้วหนีไปเรียนเมืองนอก ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าเพราะอะไร...แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว มาช่วยงานที่บริษัทพ่อเฮียแจ็ค....และที่สำคัญ....พ่อแม่ของทั้งสองคน...จะจับหมั้นกันเร็ว ๆ นี้...อันนี้เฮียมาร์คบอกมานะ....มึงอย่าคิดมากนะ ไม่ได้อยากบอกเลย ถ้ามึงไม่ถาม แต่เรื่องนี้รุ่นใหญ่รู้ทุกคน....
“ แบมแบม เป็นอะไรวะ”
“..เฮีย...แวน...มาเยี่ยม..”
“..ร้องไห้ทำไม...” ผมร้องไห้เหรอ....ก้มมองโทรศัพท์ตัวเอง ที่เปิดดูข้อความเต็มๆ ของไอ้ยูคยอม ก่อนที่เฮียแวนจะหยิบไปอ่านแล้วปิดออกให้ มือหนาเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างเบามือ...
“ ก่อนมึงจะคิดมาก มึงถามเพื่อนกูก่อนนะ อย่าทำตัวโง่เป็นนางเอกหนังที่ชอบคิดไปเอง จะกลับบ้านใช่ไหม กูจะไปส่ง”
“............................” เผลอพยักหน้ารับเฮียแวนไปแบบเบลอ ๆ เพราะสมองกำลังดีเลย์สุด ๆ มือถูกฉุดให้เดินตาม ได้ยินเฮียแวนบ่นอุบอิบชื่อไอ้ยูคยอม คงจะเรื่องที่มันบอกผมนี่แหละ...
..เรื่องนี้แมร่งน้ำเน่าชะมัด...มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผมได้...ก็ไม่ได้อยากเป็นนางเอกหนัง ไม่ได้อยากโง่...แต่ก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตที่สงบสุขและเป็นไปตามครรลองที่มันควรจะเป็น...และถูกต้องตามที่สังคมยอมรับ...เฮียแวนหยุดยืนที่ข้างรถตัวเอง ก่อนจะหันมามองหน้าผม...
" แบมแบม ถ้ามึงคิดว่าไอ้เชี่ยแจ็คมันคือของมึง...มันก็คือของมึง..มึงอย่าโง่ให้ใครมาแย่งมันนะ...มันอาจจะเหี้ยในสายตามึง แต่กูยืนยันว่าเพื่อนกูแมร่งแสนดีสัด...และที่สำคัญมันรักมึง...."
Talk : สกรีมฟิค #Ficbloodsch Twitter : Namtal1a
ความคิดเห็น