คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Sec 14/ Never get tired of doing for others
เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ในเช้าวันมีเรียน มันเป็นเรื่องปกติของทุก ๆ วัน ผมเปิดหนังสือคณิตศาสตร์ ก่อนจะนั่งดูคร่าวๆ ต่อจากเมื่อคืนที่ดูมาแล้วบ้าง เพราะเช้านี้มีเทสเก็บคะแนน เพื่อนผมก็ไม่ต่างกันทุกคนดูขยันเตรียมพร้อม ความจริงคืออาจารย์สอนและนัดสอบเมื่อวานที่พวกผมโดดเรียน และเพื่อนในห้องก็พึ่งไลน์บอกเมื่อเช้าก่อนมาเรียน...
“..มึง...กูไม่เข้าใจ...”
“...ฉลาดอย่างกูยังงง โง่ๆ อย่างมึงก็ต้องเป็นอย่างนั้น...”
“..ฉลาดจริงต้องไม่งงโว้ย มึงดูอย่างได้มาวินดิ นิ่งสุดอ่ะ..”
“...คนจริงต้องนิ่งพอโว้ย..เออ..ว่าแต่พวกมึงรู้ยัง อันนี้ข่าวลือนะ ว่าไอ้โยเรย์มันถูกพ่อแม่มันจับย้ายไปเรียนเมืองนอกแล้ว..กุว่าไอ้เจบีแมร่งก็ปกป้องน้องมันว่ะ..”
“...นั่นน่ะสิ แล้วมันทำเหี้ยอะไรน้องมันวะ ฐานะที่ก่อความวุ่นวาย...”
“ เงียบ! กุจะอ่านหนังสือ!”
“...........................” ...ทุกคนเงียบกันหมด ก่อนจะพร้อมใจกันหันไปมองไอ้ยองแจที่ตวาดขึ้นมาเสียงดัง หน้ามันไม่พร้อมรับแขกบ้านแขกเมืองที่ไหน พวกผมสี่คนที่เหลือหันหน้ามองกัน ก่อนจะก้มหน้าทำความเข้าใจแบบงง ๆ กับหนังสือคณิตศาสตร์ต่อ.....ก่อนหน้านี้ก็ยังดี ๆ อยู่...หงุดหงิดอะไรของมัน....
ในที่สุดก็ผ่านช่วงเวลากดดันไปกันจนได้...ถูๆ ไถ ๆ สีข้างถลอกไปจนได้...คาบบ่ายก็ว่างทั้งบ่าย พวกเรากลับมาจับกลุ่มนั่งข้างตึกอำนวยการ แต่ยองแจขอกลับบ้านก่อน...ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงว่าเพื่อนเป็นอะไร แต่เพื่อนไม่พูด พวกเราก็ไม่รู้จะทำยังไง... ยูคยอมอาสาจะเป็นหน่วยกล้าตายเข้าหาและถามต้นสายปลายเหตุเอง...เพราะปกติยองแจเป็นคนเงียบที่สุดในกลุ่ม แต่ก็ไม่ใช่คนที่ลึกลับจนพวกเราเข้าไม่ถึงอย่างนี้...
“ เฮีย ๆ หวาดดเดค๊าบบ”
“ดี!”
“เลิกยัง”
“ไม่มีเรียนแล้ว” ผมตอบคนที่นั่งลงข้าง ๆ กัน ที่ยังคงรับไหว้จากรุ่นน้อง ที่เข้ามาทักทาย...กลิ่นน้ำหอมจากตัวของอีกคนแค่ไม่ได้หันมองก็รู้ว่าใคร ร่างกายที่หนากว่าบังแสงแดดที่เล็ดรอดลงมาจากช่องว่างของใบไม้ของต้นไม้ข้างตึกอำนวยการได้จนมิด....เฮียแจ็คดึงกระเป๋าเป้ผมไปก่อนจะฟุบหน้าลง...
“กูมีเรียนอีกวิชานึง”
“.......................”
“ รอก่อน แล้วค่อยไปหาข้าวกิน” คนที่ฟุบหน้ากับกระเป๋าตะแคงหน้าหาผม ก่อนจะพูดงึมงำให้ไอ้ยินแค่สองคน...พวกรุ่นใหญ่กับเพื่อนผมที่เหลือก็คุยกันเสียงดังแทบจะไม่มีใครฟังใคร...
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
“....................” เมื่ออีกคนปฏิเสธ ผมก็ไม่ถามอะไรอีก ดวงตาคมมีรอยหมองคล้ำ ริมฝีปากซีด หน้าซีด ใบหน้าอิดโรยไม่สมกับที่บอกว่าไม่เป็นอะไร..มองคนที่หลับตาลงหัวหนุนกระเป๋าผมที่ทับแขนตัวเองอีกที....
“ ไข้แดก...แต่ไม่แดกยา..”
“.................” เฮียนัมพูดออกมา หลังจากที่ผมจงใจหันมองหน้าพี่แกที่กำลังจะเปิดหนังสือแต่งรถอ่าน มือเรียวก็คอยผลักหัวเฮียกัสที่เอียงมาซบแบบแกล้ง ๆ ผมว่าคู่นี้เหมาะสมกันแบบแปลก ๆ ร้ายแรงพอกันทั้งคู่....ก่อนหันมองคนที่ยังหลับตานิ่ง...
“..จะไปไหน...”
“..ไปห้องน้ำ..”
“.................” จับมือที่จับแขนผมไว้ หลังจากที่ตั้งใจจะลุกจากโต๊ะหินอ่อน...คิดว่าหลับไปแล้วซะอีก เห็นนิ่ง ๆ เริ่มหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่มือที่จับผมสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมา...แต่พอบอกจะไปห้องน้ำก็ยอมปล่อย...
“เฮียนัมเรียนอีกทีกี่โมงครับ”
“บ่ายครึ่ง”
“..................” ลุกจากโต๊ะ เมื่อได้รับคำตอบ...ถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะเดินไปตามที่ตั้งใจไว้...แคนทีนที่ยังเปิดอยู่ และห้องพยาบาล...ผมแค่รู้สึกว่า...ต้องทำอะไรบ้าง...แค่ไอร้อนจากมือคู่นั้นยังรู้สึกว่าทรมานแทน..คนที่ไม่ค่อยสะเทือนกับอะไรกับดูอ่อนแรง และไร้สีสันอย่างไม่น่าเชื่อ...
เมื่อได้ของที่ต้องการพร้อมน้ำเปล่าขวดนึงก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ทุกคนก็ยังนั่งกันอยู่สภาพเดิม คนที่นอนก็ยังนอนอยู่เหมือนเดิม.. แอบรู้สึกเกร็งๆ อาย ๆ เวลาเอากล่องข้าวกับน้ำไปวางบนโต๊ะ ส่วนยายังอยู่ในกระเป๋ากางเกง...
“ฮิ้วววว!”
“เงียบครับ”
“ครวยแบม บังอาจสั่งกู! เงียบก็ได้วะ” เฮียโจที่กำลังจะแหกปากแซวทันทีที่เห็นกล่องโฟมสีขาวพร้อมน้ำ คนอื่น ๆ ก็กำลังจะอ้าปากตอบรับ แต่โดนผมสกัดไว้ก่อน เลยหุบปากลง...ไม่วายด่ากลับที่บังอาจไปสั่งเฮียแก...ทำไมได้ก็ตอนนี้หน้าผมมันเห่อ ๆ ร้อนขึ้นมา...หรือจะไม่สบายไปด้วยอีกคน...
“เอ้า ๆ พ่อเทพบุตร...ลุกขึ้นมาแดกข้าว น้องเขาอุตส่าห์ถ่อไปซื้อให้..”
“ หุบปาก กุหนวกหู”
“ เชี่ย พอกันทั้งผัวทั้งเมีย”
“.................” ผมอยากจะเอาน้ำโยนใส่หน้าเฮียแวนที่สุด ไม่ติดว่ามันจะต้องมีคนต้องกินคงจะทำอย่างนั้น พูดออกมาหน้าตาเฉย คำพูดพวกนั้นมันไม่กระดากปากกันเลยรึไง คนที่ด่าเพื่อนเงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าก่อนจะจ้องกล่องโฟมสีขาวอย่างเบื่อ ๆ
“ กินหรือไม่กินก็แล้วแต่ นี่ยา”
“...อิ้ว อิ้ว อิ้ว...”
“พวกมึงก็หยุดล้อแบมแบมมันได้แล้ว มึงรู้ไหม กว่ามันจะกล้าทำอย่างนี้ กูว่าแมร่งรวบรวมกำลังลมปราณ ตั้งแต่ปลายเท้ายันแกนสมองอ่ะ ฮิ้วววว!”
“เฮียกัส!!”
“เออ ๆ เห็นมะ แยกเขี้ยวแล้ว บอกว่าอย่าล้อ....ทำไรจ๊ะเมียจ๋า”
“ล้างตูดให้พ่อมึงอยู่มั้งควาย เลิกกวนประสาทคนอื่นซักที” เฮียนัมได้ทีทั้งด่าทั้งตบหัว คนที่แซวผมเสร็จก็หันไปอ้อนแฟนตัวเอง...ทำเป็นบอกไม่ให้คนอื่นแซวผม แต่ตัวเองก็จัดเต็มจนอยากจะย้อนเวลากลับไป จะนั่งอยู่ที่เดิมนี่แหละ ไม่ลุกไปต่อแถวซื้อข้าว...หรือเดินไปขอยาเด็ดขาด..
“ มันเผ็ดรึเปล่า”
“ข้าวไข่เจียว ไม่เผ็ด”
“ อืม”
“...................” ผมมองคนที่หยิบข้าวกล่องมาเปิดออก ก่อนจะตักกินเรื่อย ๆ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้แอบกลัวคนเรื่องมาก บ้าอำนาจ.. จะให้ป้อน จะให้นั่นให้นี่จนผมรำคาญ.....แต่สุดท้ายกลับนิ่งกว่าที่คิด...กินจนหมดกล่องแล้วมัดใส่ถุงโยนใส่ไอ้มาวินให้เอาไปทิ้ง...
“ กินยา “
“ .....................”
“ นี่น้ำครับ “
“..................” ..ยังนิ่ง....กินข้าวเสร็จก็ฟุบลงที่กระเป๋าเป้ผมเหมือนเดิม...ข้าวกับยาแก้ไข้มันก็วางคู่กัน แต่กินแต่ข้าวยาไม่แตะ...ผมเลื่อนยากับน้ำให้ก็ยังนิ่ง ไม่ไหวติง...นี่สินะที่เอียนัมบอกว่า ไข้แดก แต่ไม่แดกยา....
“ อ่ะ ไอ้วิน มึงเอายากับน้ำไปทิ้งด้วย”
“ทิ้งไมวะแบม..ก็เฮีย..”
“ก็ไม่มีคนแดก จะเก็บไว้ทำซากอะไร” คนรึอุตส่าห์เดินไปห้องพยาบาล หลังจากซื้อข้าวเสร็จ มันห่างกันมากจนรู้สึกเหนื่อย...แต่มาทำตัวเป็นเด็กไม่สบายแต่ไม่กินยา...
“อุ๊ย ๆ งอน ๆ”
“ไม่ได้งอนครับ อย่าเข้าใจผิด...ถ้าไม่สบายแล้วไม่กินยา...จะได้รู้ไว้ว่าอยากตายเร็ว...”
“ ปากดี “
“ เฮีย มันเจ็บ!”
“...มีงรอข้าวกูเรียงเม็ดก่อนได้ไหม!..” งัดแขนคนที่เอื้อมมาคว้าคอผมเข้าไปหาตัวเอง...ไอร้อนยังแผ่มาถึงผม..แล้วยังจะไม่กินยา...เฮียแจ็คเงยหน้าขึ้นถอนหายใจ ก่อนจะเสยผมตัวเองให้เข้าที่...ทั้งที่วงแขนเลื่อนจากคอลงที่กอดที่เอวผมไว้หลวม ๆ...
.......ดูท่าแล้วคงจะไม่ถูกกับยาจริงๆ เพราะทำท่าเหมือนกำลังจะได้กินหัวกะโหลกไขว้....
“แหวนอะไรวะแบม กูพึ่งสังเกตสวยอ่า”
“แหวนกู เลิกแซว เลิกถาม”
“ครับเฮีย....แมร่งมึงทำคณิตได้ไหมวิน กูว่าแมร่งยากเยอะ” ไอ้ยูคยอมรับคำหัวหน้าแกงค์ตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังตีน ตีหน้าเนียนคุยเรื่องสอบต่อหน้าตาเฉย คนอื่น ก็ชะเง้อมองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายผมกันยกใหญ่ แต่พอได้ยินเฮียแจ็คบอก ก็พากันเข้าอกเข้าใจเลิกสนใจในบัดดล
.....แกงค์นี้เขาคัดเอาคนไม่เต็มเต็งเท่านั้นรึเปล่า...
“กินยังไง”
“....................” ผมเปิดซองยา หยิบยาแก้ไข้ออกมาสองเม็ด แก้อักเสบอีกสองเม็ด ก่อนจะเอาไปยัดใส่มือคนที่ทำท่าจะนอนลงอีกรอบ...พร้อมกับเลื่อนน้ำไปไว้ตรงหน้า...
“..................”
“...อีกสองเม็ดครับ...”
“...เชี่ย......” เอาจริงๆ ผมก็อยากจะหัวเราะนะ...เฮียแกเล่นเอายาเข้าปาก เคี้ยวหน้าตาเฉย ก่อนจะกระดกน้ำเข้าปาก...เมื่อยาแตกมันก็ขม ดูอีกคนที่ทำท่าผะอืดผะอมหมดความน่าเกรงขามแล้ว อยากจะขำจนลืมว่าคนตรงหน้าเป็นใคร...
“ ไม่ต้องเคี้ยวนะครับ มันไม่ใช่ลูกอม”
“ อย่ากวนตีน รู้หรอก”
“.................” แอบอมยิ้ม แต่แกล้งหันมองไปอีกทาง...ดูก็รู้ว่าถ้าไม่บอกก็คงเคี้ยว แล้วที่ผ่านมา เวลาไม่สบายทำยังไง...เฮียแจ็คโยนยาเข้าปาก ก่อนจะกลืนพรวดลงอย่างจริงจัง แล้วกระดกน้ำตามจนแทบหมดขวด...
“ อย่าให้รู้ว่าหัวเราะเยาะกู”
“ ...................” ส่ายหัวให้รู้ว่าไม่ได้ทำ ก่อนจะรับขวดน้ำใกล้หมดมาปิดฝาวางไว้....หรือกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าพวกเฮียจะขึ้นเรียน....เลือกจะหยิบโทรศัพท์ออกมานั่งเล่นเกมส์ เหล่มองคนที่หลับตาลงไปด้วยเป็นระยะ....
...น่ามอง...เพราะสีหน้าตอนที่หลับ...อย่างที่ผมเคยบอกว่า มันไร้พิษสง ไม่มีพิษภัยอะไร...ไร้อีโก้....ใบหน้าขาวใสดูอ่อนเยาว์กว่าที่เคยเห็นปกติ ความรู้สึกผมกำลังซึมซับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในหัวใจอย่างไม่ได้ตั้งใจ...แต่มันก็คงไม่เลวร้ายอะไรถ้าอีกคนไม่สร้างความทรงจำให้มันแย่จนเกินไป....
.................................
.................................
ตอนนี้ผมเดินหิ้วเป็ดย่างที่แวะซื้อที่เอ็มเค คนที่เดินข้าง ๆ ยังมีท่าทีอิดโรย เหนื่อย ๆ แต่ยังมีแรงพาผมออกมาซื้อกับข้าว เพื่อที่จะแวะไปกินข้าวที่บ้าน พอรู้ว่าพ่อกับแม่ผมไปต่างประเทศ ก็ไม่ยำเกรงอะไร ทั้งที่ตอนที่พ่ออยู่แทบจะไม่ย่างกรายเข้าไปแท้ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกล้าจะโทรไปขออนุญาตพ่อให้ผมไปเที่ยวทะเลในวันนั้นได้....
“ แวะไปหาหมอไหมครับ”
“ ไม่อ่ะ กูแค่ไม่สบาย ยังไม่ใกล้ตายซักหน่อย”
“............................”
“..เอาอะไรอีก...”
“ไม่เอาแล้วครับ ย่าบอกว่าทำกับข้าวไว้รอแล้ว....งั้นแวะซื้อยา...”
“ มึงเป็นอะไร จะแวะไปซื้อที่ตรวจครรภ์รึไง”
“ เฮีย! งั้นก็ปล่อยให้ตายๆ ไปละกัน” คนอุตส่าห์มีกะจิตกะใจจะเป็นห่วง แต่ดันมากวนประสาทจนได้....คนที่ไม่ได้ถืออะไรเดินตัวปลิวไปเข้าลิฟท์ ยังดีที่ยังรอผมอยู่.....ผมจะคุ้นชินเวลาเดินกับหัวหน้าแกงค์เพการ์ เพราะสายตาจากคนรอบข้างมักจะมุ่งเป้ามาที่เราเสมอ...ผมว่ายังไงเป้าก็ยังคงเป็นคนที่เดินข้างกันนี่แหละ...แค่ลำพังสาวๆ ที่เดินสวนก็หันกันขาขวิดแล้ว...ไหนจะพวกเด็กนักเรียนมอปลายที่กล้าๆ ตะโกนชมอีก...เฮียแจ็คคงจะชินแล้ว เพราะเฮียแกนิ่งตลอดเว แค่มีหันไปยิ้มโปรยเสน่ห์บ้างเวลาเจอจังๆ แค่นั้นเอง...
“....แบมแบม..”
“..อะไรครับ..”
“.....................” ผมหันมองคนที่เรียกชื่อผม... หลังจากที่เดินออกจากลิพท์มาชั้นใต้ดินที่จอดรถไว้...หันมองทางด้านหลังถึงรู้ว่าเพราะอะไร...ทำไมถึงไม่ได้สังเกตตั้งแต่ตอนแรก..
กลุ่มคนกว่าสามสิบคน อาวุธครบมือเท่าที่มองคร่าว ๆ ชุดช็อปที่ใส่ก็รู้ว่าที่ไหน....แล้วไอ้คนที่เดินนำมานั่นผมก็จำได้ว่าคือได้คนที่โดนคนร่วมสถาบันตัวเองตีจนสะบักสะบอม...มีมันคนเดียวที่ใส่ชุดธรรมดา...ถ้าวิ่งหนีไปตอนนี้จะทันรึเปล่า...แต่ผมว่ายังไงก็ไม่รอด แล้วคนที่หยุดยืนตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่เคลื่อนไหวไปไหน...
“ เฮียไปเถอะครับ!”
“ ไม่พ้นหรอก “ คนที่ผมดึงเสื้อให้วิ่งออกจากตรงนี้ด้วยกัน ยืนนิ่ง หันไปเผชิญหน้ากับพวกที่เดินเข้ามา...สายตาและท่าทางดูก็รู้ว่ากำลังแค้นแค่ไหน...ทำไมถึงไม่เลิกแล้วต่อกันซักที...แล้วถ้าให้เดาคนที่มันแค้นก็คงจะมีผมอยู่ในลิตส์บัญชีมันแน่ ๆ...
“...มึงพร้อมไหม ไอ้แจ็คสัน..ว่าไง ไอ้หน้าอ่อน...”
“......................” ในที่สุดพวกมันก็กระจายตัวล้อมผมกับเฮียแจ็คเอาไว้...ลอบกลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นทั้งสนับมือ ไม้ที แล้วไหนจะไม้เบสบอล..นี่มันกะเอาตายเลยใช่ไหม...
“ มีอะไรกับกู” คนที่พูดยังนิ่งเหมือนเดิม อย่างที่เคยเห็น...แต่ไม่เหมือนเดิมตอนที่ผมแตะแขนเฮียแล้วไอร้อนมันรุมกว่าตอนเที่ยงซะอีก...ใบหน้าหล่อดูซีดเซียวลง คงเพราะพิษไข้ที่กลับมาอีกรอบ....
“ กูจะเล่นงานมึงไง...พวกมึงทำกูแสบมากนะ...แต่คนอย่างกูกัดไม่ปล่อยโว้ย..”
“ พวกนี้มึงจ้างพวกมันมารึไง มันถึงยอมทรยศสถาบันมาเข้าแกงค์มึง”
“อย่าเสือก! เอาตัวเองให้รอดเถอะ กูจะดูว่าดวงมึงมันจะดีเหมือนไอ้เจบีไหม..ถ้ามึงเจออาวุธครบมือขนาดนี้..” มีดสั้นถูกชักออกมาจากกระเป๋ากางเกงของคนตรงหน้า ผมจำได้ว่ามันชื่อ กาย ตอนนี้แค่หวังในใจลึก ๆ ว่าจะไม่มีรถคันไหนหรือใครโดนลูกหลง..
“ แบมแบม วิ่งออกไปให้ไวที่สุด”
“ เลิกล้มความคิดนั้นไปเหอะเฮีย”
“..งั้นก็จับพวกสนับมือ หลบมือพวกมันให้ได้ก็จบ...ใส่ใจแค่คู่ต่อสู้ ไม่ต้องกังวลอย่างอื่น แม้แต่กู...”
“ ครับ “
“ลุยย!!”
“เฮ!!!!!”
“.................” ผมย่อตัววางกล่องเป็ดย่างของย่า ออกแรงผลักอย่างแรงให้มันเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถคันที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเบี่ยงตัวหลบคนที่รุมเข้ามา....เลิกสนใจเฮียแจ็ค เพราะมั่นใจว่าเฮียเอาตัวรอดไว้ และผมจะต้องไม่เป็นตัวถ่วง....เป็นไปตามคาด พวกที่เข้าหาผมคือพวกสนับมือ เพราะพวกอาวุธยาวใหญ่ วิ่งเข้าหัวหน้าแกงค์เพการ์ รวมทั้งไอ้กายด้วย...
“ โอ้ยย!!”
“....................” รู้สึกสะใจเวลาที่พวกมันร้องเสียงดัง...เทควันโด้สายดำสอนให้ผมหลบและหลีกเป็น รวมทั้งหาทางโจมตี แต่เนื่องจากได้คนที่เข้ามารุมแต่ละทีไม่ต่ำกว่าห้าคน เลยต้องทำทุกอย่างเร็วกว่าปกติถึงห้าเท่า...ไม่คิดว่าตัวเองจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้ เพราะตาผมสามารถจับมือเท้าพวกนั้นได้หมด ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแล้วประเคนลูกถีบ และหมัดให้สมกับที่พวกมันต้องการ...
....ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาของคนที่คอยจับจ้องผมอยู่....
“ เชี่ย!!”
“เฮีย!!”
พลั่ก!!
“.............” ผมกระโดดถีบไอ้คนที่กำลังจะเข้าไปซ้ำคนเสียหลัก...สีข้างของเฮียแจ็คสันมีรอยเลือดไหลออกมาจากมีดไอ้กาย....และรอยเลือดยาวที่แขน..ไม่รู้ว่าโดนตั้งแต่เมื่อไหร่...แผ่นหลังกว้างติดรถและแข้งขาอ่อน...เฮียกำลังอ่อนแรงเพราะพิษไข้เพียงแค่ผมสัมผัสความร้อนและเหงื่อที่ชื้นตามผิวหนังแทบทำให้ผมหายใจไม่ออกไปด้วย.. แล้วยังได้รับบาดเจ็บ...ถึงแม้จะแข็งแรงแค่ไหนแต่ช่วงเวลาที่ไม่ไหวก็คือไม่ไหว … มันจะมีหนทางอื่นอีกไหมนอกจากฆ่าแกงกัน...
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
“...หยุดให้โง่รึไง ไอ้บ้า!!..ลุยมัน!!..”
“..ถอยไปแบมแบม!”
“ พวกมึงจะเอายังไง!!”
“ เฮ้ย!..” ผมยืนบังเฮียแจ็คอยู่...ตอนนี้เสื้อนักศึกษาสีขาวมีเลือดโชมอยู่...ร่างกายที่เคยแข็งแกร่ง กลับยืนโงนเงน..มือหนาพยายามดึงผมเข้าไปหา เพื่อที่จะให้หลบด้านหลังตัวเอง...แต่ผมเลือกที่จะปัดมือแล้วออกมายืนเผชิญหน้ากับพวกที่ยอมหยุด...เพราะไอ้กายมันสั่ง...
“...กูจะเอาเลือดไอ้แจ็คสันมาล้างตีนกู...แล้วก็เลือดมึงด้วย...”
“...เพื่ออะไร...”
“ เพื่อความสะใจไง...หรือไม่...มึงก็แก้ผ้าเต้นจ้ำบ๊ะให้กูดู ฮ่าๆๆๆ..” ความคิดมันก็ยังเสื่อมและถ่อยไม่เปลี่ยน...ศักดิ์ศรีของเด็กช่างอย่างแท้จริง หาไม่ได้จากไอ้เชี่ยนี่...ผมจ้องตามันไม่ลดละ...ตอนนี้มีพวกที่ลงมาลานจอดแต่ก็วิ่งกลับไป..ไม่มีใครกล้าเข้ามา...และที่สำคัญผมไม่เห็นแม้กระทั่ง รปภ. ลานจอดซึ่งปกติจะต้องมี...
“ มึงต้องการเลือดกู ?”
“ ใช่กูต้องการเลือดมึง..มาล้างตีนกู...หรือไม่ก็ให้เมียมึงแก้ผ้าโชว์ ว่าไง!”
“ วิธีไหนก็ได้ใช่ไหม” ผมเซไปข้างหลังเล็กน้อยเมื่อเฮียแจ็คเดินออกมา พยายามยืนให้ตรง ทั้งที่เลือดยังซึมออกมาจากแผล ผมเกาะแขนเฮียไว้ แต่อีกคนสะบัดออกและดันผมไปด้านหลังเหมือนเดิม...
“มึงจะทำอะไร!”
“...ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น ถ้ามึงได้อย่างที่พูด ก็อย่ามายุ่งกับพวกกูอีก..อย่ายุ่งกับคนของกู...อย่ายุ่งกับแบมแบม!...”
“ เฮีย!!”
ผมมองหยาดเลือดที่หยดลงบนรองเท้าของไอ้กาย หลังจากที่เฮียแจ็คเดินเข้าไปหาคนที่ถือมีดอยู่...มือหนากระชากมีดมาถือไว้เองก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้า ก่อนจะกรีดมีดลงที่ท้องแขนตัวเอง ก่อนเลือดสีแดงสดจะไหลลงจากบาดแผล ราดรดลงบนรองเท้าของไอ้กาย...
ใบหน้าหล่อยังนิ่งสนิทเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร...ร่างกายที่โงนเงนก่อนหน้านี้ กลับดูมั่นคง และแน่วแน่...ผมกลืนน้ำลายก่อนจะค่อย ๆ เดินไปจับคนที่ยังปล่อยให้เลือดไหลลงใส่รองเท้าสีดำของคู่อริ...เฮียเจ็บใช่ไหม...เจ็บมากรึเปล่า...
“ ฮึก ฮืออ เฮีย พอ เถอะ”
“..ไม่เป็นไร..” มือซ้ายทิ้งมีดลง ก่อนจะวาดกอดตอบผมที่เดินเข้าไปหาแน่น...ทำไมผมถึงร้องไห้...ทำไมถึงต้องเสียน้ำตาเมื่อมองเห็นหยดเลือดที่ไหลออกมาอย่างมากมาย...กลายเป็นผมที่ขาอ่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีเรี่ยวแรงมากมายแท้ ๆ...
...ดวงตาคมที่จ้องอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยชัยชนะ ไม่ได้พ่ายแพ้อะไร....
....ใช่...หวัง แจ็คสัน...กำลังชนะ...ชนะทุกคน...ชนะด้วยวิธีของตัวเอง...และกำลังชนะ...แม้กระทั่ง...
....หัวใจของผม...
Talk : สกรีมฟิค #Ficbloodsch Twiter : Namtal1a ปล. ไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ
ความคิดเห็น