คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Sec 13 / Friendship, freedom, honesty, trust,
พวกเรากลับไปที่บ้าน ไม่ถึงชั่วโมงพวกที่ตามมาก็มาถึงบ้านพักเฮียออกัส พอรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อย พวกก็พากันตั้งวงข้างชายหาด คุยกันเสียงดังเซ็งแซ่ ส่วนพวกรุ่นใหญ่ก็ขึ้นห้องนอน เพราะต้องขับรถกลับตอนเย็น...ไม่ได้ร่วมดื่มกับพวกที่ตามมาสมทบ...เพราะเห็นว่าพวกนี้จะอยู่เที่ยวต่อถึงจะกลับ...สรุปคือก็ได้โดดเรียนคนละวัน...
“ดูแลน้องดี ๆ นะพวกมึง มีอะไรก็บอกแม่บ้าน อย่าทำบ้านกูเละเทะ”
“ค๊าบเฮีย ผมสาบาน จะดูแลรักษาบ้านเฮียเท่าชีวิต!”
“ เออ พวกกูไปละ”
รถของพวกเราค่อย ๆ เคลื่อนออกจากตัวบ้านตอนประมาณบ่ายสอง ยิงยาวถึงกรุงเทพฯ ก็เกือบห้าโมงเย็นเพราะรถติด พวกเราแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่เฮียแจ็คมาส่งผม ก่อนจะต้องกลับเพราะถูกที่บ้านโทรตาม...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังลีลาอิดออดอ้อนคุณย่าหัวเราะกันเสียงดังอยู่นานสองนาน...เวลาอยู่กับคุณย่าร่าเริงจนผมนึกภาพหัวหน้าแกงค์เพการ์ซัสไม่ออก...
“..คุณย่าครับ..คือ...”
“ มีอะไรก็ว่ามาสิ เด็กคนนี้ เป็นลูกผู้ชายพูดจาให้ฉะฉานเหมือนพี่แจ็คสันเขานู่น” นั่นไง นั่นสินะหลานตัวจริง ผมยู่ปากทำงอนใส่คนที่เอาผมไปเปรียบเทียบกับเฮียแจ็ค คุณย่ายิ้มก่อนจะลูบหัวผมเบา ๆ ขยับตัวเข้าไปกอดเอวคุณย่าหลังจากที่เดินไปนั่งข้างคุณย่าบนโซฟาในห้องนั่งเล่น...
“พี่เจบีอ่ะครับ บาดเจ็บนิดหน่อย แล้วแบมอยากไปเยี่ยม”
“อ้าว จริงเหรอ...แล้วเรารู้จักบ้านพี่เขาไหม..”
“ไม่รู้ครับ แต่แบมจำได้ว่าเขาเคยคุยกับคุณย่า”
“บอกว่าแค่อยู่แถวไหน ไม่ได้บอกทั้งหมด แล้วทำไมแบมไม่โทรหาพี่เขาล่ะลูก”
“ แบมไม่มีเบอร์” จริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากจะวุ่นวายเท่าไหร่ แต่มาคิดดูแล้วในเมื่อทุก ๆ อย่างต้นเหตุมันเกิดจากผม แล้วอีกคนก็คอยช่วยเหลือทำให้รู้สึกดี ๆ ในหลายครั้ง...ผมควรจะมีน้ำใจบ้าง ไม่พูดก่อนหน้านี้เพราะเฮียแจ็คอยู่ ไม่อยากจะให้มีปัญหา ทั้งที่รู้ว่ายังไงเฮียแจ็คต้องรู้ว่าบ้านเฮียเจบีอยู่ไหน..
“งั้นเหรอ เดี๋ยวย่าจัดการให้”
“ คะ ครับ” ย่าจะจัดการให้ยังไง...คุณย่าพูดแล้วลุกจากโซฟา ก่อนจะยกหูโทรศัพท์บ้าน แล้วกดหาใครซักคน....คุณย่าถือสายรอซักพักแล้วก้มลงจดยุกยิก เหมือนได้สิ่งที่ต้องการแล้ว...
“เอ้า ที่อยู่พี่เขา”
“คุณย่าเช็คยังไงครับ”
“ความลับ ไปเถอะลูกมันจะดึก อย่าลืมแวะซื้ออะไรไปด้วยล่ะให้ลุงจันทร์ขับรถไปให้ เดี๋ยวย่ากำชับให้อีกทีว่าอยู่แถวไหน” คุณย่ายื่นกระดาษที่จดที่อยู่มาให้ ก่อนจะเรียกให้เด็กในบ้านตามลุงจันทร์มาให้..
“รักคุณย่าจัง”
“อย่ามาอ้อน..ย่าก็รักแบมแบมลูก..” รักจริงๆ ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากผู้หญิงคนนี้...คนที่กำลังพยายามชดเชยทุกอย่างให้ผม ไม่ว่าจะในฐานะย่า และฐานะแม่...แววตาหวงแหน ห่วงใย และอ้อมกอดอบอุ่น ผมรับรู้ได้โดยไม่ต้องบอก...
......................
.....................
ตอนนี้ยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ถึงไม่ใหญ่เท่าบ้านเฮียแจ็ค แต่บริเวณบ้านก็กว้างไม่ต่างกันเลย ทำให้การชะโงกหน้าเข้าไปดูในบ้านมันเปล่าประโยชน์ ผมเลยกดกริ่งหน้าบ้าน เห็นคนสวนวางสายยางแล้ววิ่งมาหา...ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว ไฟตามรั้วถูกเปิดขึ้น...
“มาหาใครครับ”
“เอ่อ ผมเป็นเพื่อนเจบีครับ”
“ตอนนี้คุณเจบี ยังอยู่โรงพยาบาลนะครับ ยังไม่ได้กลับมาบ้าน”
“ แล้วทราบไหมครับว่าอยู่โรงพยาบาลไหน” ผมรีบถามเพราะถ้าสองทุ่มแล้วจะหมดเวลาเยี่ยม ก่อนจะมาก็ลังเลแล้วว่าน่าจะอยู่โรงพยาบาล แต่ผมก็ไม่รู้อีกว่าโรงพยาบาลไหน เลยกะว่ามาหาที่บ้านแล้วถามเอา เพราะที่ย่าให้ก็มีแค่ที่อยู่ไม่มีเบอร์โทร...
...แต่ผมว่าเส้นทางแถวนี้มันคุ้น ๆ เหมือนเคยมา....
“ครับ อยู่โรงพยาบาล xxxx”
“ขอบคุณครับ”
ผมรีบกลับมาขึ้นรถแล้วบอกปลายทางลุงจันทร์ ยกโทรศัพท์โทรหาคุณย่าว่าจะไปหาเฮียเจบีที่โรงพยาบาล โชคดีที่จากบ้านเฮียเจบี กับโรงพยาลเอกชนชื่อดังมันไม่ไกลกันมาก ทำให้ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที รถผมก็จอดเทียบอยู่บริเวณลาดจอดรถแล้ว..
“ลุงจันทร์ไปไหนก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวแบมโทรหา”
“ไม่เป็นไรครับคุณแบม ลุงรออยู่แถวนี้แหละ” ผมพยักหน้าก่อนจะหิ้วตะกร้าผลไม้ที่แวะซื้อก่อนหน้านี้....ไปเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล ก่อนจะสอบถามชื่อและได้รับข้อมูล...VVIP ROOM...
ก๊อกๆๆ
“.....................” เคาะประตูซักพักยังไม่มีคนมาเปิด เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป...ห้องกว้างเหมือนห้อง ๆ นึง...เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ไม่มีแม้แต่เสียงทีวี เดินผ่านโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ ชุดรับแขกเหมือนกับห้องคอนโด มีอีกห้องที่ถูกแบ่งออกจากห้องที่มีโซฟา แค่เปลี่ยนจากประตูเป็นม่านบังตาที่ตั้งอยู่ด้านหน้า...
“ ขออนุญาตครับ”
“.....................” ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเริ่มลังเลว่าจะถอยหรือจะเดินเข้าไปในห้องนั้น...แต่ยังไงก็มาแล้ว...ตัดสินในเดินผ่านม่านบังตา ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องที่ผมเดาว่าน่าจะใช่ห้องผู้ป่วย...
ยิ้มออกในที่สุด เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้เข้าห้องผิดห้อง ภาพผู้ชายร่างสูงนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ขาข้างนึงถูกเข้าเฝือกแต่ไม่ได้ห้อยเหมือนที่เคยเห็น ส่วนแขนข้างซ้ายก็มีเฝือกอ่อนเหมือนกัน...เอาไงดี...เฮียเจบีหลับอยู่ แล้วไม่มีใครให้ฝากผลไม้ไว้ด้วย...หรือจะเอาวางไว้อย่างนี้ดี
“ เที่ยวสนุกไหม”
“เอ่อ! ตื่นแล้วเหรอ” ทำหน้าเหรอหราเมื่อจู่ๆ คนที่คิดว่ากำลังหลับสนิท จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาทำเอาผมที่มัวแต่หาที่วางผลไม้ถึงกับสะดุ้ง...ก่อนจะหันไปมองคนถาม ..ใบหน้าหล่อถึงจะซีดเซียวและมีรอยช้ำอยู่หลายจุด แต่ก็ยังหล่ออยู่ มิน่าไม่ได้ยินเสียงผมเข้ามา พึ่งมองเห็นหูฟังที่เฮียเจบีถืออยู่ คงพึ่งดึงออกจากหูตัวเอง และผมก็ไม่ทันสังเกตตอนแรก แสดงว่าเฮียไม่ได้หลับแต่แค่หลับตาฟังเพลง...
“...ไม่ได้หลับ...”
“..คือ ผมมาเยี่ยม..”
“ กูรู้แล้ว มึงมานี่คงไม่ได้มาขโมยของ”
“ แล้วไม่มีคนอยู่เลยเหรอครับ”
“กลับไปกันหมดแล้ว คงจะมาใหม่ก่อนสองทุ่ม”
“ ..คือ..” กลายเป็นไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง ผลไม้ถูกวางไว้บนเคาท์เตอร์มุมห้อง...ไม่รู้จะพูดหรือจะถามอะไร อีกคนทอดสายตามองผมเหมือนจะรอฟังว่าผมจะพูดอะไร แต่ก็ยกยิ้มมุมปากเมื่อผมเงียบ...
“กูถามว่าไปเที่ยวสนุกหรือเปล่า”
“สนุกครับ แล้วเฮียเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ตาย...เรียบร้อยดีไหมที่นั่น..”
“ เรียบร้อยดีครับ...คือ..ขอโทษที่ผมเหมือนจะเป็นตัวต้นเหตุทั้งหมด..”
“ ต้นเหตุอย่างมึงอ่ะ มันไม่ใช่ชนวนหรอก...กูไม่ตาย เรื่องราวจบลงด้วยดี ก็ถือว่าทุกอย่างโอเค ไม่ใช่รึไง หรือไอ้แจ็คสันมันว่าอะไร”
“ เปล่า เฮียแจ็คสันไม่ได้ว่าอะไร...กินผลไม้ไหม คุณย่าฝากบอกด้วยว่าเป็นห่วง...”
“ งั้นเหรอ ก็ดี ไว้หายแล้วจะไปเยี่ยม”
“......................” ลุกจากเก้าอี้ เพราะรู้สึกอึดอัดเลยหาทางเลี่ยงออกมา ก่อนจะหยิบตะกร้าผลไม้ เลือกเอาส้มกับแอปเปิ้ลออกมา เดินไปหาเคาท์เตอร์เล็ก ๆ ภายในห้อง ที่มีซิงค์ล้างจานและมีดและจานใบเล็กวางอยู่ ...
...ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้ได้ว่าสายตาคมคู่นั้นกำลังจ้องผมอยู่...ยังมองอยู่ถึงแม้ว่าผมไม่เคยที่จะหันกลับไปมองเลยว่าอีกคนรู้สึกยังไง....
“เจ็บมากไหมครับ”
“ เจ็บ”
“...................” มองคนที่ตอบคำถามผมทันที แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก วางจานผลไม้ไว้ตรงเคาท์เตอร์หัวเตียง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม...จ้องตากับคนตอบ...ไม่รู้ว่าตัวเองมองอีกคนด้วยสายตาแบบไหน...
“ แต่ไม่ตายหรอก ทนได้”
“...ขอโทษครับ..”
“ รอบนี้เรื่องอะไร”
“...ไม่รู้.....” แค่อยากขอโทษ...แววตาคมที่จ้องกลับมายังคงแน่วแน่ และไม่ไหวเอนต่อสิ่งไหน...เหมือนกับบอกเป็นนัยๆ ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่เปลี่ยนใจ จะไม่สูญเสียความตั้งใจ....
“ ถ้าเรื่องอื่นนอกจากเหตุการณ์เรื่องสถาบัน กูไม่รับ”
“..นี่ครับ..”
“.....................” เฮียเจบีอ้าปากรับแอปเปิ้ลที่ผมป้อน...ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่กลับรับรู้ความรู้สึกของคนที่นอนบนเตียงผ่านสายตาที่ส่งมา...เลือกที่จะลุกแล้วหยิบจานผลไม้มายืนข้างเตียงคนป่วย แล้วยื่นชิ้นผลไม้ที่ปอกด้วยตัวเองส่งเข้าปากคนที่นอนอยู่....
“ มึงรู้ใช่ไหมว่าทำอย่างนี้ มันคือการให้ความหวัง”
“ ..ผมไม่ได้ให้ความหวังใครทั้งนั้น...แค่อยากตอบแทนความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้มา...” มือผมหยุดชะงักเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจับไว้...เฮียเจบีพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แววตาที่ทอดมามันอ่อนโยน แววตาที่ผมเชื่อน้อยคนที่จะมีโอกาสได้เห็น...
“..ไม่จำเป็นหรอก...เพราะมันไม่ได้ทำให้กูรู้สึกดี...ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่กูได้รับ มันไม่ตรงกับที่กูต้องการ...”
“..แต่ผมจะทำ...ทำจนกว่า เฮียจะเกลียดผม...”
“..กูไม่เคยเห็นคนที่ร้ายอย่างมึงมาก่อนเลยแบมแบม..”
“........................” ...ใช่ผมร้าย....ร้ายที่ให้และเป็นอย่างที่คนอื่นต้องการไม่ได้...ผมเลือกที่จะหันหลังให้ความรู้สึกคนอื่นก็ไม่ได้ เลือกที่จะทำร้ายคนที่รอความหวังด้วยการทำตัวเหมือนให้ความหวัง...
“ ให้กูอยู่อย่างนี้แหละ ไม่ต้องมาทำดีด้วย”
“......................” อีกคนปล่อยมือให้เป็นอิสระ ก่อนจะเอื้อมมือที่จับมือก่อนหน้านี้ขึ้นมาลูบแก้มผม...รอยลูบแผ่วเบา ตาคมก็ยังจ้องมองไม่ได้หลบ...ผมคิดผิดใช่ไหม ที่เคยคิดว่าเข้าหาใครต่อใครด้วยการทำดีด้วยจะได้ผล...ทุกคนจะยินดี และ รู้สึกดีกับผม
“...ถ้าเวลามันผ่านไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกคนเรามันก็เปลี่ยนไป..”
“..มันก็คงใช่...แต่..แค่บางคนเท่านั้นแหละ..” เสียงทุ้มน่าฟังกับสัมผัสที่แก้ม มันทำให้ผมนิ่ง...นิ่งเงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง...ดวงตาที่จ้องมามันดึงดูดให้ผมดำดิ่งสู่ความรู้สึกเจ็บปวดที่อีกคนมี...ทั้งที่เจ้าของดวงตาไม่ได้แสดงอะไรให้ผมได้เห็นเลยซักนิด...
“..แหวนกูยังอยู่ไหม...”
“...ยังอยู่เสมอ....ก็เฮียเป็นคนสวมให้เอง...และผมก็ยังไม่ได้ถอด...” ยกมือข้างซ้ายโชว์...ตอนนี้นิ้วผมก็ยังว่างเปล่าไม่มีแหวนของใคร แม้แต่แหวนของแกงค์เพการ์...ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครทักท้วงเรื่องนี้...แต่มันก็ยังมีแหวนอีกวงที่อีกคนสวมให้ในวันนั้น
“...มันจะยังอยู่ได้อีกนานไหม...”
“...อยู่ตลอดไป...จนกว่าเฮียจะถอดออกเอง...”
“...แบมแบม...กูรักมึงได้ใช่ไหม....” น้ำเสียงที่เปร่งออกมาเหมือนเค้นจากความรู้สึกทั้งหมด เสียงทุ้มน่าฟังกำลังสั่น ถึงแม้จะแค่นิดเดียวแต่ผมก็สัมผัสได้ว่าอีกคนกำลังกลัวคำตอบ...กลายเป็นมือผมเองที่เอื้อมไปจับใบหน้าหล่อของคนที่นอนอยู่.... ความคิดผมกำลังแรนดอมหาคำตอบที่คิดว่ามันตรงกับความรู้สึกตอนนี้ที่สุด....
“..เรื่องของหัวใจ...ผมห้ามใครไม่ได้...เฮียเองก็รู้แก่ใจว่าจะรักได้หรือไม่ได้...รักได้แค่ไหน..ถ้ารักตัวเองจะต้องไม่เจ็บปวด..ไม่ทรมาน..แต่ถ้าวันนึงความรักมันทำให้รู้สึกว่ากำลังจะตาย..หายใจไม่ออก...ก็ควรจะปล่อย..”
“...ไม่มีวันนั้นสินะ วันที่กูจะได้ยืนเคียงข้างมึงเหมือนไอ้แจ็คสัน..”
“......................” เลือกที่จะเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร...ไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้ว่า ต่อไปจะเป็นยังไง เพราะตอนนี้ระหว่างผมกับเฮียแจ็คก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร...มันแค่ดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะชัดเจน....หรือกำหนดทิศทางที่แน่นอนได้แล้ว...
...ทุก ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามความรู้สึกและวันเวลา....ผมไม่เคยคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่ต้องการ และทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม...
“...ไม่ต้องห่วงหรอก...เพราะกูไม่เคยคิดไว้ว่าจะรักมึงอีกนานแค่ไหน...แค่รู้ว่าเมื่อวานรัก วันนี้รัก ..ส่วนพรุ่งนี้..กูไม่เคยคิดว่าจะเป็นยังไง...แต่ถ้าให้พูดตอนนี้...กูก็บอกได้ว่า...กูรัก..”
“............................”
/ ชอบ...กับ..รัก...สำหรับกู...กูแยกมันไม่ออกหรอกว่าแบบไหนคืออะไร...แต่ตราบใดที่กูยังไม่ดีในสายตามึง...กูจะไม่บอกรักมึง /
คำพูดของอีกคนลอยเข้ามาในหัว...ทัศนะคติของทั้งคู่ช่างแตกต่างกัน...แต่เหมือนกันตรงที่กล้าที่จะพูดโดยที่ไม่กลัวว่าผลที่จะตามมาคืออะไร...ถ้าผมตอบรับได้ ตอบรับกับความรู้สึกของทุกคนที่มีให้คงจะดีไม่น้อย จะได้ไม่มีใครเจ็บ...
...จากคนที่ไม่สนใจใคร..เดินหนีความรู้สึกของใครต่อใคร...กลับกลายเป็นแคร์ความรู้สึกนึกคิดของคนที่เดินเข้ามาหา...แบมแบมนายกลืนน้ำลายตัวเองสินะ..ที่เคยบอกว่าจะไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง...
“..ถ้ามึงรักไม่ได้...ก็ปล่อยให้กูรักมึงต่อไปเถอะ...จนกว่าจะเปลี่ยนใจเอง..”
“...ครับ...รักผมต่อไปเถอะ...”
“......................”
“.....................” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ...หัวใจผมมันช่างร้ายกาจอย่างที่อีกคนว่า...ชั่วอึดใจที่อีกคนรั้งแขนผมให้โน้มลงไปหา....
ริมฝีปากสัมผัสกันเพียงเพราะผมยอม...ยอมที่จะโน้มตัวลงไปตามแรงดึง...ริมฝีปากนุ่มหยุ่นของหัวหน้าแกงค์ยูนิคกำลังบดเบียดกับริมฝีปากผม มือหนาที่ดึงแขนผมก่อนหน้านี้กำลังกดท้ายทอยผมให้เข้าหามากขึ้น...ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปากผมอย่างง่าย ๆ ก่อนจะไล่วนกับลิ้นผม...ยอมที่จะหลับตาลงซึมซับรสสัมผัสที่อีกคนมอบให้...ด้วยความเต็มใจ...
ติ้ง! ติ้ง!
God Pegar : ลงมาได้แล้ว กูรออยู่
ผมนึกออกแล้วว่าซอยบ้านเฮียเจบีที่ว่าคุ้น ๆ คือ ซอยเดียวกับบ้านเฮียแจ็คสัน...วันนั้นที่เจอกัน เฮียเจบีตั้งใจขับรถตามผมออกมา จากข้อความของเฮียแจ็ค ผมคิดว่าถ้าไม่โทรไปหาย่า ก็คงจะเห็นผมจากตรงไหนซักที่ในซอยบ้านตัวเอง...พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อกันหนาวที่ใส่อยู่....
“ ไปเถอะ...ไอ้แจ็คสันมันไม่ชอบรอใครนานๆ ...มันไม่ใจเย็นเหมือนกู...”
ปิดประตูห้องผู้ป่วยวีวีไอพีลง ก่อนจะพิงอยู่หน้าประตูนั่นก่อน....ช่วงที่ผ่านมาแค่ไม่กี่วัน ผมพบเจอกับเรื่องต่างๆ มากมาย ความรู้สึกหลากหลายจนคิดว่าตัวเองปรับตัวไม่ทัน จนยอมที่จะไหลไปกับกระแสความคิดของคนรอบข้าง...รวมทั้งคิดว่ากำลังเดินเข้าหาวังวนของความรักที่มันเคยผิดแปลกสำหรับผม...เปิดใจยอมรับความใจดีของใครต่อใครทั้งที่รู้ว่าตัวเองอาจจะไม่มีโอกาศได้ตอบกลับความรู้สึกพวกนั้นเลย...
“ กินอะไร “
“ กลับไปกินข้าวกับย่า ” ผมตอบคำถามคนที่ลงทุนขับรถมารับ แล้วบอกให้ลุงจันทร์กลับบ้านไปก่อน...ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้
“ ...อืม.....”
“ ซื้อเข้าไปกินด้วยกันก็ได้ ย่าคงจะดีใจ ”
“ แล้วมึงล่ะ “
“..ก็ยังไงก็ได้..”
เอี๊ยด!
“....................” หันมองคนที่จู่ ๆ ก็เบรกรถกะทันหัน ถ้าไม่คาดเบลท์หัวผมคงกระแทกคอนโซลหน้ารถแน่ ๆ คนขับจ้องมองถนนข้างหน้านิ่ง ก่อนจะหันมามองผม...
“ มันต้องไม่ใช่อย่างนั้นสิแบมแบม”
“ อะไร?”
“ ในเมื่อมึงบอกว่าไม่ชอบถูกบังคับ เวลากูถามมันต้องมาจากความต้องการของมึง ไม่ใช่อะไรก็ได้!”
“..เรื่องแค่นี้เองนะ!..” ...ทำไมต้องทำท่าทางโกรธขนาดนั้นด้วย...
“.........................”
“..เฮีย! อื้อ.......” ดันหน้าอกของคนที่จู่ๆ ก็คว้าไหล่ผมเข้าไปก่อนจะโน้มไปเพื่อกดจูบ...จูบที่รุนแรงต่างจากที่ผมได้รับเมื่อครู่จากอีกคน...แต่สุดท้าย...ก็ยอมอยู่นิ่ง ๆ เพื่อรับจูบ...และยอมที่จะจูบตอบ..เสียงเฮียนัมแทรกเข้ามาทันทีที่ยอมผ่อนคลายและจูบตอบ..เริ่มคุ้นชินกับรสสัมผัสของคน ๆ นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่....ทั้งความคิดและจิตสำนึกของผมกำลังตีรวนกันอย่างรุนแรง...
...มันก็แค่แสดงออกในแบบของตัวเอง...
...และผมก็เลือกที่จะปล่อยเรื่องทุกอย่างให้เป็นไปตามความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน....
สุดท้ายพวกเราก็ซื้อกับข้าวซึ่งผมเป็นคนเลือกเองคือปลานึ่ง น้ำจิ้มแซ่บๆ กับต้มจืดปลาหมึกยัดใส้ที่คุณย่าชอบ ส่วนอีกคนที่บอกให้ผมเลือกให้ เลยตัดสินใจเลือก แกงเขียวหวาน ดีที่โทรไปบอกคุณย่าทันเรื่องอาหารค่ำ ไม่งั้นท่านคงจะทานก่อนแน่ ๆ ส่วนอาหารค่ำที่แม่บ้านทำสำหรับสองที่ก็ถูกแพ็คเก็บเข้าตู้เย็นเพื่อเอาไว้อุ่นกินตอนเช้า....
“ว่ายังไงพี่แจ็คสัน คุณย่าคิดถึงจังเลย”
“ผมก็คิดถึงคุณย่าครับ”
“พึ่งเจอกันไม่ใช่เหรอครับ” อดเหน็บสองคนที่โผกอดกันทั้งที่พึ่งจะร่ำลากันเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา...แต่ทั้งคู่ก็แค่มองหน้าผมแล้วหันไปหัวเราะกันสองคน...ผมชักจะหมั่นไส้คนสองบุคลิก ช่างแตกต่างตอนอยู่กับผมแล้วอยู่กับย่า....
อาหารเย็นสิ้นสุดลงในที่สุด ตามด้วยของหวานที่แม่บ้านจัดออกมาเสริฟ นั่งคุยกันอยู่จนเกือบสามทุ่ม คุณย่าเลยขึ้นห้อง เหลือผมกับเฮียแจ็คที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ดูฟุตบอลแบบต่างคนต่างดู
“................” แต่ก็ต้องหันมองมือตัวเองทันทีที่ถูกอีกคนกุมไว้...ไม่ดึงออกและไม่ขยับหนี...ยังคงนั่งดูบอลกันต่อนั่งดูทั้งที่ไม่เคยติดกีฬาประเภทนี้...
“ เจบีเป็นยังไง”
“ก็ ดูเหมือนว่าขาจะหัก แขนหัก”
“ แบมแบม “
“.....................”
“...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...คนที่มึงจะรักได้...คือกูคนเดียวเท่านั้น..”
“.....................”
“..กูไม่ได้บังคับ...แค่มั่นใจ..ว่าจะทำให้มึงรักได้..และจะต้องกูแค่คนเดียว..”
“.........................” มองคนที่ยกข้อศอกขึ้นเท้าโซฟา พร้อมกับมือผมที่ถูกยกขึ้นไป ก่อนจะจรดริมฝีปากลงที่ปลายนิ้วมือผมทีละนิ้วอย่างช้า ๆ ....รอยจูบแผ่วเบาทั้งห้านิ้ว....เบนสายตาตามองตามมืออีกข้างของเฮียแจ็คสันที่ล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ๊ตตัวเอง...
“ ...แหวน ไม่มีทางใส่สองวงพร้อมกันได้...ในเมื่อมึงไม่ใส่แหวนแกงค์...งั้นก็ใส่แหวนวงนี้...”
“..เฮีย...” แหวนทองคำขาววงเกลี้ยง ไม่มีรอยสลักอะไรเลย สัมผัสถึงความเย็นของเนื้อแหวนที่กำลังถูกสวมลงที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างแผ่วเบา เมื่อแหวนชนโคนนิ้ว มือผมก็ถูกยกขึ้น พร้อมริมฝีปากของคนที่สวมให้กำลังจรดทาบทับที่ตัวแหวนและนิ้วผม...
...รู้สึกอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..ได้แต่มองการกระทำที่แสนจะอ่อนโยนจากอีกคน มันสวนทางกับคำพูดห้วน ๆ อย่างสิ้นเชิง...
...แหวนไม่มีทางสวมสองวงพร้อมกันได้...ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผมว่าจะเลือกวงไหน...วงที่ใช้ความรู้สึกสัมผัส...หรือวงที่ชัดเจน เห็นด้วยตาเปล่า....และสัมผัสได้...
Talk : สกรีมฟิค #Ficbloodsch Twitter : Namtal1a
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น