คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Sec 12 / No relationship is perfect
ลมทะเลที่ประทะร่างกายและใบหน้า ทำให้รู้สึกว่าเหนียวตัว เมื่อร่างกายที่เปียกน้ำเริ่มแห้ง ตอนนี้ผมนั่งกอดเข่าอยู่บนหาด ข้าง ๆ มีหัวหน้าแกงค์เพกาซัสนอนแผ่ใช้แขนตัวเองต่างหมอน...ตาคมจ้องดาวสีสุกบนฟ้า ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรตั้งแต่ขึ้นจากน้ำ...เสียงธรรมชาติ เสียงคลื่น เสียงลม และเสียงแมลงที่กรีดร้องเซ็งแซ่ มันผสมผสานกันอย่างลงตัว และไพเราะจนต้องหยุดฟัง...ทำให้จิตใจสงบลงเรื่อย ๆ จนนิ่งในที่สุด...
“ มึงรู้ไหมว่าชีวิตนี้ กูไม่เคยกลัวอะไร”
“.......................”
“เกิดมาก็มีพร้อมทุกอย่าง มีคนเตรียมและประเคน ไม่ต้องขวนขวาย ไม่ต้องวิ่งหา....ไม่ต้องไปแก่งแย่งกับใคร...แม้กระทั่งตำแหน่งหัวหน้าแกงค์ ไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองไปทำอะไรดีเด่นไว้ นั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีคนมอบให้...เรื่องผู้หญิงไม่ต้องพูดถึง...แต่ปลายสายตาทุกคนก็พร้อมจะวิ่งเข้าหา...พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไรให้เสียใจ ใช้เงินโอบกูไว้ตั้งแต่เล็กจนโต...เข้าใจนะว่าเป็นปกติของคนมีเงิน แต่ไม่มีเวลา..พยายามทำใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ “
“แต่พวกท่านก็รักเฮีย”
“ใช่ รักมาก...เข้าใจพ่อกับแม่ แล้วก็เข้าใจคนที่มีทุกอย่าง แต่ก็เหมือนยังขาดอยู่ตลอดเวลา....”
“เฮียเลยกลายเป็นเด็กมีปัญหา”
“เชี่ยเถอะแบมแบม...ชีวิตกูไม่ค่อยยุ่งกับใครนะ..มีมึงเป็นคนแรก..”
“ไม่เห็นน่าดีใจซักนิด”
“...ขอยืมหน่อย...”
“......................” ถอนหายใจก่อนจะปล่อยเลยตามเลย ยืมหน่อย ยืมมือผมไปจับไว้ ก่อนจะนอนหลับตานิ่งๆ นิ่งจนผมเผลอหันมอง...คนหน้าตาหล่อคม ที่ดุดันยามที่กำลังใช้ความคิดหรือโมโห แต่ตอนนี้กลับดูอ่อนเยาว์ และไร้พิษสงอะไร....ทำไมต้องทำอย่างนี้กับผมนะ...ทำให้รู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก มันกล้ำกึ่งระหว่างความเกลียดกับความเข้าใจ...
“..กลับเถอะครับ อากาศมันเย็น..”
“ แต่ตัวกูอุ่นนะ กอดไหม”
“.......................” ไม่สนใจคนที่ลืมตาได้ก็กวนประสาท ดึงมือตัวเองออกมา ก่อนจะลุกขึ้นจากตรงนั้น....ไม่รอคนที่กำลังยันตัวเองขึ้นเหมือนกัน คอผมถูกล็อคจากด้านหลัง
“มันหนักนะเฮีย!”
“ก็กูหนาว” วิธีการแก้หนาวคือโน้มตัวกอดผมก่อนจะเดินไปพร้อมกัน....ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ขี้เกียจขัดขืน ขี้เกียจว่า...อยากทำอะไรก็ทำ เหนื่อยกับการคิดหาเหตุผลว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และอีกคนจริงจังแค่ไหน....
ผมกับเฮียแจ็คเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ดีที่ในตลาดแถวนี้มีร้านเสื้อผ้าเยอะพอสมควร แม่บ้านเฮียกัสใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงที่พวกผมไปนั่งล้อมวงในการซักอบแห้ง รีดให้เรียบร้อยทั้งหมด...ไม่งั้นก็คงได้ใส่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ซักนั่นแหละ...เฮียแจ็คไม่ได้บังคับให้ผมนอนด้วยหลังจากที่ปฏิเสธไปรอบนึงตอนมาดูห้อง...ผมนอนกับยูคยอม นอนห้องละสองคนเพราะมีหลายห้อง...ทุกอย่างครบครันสะดวกสบาย สมกับที่พวกเฮียคิดจะมาก็มากันเลย....
........................................
........................................
เช้านี้ที่สดใส ตามคำพูดของยูคยอมที่ลากให้ผมตื่นแต่เช้าเมื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้น มันบอกว่าปีที่แล้วเคยมา แล้วมานั่งดูมันสวยมาก ไม่ขัดมันเลยลุกอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เจอเฮียนัมกับพี่จูเนียร์เดินออกจากห้องพอดีเลยได้เดินไปด้วยกัน...สรุปว่าตอนนี้มีพวกผมสี่คนที่ตื่นมานั่งอยู่หน้าบ้านที่ยังสลัวอยู่..เพียงแสงเรือง ๆ จากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่ขึ้นมาจากท้องน้ำตรงหน้า...มีหมอกบางๆ และน้ำค้างเกาะยอดหญ้า จนต้องเข้าไปเอาเสื่อที่ใช้ปูเมื่อคืนมาปู....ส่วนเฮียคนอื่น ๆ เมื่อคืนกว่าจะเลิกวงไพ่ วงเหล้า คลานเข้าบ้านเข้าห้องนอนก็เกือบตีสอง คงจะตื่นยาก....หน้าตาพี่จูเนียร์ดูสดใสกว่าครั้งก่อน ๆ ที่เจอ รอยยิ้มจากใบหน้าน่ารัก มันดูสดใส ผมพึ่งรู้ว่าพี่จูเนียร์กับเฮียนัมเป็นเพื่อนสนิทกัน...
“พี่จูเนียร์ ถ่ายรูปไหมครับ”
“ อืมก็ได้...อ่ะนี่”
“.........................” รับโทรศัพท์ที่อีกคนยื่นให้มาถือไว้ ก่อนจะเดินตามคนที่หาวิวถ่ายรูป...ไม่นานรูปนิ่งท่ามกลางความสลัวรางๆ ก็ถูกเชฟเข้ามือถือ ผมเลือกที่ไม่เปิดแฟรช และพี่จูเนียร์ก็ดูเหมือนจะชอบ..
...ความเป็นธรรมชาติในช่วงเวลาคือเสน่ห์ที่ไม่ควรมีสิ่งใดแต่งแต้ม...
“ ทำไมไม่ปลุก “
“..ก็เห็นนอนดึก..” ผมหันมองเฮียมาร์คที่เดินออกมา บทสนทนาสั้น ๆ ก่อนคนที่ถามจะเดินออกจากกลุ่มที่ผมนั่ง ทำให้พี่จูเนียร์ลุกตามแล้วเดินคู่กันไปตามแนวหาด...
“ไอ้แจ็คสันมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะแบมแบม”
“ ทำไมจู่ ๆ ก็พูดเรื่องนี้ละครับ” โต้ตอบเฮียนัมที่จู่ ๆ ก็พูดถึงเฮียแจ็คขึ้นมา...เฮียนัมหันมองผมก่อนจะถอนหายใจ...ตาก็ยังมองยูคยอมที่เดินออกไปไกลจากพวกผม ถ่ายอะไรต่อมิอะไรของมัน รวมถึงส่องดวงอาทิตย์ที่ปริ่ม ๆ จะโผล่ออกมาแล้ว...บรรยากาศดี ธรรมชาติสวย ทำให้จิตใจและสมองของคนเราปลอดโปร่งได้จริงๆ
“ ไม่รู้สิ แค่อยากบอก มันก็แค่แสดงออกในแบบของตัวเอง”
“..ช่างเถอะครับ..บางครั้งเหตุผลมันก็ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องบางเรื่อง..เพราะถึงแม้จะมีเหตุผล ก็ใช่ว่าจะเป็นเหตุผลที่ทุกคนจะรับได้..” เรื่องบางเรื่อง มีเหตุผลในตัวของมัน แต่มันอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีสำหรับใครต่อใคร....ฉะนั้นหลายต่อหลายครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครหลายคนมันจึงกลายเป็นเรื่องที่ทำโดยไม่มีเหตุผล...
“ โว้วว สวยยยยย!!!”
“สวยจริง ๆ ด้วย”
“ถ่ายรูปไว้ กูจะอัพลงไอจี” ผมกับเฮียนัมยกมือถือตัวเองถ่ายรูปพระอาทิตย์ที่เริ่มโผล่ขึ้นจากโพ้นน้ำนีละนิด แสงส้มเรือง ๆ ฉาบท้องฟ้ายามเช้าให้พ้นจากความมืดมิดได้อย่างสวยงาม...ไอ้ยูคยอมถ้ามันทำได้คงอยากจะบินไปแตะขอบฟ้าแน่ ๆ ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนผมมันชอบธรรมชาติขนาดนี้
ในที่สุดพระอาทิตย์ที่ทอแสงอ่อนก็เริ่มร้อนขึ้น พวกผมชวนกันเข้าบ้านเพราะกลิ่นหอม ๆ ของอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ แม่บ้านในบ้านรู้จักและสนิทกับเฮียนัมพอสมควร ตอนนี้น้ำสตอเบอรี่แก้แฮงค์วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ผมไม่แฮงค์แต่ก็จิบตามเฮียนัม เปรี้ยว ๆ หวานๆ อร่อยดี กลายเป็นว่าคนตื่นก่อนก็ลงมาช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ สำหรับคนสิบกว่าคน..
“แจ็คสัน กูมีเรื่องคุยด้วย”
“ว่ามาตรงนี้ถ้าเป็นเรื่องแกงค์ กูไว้ใจคนที่อยู่ตรงนี้” หลังจากกินข้าวเสร็จ กำลังนั่งตักบัวลอยน้ำขิงกินกัน เฮียมาร์คที่เดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก็เดินหน้าเครียดเข้ามาหา พร้อมบอกมีเรื่องจะคุยกับเฮียแจ็ค...
“ พวกเซนท์ธอร์ มันรุมตีเด็กสถาบันเรา ไอ้เจบีออกรับหน้าแทนโดนรุมห้าสิบต่อหนึ่ง...ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล...แล้วตอนนี้พวกเหี้ยนั่นมันกำลังมาหาเราถึงที่นี่..”
“เชี่ยแล้วไง! ห้าสิบต่อหนึ่ง แล้วพวกยูนิคไปไหน!”
“ สามทุ่มเมื่อคืน กูว่ามันรู้ว่าพวกเราไม่อยู่เลยเบนเป้าไปหายูนิค น่าจะออกไปคนเดียว คนอวดดีอย่างไอ้เจบีมันลุยอยู่แล้ว”
“พวกมันแค้นมากสินะ ถึงยกคนมาหาเราถึงที่นี่”
“แน่นอน และพวกนี้คือแกงค์เล็กรวมตัวกัน มีคนของแกงค์เซนท์ธอร์อยู่ด้วยแต่ไม่ใช่แกงค์เซนท์ธอร์ทั้งหมด... เพราะพวกนั้นมันบอกไอ้เปรูมันออกตัวโพตส์ในกลุ่มว่ามันไม่เกี่ยวข้อง และตอนนี้มันคอนโทรลพวกนี้ไม่ได้”
“เอาไงวะ พวกมันมาแน่!”
“พวกเราทางนั้นรู้ช้า แต่ก็กำลังตามมาเหมือนกัน...แต่คิดว่าพวกมันถึงก่อน...แล้วที่สำคัญคนที่รู้ว่าพวกเราไปไหน และรู้ที่อยู่บ้านพักของไอ้กัสก็มีแต่ไม่กี่คนว่ะ กูว่างานนี้แมร่งเกลือเป็นหนอน..”
“แจ้งตำรวจให้มาคุ้มกันที่บ้านนี้เผื่อพวกมันเมาดิบ...ไอ้กัสหาสถานที่โล่งๆ ไม่ค่อยมีคน โพตส์ในกลุ่มช่างนัดพวกมันไปที่นั่น..บอกว่าพวกเรารออยู่”
“...ได้...” ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด พวกมันยกกันมาเท่าไหร่กัน ถ้าขนาดห้าสิบรุมหนึ่ง ผมเริ่มใจไม่ดีว่าเฮียเจบีเป็นยังไงบ้าง และถ้าพวกนั้นมาถึงคนแค่นี้จะสู้อะไรพวกมันไหว...
“..ทำไมไม่แจ้งตำรวจให้จัดการละครับ..”
“...มันไม่แล้วหรอกแบมแบม วันนั้นพวกมันถอยเพราะหัวหน้าแกงค์พวกมันสั่ง กูมีลางสังหรณ์ว่ามีคนคอยยุยงอยู่ทำให้พวกมันเดือดได้ขนาดนี้ และคน ๆ นั้นก็ต้องเป็นคนของสถาบันเรา..ถ้าพวกมันไม่รู้ผลแพ้ชนะ พวกมันไม่จบแน่..”
“ แต่วันนั้นก็ถือว่าพวกมันแพ้นะเฮีย!”
“...กูถึงบอกนี่ไง ว่าถ้าไม่มีคนยุ พวกมันไม่ลุกฮือขึ้นอีกหรอก ......ว่าไงมึง....คุย...ได้.....แจ็คสันมีคนจะคุยด้วย” เฮียมาร์คตอบคำถามไอ้มาวิน ก่อนจะกดรับโทรศัพท์แล้วสุดท้ายก็ส่งให้แจ็คสัน...
“ ว่าไง.....อืม...แล้วเป็นไง ตายรึยัง.....กูรู้ว่ามึงหนังเหนียว..เพราะคนที่จะฆ่ามึงได้มีแค่กู..........มึงจัดการมันได้ ตามแต่มึง.....แต่กูว่ามันจมตีนพวกนั้นตายแน่ ถ้ารู้ความจริง.....ส่งคลิปมา.....ก็อยู่กับกู มึงมีอะไรกับมัน...อย่าเสือก...”
“..........................” เฮียแจ็คสันคุยกับบางคนในสาย ก่อนที่ประโยคท้ายจะมองเหล่มาหาผมที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ กัน....มุมปากกดยิ้มเย็นๆ ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเฮียมาร์ค....
“รู้ตัวไอ้คนที่เอาสีไปพ่นกำแพง และเป็นตัวต้นเหตุ”
“ใครวะ”
“ไอ้โยเรย์ น้องไอ้เจบีและมีคนอื่นในเซนท์โซเทียด้วย....ไอ้เจบีมันจะส่งคลิปมาให้ เปิดให้พวกเลือดร้อนนั่นดู...แต่มันจะฟังรึเปล่า เพราะพวกตีเอามันก็เยอะ ส่วนน้องมันมันจัดการเอง..”
“ได้ไงพี่ ถ้ามันปล่อยน้องมันลอยนวลล่ะ!”
“กูเชื่อใจมัน...เตรียมตัว...พวกไม่เกี่ยวอยู่นี่”
“......................” พวกผมนั่งเงียบ ได้ยินเฮียกัสโทรหาตำรวจ....ส่วนพวกเฮียก็ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว ขึ้นไปข้างบนกัน...ผมหันมองซ้ายขวา แม้แต่เฮียนัมก็จะไปด้วย...ซักพักพวกที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อเชิ๊ตสีแดงทั้งหมดก็เดินลงมา...
“เฮีย!”
“มีอะไร”
“ผมไปด้วย”
“กูบอกไปแล้วว่าคนไม่เกี่ยว ให้อยู่นี่ มึงมีปัญหาอะไร” เฮียแจ็คหันมาพูดกับผม หลังจากที่ยอมลงทุนวิ่งตามเฮียไปถึงหน้าบ้าน ผมรู้ว่าเวลานี้ไม่ควรจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่ผมว่ามันไม่ถูกต้อง...
“พวกผมไม่เกี่ยวข้องตรงไหน พวกเราคือแกงค์เพการ์ คนที่จะปกป้องแกงค์ รักษาชื่อเสียงของแกงค์มีแค่พวกเฮียรึไง!”
“ มึงจะไปทำอะไรได้ บอกกูมาซิ” คนที่ถามคือเฮียโจ ส่วนคนที่ผมคุยด้วยตอนแรก ยืนเท้าประตูรถมองอยู่....
“ไม่รู้อ่ะ แต่ผมจะไป ถ้าไม่ให้ไปผมก็จะหารถไปเอง”
“เอาเพื่อนมึงไปเก็บไป”
“ ผมคือตัวต้นเหตุตั้งแต่ต้นนะ ปล่อยกูดิ๊!” ไอ้มาวินวิ่งมาดึงผมเข้าบ้านหลังจากเฮียแจ็คโบกมือไล่ผม....เริ่มตั้งแต่ไอ้โยเรย์ จนกระทั่งเหตุการณ์บนรถเมล์ ล้วนถูกจุดชนวนมาจากผมทั้งนั้น...
“ มึงไร้สาระเกินไปแล้วแบมแบม”
“ทำไม ไหนเฮียบอกว่าอยู่กับเฮียจะกลัวอะไร...กลัวผมไปเป็นตัวถ่วง หรือกลัวปกป้องผมไม่ได้.!!.”
“..แบมแบม!! มึงอย่าไร้สาระ…จะดื้อดึงควรมีขอบเขต..ก็เพราะว่ากูอยากปกป้องมึงไงถึงทำอย่างนี้...กูบอกให้เอามันเข้าบ้าน!”
“ แบมแบม เชื่อเฮียมึงเถอะ มึงด้วยไอ้มีนัม เสล่อออกมาทำไม!!” เฮียนัมถึงกับชะงัก เมื่อเฮียกัสออกบอกไล่ ตอนนี้เกิดสงครามย่อย ๆ หน้าบ้าน ระหว่างพวกผม...ในเมื่อผมยื้อตัวไว้ ก่อนจะวิ่งไปยืนข้างเฮียนัมที่ไม่ยอมเข้าบ้านเหมือนกัน...
“กูก็เป็นรุ่นใหญ่เหมือนพวกมึง หลังกูก็มีรอยสักเหมือนมึง ทำไมกูจะไปไม่ได้ กูเป็นเมียมึง ไม่ได้หมายความว่ากูจะเป็นง่อยไอ้สัดกัส!!”
“.....................” ผมอึ้งหน่อย ๆ ที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ออกจากปากเฮียนัม ก็พอจะเดาได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเฮียจะไปถึงขนาดนี้แล้ว...ผมมองหน้าเฮียแจ็คที่ยืนพิงรถอยู่....
“ผมก็จะไปด้วย..”
“ไอ้ยองแจ! เป็นเหี้ยอะไรของพวกมึง! ร้อยวันพันปีไม่เคยร้องตาม ไอ้พวกหอก!” เฮียกัสอ้าปากค้าง เมื่อเจอช็อตเมีย แล้วยังมาเจอช็อตน้องชาย พวกรุ่นใหญ่ที่เหลือเริ่มอารมณ์เสีย มายืนมองหน้าพวกผมสลอน...
“ถ้าพวกเฮียมัวแต่ให้พวกผมหดหัวอยู่อย่างนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าวันนึงไม่มีพวกเฮีย พวกผมจะทำอะไรได้....ต่อไปรุ่นใหญ่คือพวกเรา แต่ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยได้สัมผัสเลยว่าเป็นยังไง...พวกเฮียจะเก็บวิชา เอาไว้กับตัวเองทำไม ปล่อยมาบ้างเด้!!”
“............................”
“..ไม่ใช่แค่ปกป้องให้พวกเราขี่หลังเสือได้โดยไม่เป็นอันตราย...แต่เฮียต้องบอกวิธีที่ขี่เสือต่อไปยังไงในวันที่ไม่มีพวกเฮีย..ในเมื่อมันลงไม่ได้แล้ว...” คำพูดของผมทำให้พวกรุ่นใหญ่เงียบกันหมด...ถ้าพวกเราคือเพการ์ เราก็จะเป็นให้เต็มตัว...ไม่ได้อยากจะหาเรื่องใคร ไม่ได้จะไปอวดเก่งกับใคร แต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยพาย....
“...พวกเชี่ย!!..โว้ย!...”
“ อยากตายนักก็ขึ้นมา ให้เร็ว!!”
ผมกับเฮียนัมหันหน้ามองกันก่อนจะกระโดดขึ้นรถกระบะของเฮียแวน วีโก้คันใหญ่จะวิ่งฉิวตามถนนคอนกรีต เรียบทะเลไปเรื่อย ๆ ก่อนรถจะเบี่ยงขึ้นถนนใหญ่และกำลังวิ่งขึ้นเขา บรรยากาศสองข้างทางเย็นพอสมควร พี่จูเนียร์ที่โดดขึ้นรถมาด้วยจับมือผมไว้ พวกรุ่นใหญ่นั่งหน้าทั้งหมด และมองจากข้างหลังเป็นกำลังคุยกันอยู่....ข้างหลังมีแค่พวกผม...
รถคันใหญ่จอดสนิทหลังจากที่ขี่ขึ้นเขา และสุดท้ายก็ลงตรงทางแยกที่ไม่ค่อยมีรถสัญจร รถดิ่งลงจากเขาตามทางลาดทอดหาชายหาดด้านล่าง...หาดทรายกว้าง ยังไม่มีนักท่องเที่ยว เฮียนัมบอกว่าหาดนี้น้ำทะเลค่อนข้างขุ่นเพราะกระแสน้ำและคลื่นแรง ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว...
“ รอพวกมันอยู่นี่แหละ พวกมันจะให้คนแถวนี้พามา ไม่รู้ว่ามันมาเท่าไหร่”
“มึงเอารถไปจอดฝั่งนู้น เดี๋ยวแมร่งได้เดินกลับกัน” เฮียแวนพยักหน้าก่อนจะเคลื่อนรถไปจอดอีกฝั่งของหาดซึ่งมีโขดหินใหญ่บังอยู่....พวกผมเดินตามพวกเฮียไปนั่งบนพื้นทรายใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่...หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อคิดว่าอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น...เพื่อนผมก็ไม่ต่างพวกมันดูเงียบๆ ผิดกับรุ่นใหญ่ที่นั่งสูบบุหรี่กันสบายใจ...
“ป๊อดแล้วเหรอมึง ปากดีหนิ”
“...ไม่ได้ป๊อด..”
“..หึๆ สมกับเมียกูหน่อย....เชี่ยแบม!..”
“...................” ถลึงตาใส่ พร้อมกับเอากำปั้นทุบไหล่คนปากพล่อยแบบไม่ยั้ง...ผมก็แรงผู้ชายเหมือนกันถึงน้อยกว่าเฮีย แต่มันก็ทำให้อีกคนไหล่ทรุดได้...
“สวีทกันไม่เลือกที่นะมึง ไอ้แจ็คแมร่งแพ้ทางตลอด..ฮ่าๆๆๆ”
“....................” เฮียแจ็คคว้าทรายแถวนั้นขว้างใส่เพื่อนตัวเอง ทรายเต็มปากเฮียกัสที่อ้าปากหัวเราะซะกว้าง...จนอีกคนไอโขลกและถ่มน้ำลายอย่างเอาเป็นเอาตาย..
“มึงจะฆ่ากูรึไงไอ้แจ็ค”
“เออ!”
“เห้ย พวกมันมาละ”
ทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นยืน...ถึงจะอย่างนั้นพวกเราก็ยังอยู่ข้างหลัง ให้พวกรุ่นใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้า รถบัสคันใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนลงตามแนวทางลง จนกระทั่งจอดสนิท...พวกบนรถเริ่มทยอยลงมาจากรถจนหมด เหลือแค่คนขับที่เคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้นเหมือนกัน...
“ไม่เยอะเท่าที่คิดว่ะ”
“แมร่งดูถูกฝีมือเราสัดๆ “
“.........................” ผมกับไอ้ยูคหันหน้ามองกัน ไม่เยอะเหรอวะ....พวกเราสิบสองคน กับพวกมันที่ดูแล้วไม่ต่ำว่าสามสิบคนเพราะมันอัดมาจนเต็มบัส...มันไม่เยอะตรงไหน...พวกมันเดินเข้ามาหาโดยมีคนนำอยู่สองคน...สิ่งที่ทำให้พวกผมรุ่นน้องต้องกลืนน้ำลาย คือหลายคนในกลุ่มนั้นมีอาวุธ...มีดด้ามยาว...และไม้เบสบอล...คงมีแค่พวกผมที่วอกแวก เพราะรุ่นใหญ่แม้แต่เฮียนัมก็ยังนิ่ง ไม่ได้รู้สึกอะไร...
“ไอ้แจ็คสัน ออกมาคุย!!”
“มึงเป็นใคร ถึงอยากจะคุยกับหัวหน้าแกงค์กู”
“กูเป็นใครไม่ต้องรู้ แต่วันนี้กูจะตัดสินแพ้ชนะกับพวกมึง หลังจากที่หัวหน้าขี้แพ้ของกูยอมถอย!” พวกไม่ยอมแพ้สินะ พวกไม่ประมาณกำลังตัวเองในวันนั้น...เฮียแจ็คสันยกยิ้มมุมปากนิ่ง ๆ ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าก้าวนึง เผชิญหน้ากับไอ้คนตัวโตที่ตอนนี้คงสถาปณาตัวเองเป็นหัวหน้าแกงค์รถบัสนี่ไปแล้ว...ไม่ได้อยากจะเข้าข้าง...ขนาดยังไม่ได้อาบน้ำเซ็ทผม... แต่ดูยังไง เฮียแจ็คก็ดูเท่ห์กว่า มีอำนาจกว่า พวกนั้นหลายขุม
“มีอะไรกับกูว่ามา”
“พวกมึงเจ๋งยังไง ถึงดูถูกสถาบันพวกกูนัก...แกงค์สถาบันพวกมึงเจ๋งนักรึไง!”
“ จะเจ๋งหรือไม่เจ๋ง ไอ้เจบีมันก็นอนหยดน้ำเกลือแล้วล่ะลูกพี่ ฮ่าๆๆๆ” เสียงพวกนั้นเสริมคนข้างหน้า ก่อนจะหัวเราะกันครื้นเครง เฮียแจ็คแค่ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ไม่น่าประทับใจ...ผมยืนอยู่ด้านข้าง ยังสัมผัสได้ถึงแววตาที่ทอดมองพวกนั้นว่ามันน่ากลัวแค่ไหน...ผมรู้ว่าพวกนั้นก็สัมผัสได้ จากการที่หันหน้ามองกันและกระชับอาวุธที่ถือแน่นขึ้น...
“มึงรู้ไหม ว่าถ้าเป็นพวกมึง ห้าสิบรุมหนึ่ง พวกมึงตายไปแล้วห้ารอบ...แต่ไอ้เจบีมันแค่เข้าโรงบาล ขาหัก ปากแตก หัวแตก แขนเคร็ด..นอกนั้นปกติ และยังแข็งแรง ไม่ตาย....พวกมึงยังไม่คิดว่าสถาบันกูเจ๋งเหรอ..แล้วการที่พวกกูกล้าออกมาเจอพวกมึงแค่นี้...มึงไม่คิดรึไง..ว่าพวกกูเจ๋ง..”
“ เอามันเลยไหมลูกพี่!!”
“แต่งานนี้พวกมึงดูถูกพวกกูก่อน!!” จิตวิทยาชัด ๆ พวกนั้นฮึดฮัดเพราะคำพูดเฮียแจ็ค...ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวตอนแรกเริ่มลังเล และมีความกลัวเข้าแทนที่...คงไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสกับหัวหน้าแกงค์เพการ์แบบจังๆ แบบนี้สินะ...อดทึ่งจนเผลอจ้องเสี้ยวหน้าหล่อที่เห็น...ในใจพาลฮีกเหิมขึ้นมา...ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองจะเก่งกว่าพวกมัน...แต่หัวหน้าแกงค์เพการ์มีมวลบางอย่างทำให้พวกผมเชื่อมั่นว่า...ทุกอย่างจะจบและผ่านไปด้วยดี...คน ๆ คนนี้คือคนที่สามารถสร้างความเชื่อใจให้คนอื่นด้วยท่าทางและคำพูดไม่กี่คำ...
“พวกมึงมีเหตุผลแค่ไหน หรือมึงจะตีเอามันส์”
“มึงพูดเรื่องอะไร”
“ถ้าพวกมึงจะเหมารวมว่าพวกสถาบันกูผิดหมด เพราะคนที่ทำคือคนเพียงคนเดียวก็เอา...จะมาท้ารบ พวกกูก็พร้อม แต่ถ้ามีเหตุผลหน่อย มึงจะรู้ว่าศึกของสองสถาบันไม่สมควรจะเกิดขึ้นเพราะปากและการกระทำของคนๆ เดียว” เฮียมาร์คพูดแล้วเดินออกไปยืนเสมอกับหัวหน้าแกงค์ตัวเองก่อนจะโชว์โทรศัพท์ขึ้นให้พวกมันได้ฟังกัน เสียงเปิดดังสุดแข่งกับเสียงคลื่น..
“มึงหมายถึงใคร”
/ กูว่าแมร่งเละว่ะ มือกูยังเปื้อนสีที่พ่นเมื่อคืนไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ....ปล่อยข่าวนิดหน่อย แค่นี้พวกเซนท์โซเทียก็ยกพวกมาถล่มแล้ว...นี่เป็นหนทางที่กูจะแก้แค้นไอ้แจ็คสัน และแก้แค้นไอ้พี่ชายตัวดีที่หักหน้าหลายต่อหลายครั้ง.../
“มันเป็นใคร! มันเป็นคลิปเสียง พวกมึงอย่ามาหลอกพวกกู..”
“กูไม่บอก.....” เสียงคนคุยกันในคลิปชัดเจน ถ้าไม่บอกแต่แรกว่าเป็นใครก็ไม่รู้เ เพราะถ้าเป็นแค่คลิปเสียงมันก็ไม่มีอะไรไปยืนยันกับพวกมัน มันต้องคิดว่าอาจจะเป็นหลักฐานที่พวกผมสร้างขึ้นเอง..
“ ถึงจะเป็นคลิปเสียงแต่มันก็ระบุว่าคนสถาบันมึง... มึงจะรับผิดชอบยังไง ถ้าไม่อยากมีเรื่อง งั้นก็ส่งตัวมันมา !”
“ พวกมึงไม่เชื่อใจเหรอ ว่าพวกกูจะจัดการเอง”
“ไม่มีทาง! พวกมึงมันก็พวกเดียวกัน...หรือไม่งั้น...มึงก็ให้ไอ้แจ็คสันมันคลานเข่าเข้ามากราบตีนกูสิ...แล้วพวกกูจะกลับ ฮ่าๆๆ”
“..................” พวกผมเงียบสนิท ต่างจากพวกมันที่หัวเราะครื้นเครง คนที่โดนท้าทายยังยืนนิ่งส่งยิ้มเย็นๆ เหมือนเดิม...เฮียแจ็คไหวไหล่เหมือนกับสิ่งที่พวกมันพูดไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร...
“พวกมึงต้องการอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ถ้ามึงทำ กูก็แค่ขอถ่ายคลิปลงโซเชียลหน่อยแค่นั้นเอง มึงก็จะได้ดังด้วยไง...ว่าไง
“......................”..” ในขณะที่ทุกคนนิ่ง ผมกลับกำมือแน่น...ผมจำมันได้แล้ว จำได้ทันทีที่มันพาดสายตามาหาผม...ไอ้คนนี้คือหนึ่งในคนที่มีเรื่องบนรถเมล์วันนั้น...ดูจากการพูด วิธี และสันดานแล้ว คุยไปก็เท่านั้น มันไม่มีจิตสำนึกอะไรหรอก มันแค่อยากเอาสนุก ชอบหาเรื่องแค่นั้น...
“ โอ๊ะ โอ ว่าไงครับคนสวย...กูมีข้อเสนออีกวิธีนึงว่ะ...”
“.............................”
“ ให้เมียมึง แก้ผ้าเล่นน้ำให้พวกกูดูสิ...ถ่ายคลิปลงคงดัง...ฮ่าๆๆๆ”
“...ไอ้สัด!! พวกมึงมันเลว ไม่มีเหตุผลสมกับที่พวกเฮียกูคุยด้วย!!..”
“..........................” ผมดึงแขนไอ้หมากหอมที่ฮึดฮัดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะก้าวออกไปยืนตรงหน้าพวกมันหลังจากสะบัดแขนไอ้วินที่จับผมไว้...พวกเฮียยังนิ่งไม่ห้ามผม...แต่ผมรับรู้ถึงสายตาเฮียแจ็คที่จับจ้องผมอยู่ตลอด...
“ ว้าวว ก้าวออกมาหากู คือจะให้กูแก้ผ้าให้ใช่ไหม ฮ่าๆๆ”
“.........................” พวกมันหัวเราะเสียงดัง ก่อนสายตาทุกคู่จะจับจ้องที่ผม....ยิ้มให้มัน ก่อนจะจับจ้องหน้าไอ้คนที่ยืนเท่ห์ล้วงกระเป๋า คนที่เป็นแกนนำของรถบัสคันนี้...
“ แมร่ง...ถ้าไม่ติดว่ากูไม่พิศวาสเพศเดียวกัน...กูคงจะหลงมึงน่าดูเลยว่ะ..”
“งั้นเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงธรรมดา ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมือมัน หลังจากที่มันเอื้อมมือมาลูบหน้าผม....ดวงตาคนตรงข้ามเป็นประกายเหมือนถูกใจที่ผมเล่นด้วย....
หมับ! วืดดด...ปั๊ก!
“โอ๊ยยย!!!! เชี่ยย!!”
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นกูเชือดคอเพื่อนมึงแน่!”
“เชี่ยกูเจ็บ!! โอ๊ย!” แขนของคนที่เอื้อมมาลูบแก้มผมถูกล็อคไว้แน่น ก่อนจะถูกบิดอย่างแรงจนตัวคนที่ใหญ่กว่าผมเอียง และสุดท้ายก็หันหลังตามแรงบิดที่แขน ผมเตะขาให้มันล้มลงบนผืนทรายใช้ทั้งตัวและเข่าทับหลังมัน มันร้องอย่างทรมานเพราะแขนที่ถูกบิดไขว้ไว้ โดยที่แขนอีกข้างไม่สามารถที่จะเอื้อมมาทำอะไรผมได้ เพราะมันคว่ำหน้าบนพื้นทราย...มีดคัทเตอร์ที่กระเป๋าหลังถูกผมชักออกมา จ่อหลังคอ...ไม่น่าเชื่อว่าผมจะใช้เวลาไม่ถึงห้าวิในการกระทำการทั้งหมด...ต้องขอบคุณวิชาการต่อสู้ที่ร่ำเรียนมา ถึงจะสู้เฮียแจ็คไม่ได้ แต่คนอื่นผมก็ไม่ถอยเหมือนกัน...
“...ฮ่าๆๆๆ...”
“อย่าเข้ามานะโว้ยย ไม่งั้นพวกกูเอาจริง!”
“ หึ...งั้นเหรอ...” เฮียแจ็คหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเดินมายืนข้างผมที่ยังกดไอ้บ้านี่อยู่....ดูเหมือนว่าทุกคนจะทึ่ง อึ้งกับสิ่งที่ผมทำ....เฮียแจ็คยกเท้าขึ้นเหยียบหลังคนที่ผมจับอยู่ ก่อนจะดึงแขนผมขึ้น...
“เชี่ย!! ปล่อยสิวะ!!”
“พวกมึงคิดว่ามันพาพวกมึงมาตายไหม....ไอ้คนนี้...มันก็แค่อยากจะมีอำนาจ ควบคุมพวกหน้าโง่อย่างพวกมึง...มันมีฝีมือที่สุดรึไง แต่พวกมึงดูสภาพมันสิ...มันยืมมือพวกมึงทั้งนั้นเพราะมันแค้นกู ที่สู้กูไม่ได้...ไอ้นี่แหละที่เป็นคนร่วมมือกับไอ้คนในคลิปพ่นสีกำแพงสถาบันพวกมึง ..ดูคลิปต่อให้จบไหม มันไม่ใช่คลิปเสียง....”
“จริงเหรอพี่กาย...”
“ อย่าไปเชื่อมัน!!” คนที่ยังดิ้นอยู่ที่พื้นตะโกนขึ้นมา เฮียแจ็คเหยียบแขนและแผ่นหลังมันแน่นขึ้น....
“ กัส!”
/ กูว่าแมร่งเละว่ะ มือกูยังเปื้อนสีที่พ่นเมื่อคืนไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ....ปล่อยข่าวนิดหน่อย แค่นี้พวกเซนท์โซเทียก็ยกพวกมาถล่มแล้ว...นี่เป็นหนทางที่กูจะแก้แค้นไอ้แจ็คสัน และแก้แค้นไอ้พี่ชายตัวดีที่หักหน้าหลายต่อหลายครั้ง.../
“ไม่ใช่พวกมันใส่ร้ายกู!!”
“............................” พวกที่กำลังฮึดฮัด ก้มมองคลิปจากโทรศัพท์เฮียกัสที่เอาไปให้ดู ตอนแรกผมก็คิดว่าคลิปเสียง เสียงคุยกันชัดเจน และภาพก็คงจะชัดไม่ต่างกัน...ถึงคนพูดจะเป็นได้โยเรย์ แต่ผมมั่นใจว่าต้องถ่ายได้มากกว่าคนที่พูดแน่ และหนึ่งในนั้นคือคนที่นอนหมอบอยู่...
“ เชี่ยกาย!! ทำไมมึงถึงทำอย่างนี้!!”
“...กูไม่ได้ทำ!!..”
“ งั้นเหรอไอ้สัด แล้วคนในคลิปนี่หมาตัวไหน!!”
“...คือ กู....เออแล้วไง!! ทำไม ทำไม!! พวกมึงไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันที่เจ๋งที่สุดรึไง!! ทำไมต้องเป็นรองไอ้พวกเอ็กซ์โซคลัส!! แล้วมีหัวหน้าแกงค์ง่อย ๆ ไม่ยอมอัพเกรดตัวเองอย่างไอ้เปรู!!”
ผวัวะ!!
“อั๊ก! อึก!”
“ไอ้เลว!...ไอ้เลว!”
ปึก ๆ ปึก!
“......................” ตอนนี้พวกผมยืนมองคนร่วมสถาบันรุมยำไอ้คนที่นอนอยู่กับพื้น....ทำไมมันบ้าได้ขนาดนี้...ทำไมถึงได้อยากมีอำนาจขนาดนี้..เฮียกัสโอบเอวผมเข้าไปในกลุ่มของพวกเรา...
“ กูหวังว่า มึงจะจัดการคนของพวกมึงด้วย!”
“...แน่นอน กูไม่ปล่อยไว้แน่...กูภูมิใจที่อย่างน้อย ๆ สถาบันช่างอย่างพวกเรา มีคนมีเหตุผลอย่างพวกมึง ไม่มาตีเอามันส์อย่างได้เชี่ยนี่..”
“...แต่อย่างน้อย ๆ ไอ้สัดนี่ก็ทำให้พวกกูรู้แล้วว่า พวกมึงเจ๋งจริง...แม้กระทั่งไอ้หน้าอ่อนนี่ พวกกูยังสู้ไม่ได้...ไม่แปลกที่ไอ้เจบีมันถูกห้าสิบรุมหนึ่งจะแค่บาดเจ็บไม่ถึงตาย...”
“ กลับไปเถอะพวกมึง แดดมันร้อน หรือพวกมึงจะเที่ยวก่อนก็ได้ “
“ กูจะกลับไปเคลียร์กับไอ้สัดนี่ มันต้องมีคนอื่นอีกแน่!”
“........................” พวกผมมองคนที่ทยอยไปขึ้นรถ...พร้อมกับหิ้วคนที่สะบักสะบอมขึ้นรถไปด้วย...เสียงถอนหายใจจากเพื่อนผมดังกันเฮือกฮาก ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ยองแจที่มันฮึกเหิมจะมาตอนแรก...
“เชี่ยแบม..แล้วใครจะกล้าอะไรกับมึงวะ...มีฝีมือขนาดนี้ยอมไอ้เหี้ยแจ็คทำไม กูเสียดาย โอ้ย!!”
“ อยากกินทราย หรือโดนอย่างไอ้บ้านั่นไหม” เฮียกัสถลาตามลูกถีบของเฮียนัม ก่อนจะล้มลงบนทราย...
“ ...กลับโว้ย กูง่วง”
ผมเดินตามแรงจูงของเฮีย ไปหารถที่จอดอยู่...ไม่ขัดขืนอะไร มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำไป...ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมไม่เก่งอะไรเลย..ที่กล้าทำถึงขนาดนั้น เพราะบางอย่างบอกผม ว่าถึงยังไงผมก็จะปลอดภัย...มีแววตาที่จับจ้อง และพร้อมที่จะเข้าหาผมถ้ามีภัย....พร้อมที่จะกระโจนใส่ทุกคนที่จะมาทำร้ายผม...
....ความรู้สึกเสื่อถึงกันตั้งแต่เมื่อไหร่...มันชัดเจนเจนผมเริ่มกลัว...กลัวใจตัวเอง....
Talk : สกรีมฟิค #Ficbloodsch Twitter: Namtal1a
ความคิดเห็น