ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Blood School เลือดรัก นักเลงช่าง ~JackBam [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : Sec 12 / No relationship is perfect

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 58





                    





    ลมทะเลที่ประทะร่างกายและใบหน้า  ทำให้รู้สึกว่าเหนียวตัว เมื่อร่างกายที่เปียกน้ำเริ่มแห้ง ตอนนี้ผมนั่งกอดเข่าอยู่บนหาด ข้าง ๆ มีหัวหน้าแกงค์เพกาซัสนอนแผ่ใช้แขนตัวเองต่างหมอน...ตาคมจ้องดาวสีสุกบนฟ้า  ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรตั้งแต่ขึ้นจากน้ำ...เสียงธรรมชาติ เสียงคลื่น เสียงลม และเสียงแมลงที่กรีดร้องเซ็งแซ่ มันผสมผสานกันอย่างลงตัว และไพเราะจนต้องหยุดฟัง...ทำให้จิตใจสงบลงเรื่อย ๆ  จนนิ่งในที่สุด...

     

    “ มึงรู้ไหมว่าชีวิตนี้ กูไม่เคยกลัวอะไร”

     

    “.......................”

     

    “เกิดมาก็มีพร้อมทุกอย่าง มีคนเตรียมและประเคน ไม่ต้องขวนขวาย ไม่ต้องวิ่งหา....ไม่ต้องไปแก่งแย่งกับใคร...แม้กระทั่งตำแหน่งหัวหน้าแกงค์ ไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองไปทำอะไรดีเด่นไว้ นั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีคนมอบให้...เรื่องผู้หญิงไม่ต้องพูดถึง...แต่ปลายสายตาทุกคนก็พร้อมจะวิ่งเข้าหา...พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไรให้เสียใจ ใช้เงินโอบกูไว้ตั้งแต่เล็กจนโต...เข้าใจนะว่าเป็นปกติของคนมีเงิน แต่ไม่มีเวลา..พยายามทำใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ “

     

    “แต่พวกท่านก็รักเฮีย”

     

    “ใช่ รักมาก...เข้าใจพ่อกับแม่ แล้วก็เข้าใจคนที่มีทุกอย่าง แต่ก็เหมือนยังขาดอยู่ตลอดเวลา....”

     

    “เฮียเลยกลายเป็นเด็กมีปัญหา”

     

    “เชี่ยเถอะแบมแบม...ชีวิตกูไม่ค่อยยุ่งกับใครนะ..มีมึงเป็นคนแรก..”

     

    “ไม่เห็นน่าดีใจซักนิด”

     

    “...ขอยืมหน่อย...”

     

    “......................”  ถอนหายใจก่อนจะปล่อยเลยตามเลย ยืมหน่อย ยืมมือผมไปจับไว้ ก่อนจะนอนหลับตานิ่งๆ  นิ่งจนผมเผลอหันมอง...คนหน้าตาหล่อคม ที่ดุดันยามที่กำลังใช้ความคิดหรือโมโห แต่ตอนนี้กลับดูอ่อนเยาว์ และไร้พิษสงอะไร....ทำไมต้องทำอย่างนี้กับผมนะ...ทำให้รู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก มันกล้ำกึ่งระหว่างความเกลียดกับความเข้าใจ...

     

    “..กลับเถอะครับ อากาศมันเย็น..”

     

    “ แต่ตัวกูอุ่นนะ กอดไหม”

     

    “.......................”  ไม่สนใจคนที่ลืมตาได้ก็กวนประสาท ดึงมือตัวเองออกมา ก่อนจะลุกขึ้นจากตรงนั้น....ไม่รอคนที่กำลังยันตัวเองขึ้นเหมือนกัน  คอผมถูกล็อคจากด้านหลัง

     

    “มันหนักนะเฮีย!

     

    “ก็กูหนาว”  วิธีการแก้หนาวคือโน้มตัวกอดผมก่อนจะเดินไปพร้อมกัน....ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ขี้เกียจขัดขืน ขี้เกียจว่า...อยากทำอะไรก็ทำ เหนื่อยกับการคิดหาเหตุผลว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และอีกคนจริงจังแค่ไหน....

     

    ผมกับเฮียแจ็คเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  ดีที่ในตลาดแถวนี้มีร้านเสื้อผ้าเยอะพอสมควร  แม่บ้านเฮียกัสใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงที่พวกผมไปนั่งล้อมวงในการซักอบแห้ง รีดให้เรียบร้อยทั้งหมด...ไม่งั้นก็คงได้ใส่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ซักนั่นแหละ...เฮียแจ็คไม่ได้บังคับให้ผมนอนด้วยหลังจากที่ปฏิเสธไปรอบนึงตอนมาดูห้อง...ผมนอนกับยูคยอม นอนห้องละสองคนเพราะมีหลายห้อง...ทุกอย่างครบครันสะดวกสบาย  สมกับที่พวกเฮียคิดจะมาก็มากันเลย....

     

    ........................................

    ........................................

     

    เช้านี้ที่สดใส ตามคำพูดของยูคยอมที่ลากให้ผมตื่นแต่เช้าเมื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้น มันบอกว่าปีที่แล้วเคยมา แล้วมานั่งดูมันสวยมาก ไม่ขัดมันเลยลุกอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้าครึ่ง  เจอเฮียนัมกับพี่จูเนียร์เดินออกจากห้องพอดีเลยได้เดินไปด้วยกัน...สรุปว่าตอนนี้มีพวกผมสี่คนที่ตื่นมานั่งอยู่หน้าบ้านที่ยังสลัวอยู่..เพียงแสงเรือง ๆ จากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่ขึ้นมาจากท้องน้ำตรงหน้า...มีหมอกบางๆ  และน้ำค้างเกาะยอดหญ้า จนต้องเข้าไปเอาเสื่อที่ใช้ปูเมื่อคืนมาปู....ส่วนเฮียคนอื่น ๆ เมื่อคืนกว่าจะเลิกวงไพ่ วงเหล้า คลานเข้าบ้านเข้าห้องนอนก็เกือบตีสอง คงจะตื่นยาก....หน้าตาพี่จูเนียร์ดูสดใสกว่าครั้งก่อน ๆ ที่เจอ รอยยิ้มจากใบหน้าน่ารัก มันดูสดใส  ผมพึ่งรู้ว่าพี่จูเนียร์กับเฮียนัมเป็นเพื่อนสนิทกัน...

     

    “พี่จูเนียร์ ถ่ายรูปไหมครับ”

     

    “ อืมก็ได้...อ่ะนี่”

     

    “.........................” รับโทรศัพท์ที่อีกคนยื่นให้มาถือไว้  ก่อนจะเดินตามคนที่หาวิวถ่ายรูป...ไม่นานรูปนิ่งท่ามกลางความสลัวรางๆ  ก็ถูกเชฟเข้ามือถือ ผมเลือกที่ไม่เปิดแฟรช และพี่จูเนียร์ก็ดูเหมือนจะชอบ..

     

    ...ความเป็นธรรมชาติในช่วงเวลาคือเสน่ห์ที่ไม่ควรมีสิ่งใดแต่งแต้ม...

     

    “ ทำไมไม่ปลุก “

     

    “..ก็เห็นนอนดึก..”  ผมหันมองเฮียมาร์คที่เดินออกมา บทสนทนาสั้น ๆ ก่อนคนที่ถามจะเดินออกจากกลุ่มที่ผมนั่ง ทำให้พี่จูเนียร์ลุกตามแล้วเดินคู่กันไปตามแนวหาด...

     

    “ไอ้แจ็คสันมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะแบมแบม”

     

    “ ทำไมจู่ ๆ ก็พูดเรื่องนี้ละครับ”  โต้ตอบเฮียนัมที่จู่ ๆ ก็พูดถึงเฮียแจ็คขึ้นมา...เฮียนัมหันมองผมก่อนจะถอนหายใจ...ตาก็ยังมองยูคยอมที่เดินออกไปไกลจากพวกผม ถ่ายอะไรต่อมิอะไรของมัน รวมถึงส่องดวงอาทิตย์ที่ปริ่ม ๆ จะโผล่ออกมาแล้ว...บรรยากาศดี ธรรมชาติสวย ทำให้จิตใจและสมองของคนเราปลอดโปร่งได้จริงๆ

     

    “ ไม่รู้สิ แค่อยากบอก มันก็แค่แสดงออกในแบบของตัวเอง”

     

    “..ช่างเถอะครับ..บางครั้งเหตุผลมันก็ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องบางเรื่อง..เพราะถึงแม้จะมีเหตุผล ก็ใช่ว่าจะเป็นเหตุผลที่ทุกคนจะรับได้..”  เรื่องบางเรื่อง มีเหตุผลในตัวของมัน แต่มันอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีสำหรับใครต่อใคร....ฉะนั้นหลายต่อหลายครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครหลายคนมันจึงกลายเป็นเรื่องที่ทำโดยไม่มีเหตุผล...

     

    “ โว้วว สวยยยยย!!!

     

    “สวยจริง  ๆ ด้วย”

     

    “ถ่ายรูปไว้ กูจะอัพลงไอจี”  ผมกับเฮียนัมยกมือถือตัวเองถ่ายรูปพระอาทิตย์ที่เริ่มโผล่ขึ้นจากโพ้นน้ำนีละนิด แสงส้มเรือง ๆ  ฉาบท้องฟ้ายามเช้าให้พ้นจากความมืดมิดได้อย่างสวยงาม...ไอ้ยูคยอมถ้ามันทำได้คงอยากจะบินไปแตะขอบฟ้าแน่ ๆ ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนผมมันชอบธรรมชาติขนาดนี้

     

    ในที่สุดพระอาทิตย์ที่ทอแสงอ่อนก็เริ่มร้อนขึ้น พวกผมชวนกันเข้าบ้านเพราะกลิ่นหอม ๆ ของอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ แม่บ้านในบ้านรู้จักและสนิทกับเฮียนัมพอสมควร ตอนนี้น้ำสตอเบอรี่แก้แฮงค์วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ  ผมไม่แฮงค์แต่ก็จิบตามเฮียนัม เปรี้ยว ๆ หวานๆ  อร่อยดี กลายเป็นว่าคนตื่นก่อนก็ลงมาช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ  สำหรับคนสิบกว่าคน..

     

    “แจ็คสัน กูมีเรื่องคุยด้วย”

     

    “ว่ามาตรงนี้ถ้าเป็นเรื่องแกงค์ กูไว้ใจคนที่อยู่ตรงนี้”  หลังจากกินข้าวเสร็จ  กำลังนั่งตักบัวลอยน้ำขิงกินกัน เฮียมาร์คที่เดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก็เดินหน้าเครียดเข้ามาหา พร้อมบอกมีเรื่องจะคุยกับเฮียแจ็ค...

     

    “ พวกเซนท์ธอร์ มันรุมตีเด็กสถาบันเรา ไอ้เจบีออกรับหน้าแทนโดนรุมห้าสิบต่อหนึ่ง...ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล...แล้วตอนนี้พวกเหี้ยนั่นมันกำลังมาหาเราถึงที่นี่..”

     

    “เชี่ยแล้วไง! ห้าสิบต่อหนึ่ง แล้วพวกยูนิคไปไหน!

     

    “ สามทุ่มเมื่อคืน กูว่ามันรู้ว่าพวกเราไม่อยู่เลยเบนเป้าไปหายูนิค น่าจะออกไปคนเดียว คนอวดดีอย่างไอ้เจบีมันลุยอยู่แล้ว”

     

    “พวกมันแค้นมากสินะ ถึงยกคนมาหาเราถึงที่นี่”

     

    “แน่นอน และพวกนี้คือแกงค์เล็กรวมตัวกัน มีคนของแกงค์เซนท์ธอร์อยู่ด้วยแต่ไม่ใช่แกงค์เซนท์ธอร์ทั้งหมด... เพราะพวกนั้นมันบอกไอ้เปรูมันออกตัวโพตส์ในกลุ่มว่ามันไม่เกี่ยวข้อง และตอนนี้มันคอนโทรลพวกนี้ไม่ได้”

     

    “เอาไงวะ พวกมันมาแน่!

     

    “พวกเราทางนั้นรู้ช้า แต่ก็กำลังตามมาเหมือนกัน...แต่คิดว่าพวกมันถึงก่อน...แล้วที่สำคัญคนที่รู้ว่าพวกเราไปไหน และรู้ที่อยู่บ้านพักของไอ้กัสก็มีแต่ไม่กี่คนว่ะ กูว่างานนี้แมร่งเกลือเป็นหนอน..”

     

    “แจ้งตำรวจให้มาคุ้มกันที่บ้านนี้เผื่อพวกมันเมาดิบ...ไอ้กัสหาสถานที่โล่งๆ  ไม่ค่อยมีคน โพตส์ในกลุ่มช่างนัดพวกมันไปที่นั่น..บอกว่าพวกเรารออยู่”

     

    “...ได้...”  ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด พวกมันยกกันมาเท่าไหร่กัน ถ้าขนาดห้าสิบรุมหนึ่ง ผมเริ่มใจไม่ดีว่าเฮียเจบีเป็นยังไงบ้าง และถ้าพวกนั้นมาถึงคนแค่นี้จะสู้อะไรพวกมันไหว...

     

    “..ทำไมไม่แจ้งตำรวจให้จัดการละครับ..”

     

    “...มันไม่แล้วหรอกแบมแบม วันนั้นพวกมันถอยเพราะหัวหน้าแกงค์พวกมันสั่ง กูมีลางสังหรณ์ว่ามีคนคอยยุยงอยู่ทำให้พวกมันเดือดได้ขนาดนี้ และคน ๆ นั้นก็ต้องเป็นคนของสถาบันเรา..ถ้าพวกมันไม่รู้ผลแพ้ชนะ พวกมันไม่จบแน่..”

     

    “ แต่วันนั้นก็ถือว่าพวกมันแพ้นะเฮีย!

     

    “...กูถึงบอกนี่ไง ว่าถ้าไม่มีคนยุ พวกมันไม่ลุกฮือขึ้นอีกหรอก ......ว่าไงมึง....คุย...ได้.....แจ็คสันมีคนจะคุยด้วย”  เฮียมาร์คตอบคำถามไอ้มาวิน ก่อนจะกดรับโทรศัพท์แล้วสุดท้ายก็ส่งให้แจ็คสัน...

     

    “ ว่าไง.....อืม...แล้วเป็นไง ตายรึยัง.....กูรู้ว่ามึงหนังเหนียว..เพราะคนที่จะฆ่ามึงได้มีแค่กู..........มึงจัดการมันได้ ตามแต่มึง.....แต่กูว่ามันจมตีนพวกนั้นตายแน่ ถ้ารู้ความจริง.....ส่งคลิปมา.....ก็อยู่กับกู มึงมีอะไรกับมัน...อย่าเสือก...”

     

    “..........................”  เฮียแจ็คสันคุยกับบางคนในสาย  ก่อนที่ประโยคท้ายจะมองเหล่มาหาผมที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ กัน....มุมปากกดยิ้มเย็นๆ  ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเฮียมาร์ค....

     

    “รู้ตัวไอ้คนที่เอาสีไปพ่นกำแพง  และเป็นตัวต้นเหตุ”

     

    “ใครวะ”

     

    “ไอ้โยเรย์ น้องไอ้เจบีและมีคนอื่นในเซนท์โซเทียด้วย....ไอ้เจบีมันจะส่งคลิปมาให้ เปิดให้พวกเลือดร้อนนั่นดู...แต่มันจะฟังรึเปล่า เพราะพวกตีเอามันก็เยอะ ส่วนน้องมันมันจัดการเอง..”

     

    “ได้ไงพี่ ถ้ามันปล่อยน้องมันลอยนวลล่ะ!

     

    “กูเชื่อใจมัน...เตรียมตัว...พวกไม่เกี่ยวอยู่นี่”

     

    “......................”  พวกผมนั่งเงียบ ได้ยินเฮียกัสโทรหาตำรวจ....ส่วนพวกเฮียก็ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว ขึ้นไปข้างบนกัน...ผมหันมองซ้ายขวา แม้แต่เฮียนัมก็จะไปด้วย...ซักพักพวกที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อเชิ๊ตสีแดงทั้งหมดก็เดินลงมา...

     

    “เฮีย!

     

    “มีอะไร”

     

    “ผมไปด้วย”

     

    “กูบอกไปแล้วว่าคนไม่เกี่ยว ให้อยู่นี่ มึงมีปัญหาอะไร”  เฮียแจ็คหันมาพูดกับผม หลังจากที่ยอมลงทุนวิ่งตามเฮียไปถึงหน้าบ้าน ผมรู้ว่าเวลานี้ไม่ควรจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่ผมว่ามันไม่ถูกต้อง...

     

    “พวกผมไม่เกี่ยวข้องตรงไหน พวกเราคือแกงค์เพการ์ คนที่จะปกป้องแกงค์ รักษาชื่อเสียงของแกงค์มีแค่พวกเฮียรึไง!

     

    “ มึงจะไปทำอะไรได้ บอกกูมาซิ”  คนที่ถามคือเฮียโจ  ส่วนคนที่ผมคุยด้วยตอนแรก ยืนเท้าประตูรถมองอยู่....

     

    “ไม่รู้อ่ะ แต่ผมจะไป ถ้าไม่ให้ไปผมก็จะหารถไปเอง”

     

    “เอาเพื่อนมึงไปเก็บไป”

     

    “ ผมคือตัวต้นเหตุตั้งแต่ต้นนะ ปล่อยกูดิ๊!”  ไอ้มาวินวิ่งมาดึงผมเข้าบ้านหลังจากเฮียแจ็คโบกมือไล่ผม....เริ่มตั้งแต่ไอ้โยเรย์  จนกระทั่งเหตุการณ์บนรถเมล์ ล้วนถูกจุดชนวนมาจากผมทั้งนั้น...

     

    “ มึงไร้สาระเกินไปแล้วแบมแบม”

     

    “ทำไม ไหนเฮียบอกว่าอยู่กับเฮียจะกลัวอะไร...กลัวผมไปเป็นตัวถ่วง หรือกลัวปกป้องผมไม่ได้.!!.

     

    “..แบมแบม!! มึงอย่าไร้สาระจะดื้อดึงควรมีขอบเขต..ก็เพราะว่ากูอยากปกป้องมึงไงถึงทำอย่างนี้...กูบอกให้เอามันเข้าบ้าน!

     

    “ แบมแบม เชื่อเฮียมึงเถอะ มึงด้วยไอ้มีนัม เสล่อออกมาทำไม!!”  เฮียนัมถึงกับชะงัก เมื่อเฮียกัสออกบอกไล่  ตอนนี้เกิดสงครามย่อย ๆ หน้าบ้าน ระหว่างพวกผม...ในเมื่อผมยื้อตัวไว้ ก่อนจะวิ่งไปยืนข้างเฮียนัมที่ไม่ยอมเข้าบ้านเหมือนกัน...

     

    “กูก็เป็นรุ่นใหญ่เหมือนพวกมึง หลังกูก็มีรอยสักเหมือนมึง ทำไมกูจะไปไม่ได้ กูเป็นเมียมึง ไม่ได้หมายความว่ากูจะเป็นง่อยไอ้สัดกัส!!

     

    “.....................”  ผมอึ้งหน่อย ๆ ที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ออกจากปากเฮียนัม  ก็พอจะเดาได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเฮียจะไปถึงขนาดนี้แล้ว...ผมมองหน้าเฮียแจ็คที่ยืนพิงรถอยู่....

     

    “ผมก็จะไปด้วย..”

     

    “ไอ้ยองแจ! เป็นเหี้ยอะไรของพวกมึง! ร้อยวันพันปีไม่เคยร้องตาม ไอ้พวกหอก!” เฮียกัสอ้าปากค้าง เมื่อเจอช็อตเมีย แล้วยังมาเจอช็อตน้องชาย พวกรุ่นใหญ่ที่เหลือเริ่มอารมณ์เสีย มายืนมองหน้าพวกผมสลอน...

     

    “ถ้าพวกเฮียมัวแต่ให้พวกผมหดหัวอยู่อย่างนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าวันนึงไม่มีพวกเฮีย พวกผมจะทำอะไรได้....ต่อไปรุ่นใหญ่คือพวกเรา แต่ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยได้สัมผัสเลยว่าเป็นยังไง...พวกเฮียจะเก็บวิชา เอาไว้กับตัวเองทำไม ปล่อยมาบ้างเด้!!

     

    “............................”

     

    “..ไม่ใช่แค่ปกป้องให้พวกเราขี่หลังเสือได้โดยไม่เป็นอันตราย...แต่เฮียต้องบอกวิธีที่ขี่เสือต่อไปยังไงในวันที่ไม่มีพวกเฮีย..ในเมื่อมันลงไม่ได้แล้ว...” คำพูดของผมทำให้พวกรุ่นใหญ่เงียบกันหมด...ถ้าพวกเราคือเพการ์ เราก็จะเป็นให้เต็มตัว...ไม่ได้อยากจะหาเรื่องใคร ไม่ได้จะไปอวดเก่งกับใคร แต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยพาย....

     

    “...พวกเชี่ย!!..โว้ย!...”

     

    “ อยากตายนักก็ขึ้นมา ให้เร็ว!!

     

    ผมกับเฮียนัมหันหน้ามองกันก่อนจะกระโดดขึ้นรถกระบะของเฮียแวน วีโก้คันใหญ่จะวิ่งฉิวตามถนนคอนกรีต เรียบทะเลไปเรื่อย ๆ ก่อนรถจะเบี่ยงขึ้นถนนใหญ่และกำลังวิ่งขึ้นเขา บรรยากาศสองข้างทางเย็นพอสมควร พี่จูเนียร์ที่โดดขึ้นรถมาด้วยจับมือผมไว้ พวกรุ่นใหญ่นั่งหน้าทั้งหมด และมองจากข้างหลังเป็นกำลังคุยกันอยู่....ข้างหลังมีแค่พวกผม...

     

    รถคันใหญ่จอดสนิทหลังจากที่ขี่ขึ้นเขา และสุดท้ายก็ลงตรงทางแยกที่ไม่ค่อยมีรถสัญจร  รถดิ่งลงจากเขาตามทางลาดทอดหาชายหาดด้านล่าง...หาดทรายกว้าง  ยังไม่มีนักท่องเที่ยว เฮียนัมบอกว่าหาดนี้น้ำทะเลค่อนข้างขุ่นเพราะกระแสน้ำและคลื่นแรง ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว...

     

    “ รอพวกมันอยู่นี่แหละ พวกมันจะให้คนแถวนี้พามา ไม่รู้ว่ามันมาเท่าไหร่”

     

    “มึงเอารถไปจอดฝั่งนู้น เดี๋ยวแมร่งได้เดินกลับกัน”   เฮียแวนพยักหน้าก่อนจะเคลื่อนรถไปจอดอีกฝั่งของหาดซึ่งมีโขดหินใหญ่บังอยู่....พวกผมเดินตามพวกเฮียไปนั่งบนพื้นทรายใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่...หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อคิดว่าอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น...เพื่อนผมก็ไม่ต่างพวกมันดูเงียบๆ  ผิดกับรุ่นใหญ่ที่นั่งสูบบุหรี่กันสบายใจ...

     

    “ป๊อดแล้วเหรอมึง ปากดีหนิ”

     

    “...ไม่ได้ป๊อด..”

     

    “..หึๆ สมกับเมียกูหน่อย....เชี่ยแบม!..

     

    “...................”  ถลึงตาใส่ พร้อมกับเอากำปั้นทุบไหล่คนปากพล่อยแบบไม่ยั้ง...ผมก็แรงผู้ชายเหมือนกันถึงน้อยกว่าเฮีย แต่มันก็ทำให้อีกคนไหล่ทรุดได้...

     

    “สวีทกันไม่เลือกที่นะมึง  ไอ้แจ็คแมร่งแพ้ทางตลอด..ฮ่าๆๆๆ”

     

    “....................”  เฮียแจ็คคว้าทรายแถวนั้นขว้างใส่เพื่อนตัวเอง ทรายเต็มปากเฮียกัสที่อ้าปากหัวเราะซะกว้าง...จนอีกคนไอโขลกและถ่มน้ำลายอย่างเอาเป็นเอาตาย..

     

    “มึงจะฆ่ากูรึไงไอ้แจ็ค”

     

    “เออ!

     

    “เห้ย พวกมันมาละ”

     

    ทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นยืน...ถึงจะอย่างนั้นพวกเราก็ยังอยู่ข้างหลัง ให้พวกรุ่นใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้า  รถบัสคันใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนลงตามแนวทางลง จนกระทั่งจอดสนิท...พวกบนรถเริ่มทยอยลงมาจากรถจนหมด เหลือแค่คนขับที่เคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้นเหมือนกัน...

     

    “ไม่เยอะเท่าที่คิดว่ะ”

     

    “แมร่งดูถูกฝีมือเราสัดๆ “

     

    “.........................”  ผมกับไอ้ยูคหันหน้ามองกัน ไม่เยอะเหรอวะ....พวกเราสิบสองคน กับพวกมันที่ดูแล้วไม่ต่ำว่าสามสิบคนเพราะมันอัดมาจนเต็มบัส...มันไม่เยอะตรงไหน...พวกมันเดินเข้ามาหาโดยมีคนนำอยู่สองคน...สิ่งที่ทำให้พวกผมรุ่นน้องต้องกลืนน้ำลาย คือหลายคนในกลุ่มนั้นมีอาวุธ...มีดด้ามยาว...และไม้เบสบอล...คงมีแค่พวกผมที่วอกแวก เพราะรุ่นใหญ่แม้แต่เฮียนัมก็ยังนิ่ง ไม่ได้รู้สึกอะไร...

     

    “ไอ้แจ็คสัน ออกมาคุย!!

     

    “มึงเป็นใคร ถึงอยากจะคุยกับหัวหน้าแกงค์กู”

     

    “กูเป็นใครไม่ต้องรู้ แต่วันนี้กูจะตัดสินแพ้ชนะกับพวกมึง หลังจากที่หัวหน้าขี้แพ้ของกูยอมถอย!”  พวกไม่ยอมแพ้สินะ พวกไม่ประมาณกำลังตัวเองในวันนั้น...เฮียแจ็คสันยกยิ้มมุมปากนิ่ง ๆ ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าก้าวนึง เผชิญหน้ากับไอ้คนตัวโตที่ตอนนี้คงสถาปณาตัวเองเป็นหัวหน้าแกงค์รถบัสนี่ไปแล้ว...ไม่ได้อยากจะเข้าข้าง...ขนาดยังไม่ได้อาบน้ำเซ็ทผม... แต่ดูยังไง เฮียแจ็คก็ดูเท่ห์กว่า มีอำนาจกว่า พวกนั้นหลายขุม

     

    “มีอะไรกับกูว่ามา”

     

    “พวกมึงเจ๋งยังไง ถึงดูถูกสถาบันพวกกูนัก...แกงค์สถาบันพวกมึงเจ๋งนักรึไง!

     

    “ จะเจ๋งหรือไม่เจ๋ง ไอ้เจบีมันก็นอนหยดน้ำเกลือแล้วล่ะลูกพี่ ฮ่าๆๆๆ”  เสียงพวกนั้นเสริมคนข้างหน้า ก่อนจะหัวเราะกันครื้นเครง เฮียแจ็คแค่ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ไม่น่าประทับใจ...ผมยืนอยู่ด้านข้าง ยังสัมผัสได้ถึงแววตาที่ทอดมองพวกนั้นว่ามันน่ากลัวแค่ไหน...ผมรู้ว่าพวกนั้นก็สัมผัสได้ จากการที่หันหน้ามองกันและกระชับอาวุธที่ถือแน่นขึ้น...

     

    “มึงรู้ไหม ว่าถ้าเป็นพวกมึง ห้าสิบรุมหนึ่ง พวกมึงตายไปแล้วห้ารอบ...แต่ไอ้เจบีมันแค่เข้าโรงบาล ขาหัก ปากแตก หัวแตก แขนเคร็ด..นอกนั้นปกติ  และยังแข็งแรง ไม่ตาย....พวกมึงยังไม่คิดว่าสถาบันกูเจ๋งเหรอ..แล้วการที่พวกกูกล้าออกมาเจอพวกมึงแค่นี้...มึงไม่คิดรึไง..ว่าพวกกูเจ๋ง..”

     

    “ เอามันเลยไหมลูกพี่!!

     

    “แต่งานนี้พวกมึงดูถูกพวกกูก่อน!!”  จิตวิทยาชัด ๆ พวกนั้นฮึดฮัดเพราะคำพูดเฮียแจ็ค...ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวตอนแรกเริ่มลังเล และมีความกลัวเข้าแทนที่...คงไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสกับหัวหน้าแกงค์เพการ์แบบจังๆ  แบบนี้สินะ...อดทึ่งจนเผลอจ้องเสี้ยวหน้าหล่อที่เห็น...ในใจพาลฮีกเหิมขึ้นมา...ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองจะเก่งกว่าพวกมัน...แต่หัวหน้าแกงค์เพการ์มีมวลบางอย่างทำให้พวกผมเชื่อมั่นว่า...ทุกอย่างจะจบและผ่านไปด้วยดี...คน ๆ คนนี้คือคนที่สามารถสร้างความเชื่อใจให้คนอื่นด้วยท่าทางและคำพูดไม่กี่คำ...

     

    “พวกมึงมีเหตุผลแค่ไหน หรือมึงจะตีเอามันส์”

     

    “มึงพูดเรื่องอะไร”  

     

    “ถ้าพวกมึงจะเหมารวมว่าพวกสถาบันกูผิดหมด เพราะคนที่ทำคือคนเพียงคนเดียวก็เอา...จะมาท้ารบ พวกกูก็พร้อม แต่ถ้ามีเหตุผลหน่อย มึงจะรู้ว่าศึกของสองสถาบันไม่สมควรจะเกิดขึ้นเพราะปากและการกระทำของคนๆ  เดียว”  เฮียมาร์คพูดแล้วเดินออกไปยืนเสมอกับหัวหน้าแกงค์ตัวเองก่อนจะโชว์โทรศัพท์ขึ้นให้พวกมันได้ฟังกัน เสียงเปิดดังสุดแข่งกับเสียงคลื่น..

     

    “มึงหมายถึงใคร”

     

    / กูว่าแมร่งเละว่ะ  มือกูยังเปื้อนสีที่พ่นเมื่อคืนไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ....ปล่อยข่าวนิดหน่อย แค่นี้พวกเซนท์โซเทียก็ยกพวกมาถล่มแล้ว...นี่เป็นหนทางที่กูจะแก้แค้นไอ้แจ็คสัน และแก้แค้นไอ้พี่ชายตัวดีที่หักหน้าหลายต่อหลายครั้ง.../

     

    “มันเป็นใคร! มันเป็นคลิปเสียง พวกมึงอย่ามาหลอกพวกกู..”

     

    “กูไม่บอก.....”  เสียงคนคุยกันในคลิปชัดเจน  ถ้าไม่บอกแต่แรกว่าเป็นใครก็ไม่รู้เ เพราะถ้าเป็นแค่คลิปเสียงมันก็ไม่มีอะไรไปยืนยันกับพวกมัน มันต้องคิดว่าอาจจะเป็นหลักฐานที่พวกผมสร้างขึ้นเอง..

     

    “ ถึงจะเป็นคลิปเสียงแต่มันก็ระบุว่าคนสถาบันมึง... มึงจะรับผิดชอบยังไง ถ้าไม่อยากมีเรื่อง งั้นก็ส่งตัวมันมา !

     

    “ พวกมึงไม่เชื่อใจเหรอ ว่าพวกกูจะจัดการเอง”

     

    “ไม่มีทาง! พวกมึงมันก็พวกเดียวกัน...หรือไม่งั้น...มึงก็ให้ไอ้แจ็คสันมันคลานเข่าเข้ามากราบตีนกูสิ...แล้วพวกกูจะกลับ ฮ่าๆๆ”

     

    “..................”  พวกผมเงียบสนิท ต่างจากพวกมันที่หัวเราะครื้นเครง คนที่โดนท้าทายยังยืนนิ่งส่งยิ้มเย็นๆ  เหมือนเดิม...เฮียแจ็คไหวไหล่เหมือนกับสิ่งที่พวกมันพูดไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร...

     

    “พวกมึงต้องการอย่างนั้นเหรอ”

     

    “ใช่ ถ้ามึงทำ กูก็แค่ขอถ่ายคลิปลงโซเชียลหน่อยแค่นั้นเอง มึงก็จะได้ดังด้วยไง...ว่าไง

     

    “......................”..”  ในขณะที่ทุกคนนิ่ง ผมกลับกำมือแน่น...ผมจำมันได้แล้ว จำได้ทันทีที่มันพาดสายตามาหาผม...ไอ้คนนี้คือหนึ่งในคนที่มีเรื่องบนรถเมล์วันนั้น...ดูจากการพูด วิธี และสันดานแล้ว คุยไปก็เท่านั้น มันไม่มีจิตสำนึกอะไรหรอก มันแค่อยากเอาสนุก ชอบหาเรื่องแค่นั้น...

     

    “ โอ๊ะ โอ ว่าไงครับคนสวย...กูมีข้อเสนออีกวิธีนึงว่ะ...”

     

    “.............................”

     

    “ ให้เมียมึง แก้ผ้าเล่นน้ำให้พวกกูดูสิ...ถ่ายคลิปลงคงดัง...ฮ่าๆๆๆ”

     

    “...ไอ้สัด!! พวกมึงมันเลว ไม่มีเหตุผลสมกับที่พวกเฮียกูคุยด้วย!!..”

     

    “..........................”  ผมดึงแขนไอ้หมากหอมที่ฮึดฮัดขึ้นเสียงดัง  ก่อนจะก้าวออกไปยืนตรงหน้าพวกมันหลังจากสะบัดแขนไอ้วินที่จับผมไว้...พวกเฮียยังนิ่งไม่ห้ามผม...แต่ผมรับรู้ถึงสายตาเฮียแจ็คที่จับจ้องผมอยู่ตลอด...

     

    “ ว้าวว ก้าวออกมาหากู คือจะให้กูแก้ผ้าให้ใช่ไหม ฮ่าๆๆ”

     

    “.........................”   พวกมันหัวเราะเสียงดัง  ก่อนสายตาทุกคู่จะจับจ้องที่ผม....ยิ้มให้มัน ก่อนจะจับจ้องหน้าไอ้คนที่ยืนเท่ห์ล้วงกระเป๋า คนที่เป็นแกนนำของรถบัสคันนี้...

     

    “ แมร่ง...ถ้าไม่ติดว่ากูไม่พิศวาสเพศเดียวกัน...กูคงจะหลงมึงน่าดูเลยว่ะ..”

     

    “งั้นเหรอ”  ผมถามด้วยน้ำเสียงธรรมดา  ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมือมัน หลังจากที่มันเอื้อมมือมาลูบหน้าผม....ดวงตาคนตรงข้ามเป็นประกายเหมือนถูกใจที่ผมเล่นด้วย....

     

    หมับ! วืดดด...ปั๊ก!

     

    “โอ๊ยยย!!!! เชี่ยย!!

     

    “อย่าเข้ามา ไม่งั้นกูเชือดคอเพื่อนมึงแน่!

     

    “เชี่ยกูเจ็บ!! โอ๊ย!” แขนของคนที่เอื้อมมาลูบแก้มผมถูกล็อคไว้แน่น ก่อนจะถูกบิดอย่างแรงจนตัวคนที่ใหญ่กว่าผมเอียง และสุดท้ายก็หันหลังตามแรงบิดที่แขน ผมเตะขาให้มันล้มลงบนผืนทรายใช้ทั้งตัวและเข่าทับหลังมัน  มันร้องอย่างทรมานเพราะแขนที่ถูกบิดไขว้ไว้  โดยที่แขนอีกข้างไม่สามารถที่จะเอื้อมมาทำอะไรผมได้ เพราะมันคว่ำหน้าบนพื้นทราย...มีดคัทเตอร์ที่กระเป๋าหลังถูกผมชักออกมา จ่อหลังคอ...ไม่น่าเชื่อว่าผมจะใช้เวลาไม่ถึงห้าวิในการกระทำการทั้งหมด...ต้องขอบคุณวิชาการต่อสู้ที่ร่ำเรียนมา ถึงจะสู้เฮียแจ็คไม่ได้ แต่คนอื่นผมก็ไม่ถอยเหมือนกัน...

     

    “...ฮ่าๆๆๆ...”

     

    “อย่าเข้ามานะโว้ยย ไม่งั้นพวกกูเอาจริง!

     

    “ หึ...งั้นเหรอ...”  เฮียแจ็คหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเดินมายืนข้างผมที่ยังกดไอ้บ้านี่อยู่....ดูเหมือนว่าทุกคนจะทึ่ง อึ้งกับสิ่งที่ผมทำ....เฮียแจ็คยกเท้าขึ้นเหยียบหลังคนที่ผมจับอยู่ ก่อนจะดึงแขนผมขึ้น...

     

    “เชี่ย!! ปล่อยสิวะ!!

     

    “พวกมึงคิดว่ามันพาพวกมึงมาตายไหม....ไอ้คนนี้...มันก็แค่อยากจะมีอำนาจ ควบคุมพวกหน้าโง่อย่างพวกมึง...มันมีฝีมือที่สุดรึไง แต่พวกมึงดูสภาพมันสิ...มันยืมมือพวกมึงทั้งนั้นเพราะมันแค้นกู ที่สู้กูไม่ได้...ไอ้นี่แหละที่เป็นคนร่วมมือกับไอ้คนในคลิปพ่นสีกำแพงสถาบันพวกมึง ..ดูคลิปต่อให้จบไหม มันไม่ใช่คลิปเสียง....”

     

    “จริงเหรอพี่กาย...”

     

    “ อย่าไปเชื่อมัน!!”  คนที่ยังดิ้นอยู่ที่พื้นตะโกนขึ้นมา  เฮียแจ็คเหยียบแขนและแผ่นหลังมันแน่นขึ้น....

     

    “ กัส!

     

    / กูว่าแมร่งเละว่ะ  มือกูยังเปื้อนสีที่พ่นเมื่อคืนไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ....ปล่อยข่าวนิดหน่อย แค่นี้พวกเซนท์โซเทียก็ยกพวกมาถล่มแล้ว...นี่เป็นหนทางที่กูจะแก้แค้นไอ้แจ็คสัน และแก้แค้นไอ้พี่ชายตัวดีที่หักหน้าหลายต่อหลายครั้ง.../

     

    “ไม่ใช่พวกมันใส่ร้ายกู!!

     

    “............................”  พวกที่กำลังฮึดฮัด ก้มมองคลิปจากโทรศัพท์เฮียกัสที่เอาไปให้ดู  ตอนแรกผมก็คิดว่าคลิปเสียง เสียงคุยกันชัดเจน และภาพก็คงจะชัดไม่ต่างกัน...ถึงคนพูดจะเป็นได้โยเรย์  แต่ผมมั่นใจว่าต้องถ่ายได้มากกว่าคนที่พูดแน่ และหนึ่งในนั้นคือคนที่นอนหมอบอยู่...

     

    “ เชี่ยกาย!! ทำไมมึงถึงทำอย่างนี้!!

     

    “...กูไม่ได้ทำ!!..”

     

    “ งั้นเหรอไอ้สัด แล้วคนในคลิปนี่หมาตัวไหน!!

     

    “...คือ กู....เออแล้วไง!! ทำไม  ทำไม!! พวกมึงไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันที่เจ๋งที่สุดรึไง!! ทำไมต้องเป็นรองไอ้พวกเอ็กซ์โซคลัส!!  แล้วมีหัวหน้าแกงค์ง่อย ๆ ไม่ยอมอัพเกรดตัวเองอย่างไอ้เปรู!!

     

    ผวัวะ!!

     

    “อั๊ก! อึก!

     

    “ไอ้เลว!...ไอ้เลว!

     

    ปึก ๆ  ปึก!

     

    “......................”  ตอนนี้พวกผมยืนมองคนร่วมสถาบันรุมยำไอ้คนที่นอนอยู่กับพื้น....ทำไมมันบ้าได้ขนาดนี้...ทำไมถึงได้อยากมีอำนาจขนาดนี้..เฮียกัสโอบเอวผมเข้าไปในกลุ่มของพวกเรา...

     

    “ กูหวังว่า มึงจะจัดการคนของพวกมึงด้วย!

     

    “...แน่นอน กูไม่ปล่อยไว้แน่...กูภูมิใจที่อย่างน้อย ๆ สถาบันช่างอย่างพวกเรา มีคนมีเหตุผลอย่างพวกมึง ไม่มาตีเอามันส์อย่างได้เชี่ยนี่..”

     

    “...แต่อย่างน้อย ๆ ไอ้สัดนี่ก็ทำให้พวกกูรู้แล้วว่า พวกมึงเจ๋งจริง...แม้กระทั่งไอ้หน้าอ่อนนี่ พวกกูยังสู้ไม่ได้...ไม่แปลกที่ไอ้เจบีมันถูกห้าสิบรุมหนึ่งจะแค่บาดเจ็บไม่ถึงตาย...”

     

    “ กลับไปเถอะพวกมึง แดดมันร้อน หรือพวกมึงจะเที่ยวก่อนก็ได้ “

     

    “ กูจะกลับไปเคลียร์กับไอ้สัดนี่ มันต้องมีคนอื่นอีกแน่!

     

    “........................”  พวกผมมองคนที่ทยอยไปขึ้นรถ...พร้อมกับหิ้วคนที่สะบักสะบอมขึ้นรถไปด้วย...เสียงถอนหายใจจากเพื่อนผมดังกันเฮือกฮาก ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ยองแจที่มันฮึกเหิมจะมาตอนแรก...

     

    “เชี่ยแบม..แล้วใครจะกล้าอะไรกับมึงวะ...มีฝีมือขนาดนี้ยอมไอ้เหี้ยแจ็คทำไม กูเสียดาย  โอ้ย!!

     

    “ อยากกินทราย หรือโดนอย่างไอ้บ้านั่นไหม”  เฮียกัสถลาตามลูกถีบของเฮียนัม  ก่อนจะล้มลงบนทราย...

     

    “ ...กลับโว้ย กูง่วง”

     

    ผมเดินตามแรงจูงของเฮีย ไปหารถที่จอดอยู่...ไม่ขัดขืนอะไร มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำไป...ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมไม่เก่งอะไรเลย..ที่กล้าทำถึงขนาดนั้น  เพราะบางอย่างบอกผม ว่าถึงยังไงผมก็จะปลอดภัย...มีแววตาที่จับจ้อง และพร้อมที่จะเข้าหาผมถ้ามีภัย....พร้อมที่จะกระโจนใส่ทุกคนที่จะมาทำร้ายผม...

     

    ....ความรู้สึกเสื่อถึงกันตั้งแต่เมื่อไหร่...มันชัดเจนเจนผมเริ่มกลัว...กลัวใจตัวเอง....

     

    Talk : สกรีมฟิค #Ficbloodsch  Twitter:  Namtal1a


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×