ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Blood School เลือดรัก นักเลงช่าง ~JackBam [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #11 : Sec 11 / Maybe

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 58


                              


                               




    หันมองคนที่พาผมเดินออกจากสวนสาธารณะ ก่อนจะเดินตามทางเท้าไปที่ป้ายรถเมล์ ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ  ใจคอจะเดินไม่หันมามองผมที่เดินตามเลยใช่ไหม  หรือว่าจะเปลี่ยนใจขึ้นแท็กซี่กลับบ้านดี...แต่แค่คิดว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วเย็นนี้บ้านผมคงวุ่นวายเลยไม่อยากทำ...ไปหยุดยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ แต่ไม่ได้ไปยืนข้างๆ  เพราะตอนนี้หัวหน้าแกงค์เพการ์ซัสเด่นเกินไป เด็กมัธยม นักศึกษาที่รอรถอยู่ หันมองแล้วซิบซิบกันยกใหญ่...

     

    “ จะต้องให้กูอัญเชิญมายืนตรงนี้ไหม”

     

    “....................”  เดินไปยืนข้างๆ  อย่างที่อีกคนต้องการ กลายเป็นโคตรเด่นไปแล้ว  เสียงกรี๊ดเล็ก ๆ  เสียงเหมือนถูกแอบถ่ายรูป...ทำเป็นไม่สนใจ ยืนนิ่ง ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไปไหน

     

    ...ถ้าเป็นปกติผมคงจะถาม จะโวยวาย ไม่ตาม และหาทางหนี...แต่รู้สึกว่าวันนี้จะอารมณ์นิ่ง ๆ จะพาไปไหนก็ไป...ไม่อยากจะเหนื่อยกับการวิ่งหนี สิ่งที่หนีไม่พ้น...

     

    “ ไป”

     

    “..บอกได้ไหม ว่าจะพาผมไปไหน..”

     

    “ จะอยากรู้ไปทำไมถึงที่ก็รู้”

     

    “ บอกดี ๆ ก็จะไปดี ๆ ถ้าแบบนี้ก็จะลง”  ไม่เข้าใจเลย ว่าจะเครียดกับชีวิตอะไรนักหนา ผมสิควรจะกลัว โกรธ เกลียด คนที่นั่งข้างๆ  กันบนรถเมล์ตอนนี้  แต่ก็ยังอุตส่าห์เดินตามมา ถึงไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็มาแล้ว จะทำไงได้....

     

    ...แต่อย่าพึ่งคิดว่าที่ผมยอมตามมา มันจะรวมว่า ผมยอมทุกอย่างที่อีกคนต้องการ...

     

    “ ไปหากินข้าว พอใจยัง”

     

    “........................” ไม่ตอบอะไร  แค่นั่งต่อไป ไม่ถามว่าจะไปที่ไหน จะกินอะไร แล้วจะพาผมมาด้วยทำไม.....

     

    ...หัวสมองมันตื้อ ๆ  คงจะตื่นเช้าเกินไป...แอร์จากรถเมล์ปรับอากาศทำเอาผมเริ่มหนังตาเริ่มหย่อน ๆ .....

     

    “ แบม...แบมแบม...จะให้กูอุ้มลงไหม..”

     

    “ อื้ออ”

     

    “...หึ ๆ...”

     

    “..อืม..เอ่อ..คือ...”

     

    “ ป้ายที่จะถึง”  ใบ้กิน พูดอะไรไม่ออก ไม่แน่ใจว่านั่งนานขนาดไหน ผมถึงได้เผลอหลับเอาหัวซบไหล่คนที่นั่งข้างกันได้ขนาดนี้  ขยับประเป๋าเป้ เมื่ออีกคนพูดถึงป้ายหน้า...ผมเหลือบมองคนที่ยังนั่งหันหน้ามองออกไปด้านนอก แต่ถ้าตาไม่ฝาด ผมเห็นเฮียแจ็คยิ้ม...ยิ่งอีกคนยิ้ม ผมยิ่งทำตัวไม่ถูก ทำหน้าตึง ๆ รู้สึกขายหน้านิดหน่อยที่ดันมาหลับซบอย่างนี้....

     

    ในที่สุดก็ถึงที่ผมเริ่มรู้สึกประหม่า เมื่อร้านอาหารที่อีกคนพามา มันต้องขึ้นลิฟท์ กดเลขชั้น 25  ผมขยับตัวออกจากลิฟท์ เดินผ่านประตูที่มีคนเปิดต้อนรับ ก่อนจะเมองห็นภัตตาคารที่ดูหรูจนผมแทบจะไม่กล้าขยับตัว...จนกระทั่งคนที่มาด้วยกันโอบเอวผมให้เดินเข้าไป ขยับตัวออก แต่ก็ไม่รอด

     

    “ ปล่อยเถอะครับ”

     

    “มาเถอะหน่า”

     

    “.....................”  ในที่สุดก็ได้โต๊ะนั่ง ติดกระจกใส ที่มองผ่านออกไปเห็นวิวของกรุงเทพเป็นบริเวณกว้าง  เมนูถูกยื่นมา ก่อนเฮียแจ็คจะรับแล้วเปิด ๆ ดู สั่งอาหารไปสองอย่าง..

     

    “ กินอะไรไหม”

     

    “ไม่ครับ”

     

    “แค่นั้นก่อน”

     

    “........................”  ตอนนี้สายตาที่จ้องเมนู กำลังช้อนมองผม จ้องจนรู้สึกว่าไม่รู้จะเอามือไม้ ไปวางตรงไหน...ถอนหายใจใส่คนที่จ้องอยู่ ก่อนจะเสมองไปหาวิวที่มองเห็นอยู่....

     

    “สวยไหม”

     

    “ก็สวยดีครับ”

     

    “..หายป่วยดีรึยัง..”

     

    “ ครับ”

     

    “แล้วแผลล่ะ”

     

    “ แผล?

     

    “.....................”  จากตอนแรกไม่เข้าใจ ที่อีกคนถามเรื่องแผล  แต่พอตาคมนั่งจงใจก้มลงมองต่ำกว่าระดับหน้าอก ใบหน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นมา มันทั้งโกรธทั้งอาย  แผลที่มันสร้างความอัปยศให้ผม...ถึงมันจะหายดี แต่มันก็ยังเป็นแผลในใจผมอยู่ดี...ทั้งที่ไม่อยากนึกถึงในช่วงเวลาที่กำลังมองคนตรงหน้าได้แบบเฉย ๆ....ไม่งั้นผมนี่แหละจะไม่มีความสุข.... แต่อีกคนก็ยังพยายามจะตอกย้ำ.....จ้องคนที่มองกลับ...ผมชักจะทำตัวไม่ถูกเข้าไปทุกที....ไม่อยากจะสูญเสียความเป็นตัวตนเพียงแค่เสียตัวให้คนตรงหน้าหรอกนะ...

     

    “มองอะไร กูหล่อรึไง”

     

    “ทำไมคิดว่าผมจะคิดเหมือนคนอื่นละครับ”

     

    “มึงรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นคิดอะไร กูยังไม่รู้เลย”

     

    “ ช่างเถอะ”  กำมือแน่นที่เหมือนตัวเองกำลังปล่อยไก่ให้อีกคนยอกย้อน  เริ่มหงุดหงิด เพราะรู้สึกว่าพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็ถูกตบลูกกลับมาโดนตัวเองหมด...เงียบซะยังดีกว่า...

     

    “ทำไมถึงต่อต้านกูนัก”

     

    “..แล้วคิดว่าทำไมล่ะครับ..”

     

    “ กูถาม “   จ้องตอบกลับไปอีกครั้ง...แสดงว่าที่ผ่านมาไม่มีใครบอกเลยใช่ไหมว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่น่าจะทำตามซักนิด การแสดงออก คำพูด แต่ละอย่างล้วนแต่น่าต่อต้านทั้งนั้น..

     

    “แล้วเฮียคิดว่าการกระทำของเฮีย ที่ทำกับผม ถ้ามีใครมาทำกับเฮีย เฮียจะยอมโดยสิโรราบเหรอครับ”

     

    “มันก็จริงเนอะ กูเอามึง แถมสดๆ  ด้วย..โอ๊ย!..เชี่ยแบมกุเจ็บ”

     

    “...................” ถลึงตาใส่คนที่ลอยหน้าลอยตาพูดหน้าตาเฉย  มือฉวยได้ดอกกุหลาบดอกใหญ่ในแจกันแก้วได้ ก็ปาใส่หน้าหล่อ ๆ นั่นซะเต็มรัก น้ำจากก้านกระเซ็นเปื้อนหน้า แถมกุหลาบไม่ปลิดหนามด้วยดีจัง..

     

    “มึงรู้ไหมว่าไม่มีกล้าทำกับกูอย่างนี้”

     

    “ ไอ้เฮีย! มันเจ็บ!”  ดึงมือตัวเองออก หลังจากที่ไอ้คนที่เกือบหน้าแหกเพราะหนามกุหลาบยื่นมือมาดึงมือผมไปแล้วบีบแน่นจนแดงไปหมด  ดีว่าคนในร้านยังไม่เยอะ และไม่มีใครมอง...

     

    “..มึงกล้าเกินไปแบมแบม..พ่อกูยังไม่เคยทำให้กูเจ็บเลย..”

     

    “ ก็ถึงได้นิสัยอย่างนี้ไง! คนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเป็นยังไง  มันก็ไม่ต่างจากคนตาบอดที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด แล้วก็จินตนาการเอาเองว่าทุกอย่างดี!”  พูดเค้นเสียงใส่คนที่หรี่ตาและพูดเสียงต่ำใส่ผมเหมือนคำรามใส่...มือก็ยังบีบมือผมแน่นไม่ยอมปล่อย...เป็นโรคอะไรวะ ชอบใช้ความรุนแรง...

     

    “เลิกสั่งสอนกู!

     

    “....................”  คนที่นั่งทานอาหารเริ่มหันมองเพราะอีกคนเสียงดังขึ้น ยังดีที่ยอมปล่อยมือแล้ว...ลูบมือตัวเองที่แดงเถือกและรู้สึกปวดหนึบจากแรงบีบ...

     

    “ถ้าเฮียไม่มีอะไร ผมจะกลับบ้าน”

     

    “ ถ้าอยากให้ทำดีด้วย ก็อย่ามาทำให้อารมณ์เสีย ”

     

    “.......................”   อยากจะบอกเหลือเกินว่าโลกมันหมุนรอบตัวเอง ไม่ได้หมุนรอบนายแจ็คสัน หวัง  ทำไมถึงชอบเอาความคิด และความรู้สึกตัวเองมายัดให้คนอื่นเขาทำตาม...แต่สุดท้ายผมก็ต้องนั่งรอจนอาหารมา และนั่งเขี่ยข้าวมองคนที่กินเหมือนหิว...

     

    “ไปเที่ยวทะลกัน”

     

    “....................”  เหล่มองรอบที่ร้อย มองคนที่จู่ ๆ ก็พูดออกมา หลังจากเช็คบิลแล้วเดินเข้ามาในลิฟท์ที่กำลังเคลื่อนตัวลงชั้นจอดรถ...ทะเลใกล้ที่สุดยังใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมง พูดออกมาเหมือนมันใกล้แค่สยามแค่นี้...

     

    “ไปไหม”

     

    “ไม่ไปครับ”

     

    “อยากไปไหน”

     

    “กลับ..”

     

    “ยกเว้นกลับบ้าน”

     

    “ก็ผมอยากกลับบ้าน เฮียอยากไปก็ไปคนเดียสิครับ โทรตามเพื่อนเฮีย”

     

    “เพื่อนกูมันไม่ใช่แฟนกูหนิ จะออกเดทก็ต้องกับแฟนไม่ถูก”

     

    “งั้นก็โทรตามแฟนเฮีย” ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพราะคำพูดและแววตามันยิงมาที่ผมหมด แต่เรื่องอะไรจะยอมรับกันง่ายๆ  ผมเกิดมาเป็นผู้ชายก็ต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงสิ ความรู้สึกไม่เคยแอนตี้เรื่องพวกนี้ แต่ผมก็ยังยอมรับได้ยากอยู่ดี..

     

    “มึงก็ยืนอยู่นี่จะให้กูโทรหาเหรอ ชอบคุยโทรศัพท์?

     

    “ ไม่ใช่ผม!

     

    “....คุณแบมแบม...กูอารมณ์ดีแล้วนะ...”

     

    “...............”  ปัดมือหนาที่เอามาวางแหม่ะบนหัวผมออก....ว่าแต่เฮียแจ็คไม่ได้เอารถมาแล้วจะกดลิฟท์ลงชั้นจอดรถใต้ดินทำไม มือที่ปัดออกก็ถูกเอากลับมาวางที่หัวผมเหมือนเดิม เลยจะขยับออก แต่ก็ถูกจับแขนไว้ แล้วมือก็ยังวางบนหัวผมอยู่...

     

    ...มันมาโหมดไหน...เหล่ตามองแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย...

     

    ...การปล่อยเลยตามเลย มันทำให้ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวระหว่างผมกับเฮียแจ็คมันเริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกทีละเล็กละน้อย..

     

    .............................

     

    ............................

     

    ผมเหยียบลงผืนทรายละเอียดหลังจากที่ใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมง... ไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นการมาเที่ยวทะเลในรอบสองปี...ที่ยอมมาเพราะถูกบังคับบังคับด้วยส่วนนึงเพราะอีกคนลงทุนโทรไปขออนุญาตคุณพ่อด้วยตัวเอง... และพวกรุ่นใหญ่ ..เพื่อนผมอีกสี่ตัวก็มาจอดรถเทียบอยู่ชั้นใต้ดิน...คิดจะมาก็มากันเลย เสื้อผ้ามาหาเอาข้างหน้า สรุปแล้วก็มากันทั้งหมด 12 คน เฮียแจ็ค เฮียแวน เฮียโจ เอียกัส เฮียนัม เฮียมาร์คที่พ่วงพี่จูเนียร์มาด้วย แล้วก็พวกผมห้าคน  พวกรุ่นใหญ่ยังอยู่ในสภาพสะบักสะบอมกันอยู่...ได้ยินเฮียโจ กับเฮียแวน ขอโทษขอโพยบรรดาแฟนตัวเองที่น้อยใจไม่ยอมเอามาด้วยกันยกใหญ่...

     

    “นั่งเสื่อดีกว่าพวกมึง แมร่งได้บรรยากาศ”

     

    “ขนของลงมาดิไอ้วิน!

     

    “ค๊าบบเฮียย!!”  ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นเหล้ากับมิกเซอร์ที่จอดซื้อเซเว่น ก่อนเข้าบ้าน...บ้านที่ว่าคือบ้านพักตากอากาศของครอบครัวเฮียกัส..ใหญ่โตสมฐานะ นอนคนละห้องยังได้...ที่สำคัญติดทะลเลย...ย่างเท้าออกจากบ้านเดินอีกไม่กี่ก้าวก็เหยียบผืนทราย..

     

    “มานั่งพวกมึง ขยายวงใหญ่ ๆ” 

     

    “ไอ้ยูคมาชงเหล้าให้ป๋ามา”

     

    “ครับป๋า น้องยูคของค่าดริ้งด้วยน้า”

     

    “ค่าดริ้งกระด- สิ เร็ว”

     

    “แบมแบม มานี่”

     

    “...................”

     

    “ไอ้หมาก”

     

    “แบมแบม ข้างเฮียแจ็คว่างมึง ตรงนี้มันเบียดไปสิไอ้บ้า” ไอ้หมากรีบไล่ผมทันทีที่เฮียมันเรียกชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปัดทรายตบเสื่อให้นั่งข้างตัวเอง..

     

    “เลว”

     

    “ไปแล้วครับเฮียครับ เพื่อนผมมันเล่นตัวไปงั้นแหละ ยอม ๆ ไปเลยมันไม่งาม”

     

    “......................”  อยากจะเดินไปแทรกรุ่นใหญ่คนอื่นก็ถูกทำท่าเหมือนรังเกียจ  ดันขา โบกมือไล่ จนต้องไปนั่งที่ว่างข้างคนที่ยกแก้วเหล้าเข้าปากเป็นคนแรก...กลิ่นเหล้าฉุนเข้าจมูก...นึกไปถึงวันแรกที่เจอกัน...

     

    “เอาไหม”

     

    “ไม่เอาครับ”

     

    “ก็แล้วแต่”  เฮียแจ็คกระดกน้ำสีเหลืองอ่อนลงคอแบบไม่กลัวเมาหลังจากที่ยื่นให้ผมแล้วผมไม่รับ...  รุ่นใหญ่คนอื่นก็ใช่ย่อยกระดกเหมือนน้ำเปล่า  ในที่สุดแก้วผมก็ถูกส่งมาจนได้ รับมาจิบ นาน ๆ กินทีมันก็ต้องค่อย ๆ กิน...ดีที่ไอ้มาวินชงมาให้อ่อน ๆ

     

    ผมก็นั่งฟังพวกรุ่นใหญ่คุยกันเรื่องสรรพเพเหระ รวมทั้งเรื่องที่ยกพวกถล่มกันวันนี้  คุยไปด้วยกระดกไปเรื่อย  อย่างนึงที่รู้คือเอียกัสฮาสุด พูดมากสุด พูดออกมาก็มีแต่เรื่องใต้สะดือ เฮียนัมก็ตบหัวซะหัวแทบเบี้ยวทุกครั้งที่ถูกเฮียกัสพาดพิง เสียงหัวเราะ และเสียงคุยเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับของดีกรีที่ลงคอ...ฟ้าก็มืดลงเรื่อย ๆ แต่บริเวณที่นั่งมีไฟส่องถึงพอสลัว..ผมก็จิบบ้างแต่ไม่มาก..

     

    “มาเล่นไพ่กันเว่ย ป๊อกเด้งละกัน เล่นได้หลายคน”

     

    “ ดี ๆ เฮีย ผมชอบ แหม่ ถ้ามีนารีนี่สมบูรณ์แบบจริงๆ “

     

    “ไอ้มาวิน เดี๋ยวกุจับมึงกับได้โง่กัสผูกติดกันถ่วงน้ำแมร่ง หัวสมองพวกมึงมีแต่น้ำเงี่ย- รึไง!” 

     

    “เฮียอ่ะ”  ไอ้มาวินทำหน้าน้อยใจที่ถูกเฮียนัมด่า ส่วนเฮียกัสแค่เลิกคิ้วอย่างเท่ ๆ ....ตอนนี้กับแกล้มถูกยกออกไปวางข้าง ๆ  ตรงกลางวงเป็นสำหรับไพ่ที่เปิดใหม่เอี่ยมขอบทองวางอยู่....สารภาพว่า..ผมเล่นการพนันไม่เป็น..และคงจะไม่เล่นหรอก...

     

    “บีบวงเข้ามาโว้ย ใกล้ๆ  จะได้แจกถนัด”

     

    “เฮีย!

     

    “อยู่นิ่งๆ  เถอะหน่า วงมันจะได้แคบลงไง”

     

    “ฮิ้วววว! มีนัมมาตั้งตักเฮียมา”

     

    “เดี๋ยวกูตีด้วยขวดเหล้า ไม่ต้องยุ่งกับกู เพราะกูก็จะเล่น!”   เฮียนัมใช้เท้าถีบไอ้คนที่จะคว้าคอตัวเองไปนั่งตัก  ผมก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่บนตักเฮียแจ็คที่ดึงผมขึ้นไปนั่งตักตัวเองอย่างง่ายๆ  ร่างกายผมมันก็ไม่ได้เล็กกระจิ๋วขนาดนั้น แต่แรงอีกคนมันเยอะจนผมแทบจะปลิวติดมือไป...มือข้างซ้ายเฮียแจ็คกอดเอวผมไว้บนตัก  ก่อนจะใช้คางเกยที่ไหล่ มือขวาก็จับไพ่คลี่ดู...ยิ่งไม่เข้าใจว่าเล่นยังไง เลยยิ่งหงุดหงิด  เอาเล็บตัวเองจิกลงบนแขนล่ำที่กอดเอว  แต่กลายเป็นต้องหันมองคนที่ก้มกัดบ่าผมทันทีที่ผมจิกนิ้วใส่ กัดแล้วก็เอาคางเกยไว้เหมือนเดิม...ไม่มีใครสนใจเพราะมัวแต่ลุ้นไพ่...

     

    “ ป๊อก 8 โว้ยย!

     

    “อะไรของมึงวะ กูรึอุตส่าห์แต้มสูง! วาง ๆ ”  เฮียโจที่เป็นเจ้ามือโวยวายทันทีที่เจอเฮียแวนป๊อกแปดอย่างที่แกว่า...

     

    “ก้าวสองเด้ง”

     

    “สัดหมา! มึงให้แบมแบมมันเสกให้รึไง!!

     

    “...................”  เฮียแจ็ควาง 5 และ 4 โพธิ์ดำในมือลงก่อนคนที่เหลือจะโอดครวญกันยกใหญ่....แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย...เงินแบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อยเริ่มมาวางเต็มหน้าหนักเฮียแจ็ค...ผมดูไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเข้าใจ กลายเป็นยอมนั่งนิ่งๆ  จ้องไพ่ไปกับคนที่กอดผมไว้บนตักตัวเอง...พี่จูเนียร์ก็ชงเหล้าส่งให้เฮียมาร์คเรื่อย ๆ  รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเฮียมาร์คกับพี่จูเนียร์ดีขึ้น เพราะมีบางครั้งที่เฮียแกหันไปอวดหน้าไพ่กับคนที่ชงเหล้า ก่อนจะยักคิ้วให้แบบเท่ห์ ๆ 

     

    “ฟอด!!

     

    “ไอ้เฮีย!!

     

    “ เหย ๆๆ ทำอะไรเบาๆ  หน่อย ลูกเขาช้ำหมด! วางๆ  กูป๊อกละ!

     

    “...................” จะขยับตัวออกเพราะถูกอีกคนแอบหอมแก้มตอนผมเผลอ....เฮียโจวางไพ่ป๊อกเก้าตัวเองลงหลังจากที่จะเสียมาหลายตา...เฮียแจ็คยอมปล่อยผมให้ลุกออกจากตักตัวเอง แต่ตัวเฮียก็ลุกตามผมขึ้นมาด้วย...

     

    “กูไปเดินเล่นนะ ฝากของด้วย”

     

    “ เออ ไปซะได้ก็ดี คนอื่นจะได้แดกมั่ง สัด ป๊อกอยู่คนเดียว กูยืมแบมแบมมานั่งตักมั่งได้ไหม”

     

    “...อยากพิการขาขาดก็เอา..”

     

    “..โห่ววว หวงอ่ะ..มาแจก ๆ อย่าไปสนใจมัน..”

     

    “..ผมไม่ไปนะเฮีย...”

     

    “ ไปเดินเล่นเฉย ๆ มา!

     

    “....................”  ผมนี่มันต่อต้านอะไรไม่ได้จริงๆ  จะว่าไป ไปเดินเล่นคงไม่มีอะไร เพราะนั่งอยู่นี่ก็คงไม่สนุกเพราะไม่ได้เล่น...เฮียแจ็คดึงมือผมให้เดินตามหลังจากถอดรองเท้าไว้แถวเสื่อ... ไกลจากตัวบ้านก็ปล่อยให้เดินไปด้วยกัน...

     

    เงยหน้าสูดลมทะเลเข้าปอด ได้กลิ่นเค็มติดจมูก แต่มันสดชื่นมากรู้สึกว่าเรื่องตึง ๆ ในสมองก่อนหน้านี้มันหายไป...คนข้างๆ  ก็เดินล้วงกระเป๋าทอดน่องเรื่อย ๆ ตามแนวหาดที่ติดไฟตามแนวยาว...มีคนเดินอยู่ประปราย ไม่มาก...เพราะไม่ใช่แหล่งขายของ...แต่มันก็สงบกว่า น่าเดินเล่นมากกว่าอีกฝั่งที่มีของขาย มีร้านอาหาร...

     

    “กูจับมือมึงเดินได้ไหม”

     

    “....................”

     

    “มึงบอกว่าไม่ชอบให้บังคับ”

     

    “ อืม”  ไม่รู้จะตอบยังไง...แอบอึ้งเล็ก ๆ ที่อีกคนถาม...ใบหน้าหล่อมองไปด้านหน้า ไม่หันมามอง..เหมือนกับสิ่งที่ทำเจ้าตัวทำมันเป็นครั้งแรก..เมื่อได้ยินผมอนุญาตมือหนาก็เอื้อมมาจับ....มือผมสั่นน้อย ๆ ก่อนจะรับรู้ถึงความอุ่นจากมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับท่ามกลางลมทะเลเย็น ๆ ที่พัดเข้ามา มันบอกไม่ถูกว่าผมกำลังรู้สึกยังไง...แต่แค่จับมือและเดินบนผืนทรายนุ่ม ๆ ไปเรื่อย ฟังเสียงคลื่นที่ซัดมา...ไม่ต้องพูดอะไร...แต่มันก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว...

     

    “มานี่!

     

    “เฮีย!! ปล่อยย!! ไม่เอา!!

     

    ตู้มม!!

     

    “ฮ่าๆๆๆ!

     

    “แค่กๆ เฮีย โทรศํพท์! ไอ้บ้า!”  ผมโวยวายทันทีที่โผล่พ้นน้ำ....หลังจากถูกไอ้คนแรงเยอะลากลงน้ำ...ไหนว่าจะไม่บังคับไง นี่มันฉุกกระชากลากถูกกันชัด ๆ

     

    “กูเอาวางไว้ที่นู่นแล้ว ของถึงด้วย”

     

    “..................”  เอามือตบ ๆ กระเป๋าตัวเอง ไม่มีทั้งโทรศัพท์ทั้งกระเป๋าตังค์...โดนล้วงออกไปตอนไหน...มิน่าล่ะถึงได้พูดฝากของกับเพื่อน...

     

    “ มานี่”

     

    “เฮีย ผมว่ายน้ำไม่เก่ง!

     

    “ อยู่กับกูกลัวอะไร “    เอวผมถูกกอดไว้ แล้วอีกคนก็ลากผมเดินลงไปในน้ำตรงที่ลึกขึ้น....ระดับน้ำที่ผมยืนหมิ่นเหม่แต่อีกคนยืนได้สบาย ๆ กลายเป็นต้องเกาะบ่าหันหน้าหาเฮียแจ็ค....ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ..

     

    “ อยู่นี่แหละ....แบมแบม...”

     

    “....................” .. ร่างกายผมถูกกอดแนบกับลำตัวอีกคน....มือก็เกาะบ่าไว้...พยายามจะตะกายออกไปจากอ้อมกอดขึ้นฝั่ง แต่ก็ไปไม่พ้นเหมือนเดิม..

     

    ...เพราะเหล้าที่จิบเรื่อย ๆ รึเปล่า สุดท้ายถึงได้ยอมอยู่นิ่ง ๆ  และจ้องตากับคนที่มองผมอยู่ตอนนี้...

     

    “..แบมแบม..มึงเป็นของกู...”

     

    “ ...ทำไมเฮียถึงคิดอย่างนั้นละครับ...”   เฮียแจ็คกับผม พูดกันท่ามกลางเสียงคลื่นที่กระทบหาด....ตาก็ยังคงจ้องกันอยู่...ร่างกายแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง...แรงคลื่นที่พัดมาไม่ได้ทำให้ร่างกายแข็งแรงของอีกคนเอนเอียงได้...

     

    “..กูชอบ..มึง..”

     

    “.....................”

     

    “ ชอบ...กับ..รัก...สำหรับกู...กูแยกมันไม่ออกหรอกว่าแบบไหนคืออะไร...แต่ตราบใดที่กูยังไม่ดีในสายตามึง...กูจะไม่บอกรักมึง”

     

    “......................”  อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก...หูอื้อไปหมด....ตาผมมีแต่ใบหน้าหล่อของคนตรงหน้า เสียงที่เฮียแจ็คพูดยังวนเวียนก้องอยู่ในหัว จนเบลอไปหมด...ความรู้สึกต่าง ๆ กำลังตีรวนจนสับสน  ผมส่ายหน้าน้อย ๆ เหมือนไม่เชื่อสิ่งที่อีกคนพูดออกมา ชอบผม...ชอบได้ยังไง...ไม่มีทางเป็นไปได้...

     

    “...เฮีย พูด อะไร..”

     

    “...อย่างที่พูดนั่นแหละ...กูไม่ได้เป็นเกย์...แต่กูชอบมึง...”

     

    “.........................”

     

    “.......อื้อ..........”  ทุกอย่างประมวลผมช้า ดีเลย์ไปทุกอย่าง มือกำเสื้อของคนที่กอดผมอยู่แน่น....เบี่ยงหน้าหลบสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สุดท้าย...ก็จบลงที่การอยู่นิ่ง ๆ...หัวสมองว่างเปล่า  เมื่อริมฝีปากพวกเราแตะกัน...ท้ายทอยถูกกดให้แหงนรับจูบจากอีกคน...ขาวโพลน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงคลื่น...

     

    ...ได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเองกับคนที่กำลังมอบจูบที่มันหวานจนผมเคลิบเคลิ้ม....

     

    Talk : สรีมฟิค #Ficbloodsch  Twitter : @Namtal1a  



     themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×