คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Sec 11 / Maybe
หันมองคนที่พาผมเดินออกจากสวนสาธารณะ ก่อนจะเดินตามทางเท้าไปที่ป้ายรถเมล์ ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ ใจคอจะเดินไม่หันมามองผมที่เดินตามเลยใช่ไหม หรือว่าจะเปลี่ยนใจขึ้นแท็กซี่กลับบ้านดี...แต่แค่คิดว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วเย็นนี้บ้านผมคงวุ่นวายเลยไม่อยากทำ...ไปหยุดยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ แต่ไม่ได้ไปยืนข้างๆ เพราะตอนนี้หัวหน้าแกงค์เพการ์ซัสเด่นเกินไป เด็กมัธยม นักศึกษาที่รอรถอยู่ หันมองแล้วซิบซิบกันยกใหญ่...
“ จะต้องให้กูอัญเชิญมายืนตรงนี้ไหม”
“....................” เดินไปยืนข้างๆ อย่างที่อีกคนต้องการ กลายเป็นโคตรเด่นไปแล้ว เสียงกรี๊ดเล็ก ๆ เสียงเหมือนถูกแอบถ่ายรูป...ทำเป็นไม่สนใจ ยืนนิ่ง ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไปไหน
...ถ้าเป็นปกติผมคงจะถาม จะโวยวาย ไม่ตาม และหาทางหนี...แต่รู้สึกว่าวันนี้จะอารมณ์นิ่ง ๆ จะพาไปไหนก็ไป...ไม่อยากจะเหนื่อยกับการวิ่งหนี สิ่งที่หนีไม่พ้น...
“ ไป”
“..บอกได้ไหม ว่าจะพาผมไปไหน..”
“ จะอยากรู้ไปทำไมถึงที่ก็รู้”
“ บอกดี ๆ ก็จะไปดี ๆ ถ้าแบบนี้ก็จะลง” ไม่เข้าใจเลย ว่าจะเครียดกับชีวิตอะไรนักหนา ผมสิควรจะกลัว โกรธ เกลียด คนที่นั่งข้างๆ กันบนรถเมล์ตอนนี้ แต่ก็ยังอุตส่าห์เดินตามมา ถึงไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็มาแล้ว จะทำไงได้....
...แต่อย่าพึ่งคิดว่าที่ผมยอมตามมา มันจะรวมว่า ผมยอมทุกอย่างที่อีกคนต้องการ...
“ ไปหากินข้าว พอใจยัง”
“........................” ไม่ตอบอะไร แค่นั่งต่อไป ไม่ถามว่าจะไปที่ไหน จะกินอะไร แล้วจะพาผมมาด้วยทำไม.....
...หัวสมองมันตื้อ ๆ คงจะตื่นเช้าเกินไป...แอร์จากรถเมล์ปรับอากาศทำเอาผมเริ่มหนังตาเริ่มหย่อน ๆ .....
“ แบม...แบมแบม...จะให้กูอุ้มลงไหม..”
“ อื้ออ”
“...หึ ๆ...”
“..อืม..เอ่อ..คือ...”
“ ป้ายที่จะถึง” ใบ้กิน พูดอะไรไม่ออก ไม่แน่ใจว่านั่งนานขนาดไหน ผมถึงได้เผลอหลับเอาหัวซบไหล่คนที่นั่งข้างกันได้ขนาดนี้ ขยับประเป๋าเป้ เมื่ออีกคนพูดถึงป้ายหน้า...ผมเหลือบมองคนที่ยังนั่งหันหน้ามองออกไปด้านนอก แต่ถ้าตาไม่ฝาด ผมเห็นเฮียแจ็คยิ้ม...ยิ่งอีกคนยิ้ม ผมยิ่งทำตัวไม่ถูก ทำหน้าตึง ๆ รู้สึกขายหน้านิดหน่อยที่ดันมาหลับซบอย่างนี้....
ในที่สุดก็ถึงที่ผมเริ่มรู้สึกประหม่า เมื่อร้านอาหารที่อีกคนพามา มันต้องขึ้นลิฟท์ กดเลขชั้น 25 ผมขยับตัวออกจากลิฟท์ เดินผ่านประตูที่มีคนเปิดต้อนรับ ก่อนจะเมองห็นภัตตาคารที่ดูหรูจนผมแทบจะไม่กล้าขยับตัว...จนกระทั่งคนที่มาด้วยกันโอบเอวผมให้เดินเข้าไป ขยับตัวออก แต่ก็ไม่รอด
“ ปล่อยเถอะครับ”
“มาเถอะหน่า”
“.....................” ในที่สุดก็ได้โต๊ะนั่ง ติดกระจกใส ที่มองผ่านออกไปเห็นวิวของกรุงเทพเป็นบริเวณกว้าง เมนูถูกยื่นมา ก่อนเฮียแจ็คจะรับแล้วเปิด ๆ ดู สั่งอาหารไปสองอย่าง..
“ กินอะไรไหม”
“ไม่ครับ”
“แค่นั้นก่อน”
“........................” ตอนนี้สายตาที่จ้องเมนู กำลังช้อนมองผม จ้องจนรู้สึกว่าไม่รู้จะเอามือไม้ ไปวางตรงไหน...ถอนหายใจใส่คนที่จ้องอยู่ ก่อนจะเสมองไปหาวิวที่มองเห็นอยู่....
“สวยไหม”
“ก็สวยดีครับ”
“..หายป่วยดีรึยัง..”
“ ครับ”
“แล้วแผลล่ะ”
“ แผล?”
“.....................” จากตอนแรกไม่เข้าใจ ที่อีกคนถามเรื่องแผล แต่พอตาคมนั่งจงใจก้มลงมองต่ำกว่าระดับหน้าอก ใบหน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นมา มันทั้งโกรธทั้งอาย แผลที่มันสร้างความอัปยศให้ผม...ถึงมันจะหายดี แต่มันก็ยังเป็นแผลในใจผมอยู่ดี...ทั้งที่ไม่อยากนึกถึงในช่วงเวลาที่กำลังมองคนตรงหน้าได้แบบเฉย ๆ....ไม่งั้นผมนี่แหละจะไม่มีความสุข.... แต่อีกคนก็ยังพยายามจะตอกย้ำ.....จ้องคนที่มองกลับ...ผมชักจะทำตัวไม่ถูกเข้าไปทุกที....ไม่อยากจะสูญเสียความเป็นตัวตนเพียงแค่เสียตัวให้คนตรงหน้าหรอกนะ...
“มองอะไร กูหล่อรึไง”
“ทำไมคิดว่าผมจะคิดเหมือนคนอื่นละครับ”
“มึงรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นคิดอะไร กูยังไม่รู้เลย”
“ ช่างเถอะ” กำมือแน่นที่เหมือนตัวเองกำลังปล่อยไก่ให้อีกคนยอกย้อน เริ่มหงุดหงิด เพราะรู้สึกว่าพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็ถูกตบลูกกลับมาโดนตัวเองหมด...เงียบซะยังดีกว่า...
“ทำไมถึงต่อต้านกูนัก”
“..แล้วคิดว่าทำไมล่ะครับ..”
“ กูถาม “ จ้องตอบกลับไปอีกครั้ง...แสดงว่าที่ผ่านมาไม่มีใครบอกเลยใช่ไหมว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่น่าจะทำตามซักนิด การแสดงออก คำพูด แต่ละอย่างล้วนแต่น่าต่อต้านทั้งนั้น..
“แล้วเฮียคิดว่าการกระทำของเฮีย ที่ทำกับผม ถ้ามีใครมาทำกับเฮีย เฮียจะยอมโดยสิโรราบเหรอครับ”
“มันก็จริงเนอะ กูเอามึง แถมสดๆ ด้วย..โอ๊ย!..เชี่ยแบมกุเจ็บ”
“...................” ถลึงตาใส่คนที่ลอยหน้าลอยตาพูดหน้าตาเฉย มือฉวยได้ดอกกุหลาบดอกใหญ่ในแจกันแก้วได้ ก็ปาใส่หน้าหล่อ ๆ นั่นซะเต็มรัก น้ำจากก้านกระเซ็นเปื้อนหน้า แถมกุหลาบไม่ปลิดหนามด้วยดีจัง..
“มึงรู้ไหมว่าไม่มีกล้าทำกับกูอย่างนี้”
“ ไอ้เฮีย! มันเจ็บ!” ดึงมือตัวเองออก หลังจากที่ไอ้คนที่เกือบหน้าแหกเพราะหนามกุหลาบยื่นมือมาดึงมือผมไปแล้วบีบแน่นจนแดงไปหมด ดีว่าคนในร้านยังไม่เยอะ และไม่มีใครมอง...
“..มึงกล้าเกินไปแบมแบม..พ่อกูยังไม่เคยทำให้กูเจ็บเลย..”
“ ก็ถึงได้นิสัยอย่างนี้ไง! คนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเป็นยังไง มันก็ไม่ต่างจากคนตาบอดที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด แล้วก็จินตนาการเอาเองว่าทุกอย่างดี!” พูดเค้นเสียงใส่คนที่หรี่ตาและพูดเสียงต่ำใส่ผมเหมือนคำรามใส่...มือก็ยังบีบมือผมแน่นไม่ยอมปล่อย...เป็นโรคอะไรวะ ชอบใช้ความรุนแรง...
“เลิกสั่งสอนกู!”
“....................” คนที่นั่งทานอาหารเริ่มหันมองเพราะอีกคนเสียงดังขึ้น ยังดีที่ยอมปล่อยมือแล้ว...ลูบมือตัวเองที่แดงเถือกและรู้สึกปวดหนึบจากแรงบีบ...
“ถ้าเฮียไม่มีอะไร ผมจะกลับบ้าน”
“ ถ้าอยากให้ทำดีด้วย ก็อย่ามาทำให้อารมณ์เสีย ”
“.......................” อยากจะบอกเหลือเกินว่าโลกมันหมุนรอบตัวเอง ไม่ได้หมุนรอบนายแจ็คสัน หวัง ทำไมถึงชอบเอาความคิด และความรู้สึกตัวเองมายัดให้คนอื่นเขาทำตาม...แต่สุดท้ายผมก็ต้องนั่งรอจนอาหารมา และนั่งเขี่ยข้าวมองคนที่กินเหมือนหิว...
“ไปเที่ยวทะลกัน”
“....................” เหล่มองรอบที่ร้อย มองคนที่จู่ ๆ ก็พูดออกมา หลังจากเช็คบิลแล้วเดินเข้ามาในลิฟท์ที่กำลังเคลื่อนตัวลงชั้นจอดรถ...ทะเลใกล้ที่สุดยังใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมง พูดออกมาเหมือนมันใกล้แค่สยามแค่นี้...
“ไปไหม”
“ไม่ไปครับ”
“อยากไปไหน”
“กลับ..”
“ยกเว้นกลับบ้าน”
“ก็ผมอยากกลับบ้าน เฮียอยากไปก็ไปคนเดียสิครับ โทรตามเพื่อนเฮีย”
“เพื่อนกูมันไม่ใช่แฟนกูหนิ จะออกเดทก็ต้องกับแฟนไม่ถูก”
“งั้นก็โทรตามแฟนเฮีย” ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพราะคำพูดและแววตามันยิงมาที่ผมหมด แต่เรื่องอะไรจะยอมรับกันง่ายๆ ผมเกิดมาเป็นผู้ชายก็ต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงสิ ความรู้สึกไม่เคยแอนตี้เรื่องพวกนี้ แต่ผมก็ยังยอมรับได้ยากอยู่ดี..
“มึงก็ยืนอยู่นี่จะให้กูโทรหาเหรอ ชอบคุยโทรศัพท์?”
“ ไม่ใช่ผม!”
“....คุณแบมแบม...กูอารมณ์ดีแล้วนะ...”
“...............” ปัดมือหนาที่เอามาวางแหม่ะบนหัวผมออก....ว่าแต่เฮียแจ็คไม่ได้เอารถมาแล้วจะกดลิฟท์ลงชั้นจอดรถใต้ดินทำไม มือที่ปัดออกก็ถูกเอากลับมาวางที่หัวผมเหมือนเดิม เลยจะขยับออก แต่ก็ถูกจับแขนไว้ แล้วมือก็ยังวางบนหัวผมอยู่...
...มันมาโหมดไหน...เหล่ตามองแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย...
...การปล่อยเลยตามเลย มันทำให้ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวระหว่างผมกับเฮียแจ็คมันเริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกทีละเล็กละน้อย..
.............................
............................
ผมเหยียบลงผืนทรายละเอียดหลังจากที่ใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมง... ไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นการมาเที่ยวทะเลในรอบสองปี...ที่ยอมมาเพราะถูกบังคับบังคับด้วยส่วนนึงเพราะอีกคนลงทุนโทรไปขออนุญาตคุณพ่อด้วยตัวเอง... และพวกรุ่นใหญ่ ..เพื่อนผมอีกสี่ตัวก็มาจอดรถเทียบอยู่ชั้นใต้ดิน...คิดจะมาก็มากันเลย เสื้อผ้ามาหาเอาข้างหน้า สรุปแล้วก็มากันทั้งหมด 12 คน เฮียแจ็ค เฮียแวน เฮียโจ เอียกัส เฮียนัม เฮียมาร์คที่พ่วงพี่จูเนียร์มาด้วย แล้วก็พวกผมห้าคน พวกรุ่นใหญ่ยังอยู่ในสภาพสะบักสะบอมกันอยู่...ได้ยินเฮียโจ กับเฮียแวน ขอโทษขอโพยบรรดาแฟนตัวเองที่น้อยใจไม่ยอมเอามาด้วยกันยกใหญ่...
“นั่งเสื่อดีกว่าพวกมึง แมร่งได้บรรยากาศ”
“ขนของลงมาดิไอ้วิน!”
“ค๊าบบเฮียย!!” ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นเหล้ากับมิกเซอร์ที่จอดซื้อเซเว่น ก่อนเข้าบ้าน...บ้านที่ว่าคือบ้านพักตากอากาศของครอบครัวเฮียกัส..ใหญ่โตสมฐานะ นอนคนละห้องยังได้...ที่สำคัญติดทะลเลย...ย่างเท้าออกจากบ้านเดินอีกไม่กี่ก้าวก็เหยียบผืนทราย..
“มานั่งพวกมึง ขยายวงใหญ่ ๆ”
“ไอ้ยูคมาชงเหล้าให้ป๋ามา”
“ครับป๋า น้องยูคของค่าดริ้งด้วยน้า”
“ค่าดริ้งกระด- สิ เร็ว”
“แบมแบม มานี่”
“...................”
“ไอ้หมาก”
“แบมแบม ข้างเฮียแจ็คว่างมึง ตรงนี้มันเบียดไปสิไอ้บ้า” ไอ้หมากรีบไล่ผมทันทีที่เฮียมันเรียกชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปัดทรายตบเสื่อให้นั่งข้างตัวเอง..
“เลว”
“ไปแล้วครับเฮียครับ เพื่อนผมมันเล่นตัวไปงั้นแหละ ยอม ๆ ไปเลยมันไม่งาม”
“......................” อยากจะเดินไปแทรกรุ่นใหญ่คนอื่นก็ถูกทำท่าเหมือนรังเกียจ ดันขา โบกมือไล่ จนต้องไปนั่งที่ว่างข้างคนที่ยกแก้วเหล้าเข้าปากเป็นคนแรก...กลิ่นเหล้าฉุนเข้าจมูก...นึกไปถึงวันแรกที่เจอกัน...
“เอาไหม”
“ไม่เอาครับ”
“ก็แล้วแต่” เฮียแจ็คกระดกน้ำสีเหลืองอ่อนลงคอแบบไม่กลัวเมาหลังจากที่ยื่นให้ผมแล้วผมไม่รับ... รุ่นใหญ่คนอื่นก็ใช่ย่อยกระดกเหมือนน้ำเปล่า ในที่สุดแก้วผมก็ถูกส่งมาจนได้ รับมาจิบ นาน ๆ กินทีมันก็ต้องค่อย ๆ กิน...ดีที่ไอ้มาวินชงมาให้อ่อน ๆ
ผมก็นั่งฟังพวกรุ่นใหญ่คุยกันเรื่องสรรพเพเหระ รวมทั้งเรื่องที่ยกพวกถล่มกันวันนี้ คุยไปด้วยกระดกไปเรื่อย อย่างนึงที่รู้คือเอียกัสฮาสุด พูดมากสุด พูดออกมาก็มีแต่เรื่องใต้สะดือ เฮียนัมก็ตบหัวซะหัวแทบเบี้ยวทุกครั้งที่ถูกเฮียกัสพาดพิง เสียงหัวเราะ และเสียงคุยเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับของดีกรีที่ลงคอ...ฟ้าก็มืดลงเรื่อย ๆ แต่บริเวณที่นั่งมีไฟส่องถึงพอสลัว..ผมก็จิบบ้างแต่ไม่มาก..
“มาเล่นไพ่กันเว่ย ป๊อกเด้งละกัน เล่นได้หลายคน”
“ ดี ๆ เฮีย ผมชอบ แหม่ ถ้ามีนารีนี่สมบูรณ์แบบจริงๆ “
“ไอ้มาวิน เดี๋ยวกุจับมึงกับได้โง่กัสผูกติดกันถ่วงน้ำแมร่ง หัวสมองพวกมึงมีแต่น้ำเงี่ย- รึไง!”
“เฮียอ่ะ” ไอ้มาวินทำหน้าน้อยใจที่ถูกเฮียนัมด่า ส่วนเฮียกัสแค่เลิกคิ้วอย่างเท่ ๆ ....ตอนนี้กับแกล้มถูกยกออกไปวางข้าง ๆ ตรงกลางวงเป็นสำหรับไพ่ที่เปิดใหม่เอี่ยมขอบทองวางอยู่....สารภาพว่า..ผมเล่นการพนันไม่เป็น..และคงจะไม่เล่นหรอก...
“บีบวงเข้ามาโว้ย ใกล้ๆ จะได้แจกถนัด”
“เฮีย!”
“อยู่นิ่งๆ เถอะหน่า วงมันจะได้แคบลงไง”
“ฮิ้วววว! มีนัมมาตั้งตักเฮียมา”
“เดี๋ยวกูตีด้วยขวดเหล้า ไม่ต้องยุ่งกับกู เพราะกูก็จะเล่น!” เฮียนัมใช้เท้าถีบไอ้คนที่จะคว้าคอตัวเองไปนั่งตัก ผมก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่บนตักเฮียแจ็คที่ดึงผมขึ้นไปนั่งตักตัวเองอย่างง่ายๆ ร่างกายผมมันก็ไม่ได้เล็กกระจิ๋วขนาดนั้น แต่แรงอีกคนมันเยอะจนผมแทบจะปลิวติดมือไป...มือข้างซ้ายเฮียแจ็คกอดเอวผมไว้บนตัก ก่อนจะใช้คางเกยที่ไหล่ มือขวาก็จับไพ่คลี่ดู...ยิ่งไม่เข้าใจว่าเล่นยังไง เลยยิ่งหงุดหงิด เอาเล็บตัวเองจิกลงบนแขนล่ำที่กอดเอว แต่กลายเป็นต้องหันมองคนที่ก้มกัดบ่าผมทันทีที่ผมจิกนิ้วใส่ กัดแล้วก็เอาคางเกยไว้เหมือนเดิม...ไม่มีใครสนใจเพราะมัวแต่ลุ้นไพ่...
“ ป๊อก 8 โว้ยย!”
“อะไรของมึงวะ กูรึอุตส่าห์แต้มสูง! วาง ๆ ” เฮียโจที่เป็นเจ้ามือโวยวายทันทีที่เจอเฮียแวนป๊อกแปดอย่างที่แกว่า...
“ก้าวสองเด้ง”
“สัดหมา! มึงให้แบมแบมมันเสกให้รึไง!!”
“...................” เฮียแจ็ควาง 5 และ 4 โพธิ์ดำในมือลงก่อนคนที่เหลือจะโอดครวญกันยกใหญ่....แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย...เงินแบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อยเริ่มมาวางเต็มหน้าหนักเฮียแจ็ค...ผมดูไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเข้าใจ กลายเป็นยอมนั่งนิ่งๆ จ้องไพ่ไปกับคนที่กอดผมไว้บนตักตัวเอง...พี่จูเนียร์ก็ชงเหล้าส่งให้เฮียมาร์คเรื่อย ๆ รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเฮียมาร์คกับพี่จูเนียร์ดีขึ้น เพราะมีบางครั้งที่เฮียแกหันไปอวดหน้าไพ่กับคนที่ชงเหล้า ก่อนจะยักคิ้วให้แบบเท่ห์ ๆ
“ฟอด!!”
“ไอ้เฮีย!!”
“ เหย ๆๆ ทำอะไรเบาๆ หน่อย ลูกเขาช้ำหมด! วางๆ กูป๊อกละ!”
“...................” จะขยับตัวออกเพราะถูกอีกคนแอบหอมแก้มตอนผมเผลอ....เฮียโจวางไพ่ป๊อกเก้าตัวเองลงหลังจากที่จะเสียมาหลายตา...เฮียแจ็คยอมปล่อยผมให้ลุกออกจากตักตัวเอง แต่ตัวเฮียก็ลุกตามผมขึ้นมาด้วย...
“กูไปเดินเล่นนะ ฝากของด้วย”
“ เออ ไปซะได้ก็ดี คนอื่นจะได้แดกมั่ง สัด ป๊อกอยู่คนเดียว กูยืมแบมแบมมานั่งตักมั่งได้ไหม”
“...อยากพิการขาขาดก็เอา..”
“..โห่ววว หวงอ่ะ..มาแจก ๆ อย่าไปสนใจมัน..”
“..ผมไม่ไปนะเฮีย...”
“ ไปเดินเล่นเฉย ๆ มา!”
“....................” ผมนี่มันต่อต้านอะไรไม่ได้จริงๆ จะว่าไป ไปเดินเล่นคงไม่มีอะไร เพราะนั่งอยู่นี่ก็คงไม่สนุกเพราะไม่ได้เล่น...เฮียแจ็คดึงมือผมให้เดินตามหลังจากถอดรองเท้าไว้แถวเสื่อ... ไกลจากตัวบ้านก็ปล่อยให้เดินไปด้วยกัน...
เงยหน้าสูดลมทะเลเข้าปอด ได้กลิ่นเค็มติดจมูก แต่มันสดชื่นมากรู้สึกว่าเรื่องตึง ๆ ในสมองก่อนหน้านี้มันหายไป...คนข้างๆ ก็เดินล้วงกระเป๋าทอดน่องเรื่อย ๆ ตามแนวหาดที่ติดไฟตามแนวยาว...มีคนเดินอยู่ประปราย ไม่มาก...เพราะไม่ใช่แหล่งขายของ...แต่มันก็สงบกว่า น่าเดินเล่นมากกว่าอีกฝั่งที่มีของขาย มีร้านอาหาร...
“กูจับมือมึงเดินได้ไหม”
“....................”
“มึงบอกว่าไม่ชอบให้บังคับ”
“ อืม” ไม่รู้จะตอบยังไง...แอบอึ้งเล็ก ๆ ที่อีกคนถาม...ใบหน้าหล่อมองไปด้านหน้า ไม่หันมามอง..เหมือนกับสิ่งที่ทำเจ้าตัวทำมันเป็นครั้งแรก..เมื่อได้ยินผมอนุญาตมือหนาก็เอื้อมมาจับ....มือผมสั่นน้อย ๆ ก่อนจะรับรู้ถึงความอุ่นจากมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับท่ามกลางลมทะเลเย็น ๆ ที่พัดเข้ามา มันบอกไม่ถูกว่าผมกำลังรู้สึกยังไง...แต่แค่จับมือและเดินบนผืนทรายนุ่ม ๆ ไปเรื่อย ฟังเสียงคลื่นที่ซัดมา...ไม่ต้องพูดอะไร...แต่มันก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว...
“มานี่!”
“เฮีย!! ปล่อยย!! ไม่เอา!!”
ตู้มม!!
“ฮ่าๆๆๆ!”
“แค่กๆ เฮีย โทรศํพท์! ไอ้บ้า!” ผมโวยวายทันทีที่โผล่พ้นน้ำ....หลังจากถูกไอ้คนแรงเยอะลากลงน้ำ...ไหนว่าจะไม่บังคับไง นี่มันฉุกกระชากลากถูกกันชัด ๆ
“กูเอาวางไว้ที่นู่นแล้ว ของถึงด้วย”
“..................” เอามือตบ ๆ กระเป๋าตัวเอง ไม่มีทั้งโทรศัพท์ทั้งกระเป๋าตังค์...โดนล้วงออกไปตอนไหน...มิน่าล่ะถึงได้พูดฝากของกับเพื่อน...
“ มานี่”
“เฮีย ผมว่ายน้ำไม่เก่ง!”
“ อยู่กับกูกลัวอะไร “ เอวผมถูกกอดไว้ แล้วอีกคนก็ลากผมเดินลงไปในน้ำตรงที่ลึกขึ้น....ระดับน้ำที่ผมยืนหมิ่นเหม่แต่อีกคนยืนได้สบาย ๆ กลายเป็นต้องเกาะบ่าหันหน้าหาเฮียแจ็ค....ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ..
“ อยู่นี่แหละ....แบมแบม...”
“....................” .. ร่างกายผมถูกกอดแนบกับลำตัวอีกคน....มือก็เกาะบ่าไว้...พยายามจะตะกายออกไปจากอ้อมกอดขึ้นฝั่ง แต่ก็ไปไม่พ้นเหมือนเดิม..
...เพราะเหล้าที่จิบเรื่อย ๆ รึเปล่า สุดท้ายถึงได้ยอมอยู่นิ่ง ๆ และจ้องตากับคนที่มองผมอยู่ตอนนี้...
“..แบมแบม..มึงเป็นของกู...”
“ ...ทำไมเฮียถึงคิดอย่างนั้นละครับ...” เฮียแจ็คกับผม พูดกันท่ามกลางเสียงคลื่นที่กระทบหาด....ตาก็ยังคงจ้องกันอยู่...ร่างกายแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง...แรงคลื่นที่พัดมาไม่ได้ทำให้ร่างกายแข็งแรงของอีกคนเอนเอียงได้...
“..กูชอบ..มึง..”
“.....................”
“ ชอบ...กับ..รัก...สำหรับกู...กูแยกมันไม่ออกหรอกว่าแบบไหนคืออะไร...แต่ตราบใดที่กูยังไม่ดีในสายตามึง...กูจะไม่บอกรักมึง”
“......................” อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก...หูอื้อไปหมด....ตาผมมีแต่ใบหน้าหล่อของคนตรงหน้า เสียงที่เฮียแจ็คพูดยังวนเวียนก้องอยู่ในหัว จนเบลอไปหมด...ความรู้สึกต่าง ๆ กำลังตีรวนจนสับสน ผมส่ายหน้าน้อย ๆ เหมือนไม่เชื่อสิ่งที่อีกคนพูดออกมา ชอบผม...ชอบได้ยังไง...ไม่มีทางเป็นไปได้...
“...เฮีย พูด อะไร..”
“...อย่างที่พูดนั่นแหละ...กูไม่ได้เป็นเกย์...แต่กูชอบมึง...”
“.........................”
“.......อื้อ..........” ทุกอย่างประมวลผมช้า ดีเลย์ไปทุกอย่าง มือกำเสื้อของคนที่กอดผมอยู่แน่น....เบี่ยงหน้าหลบสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สุดท้าย...ก็จบลงที่การอยู่นิ่ง ๆ...หัวสมองว่างเปล่า เมื่อริมฝีปากพวกเราแตะกัน...ท้ายทอยถูกกดให้แหงนรับจูบจากอีกคน...ขาวโพลน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงคลื่น...
...ได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเองกับคนที่กำลังมอบจูบที่มันหวานจนผมเคลิบเคลิ้ม....
Talk : สรีมฟิค #Ficbloodsch Twitter : @Namtal1a
ความคิดเห็น