คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Sec 2 / Pegasus & Unicorn
ชี้แจง : บางคนอาจจะคุ้นเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่เราแต่งลงบอร์ด Thaiboysloves โดยใช้นามปากกาว่า Eye_Lover แต่ยังไม่จบ จึงนำมารีไรท์เป็นฟิค คู่ชิพที่เราชอบ และพร้อมที่จะแต่งต่อจนจบ มันเป็นเรื่องของเราเองค่ะ ไม่ได้ไปก๊อปใครมาลง ขอบคุณคนที่ท้วงติงค่ะและดีใจที่ยังมีคนจำได้
ตัดสินใจอยู่ว่าจะคุยกับพ่อเรื่องสถาบันฯใหม่นี่ดีรึเปล่า ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การมีก๊กแกงค์ การรวมกลุ่ม หรือแม้แต่เหตุผลที่พ่อส่งผมไปเรียนที่นั่น แต่ก็ไม่ทันเมื่อกลับไปถึงบ้านหลังจากคนขับรถมารับ ย่าบอกว่าพ่อกับแม่พิมพ์ ..ไปต่างประเทศ แล้วจะโทรมาหา....
5 วันแล้วสำหรับการเรียนที่ใหม่ ดูแล้วมันก็เหมือนธรรมดา แต่สิ่งที่พวกไอ้ยูคยอมมาเล่ามันไม่ธรรมดา...ไม่ว่าจะเป็นการนัดตีกันเพื่อหัวเข็มขัดเป็นเดิมพันของโรงเรียนคู่อริ กับแกงค์ในโรงเรียน....หลายๆ อย่างแม้กระทั่งการพกปืนไปข่มขู่ ศัตรูถึงห้องเวลาที่อาจารย์ไม่อยู่...ถึงจะคิดว่ามันจริงรึเปล่า แต่ผมก็ไม่อยากเจอ
อยู่กับพวกมันก็สนุกดี ดูจริงใจและเป็นห่วงผมทุกคน อาจจะเป็นเพราะอาจารย์ฝากไว้....และเหตุที่อาจารย์ฝากก็คงมาจากเส้นพ่อผม....การเรียนพวกมันก็ไม่ได้แย่...แค่บางครั้งอยากโดดพวกมันก็โดดเอาดื้อ ๆ ลงทุนเดินมาส่งผมให้เข้าเรียนถึงหน้าห้องแล้วพวกมันก็หายไป พอเลิกเรียนก็เห็นมันเตร่รออยู่หน้าห้องแล้ว....ระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ผมเลยไม่อยากถามหรือเซ้าซี้พวกมันว่าไปไหน ทำไมไม่เข้าเรียน...แต่อย่างน้อย ๆ พฤติกรรมของพวกมันก็ทำให้ผมเริ่มจะสนิทใจที่จะไปไหนมาไหนด้วยแล้ว...
“ คุณย่าค่อย ๆ เดินครับ”
“ไม่ต้องห่วงย่านักหรอก ไปซื้อน้ำมาไป”
“รอตรงนี้แป๊บนะครับ” ผมพยุงย่านั่งลงที่เสื่อที่พวกเราเอามาปูนั่งในสวนสาธารณะ วันนี้วันเสาร์ จู่ ๆ ย่าก็ชวนผมออกมา...จัดอาหารออกมาทานกันข้างนอก จากที่ตอนแรกเกร็ง ๆ กับย่าว่าจะรังเกียจผม...แต่ผิดคาดเพราะดูเหมือนว่าย่าผมจะเป็นคนขี้เหงา...และดูแลผมมากกว่าพ่อซะอีก...ความเคลือบแคลงที่มีอยู่ก่อนหน้าก็เริ่มลดลงไป...
“ เอาน้ำส้มปั่น 3 แก้วครับ แล้วก็น้ำเปล่าขวดนึง” ..เอาไปเผื่อลุงจันทร์คนขับรถด้วย...
/ โฮ่งๆๆ! /
ในระหว่างที่ยืนรอก็มองซ้ายมองขวาไปเรื่อย ๆ .....ก่อนจะสะดุดหูสะดุดตากับสุนัขตัวใหญ่ที่เห่านกที่กำลังจิกอาหารอยู่บนพื้นเสียงดัง....คอเคเซียน เชพเพิร์ด...ไม่อยากจะบอกว่าผมเป็นคนที่ชอบหมาพันธ์ใหญ่มาก เวลาว่างมีเวลาเข้าอินเตอร์เน็ตมักจะเชริจหาข้อมูลและดูพฤติกรรมของมัน...พันธ์นี้เป็นสุนัขที่ฉลาด มีไหวพริบ กล้าหาญ ซื่อสัตย์ แต่บางครั้งก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง ก้าวร้าวในบางครั้ง...ถ้าเลี้ยงในไทยก็ต้องมีห้องกว้างๆ ติดแอร์ให้....ผมชอบสุนัขพันธ์นี้พอ ๆ กับทิเบตัน แต่อย่างว่า ก็ได้แค่ชอบเพราะผมคงไม่มีปัญญาไปหามันมาเลี้ยง หรือถ้าหามาจริงๆ ผมคงเลี้ยงมันไม่ได้แน่ ๆ
“ เซนทอร์!!”
“...น้องคะได้แล้วค่ะ.......”
“ อ่ะ..ครับ” มัวแต่มองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดา ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดแต่แค่นั้นก็ดูดีมาก ...เสียงทุ้มเรียกสัตว์เลี้ยงตัวเอง... ก่อนจะออกวิ่งนำเจ้าสุนัขตัวใหญ่นั่นไป...ถ้าไม่เวอร์เกินไป...รู้สึกว่า...มีอำนาจ...เพราะหมาพันธ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นใจในตัวเอง แต่มันก็แค่วิ่งตามไม่ยอมแซงหน้าเจ้าของ...แสดงให้เห็นว่ามันรู้ว่าคนข้างหน้าเป็นผู้นำมันอย่างเต็มตัว...
“ มาแล้วครับคุณย่า”
“ มาแล้วก็มาทานกันเถอะ...ย่าหิวแล้ว” ผมกับย่าลงมือทานอาหารที่แพ็คมา...คุยกันถึงเรื่องสมัยเด็ก ๆ ของพ่อ...รวมถึงเรื่องที่ผ่านมา...ผมอดน้ำตาคลอไม่ได้ เมื่อย่าเอ่ยปาก...ขอโทษ...ที่เป็นต้นเหตุให้พ่อกับแม่ต้องแยกกัน...และตอนนี้ก็ทำให้ผมกับแม่ต้องแยกกันอีกครั้ง...อ้อมกอดของย่าทำให้ผมคิดว่า ต่อจากนี้คงจะมีความสุขมาชดเชยที่ผมต้องห่างจากคนที่ผมรัก...
0----------------------------------0
“ แบมแบมการบ้านมาลอกดิ๊ กูไม่เข้าใจเลย กูเรียนอิเล็กฯ แต่กูก็ต้องเรียนสามัญคณิตศาสตร์ ชีวิตกูจะหนีพ้นไหมวะ!”
“ ไอ้โง่ มึงไม่เรียนคณิตแล้วมึงจะคิดอะไรออกวะ! ว่าแล้วก็เอามาลอกดิแบมแบมที่รัก”
“ ทำเป็นพูดดี แล้วไอ้ยองแจไปไหนป่านนี้ยังไม่เข้าเรียน” ตอนนี้ยูคยอมกับหมากหอมกำลังแย่งการบ้านวิชาสามัญก่อนจะก้มหน้าก้มตาลอก ส่วนมาวินกำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วยบิดสายกระเป๋าตัวเองไปด้วย...เพื่อนคนอื่นในห้องก็กระทำการไม่แตกต่างกับกลุ่มผมเท่าไหร่...
“ ทำอะไรกันวะ!”
“ มาพอดีเลย ทำการบ้านมายัง”
“ ยัง อ่ะแบมแบมของฝาก”
“ ขอบใจ” ผมบอกไอ้คนที่โยนขนมปังมาให้ผม ก่อนจะหย่อนลงไปในวงการบ้านถุงใหญ่...แล้วสุดท้ายมันก็ควักสมุดการบ้านมากางออกร่วมวงกับไอ้สองคนนั่นจนได้...
“ เชี่ยวิน! การบ้านเสร็จยัง! เลิกคุยได้แล้ว!”
“... เออ...แค่นี้ก่อนนะ ครับ แล้วค่อยคุยกัน..”
“..................” แกะขนมปังกินไปด้วยมองพวกมันสี่คนรุมการบ้านผมไปด้วยแล้วถ้าผมไม่ได้ทำมา มันคงไปแย่งกลุ่มอื่นลอกกันแน่ ๆ อย่างนึงที่สัมผัสได้คือ ไม่ว่ายังไงพวกมันก็ไม่ทิ้งการเรียน ถึงแม้จะโดด แต่คาบต่อมามันก็ต้องมีการบ้านมาส่งด้วย และก็เป็นห่วงเป็นใยกันตลอด ไม่ทิ้งกัน มาเรียนก็ต้องมาทั้งหมด...หลายครั้งที่ได้ยินมันช่วยเตือนเพื่อนในบางเรื่องที่ไม่สมควร...แต่ยังไงซะ มันก็เด็กทโมนตามประสาวัยรุ่นกันอยู่ดี...
“ แบมแบมรออยู่นี่นะ แล้วเดี๋ยวพวกกูจะขึ้นมารับไปกินข้าวเที่ยง..”
“ กูลงไปเองก็ได้ แล้วค่อยโทรหากัน” คาบนี้อาจารย์ไม่เข้า แต่ก็ยังอุตส่าห์สั่งงานไว้ พวกมันรีบเก็บกระเป๋าลุกขึ้นอย่างพร้อมเพียงกัน ก่อนที่จะมายืนล้อมเก้าอี้ผม...
“ ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวมารับ ไปก่อนนะ...”
“ อืม” ขมวดคิ้วมองเพื่อนทั้งสี่คนที่รีบวิ่งออกจากห้อง คนอื่นในห้องออกไปแล้วก็มี เหลือแต่คนที่นั่งทำงานต่อ....และผมก็ควรจะทำงานต่อเหมือนกัน หมดคาบแล้วค่อยลง ลงไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน...
มองนาฬิกาก็เที่ยงพอดี...เดินไปชะเง้อหน้าห้องก็ยังไม่เห็นพวกไอ้ยูคยอมที่บอกว่าจะมารับ แล้วเมื่อเช้าก็กินแค่ขนมปังที่ยองแจโยนให้ กับข้าวเช้าที่บ้านก็มีแต่ข้าวต้ม อาหารเช้าแบบผู้ดี ผมรู้สึกว่ามันเลี่ยน ไม่อยากกิน...ดีที่ย่าไม่ว่าอะไร แต่ก็ยังย้ำว่าให้ผมหาข้าวกินก่อนเข้าเรียน สมองจะได้แล่น
“ ไม่ไปกินข้าวเหรอแบมแบม”
“ อืม รอพวกไอ้ยูคยอมอยู่”
“ เหรอ ...พวกกูไปก่อนนะ”
“.................” ผมพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้เพื่อนร่วมห้อง ที่ทยอยลงจากห้องเป็นกลุ่มๆ ถ้าจะโทรหาพวกมัน ก็เหมือนกับไปเร่ง...จริงๆ แล้วผมก็ลงไปเองก็ได้ แล้วค่อยโทรหาพวกมัน...
หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที ผมก็ตัดสินใจเก็บกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้อง....วันนี้ใส่ชุดนักศึกษาทำให้ต้องใส่เสื้อแขนยาวทับเพราะปีนี้มันหนาวกว่าทุกปี...สะพายกระเป๋ากระชับเสื้อแขนยาว ก้าวลงบันได มือก็ถือโทรศัพท์ไว้เพราะคิดว่าพอถึงชั้นล่างแล้วจะโทรหาพวกไอ้ยูคยอม..เสียงโหวกเหวกโวยวาย คุยกันเสียงดัง เป็นสิ่งที่ได้ยินทุกวันในเวลาอย่างนี้....
“ วะ ว้าวว!...เจอกันอีกแล้ว....”
“................” ....ชะงักเท้า ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่บริเวณบันไดชั้น 3 ...พวกช่างไฟฟ้า....และก็จำได้ว่าไอ้คนที่แกล้งเบี่ยงตัวมาดักหน้าผมที่กำลังจะก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายเพื่อเหยียบพื้นชั้น 3 ก็คือได้คนที่หาเรื่องผมในมาร์คทีนวันนั้น...พวกมันอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่...
“ จะรีบไปไหนครับ เรายังไม่ได้คุยกันเลยว่าวันนั้นจะชดใช้ยังไง..”
“ ชดใช้เรื่องอะไรครับ” ถามไอ้คนที่ยังพยายามดักหน้าผมไว้ หลังจากที่พยายามเลี่ยงเพื่อเดินลงบันไดให้ได้....คนอื่น ๆ ก็มองแล้วยิ้มเหมือนกำลังสนุกที่เห็นเพื่อนมันกำลังทำอย่างนี้...
“กูไปแอบถามเพื่อนในห้องมันมา มันยังไม่สังกัดแกงค์ว่ะ ทั้งที่ไอ้เพื่อนสี่ตัวของมันเด็กเพการ์”
“ จริงเหรอ สนใจเข้าแกงค์พี่ไหม..ยูนิคอน...รู้จักไหม...” ผมชักไม่แน่ใจว่ามันต้องการอะไรจากผมกันแน่....มองหน้ามันแสดงสีหน้าให้รู้มากที่สุดว่ารำคาญมันเต็มที จะทำอะไรก็ทำ จะชกก็ชก อย่ามาลีลา มันน่ารำคาญ!..
“ พี่มีอะไรกับผมไหมครับ ถ้าไม่มีหลีกด้วย...นี่มันทางคนเดิน!..”
“ อ้าว..แล้วมึงว่ากูไม่ใช่คนเหรอ!..”
“ ก็แล้วแต่พี่จะคิดได้...หลีกครับ..” คงเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั้งพวกนั้นถึงต้องมารับมาส่งผม เพราะชั้น 3 เป็นของช่างไฟฟ้ากำลัง...แต่ในเมื่อผมไม่ผิดอะไร พวกนี้มันก็ควรจะมีสมองบ้างว่าไม่ควรมาระรานกัน...
“ ปากดีจริง! ซักหมัดนะมึง!!”
“...!!......”
“ เฮ้ยยยยย!!” ตกแน่!! ไอ้คนที่ยืนดักหน้าผมอยู่ดึงแขนผมให้ลงจากบันได เพราะตั้งใจหลบเลยเสียหลักตัวเอนลง ด้านหน้าเป็นพื้นกระเบื้องแข็งๆ ผมหลับตาปี๋เตรียมรับชะตากรรม...พยายามยกแขนขึ้นรองหัวตัวเองเพื่อให้หัวผมกระแทกพื้นน้อยที่สุด...
หมับ!
“.................”
“ ...พี่เจบี!!...” เสียงพวกนั้นอุทานชื่อของใครบางคน...ผมลืมตามองเพราะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองค้างเติ่งอยู่กับอะไรบางอย่าง...ถึงรู้ว่าเป็นอ้อมแขนของใครซักคนที่เข้ามารับผมไว้...
“ พวกมึงเล่นอะไรกัน”
“...................” ..เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือหัว ทำให้ต้องรีบดีดตัวออกมา แล้วจับสายกระเป๋าตัวไว้ เพราะมันจะล่วง ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนที่ยืนเยื้องไปทางซ้ายของคนที่รับผมไว้คือคนที่ห้ามไอ้คนพาลที่หาเรื่องผมในมาร์คทีน ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าหน้าคล้าย ๆ กัน แต่ดูเข้มกว่า....ตาคมจ้องผมอยู่แต่ก็ไม่พูดอะไรด้วยทำให้รู้สึกอึดอัด...
“แบมแบม!”
“ ยองแจ!”
“ เป็นอะไร มีอะไร!” ยองแจพุ่งเข้ามาหาผม หลังจากที่มันขึ้นบันไดแล้วมองเห็นผมยืนอยู่ท่ามกลางพวกแกงค์ช่างไฟฟ้า...ก่อนที่อีกสามคนจะวิ่งพรวดเข้ามายืนล้อมผมไว้...
“ เพื่อนผมทำอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่าหนิ ไม่ได้ทำอะไร” คนที่พูดคือคนที่รับตัวผมไว้ ไม่ให้ร่างกายผมกระแทกพื้น...
“ เพื่อนมึงกวนตีนกู!!”
“ ไม่ใช่ว่าเพื่อนผมไม่สนใจพี่เหรอครับ!” ผมดึงไอ้หมากหอมที่มันโพล่งใส่ไอ้คนที่หาเรื่องผมหลังจากที่พวกมันมารวมตัวกันข้างๆ ผมแล้ว.. แล้วมีหน้ามาบอกว่าผมกวนตีนมันอีก...และดูเหมือนว่าไอ้บ้านั่นก็จะอยากปรี่เข้ามาเหมือนกัน...ไม่อยากจะมีเรื่องกันเลย...
“ ไอ้หมากหอม! อย่าเถียงรุ่นพี่สิ!...”
“.............” ทุกอย่างชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองตามเสียงทุ้มที่ตวาดขึ่นเสียงดัง....
“....เฮียแจ็คสัน....” รีบเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินมาใหม่หลังจากที่ไอ้พวกสี่คนเงยหน้ามองแล้วเรียกพร้อมกับทำสีหน้าเหมือนโล่งใจ....ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หลายคนเดินลงมาช้า ๆ ….จ้องมองคนที่เดินนำมา...ชั่วครู่ที่เหมือนว่าหันมาสบตากับผม แล้วหันกลับไปมองพวกที่ยืนอยู่ ก่อนที่ทั้งกลุ่มที่เดินลงมากว่าสิบคนจะมายืนขวางพวกผมไว้อีกที...
...แจ็คสัน....ผู้ชายที่ท่าทางเท่ห์ ๆ รูปร่างหน้า พูดได้เต็มปาก..ว่าหล่อมาก...แต่ทำไม....ผมถึงรู้สึกคุ้นๆ ....พอไปยืนประจันหน้ากับคนที่รับผมไว้ ทั้งที่ความหล่อและความสูงของทั้งสองมันมันน่ามองไม่น้อย แต่ผมกลับรู้สึกว่าเวลาทั้งสองคนอยู่ใกล้ ๆ กันแล้ว...มันน่ากลัว...
“ พาเพื่อนพวกมึงลงไปกินข้าวสิ”
“ ครับเฮียมาร์ค” ไอ้ยูคยอมรับคำหนึ่งในคนที่ยืนขวางพวกผมก่อนจะดัน ๆ เพื่อนลงจากชั้นสามรวมทั้งผมด้วย....พวกเราไปซื้อน้ำกับขนมก่อนจะไปนั่งที่ข้างตึกอำนวยการ...พวกมันสีหน้าเครียดลงจนผมรู้สึกไม่สบายใจที่ทุกอย่างสาเหตุมาจากผม...
“กูขอโทษนะ ที่ทำให้พวกมึงเดือดร้อนสองครั้งแล้ว”
“ มึงอย่าคิดมาก! ไอ้เชี่ยนั่นต่างหากที่มันหาเรื่องมึง!.”
“ แต่คนที่ชื่อเจบีนั่นเป็นคนช่วยกูก่อนที่พวกมึงจะขึ้นไป”
“ เจบีช่วยมึง!..”
“ อืม..” พยักหน้าให้มาวินที่ทำหน้าแหยง ๆ ก่อนจะทำท่าขนลุกเมื่อพูดชื่ออีกคน...
“ ช่างมันเถอะ ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร...ไอ้เจบีนั่นน่ะ คือหัวหน้าแกงค์ยูนิคอน...ที่มันช่วยมึงก็คงเพราะความบังเอิญ เพราะปกติแล้วมันจะไม่ช่วยใครเลยนอกจากคนในแกงค์ แม้ว่าคนผิดจะเป็นคนในแกงค์มันก็ตาม..”
“แล้วเฮียจะว่าเราหาเรื่องเปล่าวะ!”
“ บ้ารึไง เฮียไม่ได้โง่นะมึง รุ่นใหญ่ยูนิคยืนกันเป็นตับ เฮียแกรู้อยู่แล้วว่าเราไม่มีทางไปหาเรื่องแน่...แต่ป่านนี้จะเป็นยังไงวะ..พรุ่งนี้ก็มีแข่งบาสกันแล้ว..พวกเฮียคงไม่ใจร้อนหรอก..”
“ เฮียแจ็คสันนั่นคือใคร” ถามเพราะสงสัยพวกมันพูดถึงบ่อย แต่ไม่เคยบอกว่าเป็นใคร...
“ ..หัวหน้าแกงค์เพกาซัส..”
“........................” ไม่พูดอะไรแค่พยักหน้ารับ...เหมือนเคยเจอกันมาก่อน...แต่ก็คิดไม่ออก...ท่าทางมั่นใจเวลาเดินไปเผชิญหน้ากับหน้าแกงค์ยูนิคอนมันเป็นภาพที่น่าทึ่งสำหรับผม....แต่จะเท่ห์แค่ไหนแต่ถ้าเป็นคนชอบหาเรื่องผมก็คงไม่ศรัทธรา...
“ ตกลงมึงจะเข้าแกงค์ไหน”
“...กูอยู่อย่างนี้ได้ไหม...”
“ ไม่ได้... ที่ครั้งนี้พวกเฮียยื่นมือเข้ามาช่วยเพราะมีพวกกูอยู่ เพกาซัส ไม่ทำใครก่อน แต่ก็ไม่ช่วยคนที่ไม่ใช่แกงค์ตัวเองเหมือนพวกยูนิคนั่นแหละ ต่างกันตรงที่ สำหรับเพการ์ ผิดคือผิด...จะช่วยเหลือคนผิดในแกงค์ก็ตามสมควร ไม่ใช่ช่วยจนคนอื่นตายทั้งที่คนในแกงค์ผิดเหมือนพวกยูนิค...”
“..แล้วกูต้องทำยังไง...”
“..ให้เฮียออกัส สัมภาษณ์นิดหน่อย...แต่ไม่ต้องกลัว เพราะเฮียเป็นพี่ชายกูเอง...แต่กูเชื่อว่าอย่างมึงเข้าได้แน่...ถ้ามึงตกลงกูจะโทรบอกพวกเฮีย แล้วเขาจะนัดเราอีกที..”
“ ..อืม..ก็ได้...”
“ นั่นไง ลงมากันแล้ว คงไม่มีอะไรร้ายแรง” มองไปหน้าตึกช่าง ก็เห็นคนสองกลุ่มใหญ่เดินลงมาพร้อมกัน แต่ท่าทางนิ่ง ๆ ทั้งสองฝ่ายทำให้รู้ว่าแค่เดินร่วมทางเฉยๆ ... แต่พอถึงทางออกก็แยกย้ายเหมือนไม่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย...ไม่มีใครสนใจใคร...
“ เอาไว้หลังแข่งแล้วค่อยว่ากัน”
“อืม” พวกผมนั่งคุยกันต่ออีกซักพัก ก่อนจะขึ้นเรียนคาบบ่าย...วันนี้รู้สึกหัวสมองตึง ๆ ตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะในหัวสมองผมเอาแต่คิดถึงคนที่รู้สึกว่าเคยเจอ...ท่าทางเป็นผู้นำเด่นชัดนั่นเป็นติดตาผมไม่น้อย...
0------------------------------------------0
“ลืมอะไรรึเปล่า แบมแบม พ่อเราโทรมาหารึยัง”
“ ยังครับคุณย่า” ...กำลังใส่รองเท้า หลังจากที่วิ่งลงจากห้อง..ย่ามาส่งหน้าบ้าน รถลุงจันทร์คนขับรถรับส่งผมเอารถมาจอดรอหน้าบ้านแล้ว....ย่าเป็นคนแก่เจ้าระเบียบ แต่ก็ไม่เคยยุ่งวุ่นวายอะไรกับผมมากมาย...
“ ย่าจะรอกินข้าวนะ รีบกลับนะลูก”
“ ครับ แบมแบมจะรีบกลับ คุณย่าดูแลตัวเองด้วย” ยิ้มให้คนสูงวัยที่จูงผมมาส่งที่รถ... ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนทำให้พ่อกับแม่ต้องแยกกัน แต่ผมเป็นเด็ก และเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว....ตอนนี้แม่ก็มีความสุขดี...มีเพียงผมที่ต้องปรับตัวและทนคิดถึงแม่ให้ได้...
เสียงกรี๊ดและเสียงเฮดังมากจากโรงยิม งานนี้ผมถูกลากไปด้วยอย่างไม่ต้องถาม ภายในโรงยิมที่ดูกว้างขวางแน่นขนัดไปด้วยคนที่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง แน่นอนว่านอกจากสมาชิกในแกงค์ทั้งสองทีมที่จะแข่งกันวันนี้แล้ว นอกนั้นก็เป็นเด็กพาณิชย์นั่งเบียดกันอยู่บนแสตนด์ ส่งเสียงเชียร์ทีมในดวงใจ ทั้งที่ยังไม่ปรากฏตัวคนเล่นด้วยซ้ำ....
“ คนเยอะเชี่ย! มานี่แบมแบม เดี๋ยวหลงนะมึง!”
“.................” ถึงจะขัด ๆ เมื่อมาวินมันพูดเหมือนผมเป็นเด็ก แต่ก็ยอมที่จะเลื่อนตัวเบียดคนอื่นๆ ไปด้านหน้าที่เป็นเก้าอี้ยาวสำหรับนักกีฬา ที่ตอนนี้มีพวกรุ่นใหญ่ของแกงค์เพการ์นั่งกันอยู่หลายคน มีกระติกน้ำ ผ้าเย็น ยานวดเตรียมไว้พร้อมแล้ว..
“ พวกเฮียกัส ล่ะครับเฮียนัม”
“เดี๋ยวมา” ผมมองรุ่นพี่ที่รูปร่างผอมบาง ...แต่สูงกว่าผม..หน้าตาถือว่าสวย...ยองแจทักแล้วนั่งลงข้างๆ ไม่ลืมดึงผมนั่งลงด้วย คนที่เป็นพี่ชายยองแจคือเฮียออกัส....เพื่อนสนิทของหัวหน้าแกงค์เพการ์ ....
“ เฮีย บอกเฮียกัสทีดิ ว่าเพื่อนผมมันอยากเข้าแกงค์”
“ อ้าวไอ้หมายองแจ มึงอยู่บ้านเดียวกันไม่ใช่เหรอ บอกมันดิ” ก็จริง มันก็อยู่บ้านเดียวกับพี่มัน แต่ทำไมมันไม่บอกเอง...
“ ที่บ้านไม่คุยเรื่องแกงค์อ่ะ เฮียแกบอก...แล้วที่นี่แมร่งก็ไม่ค่อยได้เจอ..”
“ หน้าอ่อน ๆ อย่างนี้จะผ่านเหรอวะ”
“ โห่ เฮียวุธ อย่าดูถูกเพื่อนผมสิ” ไอ้หมากหอมหันไปพูดกับรุ่นพี่คนนึงที่มองผมแล้วพูดขึ้น...แค่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร...อย่าว่าแต่พี่เลยครับ ผมก็ยังไม่มั่นใจตัวเองซักนิดว่าตัวเองจะเข้าแกงค์ได้ ถ้ามันคัดคนขนาดนี้...
“ เฮียนัม..แล้วเฮียไม่ลงอ่ะ..ใครลงมั่ง..”
“ ก็ได้ห้าหัวนั่นแหละ มันไม่ยอมให้กูลงอ่ะดิ แค่รถชนขาเจ็บนิดหน่อย เชี่ย! นัดสำคัญแท้ๆ”
“ อ้าวเหรอ เจ็บมากเปล่า...ห้าหัว...เฮียแจ็คสัน เฮียมาร์ค เฮียออกัส เฮียแวน เฮียโจ......มึงรู้ไหมแบมแบม ว่าห้าคนนี้แมร่งขั้นเทพ ทั้งหน้าตาและความสามารถ” ยองแจพูดกับเฮียนัมก่อนจะหันมาโม้กับผม...
“ มึงอวยพี่ตัวเอง”
“ฮ่าๆๆ เออจริงแมร่งเชี่ยยองแจอวยพี่มันเอง” เฮียนัมหัวเราะหลังจากที่ผมพูดแหย่ๆ ไอ้ยองแจที่พูดอวยเฮียห้าหัวของมัน...หนึ่งในนั้นมีพี่ชายมันด้วย คนอื่นๆ ก็หัวเราะพร้อมกับโบกหัวมันข้อหาเนียนอวยพี่ชายตัวเอง...
“พาเพื่อนมึงไปนั่งข้างบนแสตนด์.. เดี๋ยวพวกนั้นก็ออกมา”
“ ครับเฮีย..เฮ้ย ไปนั่งข้างบน....นั่งด้วย...” ไอ้ยูคยอมลุกขึ้นไปเปิดทางก่อน พวกเด็กช่างยนต์ที่นั่งอยู่ก็ยอมขยับจนพวกผมที่ลุกตามไปนั่งบนแสตนด์ล่างสุดได้...
กรี๊ดดดดด!!!!
เสียงกรี๊ดฝั่งตรงข้ามทำให้ผมต้องหันไปมอง เด็กช่างไฟฟ้าเดินเข้าในสนามกลุ่มใหญ่....เสียงเรียกชื่อดังสนั่น....พวกนั้นมาถึงก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่วางหน้าแสตนด์....มีสองคนที่คุ้นหน้าคือ คนที่ชื่อโยเรย์ และเจบีหัวหน้าแกงค์ยูนิค....พวกมันนั่งสบายๆ ....โบกมือน้อย ๆ ให้คนที่ส่งเสียงเชียร์ตัวเอง...
กรี๊ดดดดด!!!
คราวนี้เสียงกรี๊ดฝั่งที่ผมนั่งดังจนต้องปิดหู...ผู้ชาย 5 คนเดินเข้ามาในสนามก่อนจะนั่งลงข้างๆ เฮียนัม...ดูเหมือนว่าจะแค่มองคู่ต่อสู้ผ่าน ๆ แล้วทำตัวสบาย ๆ ไม่แพ้ฝั่งนั้น....
ปี๊ดดด!!
เสียงนกหวีดเป่าลากยาว นักกีฬาทั้งสองฝั่งลุกขึ้น....ก่อนที่เสียงกรี๊ดทั้งสองฝั่งจะดังอย่างท่วมท้นจนโรงยิมแทบแตกคือทั้งสองทีมปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาก่อนจะถอดออกหน้าตาเฉย....สิ่งที่สะดุดตาผม ก็คงเป็นสิ่งที่พวกได้ยูคยอมบอก...
...รอยสักรูปเพกาซัส...เพกาซัสสีดำทะมึน....กางปีกสีดำทั้งสองข้างทาบทับที่กล้ามเนื้อหัวไหล่ทั้งสองข้างของพวกรุ่นใหญ่ เวลาขยับแขนขึ้นลง เหมือนปีกเจ้าเพกาซัสนั่นกำลังขยับ คล้ายจะโผบิน....มันทั้งสวยงาม และน่ากลัวไปพร้อม ๆ กัน...ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือรูปยูนิคอนสีดำมีเขาแหลม.. เขาแหลมเกลียวสีดำแทงขึ้นจนถึงท้ายทอย...น่ากลัวและสวยงาม ไม่แพ้ตัวเพกาซัสของเพการ์....
“ สวยใช่ไหมมึง! นั่นคือความฝันของกู...ตอนเห็นพี่กูสักนะ มันโครตเท่ห์อ่ะ”
“อาจารย์ไม่ว่าเหรอวะ” ผมกันไปถามไอ้ยองแจแข่งกับเสียงกรี๊ด หลังจากที่ทั้งสองทีมลงวอร์มในสนาม....รองเท้าผ้าใบเสียดสีกับพื้นโรงยิมดังเอี๊ยดอ๊าดไปทั่วสนาม...
“ ว่าดิ พวกนี้ถูกทันฑ์บนทั้งนั้นแหละ...แต่ไม่มีใครลบ เป็นอย่างนี้มาทุกรุ่น จนอาจารย์ที่ว่าโหด ๆ เริ่มจะทำใจ และแค่บอกว่า..../ .มันเป็นอนาคตของพวกเธอเอง...มีหลายงานที่ไม่รับพวกมีรอยสัก...../ แต่อาจารย์แกก็รู้อยู่แก่ใจแหละว่าพวกนี้มีแต่พ่อแม่มีตังค์ มีกิจการเป็นของตัวเองทั้งนั้น..” ไอ้ยองแจเลียนแบบเสียงอาจารย์ก่อนจะสาธายายด้วยความภูมิใจนิด ๆ แน่นอนว่าค่าเทอมแพงขนาดนี้พวกพ่อแม่มีเงินน้อยคงส่งเรียนไม่ได้หรอก...
ปี๊ดดดด!!
เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ดังขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อทั้งสองแกงค์ เดินเข้าประจำที่....กรรมการก็เป็นรุ่นพี่ ปวส.2 แต่ไม่มีรอยสัก น่าจะเป็นแกงค์อื่น...รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย...
“ ...แบมแบมระวัง!!...”
หมับ!
ผมจับลูกบาสที่เด้งมาหา หลังจากที่มันถูกโยนมาจากข้างสนามแต่ดันถูกขาหนึ่งในผู้แข่งจนเด้งกลับมา....มันไม่แรงมากเลยจับได้สบาย...แต่ประเด็นคือสายตาของผู้แข่งในสนามทั้งสองทีม จ้องมาที่ผม ที่กำลังจับลูกบาสอยู่ จนต้องรีบเหวี่ยงออกไป...
...รู้สึกใจเต้นกับสายตาเมื่อครู่...ยิ่งเมื่อสบตากับหัวหน้าแกงค์เพการ์อีกครั้ง....ทั้งที่อีกฝั่งก็คงแค่มองตามลูกบาสเท่านั้น...
ความคิดเห็น