คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Sec 1 / New Place
Cr. ภาพ Alittle HoneyB
เสียงน้ำดังในห้องน้ำเรียกสติผมให้กลับเข้าที่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ....คนที่ต่อไปนี้นาน ๆ ถึงจะได้เจอกัน...เพราะโตแล้ว ต้องอยู่คนเดียวให้ได้...ถึงแม้ว่าไม่อยากจะมาอยู่ที่นี่แค่ไหนก็ตาม...
“ แบมแบม อยู่ได้ไหมลูก”
“ ได้ครับแม่...แบมอยู่ได้...แม่นอนกับแบมอีกคืนได้ไหม”
“ แล้วน้องล่ะลูก...” แม่นั่งลงข้าง ๆ ผมก่อนนะลูบหัวเบาๆ สีหน้าผู้หญิงที่ผมรักที่สุดกำลังเป็นทุกข์ ไม่ต่างจากผมเลย ที่จะต้องแยกจากแม่มาอยู่กับคนที่อดีตเคยคุ้นเคย แต่ตอนนี้ผมก็เหมือนคนอื่นสำหรับเขา ถึงแม้ว่าจะต้องมาอยู่ในความดูแลของเขาก็เถอะ..
“ ครับ แบมอยู่ได้ แม่กลับไปอยู่กับน้องเถอะ”
“ คนเก่งของแม่...มีอะไรโทรหาแม่นะ...พ่อเขาก็รักลูกนะ...พ่อเป็นคนดี”
“ แล้วทำไมต้องทิ้งแม่ล่ะครับ” แม่พูดเสมอว่าพ่อเป็นคนดี...รับฟังทั้งที่ในใจมันค้านอยู่เสมอ...แต่ก็ไม่เคยพูดจนกระทั่งตอนนี้...ถ้าพ่อเป็นคนดี ทำไมต้องทิ้งพวกเรามามีครอบครัวใหม่...ทำไมต้องทิ้งให้แม่นอนร้องไห้อยู่คนเดียว...ทำไมตอนเด็ก ๆ ถึงปล่อยให้ผมถูกล้อว่า ไอ้ลูกไม่มีพ่อ
“ พ่อเขามีความจำเป็น อย่าโกรธพ่อนะ..แบมแบมของแม่โตแล้วนะลูก..ซักวันจะรู้ว่าเพราะอะไร..แต่ตอนนี้ต้องตั้งใจเรียน..ให้สมกับที่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้..อย่าทำให้แม่ผิดหวัง และอย่าทำให้ใครว่าได้ ว่าแม่สอนลูกมาไม่ดี เข้าใจไหมคนดีของแม่...”
“ ครับแม่” ผมควรจะถามแม่แค่นั้น...เพราะสีหน้าเหมือนจะร้องไห้เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเห็น....แม่ให้ทำอะไรผมก็จะทำ ถึงแม้ว่าต้องฝืนใจตัวเองแค่ไหน รวมทั้งการต้องมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้...บ้านของพ่อแท้ ๆ ของผม...ที่เป็นตระกูลมีหน้ามีตา...จนทนรับผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนึงที่กำลังท้องหลานชายตัวเองไม่ได้...แต่ยังไงซะนั่นก็คือพ่อ...คนที่ส่งเงินให้ผมกับน้องเรียนโรงเรียนดี ๆ และมีทุกอย่างเหมือนคนอื่น...ยกเว้นเพียงไออุ่นจากผู้ชายคนนี้เท่านั้น...
0-------------------------------------------0
...วิทยาลัยเทคโนโลยีเอ็กซ์โซคลัส...
ผมมองป้ายสถานศึกษาชื่อดังที่วันนี้เปิดการเรียนการสอนในภาคเรียนแรก พ่อจัดการย้ายโอนหน่วยกิตจากสถานศึกษาเดิมเพื่อที่จะมาเรียนต่อที่นี่ในระดับชั้น ปวส.3 ในแผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์...
พ่อแต่งานกับผู้หญิงที่ย่าสรรหาให้แทนแม่...แต่ไม่มีลูก...ย่าเลยยอมใจอ่อนทำตามที่พ่อต้องการ คือเอาผมมาอยู่ด้วย...เพราะตอนนี้แม่เองก็มีครอบครัวใหม่เหมือนกัน พ่อเลี้ยงผมเป็นคนใจดีและรักผมเหมือนลูกแท้ ๆ ...ไผ่หวาน น้องสาวผม..ก็เป็นลูกคนละพ่อ...ส่วนแม่เลี้ยงที่เจอกันแบบผิวเผิน...ก็ดี.. ออกงานสังคมบ่อยเหมือนไฮโซทั่วไป...ฉะนั้นจึงไม่ค่อยได้พบปะกันเท่าไหร่ แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว...
“ หลบหน่อยดิ”
“...............” เงยหน้ามองคนที่ใส่ชอปสีเดียวกับผม และมีคาดแถบสีม่วงที่กระเป๋าบ่งบอกให้รู้ว่าเรียนแผนกเดียวกับผมด้วย...คิดว่าเลือกที่นั่งดีที่สุดแล้ว ไม่ขวางหูขวางตาใครในช่วงก่อนถึงเวลาเรียนอย่างนี้...
“ มึงนั่งผิดที่”
“.................” พ่นลมหายใจออกช้า ๆ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวออกจากม้าหินอ่อนมุมตึกอำนวยการ....ไม่มองไม่สบตา และทำเป็นไม่สนใจ...ให้หลบก็หลบ...
“ มึงมีปัญหาอะไรไหม”
“ ไม่มี “ ตอบสั้น ๆ ก่อนจะจ้องหน้าไอ้คนที่เดินกวน ๆ มาดักหน้าผมไว้ก่อน...ผมยังไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่มาเรียนวันแรกหรอก...แต่ให้ลุกก็ลุกแล้วยังจะเอาอะไรอีก...อย่างน้อย ๆ การศึกษาน่าจะช่วยให้ไอ้คน ๆ นี้มันมีสมองคิดมากกว่านี้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่สมควร...
“ งั้น ไม่ต้องไปละ ไปนั่งลง...นั่งเป็นเพื่อนกูหน่อย หน้าไม่คุ้นหนิ อยู่ปีหนึ่งเหรอ...แผนกเดียวกัน ดีกันไว้ดีกว่าว่าไหม..”
“.................” หลับตาเมื่อคนตรงหน้าเป่าหมากฝรั่งแตกใส่หน้าผม...กลั้นลมหายใจก่อนจะขยับถอยหลัง...
“ ไม่นั่งจริงเหรอวะ!อยู่ปีหนึ่งอย่ามาทำเก๊กนักนะมึง..........หรือกูไม่เข้มพอวะ.... แมร่งเด็กไม่กลัว....” เกือบกลัวแล้วตอนที่มันตะโกนไล่หลังผม แต่ประโยคหลังทำเอาผมเกือบขำ....สรุปว่ามันเป็นนักเลงฝึกหัดรึไง...ถ้ามันมีตาหน่อยก็น่าจะเห็นว่าหนังสือเรียนที่ผมถือมันก็ของปี 3...
มองนาฬิกาเหลือเวลาอีก 5 นาที ผมเดินขึ้นห้องเรียน...พ่อเป็นศิษย์เก่าที่นี่ เลยมีแผนที่ให้ผมไว้ดูตึกช่างที่มีทั้งหมด 5 ชั้น แผนกอิเล็กฯ อยู่ชั้น 4 มองจากชั้นที่เรียน มีตึกอำนวยการคั่นกลาง อีกฝั่งเป็นตึกของบริหารธุรกิจ และยังมีตึกย่อย ๆ อีกหลายตึก....มาถึงหน้าห้องทุกอย่างภายในห้องยังเงียบสงบดี เลยเดินเข้าไปเลือกนั่งหลังสุด...ติดหน้าต่าง...มันเป็นความเคยชินจากที่เก่า...ปกติผมก็ไม่ใช่เด็กเรียนอะไรมากมาย แค่คิดว่าพอให้รู้เรื่องแล้วจบให้ได้แค่นั้นเอง...ลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาทำให้รู้สึกง่วงนอนจนต้องก้มหน้าลงทับแขนตัวเอง...
“ เฮ้ย! มึงใครวะ แมร่งนั่งที่กู!”
“....................” แมร่งเป็นอะไรกับที่นั่งกันนักหนา...ทำหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น..มองต้นเสียง...คนอื่น ๆ นั่งเก้าอี้รอบ ๆ ผม...ส่วนคนที่ยืนตรงหน้า...ผมเริ่มคิดว่ามันมีปัญหากับอะไรกับตูดมันรึเปล่า ถึงต้องจองที่นั่งขนาดนี้...
“ มึงอีกละ! อยู่ปี 3 เหรอ..หน้าอย่างนี้นี่นะ!”
“ที่มึงใช่ไหม...ที่มึงมันทั้งวิทลัยเลยป่ะ!” พูดแล้วลุกขึ้นออกจากที่มีเจ้าของ...ไอ้คนเดิมที่บอกให้ผมหลบจากม้าหินอ่อนตรงตึกอำนวยการ...
“ เด็กใหม่เหรอมึง!”
“ตรงนี้ที่มึงอีกรึไง” ติดประตูหลังสุด....มีที่ใครอีกไหม...คนอื่น ๆ ภายในห้องทยอยเข้ามาจับจองที่นั่ง...และหันมาสนใจผมไม่น้อย....
“ เปล่า...เป็นทอมเปล่าวะมึง...”
“ ....................” ไม่ตอบคำถามที่มันตั้งใจมากวน....ซบหน้าลงกับแขนตัวเองไม่สนใจ.....
“ อะไรวะ...มึงว่ามันเป็นทอมไหม...”
“ กลับมาเชี่ยยูค มึงอยากถูกทันฑ์บนอีกรึไง โดนอีกหมดสิทธิสอบนะควาย!” เสียงเพื่อนมันเรียกให้เลิกฟุ้งซ่าน...ผมว่ามันน่าตลกมากว่าน่ากลัว ยังมีการหันไปถามเพื่อนว่าผมเป็นทอมไหม...
“ ไม่มีทาง พวกเฮียไม่มีทางปล่อยให้กูโดดเดี่ยวแน่นอน”
“ แน่นอนถ้ามึงโดนอีกรอบ เฮียเอามึงตายแน่ไอ้โง่! เสียชื่อเด็กเพการ์หมด มานั่ง!”
ในที่สุดอาจารย์ก็เข้าซักที ดีตรงที่อาจารย์ไม่แนะนำผมอย่างเป็นทางการ ให้มาทำความรู้จักกันเอง...โต ๆ กันแล้ว...ดูแล้วเพื่อนในห้องแต่ละคนก็ไม่ต่างอะไรกับห้องเดิมที่เก่า...เสียงดัง หยาบคาย ไร้มารยาท...ไม่เกรงใจใคร...
“ เฮ้ยไปกินข้าวกัน”
“..ไม่หิว...” มันจะมาอะไรกับผมนักหนา....เพื่อนมันยืนรออยู่หน้าห้อง แต่ไอ้บ้านี่กลับมาชวนผมไปกินข้าวด้วย...
“ ไปดิวะ ไปเร็ว! อาจารย์ฝากกูดูแลมึงหรอกนะ..”
“ กูดูแลตัวเองได้”
“ ได้ห่าหนิ มาสิวะ! มึงอยู่ไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีกลุ่ม...มาเร็ว อย่าให้กูต้องฟ้องอาจารย์!”
“......................”
“ เอา ๆ ยังไงซะก็คิดว่าไปกินข้าวประทังชีวิต ไปสิควาย!”
“...................” ผมมองหน้าไอ้คนชวน ก่อนจะเดินสวนกับมันออกไปหากลุ่มมันที่ยืนรออยู่...มาดี ก็ดีกว่ามาร้าย..ดูแล้วพวกมันก็ไม่ได้เกเรถึงขนาดที่ผมรับไม่ได้ ออกจะบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยซ้ำ...
“ว่าง่าย ๆ น่ารัก ๆ เหมือนหน้าตาหน่อยกูชื่อยูคยอม เรียกยูคสั้น ๆ ก็ได้ เป็นคนเกาหลีมาเอาดิบเอาดีที่เมืองไทย มึงชื่อไร”
“....แบมแบม.....” มองหน้าไอ้คนที่เดินมาเอาแขนพาดไหล่ผม....พร้อมกับดันๆ ให้เดินตามกลุ่มมันไป...เป็นคนต่างชาติที่พูดไทยชัดมาก...
“ ชื่อจริงอ่ะ ”
“ กันต์พิมุกต์ “
“ ชื่อเท่เชี่ย! ป่ะ ๆ แดกข้าว...” แนะนำกันไป ก็พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ ส่วนมากจะเป็นพวกมันที่ถามผม ถามคำก็ตอบคำ...ยังไม่คิดว่าพวกมันจะมาเป็นเพื่อนผมเร็วขนาดนี้เลยไม่ค่อยอะไรมากมาย...และได้รู้ว่าในกลุ่มยังมีคนเกาหลีอีกคนคือ ยองแจ และในสถาบันนี้ก็ยังมีคนเกาหลีอีกประปรายที่จับพลัดจับผลูมาเรียนที่ไทย
“อร่อยไหมมึง กูแดกดิ๊!”
“ เชี่ยยองแจ!มันก็เอาของกูไปแล้วนะสัดยูคอยากกินทำไมไม่ซื้อวะ!”
“มึงก็แดกเท่าที่เหลือน่ะแหละ” ยองแจบอกมาวินเพื่อนในกลุ่มให้กินฮอทดอกทอดที่เหลือแค่สองอันทั้งจาน...เคี้ยวข้าวไปด้วยก็มองพวกมันที่กำลังแย่งของกินกัน แต่ละคนก็หน้าตาก็ดีเหมือนพวกคุณหนู แต่ทำไมมาเรียนช่าง....เพราะดูโทรศัพท์ดูรองเท้าที่ใส่ มีแต่ของราคาแพง ๆ ทั้งนั้น....
“ มองอะไรจ๊ะ แบมแบม กูหล่ออ่ะดิ”
“ มึงมีกระจกไหมล่ะ”
“แรงส์สุด!!” หมากหอมเพื่อนอีกคนอุทานออกมาเมื่อถูกผมตอบกลับ....แต่มันก็ไม่ถือสาอะไร ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ...ผมว่าแต่ละคนมันออกแนวบองส์ ๆ มากกว่า ที่ดูนิ่งๆ ก็คงเป็นยองแจ...
“...แบมแบมกูขอนะ...”
“ อืม เอาดิ กูอิ่มแล้ว “
“ กูด้วยแบมแบม / กูขอด้วย / มึงอย่าแย่งกู!!”
เคร้ง!!
“เชี่ยวิน มึงแหละ!แย่งทำไมวะ ไข่ดาวแบมแบมฟองเดียว!” ยูคยอมโบกหัวเพื่อนเมื่อแย่งกันตักไข่ดาวในจานผม แย่งกันไปมาสรุปว่า...จานคว่ำ และล่วงลงจากโต๊ะเสียงดัง...
“ เฮ้ย!! เงียบหน่อยน้อง!! เสียงดัง”
“.....................” พวกมันชะงัก...ไอ้ยูคยอมเงยหน้าขึ้นจากเก็บจานก่อนจะหันไปมองกลุ่มรุ่นพี่ที่ผมเห็นไว ๆ อยู่ ว่าพึ่งจะเดินมานั่งด้านหลังพวกผม แต่พวกมันก็เงียบ และเข้ามานั่งกินข้าวกันต่อเงียบ ๆ...และเสียงคุยจอแจในแคนทีนที่มีก่อนหน้านี้ก็เงียบไปด้วย....
“ พวกเฮียอยู่ไหนวะ...ร้อยวันพันปีพวกเหี้ยนี่ไม่เคยมาแดกข้าวแคนทีน...”
“ เฉย ๆ ไปเหอะหน่า เฮียบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นอย่ามีเรื่อง ยิ่งพวกใกล้จบอย่างเราด้วย...ถึงไม่โดนพวกมันแทงตาย แต่ไม่จบขึ้นมาโดนตีนเฮียตายแน่... แดกไปแล้วรีบออก มึงไม่เห็นรึไงว่ารุ่นใหญ่มันมาเกือบหมด กูว่าแมร่งมีประชุมแหง”
“กูอิ่มแล้ว ไปเหอะ”
“.. เออ ไป ๆ ... ไอ้แบมแบมลุก....” ทั้งหมดคือเสียงกระซิบ ไอ้มาวิน กับ ไอ้หมากหอมรีบยัดข้าวเข้าปาก ก่อนจะรีบกระดกน้ำตาม....ไม่อยากจะสงสัยหรือถามอะไรพวกมัน ว่าพวกนี้คือใคร แล้วเฮียของพวกมันเป็นใคร...
“………...”
“เฮ๊ย!!”
“....................”
“ หาเรื่องเหรอน้อง!”
“ เปล่าครับ “ ผมมองหน้าไอ้คนที่ลุกขึ้นจากกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง เมื่อจู่ ๆ มันก็วาดแขนมาโดนแก้วน้ำผม จนกระฉอกไปโดนคนในกลุ่ม....
“ ไปเหอะแบมแบม...โทษครับพี่เพื่อนผมไม่ได้ตั้งใจ.!”
“ เดี๋ยวดิ มึงทำกูเปียกนะสัด!!”
“ เป็นส้นตีนอะไรล่ะ!! ก็เพื่อนพี่เอาแขนมาโดนน้ำผมเอง!” ผมสะบัดแขนเสื้อออกจากมือที่ยื่นมาดึงไว้ ก่อนจะหันไปโต้ตอบไอ้คนที่กำลังจะหาเรื่อง...แต่พวกมันก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำ...และผมก็ไม่ใช่คนผิด...แถบเสื้อสีแดงตรงหน้าอกเสื้อชอปทำให้รู้ว่าพวกนี้เรียนช่างไฟฟ้า...
“ เฮ้ย! มึงเป็นใคร! ไอ้พวกนี้มันเด็กเพการ์นี่หว่า แต่ไอ้นี่หน้าไม่คุ้น..นักเรียนใหม่ใช่ไหม มึงรู้ไหมว่าพวกกูเป็นใคร!!”
“..พี่ครับ เพื่อนผมมันไม่ได้ตั้งใจ..”
“ ไม่ต้องเสือก! กูคุยกับเพื่อนมึง...เมื่อตะกี้มึงกล้าสะบัดแขนหนีกูเหรอ...” ทุกอย่างรอบ ๆ ตัวผมตอนนี้เงียบไปหมด...ไม่มีแม้แต่เสียงช้อนกระทบจานข้าว...สายตาทุกคู่จ้องมาที่กลุ่มที่กำลังมีปัญหา....
“ พี่จะเอายังไง “
“ ก้มกราบกูสิ....แล้วนั่นข้าวที่เพื่อนมึงหก...ก้มเลียให้หมดทุกเม็ด!”
“ มันจะมากไปไหมพี่!”
“ กูบอกว่าไม่ให้พวกมึงเสือก! หรือมึงจะเลียกับเพื่อนมึง!” ไอ้ยูคยอมเงียบไป แต่ก็ยังมีท่าทีลังเล....ผมวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะก่อนจะจ้องหน้าไอ้คนที่ลุกขึ้นมาหาเรื่อง ทั้งที่ตัวมันไม่ได้เปียกอะไรมากมาย....
“ ว่าไงมึง...น่ารักนะเนี่ยเรา...ถ้ามึงไม่ทำตามที่กูบอก ก็สนใจเอาตัวเข้าแลกไหม รูปร่างหน้าตาอย่างนี้แมร่งฟันยันเช้า...”
“ ...ถ้าไม่ทำทั้งสองอย่างล่ะ....ผมจะถึงตายไหม...” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดาที่สุด ตาก็ยังจ้องไอ้รุ่นพี่พิกลพิการด้านความคิดไม่กระพริบ ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเด็กช่างที่ถูกคนตราหน้าว่าเลว ๆ ฆ่ากันด้วยเรื่องผักปลา...ผมไม่เคยเจอที่สถาบันเดิม...แล้วมันจะเจอที่นี่รึเปล่า...
“ อ้าว! ได้เด็กเชี่ย!”
“ ไอ้เปอร์!!”
“..................” เมื่อพยายามแล้วแต่เรื่องมันกลับวิ่งเข้ามาหาตั้งแต่วันแรก...มันก็ช่วยไม่ได้ ถ้าพ่อกับย่ารับไม่ได้ ผมจะได้กลับไปอยู่กับแม่..แต่ก่อนที่หมัดที่ไอ้ชั่วนั่นเงื้อขึ้นจะชกผม เสียงดังจากหนึ่งในกลุ่มพวกมันก็ดังขึ้น....ไอ้คนที่กำลังเลือดร้อนชะงักหมัดก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเอง ทำให้ผมต้องหันไปมองด้วย....ชั่วครู่ที่มันจ้องผมเหมือนกับที่ผมจ้องมันอยู่....
“ ก็มันกวนตีนกู!”
“ ....................”
“....................” ไม่มีเสียงสนทนาโต้ตอบกลับมา แต่ใช้แค่สายตาจ้องไอ้คนที่มีเรื่องกับผมแค่นั้นมันก็ทำท่าฮึดฮัดแล้วกลับเข้าไปนั่งที่....
“ ....แล้วพวกมึงจะยืนอีกนานไหม....หรือยากจะเลีย...”
“ แบมแบมไป เร็ว!”
“.....................” คว้าแก้วน้ำที่วางไว้ ก่อนจะถลาเดินตามแรงลากจากไอ้ยูคยอม....วันแรกก็มีปัญหาซะแล้ว ผมจะอยู่ที่นี่รอดรึเปล่า....ถ้าไม่ตายซะก่อนก็คงจะได้กลับไปอยู่กับแม่...ก็ดีเหมือนกัน....
ผมถูกลากออกจากแคนทีนจนถึงม้าหินอ่อนข้างตึกอำนวยการที่ไอ้ยูคยอมมาไล่ผมเมื่อเช้า คงเป็นที่สิงสถิตพวกมันจริงๆ ทุกคนดูตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้กันยกใหญ่....โดยเฉพาะไอ้วินที่ยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาใครซักคน เหมือนรายงานสถานการณ์ให้รู้...เพราะเห็นพูดถึงผมด้วย...
“ แมร่งเอ๊ย กูล่ะลุ้นยิ่งกว่าแมนยูจะถูกพังประตูซะอีก.!”
“.....................”
“ แบมแบม ถ้าไม่จำเป็นอย่าเฉียดพวกมันเด็ดขาด เจอที่ไหนก็ให้ถอยซะ...บอกมันดีไหมวะ!..” ไอ้ยูคยอมหงุดหงิดเหมือนกับอยากเล่าอะไร แต่ก็ชั่งใจ ก่อนจะหันไปถามไอ้ยองแจ
“ เล่าไปเถอะ ยังไงอาจารย์ก็ให้เราดูแลมัน มันก็คงต้องอยู่กลุ่มเราแล้วล่ะ”
“ แบมแบมฟังกูนะ!”
“.......................” ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าขึ้นลง ทั้งที่ผมเป็นคนโดนเองยังไม่ตื่นเต้นเท่าพวกมันเลย...ทุกคนดูหน้าซีด รุกรี้รุกรนแปลก ๆ เหมือนกับพวกนั้นเป็นผี...
“มึงฟังให้ดีนะ....ทุกคนในสถาบันแห่งนี้...ต้องมีแกงค์อยู่...”
“ อืม”
“ แกงค์ในสถาบันเรา มีนับไม่ถ้วน แต่ที่เด่นๆ และมีสมาชิกมากที่สุด คือ แกงค์เพกาซัส หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าเพการ์ อีกแกงค์คือ ยูนิคอน หรือยูนิค ทั้งสองแกงค์รู้ ๆ กันอยู่ว่าแมร่งเจอกันที เดือด ๆ หน่อยต้องมีคนตาย...ไอ้คนที่ห้ามเพื่อนมันตะกี้คือ ไอ้โยเรย์ เป็นลูกพี่ลูกน้อง ของไอ้เจบีหัวหน้าแกงค์ยูนิค ซึ่งเป็นคนเกาหลีเหมือนพวกกู...ใครที่ไม่แกงค์ ไม่มีกลุ่ม .. ส่วนมากจะอยู่ที่นี่ไม่ได้...เวลามีเรื่องมันจะโดนหนัก...เพราะไม่มีใครคุ้มกะลาหัว...แม้กระทั่งตอนกลับบ้าน ต้องมีสายแกงค์ไปดูแลดูหน้าสถาบัน ไม่ให้ขึ้นรถเมล์ผิดสาย...เพราะแต่ละแกงค์ก็จะมีรถเมล์สายที่ขึ้นประจำอยู่...ถ้าหลงไปขึ้นรถเมล์สายแกงค์อื่น โดนจับได้ถูกหาว่าเป็นสปาย โดนยำเละแน่”
“ อืม” แล้วยังไง พวกมันกำลังจะบอกว่าผมต้องเข้าแกงค์....ไม่มีแกงค์แล้วเรียนไม่จบ ขึ้นรถเมล์กลับบ้านไม่ถูก....แล้วคนเกาหลีที่นี่มันมีแต่นิสัยมาเฟียรึไง...
“ แบมแบม มึงช่วยตื่นเต้นกับสิ่งที่กูเล่าหน่อย....”
“ แล้วยังไง พวกมึงจะบอกว่ากูต้องเข้าแกงค์ไหนซักแกงค์ใช่ไหม”
“ ไม่ใช่แกงค์ไหนซักแกงค์ มึงต้องเข้าแกงค์เดียวกับพวกกู” ยองแจเป็นคนตอบคำถาม....ผมว่าทั้งกลุ่ม ไอ้นี่แหละคุยเข้าใจและตรงประเด็นที่สุด...
“ แกงค์อะไร”
“ เพกาซัส”
“ ..................”
“ ตกลงตามนี้นะ กูจะได้บอกพวกเฮียให้รู้ไว้ แล้วช่วยดูแลมึงไง”
“ ไม่ตกลง”
“ทำไมวะ!” พวกมันดูตกใจกับคำตอบผม...ยิ่งอยู่แกงค์ใหญ่เรื่องวุ่นวายยิ่งเยอะไม่ใช่เหรอไง...
“ กูจะไปหาอยู่กลุ่มเล็ก ๆ ละกัน...ถ้าถูกหาเรื่อง อยู่ไม่ได้กูก็ลาออก ไปเรียนที่ใหม่ ถ้าอาชีวะมันอยู่ยากเหมือนกันหมด กูจะยอมไปเรียน ม.4 ใหม่ สายตรงก็ได้..”
“ อะไรของมึงวะแบมแบม!”
“ใจเย็นๆ ให้มันคิดก็ได้...มันไม่ได้ง่ายแค่มึงลาออกก็จะจบหรอกนะ...มันมีอะไรที่มึงไม่รู้อีกเยอะ...กูว่าพ่อมึงคงเส้นใหญ่พอสมควร ถ้าไม่งั้นเขาไม่กล้าส่งมึงมาเรียนที่นี่หรอก เพราะลูกตาสีตาสาข้าราชการปลายแถวธรรมดา แค่คิดว่าจะส่งลูกมาเรียนที่นี่ก็ผิดไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว...”
“ พ่อกูเป็นศิษย์เก่าที่นี่”
“ยิ่งแล้วใหญ่เลย ถ้าเป็นศิษย์เก่าที่นี่ ต้องรู้ระบบของที่นี่อยู่แล้ว...ถ้าไม่พอตัว เขาไม่ส่งมึงมาหรอก...เอางี้...มึงค่อย ๆ กลับไปคิด หรือกลับไปถามพ่อมึงก็ได้ ว่าต้องทำยังไง..ถึงจะอยู่รอดที่นี่...เพราะขนาดลูกชาย ผอ. แท้ยังโดนแทงไส้ไหลมาแล้ว...ถ้าตกลงว่าจะเข้าแกงค์ แกงค์เดียวที่มึงจะเข้าได้คือ เพกาซัส”
“ ทำไมแกงค์พวกมึงมันเข้าง่ายที่สุดหรือไง”
“ผิด สองแกงค์ใหญ่คัดคนยิ่งกว่าสอบเอ็นท์ซะอีก...ถ้าไม่แน่จริง ไม่เจ๋ง ไม่เก่ง ในระดับนึงก็อยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ตะกี้ที่เราต้องถอย เพราะแมร่งมียูนิครุ่นใหญ่อยู่หลายคน... และที่มึงอยู่ได้ไม่ใช่ว่าเพการ์เข้าง่าย แต่เพราะมีพวกกูอยู่...พี่ชายกูเป็นรุ่นใหญ่ของเพกาซัส..”
“ รุ่นใหญ่ ?” ถามไอ้ยองแจที่บอกว่าพี่มันเป็นรุ่นใหญ่....ก็เข้าใจว่าเป็นรุ่นที่มีอำนาจมากที่สุด แต่มากแค่ไหนกัน....
“ รุ่นใหญ่ที่สุดในสถาบัน เพราะเพการ์รุ่นก่อน ๆ ที่จบไปก็มี แต่อย่างว่าพอโตขึ้นก็ต้องทำมาหากิน พวกรุ่นพี่ปวส.2 ช่างยนต์ เลยเป็นเพการ์รุ่นใหญ่ที่ปกครองเต็มตัวตอนนี้...”
“ วิธีสังเกต ว่าใครคือเพการ์รุ่นใหญ่ ให้ไปดูตอนพวกเฮียแกเล่นบาส เพการ์ ปวส.2 จะมีรอยสักรูปเพกาซัสตัวดำปีกดำที่แผ่นหลังกันทุกคน....ส่วนพวกยูนิคก็เป็นรูปยูนิคอนสีดำเหมือนกัน...มันคงเป็นธรรมเนียมสืบต่อกันมา...” ได้หมากพูดเสริมยองแจกับไอ้ยูคยอมที่ผลัดกันเล่าประวัติ แกงค์ พร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง....
“ อืม...เอาไว้ก่อนละกัน ..”
“ ตามใจมึง...อาทิตย์หน้า รุ่นใหญ่ เพการ์ กับ ยูนิค จะแข่งบาสกัน...ไปยลโฉมก่อนก็ได้...ระหว่างนี้ก็อย่าไปไหนไกลพวกกูละกัน ขี้เกียจไปตามเก็บศพ”
“เฮ่อ! อืม เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก”
ดูเหมือนว่าความตั้งใจของผมที่มีก่อนเข้าเรียนที่นี่ว่าจะรีบจบ รีบหางานทำ จะได้อยู่ได้ด้วยตัวเองซักที มันดูจะหม่นลงหน่อย ๆ เพราะคำบอกเล่าถึงกิตติศัพท์ของสถาบันแห่งนี้....ถ้ามันร้ายแรงจริงๆ ทำไมพ่อต้องส่งผมมาเรียนด้วย...
...หรือพวกนี้มันจะโม้เกินความจริง.....
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ชี้แจง : บางคนอาจจะคุ้นเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่เราแต่งลงบอร์ด Thaiboysloves โดยใช้นามปากกาว่า Eye_Lover แต่ยังไม่จบ จึงนำมารีไรท์เป็นฟิค คู่ชิพที่เราชอบ และพร้อมที่จะแต่งต่อจนจบ มันเป็นเรื่องของเราเองค่ะ ไม่ได้ไปก๊อปใครมาลง
ความคิดเห็น